ละคร บ่วงหงส์ 2552 ละครแนวโรแมนติกดราม่า เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ชีวิตพลิกผันจากความมั่งคั่งสู่ความยากลำบาก และการเดินทางเพื่อค้นพบตัวเองท่ามกลางความรักและการทรยศ ชีวิตของ “พิมพ์ลภัส” ลูกสาวคนเดียวของ “ตรัย” นักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่ล้มละลายและฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้ พิมพ์ลภัสเติบโตมาบนกองเงินกองทอง ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติ และสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เธอถูกตามใจจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ และขาดความรับผิดชอบ แม้จะเคยไปเรียนต่อต่างประเทศในหลายแห่ง แต่เธอก็ไม่เคยเรียนจบ ด้วยความสวยสมบูรณ์แบบ พิมพ์ลภัสกลายเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง แต่ทัศนคติและพฤติกรรมที่ไม่เป็นมืออาชีพ เช่น การไม่ตรงต่อเวลาและการวีนเหวี่ยง ทำให้เธอมักมีปัญหาในวงการ
เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหัน พิมพ์ลภัสต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายว่าเธอสูญเสียทุกอย่าง ไม่เหลือทรัพย์สินใด ๆ และต้องเผชิญหนี้สินที่พ่อทิ้งไว้ เธอตกอยู่ในสภาพจนตรอกและต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ในช่วงเวลานี้ “กิตติชัย” และ “อรอุษา” สองสามีภรรยาเจ้าเล่ห์ที่เป็นเจ้าของคอนโดที่พิมพ์ลภัสเช่าอยู่ เสนองานให้เธอด้วยค่าตอบแทนสูง งานดังกล่าวคือการขโมยและทำลายจดหมายรักและเทปลับจาก “รเมศ” เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี โดยทั้งสองอ้างว่าอรอุษามีความสัมพันธ์ลับกับรเมศ และรเมศใช้หลักฐานเหล่านี้เพื่อแบล็คเมล์พวกเขาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
พิมพ์ลภัสลังเลในตอนแรก เพราะไม่ต้องการทำเรื่องผิดศีลธรรม แต่เมื่อเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเงินและคำวิงวอนของอรอุษา เธอตัดสินใจรับงานนี้ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่างานแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมของรเมศกำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสให้เธอเข้าใกล้เป้าหมาย เธอจึงปลอมตัวเข้าไปในโรงแรมเพื่อทำภารกิจ แต่ระหว่างทาง เธอได้พบกับรเมศโดยบังเอิญ และเริ่มสงสัยในเจตนาของกิตติชัยและอรอุษาเมื่อได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของรเมศ ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมาและมีคุณธรรม ไม่เหมือนกับภาพที่ทั้งสองวาดไว้
เมื่อเรื่องราวดำเนินไป พิมพ์ลภัสเริ่มเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความจริงและพัฒนาตัวเอง เธอต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากสังคมรอบข้างและอดีตของตัวเองที่ตามหลอกหลอน การพบกับรเมศกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เธอค่อย ๆ เปลี่ยนจากหญิงสาวที่เอาแต่ใจและขาดความรับผิดชอบ กลายเป็นคนที่มีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรเมศพัฒนาจากความเข้าใจผิดไปสู่ความรู้สึกดี ๆ เมื่อทั้งสองเริ่มเปิดใจและเรียนรู้เรื่องราวของกันและกัน
ในขณะเดียวกัน ตัวละครรองอย่าง “มาธวี” และคนอื่น ๆ ในวงการแฟชั่นและสังคมไฮโซ ก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้พิมพ์ลภัสต้องเผชิญกับการแข่งขันและอุปสรรค ละครนำเสนอความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในสังคมชั้นสูง รวมถึงการทรยศและการแย่งชิงผลประโยชน์ ซึ่งทำให้พิมพ์ลภัสต้องเรียนรู้ที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง
บ่วงหงส์ 2552 เป็นละครที่สะท้อนถึงการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตัวละครหลักผ่านบททดสอบของชีวิต เรื่องราวเน้นย้ำถึงผลของการถูกตามใจจนเกินไป และการเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก พิมพ์ลภัสต้องเผชิญกับ “บ่วง” แห่งความคาดหวังจากสังคมและอดีตของตัวเอง ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร
การเริ่มต้น ชีวิตที่พังทลายของพิมพ์ลภัส
ในโลกอันฟู่ฟ่าของสังคมชั้นสูง พิมพ์ลภัส เป็นดาวเด่น นางแบบสาวสวยที่ทั้งวงการยอมรับในความสมบูรณ์แบบของใบหน้าและรูปร่าง เธอเติบโตในคฤหาสน์หรูหรา เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ ตรัย นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยแสงสีและความสะดวกสบาย ด้วยความที่สูญเสียแม่ตั้งแต่เด็กและถูกพ่อตามใจ เธอกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ และขาดวินัย แม้จะได้ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายแห่ง แต่พิมพ์ลภัสไม่เคยจบการศึกษา กลับมาใช้ชีวิตเป็นนางแบบที่มักมาสายและวีนเหวี่ยง จนชื่อเสียงเริ่มเปื้อนมลทิน
วันหนึ่ง โลกของเธอพังทลายเมื่อตรัย พ่อของเธอ ฆ่าตัวตายหลังธุรกิจล้มละลาย ทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้พิมพ์ลภัส เธอสูญเสียทุกอย่าง คฤหาสน์ รถหรู และสถานะทางสังคม จากนางแบบที่เคยมีคนปรนนิบัติ กลายเป็นหญิงสาวที่ต้องเผชิญหนี้สินและความยากจน เธอต้องย้ายไปอยู่ในคอนโดเล็ก ๆ และเผชิญความกดดันจากเจ้าหนี้
ในช่วงเวลาที่สิ้นหวัง กิตติชัย และ อรอุษา สองสามีภรรยาเจ้าเล่ห์ เจ้าของคอนโดที่เธอเช่าอยู่ เสนองานลับให้เธอด้วยค่าตอบแทนสูง ภารกิจคือการขโมยจดหมายรักและเทปลับจาก รเมศ เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี อรอุษาอ้างว่ารเมศใช้หลักฐานเหล่านี้แบล็คเมล์เธอเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ พิมพ์ลภัสลังเล แต่เมื่อไม่มีทางเลือกและถูกกดดันจากสถานการณ์ เธอตกลงรับงาน โดยใช้โอกาสจากงานแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมของรเมศเพื่อแทรกซึมเข้าไป
ความจริงที่ซ่อนอยู่และการพบกันของโชคชะตา
เมื่อพิมพ์ลภัสก้าวเข้าสู่โรงแรมเชียงรายจารวี เธอได้พบกับ รเมศ โดยบังเอิญ เขาไม่ใช่ชายเจ้าเล่ห์อย่างที่กิตติชัยและอรอุษาวาดภาพไว้ แต่เป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ซื่อตรง มีน้ำใจ และมุ่งมั่นในหลักการ ความสงสัยเริ่มก่อตัวในใจของพิมพ์ลภัส เธอเริ่มตั้งคำถามถึงเจตนาของผู้ว่าจ้าง และเมื่อได้ใกล้ชิดรเมศมากขึ้น เธอพบว่าเขาเป็นคนที่อบอุ่นและจริงใจ ซึ่งทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว
ในเวลาเดียวกัน วงการแฟชั่นที่พิมพ์ลภัสเคยครองก็เต็มไปด้วยการแข่งขันและการทรยศ มาธวี นางแบบคู่แข่งที่อิจฉาความสำเร็จของเธอ พยายามกลั่นแกล้งและขัดขวางทุกโอกาสของพิมพ์ลภัส การต่อสู้ในวงการนี้บังคับให้เธอต้องเผชิญหน้ากับข้อบกพร่องของตัวเอง เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบและพัฒนาความเป็นมืออาชีพเพื่อยืนหยัดในโลกที่โหดร้าย
เมื่อพิมพ์ลภัสสืบหาความจริง เธอค้นพบว่าจดหมายรักและเทปลับเป็นของปลอมที่กิตติชัยและอรอุษาสร้างขึ้นเพื่อหลอกใช้เธอ แท้จริงแล้ว ทั้งสองวางแผนทำลายชื่อเสียงของรเมศเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ทางธุรกิจ ความจริงนี้ทำให้พิมพ์ลภัสตัดสินใจทรยศผู้ว่าจ้างและหันไปร่วมมือกับรเมศเพื่อเปิดโปงแผนการชั่วร้าย
ความรักท่ามกลางพายุ
ความสัมพันธ์ระหว่างพิมพ์ลภัสและรเมศค่อย ๆ เบ่งบานท่ามกลางความขัดแย้งและความเข้าใจผิด รเมศเริ่มมองเห็นความพยายามของพิมพ์ลภัสในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากหญิงสาวที่เคยเอาแต่ใจ เธอกลายเป็นคนที่เข้มแข็งและมุ่งมั่น เขาตกหลุมรักความจริงใจและความกล้าหาญของเธอ ขณะที่พิมพ์ลภัสพบว่ารเมศคือที่พักพิงในวันที่ชีวิตของเธอพังทลาย
อย่างไรก็ตาม ความรักของทั้งคู่ต้องเผชิญกับบททดสอบ อดีตอันมืดมนของพิมพ์ลภัสและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภารกิจของเธอทำให้รเมศลังเลใจ เขาสงสัยในเจตนาของเธอ ขณะที่กิตติชัยและอรอุษายังคงวางแผนขัดขวางทั้งสองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ด้วยความมุ่งมั่น พิมพ์ลภัสและรเมศร่วมมือกันรวบรวมหลักฐานและเปิดโปงความชั่วร้ายของกิตติชัยและอรอุษาในที่สุด
