ทำงานเซเว่นก็โดนด่า ทำโรงงานก็โดนไล่…สังคมที่พูดว่า “ไม่เหมาะก็ออกไป” แล้วเราควรไปไหน?

ทำงานเซเว่นก็โดนด่า ทำโรงงานก็โดนไล่
ทำงานเซเว่นก็โดนด่า ทำโรงงานก็โดนไล่

เราจะมาพูดถึงบทความที่หนักหน่วงและสะเทือนใจมาก ๆ จากน้องคนหนึ่งที่แชร์ประสบการณ์ชีวิตหลังจบ ม.6 ที่เต็มไปด้วยความท้อแท้และความรู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่มีที่ยืนในสังคม

เรื่องของน้องคนหนึ่งที่แชร์ประสบการณ์ชีวิตที่เรียกว่าหนักหน่วงสุด ๆ น้องจบแค่ ม.6 และรู้สึกเหมือนตัวเอง “หมดไฟ” ในการทำงาน น้องเล่าถึงจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัย ม.3 ที่เคยไปฝึกงานร้านขายของเล็ก ๆ แล้วเจอคำพูดแรง ๆ จากลูกเจ้าของร้านว่า “อายุขนาดนี้ยังทำไม่ได้ โตขึ้นไปก็ลำบากคนในบ้าน” คำพูดนี้ฝังใจน้องมาก ๆ ถึงขั้นร้องไห้แล้วลาออกทันทีตั้งแต่ปี 2020

พอจบ ม.6 น้องไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี การกู้ กยศ. ไปเรียนต่อก็กลัวว่าจะเรียนไม่ไหว น้องเลยตัดสินใจทำงานเลย งานแรกคือที่เซเว่น ทำได้แค่ 2 เดือน เพราะคิดเงินช้า ทอนเงินผิดบ่อย ๆ สุดท้ายกลัวตัวเองจะทำให้ร้านเสียหาย เลยลาออก

ต่อมา น้องไปทำงานโรงงานที่ต่างจังหวัด ครั้งแรกในชีวิต แต่ก็เจอปัญหาใหญ่ เพราะคุมเครื่องไม่ได้ โดนย้ายไปทำ 5ส. (งานจัดระเบียบ) แทน แต่ก็ยังเจอคำพูดแรง ๆ จากเพื่อนร่วมงาน เช่น “รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วจะอยู่ทำไม” หรือ “นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่” โดยเฉพาะประโยค “รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วจะอยู่ทำไม” ทำให้น้องรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่า ไม่เหมาะกับที่ไหนเลย แต่ถึงอย่างนั้น น้องก็ทนทำต่อ 3 เดือนเพื่อรอโบนัส แล้วค่อยลาออกตอนครบกำหนดทดลองงานพอดี

วันสุดท้ายของงานนั้น มีคุณลุงระดับใหญ่ในบริษัทให้พระเครื่องและอวยพรให้น้องโชคดี น้องถึงกับอยากร้องไห้ เพราะจริง ๆ แล้วไม่อยากออกจากงานเลย แต่รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้จริง ๆ

ตอนนี้ น้องย้ายมาทำงานโรงงานใหม่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง ถึงอย่างนั้น น้องก็พยายามบอกตัวเองว่า “ทำเพื่อครอบครัว” และถ้าบริษัทจะให้ออก น้องก็หวังว่านี่จะเป็นที่สุดท้าย เพราะกลัวว่าตัวเองจะ “ไม่มีตัวตน” ในสังคมแล้ว น้องยังคิดถึงทางเลือกที่อาจจะกลับไปเรียน แต่ก็อยากใช้เวลาเรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระตอนทำงานกลุ่มในอนาคต

อะไรคือประเด็นสำคัญ

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกหน่วงมาก ๆ เพราะน้องเจอทั้งความกดดันจากตัวเองและคำพูดจากคนรอบข้างที่เหมือนตอกย้ำว่าน้อง “ไม่ดีพอ” มาดูกันว่าประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คืออะไรบ้าง

คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ
ตั้งแต่สมัย ม.3 น้องเจอคำพูดที่ว่า “โตขึ้นไปก็ลำบากคนในบ้าน” มาจนถึงตอนทำงานที่โรงงานที่เจอคำว่า “รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้แล้วจะอยู่ทำไม” หรือ “โง่จริงหรือแกล้งโง่” คำพูดพวกนี้ไม่ใช่แค่คำพูดนะ แต่มันเหมือนมีดที่แทงใจน้อง ทำให้รู้สึกด้อยค่าและสูญเสียความมั่นใจไปเลย

การขาดทักษะและโอกาสในการเรียนรู้
น้องเพิ่งเริ่มทำงาน แต่เหมือนทุกที่ที่ไป ไม่ค่อยมีคนคอยสอนหรือให้โอกาสน้องได้พัฒนา เช่น ที่เซเว่น น้องคิดเงินช้า ทอนเงินผิด หรือที่โรงงาน คุมเครื่องไม่ได้ สุดท้ายถูกย้ายงานหรือถูกต่อว่า แทนที่จะได้เรียนรู้และพัฒนา

ความรู้สึกไร้ตัวตน
น้องพูดถึงความกลัวว่าจะกลายเป็น “เศษฝุ่นที่ไม่มีตัวตน” ซึ่งสะท้อนว่าน้องกำลังสูญเสียความหวังและความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าในสังคม

ทำยังไงให้ลุกขึ้นสู้ต่อ

มาช่วยกันส่งพลังใจให้น้องกัน น้องเก่งมากแล้วที่พยายามสู้เพื่อครอบครัว แม้จะเจออุปสรรคหนัก ๆ มาดูคำแนะนำที่พี่มีให้

อย่าให้คำพูดคนอื่นมากำหนดคุณค่า
คำพูดแย่ ๆ จากคนรอบข้าง ไม่ได้สะท้อนว่าน้องเป็นคนยังไงนะ เขาอาจจะพูดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือไม่รู้ว่าน้องรู้สึกยังไง ลองฝึกมองข้ามคำพูดแย่ ๆ แล้วบอกตัวเองว่า “ฉันมีค่าในแบบของฉัน” ลองเขียนสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี เช่น “ฉันพยายามเต็มที่เพื่อครอบครัว” หรือ “ฉันกล้าลองงานใหม่ ๆ” แล้วอ่านทวนทุกวันเพื่อเติมพลังใจ

เริ่มจากงานที่เหมาะกับตัวเอง
น้องอาจจะยังไม่เจองานที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง ลองมองหางานที่ไม่ต้องใช้ทักษะซับซ้อนมาก เช่น งานแพ็กของในร้านค้าออนไลน์ งานคีย์ข้อมูล หรืองานที่เน้นการฝึกสอนจากรุ่นพี่ชัดเจน งานแบบนี้จะช่วยให้น้องสร้างความมั่นใจและพัฒนาทักษะไปทีละสเต็ป ถ้าอยู่โรงงานแล้วรู้สึกกดดัน ลองมองหางานในเมืองที่อาจมีโอกาสหลากหลายกว่า

เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง
น้องบอกว่าอยากเรียนรู้ด้วยตัวเองก่อนกลับไปเรียนต่อ ดีมากเลย ลองเริ่มจากคอร์สออนไลน์ฟรี เช่น บน YouTube หรือแพลตฟอร์มอย่าง SkillLane หรือ Coursera (บางคอร์สฟรี) เช่น เรียนทักษะพื้นฐานอย่างการใช้ Excel, การสื่อสาร, หรือแม้แต่ทักษะงานเฉพาะ เช่น การแพ็กของ การคิดเงินให้คล่อง นอกจากนี้ ลองฝึกทักษะ “soft skills” เช่น การจัดการความเครียด หรือการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน จะช่วยให้น้องทำงานได้มั่นใจขึ้น

หา mentor หรือคนคอยสนับสนุน
จำคุณลุงที่ให้พระเครื่องและอวยพรน้องได้มั้ย? คนแบบนี้แหละที่น้องควรเข้าใกล้ ลองหาคนในที่ทำงานหรือในชีวิตที่พร้อมจะสอนหรือให้คำแนะนำ เช่น หัวหน้างานที่ใจดี หรือเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจน้อง การมีคนคอยชี้แนะจะช่วยให้น้องรู้สึกว่าไม่ได้สู้คนเดียว

ถ้าอยากกลับไปเรียน อย่ากลัวที่จะลอง
น้องบอกว่ากลัวเรียนไม่ไหวถ้ากู้ กยศ. ไปเรียนต่อ พี่เข้าใจเลยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่หนัก แต่ถ้าน้องอยากลองเรียนต่อ ลองมองหาทางเลือกอย่าง การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หรือคอร์สระยะสั้น เช่น เรียนช่างเย็บผ้า ช่างตัดผม หรือคอร์สที่เกี่ยวกับงานที่สนใจ วิธีนี้จะช่วยให้น้องได้วุฒิหรือทักษะใหม่ โดยไม่ต้องกดดันเรื่องเงินมากเกินไป

ดูแลสุขภาพจิตให้ดี
การเจอคำพูดแย่ ๆ และความกดดันอาจทำให้น้องรู้สึกแย่ ลองหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลงที่ชอบ ดูหนังตลก หรือคุยกับคนที่ไว้ใจได้ ถ้ารู้สึกหนักมาก ๆ ลองปรึกษานักจิตวิทยาฟรี เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 การได้ระบายจะช่วยให้น้องรู้สึกเบาขึ้นเยอะเลย

ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ และฉลองความสำเร็จ
ลองตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น “วันนี้ฉันจะเรียนรู้วิธีคิดเงินให้เร็วขึ้น” หรือ “ฉันจะลองคุยกับเพื่อนร่วมงาน 1 คน” แล้วถ้าทำได้ ให้รางวัลตัวเอง เช่น กินของอร่อย หรือดูซีรีส์ที่ชอบ การฉลองชัยชนะเล็ก ๆ จะช่วยสร้างความมั่นใจ

พี่เชื่อว่าน้องมีพลังในตัวมากกว่าที่คิดเยอะเลย ทุกครั้งที่น้องลุกขึ้นมาสู้ต่อ ทั้ง ๆ ที่เจอคำพูดแย่ ๆ หรือความยากลำบาก นั่นคือหลักฐานว่าน้องแข็งแกร่งมาก อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือคำพูดคนอื่นมาบดบังแสงของน้องเด็ดขาด ลองเริ่มจากก้าวเล็ก ๆ หาทักษะใหม่ ๆ และหาคนที่พร้อมสนับสนุนน้อง แล้ววันหนึ่งน้องจะเจอที่ของตัวเองในโลกนี้แน่นอน


แชร์ให้เพื่อน