ตามหาหนังไทยสุดซึ้งเรื่องนึง เป็นหนังที่เกี่ยวกับความรักของพ่อ ความเสียสละที่ทำให้เสียน้ำตา แถมยังฉายในช่วงเวลาที่ทุกคนพูดถึงรัชกาลที่ 9 สวรรคต แบบนี้ต้องมีอะไรน่าสนใจแน่นอน พร้อมแล้วไปกันเลยยย
เรื่องราวที่เราตามหา
จำหนังไทยเรื่องนึงได้ เป็นหนังที่ฉายทางทีวีช่วงวันพ่อ เนื้อเรื่องสุดซึ้งเกี่ยวกับพ่อที่เสียสละให้ลูกสาว เอาเสื้อกันหนาวห่มให้ลูกจนตัวเองทนความหนาวไม่ไหว แล้วก็จากไป ลูกสาวโตขึ้น ผูกพันกับเสื้อตัวนั้นสุดๆ เพราะมันคือความทรงจำของพ่อ แต่ดันมีคนขโมยเสื้อไป เธอเลยออกไล่ล่าตามหาเสื้อตัวนั้น ปั่นจักรยานสุดชีวิต แอบขึ้นรถกระบะสีดำ ต่อสู้เพื่อแย่งเสื้อคืนมา สุดท้ายได้เสื้อกลับมาแล้วเดินกอดเสื้อร้องไห้ตอนกลางคืนบนถนน โอ้โห แค่เล่าก็รู้สึกถึงพลังของความรักและความสูญเสียแล้ว
และยังมีอีกว่า หนังเรื่องนี้ฉายช่วงที่ทุกช่องทีวีพูดถึงรัชกาลที่ 9 สวรรคต (ประมาณ 13 ตุลาคม 2559) แต่มีช่องนึงฉายหนังนี้แทน ซึ่งน่าจะเป็นช่องที่เน้นสาระ ไม่เน้นข่าวช่วงนั้น เอาล่ะ มาสืบกันว่าหนังเรื่องนี้คืออะไร
หนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไรกัน
จากข้อมูลและการสืบค้นของเรา (แอบทำการบ้านมาแล้ววว) หนังที่ว่านี้น่าจะเป็น ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “พ่อ” (MY Father) กำกับโดย พิมพกา โตวิระ เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ “สิบปากกาหน้าเลนส์” ที่ฉายทาง Thai PBS ช่วงประมาณปี 2554 แล้วยังคว้ารางวัล Special Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์ Pacific Meridian ที่รัสเซียมาได้ด้วย
เนื้อเรื่องย่อๆ ของ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “พ่อ” (MY Father)
เรื่องนี้คือสุดยอดของความดราม่าที่จะทำให้คุณร้องไห้หนักมาก! เรื่องราวเริ่มจาก…
ความรักของพ่อที่ยิ่งใหญ่
เราเจอกับพ่อสุดแสนจะใจดี ที่รักลูกสาวตัวน้อยของเค้ามากกกก วันนึงอากาศหนาวสุดขั้ว พ่อเห็นลูกสาวตัวสั่นเลยถอด เสื้อกันหนาว ของตัวเองให้ลูกห่ม เพื่อปกป้องลูกจากความหนาว แต่ความเสียสละครั้งนี้มันหนักหนาเกินไป… พ่อทนความหนาวไม่ไหว และจากไปอย่างไม่มีวันกลับ โอ้โห แค่เปิดเรื่องก็น้ำตาคลอแล้ว
ลูกสาวกับความทรงจำ
ผ่านไปหลายปี ลูกสาวของพ่อโตขึ้น เธอยังเก็บ เสื้อตัวนั้น ไว้เป็นสมบัติล้ำค่า เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงเธอกับพ่อ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรักและการเสียสละที่พ่อทิ้งไว้ให้ ทุกครั้งที่เห็นเสื้อตัวนี้ เธอก็เหมือนได้ย้อนกลับไปในอ้อมกอดของพ่อ
ดราม่ามาเต็ม
เสื้อหายยย วันนึงขณะที่เธอตากผ้า ดันมีโจรใจร้ายมาขโมยเสื้อตัวนั้นไป ลูกสาวช็อกสุดชีวิต เพราะนี่ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าธรรมดา แต่คือความทรงจำทั้งหมดของพ่อ เธอเลยตัดสินใจออกผจญภัยสุดระทึก ปั่นจักรยานตามโจรไปแบบไม่คิดชีวิต ลุ้นสุดอะไรสุด