บ่วงหงส์ 2552 เป็นละครที่เน้นการเติบโตของตัวละครผ่านความยากลำบากและการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด พิมพ์ลภัสเปลี่ยนจากหญิงสาวที่ถูกตามใจและไม่รับผิดชอบ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งและรู้คุณค่าของตัวเอง ละครยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในสังคมไฮโซ การทรยศ และการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง
บ่วงหงส์ เล่าถึงชีวิตของ พิมพ์ลภัส หญิงสาวที่เติบโตมาในความมั่งคั่ง ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยและเอาแต่ใจ กระทั่งพ่อของเธอล้มละลายและฆ่าตัวตาย ทิ้งหนี้สินไว้ให้เธอต้องเผชิญเพียงลำพัง จากนางแบบชื่อดัง เธอต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด และถูกจ้างให้ทำภารกิจลับที่นำไปสู่การพบกับ รเมศ เจ้าของโรงแรมหนุ่มที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรม เรื่องราวนำเสนอการเติบโตของพิมพ์ลภัสจากหญิงสาวที่ไม่รับผิดชอบสู่การเป็นคนที่เข้มแข็ง ควบคู่ไปกับความรักที่พัฒนาท่ามกลางความขัดแย้งและการทรยศ
จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือการผสมผสานระหว่างดราม่าเข้มข้นและความโรแมนติกได้อย่างลงตัว พล็อตมีการหักมุมที่น่าติดตาม โดยเฉพาะการเปิดโปงแผนการของตัวละครร้ายอย่าง กิตติชัย และ อรอุษา ที่หลอกใช้พิมพ์ลภัส การเล่าเรื่องทำได้กระชับในช่วงแรก แต่บางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะฉากที่เน้นการแข่งขันในวงการแฟชั่น ซึ่งบางครั้งดูซ้ำซาก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตัวละครหลัก โดยเฉพาะพิมพ์ลภัส ที่เปลี่ยนจากคนที่เอาแต่ใจไปสู่คนที่มีความรับผิดชอบ ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเอาใจช่วย
การแสดงและตัวละคร
เขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) ถ่ายทอดบท พิมพ์ลภัส ได้อย่างน่าประทับใจ เธอแสดงถึงความเย่อหยิ่งและความเปราะบางของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวละครต้องเผชิญความยากลำบาก การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของพิมพ์ลภัสถูกนำเสนอผ่านสีหน้าและการแสดงที่สมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นใจและชื่นชมการเติบโตของตัวละคร วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ในบท รเมศ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เขานำเสนอภาพของชายหนุ่มที่ทั้งเข้มแข็งและอบอุ่นได้อย่างสมดุล สร้างเคมีที่ลงตัวกับแพนเค้กในฉากโรแมนติก
ตัวละครรองอย่าง กิตติชัย (เอกรัตน์ สารสุข) และ อรอุษา (กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์) เป็นตัวร้ายที่สร้างความน่าสนใจให้กับเรื่อง แม้ว่าบางครั้งการกระทำของพวกเขาจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่การแสดงของทั้งคู่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับพล็อต ส่วน มาธวี (อานัส ฬาพานิช) ในฐานะนางแบบคู่แข่ง มีบทบาทที่ช่วยขับเน้นความขัดแย้งในวงการแฟชั่นได้ดี แต่บางครั้งบทของเธอดูเป็นสูตรสำเร็จของตัวละครร้ายที่ขาดมิติ
การกำกับและงานสร้าง
การกำกับของ วัชรา สังข์สุวรรณ และ ชัยวุฒิ เทพวงษ์ ทำได้ดีในแง่ของการถ่ายทอดอารมณ์และการสร้างบรรยากาศ โดยเฉพาะฉากที่แสดงถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตหรูหราของพิมพ์ลภัสในช่วงต้นเรื่องและความยากลำบากในช่วงหลัง ฉากในวงการแฟชั่นและโรงแรมเชียงรายจารวีถูกออกแบบอย่างสวยงาม สะท้อนความหรูหราและความเป็นจริงของสังคมชั้นสูง อย่างไรก็ตาม งานภาพและการตัดต่อบางส่วนอาจดูดั้งเดิมเมื่อเทียบกับมาตรฐานละครสมัยใหม่ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของยุคสมัยที่ละครออกอากาศ
คะแนนโดยรวม 8/10 (ผู้ชมส่วนใหญ่มักพูดถึงผ่านฟอรัมหรือบล็อกเก่า โดยชื่นชอบการแสดงของแพนเค้กที่ถ่ายทอดความเอาแต่ใจและการเปลี่ยนแปลงได้น่าประทับใจ)
บ่วงหงส์ 2552เป็นละครที่ประสบความสำเร็จในการนำนิยายคลาสสิกของกิ่งฉัตรมาถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าถึงผู้ชม ด้วยพล็อตที่เข้มข้น การแสดงที่ทรงพลัง และประเด็นที่สะท้อนชีวิตจริง ละครเรื่องนี้สามารถครองใจผู้ชมในยุคนั้นและยังคงเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในผลงานเด่นของวงการละครไทย แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการในด้านงานสร้างและความลึกของตัวละครรอง แต่จุดเด่นในด้านเนื้อเรื่องและการแสดงทำให้ บ่วงหงส์ เป็นละครที่ควรค่าแก่การรับชมสำหรับแฟน ๆ ละครดราม่าและโรแมนติก
เมื่อละครเริ่มต้นด้วยชีวิตอันหรูหราของ พิมพ์ลภัส นางแบบสาวที่ใช้ชีวิตบนกองเงินกองทอง ผู้ชมอย่างเรารู้สึกตื่นตากับความฟู่ฟ่าของโลกแฟชั่นและสังคมชั้นสูง ภาพของคฤหาสน์หรู เสื้อผ้าสวยงาม และงานปาร์ตี้สุดอลังการ ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน แต่เมื่อชีวิตของพิมพ์ลภัสพังทลายลงหลังการฆ่าตัวตายของพ่อ อารมณ์ของผู้ชมก็พลิกผันทันที จากความตื่นเต้นกลายเป็นความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง การได้เห็นหญิงสาวที่เคยมีทุกอย่างต้องสูญเสียทุกสิ่งและเผชิญหนี้สินก้อนโต ทำให้รู้สึกถึงความเปราะบางของชีวิตและอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยให้เธอผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
การแสดงของ แพนเค้ก ในบทพิมพ์ลภัสยิ่งทำให้ความรู้สึกนี้เข้มข้น เธอถ่ายทอดความเย่อหยิ่งและความเปราะบางได้อย่างลงตัว ในฉากที่พิมพ์ลภัสต้องเผชิญความจริงว่าไม่มีอะไรเหลือ ผู้ชมรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความสับสนของตัวละครราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนถูกดูดเข้าไปในบ่วงแห่งอารมณ์ที่ละครถักทอไว้
เมื่อพิมพ์ลภัสถูก กิตติชัย และ อรอุษา จ้างให้ขโมยจดหมายรักและเทปลับจาก รเมศ ความตึงเครียดเริ่มก่อตัว ผู้ชมรู้สึกถึงความกดดันที่ตัวละครต้องเผชิญ เมื่อต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเพื่อเอาชีวิตรอด การที่เธอต้องปลอมตัวเข้าไปในโรงแรมของรเมศและเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังลุ้นตามทุกย่างก้าวของเธอ ความรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดหวั่นนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อพบว่ารเมศไม่ใช่คนเลวอย่างที่ถูกกล่าวหา และแผนการของกิตติชัยและอรอุษาคือการหลอกใช้พิมพ์ลภัส
การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับตัวร้ายทำให้เกิดความรู้สึกโกรธและอยากให้พิมพ์ลภัสต่อสู้เพื่อความยุติธรรม การแสดงของ เอกรัตน์ สารสุข และ กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ ในบทกิตติชัยและอรอุษานั้นน่ารังเกียจในแบบที่ตัวร้ายที่ดีควรเป็น ผู้ชมรู้สึกถึงความขัดแย้งภายในใจของพิมพ์ลภัสที่ต้องเลือกว่าจะยอมจำนนต่อสถานการณ์หรือลุกขึ้นสู้ ซึ่งทำให้เกิดความผูกพันกับตัวละครมากยิ่งขึ้น
จุดที่ทำให้หัวใจเต้นแรงคือการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง พิมพ์ลภัส และ รเมศ จากความเข้าใจผิดในตอนแรก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ กลายเป็นความรักที่อบอุ่นและจริงใจ การแสดงของ วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ในบทรเมศนั้นน่าประทับใจ เขาเป็นตัวละครที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยน ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความปลอดภัยและความหวังเมื่อเขาอยู่เคียงข้างพิมพ์ลภัส ฉากที่ทั้งคู่เริ่มเปิดใจและเรียนรู้เรื่องราวของกันและกันนั้นเต็มไปด้วยความหวานซึ้ง ราวกับได้เห็นแสงสว่างท่ามกลางพายุในชีวิตของตัวละคร
