เซต คือ กลุ่มของสิ่งต่างๆ
เรียกสิ่งที่อยู่ในเซต ว่า สมาชิก
นิยมแทนเซตด้วยอักษรตัวใหญ่ เช่น A ,B ,C, D… 
 และเขียนสมาชิกของเซตให้อยู่ใน {}    (วงเล็บปีกกา)
หากมีสมาชิกมากกว่า 1 ตัว ให้ใช้ , คั่น
เราจะเขียนชื่อ  เซต = {สมาชิก}
เครื่องหมาย
 หมายถึง เป็นสมาชิก
 หมายถึง ไม่เป็นสมาชิก
ตัวอย่าง
ถ้า A คือเซตของวันใน 1 สัปดาห์
จะได้ A = {วันอาทิตย์,วันจันทร์,วันอังคาร,วันพุธ,วันพฤหัสบดี,วันศุกร์,วันเสาร์}
ซึ่งเซต A มีสมาชิก 7 ตัว คือ 
วันอาทิตย์      ∈ A   (วันอาทิตย์ เป็นสมาชิกของเซต A)
วันจันทร์         A 
วันอังคาร        A 
วันพุธ              A
วันพฤหัสบดี     A
วันศุกร์             A
วันเสาร์            A
มกราคม           A  (มกราคม ไม่เป็นสมาชิกของเซต A)
การเขียนเซต
สามารถเขียนได้ 2 แบบ 1. แบบแจกแจงสมาชิก และ 2 . แบบบอกเงื่อนไข
แบบแจกแจงสมาชิก คือ เราสามารถทราบได้เลยว่ามีสมาชิกกี่ตัว เช่น
A = {3,5,7,9}
จะได้ว่า
3  A
5  A
7  A
9  A
2  A
4  A
แบบบอกเงื่อนไข เช่น
B = {  B  (เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ มากกว่า 2 และ เป็นจำนวนคู่)
6  B  (เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ มากกว่า 2 และ เป็นจำนวนคู่)
100  B    (เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ มากกว่า 2 และ เป็นจำนวนคู่)
2020  B  (เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ มากกว่า 2 และ เป็นจำนวนคู่)
2  B     (ไม่เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ ต้องมากกว่า 2 และ เป็นจำนวนคู่)
321  B  (ไม่เป็นสมาชิกของเซตB เพราะ มากกว่า 2  แต่ไม่เป็นจำนวนคู่)
จำนวนสมาชิก
จำนวนสมาชิกของเซต A สามารถเขียนแทนด้วย n(A) หรือ   โดยที่ตัว A สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ ถ้าเป็นสมาชิกของเซต B เราก็สามารถเขียนได้ว่า n(B) หรือ 
เซตที่มีจำนวนสมาชิกมากจนไม่สามารถนับได้ เรียกว่า เซตอนันต์ เช่น จำนวนเม็ดทราย
เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ เรียกว่า เซตจำกัด เช่น จำนวนนักเรียนภายในห้อง
เซตที่มีจำนวนสมาชิก 0 ตัว เรียกว่า เซตว่าง สามารถเขียนแทนด้วย {} ,   
สัญลักษณ์ที่ควรทราบ
     เซตของจำนวนนับ ได้แก่ 1,2,3,4,…..
 หรือ 
     เซตของจำนวนเต็ม ได้แก่ ….. , -3,-2,-1,0,1,2,34,….
                   เซตของจำนวนเต็มบวก(เหมือน 
) ได้แก่ 1,2,3,4,5,…..
                    เซตของจำนวนเต็มศูนย์                  ได้แก่ 0
                   เซตของจำนวนเต็มลบ                     ได้แก่ -1,-2,-3,-4,-5,….
     เซตของจำนวนตรรกยะ (เขียนในรูป  
 ได้)        (จำนวนเต็ม Integer)
        ได้แก่ 5 ,  , 
 , 
 , 
    เซตของจำนวนอตรรกยะ (เขียนในรูป 
 ไม่ได้) 
        ได้แก่  , 
 , 
 
