ติว บทความสั้น ก.พ.
บทความสั้น หัวข้อที่ออกบ่อยๆ เช่น
1. สรุปความ
2. ตีความ
3. สาระสำคัญ/ใจความสำคัญ
4. อื่นๆ เช่น ผู้เขียนรู้สึกอย่างไร / ข้อใดมีความหมายตรงกับข้อความข้างต้น / จุดมุ่งหมายของผู้เขียน / ผู้เขียนเน้นยํ้าเรื่องใด / ลักษณะการเขียนเป็นแบบใด / ข้อใดที่ไม่ได้กล่าวในบทความ
ข้อสอบ การสรุปความ
คือ ย่อเอาเฉพาะใจความสำคัญของ เช่น สรุปข่าว สรุปสถานการณ์ สรุปข้อความ สรุปสิ่งที่อ่าน สรุปสิ่งที่ได้ยิน
เทคนิค
1. อ่านบทความให้จบ และพยายามวิเคราะห์ออกมาให้ได้ว่า บทความที่กล่าวมานั้น อะไรคือสิ่งที่บทความต้องการสื่อออกมามากที่สุด และเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด กล่าวคือ (หาประธาน ของประโยค)
2. อย่าปฎิเสธบทความ กล่าวคือ สิ่งใดที่บทความบอกไว้หรือเขียนไว้อย่างไรก็ให้เป็นอย่างนั้น เราห้ามเลือกตัวเลือกที่ปฎิเสธ หรือ ขัดแย้ง หรือ ไม่เห็นด้วยกับบทความ
3. อย่าเพิ่มเติมบทความ กล่าวคือ สิ่งใดที่บทความไม่ได้กล่าวหรือบอกเอาไว้ ห้ามเราเลือกตัวเลือกที่มีการเพิ่มเติมเนื้อหาอื่นเข้าไป ที่บทความไม่ได้บอกเอาไว้
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบ การสรุปความ
1. สังคมในปัจจุบันต้องเผชิญอยู่กับปัญหาที่ว่า คนในสังคมไม่เห็นคุณค่าของการมีวินัย ทั้งๆที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าคนนั้นจะมีบทบาทอะไร
ข้อความข้างต้นสรุปได้อย่างไร
ก. คนที่ไม่มีวินัยเป็นปัญหาของสังคมอย่างหนึ่ง
ข. วินัยทำให้สังคมมีความเจริญรุ่งเรือง
ค. วินัยเป็นสิ่งสำคัญของสังคม ปัญหาคือคนในสังคมกลับไม่เห็นคุณค่า
ง. ไม่ว่าใครจะมีบทบาทอะไรในสังคมก็ต้องรู้คุณค่าของการมีวินัย
ตอบข้อ ค. ประเด็นที่สำคัญที่พูดถึงคือ เรื่องของ การมีวินัย ว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในสังคม แต่คนในสังคมกลับไม่เห็นคุณค่า
ก. ผิด เพราะ มีการเติมข้อความ บทความบอกเพียงว่า สังคมต้องเผชิญกับปัญหา เพราะคนไม่เห็นคุณค่าของวินัย แต่ในตัวเลือกบอก คนไม่มีวินัยนั้นเป็นปัญหาของสังคม
ข. ผิด เพราะ มีการเพิ่มเติมข้อความ บทความไม่มีข้อความตอนไหนเลยบอกว่า วินัยทำให้สังคมรุ่งเรือง บทความบอกแต่ว่า วินัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่เราต้องเห็นคุณค่า
ง. ผิด เพราะ สรุปไม่ตรงกับประเด็นหลักของบทความ บทความเขาพูดถึงว่า สังคมต้องเจอปัญหา เพราะคนไม่เห็นคุณค่าของการมีวินัย แต่ตัวเลือก ง. สรุปเป็นประเด็นว่า ใครก็ตามในสังคมก็ต้องเห็นคุณค่าของการมีวินัย
2. สาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน คือการรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งมีจุดละลายสูง หรือไม่สามารถละลายได้เลย และรับประทานอาหารไขมันอิ่มตัวน้อยเกินไป
ข้อความนี้สรุปได้ว่าอย่างไร
ก. การรับประทานอาหารไขมันอิ่มตัวมากๆ จะช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้