ความรู้สึกเมื่อดูฉากโรแมนติกเหล่านี้คือความอบอุ่นในหัวใจและความหวังว่าความรักจะช่วยเยียวยาทุกอย่างได้ เพลงประกอบอย่าง “บ่วงรัก” ที่ดังขึ้นในช่วงเวลาสำคัญยิ่งช่วยขยายความรู้สึกให้ลึกซึ้ง ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังโบยบินไปกับความรักของทั้งคู่ พร้อมกับเอาใจช่วยให้พวกเขาเอาชนะอุปสรรคได้
เมื่อพิมพ์ลภัสเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากหญิงสาวที่เอาแต่ใจกลายเป็นคนที่เข้มแข็งและรับผิดชอบ ผู้ชมรู้สึกถึงความภูมิใจในตัวละครราวกับเป็นเพื่อนสนิท การที่เธอตัดสินใจร่วมมือกับรเมศเพื่อเปิดโปงแผนการของกิตติชัยและอรอุษานั้นสร้างความรู้สึกสะใจอย่างมาก ฉากที่ตัวร้ายได้รับผลกรรมและพิมพ์ลภัสยืนหยัดด้วยตัวเองในวงการแฟชั่น ทำให้รู้สึกถึงชัยชนะและความยุติธรรม
ละคร บ่วงหงส์ 2552 เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้นในโลกแฟชั่น ความเห็นใจต่อชะตากรรมของพิมพ์ลภัส ความตึงเครียดจากแผนการทรยศ ความหวานซึ้งจากความรัก และความสะใจเมื่อความยุติธรรมได้รับชัยชนะ ละครเรื่องนี้ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังทำให้รู้สึกถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงและความหวังในชีวิต การแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำ ผสานกับพล็อตที่เข้มข้นและเพลงประกอบที่ไพเราะ ทำให้ บ่วงหงส์ เป็นละครที่ฝากความทรงจำอันลึกซึ้งไว้ในใจผู้ชม และเป็นหนึ่งในผลงานที่ยังคงน่าจดจำในวงการละครไทย
ละคร บ่วงหงส์ 2552
ละคร บ่วงหงส์ 2552
จุดเริ่มต้น จากนางหงส์สู่หงส์ปีกหัก
เริ่มเรื่อง พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ) คือสาวไฮโซตัวท็อป นางแบบสุดปังที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง ลูกสาวคนเดียวของ ตรัย (ต้น ตระการ) นักธุรกิจชื่อดัง เธอใช้ชีวิตหรูหราเวอร์ แบรนด์เนมเต็มตัว แถมเสียแม่ตั้งแต่เด็กเลยถูกตามใจจนกลายเป็นสาวเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ ไม่เคยเรียนจบ แถมงานนางแบบก็เริ่มมีปัญหา เพราะมาสายบ้าง วีนเหวี่ยงบ้าง เรียกได้ว่าโลกนี้หมุนรอบตัวเธอ
แต่แล้วดราม่าก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว พ่อของเธอล้มละลาย หนี้ท่วมหัว จนสุดท้ายฆ่าตัวตายหนีปัญหา ทิ้งพิมพ์ลภัสไว้กับความว่างเปล่า ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน แถมยังถูก ยศพล (นัส อานัส) คู่หมั้น ถอนหมั้นซะงั้น ที่แย่กว่านั้นคือ มาธวี (น้ำฝน กุลณัฏฐ์) แม่เลี้ยงสาวที่อายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี ชิงหย่ากับพ่อก่อนตาย ฮุบเงินก้อนโตไป แล้วผันตัวเป็นนางแบบและเจ้าของห้องเสื้อสุดเปรี้ยว พร้อมสองคู่ซี้ หนูดี (หนุ่ม สุรวุฑ) กระเทยปากร้าย และ เป็ด (ต่าย ชัชฎาภรณ์) สาวใช้ตัวแสบ ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้มาธวี
พิมพ์ลภัสต้องย้ายไปอยู่ในคอนโดเล็ก ๆ เงินก็ร่อยหรอลงทุกวัน แต่ยังมีของรักชิ้นเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ นั่นคือ เข็มกลัดรูปหงส์ ของขวัญจากพ่อตอนอายุ 15 แต่ชีวิตก็ยังไม่หยุดตีลังกา เพราะเจ้าของคอนโด กิตติชัย (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) และ อรอุษา เมียเจ้าเล่ห์ของเขา เห็นพิมพ์ลภัสจนตรอกเลยยื่นข้อเสนอสุดช็อก ให้ไปขโมยเทปลับและจดหมายรักจาก รเมศ (วี วีรภาพ) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี! ทั้งสองอ้างว่ารเมศใช้หลักฐานนี้แบล็คเมล์อรอุษาเรื่องชู้สาว พิมพ์ลภัสลังเลแต่สุดท้ายก็รับงาน เพราะรู้ว่า มาธวี จะไปจัดแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมนี้ และคิดว่ารเมศต้องเลวแน่ ๆ ถึงคบกับมาธวีได้
ดราม่าพุ่ง การแทรกซึมและความรักที่เริ่มก่อตัว
พิมพ์ลภัสเดินทางไปโรงแรมเชียงรายจารวี โดยกิตติชัยออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ ความสวยของเธอทำให้กลายเป็นจุดสนใจทันที โดยเฉพาะ รเมศ ที่เข้ามาทำความรู้จักและดูจะหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่แรกเห็น! รเมศทุ่มสุดตัว ตามใจทุกอย่าง แถมยังชวนให้พิมพ์ลภัสเดินแบบในงานของมาธวี แต่ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของพิมพ์ลภัส เธอไปสร้างศัตรูไว้เพียบ โดยเฉพาะพนักงานเสิร์ฟที่เธอเคยดูถูก เรียกได้ว่าเดินไปไหนก็มีแต่คนจ้องจิก
ระหว่างนั้น พิมพ์ลภัสพยายามสืบหาเทปและจดหมาย แต่เพราะไม่ถนัดงานสายลับ เลยทำพิรุธจนรเมศเริ่มสงสัย สุดท้ายเธอก็ถูกจับได้คาหนังคาเขาขณะแอบในห้องทำงาน! รเมศโชว์เทปและจดหมายให้ดู พร้อมเผยว่าเป็นของปลอม พิมพ์ลภัสอับอายสุด ๆ ที่ถูกกิตติชัยและอรอุษาหลอกใช้ แถมยังเจ็บใจเมื่อรเมศเริ่มเย็นชา เธอโทรหกิตติชัยขอเงินจ่ายค่าโรงแรม แต่เขาปฏิเสธ อ้างว่าเธอทำงานไม่สำเร็จ
พลิกชีวิต จากนางแบบสู่พนักงานเสิร์ฟ
รเมศที่ทั้งรักและผิดหวังในตัวพิมพ์ลภัส ตัดสินใจให้เธอทำงานชดใช้หนี้โรงแรม โดยให้เป็น พนักงานเสิร์ฟ จากนางแบบไฮโซต้องมาใส่ชุดพื้นเมืองที่เคยดูถูก อยู่วงในห้องพักพนักงานแคบ ๆ ไม่มีแอร์ แถมเพื่อนร่วมห้องคือพนักงานที่เธอเคยวีนใส่! เรียกว่าชีวิตพิมพ์ลภัสตอนนี้คือ หงส์ปีกหัก ชัด ๆ เธอรู้สึกว่าทุกคนเป็นศัตรู งานบริการที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ โดนลูกค้าด่า โดนเพื่อนร่วมงานนินทา แต่รเมศก็แอบเฝ้ามองด้วยความสะใจปนสงสาร
ในช่วงนี้ พิมพ์ลภัสเริ่มแสดงด้านดีออกมา เช่น การปกป้องเพื่อนร่วมงานจากลูกค้าบ้ากาม ทำให้เพื่อน ๆ เริ่มใจอ่อน และการได้ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขทำให้เธอเริ่มเห็นสัจธรรมของชีวิต ค่อย ๆ เปลี่ยนจากสาวเย่อหยิ่งเป็นคนที่ยอมรับความจริงมากขึ้น
ดราม่าคูณสอง มาธวีและแผนร้าย
แล้วดราม่าก็พุ่งมาอีก มาธวี และคณะแฟชั่นโชว์มาถึงโรงแรม เธอสะใจสุด ๆ ที่เห็นพิมพ์ลภัสตกอับ และไม่วายเยาะเย้ยซ้ำเติม แถมยังรู้ว่ารเมศหลงรักพิมพ์ลภัส เลยวางแผนแยกทั้งคู่โดยจับมือกับ เสี่ยสมาน (พิพัฒน์พล โกมารทัต) เศรษฐีที่หลงรักพิมพ์ลภัสมานาน มาธวีหลอกรเมศว่าอยากช่วยพิมพ์ลภัสเคลียร์หนี้ และขอให้รเมศส่งพิมพ์ลภัสมาพบที่ห้องของเธอ แต่แท้จริงแล้ว เสี่ยสมานรออยู่ในห้องเพื่อหวังปลุกปล้ำพิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเกือบตกเป็นเหยื่อ แต่หนีรอดมาได้ เธอเจ็บใจสุด ๆ คิดว่ารเมศร่วมมือหลอกเธอ เลยไปต่อว่ารเมศอย่างรุนแรง รเมศตกใจและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาไปเค้นความจริงจากมาธวี ซึ่งร้องไห้แก้ตัว แต่รเมศจับได้จากหลักฐานในห้องและไล่มาธวีออกจากโรงแรมทันที แต่ก่อนไป มาธวีคายพิษด้วยการบอกพิมพ์ลภัสว่ารเมศมีคู่หมั้นแล้วชื่อ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) ซึ่งพิมพ์ลภัสเคยเห็นทั้งคู่สนิทกัน ทำให้เธอเสียใจหนัก คิดว่ารเมศหลอกลวง
การจากลาและบทเรียนชีวิต
รเมศเรียกค่าทำขวัญจากเสี่ยสมานให้พิมพ์ลภัส แต่ไม่ให้เงินทันที เพราะอยากให้เธออยู่ต่อเพื่อปรับความเข้าใจ แต่พิมพ์ลภัสตัดสินใจขาย เข็มกลัดรูปหงส์ ที่รักสุดหัวใจเพื่อจ่ายหนี้และหนีออกจากโรงแรม เธอมอบของที่ระลึกให้เพื่อนพนักงานเสิร์ฟที่สอนบทเรียนชีวิตให้เธอ และจากไปด้วยความเจ็บปวด รเมศเสียใจหนักที่เสียเธอไป แต่ก็ปล่อยให้เธอเลือกทางของตัวเอง
กลับถึงกรุงเทพฯ พิมพ์ลภัสเริ่มชีวิตใหม่แบบพอเพียง ขายของแบรนด์เนมทิ้ง และพยายามหางานนางแบบ แต่มาธวีใช้เส้นสายกีดกันทุกหนแห่ง เธอเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีตที่เคยเบี้ยวงานและไม่รับผิดชอบ จนสุดท้ายต้องหางานอื่น แต่ก็เจอเจ้านายหื่นกาม ทำให้ชีวิตยิ่งยาก
ความรักและการแก้แค้น
วันหนึ่ง พิมพ์ลภัสได้พบ นารา โดยบังเอิญ ซึ่งมากับ สิหนาท (เอกรัตน์ สารสุข) คู่หมั้นและหุ้นส่วนของรเมศ เธอยังเข้าใจผิดว่านาราคือคู่หมั้นของรเมศ นาราพยายามช่วยโดยให้เบอร์ติดต่อไว้ สุดท้ายพิมพ์ลภัสยอมโทรหานารา และได้งานสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกของ รจนา พี่สาวของรเมศ รจนาสังเกตเห็นความรู้สึกของพิมพ์ลภัสต่อน้องชาย เลยจัดฉากให้ทั้งคู่มาเจอกัน รเมศสารภาพว่านาราคือคู่หมั้นของสิหนาท ไม่ใช่ของเขา ทำให้ทั้งสองปรับความเข้าใจและรักกันในที่สุด!