ภารกิจแย่งเสื้อคืน
เธอตามจนเจอว่าเสื้อถูกเอาไปขาย และที่พีคคือ เธอแอบขึ้น รถกระบะสีดำ ของโจรเพื่อตามไปเอาคืน มีฉากต่อสู้สุดมัน เธอสู้สุดใจเพื่อแย่งเสื้อตัวนั้นกลับมา สุดท้ายเธอทำได้! ได้เสื้อคืนมาแบบสมใจ
ตอนจบที่น้ำตาแตก
หลังจากได้เสื้อคืน เธอเดินกลับบ้านคนเดียวตอนกลางคืน กอดเสื้อของพ่อแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น ฉากนี้คือพลังของความรู้สึกที่ระเบิดออกมา ทั้งความรัก ความสูญเสีย และความผูกพันที่เธอมีต่อพ่อ ทุกคนนน ฉากนี้คือต้องเตรียมทิชชู่ไว้เลย
ข้อคิดจาก ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “พ่อ” (MY Father)
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เล่าความรักของพ่อลูก แต่ทำให้เรานึกถึงคนที่เรารัก โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เสียสละเพื่อเรา บางครั้งสิ่งของที่ดูธรรมดา อาจมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ในใจเรา ดูจบแล้วอยากให้ทุกคนลองโทรไปหาพ่อ หรือกอดพ่อให้แน่นๆ นะ
ทำความรู้จัก พิมพกา โตวิระ ผู้กำกับมากฝีมือ
พิมพกา โตวิระ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Pimpaka Towira คือผู้กำกับภาพยนตร์สั้นและภาพยนตร์ยาวชาวไทยที่ฝีมือไม่ธรรมดา เธอเป็นหนึ่งในผู้กำกับหญิงที่ได้รับการยอมรับทั้งในไทยและระดับนานาชาติ ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยมุมมองที่ไม่เหมือนใคร
ประวัติและผลงานเด่น
จุดเริ่มต้น พิมพกาเริ่มต้นเส้นทางในวงการภาพยนตร์ด้วยความรักในงานศิลปะและการเล่าเรื่อง เธอเรียนจบด้านศิลปะและมีพื้นฐานการทำงานที่เน้นความคิดสร้างสรรค์
ผลงานที่สร้างชื่อ
• ภาพยนตร์ยาวเรื่อง “One Night Husband” (คืนเดียว) ปี 2546 ที่เล่าเรื่องราวความรักและความสูญเสีย ได้รับคำชื่นชมในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ
• ภาพยนตร์สั้น “The Purple Kingdom” ที่ฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์อย่าง เกี่ยวก้อย ซึ่งสะท้อนประเด็นสิทธิมนุษยชนและสังคม
• “พ่อ” (My Father 2553) ภาพยนตร์สั้นที่ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ ศรีดาวเรือง ซึ่งคว้ารางวัล Special Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองวลาดิวอสตอค ปี 2554
สไตล์การกำกับ
พิมพกามักเล่าเรื่องด้วยภาพและอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน เน้นประเด็นทางสังคม เช่น ความอยุติธรรม ความสัมพันธ์ในครอบครัว และเรื่องราวของคนชายขอบ งานของเธอมีทั้งความดราม่าและความลึกซึ้งที่ทำให้คนดูต้องคิดตาม
รางวัลและการยอมรับ
เธอได้รับรางวัลจากหลายเวที เช่น เทศกาลภาพยนตร์ Pacific Meridian และงานในไทยอย่าง Thai Short Film Festival ผลงานของเธอถูกฉายในเทศกาลระดับโลกหลายครั้ง
ทำไมพิมพกาถึงปัง?
มุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ เธอเล่าเรื่องจากมุมมองของคนตัวเล็กในสังคม ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงและเห็นอกเห็นใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนหรือความเหลื่อมล้ำ เธอกล้าที่จะหยิบประเด็นเหล่านี้มาถ่ายทอด งานของเธอทั้งภาพยนตร์สั้นและยาวได้รับการยอมรับจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม
ศรีดาวเรือง นักเขียนผู้สร้างวรรณกรรมเพื่อชีวิต
ศรีดาวเรือง หรือชื่อจริง วรรณา สวัสดิ์ศรี (เดิม วรรณา ทรรปนานนท์) คือตำนานนักเขียนหญิงที่สร้างผลงานวรรณกรรมเพื่อชีวิตอันทรงพลัง เธอเกิดในปี 2486 ที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นลูกสาวของพนักงานรถไฟและแม่ค้าตลาด ด้วยฐานะครอบครัวที่ยากจน เธอเรียนได้แค่ชั้น ป.4 ก่อนต้องออกมาทำงานในกรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ แต่ด้วยความรักในการอ่านและการเขียน เธอกลายเป็นนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “มิติใหม่ของกรรมาชีพ”

เส้นทางสู่นักเขียน
จุดเริ่มต้น วรรณาเริ่มเขียนตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่ผลงานไม่ได้รับการตีพิมพ์ จนกระทั่งได้พบกับ สุชาติ สวัสดิ์ศรี นักเขียนและบรรณาธิการชื่อดังที่กลายเป็นคู่ชีวิตและพี่เลี้ยงด้านวรรณกรรม สุชาติสนับสนุนให้เธอเขียนจากประสบการณ์จริง ทำให้เกิดนามปากกา ศรีดาวเรือง ซึ่งมาจากดอกไม้สีเหลืองที่เธอเคยเก็บให้พ่อ
ผลงานแรก เรื่องสั้น “แก้วหยดเดียว” (2518) ตีพิมพ์ในนิตยสาร สังคมศาสตร์ปริทัศน์ สะท้อนชีวิตสาวโรงงานที่ถูกเอาเปรียบ กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วงการวรรณกรรมต้องจับตามอง
สไตล์การเขียน ศรีดาวเรืองเขียนด้วยภาษาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เน้นเรื่องราวของคนชั้นล่าง เช่น กรรมกร แม่บ้าน หรือคนที่ถูกสังคมมองข้าม ผลงานของเธอเป็นส่วนสำคัญของวรรณกรรมเพื่อชีวิตในไทย
ผลงานเด่นของศรีดาวเรือง
เรื่องสั้นกว่า 100 เรื่อง รวมถึง “แก้วหยดเดียว”, “คนดายหญ้า” (รางวัล ว.ณ ประมวลมารค), “มันมากับการเลือกตั้ง” (รางวัลช่อการะเกด) และ “มัทรี” ที่เล่าเรื่องแม่ที่ทิ้งลูกด้วยความจำเป็น
นวนิยาย เช่น “ซ่อนกลิ่น ศรีดาวเรือง” ซึ่งเขียนมานานกว่า 30 ปีกว่าจะเสร็จ
งานแปล แปลวรรณกรรมต่างประเทศ เช่น “กระท่อมน้อยของลุงทอม”, “ดอนกีโฮเต้” และนิทานแอนเดอร์สัน แม้จะเรียนแค่ ป.4 แต่เธอเรียนรู้ด้วยตัวเองจนแปลได้อย่างยอดเยี่ยม
