“เงินบาทอ่อนค่า” มันส่งผลกระทบยังไงกับชีวิตเรา ใครได้เปรียบ ใครเสียเปรียบ แล้วในปี 2025 นี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “เงินบาทอ่อนค่า” มันหมายถึงอะไร สมมติเมื่อก่อน 1 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แลกได้ 30 บาท แต่ตอนนี้กลายเป็น 33 บาท นั่นแหละครับ เงินบาทอ่อนค่า หมายความว่า มูลค่าของเงินบาทเราลดลงเมื่อเทียบกับเงินต่างประเทศ ทำให้เราต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลกเงินต่างชาติจำนวนเท่าเดิม เหมือนเงินในกระเป๋าเราหดตัวลงยังไงล่ะครับ แต่เอ๊ะ มันดีหรือร้าย? มันไม่ใช่ขาวดำขนาดนั้นหรอกครับ เพราะบางคนได้ประโยชน์ บางคนเสีย มันขึ้นกับว่าคุณอยู่ฝั่งไหน เรามาดูกันทีละกลุ่มเลยครับ
กลุ่มที่ “ได้ประโยชน์” จากเงินบาทอ่อนค่า – เหมือนถูกหวยเลยล่ะ
กลุ่มนี้คือพวกที่ “รับเงินเข้า” เป็นเงินต่างชาติ แล้วเอามาแลกเป็นบาท จะได้บาทเยอะขึ้น เหมือนกำไรฟรีๆ ลองดูตัวอย่างกันครับ
ผู้ส่งออกสินค้าและบริการ
กลุ่มนี้แหละครับที่ยิ้มกว้างที่สุด เพราะสินค้าไทยในสายตาชาวต่างชาติจะถูกกว่าเดิม ลูกค้าต่างประเทศเห็นราคาในเงินดอลลาร์ถูกลง ก็อยากซื้อมากขึ้น ความสามารถแข่งขันพุ่งปรี๊ด ยอดขายโตแน่นอนครับ ยกตัวอย่างนะ สมมติคุณส่งออกยางพาราไปอเมริกา ขายได้ 1,000 ดอลลาร์ เมื่อก่อนแลกได้ 30,000 บาท แต่ถ้าบาทอ่อน ตอนนี้แลกได้ 33,000 บาท กำไรเพิ่ม 3,000 บาทแบบไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ ถ้าต้นทุนผลิตส่วนใหญ่เป็นเงินบาท (เช่น ค่าแรงคนไทย วัตถุดิบในประเทศ) ยิ่งดีใหญ่เลย แต่ถ้าต้องนำเข้าวัตถุดิบแพงๆ อาจมีหักลบกันบ้าง กลุ่มสินค้าที่ฮอตๆ ในไทย เช่น เกษตรกรรมอย่างยางพารา ข้าว ผลไม้, อาหารแปรรูป, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, หรืออะไหล่รถยนต์ครับ ในปี 2025 นี้ จากข้อมูลล่าสุด ส่งออกไทยยังโตดีในภาคอิเล็กทรอนิกส์ เพราะความต้องการชิปและอุปกรณ์ไฮเทคจากทั่วโลกยังสูง
ธุรกิจท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อันนี้ชัดเจนมากครับ นักท่องเที่ยวจีน อเมริกัน ยุโรป ที่เอาเงินดอลลาร์หรือหยวนมาแลกบาท จะได้บาทเยอะขึ้น ทำให้ไทยดูถูกสำหรับพวกเขา โรงแรม ร้านอาหาร ทัวร์ต่างๆ ราคาดูถูกลงในสายตาเขา ยอดนักท่องเที่ยวพุ่งแน่ๆ เมื่อก่อนเขาอาจคิดว่า “แพงจัง” แต่ตอนนี้ “ถูกเวอร์” แล้วเจ้าของธุรกิจอย่างโรงแรมในพัทยา ภูเก็ต หรือร้านอาหารในกรุงเทพฯ เมื่อรับเงินต่างชาติมาแลก ก็ได้บาทเพิ่มขึ้นครับ
แต่ปี 2025 นี้ มีข่าวร้ายนิดนึงนะครับ ท่องเที่ยวไทยอาจลดลงกว่า 7% เพราะค่าใช้จ่ายเดินทางแพงขึ้นจากปัจจัยโลก และนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเที่ยวที่อื่น แต่ถ้าบาทอ่อนจริงๆ มันอาจช่วยดึงดูดกลับมาได้
ผู้ที่ทำงานหรือมีรายได้จากต่างประเทศ
เช่น แรงงานไทยในต่างแดน โอนเงินกลับบ้าน หรือฟรีแลนซ์ที่รับงานจากลูกค้าต่างชาติ เมื่อเอาเงินดอลลาร์มาแลก จะได้บาทเยอะขึ้น เหมือนเงินเดือนขึ้นฟรีๆ สมมติคุณทำงานที่สิงคโปร์ ส่งเงิน 1,000 SGD กลับไทย เมื่อก่อนแลกได้เท่านี้ แต่ตอนนี้ได้มากกว่าเดิมครับ
นักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ต่างประเทศ
ถ้าคุณถือหุ้นต่างชาติ ทองคำ (ที่ราคาอิงดอลลาร์) หรือเงินฝากดอลลาร์ เมื่อขายหรือแลกกลับมาเป็นบาท กำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน เพิ่มขึ้นเลยครับ ในปี 2025 ทองคำยังเป็น safe haven ดี เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน
สรุปกลุ่มนี้ครับ ได้เปรียบเพราะ “รายได้เข้า” เพิ่มขึ้น เหมือนเศรษฐกิจไทยได้ booster จากการส่งออกและท่องเที่ยว
กลุ่มที่ “เสียประโยชน์” จากเงินบาทอ่อนค่า – โอ้ย เจ็บปวดเลย
ตรงข้ามเลยครับ กลุ่มนี้คือพวกที่ “จ่ายเงินออก” เป็นเงินต่างชาติ ต้องใช้บาทเยอะขึ้น เหมือนทุกอย่างแพงขึ้นทันตา
ผู้นำเข้าสินค้า
อันนี้หนักเลยครับ ต้องแลกบาทไปซื้อดอลลาร์แพงขึ้น เพื่อจ่ายค่าวัตถุดิบ เครื่องจักร สินค้านำเข้า เช่น น้ำมัน (ที่ราคาอิงดอลลาร์) อุปกรณ์ไอที หรือวัตถุดิบโรงงาน ต้นทุนพุ่ง สุดท้ายก็ต้องขึ้นราคาสินค้าให้ผู้บริโภคแบกรับ ตัวอย่าง ปี 2025 น้ำมันโลกอาจผันผวนจากสงครามการค้า ถ้าบาทอ่อน ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันในไทยแพง
ผู้บริโภคทั่วไปและประชาชน
เราทุกคนเลยครับ สินค้านำเข้าแพงขึ้นหมด ไม่ว่าจะมือถือ iPhone, รถยนต์นำเข้า, หรือแม้แต่กาแฟสตาร์บัคส์ที่ใช้วัตถุดิบนำเข้า เงินเฟ้อพุ่ง เพราะราคาสินค้าปรับขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพสูง กระเป๋าเงินบางลงครับ ในปี 2025 เศรษฐกิจไทยคาดโตแค่ 2.4% แต่ถ้าบาทอ่อนมาก เงินเฟ้ออาจกดดันให้ชีวิตแพงขึ้น
ผู้ที่เป็นหนี้สกุลเงินต่างประเทศ
ถ้าคุณกู้เงินดอลลาร์มา ภาระดอกเบี้ยและเงินต้นพุ่งทันที เพราะต้องแลกบาทแพงขึ้นไปจ่าย บริษัทใหญ่ๆ ที่กู้ต่างชาติอาจเจ็บหนักครับ
นักลงทุนที่อยากลงทุนต่างประเทศ
อยากซื้อหุ้น Apple หรือลงทุนใน US ต้องใช้บาทเยอะขึ้น เหมือนโอกาสลงทุนแพงขึ้นครับ
เพิ่มตามล่าสุดปี 2025 อัปเดตสดๆ
จากที่ผมไปเช็คข้อมูลมาครับ ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 1 USD = 32.36 บาท (เฉลี่ยปีนี้อยู่ราว 33 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งถือว่าอ่อนค่าจากปีก่อนๆ นิดหน่อย แต่จริงๆ ปีนี้เงินบาทผันผวนมาก บางช่วงแข็งค่าเพราะดอลลาร์อ่อนจาก Fed ลดดอกเบี้ย บางช่วงอ่อนเพราะเศรษฐกิจไทยช้า ท่องเที่ยวอ่อนแอ ส่งออกติดขัด และสงครามการค้าจาก US ที่ขึ้นภาษีนำเข้า สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้บาทอ่อนในปีนี้คือ
• เศรษฐกิจไทยโตช้า (GDP ชะลอตัวในครึ่งหลังปี)
• ท่องเที่ยวลดลงจากปัจจัยโลก เช่น ค่าเดินทางแพง และนักท่องเที่ยวหันไปประเทศอื่น
• การส่งออกอ่อนแอจาก demand โลกต่ำ
• ปัจจัยภายนอกอย่าง US tariffs และดอกเบี้ย Fed ที่ผันผวน
แต่ มันไม่ใช่หายนะทั้งหมด รัฐบาลไทยกำลังออกมาตรการกระตุ้น เช่น Boost การท่องเที่ยวและ consumption เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ส่วน BOT (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็จับตาความผันผวนใกล้ชิด เพื่อไม่ให้บาทแกว่งแรงเกิน
วิธีรับมือยังไงดี
เงินบาทอ่อนค่ามันเหมือนดาบสองคม ช่วยส่งออกและท่องเที่ยว (ซึ่งเป็นเสาหลักเศรษฐกิจไทย) แต่กดดันเงินเฟ้อและผู้บริโภค ถ้าเศรษฐกิจไทยพึ่งนำเข้ามาก (อย่างน้ำมัน สินค้าไฮเทค) เราอาจเจ็บหนัก แต่ถ้าส่งออกโตดี ก็ช่วย GDP ได้ สำหรับคุณ
• ถ้าคุณเป็นผู้ส่งออก: ยิ้มเลย ขยายตลาดต่างชาติ เพิ่มกำไร
• ถ้าผู้บริโภค: ซื้อของไทยแทนนำเข้า ประหยัดเงิน
• นักลงทุน: Diversify พอร์ต ถือสินทรัพย์ต่างชาติไว้บ้าง
• ทุกคน: ติดตามข่าวอัตราแลกเปลี่ยนจาก BOT หรือ app ธนาคาร วางแผนการเงินดีๆ อย่ากู้ต่างชาติถ้าไม่จำเป็น
สรุป
เงินบาทอ่อนค่า = ผู้ส่งออก/ท่องเที่ยว/รายได้ต่างชาติได้เปรียบ
แต่ผู้นำเข้า/ผู้บริโภค/หนี้ต่างชาติเสียเปรียบ
ความผันผวนนี่แหละที่ต้องจับตา

