เราจะมาคุยเรื่องการเงิน การลงทุน และอะไรที่มันน่าสนใจในวงการนี้ วันนี้เราจะมาแกะบทความสุดร้อนแรงที่พูดถึงคำพูดของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หรือที่ทุกคนรู้จักในฐานะ กูรูหุ้น VI ชื่อดังของเมืองไทย คำพูดที่ว่า “วิกฤตรอบนี้ ผมมองไม่เห็นโอกาส” มันแรงมากเลยนะทุกคนสำหรับนักลงทุน พร้อมแล้วก็ไปกันเลย
📌 จุดเริ่มต้น ดร.นิเวศน์คือใคร?

ก่อนอื่นเลย สำหรับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการหุ้น ดร.นิเวศน์คือ ตำนานนักลงทุน VI (Value Investor) ของไทยเลยนะ ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 2553 ที่ SET Index พุ่งจาก 800 จุด ไป 1400 จุด แกทำกำไรโหดมาก แถมยังเขียนหนังสือชื่อดังอย่าง “หุ้น VI” ที่กลายเป็นคัมภีร์ของนักลงทุนหลายคน ถ้าคุณลงทุนมานานแล้วไม่รู้จัก ดร.นิเวศน์ นี่คือต้องไปทำการบ้านด่วนเลยนะ
ในบทความนี้ จะพูดถึงว่า ดร.นิเวศน์มองว่า วิกฤติรอบนี้ไม่มีโอกาส ซึ่งมันต่างจากสมัยก่อนที่วิกฤติมักจะมาพร้อมโอกาสเสมอ เช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง หรือวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ที่หุ้นร่วงหนักแต่คนฉลาด ๆ ก็กอบโกยได้ แต่วิกฤติรอบนี้ แกบอกว่า มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เลย
ความเห็นผม คำพูดนี้มันหนักมากนะ เพราะ ดร.นิเวศน์ไม่ใช่คนพูดอะไรส่งเดช แกมีประสบการณ์ลงทุนมากว่า 30 ปี ถ้าแกบอกแบบนี้ แปลว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะเจออะไรที่หนักกว่าที่เราคิด
📌 ทำไม ดร.นิเวศน์ถึงมองว่าไม่มีโอกาส
ในบทความนี้ จะวิเคราะห์ว่าเหตุผลที่ ดร.นิเวศน์มองแบบนี้ เพราะ หุ้นใน SET50 ซึ่งเป็นหุ้นตัวใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจจะ หมดยุค แล้ว เหตุผลหลัก ๆ คือ
การมาของ AI
เทคโนโลยี AI กำลัง disrupt ทุกวงการทั่วโลก แต่โครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย ไม่พร้อม ที่จะรองรับการทำงานของ AI เลย เช่น อุตสาหกรรมโรงงาน, การเงิน, หรือพลังงาน ที่เป็นตัวหลักใน SET50 อาจจะล้าสมัยเมื่อเทียบกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ
หุ้น SET50 ไม่สร้างรายได้ให้ผู้ถือหุ้นอีกต่อไป
ผู้เขียนมองว่า บริษัทเหล่านี้กำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และอาจจะไม่สามารถทำกำไรได้เหมือนสมัยก่อน
ตัวอย่างให้เห็นภาพ สมมติคุณถือหุ้นธนาคารใหญ่ใน SET50 สมัยก่อนธนาคารคือขุมทรัพย์ กำไรปีละหมื่นล้าน แต่ตอนนี้ FinTech อย่างแอปเงินกู้ หรือบล็อกเชน เริ่มมาแย่งลูกค้า ธนาคารเก่า ๆ ที่ปรับตัวช้าอาจจะเหนื่อยหนัก
ความเห็นผม ผมเห็นด้วยในระดับนึงนะ เพราะ AI มันเปลี่ยนเกมจริง ๆ ดูอย่าง NVIDIA หรือ Tesla สิ หุ้นพุ่งเพราะเขานำ AI มาใช้เต็มสูบ แต่ในไทย บริษัทใหญ่ ๆ ใน SET50 ส่วนมากยังอยู่ใน comfort zone ไม่ค่อยกล้าเปลี่ยนแปลง แต่ผมก็คิดว่าบางบริษัท เช่น กลุ่มพลังงานสะอาด หรือโรงพยาบาล อาจจะยังมีโอกาสอยู่บ้าง ถ้าปรับตัวทัน