ส่วน มาธวี ต้องเจอกรรมตามสนอง เมื่อรเมศส่งรูปและคำขอโทษของเธอจากเหตุการณ์เสี่ยสมานไปลงหนังสือพิมพ์ ความจริงถูกเปิดโปง ทำให้ไม่มีใครในวงการคบหา ชีวิตของเธอพังทลาย ขณะที่พิมพ์ลภัสกลายเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็ง เรียนรู้จากบทเรียนชีวิต และเริ่มต้นใหม่ด้วยความรักที่แท้จริงกับรเมศ
บ่วงหงส์ 2552 คือละครที่ครบรสสุด ๆ ดราม่าก็เข้มข้น โรแมนติกก็หวานจนจิกหมอน การแสดงของแพนเค้กคือสุดยอด ถ่ายทอดจากสาวไฮโซเย่อหยิ่งไปถึงหงส์ปีกหักได้เนียนมาก วีรภาพก็อบอุ่นจนใจละลาย ตัวร้ายอย่างมาธวีคือเกลียดจนอยากตบ แต่ก็ยอมรับว่าน้ำฝนเล่นดีจนน่าหมั่นไส้ เพลงประกอบ ก็คือตราตรึงใจสุด ๆ ใครที่ชอบละครดราม่าเข้ม ๆ ต้องไปย้อนดูเลยนะ รับรองไม่ผิดหวัง
เบื้องหลังละครบ่วงหงส์ ปี 2552 ละครสุดคลาสสิกจากช่อง 7 ที่ใคร ๆ ก็ยังพูดถึง มาดูกันสิว่าทีมงานเบื้องหลังเหล่านี้ปังยังไง ทำไมถึงทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นตำนาน
กิ่งฉัตร ราชินีนิยายที่จุดประกายทุกดราม่า
เริ่มจาก บทประพันธ์ โดย กิ่งฉัตร หรือชื่อจริง ปาริฉัตร ศาลิคุปต นี่คือตำนานนักเขียนไทยเลยนะ พี่กิ่งฉัตรเขียนนิยายรักดราม่าแบบเข้มข้น สะเทือนใจ จนกลายเป็นหนังสือขายดีหลายเล่ม บ่วงหงส์ เองก็เป็นภาคต่อจากนิยายดัง ตามรักคืนใจ เลยยิ่งเพิ่มความลึกซึ้งเข้าไปอีก เรื่องราวหงส์สาวที่ปีกหักแล้วบินใหม่นี่แหละ ที่ทำให้เราร้องไห้ตามทุกหน้า เบื้องหลังคือ พี่กิ่งฉัตรชอบถ่ายทอดชีวิตผู้หญิงที่ต้องสู้กับโชคชะตาแบบสมจริงมาก ๆ ทำให้ละครเวอร์ชั่นนี้ถึงได้อินขนาดนั้น ถ้าคุณอ่านนิยายต้นฉบับแล้ว รับรองว่าชอบละครแน่นอน
ภาวิต นักเขียนบทที่แปลงนิยายให้ปังบนจอ
ต่อด้วย บทโทรทัศน์โดย ภาวิต ซึ่งจริง ๆ แล้วคือปากกาของ รัมภา ภิรมย์ภักดี นักเขียนบทละครชื่อดังที่เคยฝากผลงานไว้เพียบ พี่ภาวิตเก่งเรื่องดัดแปลงนิยายให้เข้ากับละครโทรทัศน์ โดยคงกลิ่นอายดราม่าของกิ่งฉัตรไว้ แต่เพิ่มฉากแอคชั่นทางอารมณ์ให้เหมาะกับการออกอากาศ 2 คืนต่อสัปดาห์ เช่น ฉากที่พิมพ์ลภัสถูกจับได้ขโมยเทปนี่แหละ ภาวิตเขียนให้ตึงเครียดจนผู้ชมลุ้นจะแย่ เบื้องหลังคือ ทีมเขียนบทต้องประชุมกันยาว ๆ เพื่อให้เคมีระหว่างแพนเค้กกับวีรภาพปังแบบนี้ ภาวิตยังเคยเขียนละครฮิตอื่น ๆ ของดีด้าด้วยนะ เก่งจริง
วัชรา สังข์สุวรรณ ผู้กำกับที่ทำให้หงส์บินได้จริง
กำกับการแสดงโดย วัชรา สังข์สุวรรณ (และช่วยกำกับโดยชัยวุฒิ เทพวงษ์) พี่วัชราเป็นมือโปรด้านละครดราม่าช่อง 7 มานาน เคยกำกับเรื่องดัง ๆ มาเพียบ เบื้องหลังการถ่ายทำนี่สุดยอดเลย ทีมต้องไปถ่ายที่เชียงรายจริง ๆ เพื่อให้ฉากโรงแรมเชียงรายจารวีดูสมจริง บรรยากาศภูเขาหมอก ๆ นี่แหละที่ทำให้ฉากโรแมนติกระหว่างรเมศกับพิมพ์ลภัสหวานละมุน พี่วัชราชอบให้ improvise บ้างเพื่อให้อารมณ์ธรรมชาติ เช่น ฉากวีนของแพนเค้กที่ดูเอาแต่ใจแต่เปราะบางมาก ๆ ทีมงานเล่าว่าการกำกับต้องบาลานซ์ระหว่างดราม่าหนัก ๆ กับโมเมนต์น่ารัก เพื่อไม่ให้ผู้ชมเหนื่อยเกินไป สุดยอดเลยพี่
ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ค่ายละครเบื้องหลังความสำเร็จช่อง 7
สุดท้าย ผลิตโดยบริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด หรือ DIDA VDO นี่คือค่ายละครรุ่นใหญ่ที่ก่อตั้งโดย สยม สังวริบุตร ตั้งแต่ปี 2538 ดีด้าเชี่ยวชาญผลิตละครช่อง 7 โดยเฉพาะ เรื่องแรกคือ พันหนึ่งราตรี แล้วก็ฮิตต่อเนื่อง เช่น เจ้าแม่จำปี หรือ พญาโศก (ที่เคยดราม่ากับแฟน ๆ เรื่องสไตล์ล้าหลังแต่คลาสสิก) เบื้องหลังบ่วงหงส์คือ ดีด้าเลือกปี 2552 มาทำเวอร์ชั่นสอง (หลังเวอร์ชั่นแรกปี 2541) เพื่อรีเฟรชนิยายดังให้เข้ากับยุค โดยทุ่มงบถ่ายทำฉากแฟชั่นโชว์สุดอลังการ ค่ายนี้ยังมีเครือข่ายใหญ่ อย่างดาราวิดีโอและสามเศียร ทำให้การแคสติ้งนักแสดงอย่างแพนเค้ก วีรภาพ น้ำฝน เอกรัตน์ ปังแบบนี้ ทีมโปรดักชั่นต้องวุ่นวายกับโลเคชั่นเชียงรายและกรุงเทพฯ แต่ผลลัพธ์คือเรตติ้งดี ออกอากาศ 20 พ.ค. – 9 ก.ค. 2552 วันพุธ-พฤหัส 20:25 น. ฮิตมาก
เบื้องหลังบ่วงหงส์ 2552 นี่แหละที่ทำให้ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่นิยาย แต่เป็นดราม่าที่เรายังรำลึกถึง กิ่งฉัตรให้พล็อตเข้ม ภาวิตขัดเกลาบทให้คม วัชรากำกับให้มีชีวิต และดีด้าผลิตให้ปังบนจอ ถ้าคุณเคยดูแล้วร้องไห้ตามพิมพ์ลภัส นี่แหละเบื้องหลังทั้งหมด
นักแสดง
→ วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบท รเมศ
รเมศคือเจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี ชายหนุ่มวัยกลางๆ ที่มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ตรงไปตรงมา และเต็มไปด้วยคุณธรรม เขาเป็นคนที่เชื่อในสัญชาตญาณแรกเห็น ปิ๊งพิมพ์ลภัสตั้งแต่แรกพบ แล้วทุ่มเทใจให้แบบไม่ยั้ง แม้จะเจอการทรยศจากเธอตอนที่เธอมาขโมยของตามแผนชั่วของกิตติชัยกับอรอุษา รเมศไม่ใช่พระเอกแบบหวานเลี่ยน แต่เป็นคนเข้มแข็งที่รู้จักให้อภัยและช่วยเหลือคนที่รัก แม้ต้องให้พิมพ์ลภัสทำงานชดใช้หนี้เป็นพนักงานเสิร์ฟเพื่อสอนบทเรียน แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ใจอ่อนและเฝ้ามองเธอด้วยความห่วงใยตลอด วีรภาพเล่นบทนี้ได้นิ่งๆ แต่มีเสน่ห์อบอุ่น ทำให้รเมศดูเป็นผู้ชายที่เชื่อถือได้จริงๆ
ฉายา “เจ้าของโรงแรมใจดี”
ชื่อนี้เหมาะกับรเมศเพราะเขาไม่ใช่แค่นักธุรกิจที่มุ่งแต่กำไร แต่คอยดูแลพนักงานและแขกอย่างมีน้ำใจ แม้พิมพ์ลภัสจะสร้างปัญหาในโรงแรม เขาก็ยังให้โอกาสเธอเรียนรู้จากความผิดพลาด แทนที่จะไล่ออกทันที
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องมีทั้งความเข้มแข็งและการให้อภัย
รเมศสอนเราว่า แม้จะเจ็บปวดจากความผิดพลาดของคนรัก แต่ถ้าเห็นศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง ก็ควรยืนเคียงข้างเพื่อช่วยให้เธอเติบโต มันทำให้เราคิดถึงการรักใครสักคนแบบไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
→ เขมนิจ จามิกรณ์ รับบท พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสคือสาวไฮโซตัวท็อป นางแบบชื่อดังที่สวยเป๊ะจนทุกคนต้องมอง แต่ชีวิตเธอไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ เพราะนิสัยนี่แซ่บสุด เธอเกิดมาบนกองเงินกองทอง ลูกสาวคนเดียวของ ตรัย นักธุรกิจที่รวยล้นฟ้า แต่เสียแม่ตั้งแต่เด็กเลยถูกตามใจจนกลายเป็นสาวเอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ เรียนไม่จบ แถมงานนางแบบก็เริ่มมีปัญหาเพราะมาสาย วีนเหวี่ยง จนคนในวงการเริ่มเอือม
ชีวิตพิมพ์ลภัสพังทลายเมื่อพ่อล้มละลายและฆ่าตัวตาย ทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้เธอ จากไฮโซต้องย้ายไปอยู่คอนโดเล็กๆ ถูกคู่หมั้น ยศพล ถอนหมั้น แถม มาธวี แม่เลี้ยงตัวแสบยังซ้ำเติมด้วยการขึ้นเป็นนางแบบคู่แข่ง เธอต้องรับงานสกปรกจาก กิตติชัย และ อรอุษา เพื่อขโมยของจาก รเมศ เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี แต่สุดท้ายถูกจับได้และต้องกลายเป็นพนักงานเสิร์ฟเพื่อชดใช้หนี้ การเดินทางของพิมพ์ลภัสคือการเปลี่ยนจากสาวเย่อหยิ่งที่ดูถูกทุกคน ไปสู่หญิงสาวที่เข้มแข็งและเรียนรู้จากความผิดพลาด แพนเค้กเล่นบทนี้ได้แบบสุดปัง ถ่ายทอดทั้งความหยิ่งผยองและความเปราะบางจนคนดูอินหนัก
ฉายา “นางหงส์ปีกหัก”
เหมาะกับพิมพ์ลภัสสุดๆ เพราะจากนางแบบที่เหมือนหงส์บินสูง เธอต้องตกต่ำลงมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ถูกเยาะเย้ยและเผชิญความยากลำบาก แต่สุดท้ายเธอก็โบยบินได้อีกครั้งด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง
ข้อคิด ไม่ว่าเราจะเคยผิดพลาดหรือล้มลงหนักแค่ไหน ถ้ามีใจสู้และยอมรับข้อผิดพลาด เราก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
พิมพ์ลภัสสอนให้เราเห็นว่า การยอมรับตัวเองและเรียนรู้จากบทเรียนชีวิตคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
→ กุลณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์ รับบท มาธวี
