อานิสงส์การฟังธรรมะก่อนนอน ความสุขที่แท้จริง

อานิสงส์การฟังธรรมะก่อนนอน ความสุขที่แท้จริง


อานิสงส์การฟังธรรมะก่อนนอน ความสุขที่แท้จริง

 การฟังธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดี  ผู้ที่ได้ฟังธรรมเป็นประจำ ย่อมมีโอกาสได้รับธรรมะจากคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มากก็น้อย การฟังธรรมะก่อนนอนนั้นได้บุญได้อานิสงส์ และเป็นการเตรียมตัวเพื่อปล่อยวางจากความทุกข์และความเหนื่อยล้าต่างๆ เมื่อจิตใจได้สงบลงจากอานิสงส์ของการฟังธรรมะ เราก็จะตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความแจ่มใส สดชื่น เบิกบาน และเตรียมพร้อมในการดำเนินชีวิตประจำวันต่อไป

 การเปิดธรรมะฟังเบาๆก่อนนอนจนเผลอหลับไป อย่างน้อยในช่วงแรกของการฟัง เราจะยังได้รับฟังธรรมะและได้เรียนรู้คำสอนอยู่บ้างเป็นการขัดเกลาจิตใจตัวเองก่อนเข้านอน เสียงสวดมนต์หรือเสียงการบรรยายธรรมนั้น เป็นทำนองที่ราบเรียบ เป็นช่วงของคลื่นเสียงที่ฟังแล้วทำให้เรารู้สึก สุข สงบ สบายใจ และช่วยให้นอนหลับได้อย่างผ่อนคลาย ร่างกายรู้สึกปลอดภัยและได้รับการพักผ่อนเต็มที่

 ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น นั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้าม นอนฟังปล่อยให้หลับไปเลยก็ดี ฟังไม่ทันจบก็หลับไปเลยก็ดี มันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่การฟังธรรม หากต้องการให้ได้ประโยชน์ที่สุดคือการฟังขณะจิตตื่น จิตนิ่ง และจิตสงบ คือ การใช้ความรู้สึกของเราไว้ที่ตรงนั้น ไม่ต้องส่งจิตออกไปภายนอก ให้รู้สึกอยู่กับตัวของเราเอง ไม่ไปคาดหมายปรุงแต่งอะไร รือตีความหมายอะไรให้มากมาย เพราะในขณะที่ฟังจิตของเราย่อมได้รับความสงบ และจิตที่สงบจะเกิดความสงบ ในขณะที่ฟังเทศน์ การฟังธรรมเพื่อให้เกิดบุญบารมี ต้องอยู่ในภาวะที่จิตสงบพร้อมที่จะรับฟัง 

บางคนก็ชอบเปิดฟังธรรมก่อนนอน รู้สึกลื่นหู และทำให้หลับสบาย แต่ก็เกิดความสงสัยว่า การนอนฟังธรรมแล้วเผลอหลับไปจะได้บุญมั้ย? หรือจะเป็นบาปหรือป่าว ลองมาฟังคำตอบ

 หากนอนฟังธรรมจนหลับ แสดงว่า ธรรมะทำให้จิตใจสงบแล้วก็เข้าภวังค์ไปเลย ซึ่งจะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ได้ ที่ว่าดี เพราะจิตสงบร่างกายได้รับการพักผ่อนเต็มที่ ที่ว่าไม่ดี เพราะเป็นการสร้างนิสัย ต่อไป พอไปฟังธรรมะที่ไหนหรือจิตสงบเมื่อใด มันจะเกิดอาการง่วงได้ง่าย คนที่ฟังธรรมด้วยความเคารพ ชาติก่อนเคยเป็นนักปราชญ์ ราชบัณฑิต จึงสนใจ และเอาใจจดจ่ออยู่กับการฟังตลอดเวลา มีความกระตือรืนร้นในทางก้าวหน้าอยู่เสมอ จึงฟังด้วยความสุขใจ เอิบอิ่มใจอย่างยิ่ง การฟังธรรมจึงควรฟังด้วยความเคารพ ตั้งใจ ตริตรอง หรือจะนอนฟังก็ได้ แต่ถ้านานไปจนฟังเพื่อหลับง่าย เราจะได้ประโยชน์ที่ดีที่สุดจากธรรมะได้อย่างไร 