 , 
     เซตจำนวนจริง
        ได้แก่  
 , 
 , 
  
 , 
U     เอกภพสัมพัทธ์ คือ ขอบเขตที่เราสนใจ
       หากโจทย์ไม่ได้กำหนดจะถือว่าเอกภพสัมพันธ์เป็นเซตที่ใหญ่ที่สุด คือ จำนวนจริง
การเท่ากันของเซต
เซตจะเท่ากันก็ต่อเมื่อมีจำนวนสมาชิกเท่ากันและจำนวนสมาชิกต้องเหมือนกันทุกตัว
โดยจะเรียงแบบไหนก็ได้ ซึ่งสมาชิกที่ซํ้ากันจะนับแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ตัวอย่าง
ให้ 
A=B หรือไม่?
         เซต A ไม่เท่ากับเซต B เพราะถึงแม้ว่าจำนวนสมาชิกจะเท่ากัน แต่สมาชิกภายในเซตบางตัวไม่เหมือนกัน
A=C หรือไม่?
        เซต A เท่ากับเซต C เพราะมีจำนวนสมาชิกเท่ากันและสมาชิกภายในเซตทุกตัวเหมือนกัน
สับเซต
 หมายถึง เป็นสับเซต
 หมายถึง ไม่เป็นสับเซต
A เป็นสับเซตของ B เขียนแทนด้วย 
    หมายความว่าสมาชิกทุกตัวในเซต A เป็นสมาชิกในเซต B
เซตว่าง เป็นสับเซตของ ทุกเซต เซตทุกเซตจะเป็นสับเซตของตัวมันเอง
ตัวอย่าง
จงหาสับเซตทั้งหมดของ D = {ก,ข}
     ตอบ สับเซตทั้งหมดของ D คือ  , {ก} , {ข} , {ก,ข}
A = {2 , 4 , 6} และ B = {1 , 2 , 3, 4 , 5 , 6]  เพราะสมาชิกทุกตัวในเซต A เป็นสามาชิกในเซต B
C = {1 , 2 , 7} และ B = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6} เพราะสมาชิกบางตัวในเซต C ไม่เป็นสมาชิกในเซต B 
จำนวนสมาชิกในเซต คือ n(A)
จำนวนสับเซตคือ 2n(A) คือการเอา 2 มายกกำลังกับ จำนวนสมาชิกของเซตนั้น เช่น D = {ก,ข} เซต D มีสมาชิก 2 ตัว ดังนั้นสับเซตของเซต B จะเท่ากับ 22 = 4 ดังนั้นสับเซตของเซต B จะต้องมีสมาชิกทั้งหมด 4 ตัว
การดำเนินการของเซต

เพาเวอร์เซต
คือ เซตของสับเซตทั้งหมด
เพาเวอร์เซตของ A เขียนแทนด้วย P(A) ซึ่งทุกเพาเวอร์เซตจะมี  และตัวมันเองเป็นสมาชิก
สรุปง่ายๆ เพาเวอร์คือการเอา สับเซตทั้งหมดมาใส่ในเซต { สับเซตทั้งหมด }
ตัวอย่าง
ให้ D = {ก,ข}
สับเซตทั้งหมดของ D คือ  , {ก} , {ข} , {ก,ข}
ดังนั้น P(D) = {, {ก} , {ข} , {ก,ข} }
ควรรู้
{a , b}  P(A) หมายความว่า { a , b } 
 A  
{ a , b }  A  หมายความว่า a 
 A และ b 
 A
ถ้า a , b เป็นสมาชิกของสับเซต A หมายความว่า a , b ต้องเป็นสับเซตในเซต A ด้วย
 คือ a ต้องเป็นสมาชิกใน A และ b ต้องเป็นสมาชิกใน A ด้วย

โจทย์เรื่องเซต
โรงเรียนแห่งหนึ่งสำรวจความชอบของนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมค่าย ซึ่งประกอบด้วยฐานวิทยาศาสตร์ และ ฐานคณิตศาสตร์  พบว่า
   มีนักเรียนร้อยละ 9 ไม่ชอบกิจกรรมทั้งสองฐาน
   มีนักเรียนร้อยละ 61 ชอบกิจกรรมฐานวิทยาศาสตร์
   มีนักเรียนร้อยละ 35 ชอบกิจกรรมทั้งสองฐาน
ถ้ากลุ่มนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายนี้มา 1 คน แล้วความน่าจะเป็นที่นักเรียนคนนี้ชอบกิจกรรมฐานคณิตศาสตร์เท่ากับเท่าใด
ฐานวิทยาศาสตร์ คือ เซต A
ฐานคณิตศาสตร์ คือ เซต B
(เอกภพสัมพัทธ์) U = 100 (100 เอามาจากร้อยละ)
มีนักเรียนร้อยละ 9 ไม่ชอบกิจกรรมทั้งสองฐาน
U = 100  – 9 =  = 91 
มีนักเรียนร้อยละ 61 ชอบกิจกรรมฐานวิทยาศาสตร์ = n(A) = 61
 มีนักเรียนร้อยละ 35 ชอบกิจกรรมทั้งสองฐาน =  = 35
n(A) –  = 26
ความน่าจะเป็นที่นักเรียนคนนี้ชอบกิจกรรมฐานคณิตศาสตร์เท่ากับเท่าใด = n(B)
 – n( A – B ) = n(B)
       91       –        26     = 65
ความน่าจะเป็น 
 

