แนวคิดเรื่อง “หุ้นที่ดีไม่ต้องเท่” นี่เป็นแนวคิดที่ช่วยให้หลายคนเข้าใจการลงทุนแบบระยะยาวได้ง่ายขึ้นมาก เพราะมันตัดความตื่นเต้นชั่วคราวออกไป แล้วโฟกัสที่สิ่งที่ยั่งยืนจริงๆ
คำว่า “เท่” ในวงการหุ้นหมายถึงหุ้นที่กำลังมาแรงสุดๆ ตอนนั้นเลย
เช่น หุ้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทุกคนพูดถึงกันเต็มโซเชียล หุ้นที่เกี่ยวกับ AI, Blockchain, Metaverse, EV หรืออะไรก็ตามที่เป็นกระแสฮอตในช่วงนั้น ราคามันวิ่งขึ้นลงแรงๆ บางตัวขึ้นวันละ 10% ก็มี ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของอนาคตที่กำลังมาแรง แล้วก็หวังว่าจะรวยเร็วจากการเก็งกำไรระยะสั้น
แต่ความจริงคือหุ้นแบบนี้ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเมื่อกระแสหมด ราคาก็ร่วงลงได้แรงไม่แพ้กัน บางตัวเคยดังเปรี้ยงปร้างแต่สุดท้ายก็เงียบหายไป หรือราคากลับลงมาที่จุดเริ่มต้นหรือต่ำกว่านั้นก็มีให้เห็นเยอะ
ส่วนหุ้นที่ “ไม่เท่” คือหุ้นที่ดูธรรมดาๆ น่าเบื่อในสายตาคนทั่วไป
มักอยู่ในธุรกิจเก่าแก่ที่อยู่คู่สังคมมานาน เช่น บริษัทผลิตไฟฟ้า บริษัทประปา บริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานอย่างน้ำดื่ม ขนมปัง น้ำยาล้างจาน สบู่ ยาสีฟัน หรือแม้แต่ค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตที่เราไปซื้อของทุกวัน
ธุรกิจพวกนี้ไม่ได้มีข่าวหวือหวาอะไรให้ตื่นเต้น ไม่ค่อยมีเรื่องทะยานขึ้นไปดวงจันทร์ในชั่วข้ามคืน แต่สิ่งที่มันมีคือความมั่นคงสูงมาก เพราะคนเราต้องการใช้สินค้าและบริการพวกนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะเศรษฐกิจดีหรือแย่ คนก็ยังต้องอาบน้ำ ต้องแปรงฟัน ต้องกินข้าว ต้องเปิดไฟใช้ไฟ ทำให้รายได้ของบริษัทพวกนี้ค่อนข้างสม่ำเสมอ สามารถคาดเดาได้ง่าย กำไรไม่ได้พุ่งกระฉูดแต่ก็แทบไม่ขาดทุนหนัก
แล้วหลายบริษัทในกลุ่มนี้ยังเป็นผู้นำตลาด มีแบรนด์ที่คนคุ้นเคยและไว้ใจ ทำให้มีอำนาจในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้บ้างตามอัตราเงินเฟ้อ โดยที่ยอดขายไม่ลดลงมากนัก นอกจากนั้นยังชอบจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกปี บางตัวจ่ายต่อเนื่องมาหลายสิบปีเลย ทำให้คนที่ถือหุ้นไว้ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินสดจริงๆ ทุกปี ไม่ต้องรอให้ราคาหุ้นพุ่งถึงจะมีกำไร
แนวคิดนี้จึงบอกว่า หุ้นที่ดีจริงๆ ไม่จำเป็นต้องดูเท่หรือฮอตในช่วงนั้น
แต่ควรเป็นธุรกิจที่มั่นคง น่าเบื่อ แต่สร้างกำไรได้ต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ Value Investing ที่เน้นซื้อบริษัทดีในราคาที่สมเหตุสมผลแล้วถือยาวๆ
เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เปรียบเทียบกับเรื่องความสัมพันธ์แบบแฟน ซึ่งเป็นอุปมาที่เข้าใจง่ายมาก แฟนที่ดูหวือหวา ตื่นเต้นเร้าใจ เหมือนหุ้นเท่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตแล้วทำให้หัวใจเต้นแรง มีเรื่องเซอร์ไพรส์ตลอด แต่สุดท้ายความสัมพันธ์แบบนี้มักไม่ยั่งยืน เพราะเต็มไปด้วยความผันผวน วันนี้ดีมาก พรุ่งนี้อาจทะเลาะหนักหรือเลิกกันเลย ความไม่แน่นอนสูงมาก เหมือนหุ้นที่ราคาขึ้นแรงแล้วก็ตกแรง บางทีสุดท้ายก็เจ็บตัวหนัก