มาธวีคือแม่เลี้ยงตัวแสบของ พิมพ์ลภัส อายุห่างกันแค่ไม่กี่ปี แต่ความร้ายนี่นำไปไกลมาก เธอเคยแต่งงานกับ ตรัย พ่อของพิมพ์ลภัส แต่ฉลาดชิงหย่าก่อนที่เขาจะล้มละลาย ฮุบเงินก้อนโตไป แล้วผันตัวเองเป็นนางแบบและเจ้าของห้องเสื้อสุดเปรี้ยว มาธวีไม่ใช่แค่สวย แต่ยังเจ้าเล่ห์และทะเยอทะยานสุดๆ เธอใช้ความสวยและเส้นสายในวงการแฟชั่นเพื่อก้าวขึ้นเป็นตัวท็อป พร้อมมีลูกสมุนคู่ใจอย่าง หนูดี กระเทยปากร้าย และ เป็ด สาวใช้ตัวแซ่บ ที่คอยช่วยเหลือทุกแผนชั่ว
เมื่อพิมพ์ลภัสตกอับ มาธวีไม่ปล่อยโอกาส สะใจที่เห็นลูกเลี้ยงตกต่ำ และเยาะเย้ยซ้ำเติมทุกโอกาส เธอยังวางแผนร้ายให้ เสี่ยสมาน มาปลุกปล้ำพิมพ์ลภัส เพื่อกันเธอให้ห่างจาก รเมศ ที่มาธวีอยากจับเอง แต่สุดท้ายความร้ายของเธอก็ทำให้ตัวเองพัง เมื่อรเมศเปิดโปงความจริงลงหนังสือพิมพ์ จนวงการแฟชั่นตีตัวออกห่าง น้ำฝนเล่นบทนี้ได้แบบสุดยอด หน้าสวยๆ แต่แววตาร้ายๆ ทำให้คนดูอยากตบจอเลยทีเดียว
ฉายา “แม่เลี้ยงตัวร้าย”
ฉายานี้เหมาะกับมาธวีสุดๆ เพราะเธอไม่ใช่แค่แม่เลี้ยง แต่เป็นตัวร้ายที่ฉลาด วางแผนเก่ง และใช้ความสวยเป็นอาวุธเพื่อทำลายทุกคนที่ขวางทาง
ข้อคิด ความโลภและการทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอาจให้ชัยชนะชั่วคราว แต่สุดท้ายจะนำมาซึ่งความพินาศ
มาธวีสอนเราว่าการใช้เล่ห์เหลี่ยมอาจทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าไม่มีจิตใจที่ดี ทุกอย่างก็จะพังลงในที่สุด
→ อานัส ฬาพานิช รับบท ยศพล
ยศพลคือคู่หมั้นของ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ) นางเอกของเราในช่วงที่เธอยังเป็นสาวไฮโซสุดปัง ใช้ชีวิตหรูหราในฐานะนางแบบชื่อดังและลูกสาวนักธุรกิจรวยล้นฟ้า เขาเป็นหนุ่มหล่อในแวดวงสังคมชั้นสูง ดูเหมือนจะเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบกับพิมพ์ลภัส แต่เมื่อชีวิตของเธอพังทลายหลังพ่อล้มละลายและฆ่าตัวตาย ยศพลกลับแสดงธาตุแท้ออกมา เขาตัดสินใจถอนหมั้นทันทีที่พิมพ์ลภัสสูญเสียทุกอย่าง ไม่มีเงิน ไม่มีสถานะ เหลือแค่หนี้ก้อนโต การกระทำของยศพลเหมือนตอกย้ำความเจ็บปวดให้พิมพ์ลภัส ทำให้เธอรู้สึกถูกทิ้งในช่วงที่แย่ที่สุดของชีวิต อานัสเล่นบทนี้ได้แบบเนียนมาก ถ่ายทอดความเย็นชาและความเห็นแก่ตัวของยศพลออกมาได้ชัดเจน จนคนดูรู้สึกหมั่นไส้และสงสารนางเอกไปพร้อมกัน
ฉายา “คู่หมั้นใจร้าย”
ฉายานี้เหมาะกับยศพลสุดๆ เพราะเขาเลือกทิ้งพิมพ์ลภัสในวันที่เธอต้องการเขามากที่สุด แสดงให้เห็นถึงนิสัยที่ยึดสถานะและผลประโยชน์มากกว่าความรัก
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องยืนหยัดเคียงข้างกันในยามยาก
ยศพลสอนเราว่าคนที่เห็นคุณค่าแค่สถานะหรือเงินทอง ไม่ใช่คนที่ควรค่าแก่การไว้วางใจ การเลือกคบคนควรดูที่ใจ ไม่ใช่แค่เปลือกนอก
→ เอกรัตน์ สารสุข รับบท สีหนาท
สีหนาทคือหุ้นส่วนทางธุรกิจของ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี และยังเป็นคู่หมั้นของ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) เขาเป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ดูดี มีความมั่นใจ และมีบทบาทในวงการสังคมชั้นสูง สีหนาทปรากฏตัวในช่วงท้ายของเรื่อง เมื่อ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ) กลับมากรุงเทพฯ และเจอกับนาราโดยบังเอิญ เธอเข้าใจผิดว่านาราคือคู่หมั้นของรเมศ ซึ่งสีหนาทช่วยยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับนารา ทำให้ความเข้าใจผิดนี้คลายลงในที่สุด บทของสีหนาทอาจไม่เยอะ แต่สำคัญมากในการช่วยให้รเมศและพิมพ์ลภัสเคลียร์ใจกัน เอกรัตน์เล่นบทนี้ได้แบบสมูธ ดูเป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ทั้งน่าเชื่อถือและมีเสน่ห์ ทำให้ตัวละครนี้เป็นส่วนเติมเต็มที่ลงตัวในดราม่า
ฉายา “หุ้นส่วนสุดหล่อ”
สีหนาทเหมาะกับฉายานี้ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ทั้งหล่อและมีสไตล์ ช่วยรเมศดูแลโรงแรมและยังเป็นคนรักที่ดีของนารา ทำให้เรื่องราวซับซ้อนแต่ก็น่าติดตาม
ข้อคิด ความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ช่วยคลายความเข้าใจผิดได้
สีหนาทสอนเราว่าการเป็นคนตรงไปตรงมาและยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง สามารถช่วยให้คนรอบข้างหาทางออกจากปัญหาได้ โดยเฉพาะในเรื่องของหัวใจ
→ ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร รับบท นารา
นาราคือสาวสวยใจดีที่ปรากฏตัวในช่วงท้ายของเรื่อง เธอเป็นคู่หมั้นของ สีหนาท (เอกรัตน์ สารสุข) หุ้นส่วนทางธุรกิจของ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับรเมศทำให้ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ) เข้าใจผิดว่านาราคือคู่หมั้นของรเมศ สร้างความเจ็บปวดให้พิมพ์ลภัสหนักมาก เพราะคิดว่ารเมศหลอกลวง นาราเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน มีน้ำใจ และพยายามช่วยเหลือพิมพ์ลภัสเมื่อเจอกันโดยบังเอิญในกรุงเทพฯ เธอให้เบอร์ติดต่อและแนะนำให้พิมพ์ลภัสไปทำงานสอนพิเศษกับ รจนา พี่สาวของรเมศ ซึ่งนำไปสู่การคลายความเข้าใจผิดและการสมหวังของคู่พระนาง ฐิตินันท์ถ่ายทอดนาราได้แบบน่ารัก ดูเป็นสาวหวานที่จริงใจ ทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและอยากให้เธอมีบทมากกว่านี้
ฉายา “สาวใจดีผู้คลายปม”
นาราคือตัวละครที่เหมือนแสงสว่างในดราม่า ด้วยความใจดีและการกระทำที่ช่วยให้รเมศกับพิมพ์ลภัสได้เคลียร์ใจกัน เธอคือคนที่ทำให้เรื่องจบสวย
ข้อคิด การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความจริงใจสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้
นาราสอนเราว่าแค่การยื่นมือช่วยเล็กๆ น้อยๆ อย่างการให้โอกาสหรือคำแนะนำ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของใครบางคน
→ อธิชนันท์ ศรีเสวก รับบท กานดา
กานดาคือตัวละครรองที่ปรากฏในวงโคจรของ พิมพ์ลภัส (แพนเค้ก เขมนิจ) และ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ในละคร เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่อยู่ในแวดวงสังคมหรืออาจมีบทบาทในโรงแรมเชียงรายจารวี ซึ่งเป็นฉากหลักของเรื่อง แม้บทของกานดาจะไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่เธอมีส่วนช่วยขับเคลื่อนดราม่า โดยอาจเป็นเพื่อนร่วมงานหรือตัวละครที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพิมพ์ลภัสในช่วงที่ต้องเผชิญความยากลำบาก เช่น ตอนที่พิมพ์ลภัสต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ กานดาน่าจะอยู่ในกลุ่มพนักงานหรือคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของนางเอก อธิชนันท์ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบเนียนๆ ทำให้กานดาดูเป็นตัวละครที่สมจริงและช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่อง
ฉายา “เงารองแห่งโรงแรม”
กานดาคือตัวละครที่เหมือนเงาในฉากใหญ่ของโรงแรมเชียงรายจารวี อาจไม่โดดเด่น แต่มีส่วนช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และน่าติดตาม
ข้อคิด ถึงบทบาทในชีวิตจะเล็กน้อย แต่ทุกคนมีส่วนช่วยทำให้เรื่องราวสมบูรณ์
กานดาสอนเราว่าไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเด่นเสมอไป การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็มีคุณค่าในแบบของมัน
→ ชมพูนุช ปิยะธรรมชัย รับบท จินตนา
จินตนาคือตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) และ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เธอน่าจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่เชื่อมโยงกับวงการแฟชั่นหรือชีวิตในโรงแรมเชียงรายจารวี ซึ่งเป็นฉากหลักของเรื่อง บทของจินตนาไม่เด่นเท่าตัวหลักอย่างพิมพ์ลภัสหรือมาธวี แต่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยอาจเป็นเพื่อนในวงการนางแบบ คนในสังคมไฮโซ หรือพนักงานที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของพิมพ์ลภัสในช่วงที่เธอต้องเผชิญความยากลำบาก เช่น ตอนที่ต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ จินตนาน่าจะมีบทบาทที่ช่วยเสริมดราม่าหรือสะท้อนมุมมองของตัวละครอื่น ชมพูนุชถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสมจริง ด้วยสไตล์การแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้จินตนาดูเป็นตัวละครที่มีชีวิตและเพิ่มมิติให้กับเรื่อง
