ธี่หยด Death Whisperer 2023 หมู่บ้านห่างไกลในจังหวัดกาญจนบุรี ปี พ.ศ. 2515 ที่บรรยากาศมันชวนขนลุกตั้งแต่ต้นเรื่องเลย เรื่อง “ธี่หยด” เริ่มจากข่าวสะเทือนขวัญ เด็กสาวในหมู่บ้านตายแบบปริศนา พร้อมกับเสียงหลอน ๆ ที่ดังยามค่ำคืนว่า “ธี่หยด… ธี่หยด…” เสียงนี้ไม่ใช่แค่ลมพัดใบไม้ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความสยองที่ครอบครัวหนึ่งต้องเผชิญ เรื่องราวโฟกัสที่ครอบครัวของ “ยักษ์” ทหารหนุ่มที่เพิ่งปลดประจำการ ได้รับโทรเลขด่วนจาก ประพันธ์ เพื่อนทหารให้รีบกลับบ้าน เพราะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แม่ของเขา บุญเย็น บอกว่า “แย้ม” น้องสาวคนเล็กเริ่มมีอาการแปลก ๆ หลังจากเจอหญิงชุดดำลึกลับขณะเดินกลับจากโรงเรียน แย้มเริ่มป่วยหนัก ทุกคืนจะตื่นขึ้นมาจ้อง หยาด (พี่สาว) ด้วยสายตาน่ากลัว และที่หลอนกว่านั้นคือทุกครั้งที่หยาดได้ยินเสียง “ธี่หยด” เธอจะสลบไปจนถึงเช้าแบบไม่รู้ตัว
ยักษ์, ยศ, และ ยอด พี่ชายทั้งสามคนเริ่มสงสัยว่าแย้มไม่ปกติแน่ ๆ คืนหนึ่งยักษ์ตัดสินใจเฝ้าน้องสาวทั้งคืน แล้วก็ได้ยินเสียง “ธี่หยด” เองกับตัว เขาพยายามฝืนไม่ให้สลบด้วยการเอามือไปอังไฟ (โหดไปไหม) แล้วคว้าปืนไล่ยิงอะไรก็ไม่รู้ไปทั่วไร่ สุดท้ายพบว่าแย้มสลบอยู่ใกล้กอไผ่ พี่ชายรีบพาน้องกลับบ้าน แต่เรื่องยังไม่จบ
ประพันธ์ พา หมอผี มาช่วย หมอผีบอกว่าแย้มถูกผีร้ายเล่นงาน เพราะร่างของแย้มมี “พลังทิพย์” (เคยเกือบตายจากไข้มาลาเรียตอนเด็ก ทำให้เป็นเป้าหมายของผี) ผีตัวนี้ไม่ใช่ผีธรรมดา มันชอบเล่นกับจิตใจคน หมอผีตามหาต้นตอของความชั่วร้ายจนเจอกับกอไผ่ที่ เฮียฮั่ง พ่อของแย้มรักมาก หมอผีสั่งโค่นกอไผ่ทิ้ง แล้วเจอของสยองที่ผีทิ้งไว้ ยักษ์จัดการเผาทิ้ง แย้มสลบไปแต่ยังโคม่า หมอผีสั่งให้รีบพาไปโรงพยาบาล โดยต้องให้คนจิตแข็งอย่างยักษ์เป็นคนขับ
ระหว่างทาง เรื่องดาร์กสุด ๆ ผีชุดดำสิงแย้มอีกครั้ง และคราวนี้มันเผยว่าใจจริงอยากได้ร่างของ ยี่ (น้องเล็กสุด) แต่เพราะแย้ม “สนุก” มันเลยเลือกแย้มเป็นตัวตายตัวแทน ยักษ์ไม่ยอม คว้ามีดแทงแขนแย้มให้เลือดออกเพื่อทำลายพลังทิพย์ ผีชุดดำร้องลั่นก่อนหลุดจากร่าง แล้วยักษ์ซัดด้วยกระสุนอาคมจนผีสลายไป
ในที่สุด ยักษ์พาแย้มถึงโรงพยาบาล อาการดีขึ้น ทุกคนโล่งใจ คิดว่าจบสวย แต่… คืนก่อนแย้มจะออกจากโรงพยาบาล หยาดได้ยินเสียง “ธี่หยด” อีกครั้ง แย้มลุกขึ้นนั่ง ถอนฟันให้หยาดหนึ่งซี่ พร้อมพูดว่า “หมดเวลาของเธอแล้ว” หยาดรู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่แย้ม แต่เป็นผีชุดดำที่มาบอกลา ก่อนที่แย้มจะชักดิ้นชักงอและเสียชีวิตในที่สุด
หลังงานศพ ยักษ์กลับไปที่ศาลเพียงตา ต้นตอของเรื่องทั้งหมด เขาคว้าขวานฟาดศาลทิ้งและเผามันให้วอด พร้อมหวังว่าผีชุดดำจะหายไปตลอดกาล แต่ถ้ามันยังไม่จบ ยักษ์พร้อมล่ามันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตาย
เรื่องนี้ผสมความสยองขวัญแบบไทย ๆ กับดราม่าครอบครัวได้เข้มข้นมาก ผีชุดดำนี่ทั้งหลอนทั้งเจ้าเล่ห์ ส่วนยักษ์คือตัวเอกที่เดือดและเด็ดขาดสุด ๆ ใครชอบหนังผีที่ไม่ใช่แค่ jump scare แต่มีปมให้ลุ้น เรื่องนี้คือต้องดู ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของ ธี่หยด Death Whisperer 2023
ในหมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งกาญจนบุรี ปี พ.ศ. 2515 เงามืดแห่งความสยองได้คืบคลานเข้ามาเงียบ ๆ เสียงกระซิบชวนขนลุก “ธี่หยด… ธี่หยด…” ดังก้องยามราตรี ขณะที่เด็กสาวในหมู่บ้านล้มตายลงโดยไร้ร่องรอยสาเหตุ ทิ้งไว้เพียงความหวาดกลัวและปริศนา
ยักษ์ ทหารหนุ่มผู้ผ่านสมรภูมิมาโชกโชน ได้รับโทรเลขด่วนจาก ประพันธ์ สหายสนิท กระตุ้นให้เขารีบกลับสู่บ้านเกิด เมื่อก้าวเท้าสู่เรือนไม้เก่าแก่ของครอบครัว แม่ บุญเย็น ผู้เป็นที่พึ่งทางใจเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า แย้ม น้องสาวผู้น่ารักเริ่มมีพฤติกรรมประหลาด หลังจากวันที่เธอเผชิญหน้ากับหญิงชุดดำลึกลับระหว่างทางกลับจากโรงเรียน ดวงตาของแย้มว่างเปล่า ทุกคืนเธอจะลุกขึ้นจ้องมอง หยาด พี่สาวด้วยแววตาที่เย็นเยียบราวไร้วิญญาณ และเมื่อเสียง “ธี่หยด” ดังขึ้น หยาดจะสิ้นสติไปจนรุ่งสาง โดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในยามที่เธอหลับใหล
ยศ และ ยอด สองพี่ชายของแย้มเริ่มสัมผัสได้ถึงภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเงามืด พวกเขาร่วมมือกับยักษ์เพื่อปกป้องน้องสาว คืนหนึ่ง ยักษ์ตัดสินใจเผชิญหน้ากับความน่าสะพรกลัว เขานั่งเฝ้าแย้มด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว เมื่อเสียง “ธี่หยด” ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน แต่ด้วยความมุ่งมั่น เขากัดฟันเอามืออังไฟเพื่อข่มความกลัว แล้วคว้าปืนออกไล่ยิงไปในความมืดของท้องไร่ ราวกับจะขับไล่วิญญาณร้ายให้สิ้นซาก แต่สิ่งที่พบคือแย้มที่นอนสลบอยู่ใกล้กอไผ่เก่าแก่ ราวกับถูกบางสิ่งลากตัวไป
ประพันธ์ นำ หมอผี ผู้มากประสบการณ์เข้าสู่เรือน เมื่อหมอผีเห็นอาการของแย้ม เขาตระหนักทันทีว่านี่คือวิญญาณร้ายที่ครอบงำจิตใจมนุษย์ มันเลือกแย้มเพราะร่างของเธอมี “พลังทิพย์” อันเกิดจากครั้งที่เธอเกือบตายจากไข้มาลาเรียในวัยเด็ก หมอผีนำทางครอบครัวไปสู่กอไผ่ที่ เฮียฮั่ง ผู้เป็นบิดาเคยรักยิ่ง ที่นั่น พวกเขาค้นพบของสกปรกที่วิญญาณร้ายทิ้งไว้ ยักษ์จุดไฟเผามันให้มอดไหม้ หวังว่าพลังร้ายจะสูญสลาย แต่แย้มยังคงอยู่ในอาการโคม่า หมอผีสั่งให้รีบพาเธอไปโรงพยาบาล โดยต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งเท่านั้น ยักษ์จึงรับหน้าที่ขับรถพาน้องสาวฝ่าค่ำคืนอันมืดมิด
ระหว่างทาง วิญญาณชุดดำปรากฏตัวในร่างแย้ม มันร่ายมนต์หมายให้ยักษ์หลับในและรถเสียหลัก มันกระซิบความจริงอันน่าสะพรกลัวว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือ ยี่ น้องสาวคนเล็กสุด แต่เพราะความสนุกในการครอบงำแย้ม มันจึงเลือกยึดร่างของเธอเป็นตัวตายตัวแทนของ ยายช่วย วิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้น ยักษ์ไม่ยอมจำนน เขาคว้ามีดแทงลงที่แขนแย้มให้เลือดไหล เพื่อทำลายพลังทิพย์ เสียงร้องโหยหวนของวิญญาณชุดดำดังก้องเมื่อมันถูกขับออกจากร่าง ยักษ์คว้าปืนที่บรรจุกระสุนอาคม ยิงใส่วิญญาณร้ายจนมันแตกสลายในแสงไฟ
แย้มรอดชีวิต และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการของเธอดีขึ้น ครอบครัวเริ่มมีความหวัง แต่ในคืนสุดท้ายก่อนที่แย้มจะได้กลับบ้าน หยาดได้ยินเสียง “ธี่หยด” อีกครั้ง แย้มลุกขึ้นนั่ง ถอนฟันหนึ่งซี่มอบให้หยาด พร้อมกระซิบว่า “หมดเวลาของเธอแล้ว” หยาดตระหนักด้วยใจที่สั่นเทาว่านั่นไม่ใช่น้องสาวของเธอ แต่เป็นวิญญาณชุดดำที่มาบอกลา สิ้นคำพูด แย้มล้มลง ชักดิ้นชักงอ และจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังงานศพ ยักษ์เดินทางกลับสู่ศาลเพียงตา ต้นตอของความชั่วร้าย ด้วยขวานในมือ เขาฟาดลงบนศาลนั้นอย่างไม่ลังเล และจุดไฟเผามันให้มอดไหม้ เขายืนมองเปลวเพลิงด้วยสายตาแน่วแน่ หวังว่าวิญญาณร้ายจะสูญสิ้น แต่ในใจลึก ๆ เขารู้ดีว่า หากมันยังคงอยู่ เขาจะต้องไล่ล่ามันจนกว่าฝ่ายหนึ่งจะถึงจุดจบ
“ธี่หยด” ไม่ใช่แค่หนังผีที่เน้นหลอกหลอน แต่มีดราม่าครอบครัวที่หนักแน่นมาก ความสัมพันธ์ของพี่น้องและความเสียสละของยักษ์คือจุดที่ทำให้เรื่องนี้มีมิติ ผีชุดดำนี่ทั้งเจ้าเล่ห์และน่ากลัว ต่อไปนี้คือจุดเด่นของ ธี่หยด Death Whisperer 2023
บรรยากาศไทย ๆ แบบย้อนยุค
หนังเซ็ตฉากในยุค 70s ได้เนียนมาก บ้านไม้เก่า ๆ กอไผ่ที่ดูหลอน ๆ และแสงไฟสลัว ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนไปอยู่ในหมู่บ้านนั้นจริง ๆ การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายดีงาม ดูแล้วนึกถึงหนังผีไทยสมัยก่อน แต่ก็ยังทันสมัยในแบบที่คนรุ่นใหม่ดูแล้วอิน
ความหลอนที่ไม่ใช่แค่ Jump Scare
