ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568 ละครแนวโรแมนติกดราม่าแฟนตาซี ความรักสามเส้าอันเข้มข้นระหว่างมนุษย์และพญานาคนำไปสู่โศกนาฏกรรมและสงครามครั้งใหญ่ เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยโบราณ ณ เมืองเอกชะธีตา อาณาจักรมนุษย์ที่เจริญรุ่งเรือง “นางไอ่ หรือ ไอรดา” เป็นเจ้าหญิงแห่งเมืองนี้ ธิดาของ “พญาศรีเชียงเชิด/แสนเมือง” เธอมีโฉมงดงามราวเทพธิดา ในพิธีรำบูชาองค์สุทโธนาคราช เสียงแคนและการร่ายรำของนางไอ่ดึงดูดใจชายหนุ่มสองคนจากคนละโลก
ผาแดง/กรวิชญ์ (วิทยา เทพทิพย์): นักรบหนุ่มแห่งเมืองมนุษย์ บุตรของขุนนางผู้กล้า เขาหลงรักนางไอ่ตั้งแต่แรกพบและพร้อมต่อสู้เพื่อปกป้องความรักนี้ แม้ต้องเผชิญอุปสรรคจากศัตรูและความแตกต่างทางชนชั้น
พังคี/คำสิงห์ (ยุทธนา เปื้องกลาง): พญานาครูปงามจากเมืองบาดาล ผู้แปลงกายเป็นมนุษย์เพื่อเข้าใกล้นางไอ่ ความรักของเขาลึกซึ้งแต่เต็มไปด้วยพลังลึกลับและความอันตรายจากโลกนาค
เมื่อทั้งสองต่างช่วงชิงหัวใจของนางไอ่ ความรักกลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้งระหว่างโลกมนุษย์และเมืองนาค ผาแดง นำทัพมนุษย์ต่อสู้กับกองทัพนาคของ พังคี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพลังเหนือธรรมชาติ นางไอ่ต้องตัดสินใจเลือกข้างระหว่างความรักที่มั่นคงของมนุษย์และเสน่ห์ลึกลับของพญานาค การตัดสินใจของเธอไม่เพียงกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง แต่ยังนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่ที่ทำลายเมืองเอกชะธีตาและเมืองนาค ส่งผลให้เกิด “หนองหานล่ม” ตำนานที่เล่าขานถึงการล่มสลายของทั้งสองอาณาจักร
ผาแดงนางไอ่ ปี 2568 เป็นมากกว่าละครรัก แต่เป็นการเดินทางสู่ตำนานหนองหานล่มที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ดราม่า และความยิ่งใหญ่ของสงคราม ด้วยการแสดงที่ทรงพลังจากนักแสดงชั้นนำและการถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสาน ละครเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในผลงานเด่นของช่อง ONE31 ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร
เปิดม่าน เสียงแคนและรักต้องห้าม
ในสมัยโบราณ เมืองเอกชะธีตางดงามราวสวรรค์บนดิน ภายใต้การปกครองของ พญาศรีเชียงเชิด/แสนเมือง (ไมค์ ภิรมย์พร) ผู้เป็นราชาใจดีแต่เด็ดขาด ธิดาเพียงคนเดียวของเขา นางไอ่/ไอรดา (เดียร์น่า ฟลีโป) เป็นเจ้าหญิงที่งามล้ำราวหยาดฝนแรกของฤดู เธอปรากฏกายในชุดร่ายรำสีทองระยิบระยับในพิธีบูชาองค์สุทโธนาคราช เสียงแคนดังก้อง ดวงตาทุกคู่จับจ้อง และหัวใจสองดวงต้องสั่นไหว
ผาแดง/กรวิชญ์ (วิทยา เทพทิพย์) นักรบหนุ่มรูปงามแห่งเมืองมนุษย์ ลูกชายขุนนางผู้กล้า มองนางไอ่ด้วยสายตาแห่งรักแรก เขาสาบานว่าจะขอเธอแต่งงาน แม้ฐานะจะเป็นอุปสรรค แต่ในคืนนั้นเอง ชายหนุ่มปริศนา พังคี/คำสิงห์ (ยุทธนา เปื้องกลาง) ปรากฏตัวในชุดสีน้ำเงินเข้ม ดวงตาคู่คมราวอัญมณีจับจ้องนางไอ่ เขาคือพญานาคจากเมืองบาดาลที่แปลงกายเป็นมนุษย์ ด้วยเสน่ห์ลึกลับและพลังเหนือธรรมชาติ พังคีทำให้หัวใจของนางไอ่หวั่นไหว
มณีริน (ตติยา สนสกุล) เพื่อนสนิทของนางไอ่ สังเกตเห็นเงามืดในตัวพังคี เธอเตือนนางไอ่ว่าความรักข้ามภพอาจนำภัยมา แต่รักแรกของนางไอ่เริ่มก่อตัวในใจอย่างมิอาจต้านทาน
ไฟรักและเงาสงคราม
เมื่อวันเวลาผ่านไป นางไอ่เริ่มใกล้ชิดพังคีมากขึ้น เขาพาเธอลงสู่เมืองบาดาล โลกที่เต็มไปด้วยปราสาทมรกตและแสงระยิบราวดวงดาว นางไอ่หลงใหลในความงามและคำสัญญาของพังคีที่ว่าเธอจะเป็นราชินีแห่งนาค เขาขอแต่งงานในพิธีลับใต้บาดาล ทำให้นางไอ่ยอมมอบหัวใจให้ แต่ความลับนี้รั่วไหลถึง ผาเวียง/ภูผา (คิม กู้ดเบิร์น) น้องชายของผาแดง ผู้แอบรักมณีรินและอิจฉาความสัมพันธ์ของพี่ชาย
ผาแดงโกรธแค้นเมื่อรู้ว่านางไอ่เลือกพังคี เขานำความจริงไปบอกพญาศรีเชียงเชิดว่าเจ้าหญิงรักพญานาค ราชาโกรธจัด สั่งให้ ผู้ใหญ่ทัพ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) และ พรานกง/สมชัย (อติรุจ สิงหอำพล) เตรียมทัพต่อสู้ ขณะที่ นาคินีศรีตลา (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) พระขลิบของพังคี หึงหวงนางไอ่จนวางแผนทรยศ เธอร่วมมือกับผาเวียงเพื่อยุยงให้สงครามปะทุ
สงครามครั้งแรกระหว่างมนุษย์และนาคเริ่มขึ้น ผาแดงนำทัพบุกเมืองบาดาล ขณะที่พังคีใช้พลังนาคปกป้องนางไอ่ ฉากต่อสู้เต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์และการปะทะของดาบศักดิ์สิทธิ์ มณีรินพยายามเกลี้ยกล่อมนางไอ่ให้กลับใจ แต่ถูกนาคินีศรีตลาสังหารอย่างโหดร้าย ผาแดงคลั่งแค้นและสาบานว่าจะฆ่าพังคี
จุดแตกหัก การเสียสละของนางไอ่
สงครามถึงจุดไคลแมกซ์ที่หนองหาน ผาแดงเผชิญหน้ากับพังคีในร่างพญานาคยักษ์ที่เกรี้ยวกราด ด้วยความช่วยเหลือจาก หลวงพ่อเหลี่ยม (หยอง ลูกหยี) ผู้มอบดาบศักดิ์สิทธิ์ ผาแดงต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่บาดเจ็บสาหัส นางไอ่ที่เห็นเหตุการณ์ตัดสินใจเข้ามาขวาง เธอร้องขอให้ทั้งสองหยุด แต่พญาศรีเชียงเชิดนำทัพเสริมมาและถูก ภุชงค์ (พศุฑย์ พงศ์พศุตม์) ลูกน้องของพังคี สังหาร
นางไอ่เสียใจหนัก เธอสารภาพกับผาแดงว่ารักเขาในฐานะมนุษย์ แต่หัวใจของเธอไม่อาจทิ้งพังคีได้ เธอตัดสินใจเสียสละโดยกระโดดลงหนองหานเพื่อหยุดสงคราม พลังแห่งความรักของเธอทำให้เกิดแสงสว่างมหาศาล บังคับให้ทั้งสองฝ่ายวางอาวุธ พังคีร้องไห้ด้วยความสูญเสีย ขณะที่ผาแดงถูก เฒ่าเหิม/หมอคง (วัชรชัย สุนทรศิริ) รักษา แต่สูญเสียการมองเห็นจากบาดแผล
ตำนานหนองหานล่มและรักนิรันดร์
สงครามจบลงด้วยหายนะ เมืองเอกชะธีตาจมลงเป็นหนองหาน เมืองบาดาลแตกสลาย พังคีถูกสาปให้เฝ้าหนองหานชั่วนิรันดร์ในร่างนาค ผาแดงกลายเป็นคนตาบอดเร่ร่อน แต่งงานกับ เจ้านางจามปา/จำปา (แคนดี้ รากแก่น) ที่รักเขาอย่างเงียบๆ แต่สุดท้ายเขาตายอย่างโดดเดี่ยว จำปารอเขาจนแก่เฒ่า ใจสลาย
เรื่องราวข้ามมาสู่ยุคปัจจุบัน (2568) กรวิชญ์ (อาวุโส) (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และ ไอรดา (อาวุโส) (สุปราณี เจริญผล) ทายาทของตัวละครหลัก ค้นพบโบราณวัตถุในหนองหาน พวกเขาเห็นวิญญาณนางไอ่รำบูชาในฝัน ด้วยคำแนะนำจาก ยายบัวริน (พิมพา พรศิริ), ป้าแก้ว (ดาหลา ธัญญาพร), และ พระนางเจ้านันทาเทวี (ชไมพร สิทธิวรนันท์) ที่ปรากฏในฐานะวิญญาณ พวกเขาค้นพบความจริงว่าตำนานนี้เป็นบทเรียนแห่งรักและการสูญเสีย ตัวละครยุคปัจจุบันอย่าง กำนันศักดิ์ (เวนย์ ฟอลโคเนอร์), ภาคิน (ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์), เป้ (แม็คเก้ ก้องพรลภัส), โกสิน (ป๊อด ชัยชนะ), บุญยัง (ถิรวัฒน์ หมอกชัย), บัวผัน (น้ำพุ สารวัล), และ นิอร (สุชาดา พูนพัฒนสุข) เสริมเรื่องราวด้วยการสืบหาความจริง
ผาแดงนางไอ่ ไม่ใช่แค่ละครรัก แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่เตือนใจถึงผลของความหึงหวงและการไม่ยอมปล่อยวาง ด้วยฉากแอ็กชันยิ่งใหญ่ การแสดงที่ลึกซึ้ง และเพลงประกอบจากศิลปินอีสาน ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
1. การแสดงอันทรงพลัง
นักแสดงนำทั้งสามคนคือหัวใจของเรื่อง เดียร์น่า ฟลีโป ถ่ายทอดบทนางไอ่/ไอรดาได้อย่างน่าประทับใจ เธอแสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสับสนในรักสามเส้า และความเสียสละได้อย่างถึงอารมณ์ วิทยา เทพทิพย์ ในบทผาแดง/กรวิชญ์ นำเสนอภาพนักรบที่ทั้งกล้าหาญและเปราะบางจากความรัก ส่วน ยุทธนา เปื้องกลาง รับบทพังคี/คำสิงห์ได้ลึกลับและมีเสน่ห์ สมกับเป็นพญานาคที่ดึงดูดทุกสายตา นักแสดงสมทบอย่าง ไมค์ ภิรมย์พร (พญาศรีเชียงเชิด/แสนเมือง) และ ชลิตา ส่วนเสน่ห์ (นาคินีศรีตลา) เพิ่มมิติด้วยการแสดงที่เข้มข้น โดยเฉพาะไมค์ที่แสดงความเป็นพ่อและผู้นำได้อย่างน่าเกรงขาม
2. งานภาพและฉากแฟนตาซี
การกำกับภาพของนุ่น-หลักเขต วสิกชาติ สร้างความตื่นตาด้วยฉากเมืองบาดาลที่งดงามราวเทพนิยาย และฉากสงครามระหว่างมนุษย์กับนาคที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษคุณภาพสูง ฉากร่ายรำบูชานาคราชของนางไอ่ พร้อมเสียงแคนและเครื่องแต่งกายอีสาน ถือเป็นไฮไลต์ที่สะท้อนวัฒนธรรมได้อย่างสมจริงและงดงาม การออกแบบฉากเมืองเอกชะธีตาและหนองหานช่วยให้ผู้ชมดื่มด่ำกับบรรยากาศสมัยโบราณ
3. การถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสาน
ละครเรื่องนี้โดดเด่นในการนำเสนอวัฒนธรรมอีสาน ไม่ว่าจะเป็นพิธีรำบูชา ความเชื่อเรื่องพญานาค หรือดนตรีพื้นบ้านอย่างแคนและหมอลำ เพลงประกอบจากศิลปินอีสาน เช่น ไมค์ ภิรมย์พรเอง ช่วยเพิ่มอรรถรสและความรู้สึกผูกพันกับรากเหง้าท้องถิ่น การเชื่อมโยงตำนานหนองหานล่มกับยุคปัจจุบันผ่านตัวละครอย่าง กรวิชญ์ (อาวุโส) (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และ ไอรดา (อาวุโส) (สุปราณี เจริญผล) ยังทำให้เรื่องราวมีความร่วมสมัย
4. โครงเรื่องและอารมณ์ที่เข้มข้น
บทละครของบุตรรัตน์ บุตรพรม สร้างสมดุลระหว่างความรักสามเส้า ดราม่า และแอ็กชันได้อย่างดี เรื่องราวรักระหว่างนางไอ่ ผาแดง และพังคีเต็มไปด้วยความขัดแย้งที่ชวนลุ้น การตัดสินใจของนางไอ่ที่นำไปสู่การเสียสละและโศกนาฏกรรมชวนน้ำตาไหล ตัวละครสมทบอย่าง มณีริน (ตติยา สนสกุล), ผาเวียง/ภูผา (คิม กู้ดเบิร์น), และ นาคินีศรีตลา (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) เพิ่มความซับซ้อนให้พล็อตด้วยความหึงหวงและการทรยศ
คะแนน 8.5/10 (ละครที่ทั้งชวนลุ้นและชวนร้องไห้ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบละครแฟนตาซี ดราม่า หรืออยากสัมผัสกลิ่นอายอีสานจะต้องหลงรัก)
ผาแดงนางไอ่ ปี 2568 เป็นละครที่ผสมผสานความยิ่งใหญ่ของตำนานอีสานเข้ากับความรักและโศกนาฏกรรมได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะมีจุดด้อยในเรื่องจังหวะและเทคนิคพิเศษบ้าง แต่การแสดงที่ยอดเยี่ยม งานภาพที่สวยงาม และการถ่ายทอดวัฒนธรรมทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในละครเด่นของช่อง ONE31
ตั้งแต่ฉากแรกที่ นางไอ่/ไอรดา (เดียร์น่า ฟลีโป) ปรากฏตัวในพิธีรำบูชาองค์สุทโธนาคราช รู้สึกตื่นตะลึงกับความงามของเครื่องแต่งกายและเสียงแคนที่ดังก้อง ทุกจังหวะการร่ายรำของเดียร์น่าทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเอกชะธีตา การนำเสนอวัฒนธรรมอีสาน ไม่ว่าจะเป็นดนตรีพื้นบ้าน ความเชื่อเรื่องพญานาค หรือบรรยากาศของเมืองโบราณ ทำให้รู้สึกผูกพันและภาคภูมิใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรม การได้เห็น ไมค์ ภิรมย์พร ในบทพญาศรีเชียงเชิด ผู้นำที่ทั้งเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยความรักต่อลูกสาว ยังเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและสมจริงให้กับเรื่องราว
หัวใจของละครอยู่ที่ความรักสามเส้าอันเข้มข้นระหว่างนางไอ่, ผาแดง/กรวิชญ์ (วิทยา เทพทิพย์), และ พังคี/คำสิงห์ (ยุทธนา เปื้องกลาง) ทุกครั้งที่นางไอ่ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจระหว่างรักของนักรบมนุษย์ผู้กล้าหาญและพญานาคผู้ลึกลับ ก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นว่าเธอจะเลือกใคร การแสดงของวิทยาในบทผาแดงทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดของชายหนุ่มที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อรัก ขณะที่ยุทธนานำเสนอพังคีได้อย่างมีเสน่ห์และน่าค้นหา ฉากที่พังคีพานางไอ่ลงไปยังเมืองบาดาลที่งดงามราวเทพนิยาย ทำให้รู้สึกเหมือนถูกสะกดให้หลงรักพญานาคไปพร้อมกับเธอ ความขัดแย้งระหว่างสองโลกนี้ชวนให้ใจเต้นแรงและยากจะละสายตา
เมื่อเรื่องราวดำเนินไปสู่สงครามระหว่างมนุษย์และนาค รู้สึกถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในทุกตอน ฉากที่ มณีริน (ตติยา สนสกุล) เพื่อนสนิทของนางไอ่ ต้องเสียชีวิตจากน้ำมือของ นาคินีศรีตลา (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ทำให้ใจสลาย และเมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ที่หนองหาน การเสียสละของนางไอ่ที่เลือกกระโดดลงน้ำเพื่อหยุดสงครามเป็นฉากที่ทำให้น้ำตาไหลไม่หยุด การแสดงของเดียร์น่าขณะที่นางไอ่ร้องไห้และสารภาพรักต่อทั้งผาแดงและพังคีนั้นทรงพลังจนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในใจของตัวละคร ฉากนี้ทำให้รู้สึกถึงพลังของความรักที่ยิ่งใหญ่แต่ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
การที่ละครเชื่อมโยงตำนานสู่ยุคปัจจุบันผ่านตัวละครอย่าง กรวิชญ์ (อาวุโส) (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และ ไอรดา (อาวุโส) (สุปราณี เจริญผล) ทำให้รู้สึกถึงความต่อเนื่องของเรื่องราว ฉากที่ทั้งสองค้นพบโบราณวัตถุและเห็นวิญญาณนางไอ่รำบูชาในฝันชวนขนลุกและตราตรึง ตัวละครรับเชิญอย่าง ยายบัวริน (พิมพา พรศิริ), ป้าแก้ว (ดาหลา ธัญญาพร), และ พระนางเจ้านันทาเทวี (ชไมพร สิทธิวรนันท์) เสริมให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งราวกับตำนานยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
ละคร ผาแดงนางไอ่ มีตั้งแต่ความตื่นตาตื่นใจในวัฒนธรรมอีสาน ความลุ้นระทึกในรักสามเส้า ไปจนถึงความสะเทือนใจในโศกนาฏกรรม ละครเรื่องนี้ทำให้มีทั้งยิ้ม ร้องไห้ และครุ่นคิดถึงพลังของความรักและผลของความหึงหวง ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยม งานภาพที่งดงาม และเพลงประกอบที่ไพเราะ
ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568
ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568 EP.1-34oneD
ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568 EP.1-34one31
ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568 EP.1-38 ENDTRUEID
ซีน ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568
ละคร ผาแดงนางไอ่ 2568
จุดเริ่มต้น รักสามเส้าในเมืองเอกชะธีตา
เรื่องราวเกิดในสมัยโบราณ ณ เมืองเอกชะธีตา เมืองมนุษย์ที่เจริญสุด ๆ และนี่คือที่ที่เราได้เจอกับ เจ้าหญิงไอ่คำ (เดียร์น่า ฟลีโป) สาวสวยระดับเทพธิดา ลูกสาวของ พญาศรีเชียงเชิด (ไมค์ ภิรมย์พร) เจ้าเมืองสุดเข้ม! ในพิธีรำบูชาองค์สุทโธนาคราช เจ้าหญิงไอ่คำมาในชุดสีทองระยิบ พร้อมร่ายรำท่ามกลางเสียงแคน ฉากนี้สวยจนต้องร้องว้าว และนี่คือจุดที่หัวใจของสองหนุ่มต้องสั่นสะเทือน
คนแรกคือ ผาแดง (ก้อง-สวัสดิ์ พงษ์ศรี) เจ้าชายจากเมืองผาโพง นักรบสุดหล่อ กล้าหาญ และพร้อมตายเพื่อรัก เขาเห็นไอ่คำแล้วก็แบบ “ว้าว เธอคือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วย” แต่ อีกคนที่โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัวคือ พังคี (ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง) พญานาคสุดแซ่บจากเมืองบาดาลที่แปลงร่างมาเป็นมนุษย์ หล่อ ลึกลับ มีพลังเวทมนตร์ เขาก็หลงรักไอ่คำหนักมาก และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาเป็นคู่ครอง
รักกลายเป็นสงคราม
เอาล่ะ งานนี้ไม่จบง่าย ๆ เพราะทั้งผาแดงและพังคีต่างก็อยากได้หัวใจของไอ่คำ ไอ่คำเองก็เริ่มสับสน เธอรู้สึกดีกับผาแดงที่เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ว่าพังคีก็มีเสน่ห์แบบต้านไม่ไหว เขาพาเธอไปเห็นเมืองบาดาลที่สวยเหมือนฝัน มีปราสาทมรกต แสงระยิบราวดวงดาว ฉากนี้คือตื่นตาแบบสุด ๆ สุดท้าย ไอ่คำแอบตกลงใจกับพังคี และนี่คือจุดที่ทุกอย่างพัง
ผาแดงรู้ว่าไอ่คำเลือกพญานาค เขาโกรธมาก เลยไปฟ้องพญาศรีเชียงเชิด พ่อของไอ่คำ ซึ่งสั่งลุยเลย เมืองมนุษย์ยกทัพไปปะทะกับเมืองบาดาลของพังคี ฉากสงครามนี่มันส์มาก ดาบฟาดกัน ใช้พลังนาค มีมังกรพ่นไฟ เอฟเฟกต์จัดเต็ม แต่ดราม่าก็มาเต็มไม่แพ้กัน เพราะไอ่คำต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างมนุษย์หรือนาค และการเลือกของเธอนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่
โศกนาฏกรรมหนองหานล่ม
มาถึงจุดพีคของเรื่อง สงครามที่หนองหานถึงจุดเดือด ผาแดงปะทะพังคีแบบตัวต่อตัว พังคีแปลงร่างเป็นนาคยักษ์ ผาแดงก็สู้ไม่ถอยด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จาก หลวงพ่อเหลี่ยม (หยอง ลูกหยี) แต่สุดท้าย ไอ่คำทนเห็นคนที่รักเจ็บไม่ได้ เธอตัดสินใจเสียสละตัวเอง กระโดดลงหนองหานเพื่อหยุดสงคราม ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลยทุกคน แสงสว่างจากตัวไอ่คำพุ่งออกมา สงครามหยุดลง แต่เมืองเอกชะธีตาและเมืองบาดาลก็จมลงสู่หนองหาน กลายเป็นตำนาน “หนองหานล่ม” ที่วิญญาณชาวเมืองนับแสนต้องถูกจองจำใต้บาดาล
ข้ามภพชาติ: ปมรักปมแค้นในยุคปัจจุบัน
แต่ เรื่องยังไม่จบ ด้วยบ่วงกรรมที่ผูกไว้ในอดีต ไอ่คำ, ผาแดง และพังคี กลับมาเกิดใหม่ในปี 2568 เป็น ไอรดา (เดียร์น่า), กรวิชญ์ (ก้อง), และ คำสิงห์ (ตูมตาม) ในภพชาตินี้ พวกเขาต้องมาเคลียร์ปมรักและปมแค้นจากอดีต ไอรดาจะต้องเผชิญหน้ากับความทรงจำเก่า ๆ และภารกิจสุดยิ่งใหญ่ในการปลดปล่อยวิญญาณชาวเมืองที่ถูกสาปให้จมอยู่ใต้หนองหาน
ในยุคปัจจุบัน ตัวละครอย่าง มณีริน (ตติยา สนสกุล), ผาเวียง/ภูผา (คิม กู้ดเบิร์น), และ นาคินีศรีตลา (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ก็กลับมาในบทบาทใหม่ ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องราว ส่วนตัวละครรับเชิญอย่าง ยายบัวริน (พิมพา พรศิริ) และ ป้าแก้ว (ดาหลา ธัญญาพร) โผล่มาในฉากฝันที่ชวนขนลุก ช่วยให้ไอรดาค้นพบความจริงเกี่ยวกับคำสาป ฉากสุดท้ายที่ไอรดายืนมองหนองหาน พร้อมแววตาที่บอกว่า “รักนี้ยังไม่จบ” คือแบบ… ว้าว ต้องมีอะไรต่อแน่นอน
เอาจริง ๆ ละครเรื่องนี้คือครบรส มีรักสามเส้าที่ชวนลุ้น ดราม่าน้ำตาแตก สงครามแฟนตาซีที่ตื่นเต้น และวัฒนธรรมอีสานที่ทำให้รู้สึกภูมิใจในรากเหง้าของเรา การแสดงของเดียร์น่าคือสุดยอด ฉากเสียสละของเธอทำเอาร้องไห้หนักมาก ก้องและตูมตามก็เคมีดีสุด ๆ ทั้งหล่อ ทั้งดึงดูดในแบบของตัวเอง เพลงประกอบที่ผสมหมอลำและแคนก็คือฟังแล้วขนลุก
เบื้องหลังของละคร ผาแดงนางไอ่ ปี 2568 ช่อง ONE31 สุดจัดปลัดบอก ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตำนานรักสามเส้าที่ชวนน้ำตาแตก แต่เบื้องหลังการทำงานก็โคตรเจ๋ง มาดูกันว่าใครเป็นคนเนรมิตให้เรื่องนี้กลายเป็นมหากาพย์แห่งอีสาน
คนเขียนบทสุดปัง บุตรรัตน์ บุตรพรม