ฉายา “เงาสะท้อนวงการแฟชั่น”
จินตนาคือตัวละครที่เหมือนเงาในโลกแฟชั่นและสังคมไฮโซ ช่วยสะท้อนความเป็นจริงของวงการและชีวิตของพิมพ์ลภัส อาจไม่ใช่จุดสนใจ แต่มีบทบาทที่ทำให้เรื่องสมบูรณ์
ข้อคิด ทุกคนในสังคมมีส่วนช่วยสร้างเรื่องราว
จินตนาสอนเราว่าไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทเล็กหรือใหญ่ การมีตัวตนและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็สามารถสร้างผลกระทบต่อคนรอบข้างได้
→ พิพัฒน์พล โกมารทัต รับบท เสี่ยสนาม
เสี่ยสมานคือเศรษฐีรวยล้นฟ้าที่มีนิสัยเจ้าชู้และหลงตัวเอง เขาเป็นตัวละครที่โผล่มาในช่วงที่ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) ต้องเผชิญชีวิตตกอับในโรงแรมเชียงรายจารวี เสี่ยสมานหลงรักพิมพ์ลภัสมานาน และเมื่อ มาธวี (กุลณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) แม่เลี้ยงตัวร้ายวางแผนให้เขาได้ใกล้ชิดพิมพ์ลภัส เขาก็ไม่รอช้า รับข้อเสนอทันที เสี่ยสมานถูกหลอกให้เชื่อว่าพิมพ์ลภัสจะยอมเป็นของเขา โดยมาธวีจัดฉากให้เขารอในห้องเพื่อหวังปลุกปล้ำพิมพ์ลภัส แต่แผนล้มเหลวเมื่อพิมพ์ลภัสหนีรอดไปได้ สุดท้ายเขาต้องจ่ายค่าทำขวัญให้พิมพ์ลภัสเพราะกลัวเรื่องอื้อฉาวจะถึงหูภรรยา พิพัฒน์พลถ่ายทอดบทนี้ได้แบบครบรส ทั้งความเจ้าเล่ห์ ความโลภ และความน่าสมเพชของตัวละครที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมร้ายของมาธวี ทำให้คนดูทั้งขำทั้งเกลียด
ฉายา “เศรษฐีเจ้าชู้”
เสี่ยสมานคือนิยามของคนรวยที่ใช้เงินและอำนาจเพื่อสนองความต้องการส่วนตัว โดยไม่สนใจศีลธรรมหรือผลกระทบต่อผู้อื่น
ข้อคิด ความโลภและการตามใจกิเลสอาจนำไปสู่ความหายนะ
เสี่ยสมานสอนเราว่าการยอมให้คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือในแผนร้าย โดยหวังผลประโยชน์ส่วนตัว สุดท้ายจะทำให้เสียทั้งเงินและชื่อเสียง
→ โอลิเวอร์ พูพาร์ท รับบท กิตติชัย
กิตติชัยคือเจ้าของคอนโดที่ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) เช่าอยู่หลังจากชีวิตพังทลาย เขาเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ คบหากับ อรอุษา ภรรยาที่ร้ายไม่แพ้กัน ทั้งคู่เห็นพิมพ์ลภัสตกอับเลยฉวยโอกาสใช้ความจนของเธอเป็นเครื่องมือ โดยหลอกให้เธอรับงานสกปรกเพื่อขโมยเทปลับและจดหมายจาก รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี อ้างว่ารเมศใช้หลักฐานนี้แบล็คเมล์อรอุษา แต่แท้จริงทั้งคู่แค่วางแผนทำลายรเมศเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ กิตติชัยออกเงินให้พิมพ์ลภัสไปทำงานนี้ แต่เมื่อเธอพลาดท่าและถูกจับได้ เขากลับตีตัวออกห่าง ปฏิเสธจ่ายเงินค่าโรงแรม ปล่อยให้เธอติดหนี้ โอลิเวอร์เล่นบทนี้ได้แบบเนียนสุดๆ หน้าตาดูดีแต่แววตาเจ้าเล่ห์ ทำให้คนดูรู้สึกว่าเจอตัวร้ายที่ร้ายจริงอะไรจริง
ฉายา “นายหน้าสุดแสบ”
กิตติชัยสมฉายานี้ เพราะเขาใช้ความเจ้าเล่ห์และคำพูดหวานหลอกใช้พิมพ์ลภัสเหมือนเครื่องมือในเกมธุรกิจ โดยไม่สนใจว่าเธอจะเดือดร้อนแค่ไหน
ข้อคิด การใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อผลประโยชน์อาจได้ผลในระยะสั้น แต่สุดท้ายจะเสียความน่าเชื่อถือ
กิตติชัยสอนเราว่าการหลอกลวงผู้อื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ยั่งยืน
→ ตระการ พันธุมเลิศรุจี รับบท ตรัย
ตรัยคือพ่อของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) นางเอกของเรา เขาเป็นนักธุรกิจชื่อดังที่ร่ำรวยมหาศาล ใช้ชีวิตหรูหรา และเลี้ยงลูกสาวคนเดียวด้วยความรักแบบสุดตัว หลังจากภรรยาเสียชีวิต ตรัยตามใจพิมพ์ลภัสจนกลายเป็นสาวเอาแต่ใจและเย่อหยิ่ง แต่เมื่อธุรกิจของเขาล้มละลาย หนี้ท่วมหัว ตรัยเลือกหนทางสุดช็อกด้วยการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ทิ้งพิมพ์ลภัสไว้กับหนี้ก้อนโตและชีวิตที่พังทลาย การตายของเขาคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พิมพ์ลภัสต้องเผชิญโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง ตระการเล่นบทนี้ได้แบบสะกดใจ แม้จะปรากฏตัวสั้นๆ แต่ถ่ายทอดความเป็นพ่อที่รักลูกและความกดดันจากความล้มเหลวได้อย่างน่าสะเทือนใจ
ฉายา “พ่อนักธุรกิจผู้โศกนาฏกรรม”
ตรัยสมฉายานี้ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ดูเหมือนมีทุกอย่าง แต่สุดท้ายความล้มเหลวทำให้ชีวิตจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ปล่อยให้ลูกสาวต้องต่อสู้เพียงลำพัง
ข้อคิด ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่การเลือกหนีปัญหาอาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวง
ตรัยสอนเราว่าการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก แม้จะหนักแค่ไหน ก็ดีกว่าการทิ้งคนที่เรารักไว้ข้างหลัง
→ รชยา รักกสิกรณ์ รับบท รจนา
รจนาคือพี่สาวแท้ๆ ของ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) เจ้าของโรงแรมเชียงรายจารวี เธอเป็นผู้หญิงใจดี อ่อนโยน และมีเมตตา ปรากฏตัวในช่วงท้ายของเรื่องเมื่อ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) กลับมาที่กรุงเทพฯ และกำลังหางานทำ รจนากำลังมองหาครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้ลูกๆ ของเธอ และเมื่อ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) แนะนำพิมพ์ลภัสให้ รจนาก็รับเธอเข้าทำงานทันที เธอสังเกตเห็นความรู้สึกที่พิมพ์ลภัสมีต่อรเมศ และด้วยความเป็นพี่สาวที่แสนดี รจนาจึงวางแผนให้ทั้งคู่มาเจอกันเพื่อเคลียร์ความเข้าใจผิด ทำให้รเมศและพิมพ์ลภัสสมหวังในความรัก รชยาเล่นบทนี้ได้แบบอบอุ่นมาก ถ่ายทอดความเป็นพี่สาวที่ทั้งฉลาดและใจดีได้อย่างลงตัว ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนมีพี่สาวในฝันแบบนี้
ฉายา “พี่สาวนักจับคู่”
รจนาคือตัวละครที่เหมือนเทพธิดาแห่งความรัก ใช้ความฉลาดและความเข้าใจช่วยให้รเมศและพิมพ์ลภัสได้ลงเอยกันอย่างสวยงาม
ข้อคิด การเป็นผู้ฟังที่ดีและช่วยเหลือด้วยใจสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้
รจนาสอนเราว่าการสังเกตและเข้าใจความรู้สึกของคนรอบตัว แล้วลงมือช่วยเหลืออย่างจริงใจ สามารถนำพาความสุขมาสู่ผู้อื่นได้
→ จารุศิริ ภูวนัย รับบท นงนุช
นงนุชเป็นตัวละครรองที่อยู่ในวงโคจรของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) และ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ในโลกของโรงแรมเชียงรายจารวีหรือวงการแฟชั่น เธอน่าจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในวงการ พนักงานในโรงแรม หรือคนในแวดวงสังคมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพิมพ์ลภัสในช่วงที่ต้องเผชิญความยากลำบาก เช่น ตอนที่เธอต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ นงนุชอาจมีบทบาทที่ช่วยสะท้อนอารมณ์หรือสถานการณ์ของตัวละครหลัก อาจเป็นคนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของพิมพ์ลภัสหรือมีปฏิสัมพันธ์ที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์ จารุศิริถ่ายทอดบทนี้ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวละครนงนุชดูมีชีวิตและเข้ากับบรรยากาศดราม่าของเรื่องได้ดี
ฉายา “เงาแห่งวงการ”
นงนุชคือตัวละครที่เหมือนเงาในฉากใหญ่ของเรื่อง ไม่โดดเด่นแต่ช่วยเติมเต็มให้โลกของบ่วงหงส์สมจริงและมีมิติมากขึ้น
ข้อคิด ทุกบทบาทในชีวิตมีคุณค่า แม้จะเล็กน้อย
นงนุชสอนเราว่าการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แม้จะอยู่ในเงาของคนอื่น ก็สามารถช่วยสร้างความสมบูรณ์ให้กับเรื่องราวรอบตัวได้
→ ศตวรรษ ดุลยวิจิตร รับบท บวรทัต