ในธัมมัสสวนสูตร กล่าวว่า การฟังธรรมะมีอานิสงส์ 5 อย่าง คือ
1.ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง และได้เรียนรู้สิ่งที่ยังไ่ม่เคยเรียนรู้
2.สิ่งที่เคยได้ฟังแล้ว ทำให้เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
3. สามารถแก้ข้อข้องใจ บรรเทาความสงสัยในเรื่องนั้นๆได้
4.ทำความเห็นให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
5.จิตใจย่อมผ่องใส คือ สะอาด สงบ และสว่าง

พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก การได้ยิน ได้ฟังธรรมะก็เป็นของยาก ถึงแม้ในสมัยนี้จะมีการแสดงธรรมอยู่อย่างสมํ่าเสมอ แต่ความยากนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าไม่มีการแสดงธรรม ความยากนั้นอยู่ที่ใจของคนที่ไม่อยากจะฟังธรรมต่างหาก เพราะในใจคนส่วนใหญ่ยังมีกิเลสครอบงำอยู่ กิเลสนี้ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นเหมือนกับก้อนเมฆก้อนใหญ่ๆ ส่วนธรรมะของเปรียบเหมือนกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ถ้าดวงอาทิตย์ถูกก้อนเมฆมาบดบังไว้ แสงสว่างของดวงอาทิตย์ก็ไม่สามารถที่จะฉายลอดออกมาได้ ฉันใด จิตใจของผู้มีกิเลสหนา ถูกปกคลุมหุ้มห่ออยู่จะเป็นจิตใจที่ไม่ชอบฟังธรรมะ

 ลองถามตัวเราเองดูซิว่าปีนึงๆ เราฟังธรรมะมากน้อยซักเพียงใด ทั้งๆที่ธรรมะก็มีอยู่ทั่วไป เดี๋ยวนี้ก็มีธรรมะไปถึงบ้าน เปิดวิทยุฟังได้ โทรทัศน์ก็มีการแสดงธรรมกัน แต่ส่วนใหญ่เวลาโทรทัศน์ช่องไหนมีการแสดงธรรมคนดูมักจะย้ายช่องกัน นี่จึงทำให้ยากขึ้นมา ทั้งๆที่ธรรมะเป็นของประเสริฐ ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดบนโลก เมื่อเปรียบเทียบถึงคุณค่าของธรรมะแล้ว ไม่มีอะไรจะมีคุณค่ายิ่งกว่าหรือดีเท่ากับธรรมะ แม้แต่ชีวิตของตัวเราเองนั้น พระพุทธเจ้าก็ยังทรงสอนให้สละเพื่อรักษาธรรมะ เพราะธรรมะจะเป็นสิ่งที่ดูแลรักษาจิตใจให้เจริญรุ่งเรือง ให้ไปสู่สุคติ ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ชีวิตที่ปราศจากธรรมะนั้นอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์ 