กวีนิพนธ์และบทเพลง เขียนกวี 35 ชิ้น และบทเพลง 31 เพลง รวมถึงบทกวี “พ่อคนอ่าน” ที่รำลึกถึงพ่อของเธอ
รางวัล ได้รับรางวัลศรีบูรพาในปี 2557 และผลงานของเธอถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เยอรมัน และฝรั่งเศส
เรื่องสั้น “พ่อ” และความเชื่อมโยงกับพิมพกา
เกี่ยวกับเรื่องสั้น “พ่อ” เรื่องสั้น “พ่อ” ของศรีดาวเรืองถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สั้นโดยพิมพกา โตวิระในปี 2553 เป็นเรื่องราวของพ่อที่เสียสละเสื้อกันหนาวให้ลูกสาวในวันที่หนาวจัดจนตัวเองเสียชีวิต ลูกสาวเติบโตขึ้น ผูกพันกับเสื้อตัวนั้น แต่เมื่อเสื้อถูกขโมย เธอออกตามหาด้วยความมุ่งมั่น ปั่นจักรยาน ขึ้นรถกระบะสีดำ ต่อสู้เพื่อแย่งคืน และจบด้วยฉากกอดเสื้อร้องไห้ตอนกลางคืน
ความพิเศษ เรื่องนี้สะท้อนความรักและการเสียสละของพ่อ ซึ่งเป็นธีมที่ศรีดาวเรืองถนัด ด้วยภาษาที่เรียบง่ายแต่ซึ้งกินใจ ส่วนพิมพกานำเรื่องนี้มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์สั้นได้อย่างทรงพลัง ด้วยภาพและการกำกับที่เน้นอารมณ์ ทำให้คว้ารางวัลระดับนานาชาติ
ทำไมศรีดาวเรืองถึงเป็นตำนาน
จากกรรมกรสู่นักเขียน ด้วยการศึกษาที่จำกัด เธอพิสูจน์ว่า passion และประสบการณ์ชีวิตสามารถสร้างงานเขียนที่ยิ่งใหญ่ได้ งานของเธอพูดถึงความอยุติธรรมและชีวิตของคนชายขอบ ทำให้ผู้อ่านเห็นมุมมองที่มักถูกละเลย ผลงานของเธอถูกยกย่องว่าเทียบเท่านักเขียนระดับโลกอย่างกุสตาฟ โฟลแบร์ต์ แต่กลับถูกมองข้ามในวงการวรรณกรรมไทย ซึ่งหลายคนมองว่าไม่ยุติธรรม
การผสานงานของพิมพกาและศรีดาวเรือง
การที่ พิมพกา โตวิระ เลือกหยิบเรื่องสั้น “พ่อ” ของ ศรีดาวเรือง มาทำเป็นภาพยนตร์สั้นในปี 2553 ถือเป็นการผสานพลังของสองศิลปินที่มุ่งเน้นเล่าเรื่องของคนตัวเล็กในสังคม
ความลงตัว เรื่องสั้นของศรีดาวเรืองมีภาษาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ซึ่งเข้ากับสไตล์การกำกับของพิมพกาที่เน้นภาพและอารมณ์ ทำให้เรื่องราวของพ่อและลูกสาวกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทั้งซึ้งและสะท้อนประเด็นครอบครัว ภาพยนตร์สั้น “พ่อ” ได้รับรางวัล Special Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองวลาดิวอสตอค ปี 2554 แสดงให้เห็นถึงพลังของเรื่องราวและการกำกับที่ยอดเยี่ยม
ข้อคิด: ทั้งคู่ต่างมุ่งสะท้อนความจริงของสังคมผ่านงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือกำกับภาพยนตร์ ทำให้งานของพวกเธอมีคุณค่าและน่าจดจำ
หาดูและหาอ่านได้ที่ไหน
ภาพยนตร์สั้น “พ่อ”