บวรทัตเป็นตัวละครรองที่โคจรอยู่ในวงการของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) และ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ซึ่งอาจมีบทบาทในแวดวงธุรกิจ โรงแรมเชียงรายจารวี หรือวงการแฟชั่นที่เป็นฉากหลักของเรื่อง เขาน่าจะเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงเหตุการณ์หรือเพิ่มมิติให้กับพล็อต เช่น อาจเป็นเพื่อนร่วมงาน นักธุรกิจ หรือคนในสังคมที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของพิมพ์ลภัสในช่วงที่เธอต้องเผชิญความยากลำบากหลังจากชีวิตพลิกผัน บวรทัตอาจช่วยสะท้อนมุมมองหรือสถานการณ์ของตัวละครหลัก หรือมีส่วนในเหตุการณ์ที่ช่วยขับเคลื่อนดราม่าให้เข้มข้น ศตวรรษถ่ายทอดบทนี้ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้บวรทัตดูสมจริงและช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่องได้ดี
ฉายา “เงาแห่งสังคมไฮโซ”
บวรทัตคือตัวละครที่เหมือนเงาในแวดวงสังคมหรือธุรกิจของเรื่อง อาจไม่ใช่จุดเด่น แต่ช่วยให้โลกของบ่วงหงส์ดูมีชีวิตและสมบูรณ์มากขึ้น
ข้อคิด ทุกคนมีบทบาทสำคัญในเรื่องราวใหญ่
บวรทัตสอนเราว่าการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แม้จะอยู่ในบทบาทเล็กๆ ก็สามารถช่วยสร้างความสมดุลและขับเคลื่อนเหตุการณ์ให้ก้าวไปข้างหน้าได้
→ แวร์ โซว รับบท พัชรี
พัชรีเป็นตัวละครรองที่อยู่ในวงโคจรของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) โดยเฉพาะในช่วงที่พิมพ์ลภัสต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมเชียงรายจารวี หลังจากชีวิตพลิกผันจากสาวไฮโซสู่นางหงส์ปีกหัก เธอน่าจะเป็นหนึ่งในพนักงานโรงแรมหรือเพื่อนร่วมงานที่พิมพ์ลภัสต้องเผชิญหน้า พัชรีอาจเป็นตัวละครที่ช่วยสะท้อนด้านดีของพิมพ์ลภัส เช่น ตอนที่พิมพ์ลภัสปกป้องเพื่อนจากลูกค้าบ้ากาม หรืออาจเป็นคนที่ช่วยให้พิมพ์ลภัสเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบติดดินมากขึ้น บทของพัชรีไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่มีส่วนช่วยให้เห็นการเติบโตของนางเอก แวร์ โซว ถ่ายทอดบทนี้ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้พัชรีดูสมจริงและช่วยเติมเต็มบรรยากาศดราม่าในโรงแรมได้ดี
ฉายา “เพื่อนพนักงานใจดี”
พัชรีคือตัวละครที่เหมือนลมใต้ปีก อาจไม่โดดเด่น แต่ช่วยสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของพิมพ์ลภัสให้ดีขึ้น
ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงสามารถช่วยให้เราเติบโตได้
พัชรีสอนเราว่าการเป็นเพื่อนที่ดี แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สามารถสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้คนอื่นเห็นคุณค่าในตัวเอง
→ ชโลทร กาหลง รับบท ดาริน
ดารินเป็นตัวละครรองที่อยู่ในวงโคจรของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) โดยเฉพาะในช่วงที่พิมพ์ลภัสต้องเผชิญชีวิตตกอับและทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมเชียงรายจารวี ดารินน่าจะเป็นหนึ่งในพนักงานโรงแรมหรือเพื่อนร่วมงานที่พิมพ์ลภัสต้องเผชิญหน้า อาจเป็นคนที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับพิมพ์ลภัสตอนที่เธอยังเย่อหยิ่ง หรืออาจเป็นคนที่คอยเห็นการเปลี่ยนแปลงของนางเอกเมื่อเธอเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบติดดิน บทของดารินอาจไม่ใช่จุดเด่น แต่ช่วยสะท้อนการเติบโตของพิมพ์ลภัสและเพิ่มความสมจริงให้กับฉากในโรงแรม ชโลทร กาหลง ถ่ายทอดบทนี้ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ดารินดูเป็นตัวละครที่มีชีวิตและช่วยขับเคลื่อนอารมณ์ของเรื่อง
ฉายา “พนักงานโรงแรมแห่งเงา”
ดารินคือตัวละครที่เหมือนเงาในฉากโรงแรม อาจไม่โดดเด่นแต่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศและสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตัวละครหลักอย่างพิมพ์ลภัส
ข้อคิด ทุกคนในที่ทำงานมีส่วนช่วยสร้างเรื่องราว
ดารินสอนเราว่าไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทเล็กน้อยแค่ไหน การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างสามารถสร้างผลกระทบต่อชีวิตผู้อื่นได้
→ ฐรินดา กรรณสูต รับบท ขนิษฐา
ขนิษฐาคือหญิงสาวที่มีภาพลักษณ์เรียบร้อยและอ่อนหวาน ดูเป็นสาวหวานที่ใครเห็นก็ต้องหลง แต่ภายในใจนี่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความฉลาด เธอรู้จักรักษาภาพลักษณ์และสถานะทางสังคมของตัวเองอย่างดี ไม่ยอมให้ใครมาทำลายศักดิ์ศรีของเธอง่ายๆ ขนิษฐาน่าจะเป็นตัวละครที่อยู่ในแวดวงของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) หรือ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) อาจเป็นเพื่อนในวงการแฟชั่น คนในสังคมไฮโซ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในโรงแรมเชียงรายจารวี เธอเป็นผู้หญิงทันสมัยที่มีมุมมองชัดเจน รู้คุณค่าของตัวเอง และไม่ยอมลดตัวลงมาเพื่ออะไรที่ไม่สมควร บทของขนิษฐาอาจไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่ช่วยเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะการสะท้อนความแข็งแกร่งและความสง่างามของผู้หญิง ฐรินดาเล่นบทนี้ได้แบบลงตัว ถ่ายทอดความหวานปนเข้มได้อย่างน่าประทับใจ
ฉายา “สาวหวานใจแกร่ง”
ขนิษฐาคือตัวแทนของผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและมั่นใจ รักษาศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์ได้อย่างสง่างาม ไม่ยอมให้ใครมาดูถูก
ข้อคิด ความมั่นใจและการรู้คุณค่าตัวเองคือพลังที่ทำให้เราโดดเด่น
ขนิษฐาสอนเราว่าการรักษาศักดิ์ศรีและยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง จะช่วยให้เราเป็นผู้หญิงที่ทั้งทันสมัยและน่านับถือ
→ ดารณีนุช โพธิปิติ รับบท วิมล
วิมลคือหญิงใหญ่ที่มีอำนาจในครอบครัว เธอเป็นตัวละครที่รักศักดิ์ศรีและยึดมั่นในกติกาทางสังคมแบบสุดตัว บุคลิกของเธอดูมั่นใจ พูดจาคมคาย และมีออร่าของผู้นำที่ทำให้ทุกคนต้องเกรงใจ วิมลน่าจะอยู่ในแวดวงของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) หรือครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในละคร อาจเป็นญาติผู้ใหญ่หรือคนที่มีบทบาทในสังคมไฮโซที่เชื่อมโยงกับชีวิตของนางเอก แต่ความเข้มงวดและยึดติดกับภาพลักษณ์ของเธอกลับกลายเป็น “กำแพง” ที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกอึดอัด บางครั้งการยึดมั่นในกติกาของวิมลอาจสร้างความขัดแย้งหรือทำให้คนอื่นรู้สึกกดดัน ดารณีนุชถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดยอด เล่นเป็นสาวใหญ่ที่ทั้งสง่างามและน่าเกรงขาม ทำให้คนดูรู้สึกถึงพลังและความซับซ้อนของตัวละครนี้
ฉายา “ราชินีศักดิ์ศรี”
วิมลสมฉายานี้ เพราะเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่ยึดมั่นในเกียรติและกติกาทางสังคม ดุจราชินีที่ปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองและครอบครัวอย่างเข้มแข็ง
ข้อคิด การยึดมั่นในศักดิ์ศรีต้องสมดุลกับความยืดหยุ่น
วิมลสอนเราว่าการรักษาภาพลักษณ์และกติกาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเข้มงวดเกินไป อาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกห่างเหินและสร้างกำแพงโดยไม่จำเป็น
→ ชัชฎาภรณ์ ธนันทา รับบท เป็ด
เป็ดคือเพื่อนสนิทและลูกสมุนตัวแสบของ มาธวี (กุลณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) แม่เลี้ยงตัวร้ายของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) เธอเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้และสนับสนุนทุกแผนร้ายของมาธวี ร่วมกับ หนูดี กระเทยปากร้าย เป็ดเปรียบเสมือน “คอหอย” ที่ขาดไม่ได้ของเจ้านาย คอยช่วยวางแผน ซ้ำเติมพิมพ์ลภัส และเป็นหูเป็นตาในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเยาะเย้ยพิมพ์ลภัสตอนตกอับ หรือช่วยมาธวีจัดการเรื่องร้ายๆ ในโรงแรมเชียงรายจารวี เป็ดมีบุคลิกขี้ประจบและเจ้าเล่ห์ แต่ก็มีความตลกปนอยู่ ทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้และขำในเวลาเดียวกัน ชัชฎาภรณ์ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบถึงพริกถึงขิง เล่นเป็นสาวตัวแสบที่ทั้งร้ายและมีเสน่ห์แบบแปลกๆ จนคนดูจำได้แน่นอน