 เพราะจิตใจที่ขาดธรรมะก็จะเป็นจิตใจที่มีความรุมร้อน มีแต่ความทุกข์ มีแต่กองเพลิงที่คอยเผาผลาญอยู่เสมอ ถ้ามีชีวิตอยู่โดยที่ไ่ม่มีธรรมะก็สู้ไม่มีเสียดีกว่า ดั่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้รักษาธรรมยิ่งกว่าชีวิต ถ้าจะต้องตายเพื่อรักษาศีล ก็ให้ตายไปดีกว่าที่จะเสียศีล แต่บางคนกลับคิดตรงกันข้าม คิดว่าชีวิตนี้สำคัญจะต้องรักษาให้ได้ด้วยทุกวิถีทาง ถ้าจะต้องลักขโมยอาหารมาก็จะลักขโมยมา ถ้าจะต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ยิงนก ตกปลา เพื่อจะได้อาหารมาเลี้ยงชีพก็จะทำ  นี้ก็เกิดจากจิตใจที่มีกิเลสความมืดบอดครอบงำนั้นเอง ทไให้ได้รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีคุณค่าแก่ชีวิต แต่กลับเห็นชีวิตเป็นที่มีคุณค่ากว่าศีลธรรม แต่หารู้ไหมว่า อยู่แบบไม่มีศีลธรรมนั้น ก็จะเป็นมนุษย์ได้เพียงชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากที่ตายไป จิตใจที่ไม่มีศีลธรรมนั้นย่อมต้องกลายเป็นเดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นสัตว์นรก ไปตามเหตุปัจจัย คือ การทำบาปทำกรรมนั้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ปุถุชนธรรมดาอย่างเรา อย่างท่านที่มีกิเลสตัญหาครอบงำจิตใจจะรู้เห็นได้ เพราะไม่มีดวงตาเห็นธรรม อย่างพระพุทธเจ้า อย่างอรหัตต์สาวกทั้งหลาย ท่านได้ปฎิบัติชำระกำจัดกิเลสตัญหา อวิชชา โมหะ ความมืดบอดที่ครอบงำจิตใจจนหมดสิ้น ทำให้ทรงรู้ทรงเห็นในสิ่งต่างๆ ที่บุคคลที่มีกิเลสตัญหา โมหะ อวิชชาครอบงำอยู่ไม่สามารถเห็นได้ คือ ทรงเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นมรรคผลนิพพาน เห็นการเวียนว่ายตายเกิด เห็นกรรมเห็นวิบาก เห็นว่าสัตว์ชนิดนี้ บุคคลชนิดนี้ ทำกรรมชนิดนี้ จะต้องไปเกิด ไปเสวยวิบากกรรมชนิดนี้ๆ เป็นต้น 

 ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนเป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วค่อยดับไปเป็นธรรมดา เวลาได้มาก็ดีอกดีใจ แต่เวลาสูญเสียไปนี่ นํ้าตาแทบกระเด็น ร้องห่มร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ บางคนถึงกับไม่สามารถทนอยู่ต่อไป ต้องทำร้ายชีวิตของตนเอง เพราะไปหลงติดอยู่กับสิ่งที่เป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา นั้นเอง เพราะไม่มีแสงสว่างแห่งธรรม ไม่มีธรรมะมาคอยกระซิบ คอยบอกคอยเตือน คอยเหนี่ยวรั้งจิตใจ แต่สิ่งที่จิตใจต้องการนั้น คือ ความสงบปราศจากความวุ่นวายกับเรื่องราวต่่างๆจึงต้องแสวงหาที่สงบ สงัด วิเวก ต้องออกจากบ้าน จากเรือน เพราะอยู่ในบ้านในเรือนมีแต่เรื่องวุ่นวายต่างๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น หมดเรื่องนี้ ก็มีเรื่องนั้นเข้ามา หมดเรื่องนั้นก็มีเรื่องนี้เข้ามา เพราะเมื่ออยู่กับคนแล้วก็ต้องเป็นอย่างงี้ เพราะคนนี้แหละ เป็นตัวยุ่งที่สุด คนที่มีกิเลสนี้เป็นตัวยุ่งมีปัญหามาก เพราะไ่รู้จักคำว่าพอนั้นเอง ความสุขที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า นะติ สันติ ปะรัง สุขขัง สุขอื่นใดเสมอความสุขที่เกิดจากความสงบนั้นไม่มีในโลกนี้ จงอย่าไปหาอะไรในโลกนี้เลย อย่าไปคิดว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้มีความวิเศษวิโส ตามที่กิเลสตัญหาคอยกระซิบ ต้องเอาธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า มากระซิบใจ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ประเสริฐ เลิศโลก ก็คือความสุขที่เกิดจากการปฎิบัติธรรม ความสุข ที่เกิดจากความสงบนี้เอง เพราะฉะนั้น อย่าไปยึด อย่าไปติด อย่าไปอาศัยเงินทองมากจนเกินเหตุ อาศัยเท่าที่จำเป็น พอซื้ออาหารมากินก็พอแล้ว ส่วนอื่นๆอย่าไปสนใจ เรื่องจะเอาเงินไปเที่ยวที่นู้นที่นี้ เอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ ซื้อแก้วแหวนจินดา เพชรนิลจินดา หรือ สิ่งต่างๆอะไรนั้น อย่าไปหลงอยาก อย่าไปหลงทำเลย เพราะเมื่อทำไปแล้วจะติดเป็นนิสัยฟุ่มเฟือยมา เวลาไมได้ทำจะเกิดความทุกข์ขึ้นมา แต่ถ้าฝึกหัดอยู่อย่างเรียบง่าย อยู่อยากมักน้อย สันโดษเอาเท่าที่จำเป็น ก็จะไม่ทุกข์ ไม่เดือนร้อน ไม่วุ่นวายใจร่างกายต้องการอะไรมากน้อยเพียงไร ก็เอาเท่านั้นก็พอ แต่ถ้ารู้จักใช้แบบประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็นแล้วรับรองได้ว่าจะมีเงินทองเหลือใช้ จะไม่เดือนร้อนกับเรื่องเงินทอง แล้วจะมีเวลาไปปฎิบัติธรรม ทำจิตใจให้สงบ แทนที่จะต้องเสียเวลาไปกับการทำมาหากิน หาเงิน หาทอง ให้ได้เงินได้ทองมาแล้วก็ต้องเสียเวลาไปกับการใช้เงินใช้ทองอีก เลยไม่มีเวลามาทำจิตใสจให้สงบสุข ไม่มีเวลามาปฎิบัติธรรมจิตใจจึงมีแต่ความหิว ความกระหาย เพราะไม่ได้ฟังธรรม และปฎิบัติธรรม เพราะการฟังธรรมเป็นของยากนั้นเอง

 การฟังธรรมเปรียบเสมือนการสร้างถํ้าให้แก่จิตใจ ถ้าท่านสร้างถํ้าไว้ในจิตใจอนู่ด้วยความสงบ ฟังไปก็เกิดความรู้ ความดี มีพลัง และปัญญา อานิสงส์หรือผลดีอันเกิดจากการฟังนั้นมีประโยชน์มากมาย หลายสถาน เช่น ทำให้ได้ฟังเรื่องใหม่ บางเรื่องที่ยังไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟังมาก่อน ได้ใส่ใจในเรื่องเก่า ทบทวนคิดถึงอดีตชีวิตที่ผ่านมา บรรเทาความกังขา ปิดประตู ความกังวนสงสัยเสียได้ เป็นสัมมาทิฐิไม่เข้าใจสิ่งใดในทางที่ผิด มีสติมั่นคง มีสติดี สิ่งสำคัญที่สุด การฟังธรรมต้องมีหลัก 3 ประการ คือ ตั้งใจฟัง ตั้งใจทำ และตั้งใจนำไปปฎิบัติ ท่านจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะบางคนก็ไม่ตั้งใจจำ ไม่ตั้งใจฟัง ไม่ตั้งใจปฎิบัติ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ทิ้งไป ถ้าฟังได้ประโยชน์ทษไม่มี ฟังดีย่อมมีปัญญา หากฟังไปหลับไป หรือคุยกัน ผลสุดท้ายไม่รู้เรื่อง จำไม่ได้ และไม่รู้จะเอาอะไร เป็นข้อปฎิบัติ ผู้ที่ฟังได้ผลไม่เท่ากัน บางคนตั้งแต่ต้นกำหนดจดจำนำไปปฎิบัติแน่นอน บางคนก็สับสนชนปลายไม่เข้าใจในการฟัง นี้แหละท่านสาธุชนทั้งหลายไม่ใช่ขะเข้าใจทุกคนไม่ใช่รู้ทุกคน  ต้องหมั่นฟัง หมั่นจด สิ่งใดงามอย่างได้งด หมั่นจด หมั่นจำ เป็นตำราเอาตาชั่ง เข้ามาดู เอาตาชูเข้ามาช่าง ไม่ใช่ฟังแล้วทิ้งไปเลยไม่ได้เรื่อง จุดประสงค์ของการฟังก็เพื่อดูแล้วนำไปคิด เพื่อใครครวญปัญญา ว่าถูกต้อง สอดคล้องด้วยเหตุผลก็นำไปใช้ได้นำเอาไปใช้ประโยชน์ หลีกเลี่ยงที่เป็นโทษต่อชีวิต

