เรียนมหาลัยผิดคณะ เพราะคิดว่า “เรียนไปก่อน เดี๋ยวชิน”… สรุปไม่ชิน สายดนตรีแต่ไม่อินดนตรี… ฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?

เรียนมหาลัยผิดคณะ เพราะคิดว่า
เรียนมหาลัยผิดคณะ เพราะคิดว่า

สวัสดีทุกคน วันนี้เราจะมาคุยกันแบบจริงจัง เกี่ยวกับชีวิตของน้องคนนึงที่กำลังสับสนในชีวิตการเรียนมหาลัย ปี 2 แล้วคิดอยากจะลาออก เรื่องนี้เป็นปัญหาที่หลายคนเจอเลยนะ เรียนไปแล้วรู้สึกไม่ใช่ตัวเอง กลัวอนาคตไม่รอด

เรื่องราวของน้อง เรียนดนตรีแต่ไม่ใช่ตัวตน

น้องคนนี้เล่าว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ ถูกที่บ้านส่งไปเรียนดนตรีแบบพิเศษ ซึ่งตั้งแต่เดือนแรกก็รู้สึกแล้วว่า ไม่ชอบเลย แต่ที่บ้านบอกว่าให้เรียนต่อไป จะได้มีสกิลพิเศษติดตัว พอถึงตอนเข้ามหาลัย น้องเลือกคณะดนตรีในมหาลัยท็อป 5 เพราะคิดว่า “เออ คงดีมั้ง” และกลัวไม่มีที่เรียน แต่พอเข้าไปจริง ๆ เจอปัญหาใหญ่เลย

🥶 เพื่อนในคณะเก่งมากกก เพื่อน ๆ มีแพชชั่นสุด ๆ ชอบดนตรีแบบจริงจัง บางคนไม่เคยเรียนพิเศษแต่ฝึกเองจนเก่ง มีวงดนตรี ออกงานโชว์ต่าง ๆ ส่วนน้องรู้สึกตัวเองเหมือน แกะดำ เพราะไม่มีประสบการณ์แบบนั้นเลย

🥶 คณะนี้เฉพาะทางและยาก เรียนดนตรีล้วน ๆ ซึ่งมันหนักและต้องใช้ใจรักจริง ๆ น้องรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัด ฝึกตามเพื่อนไม่ไหว และคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก่งได้แบบนั้น

🥶 ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุน น้องเล่าว่าที่บ้านอาจจะไม่ได้อยากให้เรียนดนตรีขนาดนั้น เพราะบอกว่าจบแล้วให้ไปต่อครู แต่น้องรู้สึกว่า ไม่ใช่ทาง และเริ่มคิดว่า ซิ่ว ไปเรียนคณะอื่นจะดีกว่าไหม เพราะถ้าจบดนตรีมาก็ต้องเป็นนักดนตรี ซึ่งน้องมั่นใจว่าไม่ใช่ตัวเองแน่ ๆ

เอาล่ะ น้องกำลังอยู่ในจุดที่สับสนสุด ๆ แต่ไม่ต้องกลัว เรามีคำแนะนำมาให้ รับรองว่าใช้ได้จริง ช่วยน้องตัดสินใจได้แน่นอน

1. ถามใจตัวเอง อยากทำอะไรกันแน่?
ก่อนจะตัดสินใจลาออก น้องต้องลองนั่งคุยกับตัวเองแบบจริงจัง ว่าอยากทำอะไรในชีวิต? ลองถามตัวเองว่า
ถ้าไม่เรียนดนตรีแล้ว อยากเรียนอะไร? (เช่น อยากเรียนบริหาร การตลาด วิทยาศาสตร์ หรืออะไรที่สนใจจริง ๆ)

อะไรคือสิ่งที่น้องรู้สึก สนุก และ อยากทำไปนาน ๆ ลองนึกถึงงานอดิเรก หรือวิชาที่เคยเรียนแล้วรู้สึกว่า เออ อันนี้น่าสนใจ

ลองจินตนาการอนาคต 5-10 ปีข้างหน้า อยากเห็นตัวเองทำอะไรอยู่?

วิธีทำ: ลองเขียนลิสต์สิ่งที่ชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับการเรียนดนตรี และลิสต์คณะ/สายงานที่น้องสนใจ เปรียบเทียบดูว่าอะไรที่ทำให้ใจน้องเต้นแรง

2. คุยกับที่บ้านแบบเปิดใจ
น้องเล่าว่าที่บ้านอาจจะไม่ได้อยากให้เรียนดนตรีขนาดนั้น และอยากให้ไปเป็นครู ซึ่งน้องก็ไม่ชอบ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ คุยกับที่บ้านตรง ๆ เลย บอกที่บ้านว่า

– น้องรู้สึกยังไงกับการเรียนดนตรี (เช่น ไม่ชอบ ไม่ถนัด รู้สึกกดดัน)
– น้องอยากลองเปลี่ยนไปเรียนคณะอื่นที่รู้สึกว่าเหมาะกับตัวเองมากกว่า
– ขอคำแนะนำจากที่บ้าน ว่าถ้าจะซิ่ว เขาจะสนับสนุนมั้ย?