เริ่มที่ บุตรรัตน์ บุตรพรม นักเขียนบทที่ต้องยกนิ้วให้ นี่คือมันสมองเบื้องหลังที่ทำให้ ผาแดงนางไอ่ มีทั้งความรักสุดดราม่า สงครามสุดเดือด และกลิ่นอายวัฒนธรรมอีสานที่เข้มข้น บุตรรัตน์เค้าเอาเรื่องเล่าตำนาน “หนองหานล่ม” มาปัดฝุ่นใหม่ แล้วใส่ความแฟนตาซีลงไปแบบจัดเต็ม
ไม่ว่าจะฉากรักสามเส้าของ เจ้าหญิงไอ่คำ (เดียร์น่า ฟลีโป), ผาแดง (ก้อง-สวัสดิ์ พงษ์ศรี), และ พังคี (ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง) หรือการเชื่อมโยงภพชาติจากโบราณสู่ยุค 2568 ทุกอย่างมันลงตัวแบบ… เก่งอะ
บุตรรัตน์เค้าผสมความดราม่าเข้ากับความแฟนตาซีได้เป๊ะ ทำให้เราลุ้นจนตัวเกร็งว่าไอ่คำจะเลือกใคร แล้วยังมีปมบ่วงกรรมที่ชวนให้คิดถึงเรื่องชาติภพอีก บทของเค้ามีทั้งฉากน้ำตาไหล ฉากแอ็กชัน และฉากวัฒนธรรมอีสานที่ทำให้รู้สึกว้าว อย่างฉากรำบูชานาคราชที่มาพร้อมเสียงแคน ต้องปรบมือให้เลย ถ้าไม่มีบุตรรัตน์ เรื่องนี้คงไม่ครบรสขนาดนี้แน่นอน
ผู้กำกับสุดเจ๋ง นุ่น-หลักเขต วสิกชาติ