บัญฑิตท่าน กล่าวไว้ว่า ผู้แล้วคิด พิชิตศัตรู รู้แล้วเงียบได้เป็นศัตรู รู้แล้วปฎิบัติ ขจัดศัตรู รู้แล้วทำหยิ่งจะยิ่งยั่วศัตรู รู้มากไม่ปฎิบัติธรรมไม่มีกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อชีวิต ก็ไม่มีประโยชน์อันใด

บทสวดมนต์ก่อนนอนนับเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขขึ้นได้ โดยที่ในแต่ละวัน เราต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องที่ทำให้ชีวิตเป็นสุขไปจนถึงเรื่องราวแย่ๆ ที่ทำให้ชีวิตวุ่นวาย เมื่อกลับถึงบ้าน เราต่างก็ต้องการเวลา พักผ่อนอยากนอนหลับสบายเพื่อลืมเรื่องราวแย่ๆ การท่อบทสวดมนต์ก่่อนนอนจะช่วยให้เรามีสมาธิจิตใจสงบ ผ่องใสอีกทั้งยังเป็นการแผ่ส่วนบุญ ส่วนกุสล ที่ได้ทำมาในแต่ละวันให้กับเพื่อนมนุษย์ หรือ สรรพสัตว์ต่างๆ บนโลก เมื่อเรามีสามาธิ จิตใจเย็นลง จะทำให้เรานอนหลับสบาย ตื่นเช้ามาจะรู้สึกสดใสพร้อมที่จะสู้ไปกับงานหรือการเรียนได้อย่างมีความสุข ซึ่งในบทสวดมนต์ก่อนนอนนั้นไม่ว่าจะเป็นบทใดก็ตามล้วนแล้วแต่มีอานุภาพในตัวเองอย่างมากมายอีกทั้งยังแผงไปด้วยข้อคิดดีๆ ที่จะเป็นหลักนำทางให้เราดำเนินชีวิตในทุกๆวันไปอย่างราบรื่น ฉะนั้น การสวดมนต์ก่อนนอนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งปฎิบัติทุกวัน ก็จะส่งผลที่ดี ในเรื่องสมาธิ ปัญญา ทำให้ใจของเราสามารถพิจารณา เรื่องราวต่างๆได้อย่างละเอียดรอบคอบ และใจเย็นมากขึ้น ก่อนเริ่มการสวดมนต์ก่อนนอน เราจะต้องทำสมาธิ และจิตใจ แน่วแน่ จดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ไม่เอาใจไปตามสิ่งรบกวน รอบข้าง หรือ ถ้าหากใครไม่สามารถทำได้อาจลองสวดมนต์ช้าๆเป็นจังหวะ ให้ระลึกถึง องค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าหากการปฎิบัติสำเร็จและเป็นประจำสมํ่าเสมอก็จะส่งผลดีต่อตัวเราเป็นอย่างมากในทุกด้าน เริ่มทำกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย คนในสมัยพุทธกาลให้ความสำคัญ แก่การฟังธรรมอย่างมาก โดยไม่ให้เรื่องอื่นๆมาเป็นอันตรายต่อการฟังธรรม ในปัจจุบันนี้เราอาจจะรู้สึกว่า การฟังธรรมนั้น หาโอกาสได้ง่าย เพราะสามารถฟังได้จากอินเตอร์เน็ต หรือ แอพพลิเคชัน ในหลายช่องทาง แต่ในความเป็นจริง หากเราพิจารณาระยะเวลาตลอดสังสารวัฎแล้ว เราย่อมเห็นได้ว่าการได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้านี่ เป็นโอกาสสที่ยากยิ่ง ดั่งที่เราจะได้เห็นว่าคนในสมัยพุทธกาลได้ให้ความสำคัญแก่การฟังธรรม และไม่ยอมให้เรื่องอื่นๆมาเป็นอันตรายแก่การฟังธรรม ในเมื่อเราได้มีโอกาสอันดีแล้ว เราจึงไม่ควรปล่อยโอกาสอันดีนี้ ผ่านเลยไปจึงควรที่จะแบ่งเวลาเพื่อฟังธรรมตามที่สมควร แก่ธรรม