ลองเช็กในคลังของ Thai PBS เพราะฉายครั้งแรกในโปรเจกต์ “สิบปากกาหน้าเลนส์” ปี 2553
ค้นในยูทูปด้วยคำว่า “พ่อ My Father พิมพกา โตวิระ” หรือ “Thai PBS ภาพยนตร์สั้น พ่อ”
เทศกาลภาพยนตร์สั้นในไทย เช่น Thai Short Film Festival อาจมีการฉายซ้ำ
เรื่องสั้นของศรีดาวเรือง
หาซื้อรวมเรื่องสั้น เช่น “แก้วหยดเดียว”, “มัทรี”, หรือ “วรรณาคดี อัตชีวประวัติของวรรณา ทรรปนานนท์” ได้ที่ร้านหนังสือหรือสำนักพิมพ์อย่าง กำแพง หรือ อ่านห้องสมุดสาธารณะ เช่น ห้องสมุดกรุงเทพมหานคร อาจมีผลงานของศรีดาวเรืองให้ยืม งานแปลบางส่วน เช่น A Drop of Glass มีในฉบับภาษาอังกฤษ
ข้อคิดจากทั้งสองศิลปิน
จากพิมพกา ศิลปะสามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเล่าเรื่องของคนที่ถูกลืม ภาพยนตร์สั้นไม่จำเป็นต้องยาว แต่ถ้าถ่ายทอดได้ตรงใจ ก็สร้างผลกระทบได้มหาศาล
จากศรีดาวเรือง ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานการศึกษาน้อยแค่ไหน ถ้ามี passion และประสบการณ์ชีวิต คุณก็สามารถสร้างงานเขียนที่เปลี่ยนมุมมองของคนได้
มาถึงตอนจบของการพาไปเจาะลึกเรื่องราวสุดซึ้งของภาพยนตร์สั้น “พ่อ” (My Father) กันแล้ว จากการตามหาหนังไทยที่เต็มไปด้วยความรักและการเสียสละของพ่อ สู่การค้นพบผลงาน masterpiece ของ พิมพกา โตวิระ ที่ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ ศรีดาวเรือง เรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังสั้น แต่เป็นเหมือนของขวัญที่เตือนใจเราให้เห็นคุณค่าของความรักในครอบครัว
การผสานงานของผู้กำกับที่เล่าเรื่องผ่านภาพได้ทรงพลัง กับนักเขียนที่ถ่ายทอดชีวิตด้วยถ้อยคำที่เรียบแต่ลึกซึ้ง ทำให้ “พ่อ” กลายเป็นงานศิลปะที่สัมผัสหัวใจคนทั่วโลก และที่สำคัญ ฉากสุดท้ายที่ลูกสาวกอดเสื้อของพ่อร้องไห้บนถนนตอนกลางคืน มันคือโมเมนต์ที่บอกเราว่า ความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ กับคนที่เรารัก มันมีค่ามากกว่าสิ่งใด
ถ้าเพื่อนๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ อย่าลืมลองตามหาความทรงจำดีๆ กับพ่อหรือคนที่คุณรักนะ โทรไปบอกเค้าว่ารัก หรือแค่กอดแน่นๆ สักครั้งก็อบอุ่นใจแล้ว และถ้ามีโอกาส ลองหา “พ่อ” มาดู หรืออ่านงานของศรีดาวเรือง รับรองว่าคุณจะได้อะไรดีๆ กลับไปแน่นอน
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันจนจบ ทุกคนเคยดูภาพยนต์สั้น เรื่อง “พ่อ” หรืออ่านเรื่องสั้นของ ศรีดาวเรือง กันบ้างมั้ย? ฉากไหนที่ทำให้คุณอินสุดๆ? หรือถ้ามีผลงานอื่นของ พิมพกา โตวิระ ที่ชอบมาแชร์กัน