เคล็ดลับ: อย่ากลัวที่จะพูดความจริง ถ้าที่บ้านรู้ว่าน้องไม่มีความสุข เขาอาจจะเข้าใจและช่วยหาทางออกด้วยกัน แต่อย่าลืมเตรียมเหตุผลดี ๆ ว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยน และมีแผนอะไรต่อ

3. สำรวจคณะใหม่ที่อยากเรียน
ถ้าน้องคิดจะซิ่ว ต้องทำการบ้านหนัก ๆ เลยนะ ลองหาข้อมูลคณะที่สนใจ เช่น
คณะนั้นเรียนอะไรบ้าง? ต้องใช้ทักษะอะไร? จบมาแล้วทำงานอะไรได้บ้าง? เหมาะกับน้องมั้ย? ต้องสอบอะไรใหม่บ้าง? (เช่น TCAS, GAT/PAT, หรือสอบตรง)

วิธีทำ: ลองติดต่อรุ่นพี่ในคณะที่สนใจ หรือดูคลิปยูทูป/อ่านรีวิวในโซเซียลเกี่ยวกับคณะนั้น ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น 

4. ชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสียของการซิ่ว
การซิ่วไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ลองเขียนตารางเปรียบเทียบดู

อยู่ต่อ ซิ่ว
ข้อดี : จบเร็วกว่า, ไม่ต้องเริ่มใหม่, มีผลงานดนตรีอยู่แล้ว ข้อดี : ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ, มีโอกาสค้นหาตัวเอง, อาจจะมีความสุขมากขึ้น
ข้อเสีย : ไม่ชอบ, รู้สึกไม่ใช่ตัวเอง, อนาคตอาจไม่แฮปปี้ ข้อเสีย : เสียเวลา 1-2 ปี, ต้องสอบใหม่, อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ถ้าชั่งแล้วรู้สึกว่าการซิ่วทำให้อนาคตดีกว่าและมีความสุขกว่า ก็ลุยเลย

5. ลองให้โอกาสตัวเองในคณะนี้ก่อนได้มั้ย
ถ้าน้องยังลังเล ลองให้โอกาสตัวเองในคณะนี้อีกสักหน่อย เช่น
ลองหาวิชาในคณะที่ชอบ เช่น วิชาที่เกี่ยวกับทฤษฎีดนตรี หรือการจัดการวงดนตรี

ลองเข้ากลุ่มเพื่อนในคณะ อาจจะขอคำแนะนำจากเพื่อนที่เก่ง ๆ ว่าเขาฝึกยังไง

ถ้ายังรู้สึกว่าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยตัดสินใจซิ่วก็ไม่สาย

6. อย่ากลัวการเริ่มใหม่
น้องอาจจะกลัวว่า ถ้าซิ่วแล้วจะเสียเวลา หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองว่า “ล้มเหลว” แต่พี่บอกเลยว่า ไม่จริง การซิ่วคือการกล้าที่จะเลือกทางที่เหมาะกับตัวเอง การค้นหาตัวเองไม่ใช่เรื่องน่าอาย และน้องยังเด็กมาก อายุแค่ 19-20 ปี ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะลองผิดลองถูก

สรุปคำแนะนำสั้น ๆ
ถามใจตัวเองว่าอยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร
คุยกับที่บ้านแบบเปิดใจ บอกความรู้สึกจริง ๆ
หาข้อมูลคณะใหม่ที่สนใจ ดูว่าเหมาะกับตัวเองมั้ย
ชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสียของการซิ่ว
ลองให้โอกาสคณะนี้ก่อน ถ้ายังไม่ไหวค่อยซิ่ว
อย่ากลัวการเริ่มใหม่ เพราะน้องยังมีเวลา

เอาล่ะทุกคน น้องคนนี้กำลังเจอจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเลย เรียนดนตรีมาแต่รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง และกำลังคิดจะซิ่ว พี่แนะนำว่าให้ถามใจตัวเองดี ๆ คุยกับที่บ้าน ทำการบ้านเยอะ ๆ และอย่ากลัวที่จะเริ่มใหม่ ถ้าใครเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ หรือเคยซิ่ว มาแชร์ประสบการณ์และอย่าลืมกดแชร์


แชร์ให้เพื่อน