ข. การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไปทำให้ไขมันไม่สามารถละลายได้
ค. การเลือกรับประทานอาหารประเภทไขมันสามารถรักษาโรคเลือดอุดตันได้
ง. การรับประทานอาหารไขมันอิ่มตัวมาก และรับประทานไขมันอิ่มตัวน้อยเกินไป ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดอุดตันได้
ตอบ ง. ใจความหลักในเรื่องนี้ เขาพูดถึง สาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน แล้วเขาก็บอกถึงสาเหตุว่าอะไรบ้างที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน คือ 1. ทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไปซึ่งมีกรดที่มีจุดละลายสูงไม่อาจละลายได้ และ 2. ทานอาหารไขมันอิ่มตัวน้อยเกินไป ข้อ ง. จึงสรุปได้ตรงเลยกับบทความ
ก. ผิด เพราะสรุปไม่ตรงกับบทความ บทความเขาบอกว่า สาเหตุที่ทำให้เลือดอุดตันเป็นเพราะทานไขมันอิ่มตัวน้อยเกินไป ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเราทานไขมันอิ่มตัวมากๆแล้วจะช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้
ข. ผิด เพราะสรุปไม่ตรงบทความ บทความบอกว่า เหตุที่ทำให้เลือดอุดตัน คือ 1. ทานไขมันที่จุดละลายสูงหรือที่ไม่สามารถละลายได้ 2. ทานไขมันที่อิ่มตัวน้อยเกินไป แต่ตัวเลือกข้อ ข. บอกว่า เหตุที่ทำให้เลือดอุดตัน คือ ทานไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถละลายได้
ค. ผิด เพราะพูดเพิ่มเติมจากบทความ ไม่มีบทความตอนใดที่บอกไว้เลยว่า การทานไขมันสามารถรักษาโรคเลือดอุดตันได้ บทความเขาบอกแต่ว่า เหตุที่ทำให้เป็นโรคเลือดอุดตัน อาจเกิดจากการทานไขมันอิ่มตัวน้อยเกินไป บทความไม่ได้บอกว่าถ้าทานไขมันแล้วจะรักษาโรคได้
ข้อสอบ การหาใจความสำคัญ/สาระสำคัญ
คือ การหาจุดที่สำคัญที่สุดของบทความ
เทคนิค
1. อ่านบทความนั้นให้จบ และพยายามวิเคราะห์ออกมาให้ได้ว่า บทความที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น อะไรที่บทความต้องการสื่อออกมามากที่สุด และเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด (หา “ประธาน” ของประโยค)
2. อย่าปฎิเสธบทความ กล่าวคือ สิ่งใดที่บทความบอกไว้หรือเขียนไว้อย่างไรก็ให้เป็นอย่างนั้น เราห้ามเลือกตัวเลือกที่ปฎิเสธ หรือขัดแย้ง หรือไม่เห็นด้วยกับบทความ
3. อย่าเพิ่มเติมบทความ กล่าวคือ สิ่งใดที่บทความไม่ได้กล่าวหรือบอกเอาไว้ ห้ามเราเลือกตัวเลือกที่มีการเพิ่มเติมเนื้อหาอื่นเข้าไป หรือบทความไม่ได้บอกเอาไว้
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบ การหาใจความสำคัญ
3. อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในประเทศยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม ที่มีการลงทุนไม่มากนัก อันเนื่องมาจากปัญหาหลายประการประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และปัญหาทางการตลาดที่ยังไม่กว้างเท่าที่ควร
ใจความสำคัญในข้อนี้คืออะไร
ก. อุตสาหกรรมในประเทศไทยจะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ต้องใช้เงินทุนมากขึ้น
ข. อุตสาหกรรมขนาดย่อมจะไม่สามารถเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้
ค. อุตสาหกรรมในประเทศมีแต่อุตสาหกรรมขนาดย่อมไม่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
ง. ปัญหาเงินทุน วิทยาการ และการตลาดทำให้อุตสาหกรรมในประเทศไม่สามารถขยายตัวได้
ตอบ ง. เพราะบทความนี้พูดถึงเรื่อง หาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศไม่ขยายตัว ว่ามันเกิดจากเหตุใดบ้าง ซึ่งข้อ ง. ก็บอกไว้ครบทุกประเด็นแล้ว
ก. ผิดเพราะ พูดเพิ่มเติมจากบทความ ในบทความนี้ไม่มีบทความตอนไหนบอกไว้เลยว่า จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ต้องใช้เงินมากขึ้น
ข. ผิดเพราะ พูดเพิ่มเติมจากบทความ ในบทความไม่มีตอนใดเลยที่บอกว่าอุตสาหกรรมขนาดย่อมไม่สามารถเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ บทความกล่าวเพียงว่า ที่เรายังเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมอยู่ เพราะเรามีการลงทุนไม่ค่อยมากนัก
ค. ผิด เพราะ พูดไม่ตรงประเด็น ในบทความบอกว่า อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม ก็แสดงว่ายังมีส่วนน้อยอยู่ที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ข้อ ค. มาบอกว่าเรามีแต่อุตสาหกรรมขนาดย่อม ไม่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
4. ในกิจกรรมหลายสิ่งที่มนุษย์ต้องกระทำ การฟังเป็นกิจกรรมที่มนุษย์กระทำรองลงมาจากการหายใจ ดังนั้นการฟังจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว อาชีพ สังคม และครอบครัว ถ้าคนทำงานได้เรียนรู้การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
ใจความสำคัญ(สาระสำคัญในเรื่องนี้)ในที่นี้คือข้อใด
ก. การฟังเป็นกิจกรรมที่มนุษย์ต้องกระทำ
ข. การฟังเป็นกิจกรรมที่มนุษย์ทำรองลงมาจากการหายใจ
ค. การฟังมีความสำคัญต่อความความสำเร็จในชีวิต
ง. คนทำงานได้เรียนรู้ถึงการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบ ข้อ ค. เพราะในบทความพูดถึงเรื่อง การฟัง ว่ามันมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิต // ข้อความที่เหลือคือ ข้อความสนับสนุนที่บอกว่า การฟังมีประโยชน์มากแค่ไหน
ก. ผิดเพราะ มันเป็นการพูดสนับสนุนใจความหลักของบทความเฉยๆ ที่บทความบอกว่าการฟังมันมีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตของคน และการฟังนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มนุษย์กระทำรองจากการหายใจ
ข. ผิดเพราะ มันเป็นการพูดสนับสนุนใจความหลักเหมือนข้อ ก.
ง. ผิดเพราะ อ่านแล้ว งง ไม่เข้ากับบทความขอเราเลย อยู่ๆก็บอกว่า คนทำงานได้เรียนรู้การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อสอบ การตีความ