เสียง “ธี่หยด” นี่คือ MVP ของความสยองเลย! มันไม่ใช่แค่เสียงผีทั่วไป แต่เป็นเหมือนคำสาปที่ค่อย ๆ คืบคลาน ฉากที่แย้มตื่นขึ้นจ้องหยาดตอนกลางคืน หรือตอนที่ยักษ์ได้ยินเสียงแล้วต้องฝืนไม่ให้สลบ ทำเอาขนลุกซู่ ผีชุดดำในเรื่องนี้ก็น่ากลัวแบบมีมิติ เพราะมันเจ้าเล่ห์และมีปมให้คนดูอยากรู้ว่า “มันคืออะไรกันแน่?”
การแสดงที่ขโมยใจ
ณเดชน์ ในบทยักษ์คือเด็ดสุด! เขาเล่นเป็นพี่ชายที่ทั้งเดือดและเสียสละได้อย่างถึงอารมณ์ ฉากที่ยักษ์คว้าปืนยิงผีหรือตอนตัดสินใจแทงแขนแย้มคือทั้งลุ้นทั้งสะเทือนใจ ส่วน เดนิส เจลีลชา คัปปุน (หยาด) และ รัตนวดี วงศ์ทอง (แย้ม) ก็ถ่ายทอดความกลัวและความผูกพันของพี่น้องได้ดี ตัวละครรองอย่าง บุญเย็น (แม่) และ หมอผี ก็เพิ่มสีสันให้เรื่องไม่น่าเบื่อ
ดราม่าครอบครัวที่หนักแน่น
นอกจากความหลอน หนังยังพูดถึงสายสัมพันธ์ในครอบครัวได้ลึกซึ้ง การที่ยักษ์, ยศ, ยอด และหยาดพยายามปกป้องแย้มจากผีร้าย ทำให้คนดูรู้สึกถึงความรักและความเสียสละ ฉากตอนจบที่แย้มจากไปคือน้ำตาไหลเลย
คะแนน 8.5/10 เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังผีที่มีเรื่องราวเข้มข้น ไม่เน้นแค่ความหลอนแต่มีปมให้ลุ้น ถ้าคุณอยากสัมผัสบรรยากาศผีไทยแบบถึงแก่น แนะนำให้ดูเลย
“ธี่หยด” เป็นหนังผีไทยที่ผสมผสานความสยองแบบดั้งเดิมเข้ากับดราม่าครอบครัวได้ลงตัวสุด ๆ เสียง “ธี่หยด” จะติดอยู่ในหัวคุณไปอีกนาน ฉากที่ยักษ์เผาศาลเพียงตาหรือตอนที่แย้มถอนฟันให้หยาดคือจำฝังใจ หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หลอน แต่ยังทำให้รู้สึกผูกพันกับตัวละคร โดยเฉพาะยักษ์ที่เป็นทั้งฮีโร่และมนุษย์ที่มีความกลัวเหมือนเรา
ตั้งแต่ฉากแรกที่ได้ยินเสียง “ธี่หยด… ธี่หยด…” ดังมาในความมืด บอกเลยว่าใจมันเต้นตึกตัก เสียงนี้ไม่ใช่แค่เอฟเฟกต์ธรรมดา แต่มันเหมือนคำสาปที่คอยหลอกหลอนทั้งตัวละครและคนดู ฉากที่ แย้ม ลุกขึ้นจ้อง หยาด ด้วยตาว่างเปล่าตอนกลางคืนนี่คือหลอนระดับสิบ มันไม่ใช่ jump scare แบบผีโผล่มาปุ๊บแล้วจบ แต่มันค่อย ๆ สร้างความกดดันจนเรารู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้านไม้เก่า ๆ กับครอบครัวนั้นจริง ๆ บรรยากาศยุค 70s ในหมู่บ้านกาญจนบุรีก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า “นี่มันผีไทยของแท้เลย!”
สิ่งที่ทำให้ ธี่หยด แตกต่างจากหนังผีทั่วไปคือสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่หนักแน่นมาก ยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ในบทพี่ชายคนโตคือฮีโร่ที่ทั้งเท่และมนุษย์มาก ๆ ฉากที่เขาต้องตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาดเพื่อปกป้องน้องสาวอย่างแย้มนี่ทั้งลุ้นทั้งน้ำตาคลอ โดยเฉพาะตอนที่เขาเอามีดแทงแขนแย้มเพื่อขับผีออก ใจเรานี่สั่นเลย รู้ว่าเขาทำเพื่อช่วยน้อง แต่ก็อดเจ็บแทนไม่ได้ ส่วน หยาด, ยศ, และ ยอด ก็ทำให้เห็นว่าครอบครัวนี้รักกันแค่ไหน ทุกคนพร้อมสู้เพื่อกันและกัน ดูแล้วนึกถึงครอบครัวตัวเองเลยว่า ถ้าเจออะไรแบบนี้ เราจะปกป้องคนที่รักได้ขนาดนี้มั้ย?
ไม่สปอยล์มาก แต่บอกเลยว่าตอนจบของเรื่องนี้คือจุดพีคที่ทำให้ใจหายวูบ ฉากที่หยาดได้ยินเสียง “ธี่หยด” อีกครั้งในโรงพยาบาล แล้วแย้มทิ้งอะไรไว้ให้หยาดพร้อมคำพูดสุดหลอนนี่คือน้ำตาแตกเลย มันไม่ใช่แค่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกสูญเสียที่หนักหน่วง หนังทำให้เราอินกับตัวละครมากจนรู้สึกเหมือนเสียคนในครอบครัวไปจริง ๆ และตอนที่ ยักษ์ กลับไปจัดการกับศาลเพียงตาด้วยขวานและไฟ มันทั้งสะใจทั้งเศร้า เพราะรู้ว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าความชั่วร้ายมันจบลงจริงหรือเปล่า
“ธี่หยด” คือหนังผีไทยที่ครบรส ทั้งหลอนจนขนลุก ดราม่าจนน้ำตาไหล และลุ้นจนนั่งไม่ติด รู้สึกเหมือนได้ไปผจญภัยในหมู่บ้านนั้นจริง ๆ มันทำให้เรากลัวผีไปพร้อม ๆ กับเห็นคุณค่าของครอบครัว ถ้าคุณชอบหนังผีที่ไม่ได้มีแค่ความน่ากลัว แต่มีเรื่องราวที่ลึกซึ้ง เรื่องนี้คือต้องดู ดูจบแล้วอยากชวนเพื่อนมาคุยต่อเลยว่า “แกได้ยิน ‘ธี่หยด’ ในหัวมั้ย?”
ธี่หยด Death Whisperer 2023
ธี่หยด Death Whisperer 2023
ย้อนไปปี พ.ศ. 2515 ที่หมู่บ้านห่างไกลในกาญจนบุรี บรรยากาศมันชวนสยองตั้งแต่ต้นเลย เริ่มจากข่าวเด็กสาวในหมู่บ้านตายแบบปริศนา พร้อมกับเสียงสุดหลอน “ธี่หยด… ธี่หยด…” ที่ดังขึ้นตอนกลางคืน ฟังแล้วขนลุกเลยอะ ตัวเอกของเรา ยักษ์ (รับบทโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ สุดหล่อ) เป็นทหารที่เพิ่งปลดประจำการ ได้รับโทรเลขด่วนจาก ประพันธ์ เพื่อนสนิท บอกว่าให้รีบกลับบ้านด่วนเลย เพราะมีเรื่องใหญ่
พอถึงบ้าน บุญเย็น คุณแม่ของยักษ์เล่าว่าหมู่บ้านกำลังแตกตื่น เพราะเด็กสาวตายแบบน่าสยดสยอง แถม แย้ม น้องสาวคนเล็กเริ่มมีอาการแปลก ๆ หลังจากเจอหญิงชุดดำลึกลับตอนเดินกลับจากโรงเรียน อาการแย้มหนักขึ้นทุกวัน กลางคืนจะลุกขึ้นจ้อง หยาด (พี่สาว) ด้วยสายตาแบบ… น่ากลัวมาก แล้วทุกครั้งที่หยาดได้ยินเสียง “ธี่หยด” เธอจะสลบไปจนถึงเช้าเลย ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ยักษ์ไม่รอช้า เรียก ยศ กับ ยอด พี่ชายอีกสองคนมาช่วยกันจับตาดูแย้ม คืนหนึ่งยักษ์ตัดสินใจนั่งเฝ้าแย้มทั้งคืน แล้วเขาก็ได้ยินเสียง “ธี่หยด” เอง ตอนนั้นยักษ์เกือบสลบ แต่เขาเดือดมาก เอามือไปอังไฟเพื่อให้ตัวเองตื่น แล้วคว้าปืนวิ่งออกไปยิงมั่ว ๆ ในไร่เลย ทุกคนในบ้านแบบ “พี่ยักษ์เป็นอะไร?!” สุดท้าย ยศ กับ ยอด ไปเจอแย้มสลบอยู่ใกล้กอไผ่ เลยรีบพาน้องกลับบ้าน
วันต่อมา ประพันธ์ พา หมอผี ตัวตึงมาช่วย หมอผีเห็นแย้มปุ๊บ บอกเลยว่านี่ไม่ใช่ผีธรรมดา มันเป็นผีที่ชอบเล่นกับจิตใจคน และเลือกแย้มเพราะร่างของเธอมี “พลังทิพย์” (คือเคยเกือบตายจากไข้มาลาเรียตอนเด็ก ทำให้ผีชอบร่างแบบนี้) บุญเย็น คุณแม่ถึงกับช็อก เพราะรู้ว่านี่คือสาเหตุที่แย้มตกเป็นเป้าหมาย หมอผีตามหาต้นตอจนเจอกอไผ่ที่ เฮียฮั่ง คุณพ่อรักมาก ปรากฏว่าในกอไผ่นั้นมีของสยองที่ผีทิ้งไว้ หมอผีสั่งให้ยักษ์เผาทิ้งทั้งหมด พอไฟมอด แย้มสลบไปแต่ยังโคม่า หมอผีบอกให้รีบพาไปโรงพยาบาล โดยต้องให้คนจิตแข็งขับรถ ซึ่งก็ต้องเป็นยักษ์นี่แหละ
ศึกบนถนนสุดระทึก
ตอนนี้คือพีคของพีค ระหว่างที่ยักษ์ขับรถพาแย้มไปโรงพยาบาล ผีชุดดำมันกลับมาสิงแย้มอีกครั้ง คราวนี้มันร่ายมนต์ให้ยักษ์หลับใน หวังให้รถชนตายยกคันเลย แล้วผีมันก็เผยความลับสุดช็อกว่า ที่จริงมันอยากได้ร่างของ ยี่ น้องคนเล็กสุด แต่เพราะแย้ม “สนุก” มันเลยเลือกยึดร่างแย้มเป็นตัวตายตัวแทนของ ยายช่วย แทน ผีตัวนี้ร้ายกาจมาก
ยักษ์เห็นท่าไม่ดี คว้ามีดแทงแขนแย้มให้เลือดออก เพื่อทำลายพลังทิพย์ ผีชุดดำร้องลั่นแบบสุดสะพรึง ก่อนหลุดออกจากร่างแย้มไปเลย ยักษ์ไม่รอช้า คว้าปืนที่ใส่กระสุนอาคมยิงใส่ผีชุดดำจนมันสลายไปในพริบตา ฉากนี้คือลุ้นจนตัวเกร็ง สะใจสุด ๆ
ยักษ์พาแย้มถึงโรงพยาบาลได้ อาการแย้มดีขึ้น ครอบครัวเริ่มมีความหวัง ทุกคนแบบ “จบแล้วใช่มั้ย?” แต่ คืนก่อนที่แย้มจะออกจากโรงพยาบาล หยาด ได้ยินเสียง “ธี่หยด” อีกครั้ง แย้มลุกขึ้นนั่ง ถอนฟันให้หยาดหนึ่งซี่ แล้วพูดว่า “หมดเวลาของเธอแล้ว” หยาดถึงกับช็อก เพราะรู้ว่านั่นไม่ใช่แย้ม แต่เป็นผีชุดดำที่มาบอกลา สิ้นคำพูด แย้มชักดิ้นชักงอและจากไปต่อหน้าต่อตาเลย ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลยอะ ใจสลายมาก
หลังงานศพ ยักษ์ กลับไปที่ศาลเพียงตา ซึ่งเป็นต้นตอของทุกอย่าง เขาคว้าขวานฟาดศาลทิ้ง แล้วจุดไฟเผามันให้วอด เขายืนมองเปลวไฟด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว หวังว่าผีชุดดำจะหายไปตลอดกาล แต่ในใจก็ยังแอบคิดว่า “ถ้ามันยังไม่จบ กูจะล่ามันเอง!” ฉากนี้คือปิดจบแบบเท่แต่ก็ทิ้งปมให้ลุ้นต่อ
ธี่หยด คือสุดยอดหนังผีไทยที่ครบรส หลอนก็หลอนจนขนลุก ดราม่าก็ทำน้ำตาไหล การแสดงของ ณเดชน์ คือสุดยอดมาก เล่นเป็นพี่ชายที่ทั้งเดือดทั้งเสียสละได้ถึงใจ ส่วน เดนิส (หยาด) และ รัตนวดี (แย้ม) ก็ทำให้เราอินกับครอบครัวนี้สุด ๆ เสียง “ธี่หยด” นี่ติดอยู่ในหัวเลย
เบื้องหลังการสร้าง ธี่หยด Death Whisperer 2023 หนังผีไทยสุดหลอนที่ทำเอาขนลุกทั้งโรง ไปดูกันเลยว่าเขาทำหนังเรื่องนี้กันยังไงให้ปังขนาดนี้
จุดเริ่มต้นของความสยอง