แต่แฟนที่ดีที่อยู่ด้วยกันยาวๆ อาจไม่ได้หล่อสวยสะดุดตาที่สุด หรือไม่ได้ร่ำรวยแบบโดดเด่นตั้งแต่แรกเจอ แต่มีนิสัยซื่อสัตย์ จริงใจ รับผิดชอบ ดูแลกันอย่างสม่ำเสมอ ความสัมพันธ์อาจดูเรียบง่าย ไม่มีดราม่าใหญ่โต แต่มีความมั่นคง ไว้วางใจได้ ซึ่งทำให้อยู่ด้วยกันได้จนแก่เฒ่า
หุ้นที่ดีก็เหมือนกัน ให้ความมั่นคงทางการเงินผ่านกำไรที่สม่ำเสมอและเงินปันผลที่จ่ายต่อเนื่อง ทำให้ไม่ต้องนั่งลุ้นหรือกังวลทุกวันว่าวันนี้จะขึ้นหรือลงแรง แค่รู้ว่าบริษัทยังแข็งแรง ยังทำธุรกิจได้ดี ก็อุ่นใจ
สิ่งที่หุ้นดีมีเหมือนแฟนดีก็คือ ความน่าเชื่อถือที่ทำให้รู้สึกมั่นคงได้จริงๆ การเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไปแต่มีคุณภาพ ไม่ใช่เติบโตแบบเสี่ยงสุดตัวหรือกู้หนี้มาเยอะเพื่อขยายกิจการเร็วๆ บริษัทดีๆ มักบริหารจัดการอย่างรอบคอบ มีหนี้สินไม่สูงเกินไป และยังขยายธุรกิจได้อย่างมีเหตุผล
และที่สำคัญคือต้องเข้าใจธรรมชาติของมันว่า ราคาหุ้นย่อมมีขึ้นมีลงตามอารมณ์ตลาดอยู่แล้ว บางช่วงอาจตกหนักเพราะข่าวลบหรือวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ถ้าพื้นฐานธุรกิจยังแข็งแรง ยังมีลูกค้าที่เหนียวแน่น ยังสร้างกระแสเงินสดได้ดี ความสัมพันธ์หรือการถือหุ้นนั้นก็จะผ่านช่วงยากไปได้ แล้วกลับมาเติบโตต่อ
ส่วนที่สำคัญมากคือเรื่องพลังของดอกเบี้ยทบต้น หรือ Compounding Effect ซึ่งเป็นหัวใจของการลงทุนระยะยาวเลย
มันคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เพราะแค่ผลตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปี แล้วนำกำไรนั้นไปลงทุนต่อหรือบริษัทนำไปขยายกิจการต่อ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ มูลค่าจะทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล เช่น ถ้าลงทุนได้ปีละ 10% สม่ำเสมอต่อเนื่อง 20 ปี เงินจะโตขึ้นประมาณ 6-7 เท่า แต่ถ้าเป็นหุ้นเท่ที่ปีหนึ่งโต 50% แต่ปีถัดไปขาดทุน 30% สลับกันไปมา ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวอาจต่ำกว่ามาก หรือบางทีแทบไม่โตเลย เพราะการขาดทุนหนักครั้งเดียวก็กินกำไรหลายปีเข้าไปหมด พลังทบต้นทำงานได้ดีที่สุดกับสิ่งที่สม่ำเสมอ ไม่ผันผวนรุนแรง เหมือนการเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำต่อเนื่องทุกเดือน ยี่สิบปีผ่านไปก็กลายเป็นก้อนใหญ่ แต่ถ้าเสี่ยงโชคใหญ่ครั้งเดียว ได้ก็ดีไป แต่เสียก็อาจเสียหมด
สุดท้ายแล้ว ปรัชญานี้ต้องการสื่อว่า การลงทุนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ในระยะยาว ไม่ได้มาจากการไล่ตามความตื่นเต้นหรือกระแสฮอตชั่วคราว แต่มาจากการเลือกบริษัทที่มีคุณภาพสูง พื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง บริหารจัดการดี สร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ แล้วถือไว้ยาวๆ ปล่อยให้เวลาและพลังทบต้นทำงาน การมีหุ้นแบบนี้ในพอร์ตก็เหมือนมีคู่ชีวิตทางการเงินที่ซื่อสัตย์ มั่นคง ดูแลกันไปตลอดรอดฝั่ง ผลตอบแทนที่ได้ในบั้นปลายจะคุ้มค่าและยิ่งใหญ่กว่าความหวือหวาชั่วครั้งชั่วคราวแน่นอน