ให้ A , B และ C เป็นเซตใดๆ พิจารณาข้อความต่อไปนี้
     (ก) ถ้า  และ 
 แล้ว 
     (ข) 
     (ค) ถ้าเซต A มีสมาชิก 9 ตัว เซต B มีสมาชิก 7 ตัว และ เพาเวอร์เซตของเซต A – B สมาชิก 32 ตัว แล้วเพาเวอร์เซตของเซต B – A มีสมาชิก 16 ตัว
ข้อใดถูกต้อง
1 ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) ถูก แต่ ข้อ (ค) ผิด
2 ข้อ (ก) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ข) ผิด
3 ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูก แต่ ข้อ (ก) ผิด
4 ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ถูกทั้งสามข้อ
5 ข้อ (ก) และ ข้อ (ข) และ ข้อ (ค) ผิดทั้งสามข้อ
(ก) ถ้า  และ 
 แล้ว 
  แสดงว่าเซต B และ เซต C ต้องไม่มีสมาชิกร่วมกัน จึงกำหนดเซต
B = {1} , C = {2} ,  A = {1}
  A เป็นสับเซตของ 
  แสดงว่า A จะเป็นเซต 1 หรือ 2 หรือ 1,2 ก็ได้ จึงกำหนดให้ A = {1}
 
         ไม่มีสมาชิกร่วมกันจึงได้เซตว่าง
เซตว่างมีค่าเท่ากับเซตของ 1 จริงมั้ย ไม่จริง เพราะว่าเซตว่างมีจำนวนสมาชิกเท่ากับ 0 ตัว
ดังนั้นข้อ ก. ผิด
(ข) 
โจทย์ที่เป็นสับเซตเราจะตรวจสอบว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า เราก็ต้องกำหนดเซตสมาชิกของเซตให้มันขัดแย้งกับโจทย์
กำหนดให้     ,  A = {1} , C = {2}
          
                  
                        {1}                 
เซตของ 1 เป็นสับเซตของเซตว่างจริงมั้ย ไม่จริง เพราะเซตว่างไม่มีสมาชิก
ดังนั้นข้อ ข. ผิด
(ค) ถ้าเซต A มีสมาชิก 9 ตัว เซต B มีสมาชิก 7 ตัว และ เพาเวอร์เซตของเซต A – B สมาชิก 32 ตัว แล้วเพาเวอร์เซตของเซต B – A มีสมาชิก 16 ตัว
ถ้าเซต A มีสมาชิก 9 ตัว n(A) = 9
เซต B มีสมาชิก 7 ตัว n(B) = 7 
เพาเวอร์เซตของเซต A – B สมาชิก 32 ตัว n(P(A – B)) = 32 
สูตรคำนวณจำนวนคร่าวๆเพาเวอร์เซต
ยกตัวอย่าง
n(A) = 9
n(P(A)) =เอา 2 ยกกำลังกับ n(A) ส่วน 9 ด้านบนมาจากจำนวนสมาชิกของเซตนั้นๆ
n(P(A – B)) = 32 = 25 
n(A-B) = 5
n(B-A) = 3
n(P(B-A)) = 2n(ฺB-A)
= 23 = 8
ดังนั้นข้อ (ค.) เพาเวอร์เซตของเซต B – A มีสมาชิก 16 ตัว ผิด