ต่อมา ขอพูดถึง นุ่น-หลักเขต วสิกชาติ ผู้กำกับที่เป็นเหมือนจอมทัพของกองถ่าย นุ่นคือคนที่เนรมิตภาพในหัวของบุตรรัตน์ให้ออกมาเป็นฉากที่สวยตาแตกบนจอ อยากบอกว่าเค้าทำได้ปังมาก ฉากเมืองเอกชะธีตานี่เหมือนหลุดออกมาจากนิทานเลย ปราสาท วิวท้องทุ่ง ทุกอย่างดูสมจริง ส่วนฉากเมืองบาดาลของพังคีคือสวยจนอยากลงไปเที่ยวเอง มันมีแสงระยิบราวดวงดาว ปราสาทมรกต ดูแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซีจริง ๆ
นุ่นยังเก่งเรื่องคุมอารมณ์นักแสดงด้วย อย่างฉากที่ เดียร์น่า ร้องไห้ตอนเสียสละตัวเอง หรือฉากที่ ก้อง ปะทะ ตูมตาม ในสงครามหนองหาน มันชวนลุ้นจนนั่งไม่ติด การกำกับฉากแอ็กชันก็ไม่ธรรมดา ฉากมนุษย์ปะทะนาคนี่มันส์สุด ๆ มีทั้งดาบฟาดกัน พลังเวทมนตร์ และมังกรพ่นไฟ ถึงบางฉาก CG อาจจะไม่เป๊ะ 100% แต่ภาพรวมคือตื่นตาตื่นใจมาก แถมนุ่นยังใส่ใจรายละเอียดวัฒนธรรมอีสาน เช่น ชุดร่ายรำของไอ่คำ หรือพิธีบูชานาคราช ทำให้รู้สึกถึงความเป็นอีสานแท้ ๆ
วรรณกรรมพื้นบ้าน ผาแดงนางไอ่ มาดำดิ่งสู่เรื่องราวรักสามเส้าแห่งอีสานกัน
ตำนานนี้คืออะไร ทำไมถึงดังในอีสาน
ผาแดงนางไอ่ คือวรรณกรรมพื้นบ้านที่ฮิตในภาคอีสาน โดยเฉพาะแถว สกลนคร อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และข้ามไปถึง ประเทศลาว เลยนะ เรื่องนี้มันคือตำนานรักสามเส้าสุดดราม่าที่เล่ากันมานานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอีสาน 😍
ตำนานนี้ถูกจารึกไว้ใน ใบลาน ทั้งตัวอักษรธรรมและอักษรไทยน้อย มีหลายสำนวนมาก ๆ แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครแต่ง หรือแต่งตั้งแต่เมื่อไหร่ สำนวนที่ดังสุด ๆ คือที่ ปรีชา พิณทอง ชำระใหม่เมื่อปี 2524 แล้วก็มีเวอร์ชันใหม่ ๆ อย่างของ เตชวโรภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) ในปี 2544 หรือของ พิพัฒน์ ประเสริฐสังข์ ในปี 2555 ที่เขียนเป็นวรรณกรรมเยาวชน แถมยังมีเพลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เช่น “ไอ่คำรำพัน” โดยนกน้อย อุไรพร และ “วาสนาภังคี” โดยวิเศษ เวณิกา ฟังแล้วคือขนลุก อีสานแท้ ๆ เลย
เนื้อเรื่องสุดดราม่า: รักสามเส้าและเมืองล่ม
มาถึงเนื้อเรื่องกันบ้าง ตำนานนี้เกิดใน นครเอกชะทีตา (หรือเมืองสุวรรณโคมคำ) ที่มี พระยาขอม เป็นกษัตริย์ พระยาขอมมีลูกสาวชื่อ นางไอ่คำ หรือ นางไอ่ สวยสุด ๆ แบบระดับเทพธิดา พระยาขอมรักลูกสาวมาก ถึงขั้นสร้าง ปราสาท 7 ชั้น ให้อยู่ มีสนมและนางกำนัลคอยดูแลแบบ VIP สุด ๆ
แต่ความสวยของนางไอ่นี่แหละ ทำให้หนุ่ม ๆ ทั่วเมืองตาลุกวาว คนแรกที่โผล่มาคือ ท้าวผาแดง เจ้าชายจากเมืองผาโพง หนุ่มหล่อนักรบสุดกล้า เขาแอบมาจีบนางไอ่ผ่านแม่สื่อที่เป็นคนใช้ งานนี้เคมีเข้ากันสุด ๆ ทั้งคู่แอบรักกันและผาแดงสัญญาจะมาสู่ขอตามประเพณี ฟังแล้วใจฟูเลยใช่มั้ย? แต่เดี๋ยวก่อน ดราม่ากำลังมา
ที่เมืองบาดาล มี พญานาคสุทโธนาค ครองเมือง และมีลูกชายสุดหล่อชื่อ ท้าวภังคี ที่สำคัญนะ ในชาติก่อน ท้าวภังคีเคยเป็นคู่รักกับนางไอ่ที่เป็นใบ้ และนางไอ่ในชาติก่อนอธิษฐานว่า “ชาติหน้าฉันจะฆ่าไอ้ใบ้นี่ด้วยมือตัวเอง” บ่วงกรรมมาเต็ม
ดราม่าปะทุ: การประลองและหายนะ
เมื่อพระยาขอมรู้ว่าท้าวผาแดงจะมาสู่ขอนางไอ่ เขาก็แบบ “ไม่ได้นะ! ต้องพิสูจน์ก่อน!” เลยจัดการแข่ง ประลองบั้งไฟ ว่าใครยิงบั้งไฟได้สูงกว่ากัน ถ้าผาแดงชนะจะได้นางไอ่ไป แต่ถ้าพระยาขอมชนะ งานแต่งล่ม ผลคือ… ผาแดงแพ้ 😭 ใจสลายเลยทุกคน
ในขณะเดียวกัน ท้าวภังคีจากเมืองบาดาลแปลงร่างเป็น กระรอก มาเที่ยวงานในเมืองเอกชะทีตา แต่ดันโชคร้าย ถูกนายพรานจับได้แล้วเอาไปให้นางไอ่ทำแกง ท้าวภังคีเลยอธิษฐานว่า “ขอให้เนื้อของข้าอร่อยสุด ๆ และเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง” ผลคือชาวเมืองพากันแย่งกินแกงกระรอกนี้แบบบ้าคลั่ง แต่บริวารของท้าวภังคีรู้เรื่องเข้า เลยไปฟ้อง พญานาคสุทโธนาค งานนี้พญานาคโกรธจัด นำทัพนาคนับหมื่นนับแสนตัว ถล่มเมืองเอกชะทีตาจนจมลงบาดาลในพริบตา 😱
แค่ ดอน 3-4 แห่ง เท่านั้นที่รอด เพราะเป็นที่อยู่ของแม่ม่ายที่ไม่ได้กินแกงกระรอกเผือก เลยรอดตาย ดราม่าสุด ๆ
โศกนาฏกรรม: การเสียสละและบ่วงกรรม
ท้าวผาแดงเห็นเมืองล่มก็รีบควบม้าพานางไอ่หนี แต่หนีไม่พ้น ทัพพญานาคตามไล่ล่า แผ่นดินถล่มตามติด ๆ สุดท้ายนางไอ่ถูกกลืนหายไปใต้บาดาล ผาแดงรอดมาได้ แต่ใจสลาย เขาอธิษฐานว่า “ข้าจะตายเพื่อไปเอานางไอ่คืนมา” แล้วกลั้นใจตายทันที จากนั้นวิญญาณของเขาลงไปสู้กับพญานาคในบาดาล สู้กันจนน้ำขุ่นไปหมด สุดท้าย พระอินทร์ ต้องลงมาระงับศึก สั่งให้ผีกลับเมืองผี นาคกลับเมืองนาค ส่วนนางไอ่ต้องรอคู่แท้ของเธอในเมืองบาดาลไปจนกว่าพระพุทธเจ้าองค์ใหม่จะมา 😢 ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลยทุกคน
ผลกระทบ: หนองหานและวัฒนธรรมอีสาน
รู้มั้ยว่า ตำนานนี้เชื่อมโยงกับ หนองหานหลวง ในสกลนคร, หนองหานน้อยกุมภวาปี ในอุดรธานี และแอ่งน้ำหลายแห่งในอีสาน นักวิทยาศาสตร์บอกว่าแอ่งน้ำพวกนี้เกิดจากเปลือกโลกเปลี่ยนแปลงและเกลือในชั้นดินละลายจนเกิดหลุมยุบ กลายเป็นหนองน้ำหรือทะเลสาบ แต่ในแง่วรรณกรรม ตำนานนี้คือที่มาของสถานที่เหล่านี้เลย
ในตำนาน มี 22 เมือง ที่เกี่ยวข้อง เช่น
เมืองเอกชะทีตา (หนองหานน้อย, อุดรธานี)
เมืองผาโผง (ปากชม, เลย)
เมืองเซียงเหียน (มหาสารคาม)
เมืองสีแก้ว (ร้อยเอ็ด) และอีกหลายเมือง รวมถึงในลาวอย่าง เมืองสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) แถมยังมีสถานที่อย่าง บ้านน้ำฆ้อง, บ้านกงพาน, หนองแหวน, ดอนแม่หม้าย ในอุดรธานี หรือ บ้านกระนวน ในขอนแก่น ที่ได้ชื่อจากตำนานนี้
ที่เจ๋งสุดคือ ตำนานนี้ยังอยู่ใน งานบุญบั้งไฟ เดือนหกของอีสาน ขบวนแห่บั้งไฟมักมีตัวละครท้าวผาแดงและนางไอ่โผล่มาเพิ่มสีสัน เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต
ทุกคน ผาแดงนางไอ่ ไม่ใช่แค่นิทาน แต่เป็นเรื่องราวที่สะท้อนความรัก ความหึงหวง และผลของกรรมในสไตล์อีสานแท้ ๆ มันชวนให้เราคิดถึงรากเหง้าของเรา และยังมีกลิ่นอายแฟนตาซีที่สนุกสุด ๆ การที่มันถูกจารึกในใบลาน ถูกแต่งเป็นเพลง ถูกเล่าต่อในงานบุญ แสดงให้เห็นว่าตำนานนี้คือสมบัติของชาวอีสานและลาวเลย
นักแสดง
→ เดียร์น่า ฟลีโป รับบท นางไอ่/ไอรดา