📌 เงินลงทุนกำลังไหลออกจากไทย
เงินลงทุนทั้งจากสถาบันการเงินและนักลงทุนรายย่อย อาจจะ สูญหาย ถ้ายังฝังตัวอยู่ใน SET50 เพราะฉะนั้น ธนาคารและบริษัทจัดการกองทุนในไทยเลยพยายาม ออกกองทุนต่างประเทศ เยอะมาก ผมคิดว่า
→ บางธนาคารมี กองทุนรวมถึง 100 กอง ที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ เช่น หุ้นเทคในสหรัฐฯ หรือหุ้นจีน
→ นี่เป็นสัญญาณว่า คนในวงการรู้แล้วว่า SET50 หมดอนาคต และกำลังย้ายเงินไปลงทุนที่อื่น
ตัวอย่าง คุณเคยเห็นมั้ยว่าตอนนี้กองทุนที่ลงใน S&P 500, Nasdaq หรือหุ้น AI อย่าง NVIDIA, Apple มันมาแรงมาก เพราะคนไทยเริ่มรู้ว่าโอกาสมันอยู่นอกประเทศมากกว่าใน SET50
ความเห็นผม อันนี้ผมเห็นด้วยสุด ๆ เลย ถ้าคุณดูพอร์ตของกองทุนรวมในไทยตอนนี้ จะเห็นว่าเกือบ 70% เป็นกองทุนต่างประเทศ นี่มันสัญญาณชัดเจนว่าตลาดไทยกำลังเสียความน่าสนใจ แต่ผมก็อยากเตือนทุกคนว่า การลงทุนต่างประเทศมันมีความเสี่ยงนะ เช่น ความผันผวนของค่าเงิน หรือกฎหมายต่างประเทศ ต้องศึกษาให้ดีก่อน
📌 ดร.นิเวศน์ “ตาฝ้าฟาง” หรือ ตลาดไทย “ตกเทรนด์” จริง
นักลงทุนสายบวกบางคน ทิ้งท้ายแบบแซ่บ ๆ ว่า ดร.นิเวศน์อาจจะ “มองเห็นแต่อากาศ” หรือพูดง่าย ๆ ว่าแกอาจจะเริ่มมองไม่ชัดแล้ว เพราะอายุเยอะ หรือจริง ๆ แล้ว ประเทศไทยนี่แหละที่ตกเทรนด์โลกไปแล้ว เพราะ
→ เศรษฐกิจไทยเติบโตช้ามากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซีย
→ นโยบายรัฐบาลไม่ค่อยสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น AI หรือเทคโนโลยีสีเขียว
→ ตลาดหุ้นไทยเลยกลายเป็น “ตลาดล้าหลัง” ที่ไม่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
ความเห็นผม ผมว่าแรงไปหน่อยที่บอก ดร.นิเวศน์ “ตาฝ้าฟาง” แกเป็นคนที่มองการณ์ไกลมาตลอด ถ้าแกพูดแบบนี้ ผมเชื่อว่าแกมีเหตุผลรองรับแน่นอน แต่เรื่องที่ไทยตกเทรนด์โลกนี่ผมเห็นด้วยเลย เศรษฐกิจเรายังพึ่งพาการส่งออกและท่องเที่ยวเป็นหลัก ไม่ค่อยมีนวัตกรรมที่เป็น game-changer ถ้าไม่รีบปรับตัว อาจจะแย่จริง ๆ
โอเคทุกคน สรุปแบบสั้น ๆ คือ ดร.นิเวศน์มองว่าวิกฤติรอบนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะหุ้น SET50 อาจจะหมดยุคแล้ว ด้วยเหตุผลจาก AI ที่มาแรง และ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ล้าสมัย ทำให้โอกาสในตลาดหุ้นไทยมันหายากมาก แถมเงินลงทุนกำลังไหลออกไปต่างประเทศ เพราะทุกคนรู้ว่าโอกาสมันอยู่นอกไทยมากกว่า
แต่สิ่งที่ผมอยากฝาก
→ อย่าตื่นตระหนก ถึง SET50 จะแย่ แต่ก็ยังมีหุ้นดี ๆ ในไทย เช่น กลุ่มที่ปรับตัวทัน AI หรือเทคโนโลยี
→ มองต่างประเทศบ้าง ลองศึกษา S&P 500 หรือหุ้นเทค แต่ต้องระวังความเสี่ยงด้วย
→ พัฒนาตัวเอง ถ้าเศรษฐกิจไทยจะเปลี่ยน คุณต้องเรียนรู้สกิลใหม่ ๆ เช่น AI หรือดิจิทัล เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์
ขอทิ้งท้ายเลยละกัน
คุณคิดยังไงกับคำพูดของ ดร.นิเวศน์? คุณเชื่อมั้ยว่า SET50 จะหมดอนาคต? หรือคุณมีหุ้นตัวไหนที่ยังน่าลงทุนอยู่? ลองตอบในใจตัวเองดู