ธี่หยด ไม่ได้โผล่มาแบบไม่มีที่มา มันถูกดัดแปลงมาจากนิยายสุดหลอน “ธี่หยด…แว่วเสียงครวญคลั่ง” ของ กฤตานนท์ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่แฟน ๆ สยองขวัญรู้จักกันดีอยู่แล้ว นิยายนี่มันดังมากในหมู่คนที่ชอบเรื่องผีแบบไทย ๆ ที่มีทั้งความหลอนและปมดราม่า พอเอามาทำเป็นหนัง บอกเลยว่าเขายกระดับความน่ากลัวให้พีคยิ่งกว่าเดิม

คนที่มากำกับความหลอนนี้คือ ทวีวัฒน์ วันทา ผู้กำกับที่รู้ใจคนดูหนังผี เขาใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่ฉากบ้านไม้เก่า ๆ ในกาญจนบุรี ปี 2515 ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านนั้นจริง ๆ โห ฉากกอไผ่ที่ผีซ่อนของไว้นี่คือหลอนสุด
บทภาพยนตร์ที่เด็ดขาด

ส่วนบทหนังนี่ต้องยกเครดิตให้ สรรัตน์ จิรบวรวิสุทธิ์ และ ธรรมณันน์ จุฬาบริรักษ์ ที่ช่วยกันเขียนบทให้ออกมาครบรส ทั้งสยอง ทั้งลุ้น ทั้งดราม่า บทของเขาทำให้ตัวละครอย่าง ยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) และครอบครัวของเขามีมิติสุด ๆ ไม่ใช่แค่ตัวละครที่เจอผีแล้วกรี๊ดอย่างเดียว แต่มีปมครอบครัวที่ทำให้เราน้ำตาคลอ ฉากที่ยักษ์ต้องตัดสินใจทำอะไรสุดเดือดเพื่อปกป้องน้องสาวนี่คือบีบหัวใจมาก

