ละคร 7ประจัญบาน 2553
ในยุคสมัยที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จ่าดับ จำเปาะ (อ๊อฟ พงษ์พัตน์) ทหารแห่งกองทัพไทยเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทาง เจอเรือของกองกำลังทหาร ร้อยโทโตโมะ (เอ็ม อภินันท์) ทรมานเชลยศึก คนไทยเห็นความทารุนไม่ไหวเข้าห้าม โตโมะกราดยิงชาวบ้านตายหมด จ่าดับเข้าตะลุยทหารญี่ปุ่นจนแพ้ จ่าดับดีใจที่ได้เอาคืนพวกใหญ่คับแผ่นดิน
พอถึงบ้าน พบเมียรักที่อุ้มท้องลูก 7 เดือน นอนจมกองเลือด โดยพวกโตโมะตามจองเวร สิ่งแทนใจสุดท้ายคือกางเกงแดงที่เย็บไว้รอสามี จ่าดับตั้งใจชำระแค้นส่วนตัวใส่กางเกงแดงควงปืน บุกค่ายทหารญี่ปุ่นแต่ถูกโตโมะและลูกน้องยำเละ โชคดีมีชายชุดดำมาช่วยชีวิตไว้ จ่าดับฟื้นขึ้นมาในฐานบัญชาการของ พล.ต.ท กัมปนาท (สรพงษ์ ชาตรี) ซึ่งมีภารกิจลับต่อต้านญี่ปุ่น จ่าดับเอาด้วย
งานแรกจ่าดับลุยเดี่ยวแต่เกือบเสียเรื่องเมื่อเจอลูกน้องเก่าอย่าง ดั้น มหิทธา (แบงค์ ปวริษฐ์) ที่กำลังจีบทหารญี่ปุ่นสาว จ่าดับต้องหนีทหาร ตังกวย (หนุ่ม กรรชัย) ช่วยจ่าดับจากทหารญี่ปุ่นไว้ทันที่บ่อน จากนั้นจ่าดับมาตามลูกน้องเก่า เหมาะ เชิงมวย (เจสัน ยัง) แต่ดันพูดผิดหูกับ อัคคี เมฆยันต์ (อาร์ต พศุตม์) หนุ่มสำอางเข้าของบ่อน จนเกิดตะลุมบอน กัมปนาทต้องเข้าสงบศึกและสั่งให้ทุกคนตามหา กล้า ตะลุมพุก (แมททิว ดีน) เป็นกุญแจอีกดอกที่สำคัญที่จะตบตาพาเข้าหาทหารญี่ปุ่น แต่พอจะลงมือ จุก เบี้ยวสกุล (ต๊อก ศุภกรณ์) มือระเบิดมัวแต่ปลุกพระในคอจนโตโมะล้อมจับทุกคนได้ จ่าดับกับพวกร่วมใจถล่มค่ายญี่ปุ่นจนย่อยยับ
ชื่อของ 7 ประจัญบาน ถูกกล่าวขาน โดยการโพนทะนาของ จ่าอึ่ง (กล้วย เชิญยิ้ม) และ เจ๊อ่าง (อ้น ศรีพรรณ) ที่ค้าขายกับญี่ปุ่น แต่ในใจเชียร์พวก 7 ประจัญบาน ด้าน พลเรือเอก มาซาฮารุ (ปริญญ์ วิกานต์) เร่งให้โตโมะกำจัดพวก 7 ประจัญบาน ส่วนกัมปนาททำทีช่วยฝ่ายญี่ปุ่นจนรู้ความลับเรื่องญี่ปุ่นเร่งหาเหล็กน้ำพี้ จ่าดับไปที่วัด ระหว่างทางได้ช่วย เพียงจันทร์ (ฝน กุณณัฏฐ์) ลูกสาวของ หลวงไพรัชพิสิทธิ์ นายทหารใหญ่ (หมู สมภพ) จากเหตุการณ์ทิ้งระเบิด แต่เพียงจันทร์ก็ถูกลูกน้องของโตโมะพากลับไป ไม่นานงานหมั้นเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างเพียงจันทร์กับโตโมะก็ถูกจัดขึ้น
จ่าดับและพวกได้เบาะแสเรื่องเหมืองเหล็กจึงออกตามหา ระหว่างทาง ดั้น มหิทธาได้ช่วย ขมิ้น (ฝน พัชรินทร์) ลูกสาวของ ลุงโชติ ช่างตีเหล็กมือหนึ่ง (ไกรลาศ เกรียงไกร)ไว้จากพวกญี่ปุ่น ขมิ้นจึงปลอมตัวเป็นชายเพื่อขอนำทาง 7 ประจัญบาน เข้าป่า ระหว่างนั้น เหมาะ เชิงมวยได้ขอไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยที่หมู่บ้าน และบังเอิญไปช่วย ยูริ (มิ้ม อัมราภัสร์ จุลกะเศียน) เจ้าหน้าที่ทหารญี่ปุ่นไว้จากหน่วยต่อต้าน เหมาะกับยูริเหมือนรักแรกพบ แต่ด้วยเชื้อชาติก็ได้แต่หักห้ามใจ
การตามล่าเข้มข้นขึ้นทันที เมื่อพวก 7 ประจัญบาน เข้าใกล้บ่อพระแสง เป็นบ่อศักดิ์สิทธ์ที่ตระกูลของ เกสร (กนกกร ใจชื่น) สาวชาวบ้านสืบทอดรักษาไว้ 7 ประจัญบาน ปลอมตัวเป็นชาวบ้านเข้าไปในเหมือง พวกญี่ปุ่นทิ้งศพแรงงานชาวบ้านสร้างความเจ็บแค้นให้คนไทยทุกคนที่ต้องฝังศพเพื่อนร่วมชาติ
ที่กองบัญชาการญี่ปุ่น เพียงจันทร์แกล้งเป็นคู่หมั้นที่ดีเพื่อหลอกล้วงความลับให้พวกจ่าดับ แต่โตโมะจับได้ การปะทะครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ขมิ้นพาเพียงจันทร์ลอบหนี แต่ถูกยูริสายลับญี่ปุ่นขัดขวางไว้ กัมปนาทตามมาช่วยกลุ่มผู้หญิงให้รอด
หลังพักรบ จ่าดับกับเพียงจันทร์ได้เรียนรู้กันและกัน แต่จ่าดับตั้งกำแพงหัวใจไว้แน่นหนาเพราะไม่ลืมการตายของเมีย ทำให้เพียงจันทร์น้อยใจ ตรงข้ามกับดั้นและอัคคีที่แย่งกันจีบขมิ้น งานแต่งของเพียงจันทร์กับโตโมะถูกเลื่อนออกไป เพียงจันทร์รีบมาบอกจ่าดับ แต่ยังไม่ทันถึงบ้านของ 7 ประจัญบาน เพียงจันทร์ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ จ่าดับร้อนใจที่เพียงจันทร์หายตัวไปเหมือนโตโมะ กัมปนาทได้เบาะแสจาก นายพลพัลลภ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ว่าญี่ปุ่นกำลังเคลื่อนย้ายของสำคัญ นายทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ดันแคน (ปีเตอร์ ธนะสูตร) ให้ข้อมูลญี่ปุ่นยังไม่วางมือจากแผนบันได 3 ขั้นเพื่อพิชิตศึก
ภารกิจตามล้างศัตรูและตามหาหัวใจคืนเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด ยูริถูกวางมือเป็นมือสังหารตามล่าพวก 7 ประจัญบาน เกสรขอตามไปแก้แค้น ขมิ้นเองก็ขอพักรักมาเริ่มรบและสัญญาว่าเสร็จงานแล้วถึงจะเสี่ยงหัวก้อยเลือกระหว่างอัคคีกับดั้น 7 ประจัญบาน ตามรอยขบวนเคลื่อนย้ายญี่ปุ่นจนมาถึงหมู่บ้านชายแดน พบชาวบ้านนอนตายอย่างไร้ร่องรอยการต่อสู้ จู่ ๆ เกสรล้มป่วย ตังกวยขอถอนตัวไปต่อเพื่อพยาบาลเกสร คนที่เหลือเดินทางต่อไป ระหว่างทางขมิ้นล้มลงอีกคน อัคคีกับดั้นแทบฆ่ากันตายเพราะต่างโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุทำให้ขมิ้นเครียด ด้านจ่าดับก็มีอาการหายใจอึดอัดแต่เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งตามขบวนขนย้ายทันแต่แล้วกลับพบร่างเพียงจันทร์ถูกทิ้งในป่า ในสภาพคนป่วยหนัก เพียงจันทร์แข็งใจบอกความลับที่น่าสะพรึงกลัวว่า คือขบวนขนย้ายกำลังขนส่งแก๊สพิษ เพื่อไปทดลองโปรยลงต้นน้ำ และเธอคือหนึ่งในคนที่โตโมะจับตัวมาให้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลอง เพื่อแก้แค้น จ่าดับแทบคลั่งออกตามลากตัวโมโตะเพื่อหยุดยั้งแผนชั่วและเอายาแก้พิษมาให้เพียงจันทร์ เกสร และขมิ้น
ที่กองบัญชาการกรุงเทพฯ กัมปนาท ถูก นายพลพัลลภ คนไทยขายชาติที่ลอบขายข่าวให้พลเรือเอก มาซาฮารุ ใส่ความว่าเป็นมือสังหารเตรียมฆ่าท่านผู้นำ แต่หลวงไพรัชพิสิทธิ์ สั่งลูกน้องแหกคุกพากัมปนาทหนีก่อนถูกยิ่งเป้า และกัมปนาทลอบเข้าถึงตัวท่านผู้นำเพ่อเปิดโปงการกระทำของนายพลพัลลภ ด้านพลเรือเอกมาซาฮารุ ส่งยูริมาฆ่าปิดปากนายพลพัลลภ เพราะกลัวจะเปิดเผยแผลการลับ จากนั้นมาซาฮารุสั่งถอนกองกำลังกลับ ยูริสังหรณ์ใจว่าต้องถูกปิดปาก ยูริคิดถึงและห่วงใยเหมาะ จึงยอมทรยศลอบขโมยยาถอนพิษ และมุ่งหน้าไปหา 7 ประจัญบาน 7 ประจัญบาน จะสามารถหยุดยั้งแผนชั่วของโตโมะได้หรือไม่ และยูริจะนำยาถอนพิษมาช่วยชีวิตเพียงจันทร์ เกสร ขมิ้นได้ทันเวลาหรือไม่ ต้องติดตามชมต่อใน ละคร 7 ประจัญบาน
ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์ดั้งเดิมของ ส.อาสนจินดา
บทโทรทัศน์โดย : สิงห์พยศ
กำกับการแสดงโดย : วีระชัย รุ่งเรือง
ดำเนินการโดย : บริษัท สุขสันต์หรรษา 52 จำกัด
นักแสดง
พงษ์พัตน์ วชิระบรรจง รับบทเป็น จ่าดับ จำเปาะ
เจสัน ยัง รับบทเป็น เหมาะ เชิงมวย
กรรชัย กำเนิดพลอย รับบทเป็น ตังกวย แซ่ลี้
พศุตม์ บานแย้ม รับบทเป็น อัคคี เมฆยันต์
ปวริษฐ์ มงคลพิสิฐ รับบทเป็น ดั้น มหิทธา
แมททิว ดีน รับบทเป็น กล้า ตะลุมพุก
ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ รับบทเป็น จุก เบี้ยวสกุล
กุณณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ รับบทเป็น เพียงจันทร์
พัชรินทร์ จัดกระบวนพล รับบทเป็น ขมิ้น
อัมราภัสร์ จุลกะเศียน รับบทเป็น ยูริ
กนกกร ใจชื่น รับบทเป็น เกสร
ทีเซีย เดนนิส รับบทเป็น ชะอม
สรพงษ์ ชาตรี รับบทเป็น พล.ต.ท. กัมปนาท
อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล รับบทเป็น ร้อยโท โตโมะ
เศรษฐา ศิระฉายา รับบทเป็น เฮียเหลา
และนักแสดงอีกคับคั่ง
7 ประจัญบาน ภาพยนตร์ไทยแนว บู๊ ตลก จากการกำกับของ เฉลิม วงค์พิมพ์ ซึ่งออกฉายเมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี พ.ศ. 2545 โดย 7 ประจัญบาน เรื่องนี้ดัดแปลงจากภาพยนตร์ภาคที่ 3 ในภาพยนตร์ชุด หนึ่งต่อเจ็ด ที่ออกฉายที่ โรงภาพยนตร์คาร์เธ่ย์ เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2506
ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2520 ทาง สหมงคลฟิล์ม ได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้มาสร้างแล้วครั้งหนึ่ง จากการกำกับของ วิเชียร วีระโชติ นำแสดงโดย
ทักษิณ แจ่มผล ในบท จ่าดับ จำเปาะ
ลักษณ์ อภิชาติ ในบท เหมาะ เชิงมวย
ศรีไพร ใจพระ ในบท ตังกวย แซ่ลี้
กรุง ศรีวิไล ในบท อัคคี เมฆยันต์
สรพงศ์ ชาตรี ในบท ดั่น มหิทธา
นิรุตติ์ ศิริจรรยา ในบท กล้า ตะลุมพุก
สายัณห์ จันทรวิบูลย์ ในบท จุก เบี้ยวสกุล
จากนั้นได้มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาดัดแปลงสร้างในรูปแบบละครโทรทัศน์เมื่อปี พ.ศ. 2553 ออกอากาศทาง ช่อง 3 โดยได้ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ซึ่งรับบท จ๋าดับ จำเปาะ ฉบับปี พ.ศ. 2545 กลับมารับบทเดิมร่วมด้วย สรพงศ์ ชาตรี ซึ่งรับบท ดั่น มหิทธา ในฉบับปี พ.ศ. 2520