การตีความจะต่างกับการสรุปความ ตรงที่ การสรุปความจะบอกวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการสื่อออกมาตรงๆเลย แต่การตีความ จะเป็นการเล่า บอก หรือสื่อสารโดยไม่บอกความต้องการหรือจุดมุ่งหมายที่ต้องการออกมาตรงๆ จะบอกออกมาแบบอ้อมๆแล้วให้เราตีความเอาเอง
เทคนิคการทำ
1. อ่านบทความให้จบ
2. สรุปบทความที่อ่าน
3. คิดต่อว่า ตัวเลือกข้อ ก,ข,ค,ง ถ้าเราอ่านและตีความแล้ว ตัวเลือกไหน ที่ มันมีความหมายตรงกันกับ บทความที่เราสรุปได้ ในขั้นตอนที่ 1 มากที่สุด
ตัวอย่างโจทย์ข้อสอบ การตีความ
5. ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่งที่มียุงลายเป็นตัวนำเชื้อ เมื่อยุงลายกัดและดูดเลือดผู้ป่วย เชื้อโรคจากผู้ป่วยจะเข้าไปอยู่และเพิ่มจำนวนในต่อมนํ้าลายของยุง เมื่อยุงไปกัดคนปกติ คนปกติก็จะเป็นไข้เลือดออกได้
ข้อใดตีความได้ถูกต้อง
ก. ผู้ที่ถูกยุงลายกัดทุกคนจะเป็นไข้เลือดออก
ข. ยุงลายมีต่อมนํ้าลายไว้เพื่อเพาะเชื้อไขเลือดออก
ค. โรคไข้เลือดออกอาจติดต่อได้โดยการถูกยุงลายกัด
ง. การป้องกันไข้เลือดออกทำได้โดยมิให้ยุงลายกัด
ตอบ ค. บทความสรุปได้ว่า การติดต่อของไข้เลือดออก อาจเกิดจากยุงลายกัดผู้ป่วยแล้วไปกัดคนปกติต่ออีก หรือเราตีความในทางกลับกันได้ว่า ไข้เลือดออกอาจติดต่อได้โดยการถูกยุงลายกัด
6. การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเป็นแบบเทวราชา ซื่งได้รับอิทธิพลมาจากเขมร การปกครองดังกล่าวพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนสมมุติเทพ
ข้อใดตีความถูกต้อง
ก. เขมรเป็นประเทศแรกที่ปกครองแบบเทวราชา
ข. ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นกษัตริย์ได้รับการยกย่องเหมือนเทพเจ้า
ค. การปกครองโดยกษัตริย์ได้รับอิทธิพลมาจากเขมร
ง. การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้รับอิทธิพลมาจากเขมร
ตอบ ข. บทความนี้สรุปได้ว่า การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเป็นแบบเทวราชาที่กษัตริย์เปรียบเสมือนเทพ
เราอาจจะตีความหรือแปลวามหมายได้ว่า สมัยกรุงสรีอยุธยาตอนต้น กษัตริย์ได้รับการยกย่องเหมือนเทพเจ้า
7. กว่าที่หิน จะผ่านกระบวนการแปรรูปมาถึงมือเรานั้น ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงและมีการสูญเสียในกระบวนการการผลิตจากการแปรรูปครึ่งต่อครึ่ง เรานำหินมาใช้ปริมาณเท่าใด ก็มีหินจำนวนปริมาณเท่ากับที่สูญเสียไป ดังนั้น “การใช้หินทุกครั้งจงคิดให้หนักอย่างหิน”
จุดมุ่งหมายของผู้เขียนคือข้อใด
ก. กระตุ้นให้เห็นคุณค่าของหิน
ข. เรียกร้องให้ใช้หินอย่างมีคุณค่า
ค. เตือนให้เห็นว่าหินอาจจะหมดไปจากโลก
ง. ชี้ให้เห็นความสิ้นเปลืองในการผลิตหิน
*** จุดมุ่งหมาย เป้าหมายสูงสุดของบทความนี้ ต้องการสื่ออะไร บอกอะไร
ตอบ ข. สังเกตุ ตอนท้ายของบทความ ที่บอกว่า “ดังนั้น “การใช้หินทุกครั้งจงคิดให้หนักอย่างหิน”
บทความพูดมาซะเยอะไปหมด แต่ตอนท้ายก่อนจบบทความ เขาเน้นยํ้าว่า ดังนั้น การใช้หินทุกครั้งต้องคิดให้หนักคิดให้มาก
กล่าวคือ บทความเรียกร้องให้ใช้หินอย่างคุ้มค่านั้นเอง เพราะมีการเปรียบเทียบว่า ในกระบวนการผลิต มีค่าใช้จ่ายสูงและมีการสูญเสียเยอะ
8. เกียรติยศไม่ใช่ความดีเสมอไป เพราะเกียรติยศเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือเป็นค่านิยมของสังคมเป็นครั้งคราว มีคนจำนวนมากได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติยศ แต่ความมีเกียรติยศของเขาตั้งอยู่บนความยากลำบากของผู้อื่น ถ้าเกียรติยศจะพึงเป็นความดีแล้วไซร้ ผู้มีเกียรติยศจะต้องเป็นคนดี มีคนเคารพนับถือบูชา
เจตนาของผู้เขียนมีว่าอย่างไร
ก. แนะนำ
ข. ให้คิด
ค. เตือนสติ
ง. บอกให้รู้
ตอบ ง. บอกให้รู้
บอกให้รู้ คือ แนะนำ/สอน/พูดให้รู้/เล่าให้ฟัง
แนะนำ คือ ชี้แจงให้ทำหรือปฎิบัติ เช่น แนะนำให้ทำความดี แนะนำในการใช้ยา บอกให้รู้จักกันตามธรรมเนียม
ให้คิด คือ ให้ใคร่ครวญ ให้ไตร่ตรอง ให้พิจารณา
เตือนสติ คือ บอก ยํ้า ยํ้าเตือนความรู้สึก ความรู้สึกผิดชอบ
9. ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาอยู่ที่ จุดเน้น ขณะที่วิทยาศาสตร์สนใจศึกษาความจริงทั่วๆไป ส่วนพุทธศาสนาสนใจศึกษาเฉพาะความจริงของชีวิตเท่านั้น และเป็นชีวิตด้านจิตใจมากกว่าร่างกาย ขณะที่วิทยาศาสตร์ยังก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง แต่พุทธศาสนาได้พบจุดหมายปลายทางและหยุดเดินแล้ว
ข้อใดเป็นทรรศนะของผู้เขียน
ก. วิทยาศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าศาสนาพุทธ
ข. ศาสนาพุทธได้พัฒนาการศึกษาจนไม่สามารถพัฒนาต่อได้อีก
ค. ศาสนาพุทธมีลักษณะการศึกษาที่ก้าวหน้าเหนือกว่าวิทยาศาสตร์
ง. วิทยาศาสตร์และพุทธศาสนาศึกษาเรื่องเดียวกันแต่แตกต่างกัน
ตอบ ง.
ทรรศนะ คือ ความเห็น การเห็น การแสดงทัศนะ
ก. ผิด เพราะ ข้อความไม่ได้บอกไว้เลยว่าอันไหนมันจะเจริญกว่ากัน เขาบอกแต่ว่า วิทยาศาสตร์ยังเดินต่อไปและยังไม่เห็นปลายทาง ส่วนพระพุทธศาสนาได้พบจุดหมายและหยุดเดินแล้ว
ข. ผิด เพราะ บทความบอกเพียงว่าศาสนาพุทธได้พบจุดหมายและหยุดเดินแล้ว เขาไม่ได้บอกว่าศึกษาจนไม่สามารถไปต่อได้อีก
ค. ผิด เพราะ เขาไม่ได้บอกตรงไหนเลยว่า ศาสนาพุทธก้าวหน้ากว่าวิทยาศาสตร์
10. ความแตกต่างระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนาอยู่ที่ จุดเน้น ขณะที่วิทยาศาสตร์สนใจศึกษาความจริงทั่วๆไป พุทธศาศนาสนใจศึกษาเฉพาะความจริงแห่งชีวิตเท่านั้น และเป็นชีวิตด้านจิตใจมากกว่าร่างกาย ขณะที่วิทยาศาสตร์ยังก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง แต่พุทธศาสนาได้พบจุดหมายปลายทางและหยุดเดินแล้ว
ข้อใดเป็นลักษณะการเขียนของผู้เขียนข้อความดังกล่าว
ก. อธิบาย
ข. บรรยาย
ค. อนุมาน
ง. ชี้แจง
ตอบ ก.
อธิบาย คือ ไขความ ขยายความ ชี้แจง
บรรยาย คือ ชี้แจงหรืออธิบายเรื่องให้ฟัง
อนุมาน คือ คาดคะเนตามหลักเหตุผล
ชี้แจง คือ พูดขยายความให้เข้าใจชัดเจน
สอนโดย : โย่ง กฤษณ์พงศ์