นางไอ่คือเจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตา สวยระดับเทพธิดาเลย ทุกคนในเมืองหลงรักเธอ เธอเป็นคนใจดี อ่อนโยน แต่ก็มีหัวใจที่เข้มแข็งมาก ในสมัยโบราณ เธอต้องเผชิญกับรักสามเส้าสุดซับซ้อนระหว่าง ผาแดง เจ้าชายนักรบจากเมืองผาโพง และ พังคี พญานาคสุดหล่อจากเมืองบาดาล เธอรักทั้งคู่ในแบบที่ต่างกัน ทำให้ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนชะตากรรมของทั้งเมือง ฉากที่เธอรำบูชานาคราชนี่คือสวยตาแตก ชุดสีทองระยิบ เสียงแคนดังก้อง ดูแล้วเหมือนหลุดไปในตำนานจริง ๆ
ในยุคปัจจุบัน เธอกลับมาเกิดเป็น ไอรดา หญิงสาวที่ต้องสะสางบ่วงกรรมจากอดีต เธอมีภารกิจสุดยิ่งใหญ่ในการปลดปล่อยวิญญาณชาวเมืองที่จมอยู่ใต้หนองหานจากคำสาป เดียร์น่าถ่ายทอดบทนี้ได้แบบครบรส ทั้งความสับสนในรัก ความเสียสละ และความกล้าในภารกิจยุคใหม่ ทุกครั้งที่นางไอ่ร้องไห้หรือต้องเลือกข้าง ใจเราก็ลุ้นตามไปด้วย
ฉายา เทพธิดาแห่งหนองหาน
เพราะนางไอ่คือสัญลักษณ์ของความงามและความบริสุทธิ์ที่เชื่อมโยงสองโลก ทั้งมนุษย์และบาดาล เธอเหมือนเทพธิดาที่ลงมาเพื่อรักและเสียสละ ทำให้ตำนานหนองหานกลายเป็นเรื่องเล่าที่ตราตรึงใจ
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องมากับการเสียสละ
จากตัวละครนางไอ่ เราเรียนรู้ว่า ความรักไม่ใช่แค่การครอบครอง แต่บางครั้งต้องยอมปล่อยเพื่อให้คนที่รักและโลกสงบสุข การตัดสินใจของเธอที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อหยุดสงครามสอนให้เราคิดว่า บางครั้งการเลือกที่ยากอาจนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าสำหรับทุกคน
→ ยุทธนา เปื้องกลาง รับบท พังคี/คำสิงห์

พังคีคือพญานาคแห่งเมืองบาดาล ลูกชายของพญานาคสุทโธนาค เขาคือตัวละครที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบต้านไม่ไหว หล่อ ลึกลับ และมีพลังเหนือธรรมชาติ ในสมัยโบราณ เขาแปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อเข้ามาจีบ นางไอ่ เจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตา รักของเขาคือแบบสุดหัวใจ ถึงขั้นยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาเป็นคู่ครอง แต่ความรักนี้ก็จุดชนวนสงครามระหว่างมนุษย์และนาค ฉากที่พังคีพานางไอ่ไปเมืองบาดาลนี่คือสวยมาก ปราสาทมรกต แสงระยิบราวดวงดาว ดูแล้วเหมือนหลุดไปอีกโลกเลย
ในยุคปัจจุบัน พังคีกลับมาเกิดเป็น คำสิงห์ ชายหนุ่มที่ยังคงมีความลึกลับและต้องเผชิญกับบ่วงกรรมจากอดีต เขาต้องเคลียร์ปมรักและแค้นกับ ไอรดา และ กรวิชญ์ การแสดงของตูมตามทำให้พังคีเป็นตัวละครที่ทั้งน่าหลงใหลและน่าสงสาร ฉากที่เขาแปลงร่างเป็นนาคยักษ์ในสงครามหนองหานนี่คือตื่นเต้นสุด ๆ แต่ก็มีโมเมนต์ที่เขาเสียใจตอนนางไอ่เสียสละตัวเอง ทำเอาเราน้ำตาคลอตามเลย
ฉายา พญานาคแห่งรักนิรันดร์
พังคีได้ฉายานี้เพราะความรักของเขาต่อนางไอ่นั้นลึกซึ้งและยาวนานข้ามภพชาติ แม้จะนำไปสู่โศกนาฏกรรม แต่ความทุ่มเทของเขาทำให้ตำนานนี้กลายเป็นเรื่องเล่าที่ไม่เคยลืม
ข้อคิด ความรักที่หมกมุ่นอาจนำไปสู่ความสูญเสีย
จากตัวละครพังคี เราเรียนรู้ว่าความรักที่มากเกินไปจนกลายเป็นการครอบครองอาจทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ความยึดติดของพังคีทำให้นางไอ่และเมืองต้องพบหายนะ สอนให้เรารู้ว่าต้องรู้จักปล่อยวางบ้างเพื่อความสงบสุข
→ วิทยา เทพทิพย์ รับบท ผาแดง/กรวิชญ์

ผาแดงคือเจ้าชายนักรบแห่งเมืองผาโพง หล่อ เข้มแข็ง และเต็มไปด้วยเกียรติยศ ในสมัยโบราณ เขาตกหลุมรัก นางไอ่ เจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตาตั้งแต่แรกพบ ความรักของเขาคือแบบทุ่มสุดตัว ถึงขั้นสัญญาจะสู่ขอตามประเพณี แต่ดราม่ามาเต็มเมื่อต้องแข่งขันกับ พังคี พญานาคสุดเท่จากเมืองบาดาล ผาแดงไม่ยอมแพ้ นำทัพมนุษย์ไปสู้ในสงครามหนองหานเพื่อปกป้องนางไอ่และเมือง ฉากที่เขาถือดาบศักดิ์สิทธิ์จาก หลวงพ่อเหลี่ยม ปะทะพังคีในร่างนาคยักษ์นี่คือมันส์มาก ใจเต้นรัวเลย
ในยุคปัจจุบัน ผาแดงกลับมาเกิดเป็น กรวิชญ์ ชายหนุ่มที่ต้องเผชิญปมรักและแค้นจากชาติที่แล้ว เขายังคงมีความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการแก้ไขอดีต วิทยาเล่นบทนี้ได้แบบครบรส ทั้งความเป็นนักรบที่แข็งแกร่งและความเปราะบางจากหัวใจที่แตกสลาย ฉากที่เขาเสียใจเมื่อนางไอ่เสียสละตัวเองเพื่อหยุดสงครามนี่คือน้ำตาคลอเลย
ฉายา นักรบแห่งรักแท้
ผาแดงได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคงและเสียสละ เขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อนางไอ่ แม้จะต้องเผชิญกับพลังเหนือธรรมชาติของพญานาค ความกล้าหาญของเขาทำให้เขาเป็นที่จดจำในตำนาน
ข้อคิด ความหึงหวงอาจนำไปสู่ความสูญเสีย
จากผาแดง เราเรียนรู้ว่าความรักที่มาพร้อมความหึงหวงและการยึดติดอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เจ็บปวด การที่ผาแดงเลือกต่อสู้เพื่อครอบครองนางไอ่ทำให้เกิดสงครามและโศกนาฏกรรม สอนให้เรารู้ว่าต้องควบคุมอารมณ์และยอมรับความจริงในบางครั้ง
→ ไมค์ ภิรมย์พร รับบท พญาศรีเชียงเชิด/แสนเมือง

พญาศรีเชียงเชิดคือราชาแห่งเมืองเอกชะธีตา พ่อของ นางไอ่ ที่รักลูกสาวสุดหัวใจ เขาเป็นผู้นำที่เข้มงวด เด็ดขาด และปกป้องอาณาจักรด้วยชีวิต ในสมัยโบราณ เมื่อรู้ว่านางไอ่ตกหลุมรัก ผาแดง และ พังคี เขาต้องตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อปกป้องเมืองและลูกสาว สั่งประลองบั้งไฟและนำทัพมนุษย์สู้กับนาคในสงครามหนองหาน ฉากที่เขาสั่งยกทัพนี่คือเท่สุด ๆ แสดงถึงความเป็นราชาที่ทั้งแข็งแกร่งและเปราะบางจากความรักต่อลูก
ในยุคปัจจุบัน เขากลับมาเป็น แสนเมือง ผู้ปกป้องชุมชนที่ยังคงมีบทบาทในการเชื่อมโยงปมจากอดีต ไมค์เล่นบทนี้ได้แบบสมบูรณ์แบบ ทั้งความน่าเกรงขามในฐานะราชาและความเจ็บปวดในฐานะพ่อ ฉากที่เขาสาปแช่งลูกสาวด้วยความโกรธแต่แฝงด้วยความรักนี่คือสะเทือนใจมาก
ฉายา ราชาผู้พิทักษ์ธิดา
พญาศรีเชียงเชิดได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของผู้นำที่ทุ่มเทปกป้องลูกสาวและเมือง แม้การตัดสินใจของเขาจะนำไปสู่หายนะ แต่ความรักของเขาต่อนางไอ่คือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นราชาที่น่าจดจำ
ข้อคิด ความรักของพ่อมักมากับการปกป้องที่เข้มงวด
จากตัวละครพญาศรีเชียงเชิด เราเรียนรู้ว่าความรักของผู้ปกครองอาจแสดงออกในรูปแบบที่ดูเข้มงวด แต่ลึก ๆ แล้วคือเพื่อความปลอดภัยของคนที่รัก การที่เขาสั่งสงครามเพื่อปกป้องนางไอ่สอนให้เราคิดว่าความรักแบบนี้ต้องสมดุลกับการยอมรับทางเลือกของลูก
→ ตติยา สนสกุล รับบท มณีริน

มณีรินคือเพื่อนสนิทของ นางไอ่ เจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตาในสมัยโบราณ เธอเป็นสาวที่ใจดี ซื่อสัตย์ และรักเพื่อนมาก เรียกว่าเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างนางไอ่ในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะตอนที่นางไอ่ติดอยู่ในรักสามเส้าสุดวุ่นวายกับ ผาแดง และ พังคี มณีรินเป็นเหมือนเสียงแห่งเหตุผล คอยเตือนนางไอ่ถึงอันตรายจากเมืองบาดาลและความลึกลับของพังคี แต่ความภักดีของเธอก็ทำให้ต้องเจอกับชะตากรรมสุดสะเทือนใจ ฉากที่เธอพยายามปกป้องนางไอ่นี่คือทำเอาเราน้ำตาคลอ เพราะมันแสดงถึงมิตรภาพที่แท้จริง
ในยุคปัจจุบัน มณีรินกลับมาในบทบาทที่ยังคงมีความสำคัญ ช่วยเชื่อมโยงปมของตำนาน ตติยาเล่นบทนี้ได้แบบถึงอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกผูกพันและอยากเอาใจช่วยมณีรินตลอดเวลา เธอคือตัวละครที่เพิ่มความอบอุ่นและความดราม่าให้เรื่องราว
ฉายา เพื่อนแท้แห่งเอกชะธีตา
มณีรินได้ฉายานี้เพราะเธอคือเพื่อนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อนางไอ่ แม้จะต้องเผชิญอันตราย ความภักดีและความเสียสละของเธอทำให้เป็นตัวละครที่ทุกคนจดจำในฐานะมิตรแท้
ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการยืนหยัดเคียงข้างกัน
จากมณีริน เราเรียนรู้ว่ามิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างเพื่อนในยามยาก แม้จะต้องเสี่ยงชีวิต การที่มณีรินคอยเตือนและปกป้องนางไอ่สอนให้เรารู้ว่าเพื่อนที่ดีต้องกล้าพูดความจริงและพร้อมสนับสนุนเสมอ
→ คิม กู้ดเบิร์น รับบท ผาเวียง/ภูผา