ทีมงานเบื้องหลังตัวตึง

งานนี้ได้ สุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ และ ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง ดูแลให้ทุกอย่างเป๊ะปัง ตั้งแต่การเซ็ตฉากให้ย้อนยุคสมจริง ไปจนถึงการเลือกนักแสดงที่เคมีเข้ากันสุด ๆ บริษัทผู้สร้างอย่าง เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม, บีอีซีเวิลด์, และ เอ็ม สตูดิโอ ก็ทุ่มสุดตัวเพื่อให้หนังออกมาคุณภาพระดับท็อป ส่วนการจัดจำหน่ายก็เป็นหน้าที่ของ เอ็ม พิคเจอร์ส ที่พาหนังเรื่องนี้ไปถึงคนดูทั่วประเทศ
ทีมงานเขาใส่ใจรายละเอียดมาก อย่างเช่นการออกแบบเสียง “ธี่หยด” ที่ได้ยินแล้วต้องขนลุก หรือฉากที่ใช้กอไผ่เป็นจุดศูนย์กลางความสยอง มันทำให้รู้สึกว่า “นี่แหละผีไทยของจริง!” การเซ็ตบรรยากาศยุค 70s ก็ทำได้เนียนกริบ เสื้อผ้า บ้านเรือน รถยนต์ ทุกอย่างคือย้อนยุคแบบไม่มีที่ติ
ความทุ่มเทที่ทำให้หนังปัง
เบื้องหลังที่เราอยากชื่นชมสุด ๆ คือการที่ทีมงานกล้าเล่นกับความสยองแบบไทย ๆ ไม่เน้นแค่ jump scare แต่สร้างความกดดันที่ค่อย ๆ บิ้วท์จนคนดูต้องนั่งเกร็ง ผีชุดดำในเรื่องนี้ไม่ได้มาแค่หลอกหลอน แต่มันมีปม มีที่มา ซึ่งทีมเขียนบทและผู้กำกับทำงานร่วมกันเพื่อให้ผีตัวนี้ทั้งน่ากลัวและมีมิติ นอกจากนี้ การที่ทีมเลือกโลเคชันเป็นหมู่บ้านในกาญจนบุรี ทำให้หนังมีกลิ่นอายของความเป็นไทยแท้ที่หายากในหนังผีสมัยนี้
รู้เบื้องหลังแล้วยิ่งรู้สึกว่า ธี่หยด ไม่ได้มาเล่น ๆ ทีมงานทุ่มเทตั้งแต่การดัดแปลงนิยายไปจนถึงการสร้างฉากและตัวละครให้มีชีวิต มันทำให้หนังไม่ใช่แค่หนังผี แต่เป็นเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องสู้กับความชั่วร้าย ซึ่งผสมกันได้ลงตัวสุด ๆ ถ้าคุณดูหนังแล้วชอบ ต้องขอบคุณทีมงานทั้งหมดที่ทำให้ “ธี่หยด” กลายเป็นหนังผีไทยที่คนพูดถึง
เบื้องหลังการสร้าง ธี่หยด Death Whisperer 2023 หนังผีไทยที่หลอนจนติดชาร์ต จากเรื่องเล่าสยองในพันทิปสู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ฉายใน IMAX ไปดูกันเลยว่าเขาทำหนังเรื่องนี้ให้ปังได้ยังไง
จุดกำเนิดสุดหลอนจากพันทิป
เริ่มจากที่มาของ ธี่หยด เลย มันไม่ได้เริ่มจากไหนไกล แต่มันเริ่มจากโพสต์ใน พันทิป เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 เรื่องนี้เป็นโพสต์สยองขวัญที่คนแห่ไปคอมเมนต์กว่า 2,000 ความเห็น และแชร์ไปมากกว่า 130,000 ครั้ง คนอ่านถึงกับขนลุกกันทั้งเน็ต ผู้เขียนที่ใช้ชื่อ กฤตานนท์ เล่าว่านี่เป็นเรื่องจริงจากครอบครัวคุณแม่ของเขา สมัยที่คุณแม่ยังวัยรุ่น อายุ 15 ปี ในจังหวัดกาญจนบุรี แค่คิดก็หลอนแล้ว
จากโพสต์พันทิป เรื่องนี้ถูกเอามาขยายเป็น นิยาย ในปี 2560 โดยกฤตานนท์คนเดิม และก่อนที่หนังจะฉายไม่กี่เดือน เรื่องนี้ถูกเล่าอีกครั้งใน The Ghost Radio รายการผีสุดฮิตบนโลกออนไลน์ บอกเลยว่างานนี้มันปังตั้งแต่ยังไม่เป็นหนัง เพราะคนฟังในรายการถึงกับนั่งจิกหมอน
“ธี่หยด” คืออะไรกันแน่
คำว่า “ธี่หยด” ที่ได้ยินแล้วขนลุกนี่ มันมาจากหญิงชุดดำลึกลับในเรื่อง แต่รู้มั้ยว่าความหมายของคำนี้ยังเป็นปริศนา มีคนเดาว่าอาจจะมาจากภาษามอญ แต่ องค์ บรรจุน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมมอญออกมาบอกว่า “คำนี้ไม่มีในภาษามอญนะ” ถ้ามีอะไรใกล้เคียงสุดก็คือคำว่า แตะ โหยด ที่แปลว่า “ยักเอว” อะไรกันเนี่ย สรุปคือคำนี้มันลึกลับสุด ๆ เพิ่มความน่ากลัวให้หนังไปอีก
ผู้กำกับและแรงบันดาลใจสุดหลอน
งานนี้ได้ ทวีวัฒน์ วันทา มากำกับ เขาคนนี้บอกเลยว่าเป็นแฟนตัวยงหนังผีไทยยุคเก่า เขาเผยว่าได้แรงบันดาลใจจาก ผีอมตะ (1981) ที่มีผีหัวเราะเยาะคนดูและหลอกหลอนแบบบ้าคลั่ง ทวีวัฒน์เลยใส่สไตล์นี้ลงใน ธี่หยด ทำให้ผีชุดดำในเรื่องนี้ทั้งน่ากลัวทั้งเจ้าเล่ห์ ฉากที่ผีมันเล่นกับจิตใจตัวละครนี่คือหลอนจนอยากกรี๊ด
การสร้างที่ทุ่มสุดตัว
ทีมงานเริ่มต้นด้วย พิธีบวงสรวง ที่สตูดิโอช่อง 3 หนองแขม เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 และถ่ายทำคิวแรกกันทันทีในวันที่ 26 เมษายน ทีมงานเคลื่อนไวมาก ต่อมา 9 สิงหาคม 2566 เขาปล่อยโปสเตอร์แรกออกมาให้แฟน ๆ กรี๊ดกัน ตามด้วย ทีเซอร์แรก ในวันที่ 6 กันยายน 2566 พร้อมเปิดตัวนักแสดงอย่างเป็นทางการ งานนี้แฟน ๆ ตื่นเต้นกันสุด ๆ
ที่พีคกว่านั้นคือ ธี่หยด เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ฉายในระบบ IMAX วันที่ 25 กันยายน 2566 ทาง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์, ไอแมกซ์ คอร์ปอเรชั่น, และ เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม ประกาศว่าเรื่องนี้ถ่ายด้วยกล้องที่ได้รับการรับรองจาก IMAX และรีมาสเตอร์ด้วยเทคโนโลยี IMAX DMR ทำให้ภาพและเสียงคมชัดจนรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านนั้นจริง ๆ เขาฉายในโรง กรุงศรี IMAX ทั้ง 7 สาขาในไทยเลยนะ งานนี้คือระดับโลก
ปิดท้ายด้วย พิธีบวงสรวงและแถลงข่าว วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่หน้าอาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์ (ช่อง 3) เรียกว่าทีมงาน เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม, บีอีซีเวิลด์, และ เอ็ม สตูดิโอ ทุ่มสุดตัวเพื่อให้หนังออกมาปังสมการรอคอย
บอกเลยว่ารู้เบื้องหลังแล้วยิ่งอยากดู ธี่หยด อีกรอบ จากโพสต์พันทิปเล็ก ๆ สู่หนัง IMAX ที่ทั้งหลอนทั้งยิ่งใหญ่ ทีมงานทุกคนตั้งแต่ กฤตานนท์, ทวีวัฒน์ วันทา, ไปจนถึงทีมโปรดักชันคือทุ่มเทสุด ๆ การที่เขาเอากลิ่นอายผีไทยยุคเก่ามาผสมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้หนังมันทั้งน่ากลัวและอลังการ ฉาก “ธี่หยด” ที่ดังในโรง IMAX นี่คือต้องไปสัมผัสเอง
การเข้าฉายและกระแสตอบรับของ ธี่หยด Death Whisperer 2023 หนังผีไทยที่ไม่ใช่แค่หลอน แต่ยังกวาดรายได้ถล่มทลายและไปไกลถึงต่างประเทศ
รอบปฐมทัศน์สุดยิ่งใหญ่
เริ่มจากงานเปิดตัวสุดปัง รอบปฐมทัศน์ ของ ธี่หยด จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ที่ อินฟินิตีฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน บอกเลยว่างานนี้รวมดาราและทีมงานแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ที่พีคสุดคือ คุณแม่ของกฤตานนท์ (เจ้าของเรื่องต้นฉบับที่เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครหยาดในหนัง) มาร่วมงานด้วย แค่คิดก็รู้สึกถึงพลังความหลอนที่มาจากเรื่องจริงแล้ว
เปิดตัวถล่มทลายในไทย
มาถึงวันฉายจริง 26 ตุลาคม 2566 วันแรกที่เข้าฉาย บอกเลยว่า ธี่หยด ระเบิดฟอร์ม กวาดรายได้ไป 39 ล้านบาท ในวันเดียว ขึ้นแท่น หนังไทยที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดแห่งปี ไม่จบแค่นั้น ภายใน 3 วัน รายได้พุ่งไปถึง 100 ล้านบาท และแค่ 5 วันก็ทะลุ 300 ล้านบาท กลายเป็น หนังไทยที่ทำรายได้เร็วที่สุดแห่งปี นี่มันปังระดับชาติเลยนะ
ที่สำคัญ หนังเรื่องนี้ยังไปสร้างประวัติศาสตร์เป็น ภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 9 ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ แถมยังฉายในระบบ IMAX ซึ่งเป็นครั้งแรกของหนังไทยเลย ภาพคมชัด เสียงกระหึ่ม หลอนจนนั่งเกร็งทั้งโรง
โปรโมชันสุดคุ้ม
หลังจากที่ ธี่หยด ฉายไปสักพักและกวาดเงินไปถล่มทลาย ทาง ช่อง 3 และ เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม ก็ใจป้ำ จัดโปรโมชันลดราคาตั๋วเหลือแค่ 69 บาท และในระบบ IMAX เหลือแค่ 99 บาท ถูกขนาดนี้ ใครยังไม่ได้ดูต้องรีบวิ่งไปซื้อตั๋วเลย โปรนี้ทำให้แฟน ๆ แห่ไปดูกันเพิ่มแบบถล่มทลาย
โกอินเตอร์สุดปัง
ไม่ใช่แค่ในไทยนะ ธี่หยด ยังไปไกลถึงต่างประเทศ เริ่มจาก สิงคโปร์ วันที่ 14 ธันวาคม 2566 โดยมี Golden Village และ Killermud Films เป็นผู้จัดจำหน่าย ต่อด้วย มาเลเซีย และ บรูไน วันที่ 4 มกราคม 2567 ผ่าน mm2 Entertainment และ Shanghai Pictures และยังไปถึง ฟิลิปปินส์ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ด้วย Pioneer Films! บอกเลยว่า ธี่หยด นี่พาความหลอนแบบไทย ๆ ไปเขย่าต่างชาติเลย
กระแสในสิงคโปร์ก็มาแรงไม่แพ้กัน เชอร์ลีน อึ้ง จาก เดอะนิวเปเปอร์ ชมว่า “หนังมีจังหวะดี ผสมผสานการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและตัวละครที่น่าจดจำ” ส่วน Douglas Tseng จาก 8 Days ก็เปรียบเทียบ ธี่หยด กับหนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ ที่ฉายในสิงคโปร์ บอกเลยว่าแฟน ๆ ต่างชาติก็อินไม่แพ้คนไทย
ลงสตรีมมิ่ง Netflix
และที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ คือวันที่ 10 เมษายน 2567 ธี่หยด ลงให้ดูแบบสตรีมมิ่งบน Netflix ใครที่พลาดในโรงหรืออยากดูซ้ำแบบหลอน ๆ ที่บ้าน ก็ไปกดดูกันได้เลย การที่หนังไปถึง Netflix นี่คือเครื่องยืนยันว่า ธี่หยด ปังจริง ไม่ได้มาเล่น ๆ
ธี่หยด นี่คือปรากฏการณ์ของวงการหนังไทย จากรอบปฐมทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ไปจนถึงการกวาดรายได้ถล่มทลายทั้งในไทยและต่างประเทศ แถมยังได้ลง Netflix อีก กระแสตอบรับทั้งในไทยและต่างชาติคือดีมาก คนดูอินทั้งความหลอนของ “ธี่หยด” และดราม่าครอบครัวที่บีบหัวใจ งานนี้ต้องยกนิ้วให้ทีมงานทุกคนที่ทำให้หนังไทยไปไกลขนาดนี้
นักแสดง
→ ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท ยักษ์

ยักษ์คือพี่ชายคนโตของครอบครัวในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เป็นอดีตทหารที่เพิ่งปลดประจำการ ตัวละครนี้ไม่ใช่แค่พระเอกหล่อๆ แต่เป็นคนที่แบกความรับผิดชอบทั้งครอบครัวไว้บนบ่า เมื่อน้องสาวอย่าง แย้ม ถูกผีชุดดำครอบงำ ยักษ์กลายเป็นผู้นำที่พร้อมสู้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องๆ และพ่อแม่ ณเดชน์ถ่ายทอดยักษ์ออกมาได้ทั้งแข็งแกร่งและเปราะบาง เขาดูเด็ดเดี่ยวตอนคว้าปืนยิงผีหรือใช้ขวานฟาดศาลเพียงตา แต่ก็มีโมเมนต์ที่แสดงความกลัวและความรักต่อครอบครัวออกมาผ่านสายตา โดยเฉพาะฉากที่ต้องตัดสินใจทำอะไรสุดขีดเพื่อช่วยแย้ม เรียกว่าทั้งเท่ทั้งบีบหัวใจ
ฉายา “นักรบหัวใจเหล็ก”
ทำไมถึงเรียกยักษ์ว่านักรบหัวใจเหล็ก เพราะเขาคือคนที่จิตใจแข็งแกร่งสุดๆ แม้จะเจอผีชุดดำที่หลอนจนคนอื่นสลบ แต่ยักษ์ฝืนตัวเองด้วยการเอามืออังไฟเพื่อไม่ให้หลับ แล้วยังกล้าคว้าปืนไล่ยิงผีทั่วไร่ ฉากที่เขาขับรถพาแย้มไปโรงพยาบาลทั้งที่ผีพยายามร่ายมนต์ให้รถชน นี่คือพลังใจที่เกินมนุษย์ ณเดชน์เล่นฉากพวกนี้ได้แบบทำให้เรารู้สึกว่า ยักษ์คือฮีโร่ที่ไม่ยอมแพ้แม้สถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน
ข้อคิด “ความรักในครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่”
สิ่งที่ยักษ์สอนเราคือ ไม่ว่าเจออะไรหนักแค่ไหน ความรักและความเสียสละเพื่อครอบครัวจะทำให้เราผ่านมันไปได้ ยักษ์ยอมเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับผีชุดดำ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นทหารเก่า แต่เพราะเขารักน้องสาวและครอบครัวมาก ฉากที่เขาต้องตัดสินใจแทงแขนแย้มเพื่อขับผีออก แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่เขาทำเพื่อช่วยน้อง มันทำให้เรานึกถึงว่าบางครั้งการตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อคนที่รัก มันคือสิ่งที่แสดงถึงความกล้าและความรักที่แท้จริง
ยักษ์ที่ณเดชน์เล่นคือตัวละครที่ครบรส ทั้งแกร่งทั้งอ่อนโยน การแสดงของณเดชน์ทำให้เราอินสุดๆ รู้สึกเหมือนยักษ์เป็นพี่ชายในชีวิตจริงที่พร้อมปกป้องทุกคน
→ เดนิส เจลีลชา คัปปุน รับบท หยาดทิพย์ (หยาด)

หยาดคือพี่สาวคนโตในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอเป็นคนที่ไวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ สัมผัสได้ถึงภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามาในหมู่บ้านตั้งแต่มีข่าวเด็กสาวตายปริศนาและได้ยินเสียง “ธี่หยด” เมื่อน้องสาวอย่าง แย้ม เริ่มมีอาการแปลกๆ หลังเจอผีชุดดำ หยาดกลายเป็นคนที่พยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น เธอทั้งกลัวทั้งกังวล แต่ก็ไม่ยอมถอย เดนิสเล่นบทนี้ได้แบบทำให้เรารู้สึกถึงความเปราะบางและความเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะฉากที่หยาดต้องเผชิญหน้ากับความหลอนของแย้มที่จ้องเธอตอนกลางคืน หรือฉากสุดท้ายที่เธอต้องรับมือกับโศกนาฏกรรม ทำเอาเราอินสุดๆ
ฉายา “ผู้พิทักษ์เงียบ”
เพราะเธอคือคนที่คอยดูแลน้องๆ และครอบครัวแบบไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ได้เด่นเหมือนยักษ์ที่คว้าปืนยิงผี แต่หยาดเป็นเหมือนเงาที่คอยสังเกตและปกป้องทุกคนอย่างเงียบๆ เธอพยายามจับผิดอาการแปลกๆ ของแย้ม แม้ว่าทุกครั้งที่ได้ยินเสียง “ธี่หยด” เธอจะสลบไป เดนิสถ่ายทอดความรู้สึกกลัวแต่ไม่ยอมแพ้ของหยาดได้ดีมาก ฉากที่หยาดตื่นมาเจอแย้มจ้องหน้าตอนกลางคืน หรือตอนที่เธอพยายามปกป้องยี่ น้องสาวคนเล็ก นี่คือแสดงให้เห็นว่าเธอพร้อมสู้เพื่อครอบครัว แม้จะไม่ได้อยู่ในหน้าเด่น
ข้อคิด “ความกล้าคือการเผชิญหน้ากับความกลัว”
หยาดสอนเราว่าความกล้าไม่จำเป็นต้องเป็นการต่อสู้แบบโผงผาง แต่บางครั้งมันคือการยอมเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้ใจสั่น เธอกลัวผีชุดดำ กลัวเสียง “ธี่หยด” แต่ก็ยังพยายามหาคำตอบและปกป้องน้องสาว ฉากที่หยาดต้องรับมือกับโศกนาฏกรรมตอนจบ โดยเฉพาะตอนที่แย้มทิ้งฟันไว้ให้พร้อมคำพูดสุดหลอน มันแสดงให้เห็นว่าเธอกล้าที่จะยอมรับความจริงอันเจ็บปวด ข้อคิดนี้ทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง บางครั้งการเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวอาจจะยาก แต่ถ้าเราทำเพื่อคนที่รัก มันจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
หยาดที่เดนิสเล่นคือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกถึงความรักและความเสียสละในแบบที่เงียบแต่ทรงพลัง การแสดงของเดนิสทำให้หยาดกลายเป็นพี่สาวที่ทั้งน่าสงสารและน่าชื่นชม
→ รัตนวดี วงศ์ทอง รับบท แย้ม

แย้มคือเด็กสาววัยรุ่น น้องสาวคนเล็กในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอเป็นตัวละครที่จุดชนวนความสยองทั้งเรื่อง หลังจากเจอหญิงชุดดำลึกลับตอนกลับจากโรงเรียน แย้มเริ่มมีอาการแปลกๆ ป่วยหนัก และทุกคืนจะลุกขึ้นจ้องพี่สาว หยาด ด้วยสายตาว่างเปล่าที่ทำเอาคนดูขนลุก รัตนวดีถ่ายทอดแย้มได้ทั้งน่ารักในแบบเด็กสาวใสๆ และน่ากลัวในตอนที่ถูกผีชุดดำครอบงำ โดยเฉพาะฉากที่แย้มถูกผีสิงแล้วทำท่าทางแปลกๆ หรือตอนท้ายที่ทิ้งฟันไว้ให้หยาด ทำเอาคนดูใจสลายเลย
ฉายา “เหยื่อแห่งคำสาป”
เพราะเธอคือเป้าหมายหลักของผีชุดดำที่เลือกครอบงำร่างของเธอ เนื่องจากแย้มมี “พลังทิพย์” จากการเกือบตายด้วยไข้มาลาเรียตอนเด็ก รัตนวดีแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของแย้มได้อย่างดี ฉากที่แย้มนอนสลบใกล้กอไผ่ หรือตอนที่ถูกผีสิงระหว่างทางไปโรงพยาบาล นี่คือทำให้เรารู้สึกว่าแย้มเหมือนถูกคำสาปร้ายเล่นงาน ไม่ได้มีโอกาสต่อสู้เหมือนพี่ๆ ทุกโมเมนต์ที่แย้มถูกผีครอบงำ รัตนวดีทำให้คนดูทั้งกลัวทั้งสงสาร
ข้อคิด “บางครั้งโชคชะตาก็โหดร้าย แต่ความรักจากครอบครัวยังคงอยู่”
แย้มสอนเราว่าชีวิตบางครั้งอาจถูกโชคชะตาเล่นงานในแบบที่เราไม่คาดคิด เธอไม่ได้เลือกที่จะเป็นเป้าหมายของผี แต่ต้องเผชิญกับความสยองที่เกินตัว ฉากที่ครอบครัว โดยเฉพาะ ยักษ์ และหยาด พยายามปกป้องเธอ แม้สุดท้ายจะจบลงด้วยความสูญเสีย มันแสดงให้เห็นว่าความรักของครอบครัวคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้จะเปลี่ยนโชคชะตาไม่ได้ แต่ความพยายามของพี่ๆ ที่ต่อสู้เพื่อแย้มคือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าความรักนั้นมีค่าเสมอ
แย้มที่รัตนวดีเล่นคือตัวละครที่ทั้งหลอนทั้งน่าสงสาร การแสดงของรัตนวดีทำให้เรารู้สึกถึงความไร้เดียงสาของเด็กสาวที่ต้องเจอกับความชั่วร้าย
→ กาจบัณฑิต ใจดี รับบท ยศ

ยศคือพี่ชายคนรองในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เขาเป็นตัวละครที่คอยสนับสนุน ยักษ์ พี่ชายคนโต และช่วยปกป้องน้องๆ โดยเฉพาะ แย้ม ที่ถูกผีชุดดำครอบงำ ยศอาจจะไม่ได้เป็นผู้นำแบบยักษ์ หรือสัมผัสความหลอนได้ไวเหมือน หยาด แต่เขาคือคนที่ลงมือทำและคอยช่วยเหลือครอบครัวอย่างเงียบๆ กาจบัณฑิตถ่ายทอดยศให้เป็นคนที่ดูนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย ฉากที่ยศและ ยอด ออกตามหาแย้มจนเจอเธอนอนสลบใกล้กอไผ่ หรือตอนที่ช่วยกันดูแลน้องสาวตอนป่วยนี่ แสดงให้เห็นว่าเขาคือสมาชิกครอบครัวที่พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ
ฉายา “เงาร่วมศึก”
เพราะยศเหมือนเงาที่คอยสนับสนุนครอบครัวในการต่อสู้กับผีชุดดำ เขาไม่ได้เป็นคนที่ออกหน้าเหมือนยักษ์ที่คว้าปืนยิงผี แต่ยศคือคนที่คอยช่วยเหลือในทุกสถานการณ์ อย่างฉากที่เขากับยอดวิ่งไปเจอแย้มนอนสลบใกล้กอไผ่ หรือตอนที่ช่วยกันดูแลแย้มตอนป่วยนี่ กาจบัณฑิตเล่นได้แบบทำให้เรารู้สึกว่า ยศคือคนที่อาจจะไม่พูดเยอะ แต่พร้อมลงมือทำเพื่อครอบครัว ตัวตนของเขาเหมือนเงาที่คอยซัพพอร์ตพี่น้องให้ผ่านวิกฤตไปได้
ข้อคิด “การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้”
ยศสอนเราว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่ที่เด่นที่สุดในทีม แต่การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็มีค่ามาก ถึงยศจะไม่ได้เป็นคนที่จัดการผีชุดดำโดยตรง แต่การที่เขาคอยช่วยยักษ์ หยาด และยอดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตามหาแย้มไปจนถึงช่วยพาน้องกลับบ้าน มันคือส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวยังคงสู้ต่อไปได้ ข้อคิดนี้ทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง การช่วยเหลือคนที่เรารัก แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างการอยู่ข้างๆ หรือลงมือช่วยในสิ่งที่ทำได้ มันก็สร้างความแตกต่างได้เสมอ
ยศที่กาจบัณฑิตเล่นคือตัวละครที่อาจจะไม่ได้โดดเด่น แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวใน ธี่หยด ดูสมจริงและน่าผูกพัน การแสดงของกาจบัณฑิตทำให้ยศเป็นพี่ชายที่ดูน่าเชื่อถือและอบอุ่น
→ พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ รับบท ยอด

ยอดคือพี่ชายคนหนึ่งในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เขาเป็นเหมือนคู่หูของ ยศ และคอยสนับสนุน ยักษ์ พี่ชายคนโตในการปกป้องครอบครัวจากผีชุดดำที่ครอบงำ แย้ม น้องสาวคนเล็ก ยอดอาจจะไม่ได้มีบทเด่นเป็นผู้นำหรือเผชิญหน้ากับผีโดยตรง แต่เขาคือคนที่ลงมือช่วยในทุกสถานการณ์ พีระกฤตย์ถ่ายทอดยอดให้เป็นพี่ชายที่ดูเงียบๆ แต่มีความมุ่งมั่น โดยเฉพาะฉากที่เขากับยศออกตามหาแย้มจนเจอเธอนอนสลบใกล้กอไผ่ หรือตอนที่ช่วยดูแลแย้มตอนป่วย ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคือส่วนหนึ่งของทีมครอบครัวที่ขาดไม่ได้
ฉายา “ผู้ช่วยเงียบแห่งครอบครัว”
เพราะยอดคือคนที่คอยช่วยเหลือครอบครัวอย่างเงียบๆ แต่สำคัญมาก เขาไม่ได้ออกหน้าเหมือนยักษ์ที่คว้าปืนยิงผี หรือหยาดที่สัมผัสความหลอนได้ แต่ยอดคือคนที่อยู่เคียงข้าง ลงมือทำในสิ่งที่ต้องทำ พีระกฤตย์เล่นบทนี้ได้แบบทำให้ยอดดูเป็นพี่ชายที่น่าเชื่อถือ ฉากที่ยอดและยศเจอแย้มสลบอยู่ใกล้กอไผ่แล้วรีบพาน้องกลับบ้านนี่ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่พร้อมลงมือช่วยโดยไม่ต้องพูดเยอะ เป็นเหมือนฟันเฟืองเล็กๆ ที่ช่วยให้ครอบครัวเดินหน้าต่อไปได้
ข้อคิด “ความสามัคคีคือพลังที่ทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง”
ยอดสอนเราว่าการทำงานเป็นทีมในครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เราผ่านวิกฤตไปได้ แม้ว่ายอดจะไม่ได้เป็นคนที่จัดการผีชุดดำโดยตรง แต่การที่เขาคอยช่วยยศและยักษ์ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตามหาแย้มไปจนถึงช่วยดูแลน้องตอนป่วย มันแสดงให้เห็นว่าทุกคนในครอบครัวมีบทบาทสำคัญ ฉากที่เขาร่วมมือกับยศเพื่อพาแย้มกลับบ้านทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง การช่วยกันคนละไม้คนละมือ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ก็สามารถสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ให้ครอบครัวได้
ยอดที่พีระกฤตย์เล่นคือตัวละครที่อาจจะไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวใน ธี่หยด ดูสมบูรณ์ การแสดงของพีระกฤตย์ทำให้ยอดเป็นพี่ชายที่ดูอบอุ่นและไว้ใจได้
→ ณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวัน รับบท ยี่

ยี่คือเด็กสาวตัวเล็กสุดในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอเป็นน้องสาวคนเล็กที่ดูใสซื่อและน่ารัก แต่กลายเป็นตัวละครที่ซ่อนปมใหญ่ของเรื่อง เมื่อ แย้ม น้องสาวคนรองถูกผีชุดดำครอบงำ ทุกคนในครอบครัวต่างโฟกัสไปที่แย้ม แต่แล้วผีชุดดำก็เผยความจริงว่าจริงๆ แล้วมันอยากได้ร่างของยี่มากกว่า ณัฐชาเล่นบทนี้ได้แบบทำให้ยี่ดูเป็นเด็กสาวที่ทั้งไร้เดียงสาและมีความลึกลับบางอย่าง ถึงบทของยี่จะไม่เยอะ แต่ทุกฉากที่เธอปรากฏ โดยเฉพาะตอนที่ครอบครัวต้องปกป้องเธอ ทำให้เรารู้สึกว่าเธอคือจุดสำคัญที่ผีหมายตา
ฉายา “เป้าหมายลับของเงามืด”
เพราะผีชุดดำในเรื่องเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วยี่คือเป้าหมายที่มันต้องการครอบงำตั้งแต่แรก แม้ว่าสุดท้ายมันจะเลือกแย้มเพราะ “สนุก” มากกว่า การแสดงของณัฐชาทำให้ยี่ดูเหมือนเด็กสาวธรรมดาที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นจุดสนใจของวิญญาณร้าย ฉากที่ครอบครัวต้องปกป้องยี่ หรือตอนที่ผีเผยความจริงว่าร่างของยี่คือเป้าหมาย ทำให้เรารู้สึกว่ายี่เหมือนถูกเงามืดจับจ้องโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลย
ข้อคิด “บางครั้งภัยร้ายมากับสิ่งที่เราไม่คาดคิด”
ยี่สอนเราว่าบางครั้งอันตรายอาจมาในรูปแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว เธอเป็นเด็กสาวที่ดูไร้เดียงสา แต่กลับกลายเป็นเป้าหมายของผีชุดดำโดยไม่รู้ตัว ฉากที่ผีเผยว่าต้องการร่างของยี่มากกว่าแย้ม ทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง บางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอาจซ่อนความอันตรายไว้ ข้อคิดนี้เตือนให้เราระวังและใส่ใจสิ่งรอบตัว แม้ว่ามันจะดูเล็กน้อยหรือไม่น่าจะเป็นภัย
ยี่ที่ณัฐชาเล่นคือตัวละครที่ถึงบทจะไม่เยอะ แต่มีความสำคัญที่ทำให้เรื่องพีคขึ้น การแสดงของณัฐชาทำให้ยี่ดูน่ารักและน่าสงสาร แต่ก็มีความลึกลับที่ทำให้เราต้องจับตา
→ อริศรา วงษ์ชาลี รับบท บุญเย็น (แม่)

บุญเย็นคือคุณแม่ของครอบครัวในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งเข้มแข็งและเต็มไปด้วยความรักต่อลูกๆ ไม่ว่าจะเป็น ยักษ์, ยศ, ยอด, หยาด, แย้ม หรือ ยี่ เมื่อหมู่บ้านต้องเผชิญกับความสยองจากเสียง “ธี่หยด” และแย้มเริ่มมีอาการแปลกๆ หลังเจอผีชุดดำ บุญเย็นคือคนที่ยืนหยัดเป็นศูนย์กลางให้ครอบครัว อริศราเล่นบทนี้ได้แบบทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นแม่ที่ทั้งกังวลและเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าแย้มตกเป็นเป้าหมายของผี เพราะเคยเกือบตายจากไข้มาลาเรีย เธอแสดงความเจ็บปวดและความมุ่งมั่นออกมาผ่านสายตาและน้ำเสียงได้อย่างน่าประทับใจ
ฉายา “เสาหลักแห่งครอบครัว”
เพราะเธอคือคนที่คอยยึดทุกคนในบ้านไว้ท่ามกลางวิกฤต แม้ว่าจะกลัวผีชุดดำและกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแย้ม แต่บุญเย็นไม่เคยยอมแพ้ เธอเป็นคนที่ให้กำลังใจลูกๆ และตัดสินใจให้ ประพันธ์ พาหมอผีมาช่วย อริศราถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนได้ดีมาก ฉากที่เธอรู้ว่าแย้มถูกเลือกเพราะพลังทิพย์ หรือตอนที่ครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสีย ทำให้เรารู้สึกว่าเธอคือหัวใจของครอบครัวที่คอยประคองทุกคนไว้
ข้อคิด “ความรักของแม่คือพลังที่ไม่มีวันแตกสลาย”
บุญเย็นสอนเราว่าความรักของแม่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่และทนทานต่อทุกพายุในชีวิต ไม่ว่าเจออะไรหนักแค่ไหน เธอยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องลูกๆ ฉากที่บุญเย็นต้องรับมือกับความจริงว่าแย้มถูกผีครอบงำ หรือตอนที่ครอบครัวต้องต่อสู้กับความชั่วร้าย ทำให้เราเห็นว่าแม่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความกลัวหรือความสูญเสีย ข้อคิดนี้เตือนใจว่าในชีวิตจริง ความรักของครอบครัว โดยเฉพาะจากแม่ เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีพลังสู้ต่อไปได้ไม่ว่าจะเจออะไร
บุญเย็นที่อริศราเล่นคือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกถึงพลังของความเป็นแม่ การแสดงของอริศราทำให้บุญเย็นเป็นทั้งคนที่แข็งแกร่งและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
→ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบท เฮียฮั่ง (พ่อ)

เฮียฮั่งคือพ่อของครอบครัวในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่รักลูกๆ และภรรยา บุญเย็น อย่างสุดหัวใจ แต่ในเรื่องนี้ เฮียฮั่งมีบทบาทที่ค่อนข้างเงียบและลึกลับนิดๆ โดยเฉพาะความผูกพันกับกอไผ่ที่กลายเป็นจุดสำคัญของความสยอง ปรเมศร์ถ่ายทอดเฮียฮั่งให้เป็นพ่อที่ดูนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความรักและความรู้สึกผิดลึกๆ ในใจ โดยเฉพาะเมื่อครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับผีชุดดำที่ครอบงำ แย้ม น้องสาวคนเล็ก เขาไม่ได้ออกหน้าเหมือน ยักษ์ แต่การมีตัวตนของเขาทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับปมลึกลับของเรื่อง
ฉายา “ผู้พิทักษ์เงียบแห่งกอไผ่”
เพราะเขามีความผูกพันกับกอไผ่ที่รักมาก ซึ่งต่อมากลายเป็นที่ซ่อนของสิ่งชั่วร้ายที่ผีชุดดำทิ้งไว้ ปรเมศร์เล่นบทนี้ได้แบบทำให้เฮียฮั่งดูเป็นพ่อที่เงียบขรึมแต่มีความลึกซึ้ง ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงมือสู้ผีโดยตรงเหมือนยักษ์ แต่ความรักที่เขามีต่อครอบครัวและการที่กอไผ่ของเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ทำให้รู้สึกว่าเขาเหมือนผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลครอบครัวในแบบของตัวเอง ฉากที่หมอผีสั่งให้โค่นกอไผ่ทิ้งนี่แหละ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความสูญเสียเล็กๆ ในใจของเฮียฮั่ง
ข้อคิด “ความรักอาจนำมาซึ่งความลับที่ไม่คาดคิด”
เฮียฮั่งสอนเราว่าบางครั้งความรักที่เรามีต่อสิ่งที่หวงแหน อาจซ่อนความลับหรืออันตรายที่เราไม่รู้ตัว ความผูกพันของเขากับกอไผ่กลายเป็นจุดที่ผีชุดดำใช้เป็นที่ซ่อนของสยอง ทำให้ครอบครัวต้องเผชิญกับวิกฤต ฉากที่กอไผ่ถูกโค่นและเผยของสยองที่ผีทิ้งไว้ ทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง สิ่งที่เรารักและปกป้อง อาจมีด้านที่เราไม่เคยเห็น ข้อคิดนี้เตือนให้เราใส่ใจและตรวจสอบสิ่งรอบตัว แม้มันจะดูเป็นสิ่งที่เรารักมากก็ตาม
เฮียฮั่งที่ปรเมศร์เล่นคือตัวละครที่เงียบแต่ทรงพลัง การแสดงของปรเมศร์ทำให้เฮียฮั่งดูเป็นพ่อที่ทั้งอบอุ่นและมีความลับซ่อนอยู่
→ องอาจ เจียมเจริญพรกุล รับบท จ.ส.ต. ปพันธ์ พิชิตดัสกร (จ่าปพันธ์)

จ่าปพันธ์คือเพื่อนทหารสุดซี้ของ ยักษ์ ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เขาเป็นตัวละครที่นำข่าวร้ายมาสู่ครอบครัวด้วยการส่งโทรเลขให้ยักษ์รีบกลับบ้านเมื่อเกิดเหตุสยองขวัญ และยังเป็นคนที่พา หมอผี เข้ามาช่วยเมื่อ แย้ม น้องสาวของยักษ์ถูกผีชุดดำครอบงำ องอาจเล่นบทจ่าปพันธ์ให้เป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือและเป็นมิตร มีความเป็นทหารที่เด็ดเดี่ยว แต่ก็มีความอบอุ่นแบบเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือ ถึงบทของเขาจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่โผล่มา เขาก็ช่วยให้เรื่องเดินหน้าได้แบบเนียนๆ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงครอบครัวกับหมอผีที่เป็นกุญแจสำคัญ
ฉายา “สะพานเชื่อมความหวัง”
เพราะเขาเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมครอบครัวของยักษ์กับความหวังในการต่อสู้กับผีชุดดำ การที่เขาส่งโทรเลขให้ยักษ์กลับบ้าน และพาหมอผีเข้ามานี่แหละ คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ครอบครัวมีโอกาสสู้ต่อ องอาจถ่ายทอดจ่าปพันธ์ให้ดูเป็นเพื่อนที่ไว้วางใจได้ ฉากที่เขานำหมอผีมาช่วย หรือตอนที่ช่วยประสานงานให้ครอบครัว ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังความหวังของทุกคนในเรื่อง
ข้อคิด “มิตรแท้คือคนที่อยู่เคียงข้างในยามวิกฤต”
จ่าปพันธ์สอนเราว่ามิตรแท้คือคนที่พร้อมยื่นมือช่วยเมื่อเราต้องการมากที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงไปสู้ผีด้วยตัวเองเหมือนยักษ์ แต่การที่เขานำหมอผีมาและคอยสนับสนุนจากข้างนอก ทำให้ครอบครัวมีโอกาสต่อสู้กับความชั่วร้าย ฉากที่เขานำหมอผีเข้ามานี่คือตัวอย่างของการช่วยเหลือที่ทรงพลัง ข้อคิดนี้เตือนใจว่าในชีวิตจริง การมีเพื่อนที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
จ่าปพันธ์ที่องอาจเล่นคือตัวละครที่อาจจะไม่ได้เด่นสะดุดตา แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องสมบูรณ์ การแสดงขององอาจทำให้จ่าปพันธ์ดูเป็นเพื่อนที่ทั้งน่าเชื่อถือและอบอุ่น
→ พอเจตน์ แก่นเพชร รับบท ลุงพุฒิ

ลุงพุฒิคือตัวละครที่อยู่ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความสยองของเสียง “ธี่หยด” และเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ ยักษ์ เขาไม่ใช่ตัวละครหลักที่ลงไปสู้กับผีชุดดำเหมือนยักษ์หรือครอบครัวของเขา แต่ลุงพุฒิมีบทบาทเป็นเหมือนตัวแทนของชาวบ้านที่รู้เรื่องราวในหมู่บ้าน พอเจตน์ถ่ายทอดลุงพุฒิให้เป็นคนที่ดูเป็นมิตร อาจจะมีความรู้หรือประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งลึกลับในท้องถิ่น ทำให้เขาดูเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับบรรยากาศหมู่บ้าน ถึงบทจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่โผล่มา เขาก็ช่วยเติมเต็มความรู้สึกของชุมชนที่หวาดกลัวผี
ฉายา “พยานแห่งหมู่บ้าน”
เพราะเขาคือตัวละครที่เหมือนเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่เห็นและรู้เรื่องราวความสยองในหมู่บ้าน การแสดงของพอเจตน์ทำให้ลุงพุฒิดูเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น อาจจะเคยได้ยินหรือเห็นอะไรที่เกี่ยวกับผีชุดดำหรือศาลเพียงตามาก่อน เขาเหมือนเป็นพยานที่คอยเชื่อมโยงเรื่องราวของหมู่บ้านให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับและความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในชุมชนนี้
ข้อคิด “ชุมชนคือส่วนหนึ่งของการเผชิญหน้ากับความท้าทาย”
ลุงพุฒิสอนเราว่าชุมชนมีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก ถึงเขาจะไม่ได้ลงไปสู้ผีโดยตรงเหมือนครอบครัวของยักษ์ แต่การที่ลุงพุฒิอยู่ในหมู่บ้านและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ทำให้เราเห็นว่าทุกคนในชุมชนมีส่วนช่วยให้เรื่องราวดำเนินไป ไม่ว่าจะด้วยการส่งต่อข้อมูลหรือการเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ ข้อคิดนี้เตือนใจว่าในชีวิตจริง การมีชุมชนหรือคนรอบข้างที่คอยสนับสนุนหรือให้ข้อมูล ช่วยให้เราเผชิญหน้ากับปัญหาได้ดีขึ้น
ลุงพุฒิที่พอเจตน์เล่นคือตัวละครที่อาจจะดูเป็นตัวประกอบ แต่ช่วยเติมเต็มความสมจริงให้กับ ธี่หยด การแสดงของพอเจตน์ทำให้ลุงพุฒิเป็นชาวบ้านที่ดูมีตัวตนและน่าเชื่อถือ
→ มานิตา ชอบชื่น รับบท ผีชุดดำ
ผีชุดดำคือวิญญาณร้ายสุดเจ้าเล่ห์ในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอคือตัวการที่ทำให้เกิดความโกลาหล เริ่มจากเด็กสาวตายปริศนาและเสียง “ธี่หยด” ที่ดังขึ้นยามค่ำคืน ผีตัวนี้เลือกครอบงำ แย้ม เพราะร่างของเธอมี “พลังทิพย์” จากการเกือบตายในวัยเด็ก แต่ที่พีคคือมันเผยว่าเป้าหมายจริงๆ คือ ยี่ น้องสาวคนเล็ก มานิตาเล่นบทผีชุดดำได้แบบหลอนสุดขีด ด้วยท่าทางและสายตาที่ทั้งน่ากลัวและมีเล่ห์เหลี่ยม ฉากที่ผีสิงแย้มแล้วพูดผ่านร่างของเธอ หรือตอนที่ปรากฏตัวในเงามืดนี่ ทำเอาคนดูจิกหมอนเลย
ฉายา “เงามืดแห่งคำสาป”
เพราะเธอคือตัวแทนของความชั่วร้ายที่คอยซ่อนตัวในเงามืดและนำคำสาปมาสู่ครอบครัว มานิตาทำให้ผีชุดดำดูน่ากลัวด้วยการเคลื่อนไหวที่ลึกลับและน้ำเสียงที่เยือกเย็น ฉากที่ผีเผยว่าเลือกแย้มเพราะ “สนุก” และจริงๆ อยากได้ร่างของยี่ หรือตอนที่ทิ้งฟันไว้ให้หยาดพร้อมคำพูดสุดหลอนว่า “หมดเวลาของเธอแล้ว” นี่คือจุดที่ทำให้รู้สึกว่าเธอคือเงามืดที่คอยเล่นกับจิตใจคนดูและตัวละคร
ข้อคิด “ความชั่วร้ายอาจซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราไม่เห็น”
ผีชุดดำสอนเราว่าบางครั้งความอันตรายอาจมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง เธอซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ใช้ความเจ้าเล่ห์หลอกลวงครอบครัว และเลือกเป้าหมายอย่างแย้มและยี่โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตั้งแต่แรก ฉากที่ผีเผยเป้าหมายที่แท้จริง หรือตอนที่มันทิ้งร่องรอยไว้ที่ศาลเพียงตา ทำให้เรานึกถึงว่าในชีวิตจริง สิ่งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอาจซ่อนภัยร้ายไว้ ข้อคิดนี้เตือนให้เราใส่ใจและระวังสิ่งรอบตัว แม้มันจะดูเงียบสงบก็ตาม
ผีชุดดำที่มานิตาเล่นคือตัวละครที่ทำให้ ธี่หยด หลอนจนติดใจ การแสดงของมานิตาทำให้ผีตัวนี้ทั้งน่ากลัวและมีมิติ ไม่ใช่แค่ผีที่โผล่มาให้ตกใจ แต่เป็นวิญญาณที่มีเล่ห์เหลี่ยมและปมลึกๆ
→ จำปา แสนพรม รับบท ยายช่วย

ยายช่วยคือตัวละครที่เต็มไปด้วยปริศนาในหมู่บ้านกาญจนบุรี ปี 2515 เธอเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงกับ ผีชุดดำ และปมลึกๆ ของเรื่อง ถึงบทของเธอจะไม่เยอะ แต่มีความสำคัญเพราะผีชุดดำเลือก แย้ม เป็นตัวตายตัวแทนของยายช่วย แทนที่จะเป็น ยี่ ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกเริ่ม จำปา แสนพรม ถ่ายทอดยายช่วยให้มีความลึกลับและน่าค้นหา การปรากฏตัวของเธอทำให้คนดูรู้สึกว่าเธออาจรู้บางอย่างเกี่ยวกับความชั่วร้ายที่เกิดขึ้น หรืออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของผีชุดดำ การแสดงของจำปาทำให้ยายช่วยดูเหมือนคนที่มีความลับซ่อนอยู่ในสายตาและท่าทาง
ฉายา “เงาลึกลับแห่งอดีต”
เพราะเธอเหมือนเงาที่เชื่อมโยงกับปมลึกๆ ของผีชุดดำและความสยองในเรื่อง ผีชุดดำเลือกแย้มเป็นตัวตายตัวแทนของยายช่วย ซึ่งบ่งบอกว่าเธออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของวิญญาณร้ายนี้ จำปาเล่นบทนี้ได้แบบทำให้ยายช่วยดูน่าพิศวง ฉากที่ผีชุดดำพูดถึงยายช่วยขณะครอบงำแย้มนี่ ทำเอาคนดูรู้สึกว่ายายช่วยอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของเรื่องราว
ข้อคิด “อดีตอาจทิ้งรอยแผลที่ส่งผลถึงปัจจุบัน”
ยายช่วยสอนเราว่าบางครั้งอดีตที่เราคิดว่าจบไปแล้ว อาจทิ้งร่องรอยที่ส่งผลถึงคนในปัจจุบัน การที่ผีชุดดำเชื่อมโยงกับยายช่วยและเลือกแย้มเป็นตัวตายตัวแทน ทำให้เรานึกถึงว่าเรื่องราวในอดีตอาจมีพลังที่คาดไม่ถึง ฉากที่ผีเผยถึงความเกี่ยวข้องของยายช่วยคือจุดที่ทำให้เราคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอาจเป็นต้นเหตุของความชั่วร้ายในวันนี้ ข้อคิดนี้เตือนใจว่าในชีวิตจริง เราควรระวังการกระทำของเรา เพราะมันอาจส่งผลกระทบยาวนานกว่าที่คิด
ยายช่วยที่จำปาเล่นคือตัวละครที่ถึงบทจะน้อย แต่เพิ่มความลึกลับและความหลอนให้ ธี่หยด ได้อย่างลงตัว การแสดงของจำปาทำให้ยายช่วยดูเหมือนคนที่ซ่อนความลับไว้เต็มไปหมด