บรรยายโดย : ธรรมะดีดี


ธรรมะที่คล้ายกัน

มีปัญหาอย่าถอยหนี
เสียงธรรมเทศนา "หลวงพ่อไพศาล วิสาโล"หัวข้อธรรมเรื่อง มีปัญหาอย่าถอยหนีเทศน์โปรดญาติโยม ณ วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ     วันนี้ได้อ่านหนังสือพิมพ์ได้เจอข่าวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากกรรมต่างวาระกัน เช่น รถชน รถควํ่า อย่างที่ได้ยินในช่วงปีใหม่ ถ้าเราพิจารณาข่าวเหล่านี้ ...
ธรรมะสอนใจ
ธรรมะสอนใจ  ธรรมะเช้านี้ 4 ข้อ อย่าได้แชร์จนชั่ว อย่ารัวไลค์จนบ้า  อย่าคอมเม้นด่าจนชิน เพราะ พ.ร.บ. หมิ่นประเทศนี้มีอยู่จริง เช้านี้ได้กล่าว 4 เรื่อง เมื่อเราท่านทั้งหลาย วันนี้เมื่ออยู่กับโลกโซเซียลมีเดียซึ่งมันเป็นโลกจำลองของจริง แต่ก็มีอิทธิพลต่อความคิดของคนและสุขทุกข์เมื่อได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับมัน ...
การอยู่แบบมีความสุขภายในจิตใจ
การอยู่แบบมีความสุขภายในจิตใจ  ในสังคมปัจจุบันซึ่งมีการแข่งขันกันสูง ทำให้เราต้องรีบเร่งทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะและรับผลสำเร็จ สิ่งนั้นนำมาซึ่งความเครียดมากมายมหาศาล ตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนชรา เป็นบ่อนทำลายทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายรวมทั้งยังทำให้สังคมเป็นมลพิษ คนสมัยนี้มีความเครียดกันมากขึ้น เหตุผลหนึ่งก็คือการตกหลุมพลางแห่งความสำเร็จทางวัตถุ คนทุกวันนี้มองความสำเร็จไปที่วัตถุสิ่งของ ตำแหน่งหน้าที่ การงาน เรื่องผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินและไขว้คว้าหาวัตถุมากขึ้น ที่ต้องการตอบสนองตัวเองทางวัตถุเพิ่มสูงขึ้น ถ้าหากว่าเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ความเครียดก็จะน้อยลง แต่ไปไม่เป็นอย่างนั้น ...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *