ถ้าพูดถึงเรื่อง การขึ้นดอกเบี้ย ของธนาคารกลาง อย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารกลางในประเทศอื่นๆ เช่น เฟด (Federal Reserve) ของสหรัฐฯ คงมีหลายคนสงสัยว่า “มันคืออะไร?” “ทำไมต้องขึ้น?” แล้วมันจะทำให้ “เศรษฐกิจดี” หรือทำให้ “เราจนลง” กันแน่?
การขึ้นดอกเบี้ยคืออะไร และทำไมต้องทำ
ลองนึกภาพว่าเศรษฐกิจเหมือนรถยนต์ที่กำลังวิ่ง ถ้ารถวิ่งเร็วเกินไป (เศรษฐกิจร้อนแรง) อาจเสี่ยงชน หรือถ้าช้าเกินไป (เศรษฐกิจซบเซา) ก็อาจถึงจุดหมายช้า การขึ้นดอกเบี้ยก็เหมือน เหยียบเบรก เพื่อควบคุมความเร็วของรถให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ธนาคารกลาง (เช่น ธปท.) มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจให้สมดุล โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Policy Interest Rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้เป็นเกณฑ์ในการกู้ยืมหรือให้กู้ต่อประชาชนและธุรกิจ เมื่อธนาคารกลางปรับ ขึ้นดอกเบี้ย มันจะส่งผลให้
1. ต้นทุนการกู้ยืมแพงขึ้น
ประชาชนที่อยากกู้เงินซื้อบ้าน รถ หรือใช้บัตรเครดิต ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น
ธุรกิจที่อยากขยายโรงงานหรือลงทุน ก็ต้องคิดหนัก เพราะกู้เงินแพงขึ้น
2. ชะลอการใช้จ่าย
เมื่อกู้แพงขึ้น คนก็ใช้จ่ายน้อยลง เช่น ชะลอการซื้อของชิ้นใหญ่ หรือลดการผ่อนของ
ธุรกิจที่ยอดขายลดลง ก็อาจชะลอการลงทุนหรือจ้างงาน
3. ควบคุมเงินเฟ้อ
เป้าหมายหลักของการขึ้นดอกเบี้ยคือ ลดเงินเฟ้อ (Inflation) หรือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้นเร็วเกินไป
ถ้าเศรษฐกิจร้อนแรงเกิน (เช่น คนใช้เงินเยอะ สินค้าขาดแคลน ราคาพุ่ง) การขึ้นดอกเบี้ยจะช่วยลดความต้องการซื้อ (Demand) ทำให้ราคาสินค้าคงที่มากขึ้น
ตัวอย่างในชีวิตจริง ถ้าคุณผ่อนบ้านอยู่ เดือนละ 15,000 บาท แล้วดอกเบี้ยขึ้นจาก 3% เป็น 4% ค่างวดอาจเพิ่มเป็น 16,000-17,000 บาท คุณก็ต้องจ่ายมากขึ้น เงินที่เหลือไว้ใช้จ่ายก็ลดลง สุดท้ายคุณอาจซื้อของน้อยลง ซึ่งช่วยให้ราคาสินค้าในท้องตลาดไม่พุ่งสูงเกินไป
ดอกเบี้ยขึ้น = เศรษฐกิจดี
คำถามนี้ซับซ้อนหน่อย เพราะมันขึ้นอยู่กับ บริบท และ มุมมอง มาดูกันว่าในแง่ไหนที่การขึ้นดอกเบี้ยอาจบอกว่า “เศรษฐกิจดี”
1. สัญญาณว่าเศรษฐกิจร้อนแรง
การขึ้นดอกเบี้ยมักเกิดในช่วงที่เศรษฐกิจกำลัง เติบโตเร็ว เช่น คนมีงานทำเยอะ ใช้จ่ายเยอะ ธุรกิจลงทุนเยอะ ซึ่งทำให้เกิด เงินเฟ้อจากอุปสงค์ (Demand-pull Inflation)
ธนาคารกลางเลยต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อ ชะลอความร้อนแรง ไม่ให้เศรษฐกิจพุ่งจนเกินควบคุม
2. รักษาเสถียรภาพในระยะยาว
ถ้าปล่อยให้เงินเฟ้อสูงเกินไป (เช่น ราคาน้ำมัน ข้าวของ แพงขึ้นทุกวัน) จะทำให้คนวางแผนการเงินลำบาก เงินออมเสียมูลค่า และความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจอาจพัง
การขึ้นดอกเบี้ยช่วย ควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าเงินคงที่ และเศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
3. ป้องกันฟองสบู่
ในช่วงที่เศรษฐกิจดีเกินไป คนมักกู้เงินไปลงทุนในหุ้น อสังหาฯ หรือสินทรัพย์อื่นๆ จนราคาพุ่งสูงเกินจริง (ฟองสบู่)
การขึ้นดอกเบี้ยช่วยลดการกู้ยืมที่มากเกินไป ป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ที่ฟองสบู่แตกจนเศรษฐกิจไทยพัง
ในมุมนี้ การขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่สัญญาณว่าเศรษฐกิจ “ดีเลิศ” ในตอนนี้ แต่เป็นการบอกว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในจุดที่ ต้องควบคุม เพื่อให้ดีต่อไปในอนาคต ถ้าปล่อยให้ร้อนแรงเกินไป อาจพังได้ ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยคือการ รักษาสมดุล
ดอกเบี้ยขึ้น = ประชาชนจนลง
ในมุมของประชาชนทั่วไป การขึ้นดอกเบี้ยอาจรู้สึกเหมือน “ยิ่งจนลง” เพราะมันกระทบกระเป๋าเงินโดยตรง มาดูกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
1. ภาระหนี้แพงขึ้น
ถ้าคุณมีหนี้ เช่น ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือกดบัตรเครดิต โดยเฉพาะหนี้ที่ ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทันที
ตัวอย่าง: สินเชื่อบ้าน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% อาจจ่ายเดือนละ 10,000 บาท แต่ถ้าดอกเบี้ยขึ้นเป็น 4% อาจต้องจ่าย 11,000-12,000 บาท เงินที่เหลือไว้ใช้จ่ายก็ลดลง
2. กลุ่มเปราะบางกระทบหนัก
คนที่มีรายได้น้อยหรือปานกลาง และมีหนี้เยอะ จะรู้สึกถึงผลกระทบชัดเจน เพราะต้องแบกภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ถ้าเงินเดือนไม่ขึ้นตามเงินเฟ้อ หรือตกงาน อาจถึงขั้น ผิดนัดชำระหนี้ ทำให้เสียเครดิตหรือถูกยึดทรัพย์
3. การบริโภคและลงทุนลดลง
เมื่อดอกเบี้ยสูง คนจะระวังการใช้จ่ายมากขึ้น เช่น ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่เปลี่ยนรถใหม่
ธุรกิจที่เห็นยอดขายลดลง ก็อาจชะลอการจ้างงานหรือขยายกิจการ ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว
4. ความเสี่ยงภาวะถดถอย
ถ้าธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ย เร็วเกินไป หรือ มากเกินไป เศรษฐกิจอาจชะลอตัวมากจนเข้าสู่ ภาวะถดถอย (Recession) ซึ่งหมายถึงการว่างงานเพิ่มขึ้น รายได้ลดลง และทุกคนรู้สึก “จนลง” มากขึ้น
ตัวอย่าง: ในปี 2022-2023 เฟดของสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเร็วมากเพื่อสู้เงินเฟ้อ ทำให้หลายคนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจถดถอย
ในมุมนี้ การขึ้นดอกเบี้ยทำให้คนที่มีหนี้รู้สึก “จนลง” ในระยะสั้น เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น และการใช้จ่ายที่ลดลงอาจกระทบเศรษฐกิจโดยรวม
แล้วใครได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย
ถึงแม้ลูกหนี้จะลำบาก แต่ก็มีบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์นะ
1. คนที่มีเงินออม
ถ้าคุณมีเงินฝากในธนาคาร ดอกเบี้ยเงินฝากจะสูงขึ้น ทำให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น
ตัวอย่าง ฝากเงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 1% ได้ 1,000 บาทต่อปี แต่ถ้าดอกเบี้ยขึ้นเป็น 2% จะได้ 2,000 บาทต่อปี
2. นักลงทุนในตราสารหนี้
คนที่ลงทุนในพันธบัตรหรือกองทุนตราสารหนี้ จะได้ผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น
3. ผู้เกษียณหรือคนที่พึ่งพารายได้จากดอกเบี้ย
คนที่เกษียณแล้วและมีเงินออมเยอะ จะได้ประโยชน์จากการได้ดอกเบี้ยมากขึ้น ช่วยให้มีรายได้เพิ่ม
เกร็ดความรู้: ในประเทศไทย คนที่มีเงินออมเยอะมักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือคนรวย ซึ่งได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย ส่วนคนที่มีหนี้เยอะ (เช่น วัยทำงานที่ผ่อนบ้าน รถ) มักจะกระทบหนักกว่า
การขึ้นดอกเบี้ย การแลกเปลี่ยนที่ต้องยอมรับ
การขึ้นดอกเบี้ยคือ การแลกเปลี่ยน (Trade-off) ระหว่าง ความลำบากในระยะสั้น กับ ความยั่งยืนในระยะยาว
• เป้าหมายระยะยาว: ควบคุมเงินเฟ้อ ป้องกันฟองสบู่ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างสมดุล ไม่พังครืนในอนาคต
• ผลกระทบระยะสั้น: คนที่มีหนี้ต้องจ่ายแพงขึ้น อาจรู้สึก “จนลง” และเศรษฐกิจอาจชะลอตัว
เปรียบเทียบง่ายๆ
• มุมมอง “เศรษฐกิจดี”: การขึ้นดอกเบี้ยเหมือนการกินยาขมเพื่อรักษาโรค (เงินเฟ้อ) ช่วยให้ร่างกาย (เศรษฐกิจ) แข็งแรงในระยะยาว
• มุมมอง “จนลง”: ยาขมนั้นอาจทำให้เจ็บป่วย (ภาระหนี้เพิ่ม) และรู้สึกแย่ในตอนแรก โดยเฉพาะกับคนที่มีหนี้เยอะ
บริบทของประเทศไทยและทั่วโลก
1. บริบทประเทศไทย
ประเทศไทยมักขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้ว เพราะเศรษฐกิจเราเติบโตช้ากว่า และเงินเฟ้อไม่รุนแรงเท่า
ในปี 2023-2025 ธปท. ค่อยๆ ขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.5% ไปถึงราว 2.5% เพื่อรับมือเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันและต้นทุนนำเข้า แต่ก็ระวังไม่ให้ขึ้นเร็วเกินไป เพราะกลัวกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด
2. บริบทโลก
ในสหรัฐฯ เฟดขึ้นดอกเบี้ยจากเกือบ 0% ในปี 2020 ไปถึง 5.25-5.5% ในปี 2023 เพื่อสู้เงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี
ผลคือ ต้นทุนกู้ยืมทั่วโลกสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาที่มีหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์
3. ความท้าทายของธนาคารกลาง
การตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยต้อง สมดุล ถ้าขึ้นน้อยเกินไป เงินเฟ้ออาจพุ่ง ถ้าขึ้นมากเกินไป เศรษฐกิจอาจถดถอย
ธนาคารกลางต้องดูข้อมูลเยอะมาก เช่น อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงาน อัตราการเติบโตของ GDP และความเชื่อมั่นของประชาชน
สรุปการขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่เรื่องดีหรือร้าย แต่จำเป็น
การขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่สัญญาณว่าเศรษฐกิจดีหรือแย่ แต่เป็น เครื่องมือที่จำเป็น เพื่อรักษาความสมดุลของเศรษฐกิจ
→ สำหรับเศรษฐกิจโดยรวม: ช่วยควบคุมเงินเฟ้อ ป้องกันฟองสบู่ และทำให้เศรษฐกิจยั่งยืน
→ สำหรับประชาชน: อาจทำให้รู้สึก “จนลง” ในระยะสั้น โดยเฉพาะคนที่มีหนี้ แต่คนที่มีเงินออมจะได้ประโยชน์
สุดท้าย การขึ้นดอกเบี้ยเหมือนการขับรถบนถนนที่คดเคี้ยว ธนาคารกลางต้องเหยียบคันเร่งและเบรกให้เหมาะสม เพื่อพาเศรษฐกิจไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ส่วนประชาชนอย่างเราๆ ก็ต้องปรับตัว วางแผนการเงินให้ดี และระวังหนี้ในช่วงที่ดอกเบี้ยสูง