ผาเวียงคือน้องชายของ ผาแดง เจ้าชายนักรบแห่งเมืองผาโพง ในสมัยโบราณ เขาเป็นหนุ่มที่ทั้งกล้าหาญและทะเยอทะยาน มีความอิจฉาและแอบรัก มณีริน เพื่อนสนิทของนางไอ่ ทำให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในรักสามเส้า เขาร่วมมือกับ นาคินีศรีตลา เพื่อยุยงสงครามระหว่างมนุษย์และนาค ฉากที่เขาวางแผนทรยศนี่คือเพิ่มความตึงเครียดให้เรื่องมาก
ในยุคปัจจุบัน ผาเวียงกลับมาเป็น ภูผา ชายหนุ่มที่ต้องเผชิญกับผลของบ่วงกรรมจากอดีต เขายังคงมีบทบาทในปมแค้นและการค้นหาความจริงเกี่ยวกับหนองหาน คิมเล่นบทนี้ได้แบบมีมิติ จากหนุ่มน่ารักที่เปลี่ยนเป็นตัวละครที่ซับซ้อนและน่าคาดเดา ฉากที่เขาต่อสู้เคียงข้างพี่ชายแต่แฝงด้วยความลับนี่คือชวนลุ้น
ฉายา น้องชายผู้ทะเยอทะยาน
ผาเวียงได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของความทะเยอทะยานที่ซ่อนอยู่ในครอบครัว ความอิจฉาและความรักที่ไม่สมหวังทำให้เขาเลือกทางที่นำไปสู่ความขัดแย้งในตำนาน
ข้อคิด ความอิจฉาอาจนำไปสู่การทรยศ
จากผาเวียง เราเรียนรู้ว่าความอิจฉาและความทะเยอทะยานที่ไม่ควบคุมอาจทำให้เราทรยศคนใกล้ชิด การที่เขาร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามสอนให้เรารู้ว่าต้องจัดการอารมณ์และเลือกทางที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น
→ ชลิตา ส่วนเสน่ห์ รับบท นาคินีศรีตลา

นาคินีศรีตลาคือพระขลิบของ พังคี พญานาคสุดหล่อแห่งเมืองบาดาล เธอเป็นสาวนาคที่สวย ฉลาด แต่เต็มไปด้วยความหึงหวงเมื่อรู้ว่าพังคีหลงรัก นางไอ่ เจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตา ความรักที่ไม่สมหวังทำให้เธอเปลี่ยนจากสาวหวานเป็นตัวร้ายสุดแซ่บ เธอวางแผนทรยศและยุยงให้สงครามระหว่างมนุษย์และนาคปะทุ ฉากที่เธอเผยด้านมืดและทำร้ายมณีริน เพื่อนสนิทของนางไอ่นี่คือร้ายจนเราต้องร้องว้าว
ในยุคปัจจุบัน นาคินีศรีตลากลับมาในบทบาทที่ยังคงมีความลับและความขัดแย้ง เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องราว ชลิตาเล่นบทนี้ได้แบบถึงใจ ทำให้เราทั้งรักทั้งเกลียดนาคินี ฉากที่เธอแสดงความหึงหวงหรือใช้พลังนาคนี่คือปังมาก ดูแล้วรู้สึกถึงพลังของตัวร้ายที่ไม่ธรรมดา
ฉายา นางพญานาคแห่งความหึงหวง
นาคินีศรีตลาได้ฉายานี้เพราะความหึงหวงของเธอคือจุดเริ่มต้นของความโกลาหลในตำนาน ความรักที่หมกมุ่นทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสะพรึงกลัวและน่าสงสาร
ข้อคิด ความหึงหวงอาจทำลายทุกอย่าง
จากนาคินีศรีตลา เราเรียนรู้ว่าความหึงหวงที่ไม่ควบคุมอาจนำไปสู่การทำร้ายผู้อื่นและตัวเอง การที่เธอเลือกทรยศเพราะรักพังคีสอนให้เรารู้ว่าต้องจัดการอารมณ์และยอมรับความจริงเพื่อป้องกันความเสียหา
→ ชูพงษ์ ช่างปรุง รับบท ผู้ใหญ่ทัพ

ผู้ใหญ่ทัพคือผู้นำกองทัพของเมืองเอกชะธีตาในสมัยโบราณ ภายใต้การปกครองของ พญาศรีเชียงเชิด เขาคือทหารที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทุ่มเทให้กับเมืองและราชา เขามีบทบาทสำคัญในสงครามระหว่างมนุษย์และนาค โดยเฉพาะตอนที่ต้องช่วย ผาแดง สู้กับกองทัพของ พังคี ในศึกหนองหาน ฉากที่เขาเดินนำทัพหรือต่อสู้เคียงข้างผาแดงนี่คือเท่มาก แสดงถึงความเป็นนักรบที่ไม่ยอมถอย
ถึงจะไม่มีบทในยุคปัจจุบันเหมือนตัวละครหลัก แต่ผู้ใหญ่ทัพคือตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนความเข้มข้นของสงครามในสมัยโบราณ ชูพงษ์เล่นบทนี้ได้แบบน่าเกรงขาม ทำให้เรารู้สึกถึงความมุ่งมั่นและความภักดีของตัวละคร ทุกครั้งที่เขาเข้าฉาก เราจะรู้สึกถึงพลังของนักรบที่พร้อมปกป้องเมืองจนตัวตาย
ฉายา นักรบแห่งความภักดี
ผู้ใหญ่ทัพได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์และการเสียสละเพื่อเมืองและราชา ความทุ่มเทของเขาในสงครามทำให้เขาเป็นที่จดจำในฐานะทหารที่ยอมพลีชีพเพื่อหน้าที่
ข้อคิด ความภักดีต้องมากับความรับผิดชอบ
จากผู้ใหญ่ทัพ เราเรียนรู้ว่าความภักดีต่อผู้นำหรือเป้าหมายต้องมาพร้อมกับการตัดสินใจอย่างรอบคอบ การที่เขานำทัพสู้เพื่อปกป้องเมืองสอนให้เรารู้ว่าความจงรักภักดีที่แท้จริงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่นด้วย
→ แคนดี้ รากแก่น รับบท เจ้านางจามปา/จำปา

เจ้านางจามปาคือหญิงสาวจากเมืองผาโพงในสมัยโบราณ เธอเป็นคนที่อ่อนหวาน น่ารัก และแอบรัก ผาแดง เจ้าชายนักรบแบบเงียบ ๆ แต่ความรักของเธอเป็นแบบข้างเดียว เพราะผาแดงมีใจให้ นางไอ่ เท่านั้น เธอเลยต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจ คอยมองผาแดงจากระยะไกล ฉากที่เธอยืนมองผาแดงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความเจ็บปวดนี่คือสะเทือนใจมาก ทำเอาเราอยากเข้าไปกอด
ในยุคปัจจุบัน เธอกลับมาเป็น จำปา หญิงสาวที่ยังคงมีความทรงจำจากอดีตและมีบทบาทในปมของตำนานหนองหาน แม้บทของเธอจะไม่เยอะเท่าตัวหลัก แต่แคนดี้เล่นได้แบบถึงอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกถึงความเปราะบางและความรักที่ซ่อนอยู่ในใจของเจ้านางจามปา ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว มันเหมือนเป็นการเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์
ฉายา ดอกไม้รักข้างเดียว
เจ้านางจามปาได้ฉายานี้เพราะความรักของเธอเปรียบเหมือนดอกไม้ที่บานเพื่อผาแดงเพียงคนเดียว แต่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง ความรักที่เงียบงันของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าสงสารและน่าจดจำ
ข้อคิด รักที่ไม่สมหวังสอนให้เราเข้มแข็ง
จากเจ้านางจามปา เราเรียนรู้ว่าความรักที่ไม่สมหวังอาจเจ็บปวด แต่ก็ทำให้เราเติบโตและเข้มแข็งขึ้น การที่เธอยอมรับความจริงและยังคงเดินหน้าต่อไปสอนให้เรารู้ว่าบางครั้งการปล่อยวางคือทางออกที่ดีที่สุด
→ อติรุจ สิงหอำพล รับบท พรานกง/สมชัย

พรานกงคือนายพรานจากเมืองเอกชะธีตาในสมัยโบราณ เขาเป็นนักล่าที่มีทักษะยิงธนูและต่อสู้ในป่าอย่างช่ำชอง มีบทบาทสำคัญในการช่วย ผาแดง และกองทัพมนุษย์สู้กับพญานาคในสงครามหนองหาน เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และคอยเป็นกำลังสำคัญในฉากแอ็กชัน ฉากที่เขายิงธนูใส่ทัพนาคนี่คือมันส์มาก แสดงถึงความเป็นนักรบป่าที่ไม่กลัวอะไร
ในยุคปัจจุบัน พรานกงกลับมาเป็น สมชัย ชายหนุ่มที่ยังคงมีทักษะและมีส่วนในปมลึกลับของหนองหาน อติรุจเล่นบทนี้ได้แบบสมจริง ทำให้เรารู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของตัวละคร ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเพิ่มความตื่นเต้นให้เรื่องราว
ฉายา นายพรานธนูศักดิ์สิทธิ์
พรานกงได้ฉายานี้เพราะทักษะการยิงธนูของเขาเปรียบเหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องเมืองในสงคราม ความช่ำชองของเขาในป่าทำให้เขาเป็นตัวละครที่โดดเด่นในฐานะนักรบ
ข้อคิด ทักษะต้องมาพร้อมความภักดี
จากพรานกง เราเรียนรู้ว่าทักษะที่ยอดเยี่ยมต้องใช้เพื่อปกป้องผู้อื่นและความถูกต้อง การที่เขาใช้ธนูช่วยผาแดงสอนให้เรารู้ว่าความสามารถต้องมีจุดมุ่งหมายที่ดีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก
→ พศุฑย์ พงศ์พศุตม์ รับบท ภุชงค์

ภุชงค์คือลูกน้องคนสนิทของ พังคี พญานาคแห่งเมืองบาดาลในสมัยโบราณ เขาเป็นนาคที่แข็งแกร่ง ซื่อสัตย์ และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้านายและเมืองบาดาล ในสงครามหนองหาน เขาคือหนึ่งในนักรบที่ลงสนามสู้กับกองทัพมนุษย์ของ ผาแดง ฉากที่เขาต่อสู้ด้วยพลังนาคนี่คือมันส์มาก แสดงถึงความกล้าหาญและความจงรักภักดีแบบสุดตัว แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งก็ไม่ยอมถอย
ถึงแม้ภุชงค์จะไม่มีบทในยุคปัจจุบันเหมือนตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของเขาในสมัยโบราณช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับฉากแอ็กชันและความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับนาค พศุฑย์เล่นบทนี้ได้แบบน่าเกรงขาม ทำให้เรารู้สึกถึงพลังของนักรบที่ทุ่มเทเพื่อเจ้านาย ทุกครั้งที่เขาลงสนาม มันเหมือนเป็นการย้ำว่าฝ่ายบาดาลไม่ได้มาเล่น ๆ
ฉายา นักรบนาคแห่งความภักดี
ภุชงค์ได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของความจงรักภักดีต่อพังคีและเมืองบาดาล ความกล้าหาญของเขาในสงครามทำให้เขาเป็นนักรบที่โดดเด่นและน่าจดจำในตำนานนี้
ข้อคิด ความภักดีต้องสมดุลกับการตัดสินใจที่ถูกต้อง
จากภุชงค์ เราเรียนรู้ว่าความภักดีต่อผู้นำหรือเป้าหมายนั้นสำคัญ แต่ต้องมาพร้อมกับการตัดสินใจที่ไม่ทำร้ายผู้อื่น การที่เขาสู้เพื่อพังคีสอนให้เรารู้ว่าความจงรักภักดีที่ดีต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวมด้วย
→ เวนย์ ฟอลโคเนอร์ รับบท กำนันศักดิ์

กำนันศักดิ์คือผู้นำชุมชนในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 แถวหนองหาน เขาเป็นคนที่ฉลาด รอบคอบ และรู้เรื่องราวตำนานเก่าแก่ของท้องถิ่นดี มีบทบาทสำคัญในการช่วย ไอรดา และ กรวิชญ์ ค้นหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้บาดาล เขาเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างอดีตและปัจจุบัน คอยให้คำแนะนำและปกป้องชุมชนจากภัยลึกลับที่โผล่จากตำนาน ฉากที่เขาพาไปสำรวจหนองหานนี่คือชวนขนลุก แสดงถึงความเป็นผู้นำที่ทั้งน่าเชื่อถือและกล้าหาญ
เวนย์เล่นบทนี้ได้แบบลงตัว ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่บ้านที่อบอุ่นแต่มีไหวพริบ ทุกครั้งที่เขาพูดถึงตำนาน มันเพิ่มความลึกลับให้เรื่องราว
ฉายา ผู้พิทักษ์ตำนานหนองหาน
กำนันศักดิ์ได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นผู้รักษาและถ่ายทอดเรื่องราวตำนานให้รุ่นหลัง ความรู้และการปกป้องของเขาทำให้เขาเป็นตัวละครที่สำคัญในการเชื่อมโยงสองยุค
ข้อคิด ความรู้จากอดีตช่วยแก้ปัญหาปัจจุบัน
จากกำนันศักดิ์ เราเรียนรู้ว่าการรักษาความรู้และประเพณีจากอดีตสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในปัจจุบันได้ การที่เขาใช้ตำนานนำทางไอรดาสอนให้เรารู้ว่าต้องเคารพรากเหง้าเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า
→ ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์ รับบท ภาคิน

ภาคินคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่มีส่วนช่วย ไอรดา และ กรวิชญ์ ในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เขาเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ และมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทำให้กลายเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวในยุคใหม่ เขาเหมือนเพื่อนร่วมทีมที่คอยสนับสนุนและให้ข้อมูลสำคัญ ฉากที่เขาช่วยวิเคราะห์ร่องรอยจากตำนานนี่คือชวนให้ลุ้นตามมาก แสดงถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ที่เคารพในรากเหง้า
ชัชวาลเล่นบทนี้ได้แบบลงตัว ทำให้ภาคินดูเป็นหนุ่มที่ทั้งน่าเชื่อถือและมีเสน่ห์ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเพิ่มความสนุกและความตื่นเต้นให้กับการสืบหาความจริงของเรื่อง
ฉายา นักสืบแห่งหนองหาน
ภาคินได้ฉายานี้เพราะเขาเหมือนนักสืบที่ช่วยคลายปมลึกลับของตำนานหนองหาน ความฉลาดและการค้นคว้าของเขาทำให้เขาเป็นตัวละครที่ช่วยให้เรื่องราวในยุคปัจจุบันสมบูรณ์
ข้อคิด ความรู้คือพลังในการแก้ปัญหา
จากภาคิน เราเรียนรู้ว่าความรู้และการศึกษาเรื่องราวในอดีตสามารถช่วยแก้ปัญหาในปัจจุบันได้ การที่เขาค้นคว้าตำนานสอนให้เรารู้ว่าการเรียนรู้รากเหง้าและประวัติศาสตร์สามารถนำทางเราไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง
→ วัชรชัย สุนทรศิริ รับบท เฒ่าเหิม/หมอคง
เฒ่าเหิมคือหมอผีหรือหมอคงในสมัยโบราณ ผู้มีเวทมนตร์และความรู้ลึกลับเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เขามีบทบาทสำคัญในการช่วย ผาแดง รักษาบาดแผลจากสงครามและให้คำแนะนำในช่วงวิกฤตกับพญานาค ฉากที่เขาใช้สมุนไพรและคาถารักษาผาแดงนี่คือขลังมาก แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่ทั้งฉลาดและลึกลับ
ในยุคปัจจุบัน หมอคงกลับมาในฐานะผู้รู้เรื่องตำนานและช่วยเชื่อมโยงปมคำสาป วัชรชัยเล่นบทนี้ได้แบบน่าเคารพ ทำให้เรารู้สึกถึงพลังของผู้เฒ่าที่ซ่อนความลับไว้มาก ทุกครั้งที่เขาพูดถึงเวทมนตร์ มันเพิ่มความน่าค้นหาให้เรื่องราว
ฉายา หมอผีผู้รู้เวทบาดาล
เฒ่าเหิมได้ฉายานี้เพราะความรู้เวทมนตร์ของเขาเชื่อมโยงสองโลก มนุษย์และบาดาล เขาเป็นผู้ที่ใช้ความรู้ปกป้องและรักษาในช่วงโศกนาฏกรรม
ข้อคิด ความรู้ลึกลับต้องใช้อย่างรับผิดชอบ
จากเฒ่าเหิม เราเรียนรู้ว่าความรู้ที่เหนือธรรมชาติต้องใช้อย่างรอบคอบเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น การที่เขารักษาผาแดงสอนให้เรารู้ว่าพลังต้องมาพร้อมความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เกิดผลร้าย
→ หยอง ลูกหยี รับบท หลวงพ่อเหลี่ยม

หลวงพ่อเหลี่ยมคือพระสงฆ์ในสมัยโบราณที่มีพลังวิเศษและความรู้ด้านคาถาอาคม เขาเป็นผู้ที่มอบ ดาบศักดิ์สิทธิ์ ให้ ผาแดง ใช้ต่อสู้กับกองทัพนาคของ พังคี ในสงครามหนองหาน เขาเป็นตัวละครที่ทั้งขลังและมีอารมณ์ขันเล็ก ๆ คอยให้คำแนะนำที่ลึกซึ้งในช่วงวิกฤต ฉากที่เขามอบดาบและสอนคาถาให้ผาแดงนี่คือปังมาก ทำให้รู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว
ถึงแม้หลวงพ่อเหลี่ยมจะปรากฏตัวไม่นาน แต่ทุกครั้งที่เขาอยู่ในฉาก มันเหมือนมีแสงสว่างแห่งความหวัง หยอง ลูกหยีเล่นบทนี้ได้แบบลงตัว ผสมความขลังของพระกับความเป็นกันเองที่ทำให้เรายิ้มได้ ตัวละครนี้คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ฝ่ายมนุษย์มีโอกาสสู้กับพลังเหนือธรรมชาติ
ฉายา พระผู้มอบพลังศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อเหลี่ยมได้ฉายานี้เพราะเขาคือผู้ที่มอบดาบศักดิ์สิทธิ์และพลังให้ผาแดง ความรู้และความเมตตาของเขาทำให้เป็นตัวละครที่ทรงพลังในตำนานนี้
ข้อคิด ความรู้และความเมตตาคือพลังที่ยิ่งใหญ่
จากหลวงพ่อเหลี่ยม เราเรียนรู้ว่าความรู้และความเมตตาสามารถช่วยผู้อื่นในยามยากได้ การที่เขามอบดาบและคำแนะนำให้ผาแดงสอนให้เรารู้ว่าการใช้ความรู้อย่างมีเมตตาจะสร้างผลกระทบที่ดีต่อผู้อื่น
→ แม็คเก้ ก้องพรลภัส รับบท เป้

เป้คือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่เข้ามามีส่วนในภารกิจสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เขาเป็นหนุ่มที่สดใส มีพลัง และพร้อมลุยไปกับ ไอรดา และ กรวิชญ์ เพื่อคลายปมของตำนาน เขาเหมือนเพื่อนซี้ที่คอยสร้างสีสันให้ทีม ด้วยความกล้าและความอยากรู้อยากเห็น ฉากที่เป้ช่วยสำรวจหนองหานหรือค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับตำนานนี่คือชวนให้ลุ้นตามมาก เพราะเขานำพาความตื่นเต้นและมุมมองที่สดใหม่มาให้เรื่องราว
แม็คเก้เล่นบทนี้ได้แบบลงตัว ทำให้เป้เป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าติดตาม ทุกครั้งที่เขาโผล่มา มันเหมือนได้พลังบวกที่ทำให้ภารกิจในยุคปัจจุบันสนุกยิ่งขึ้น
ฉายา หนุ่มพลังบวกแห่งหนองหาน
เป้ได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของความสดใสและพลังบวกที่ช่วยผลักดันทีมให้ก้าวหน้าต่อไปในภารกิจ ความกระตือรือร้นของเขาทำให้เป็นตัวละครที่ทุกคนชื่นชอบ
ข้อคิด พลังบวกช่วยขับเคลื่อนทีม
จากเป้ เราเรียนรู้ว่าทัศนคติที่สดใสและพลังบวกสามารถเป็นแรงผลักดันให้ทีมประสบความสำเร็จได้ การที่เขาเข้ามาช่วยในภารกิจสอนให้เรารู้ว่าการมองโลกในแง่ดีและความกล้าจะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคได้
→ ป๊อด ชัยชนะ รับบท โกสิน

โกสินคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่มีส่วนร่วมในภารกิจสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เขาเป็นหนุ่มที่ร่าเริง มีความมุ่งมั่น และมักจะนำความสนุกมาสู่ทีมของ ไอรดา และ กรวิชญ์ โกสินเหมือนเป็นตัวละครที่คอยสร้างบรรยากาศให้ทุกคนไม่เครียดจนเกินไป ด้วยความขี้เล่นและความกล้าบ้าบิ่น ฉากที่เขาเข้าร่วมสำรวจหนองหานหรือช่วยหาเบาะแสเกี่ยวกับตำนานนี่คือชวนให้ยิ้มได้ เพราะเขามักจะมีมุกหรือไอเดียที่ทำให้ทีมมีพลัง
ป๊อดเล่นบทนี้ได้แบบลงตัวสุด ๆ ทำให้โกสินเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าติดตาม ทุกครั้งที่เขาโผล่มา มันเหมือนได้ลมหายใจใหม่ที่ทำให้การสืบหาความจริงในยุคปัจจุบันสนุกและไม่หนักหน่วงเกินไป
ฉายา จอมป่วนแห่งหนองหาน
โกสินได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวละครที่นำความครึกครื้นและความขี้เล่นมาสู่เรื่องราว ความสามารถในการสร้างรอยยิ้มทำให้เขาเป็นที่รักของทีมและคนดู
ข้อคิด ความสนุกช่วยคลายความตึงเครียด
จากโกสิน เราเรียนรู้ว่าการมีอารมณ์ขันและความร่าเริงสามารถช่วยให้ทีมผ่านสถานการณ์ยาก ๆ ได้ การที่เขานำความสนุกมาสู่ภารกิจสอนให้เรารู้ว่าบางครั้งการมองโลกในแง่ดีและการหัวเราะจะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
→ ถิรวัฒน์ หมอกชัย รับบท บุญยัง

บุญยังคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่มีส่วนในภารกิจสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เขาเป็นคนที่มั่นคง มีน้ำหนัก และมีความรู้เกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่น ทำให้กลายเป็นตัวละครที่ช่วยให้ทีมของ ไอรดา และ กรวิชญ์ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เขาเหมือนผู้ช่วยที่คอยให้ข้อมูลและสนับสนุนด้วยความสงบ ฉากที่บุญยังเล่าเรื่องตำนานหรือช่วยวิเคราะห์เบาะแสจากหนองหานนี่คือชวนให้ติดตามมาก เพราะเขานำมุมมองที่ลึกซึ้งมาให้เรื่องราว
ถิรวัฒน์เล่นบทนี้ได้แบบมีน้ำหนัก ทำให้บุญยังเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเชื่อถือและน่าติดตาม ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเพิ่มความสมจริงให้กับการสืบหาความจริงในยุคปัจจุบัน
ฉายา ผู้รู้รากเหง้าของหนองหาน
บุญยังได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของผู้ที่รักษาความรู้และประเพณีท้องถิ่น ความมั่นคงของเขาทำให้เป็นตัวละครที่ช่วยให้ทีมเข้าใจรากเหง้าของตำนาน
ข้อคิด ความมั่นคงนำทางสู่ความจริง
จากบุญยัง เราเรียนรู้ว่าความมั่นคงและความรู้ในรากเหง้าสามารถนำทางเราไปสู่ความจริงได้ การที่เขาสนับสนุนทีมด้วยข้อมูลสอนให้เรารู้ว่าการยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อถือได้จะช่วยให้ผ่านอุปสรรคได้
→ น้ำพุ สารวัล รับบท บัวผัน

บัวผันคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่เข้ามามีส่วนในภารกิจสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เธอเป็นหญิงสาวที่ร่าเริง มีชีวิตชีวา และมีความกล้าที่จะเข้าร่วมการผจญภัยกับทีมของ ไอรดา และ กรวิชญ์ เธอเหมือนเพื่อนสาวที่คอยสร้างสีสันและความอบอุ่นให้กับกลุ่ม ด้วยความสดใสและทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ ฉากที่บัวผันช่วยสำรวจหนองหานหรือพูดอะไรที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้นี่คือชวนให้รู้สึกดีมาก
น้ำพุเล่นบทนี้ได้แบบลงตัวสุด ๆ ทำให้บัวผันเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าติดตาม ทุกครั้งที่เธอโผล่มา มันเหมือนได้พลังบวกที่ช่วยให้การสืบหาความจริงในยุคปัจจุบันสนุกและมีชีวิตชีวา
ฉายา ดอกบัวแห่งหนองหาน
บัวผันได้ฉายานี้เพราะเธอเหมือนดอกบัวที่เบ่งบานท่ามกลางความลึกลับของหนองหาน ความสดใสและความมีชีวิตชีวาของเธอทำให้เป็นตัวละครที่ทุกคนรัก
ข้อคิด ความสดใสช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
จากบัวผัน เราเรียนรู้ว่าความร่าเริงและพลังบวกสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้ การที่เธอนำรอยยิ้มมาให้ทีมสอนให้เรารู้ว่าการมองโลกในแง่ดีช่วยให้ทุกคนก้าวผ่านความท้าทายได้ง่ายขึ้น
→ พิมพา พรศิริ รับบท ยายบัวริน (รับเชิญ)

ยายบัวรินคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่ปรากฏตัวในฐานะผู้เฒ่าผู้รู้เรื่องราวของตำนานหนองหาน เธอเป็นเหมือนวิญญาณหรือผู้นำทางที่โผล่มาในฝันของ ไอรดา เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลดคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้บาดาล เธอมีลุคที่ทั้งน่าเคารพและลึกลับ พูดจาน้อยแต่เต็มไปด้วยความหมาย ฉากที่เธอเล่าถึงอดีตหรือชี้ทางให้ไอรดานี่คือชวนขนลุกและขลังสุด ๆ เหมือนได้ย้อนกลับไปในสมัยที่เมืองเอกชะธีตายังรุ่งเรือง
ถึงจะเป็นบทรับเชิญ แต่พิมพาทำให้ยายบัวรินเป็นตัวละครที่ทิ้งความประทับใจ ด้วยน้ำเสียงและการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกถึงภูมิปัญญาและพลังแห่งตำนาน
ฉายา ผู้เฒ่าผู้รู้หนองหาน
ยายบัวรินได้ฉายานี้เพราะเธอเป็นเหมือนผู้เก็บรักษาความลับของตำนานหนองหาน คำแนะนำของเธอเหมือนแสงสว่างที่นำทางให้ตัวละครในยุคปัจจุบัน
ข้อคิด ภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าคือสมบัติล้ำค่า
จากยายบัวริน เราเรียนรู้ว่าคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่าและช่วยนำทางในยามที่สับสน การที่เธอช่วยไอรดาสอนให้เรารู้ว่าเราควรเคารพและเรียนรู้จากผู้ใหญ่เพื่อหาทางแก้ปัญหา
→ ดาหลา ธัญญาพร รับบท ป้าแก้ว (รับเชิญ)

ป้าแก้วคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่ปรากฏตัวในฐานะผู้เฒ่าผู้รู้เรื่องราวประเพณีอีสานและตำนานเก่าแก่ เธอเป็นเหมือนผู้ช่วยที่คอยให้คำปรึกษาแก่ ไอรดา เกี่ยวกับพิธีกรรมและความเชื่อที่เชื่อมโยงกับหนองหาน ลุคของเธอคือป้าอีสานแท้ ๆ ที่ทั้งอบอุ่นและฉลาด ฉากที่ป้าแก้วเล่าถึงพิธีรำบูชานาคหรือชี้ทางให้ไอรดานี่คือชวนให้รู้สึกถึงกลิ่นอายท้องถิ่นมาก
ถึงจะเป็นบทรับเชิญที่สั้น แต่ดาหลาทำให้ป้าแก้วเป็นตัวละครที่ทิ้งรอยยิ้มและความประทับใจ ด้วยการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้นั่งฟังเรื่องเล่าจากป้าจริง ๆ
ฉายา ป้าผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสาน
ป้าแก้วได้ฉายานี้เพราะเธอเป็นตัวแทนของผู้ที่ถ่ายทอดประเพณีและความเชื่ออีสานให้รุ่นหลัง คำปรึกษาของเธอเหมือนสมบัติที่ช่วยให้ตัวละครหลักเข้าใจรากเหง้า
ข้อคิด การถ่ายทอดวัฒนธรรมคือการอนุรักษ์มรดก
จากป้าแก้ว เราเรียนรู้ว่าการเล่าเรื่องและถ่ายทอดประเพณีให้รุ่นลูกหลานคือการรักษามรดกทางวัฒนธรรม การที่เธอช่วยไอรดาสอนให้เรารู้ว่าความรู้จากผู้เฒ่าจะช่วยให้เราไม่ลืมรากเหง้า
→ สุชาดา พูนพัฒนสุข รับบท นิอร (รับเชิญ)

นิอรคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่เข้ามามีส่วนช่วย ไอรดา และทีมในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เธอเป็นหญิงสาวที่มีความอ่อนโยนแต่ฉลาด มีความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบางอย่างที่ช่วยคลายปมของตำนาน ถึงจะเป็นบทสั้น แต่การปรากฏตัวของเธอเหมือนเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เรื่องราวก้าวหน้า ฉากที่นิอรให้ข้อมูลหรือช่วยเหลือทีมในภารกิจนี่คือชวนให้รู้สึกว่าเธอมีความสำคัญต่อการเดินเรื่อง
สุชาดาเล่นบทนี้ได้แบบมีเสน่ห์ ทำให้เรารู้สึกว่านิอรเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าเชื่อถือ ถึงบทจะน้อย แต่ทุกครั้งที่เธอโผล่มา มันเพิ่มความน่าสนใจให้กับปมในยุคปัจจุบัน
ฉายา กุญแจลับแห่งหนองหาน
นิอรได้ฉายานี้เพราะเธอเหมือนกุญแจที่ช่วยปลดล็อกปริศนาในตำนาน ความรู้และการช่วยเหลือของเธอทำให้ทีมเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
ข้อคิด การช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ได้
จากนิอร เราเรียนรู้ว่าแม้จะมีส่วนเล็ก ๆ ในเรื่องราว การช่วยเหลือด้วยความรู้หรือความตั้งใจก็สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้ การที่เธอช่วยทีมสอนให้เรารู้ว่าทุกคนมีส่วนช่วยให้ภารกิจสำเร็จได้ ไม่ว่าจะบทบาทเล็กหรือใหญ่
→ ชไมพร สิทธิวรนันท์ รับบท พระนางเจ้านันทาเทวี (รับเชิญ)

พระนางเจ้านันทาเทวีคือตัวละครในฐานะวิญญาณราชินีจากสมัยโบราณที่ปรากฏในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 เพื่อเตือนภัยและให้คำแนะนำแก่ ไอรดา เกี่ยวกับการปลดคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เธอเป็นราชินีที่สง่างาม มีความเมตตาและลึกลับ พูดจาเต็มไปด้วยภูมิปัญญา ฉากที่เธอปรากฏในฝันหรือให้คำเตือนนี่คือขลังและชวนขนลุกมาก แสดงถึงพลังของวิญญาณที่ยังคงปกป้องอาณาจักรเก่า
ถึงจะเป็นบทรับเชิญที่สั้น ชไมพรก็ทำให้พระนางเจ้านันทาเทวีเป็นตัวละครที่ทิ้งความประทับใจ ด้วยการแสดงที่สงบแต่ทรงพลัง ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นราชินีที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าเคารพ
ฉายา ราชินีวิญญาณผู้เตือนภัย
พระนางเจ้านันทาเทวีได้ฉายานี้เพราะเธอเป็นวิญญาณราชินีที่ลงมาเตือนภัยจากอดีต คำเตือนของเธอเหมือนแสงนำทางให้ตัวละครหลักในยุคปัจจุบัน
ข้อคิด เสียงจากอดีตนำทางอนาคต
จากพระนางเจ้านันทาเทวี เราเรียนรู้ว่าคำเตือนหรือบทเรียนจากอดีตสามารถนำทางเราในปัจจุบันได้ การที่เธอปรากฏเพื่อช่วยไอรดาสอนให้เรารู้ว่าต้องฟังเสียงจากรากเหง้าเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด
→ อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รับบท กรวิชญ์ (อาวุโส) (รับเชิญ)

กรวิชญ์อาวุโสคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่สืบเชื้อสายจาก ผาแดง ในสมัยโบราณ เขาเป็นชายชราที่ฉลาด มีประสบการณ์ และรู้เรื่องราวตำนานเก่าแก่ดี มีบทบาทสำคัญในการช่วย ไอรดา ค้นพบความจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิญญาณที่จมอยู่ใต้หนองหาน เขาเป็นเหมือนผู้เฒ่าที่คอยเล่าเรื่องอดีตและให้คำแนะนำที่ลึกซึ้ง ฉากที่เขาพูดถึงการกลับชาติมาเกิดหรือชี้ทางให้ไอรดานี่คือชวนให้ครุ่นคิดมาก แสดงถึงความเป็นรุ่นเก่าที่ทั้งน่าเคารพและมีพลัง
ถึงจะเป็นบทรับเชิญที่สั้น อธิวัฒน์ก็ทำให้กรวิชญ์อาวุโสเป็นตัวละครที่ทิ้งความประทับใจ ด้วยการแสดงที่สงบแต่เต็มไปด้วยน้ำหนัก ทำให้เรารู้สึกถึงการเชื่อมโยงข้ามภพชาติ
ฉายา ทายาทรุ่นเก่าผู้สืบสายเลือด
กรวิชญ์อาวุโสได้ฉายานี้เพราะเขาเป็นตัวแทนของการสืบเชื้อสายจากผาแดง ความรู้และประสบการณ์ของเขาช่วยให้ตำนานมีชีวิตต่อไปในรุ่นหลัง
ข้อคิด มรดกจากอดีตช่วยนำทางปัจจุบัน
จากกรวิชญ์อาวุโส เราเรียนรู้ว่ามรดกทางสายเลือดและความรู้จากรุ่นก่อนสามารถนำทางเราในปัจจุบันได้ การที่เขาช่วยไอรดาสอนให้เรารู้ว่าต้องรักษาและใช้มรดกจากอดีตเพื่อแก้ปัญหาในวันนี้
→ สุปราณี เจริญผล รับบท ไอรดา (อาวุโส) (รับเชิญ)