ให้  และ 
ให้่  และ 
 เป็นโดเมน และเรนจ์ของ 
 ตามลำดับ พิจารณาข้อความต่อไปนี้
   (ก)  เป็นฟังก์ชัน
   (ข) จำนวนสมาชิกของเซต  เท่ากับ 3
   (ค) 
ข้อใดถูกต้อง
1. ข้อ (ก) ถูกเพียงข้อเดียว
2. ข้อ (ข) ถูกเพียงข้อเดียว
3. ข้อ (ค) ถูกเพียงข้อเดียว
4. ข้อ (ก) ข้อ (ข) ข้อ (ค) ถูกทั้งสามข้อ
5. ข้อ (ก) ข้อ (ข) ข้อ (ค) ผิดทั้งสามข้อ
   
| x | -3 | -2 | -1 | 0 | 1 | 2 | 3 | 
| y | 1 | 0 | -1 | -2 | -1 | 0 | 1 | 
 = 1
 = 0
 = -1
 = -2
 = -1
 = 0
 = 1
จับคู่ลำดับ x , y
r = { (-3 , 1) , (-2 , 0) , (-1 , -1) , (0 , -2) , (1 , -1) , (2 , 0) , (3 , 1) }
r-1  = { (1 , -3) , (0 , -2) , (-1 , -1) , -2 , 0) , (-1 , 1) , (0 , 2) , (1 , 3) }
มีการซํ้ากันในค่า y ฉะนั้นข้อ (ก)  เป็นฟังก์ชัน จึงผิด
*การที่มันจะเป็นฟังก์ชันได้ ก็แสดงว่า x จะต้องมีคู่อันดับ y เพียงตัวเดียว
(ข) จำนวนสมาชิกของเซต  เท่ากับ 3
มาดูว่า มีสมาชิกตัวไหนที่มันมีทั้งใน r และ r-1
r = { (-3 , 1) , (-2 , 0) , (-1 , -1) , (0 , -2) , (1 , -1) , (2 , 0) , (3 , 1) }
r-1  = { (1 , -3) , (0 , -2) , (-1 , -1) , (-2 , 0) , (-1 , 1) , (0 , 2) , (1 , 3) }
แสดงว่า (ข) จำนวนสมาชิกของเซต  เท่ากับ 3  ถูกต้อง เพราะว่า พอเอามาอินเตอร์เซกกันแล้วมีสมาชิกเท่ากับ 3
(ค) 
r = { (-3 , 1) , (-2 , 0) , (-1 , -1) , (0 , -2) , (1 , -1) , (2 , 0) , (3 , 1) }
r-1  = { (1 , -3) , (0 , -2) , (-1 , -1) , (-2 , 0) , (-1 , 1) , (0 , 2) , (1 , 3) }
 = {-3 , -2 , -1 , 0 , 1 , 2 , 3}
 = {1 , 0 , -1 , -2 } *ส่วน -1 , 0 , 1 เราจะไม่ใส่ซํ้ากัน
พอเอามาอินเตอร์เซก จะมีแค่ 1 , 0 , -1 , -2 ซึ่งมันไม่เท่ากับเซทของ  
ดังนั้น ประโยค  จึงผิด
ให้ n(S) แทนจำนวนของเซต S ถ้า A , B และ C เป็นเซต โดยที่ n(A) + n(B) + n(C) = 199  
  และ 
แล้ว  เท่ากับข้อใดต่อไปนี้
1. 42
2. 43
3. 44
4. 45
5. 46
สูตร



หาสมาชิกในเซต C
100 – 35 = n(C) = 65
n(A) + n(B) + n(C) = 199
n(A) + n(B) + 65   = 199
n(A) + n(B)            = 199 – 65
                               = 134
 หาได้จากการเอารูปที่ 1 มา ลบ กับรูปที่ 3
100 – 9 =  = 91
91 = 134 –  = 134 – 91 
                  = 43
   กำหนดให้  และให้ A และ B เป็นสับเซตของ U โดยที่ 
 และ 
จำนวนสมาชิกของ A×B เท่ากับเท่าใด
U = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10}

n(A) x n(B) = ?
U = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10}

 และ 
U = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10}

U = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10}

U = {1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10}  เหลือ 2 ,4, 8, 10 อยู่ในเซต A

n(A) = 6
n(B) = 4
ดั้งนั้น n(A) x n(B) = 6 × 4 = 24
สอนโดย : edu.pack_forexam
10 เรื่องจริง Everest 
10 เรื่องจริง Pentagon เพนตากอน
10 เรื่องจริง มาริโอ้ Mario
10 เรื่องจริงของ ความฝัน Dream
10 เรื่องจริงของ ทองคำ Gold
10 เรื่องจริงของแมว Cat
10 สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก
10 สถิติ ที่ยังไม่ถูกทำลาย






