เศรษฐกิจสีเขียวมาแรง หุ้นพลังงานสะอาดน่าจับตาไหม

เศรษฐกิจสีเขียวมาแรง หุ้นพลังงานสะอาดน่าจับตาไหม
เศรษฐกิจสีเขียวมาแรง หุ้นพลังงานสะอาดน่าจับตาไหม

กระแสเศรษฐกิจสีเขียวหรือที่เรียกว่า Green Economy กำลังมาแรงมากในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่การรณรงค์รักษ์โลกแบบที่เคยทำกันมาแต่ก่อน เช่น ปลูกต้นไม้ ลดขยะ หรือประหยัดน้ำประหยัดไฟเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจทั้งโลกเลย ทุกประเทศต่างต้องปรับตัวเข้ามาร่วมวงนี้เพราะมันเป็นทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าอยากอยู่รอดและเติบโตในยุคใหม่

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะโลกกำลังเผชิญปัญหาโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเกินไป โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ทำให้หลายประเทศตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 หรือ 2065 ซึ่งต้องอาศัยการหันไปใช้พลังงานสะอาดแทนที่เก่า

เมื่อมองไปที่ตลาดหุ้น กลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาดจึงกลายเป็นดาวเด่นที่น่าจับตา

เพราะมีเงินลงทุนมหาศาลไหลเข้ามาจากทั้งรัฐบาลและบริษัทเอกชนทั่วโลก เงินเหล่านี้ถูกเทใส่โครงการที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดแผงโซลาร์เซลล์ดูดพลังงานจากแดด หรือแม้แต่พลังงานไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตจากน้ำโดยใช้ไฟฟ้าจากแหล่งสะอาด ซึ่งเทคโนโลยีพวกนี้กำลังพัฒนาไปเร็วมาก

ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มนี้มาจากความต้องการไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถน้ำมันกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือรถบรรทุก รวมถึงศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Data Center ที่ใช้เก็บข้อมูลคลาวด์และรองรับ AI ซึ่งกินไฟฟ้ามหาศาล เหมือนเมืองเล็กๆ เลย

ทำให้บริษัทที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างลมหรือแดดมีข้อได้เปรียบ เพราะส่วนใหญ่ขายไฟฟ้าให้รัฐหรือเอกชนผ่านสัญญาระยะยาว 10-20-30 ปี ซึ่งช่วยให้รายได้มั่นคง ไม่ผันผวนตามราคาน้ำมันโลก และยังได้รับการสนับสนุนจากแนวคิด ESG ที่ย่อมาจาก Environmental Social Governance ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักลงทุนสถาบันใหญ่ๆ อย่างกองทุนบำเหน็จบำนาญหรือบริษัทประกันต้องนำมาใช้พิจารณาการลงทุน

ถ้าบริษัทไหนไม่ผ่านเกณฑ์สิ่งแวดล้อมก็อาจถูกถอนเงินออก ทำให้หุ้นพลังงานสะอาดมีแรงซื้อคอยประคองราคาไว้ตลอด แม้ตลาดโดยรวมจะผันผวน

แต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้ง่ายและโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป

ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบเพราะมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น ต้นทุนเทคโนโลยีที่ยังสูงในบางส่วน ทำให้บางบริษัทต้องกู้เงินก้อนโตเพื่อสร้างโรงไฟฟ้า ส่งผลให้มีหนี้สินเยอะในช่วงแรก และถ้าดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้นก็อาจกดดันกำไรได้ การแข่งขันก็ดุเดือดเพราะมีผู้เล่นใหม่ๆ จากจีน ยุโรป และอเมริกาเข้ามาเยอะ

นอกจากนี้ นโยบายรัฐบาลในแต่ละประเทศอาจเปลี่ยนแปลงตามการเมือง เช่น การอุดหนุนเงินอุดหนุนลดลง หรือกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดขึ้น ทำให้บางโครงการชะลอตัวได้

ที่สำคัญคือเรื่อง Carbon Credit หรือสิทธิ์การปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นกลไกที่หลายประเทศใช้เพื่อควบคุมมลพิษ บริษัทโรงงานอุตสาหกรรมหนักที่ปล่อยคาร์บอนเยอะ เช่น โรงงานเหล็ก ปูนซีเมนต์ หรือโรงกลั่นน้ำมัน จะต้องซื้อเครดิตเหล่านี้จากบริษัทที่ผลิตพลังงานสะอาดและช่วยดูดซับหรือลดคาร์บอนได้ เช่น จากโครงการปลูกป่าหรือโรงไฟฟ้าลม ทำให้บริษัทพลังงานสะอาดมีรายได้เสริมที่น่าสนใจมาก

นอกเหนือจากการขายไฟฟ้าปกติ และในอนาคตตลาดคาร์บอนเครดิตนี้คาดว่าจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

อีกเรื่องที่กำลังเป็นเทรนด์ใหญ่คือ Energy Storage System หรือระบบกักเก็บพลังงาน

โดยเฉพาะแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เพราะพลังงานลมและแดดมีจุดอ่อนคือไม่เสถียร พึ่งพาสภาพอากาศ ลมไม่พัดหรือแดดไม่ออกก็ผลิตไฟไม่ได้ แต่ถ้ามีแบตเตอรี่กักเก็บไว้ใช้ตอนต้องการได้ ก็จะทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตออกมาน่าเชื่อถือมากขึ้น สามารถขายในราคาที่ดีกว่า และตอบสนองความต้องการไฟฟ้าตอนจุดสูงสุดได้

บริษัทที่ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีนี้ควบคู่ไปกับโรงไฟฟ้า เช่น การใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง flow battery จะมีข้อดีแข่งขันสูงมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาหลักของพลังงานหมุนเวียน และทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทนั้นพร้อมเติบโตยั่งยืนในระยะยาว

แบตเตอรี่คือตอนนี้ราคาต้นทุนกำลังลดลงอย่างรวดเร็วจากเศรษฐกิจการผลิตที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะจากโรงงานในจีน ทำให้การติดตั้งระบบกักเก็บคุ้มค่ามากขึ้น และหลายประเทศเริ่มบังคับให้โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต้องมีระบบเก็บพลังงานประกอบด้วย

โดยรวมแล้ว หุ้นในกลุ่มพลังงานสะอาดมีอนาคตที่สดใสมาก เพราะมันสอดคล้องกับทิศทางใหญ่ของโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืน แต่การเลือกลงทุนต้องเน้นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแรง ไม่มีหนี้ท่วมหัว มีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวที่มั่นคง และที่สำคัญคือมีเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงหรือการลงทุนในระบบกักเก็บพลังงาน เพราะบริษัทแบบนี้ถึงจะสามารถโตไปพร้อมกับกระแสเศรษฐกิจสีเขียวได้อย่างแท้จริง และให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในตอนนี้


แชร์ให้เพื่อน