ไอรดาอาวุโสคือตัวละครในยุคปัจจุบัน พ.ศ. 2568 ที่สืบเชื้อสายจาก นางไอ่ เจ้าหญิงแห่งเมืองเอกชะธีตาในสมัยโบราณ เธอเป็นหญิงชราที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญาและความรู้เกี่ยวกับตำนานหนองหาน มีบทบาทสำคัญในการช่วย ไอรดา รุ่นหนุ่มสาวให้เข้าใจภารกิจปลดคำสาปและปลดปล่อยวิญญาณที่จมอยู่ใต้บาดาล เธอเหมือนผู้เฒ่าที่มีพลังลึกลับและสายตาที่มองเห็นอดีต ฉากที่เธอเล่าถึงชาติภพของนางไอ่หรือให้คำแนะนำนี่คือชวนขนลุกและทรงพลังมาก
ถึงจะเป็นบทรับเชิญ สุปราณีก็ทำให้ไอรดาอาวุโสเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเคารพและน่าจดจำ ด้วยการแสดงที่สงบแต่เต็มไปด้วยความหมาย ทำให้เรารู้สึกถึงการเชื่อมต่อข้ามกาลเวลา
ฉายา เทพธิดาอาวุโสแห่งหนองหาน
ไอรดาอาวุโสได้ฉายานี้เพราะเธอเป็นตัวแทนของนางไอ่ในยุคปัจจุบัน ด้วยความสง่างามและภูมิปัญญาที่เหมือนเทพธิดาที่คอยนำทางรุ่นหลังให้คลายปมตำนาน
ข้อคิด ภูมิปัญญาจากรุ่นเก่านำพาความหวัง
จากไอรดาอาวุโส เราเรียนรู้ว่าภูมิปัญญาและประสบการณ์จากผู้สูงวัยคือแสงสว่างที่ช่วยนำทางในยามที่หลงทาง การที่เธอช่วยไอรดารุ่นใหม่สอนให้เรารู้ว่าต้องเคารพและเรียนรู้จากผู้เฒ่าเพื่อหาทางแก้ปัญหา
ข้อคิด จากละคร ผาแดงนางไอ่ ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยดราม่ารักสามเส้า สงครามระหว่างมนุษย์และนาค และการสะสางบ่วงกรรมข้ามภพชาติจากตำนานหนองหานล่ม มาดูกันว่าข้อคิดเด็ด ๆ ที่ได้จากเรื่องนี้มีอะไรบ้าง
ความรักต้องมากับการเสียสละ
จากเรื่องราวของ นางไอ่ ที่ยอมเสียสละเพื่อหยุดสงคราม เราเห็นว่าความรักที่แท้จริงไม่ใช่แค่การครอบครอง แต่คือการยอมปล่อยเพื่อความสงบสุขของทุกคน บางครั้งการเลือกทางที่ยากอาจนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
ความหึงหวงและการยึดติดนำไปสู่ความสูญเสีย
ความรักของ ผาแดง และ พังคี ที่เต็มไปด้วยความหึงหวงจุดชนวนสงครามครั้งใหญ่ สอนให้เรารู้ว่าต้องควบคุมอารมณ์และเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง เพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง
มิตรภาพที่แท้จริงคือการยืนหยัดเคียงข้าง
มณีริน เพื่อนสนิทของนางไอ่ แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้คือการอยู่เคียงข้างในยามยาก กล้าพูดความจริง และพร้อมปกป้องเพื่อน แม้ต้องเผชิญอันตราย
ภูมิปัญญาจากอดีตช่วยแก้ปัญหาปัจจุบัน
ตัวละครอย่าง ยายบัวริน, ป้าแก้ว, และ กรวิชญ์ (อาวุโส) สอนเราว่าความรู้และประเพณีจากรุ่นก่อนเป็นเหมือนเข็มทิศที่นำทางให้เราแก้ปัญหาในวันนี้ การเคารพรากเหง้าคือพลังสำคัญ
พลังบวกและความสนุกช่วยขับเคลื่อนทีม
ตัวละครยุคปัจจุบันอย่าง เป้, โกสิน, และ บัวผัน นำพลังบวกและรอยยิ้มมาสู่ภารกิจ สอนให้เรารู้ว่าการมองโลกในแง่ดีและอารมณ์ขันช่วยให้ทีมผ่านความท้าทายได้ง่ายขึ้น
ละคร ผาแดงนางไอ่ ไม่ได้มีแค่ความสนุกและความขลังของตำนาน แต่ยังให้ข้อคิดที่ใช้ได้จริงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก มิตรภาพ หรือการเรียนรู้จากอดีต
ภาคแรกพาเราดำดิ่งสู่ตำนานหนองหานล่ม รักสามเส้าสุดดราม่าระหว่าง นางไอ่, ผาแดง, พังคี และการสะสางบ่วงกรรมในยุคปัจจุบัน ถ้ามีภาค 2 จะเป็นยังไง
ผาแดงนางไอ่ ภาค 2 – ตำนานนาคราชฟื้นคืน
ความสงบที่ไม่ยั่งยืน
เรื่องเริ่มในยุคปัจจุบัน หลังจากที่ ไอรดา (เดียร์น่า ฟลีโป) และ กรวิชญ์ (วิทยา เทพทิพย์) คลายคำสาปหนองหานและปลดปล่อยวิญญาณในภาคแรก หนองหานกลับมาสงบสุข ชาวบ้านจัดพิธีรำบูชานาคราชทุกปี แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุประหลาด น้ำในหนองหานเริ่มเดือดและมีแสงสีเขียวมรกตพุ่งออกมา กำนันศักดิ์ (เวนย์ ฟอลโคเนอร์) และ ป้าแก้ว (ดาหลา ธัญญาพร) สัมผัสได้ถึงพลังลึกลับที่ตื่นขึ้น
การฟื้นคืนของนาคราช
ปรากฏว่า พังคี (ยุทธนา เปื้องกลาง) ที่เคยถูกผนึกพลังไว้ในเมืองบาดาลหลังสงครามหนองหาน ได้รับการปลดปล่อยโดย นาคินีศรีตลา (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ที่ยังคงจงรักภักดีและต้องการแก้แค้น เธอใช้คาถานาคโบราณเพื่อปลุก พญานาคราชสุทโธนาค พ่อของพังคี ซึ่งหลับใหลอยู่ในส่วนลึกของหนองหาน การฟื้นคืนของพญานาคราชทำให้เกิดภัยพิบัติ น้ำท่วมหมู่บ้านและเงาวิญญาณโบราณเริ่มปรากฏ
ในขณะเดียวกัน ไอรดาเริ่มฝันถึง นางไอ่ อีกครั้ง โดยมี ยายบัวริน (พิมพา พรศิริ) และ พระนางเจ้านันทาเทวี (ชไมพร สิทธิวรนันท์) ปรากฏในฝันเพื่อเตือนว่าคำสาปยังไม่จบสมบูรณ์ ไอรดาต้องหา มรกตแห่งนาคราช อัญมณีที่ซ่อนอยู่ในเมืองบาดาลเพื่อหยุดพลังของสุทโธนาค
รักและแค้นข้ามภพชาติ
ไอรดา และ กรวิชญ์ ต้องเผชิญหน้ากับ คำสิงห์ (พังคีในยุคปัจจุบัน) ที่กลับมาพร้อมความทรงจำชาติที่แล้ว เขายังคงรักไอรดาแต่ก็ถูกครอบงำด้วยความแค้นจากอดีต ทำให้เกิดรักสามเส้าใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม
นาคินีศรีตลา ร่วมมือกับ ภูผา (คิม กู้ดเบิร์น) ที่ยังคงมีความทะเยอทะยานและแค้นจากชาติที่แล้ว พวกเขาวางแผนใช้พลังของนาคราชเพื่อครองเมืองและทำลายไอรดา
มณีริน (ตติยา สนสกุล) ในยุคปัจจุบันกลายเป็นนักวิจัยที่ช่วยค้นหาความลับของมรกตแห่งนาคราช เธอต้องเผชิญหน้ากับนาคินีศรีตลาที่พยายามขัดขวาง
การต่อสู้ที่เมืองบาดาล
ไอรดา, กรวิชญ์, เป้ (แม็คเก้ ก้องพรลภัส), โกสิน (ป๊อด ชัยชนะ), และ บัวผัน (น้ำพุ สารวัล) ร่วมมือกันเดินทางสู่เมืองบาดาลผ่านประตูมิติที่ซ่อนอยู่ในหนองหาน โดยได้คำแนะนำจาก หมอคง (วัชรชัย สุนทรศิริ) และอาวุธศักดิ์สิทธิ์จาก หลวงพ่อเหลี่ยม (หยอง ลูกหยี) ที่กลับมาในฐานะวิญญาณ การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับพญานาคราชสุทโธนาคและกองทัพนาคของนาคินีศรีตลา
ในฉากสุดท้าย ไอรดาต้องตัดสินใจว่าจะใช้มรกตแห่งนาคราชเพื่อผนึกพลังของสุทโธนาค หรือทำลายมันเพื่อยุติวงจรคำสาปทั้งหมด การตัดสินใจของเธอจะกำหนดชะตากรรมของทั้งสองโลก
การเริ่มต้นใหม่
เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย หนองหานกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ไอรดาและกรวิชญ์เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในหมู่บ้าน โดยมี กำนันศักดิ์ และ ป้าแก้ว คอยดูแลชุมชน เรื่องจบด้วยภาพพิธีรำบูชานาคราชที่ทุกคนร่วมกันจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงความเสียสละของนางไอ่และเพื่อรักษาความสมดุลระหว่างมนุษย์และบาดาล
เรื่องลึกลับสุดขนลุกเบื้องหลังกองถ่ายละคร ผาแดงนางไอ่ ปี 2568 ละครฟอร์มยักษ์ที่ถ่ายทำในสถานที่จริงแถวอีสานเพื่อให้ได้กลิ่นอายตำนานหนองหานล่มแท้ ๆ แต่เบื้องหลังทีมงานต้องเจอเรื่องประหลาดที่ชวนให้สงสัยว่ามีพลังลึกลับจากบาดาลตามหลอกหลอนจริง ๆ หรือเปล่า
กองถ่ายนำโดยผู้กำกับ นุ่น-หลักเขต วสิกชาติ เลือกถ่ายทำหลัก ๆ ที่หนองหานหลวง สกลนคร และหนองหานน้อย กุมภวาปี อุดรธานี สถานที่จริงที่เชื่อมโยงกับตำนานเมืองล่ม ทีมงานกลุ่มใหญ่กว่า 200 คน รวมช่างภาพ ช่างแสง เสียง ศิลป์ ประกอบฉาก และเอฟเฟกต์ ต้องตั้งแคมป์ชั่วคราวแถวนั้นนานหลายเดือน เพื่อให้ได้ภาพที่สมจริง โดยเฉพาะฉากสงครามนาคกับมนุษย์ที่ต้องใช้ CGI ผสมกับโลเคชันจริง
แต่ตั้งแต่คืนแรกที่ทีมศิลป์ลงไปสำรวจ ทีมงานเริ่มรู้สึกแปลก ๆ น้ำในหนองหานที่เคยนิ่งสนิท เริ่มมีฟองอากาศขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แสงสีเขียวลอยวาบ ๆ ในยามค่ำคืน ทีมช่างแสงที่กำลังติดไฟสำหรับฉากพิธีรำบูชา บอกว่าถูก “ลมเย็นยะเยือก” พัดผ่าน แม้จะเป็นคืนร้อนอบอ้าวของอีสาน
ทีมประกอบฉากซึ่งรับผิดชอบสร้างปราสาท 7 ชั้นจำลองของเมืองเอกชะธีตา และถ้ำบาดาลปลอม ๆ ต้องทำงานดึกดื่น พวกเขาสร้างโมเดลจากไม้ไผ่และผ้าทออีสานเพื่อให้ดูโบราณ แต่คืนหนึ่ง ทีมนำโดยหัวหน้าศิลป์หายตัวไป 3 ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งร่องรอย เมื่อทุกคนตามหา พบพวกเขานั่งงง ๆ ตรงขอบหนองหาน บอกว่าถูก “ดึง” ลงไปในความฝันที่เห็นเมืองบาดาลสวยงามแต่เต็มไปด้วยเงาดำ พวกเขาวาดภาพจากความฝันนั้นได้ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมเอฟเฟกต์ปรับฉากเมืองบาดาลให้สมจริงยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้น วัสดุที่ใช้สร้างปราสาทจำลองเริ่ม “เคลื่อนไหวเอง” ไม้ไผ่ที่ตัดใหม่ ๆ งอโค้งเป็นรูปงูยักษ์ตอนเช้ามืด
ทีมเสียงซึ่งรับผิดชอบบันทึกเสียงประกอบ เช่น เสียงแคนในพิธีบูชา และเสียงคำรามของนาค ต้องวางไมค์ใต้น้ำในหนองหานเพื่อให้ได้เอฟเฟกต์ลึกลับ แต่แทนที่จะได้เสียงน้ำไหล พวกเขาบันทึกได้ “เสียงแคนโบราณ” ที่ดังก้องลึก ๆ จากก้นบาดาล เสียงนั้นชัดเจนจนทีมเอฟเฟกต์เอาไปใช้ในละครได้เลย แต่ปัญหาคือ เสียงแคนนั้นมี “คำร้องไกล ๆ” ที่ฟังดูเหมือนภาษาอีสานโบราณ พอเอาไปถอดความกับนักภาษาศาสตร์ พบว่ามันคือ “คำสาปแห่งเมืองล่ม” ที่ตรงกับบทละครเป๊ะ ๆ ทีมช่างแสงที่กำลังติดไฟใต้น้ำเริ่มเห็นเงาเรืองแสงลอยขึ้นมาในกล้องมอนิเตอร์ ทำให้ต้องหยุดถ่ายทำฉากน้ำท่วมกลางดึกหลายครั้ง
ผู้กำกับนุ่น-หลักเขต วสิกชาติ กำลังประชุมกับทีมโปรดักชันเรื่องตารางถ่ายฉากไคลแมกซ์ที่หนองหาน คืนนั้น ไฟในแคมป์ดับวูบทั้งหมด และทุกคนได้ยินเสียง “กระซิบ” จากลมที่พัดผ่านเต็นท์ เสียงนั้นคือ “หยุดเล่าเรื่องเมืองล่ม” ในภาษาโบราณ ทีมโปรดักชันที่รับผิดชอบงบประมาณและโลจิสติกส์เริ่มเจอเอกสารหายไปทั้งกอง งบที่จดไว้หายวับ แต่พอเช้ามา เอกสารเหล่านั้นปรากฏในกองขยะเก่าแก่ที่ขุดเจอใกล้หนองหาน ซึ่งมีแผนที่โบราณของเมืองเอกชะธีตา ทีมเลยใช้แผนที่นั้นปรับฉากให้สมจริงยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้น ทีมเมคอัพและเวิร์กช็อปเริ่มได้กลิ่น “น้ำค้างบาดาล” คล้ายกลิ่นจากหนองหานลอยมาในห้องประกอบฉาก
ทีมงานที่นำโดยหัวหน้าทีมเอฟเฟกต์ซึ่งเป็นชาวอีสานแท้ ๆ ตัดสินใจจัดพิธีไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามประเพณีท้องถิ่น ใช้แคนและหมอลำบูชานาคราชที่หนองหาน หลังพิธี เรื่องประหลาดหยุดลงทันที ไฟไม่ดับ เสียงแคนลึกลับไม่ดังอีก และวัสดุประกอบฉากไม่เคลื่อนไหว แต่ทีมงานทุกคนบอกว่าตอนนี้รู้สึก “มีพลัง” มากขึ้น ราวกับได้ “พร” จากบาดาล ทำให้การถ่ายทำจบเร็วกว่ากำหนดและได้ฟุตเทจที่สมบูรณ์แบบ