ฉายา สาวใช้ตัวแสบ”
เป็ดสมฉายานี้ เพราะเธอคือลูกสมุนที่คอยรับใช้มาธวีด้วยความเจ้าเล่ห์และขี้ประจบ ช่วยขับเคลื่อนแผนร้ายทุกอย่างแบบไม่มีขาดตกบกพร่อง
ข้อคิด การเลือกยืนข้างคนที่ทำร้ายผู้อื่นอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี
เป็ดสอนเราว่าการสนับสนุนความชั่วโดยไม่คิดถึงผลกระทบต่อผู้อื่น สุดท้ายอาจทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์
→ สุรวุฑ ไหมกัน รับบท หนูดี
หนูดีคือกระเทยปากร้าย เพื่อนสนิทและลูกสมุนคู่ใจของ มาธวี (กุลณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) แม่เลี้ยงตัวร้ายของ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) เธอคอยเคียงข้างมาธวี ร่วมกับ เป็ด (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) สาวใช้ตัวแสบ เป็นเหมือนมือขวาที่ช่วยวางแผนร้ายและเยาะเย้ยพิมพ์ลภัสทุกครั้งที่มีโอกาส หนูดีมีบุคลิกจัดจ้าน พูดจาเสียดสี และมักจะออกไอเดียแสบๆ เพื่อสนับสนุนแผนชั่วของมาธวี ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งพิมพ์ลภัสตอนตกอับในโรงแรมเชียงรายจารวี หรือช่วยมาธวีจัดการเรื่องในวงการแฟชั่น ความปากร้ายและมุกตลกของหนูดีทำให้เธอเป็นตัวละครที่โดดเด่น แม้จะเป็นตัวร้ายก็ตาม สุรวุฑถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสุดปัง เล่นเป็นกระเทยที่มีทั้งความแซ่บและความขี้ประจบ จนคนดูต้องขำและหมั่นไส้ไปพร้อมกัน
ฉายา “กระเทยปากแซ่บ”
หนูดีสมฉายานี้ เพราะเธอคือตัวละครที่ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย และคอยเพิ่มความแสบให้กับทุกแผนร้ายของมาธวี ด้วยสไตล์ที่จัดจ้านไม่เหมือนใคร
ข้อคิด การใช้คำพูดที่ร้ายกาจอาจสร้างความสนุกชั่วคราว แต่ก็อาจทำร้ายผู้อื่น
หนูดีสอนเราว่าการเลือกคำพูดและการกระทำที่สนับสนุนความชั่ว สุดท้ายอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง
ข้อคิดเจ๋งๆ จากละคร บ่วงหงส์ ปี 2552 ละครสุดดราม่าที่ไม่ใช่แค่ความรักและการแก้แค้น แต่ยังสอนบทเรียนชีวิตที่ลึกซึ้งมาก ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่มีทั้งด้านดีและร้าย มาดูกันว่าข้อคิดสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้คืออะไร
ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโต
ชีวิตของ พิมพ์ลภัส ที่พลิกจากสาวไฮโซสู่พนักงานเสิร์ฟ สอนเราว่าต่อให้ล้มลงหนักแค่ไหน ถ้าเรายอมรับความผิดพลาดและพยายามลุกขึ้นใหม่ ชีวิตก็ยังมีโอกาสให้เริ่มต้นได้เสมอ การเรียนรู้จากความยากลำบากทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
ความรักที่แท้จริงต้องมีทั้งความอดทนและการให้อภัย
รเมศ แสดงให้เห็นว่าความรักไม่ได้มีแค่ความหวาน แต่ต้องผ่านการทดสอบด้วยความเข้าใจและการให้โอกาส แม้พิมพ์ลภัสจะทำผิด เขาก็ยังเลือกยืนเคียงข้างและช่วยให้เธอเปลี่ยนแปลง สอนเราว่าความรักที่ยั่งยืนต้องมีใจที่กว้างขวาง
ความโลภและการทำร้ายผู้อื่นนำไปสู่ความพินาศ
มาธวี และตัวละครร้ายๆ อย่าง กิตติชัย หรือ เสี่ยสมาน แสดงให้เห็นว่าการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอาจได้ผลชั่วคราว แต่สุดท้ายกรรมจะตามสนอง การเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องและมีจริยธรรมสำคัญกว่าความสำเร็จที่ได้มาด้วยความชั่ว
มิตรภาพและการช่วยเหลือกันคือพลังที่ยิ่งใหญ่
เพื่อนพนักงานในโรงแรมและตัวละครอย่าง รจนา หรือ นารา สอนเราว่าการยื่นมือช่วยเหลือด้วยความจริงใจ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างการให้โอกาสหรือคำแนะนำ สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ มิตรภาพที่แท้จริงช่วยให้เราผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้
การรู้คุณค่าตัวเองและการยึดมั่นในศักดิ์ศรีต้องสมดุล
ตัวละครอย่าง ขนิษฐา และ วิมล แสดงให้เห็นว่าการรักษาศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเข้มงวดเกินไปอาจสร้างกำแพงกับคนรอบข้าง ข้อคิดคือเราควรรู้คุณค่าตัวเองแต่ก็ต้องยืดหยุ่นเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
ถ้าละคร บ่วงหงส์ ปี 2552 มีภาค 2 จะเป็นยังไง หลังจากที่ พิมพ์ลภัส และ รเมศ สมหวังในความรัก และ มาธวี ตัวร้ายต้องพังพินาศไปแล้ว ภาคนี้เราจะพาไปดูการผจญภัยครั้งใหม่ของทั้งคู่ พร้อมตัวละครใหม่และดราม่า
บ่วงหงส์ 2 – ปีกหงส์ที่โบยบิน
ตอนเริ่มเรื่อง ชีวิตใหม่ของพิมพ์ลภัสและรเมศ
เรื่องเริ่มต้น 3 ปีหลังจากตอนจบของภาคแรก พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) และรเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) แต่งงานกันแล้ว และย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ร่วมบริหารโรงแรมในเครือเชียงรายจารวีที่กำลังขยายสาขา พิมพ์ลภัสกลายเป็นสาวแกร่งที่เรียนจบมหาวิทยาลัยและเริ่มทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่นให้โรงแรม เธอยังคงรักษาเข็มกลัดรูปหงส์ที่ซื้อคืนมาได้เป็นของขวัญวันแต่งงานจากรเมศ แต่ชีวิตคู่ไม่หวานชื่นอย่างที่คิด เพราะรเมศต้องรับมือกับแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่อยากซื้อหุ้นโรงแรม
ในขณะเดียวกัน มาธวี (กุลณัฏฐ์ กุลปรียาวัฒน์) ที่เคยพังยับในภาคแรก กลับมาอีกครั้ง หลังจากหนีไปต่างประเทศ เธอเปลี่ยนชื่อเป็น “มาริน” และสร้างตัวตนใหม่เป็นนักออกแบบแฟชั่นชื่อดังในยุโรป มาธวีวางแผนแก้แค้น โดยจับมือกับ วรินทร์ (นักแสดงใหม่) นักธุรกิจสาวเจ้าเล่ห์ที่เป็นคู่แข่งของรเมศ เธอรู้ประวัติของพิมพ์ลภัสและใช้ความลับในอดีตของเธอเพื่อสร้างรอยร้าวในชีวิตคู่
ความลับในอดีตและศัตรูใหม่
วรินทร์เปิดตัวในงานแฟชั่นโชว์ใหญ่ที่โรงแรมของรเมศ โดยจ้างมาธวีเป็นดีไซเนอร์หลัก เธอจงใจยั่วโมโหพิมพ์ลภัสด้วยการพูดถึงอดีตที่พิมพ์ลภัสเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟและถูกหลอกให้ขโมยของ เรื่องนี้ทำให้พิมพ์ลภัสเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อสื่อเริ่มขุดคุ้ยเรื่องราวเก่าๆ จนกระทบภาพลักษณ์ของโรงแรม
ในขณะเดียวกัน รเมศต้องเผชิญกับ อัครา (นักแสดงใหม่) ลูกชายของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้โรงแรม อัครามีเสน่ห์และเริ่มสนใจพิมพ์ลภัส ทำให้รเมศเกิดความหึงหวง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอนเมื่อวรินทร์และมาธวีจงใจสร้างสถานการณ์ให้รเมศเข้าใจผิดว่าพิมพ์ลภัสมีใจให้อัครา
จุดพลิกผัน การต่อสู้เพื่อครอบครัวและความจริง
พิมพ์ลภัสตัดสินใจเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง เธอเปิดใจเล่าความจริงในงานแถลงข่าวของโรงแรม ว่าเธอเคยล้มลงและลุกขึ้นมาได้อย่างไร พร้อมขอโทษทุกคนที่เคยได้รับผลกระทบจากความเย่อหยิ่งของเธอในอดีต การกระทำนี้ทำให้สาธารณชนชื่นชมความกล้าและความจริงใจของเธอ แต่มาธวีไม่ยอมหยุด ปล่อยหลักฐานปลอมว่าโรงแรมของรเมศมีส่วนในธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันสืบหาความจริง
ในช่วงนี้ รจนา (รชยา รักกสิกรณ์) พี่สาวของรเมศ กลับมามีบทบาทสำคัญ เธอช่วยพิมพ์ลภัสและรเมศสืบจนพบว่าวรินทร์และมาธวีวางแผนซื้อหุ้นโรงแรมในราคาถูกเพื่อครอบครองกิจการ พิมพ์ลภัสใช้ความรู้ด้านแฟชั่นของตัวเอง จัดงานแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมา โดยได้ นารา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) และ สีหนาท (เอกรัตน์ สารสุข) มาช่วยสนับสนุน
ปีกหงส์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ในงานแฟชั่นโชว์ พิมพ์ลภัสและรเมศเปิดโปงแผนร้ายของวรินทร์และมาธวีต่อหน้าสื่อมวลชน ด้วยหลักฐานที่รวบรวมได้จากทีมงานโรงแรมและรจนา มาธวีถูกจับในข้อหาฉ้อโกง ส่วนวรินทร์เสียชื่อเสียงจนต้องถอนตัวจากวงการธุรกิจ อัครายอมรับความพ่ายแพ้และขอโทษที่เข้าใจผิดในตัวพิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสและรเมศตัดสินใจขยายโรงแรมไปต่างประเทศ โดยมีพิมพ์ลภัสเป็นหัวหน้าทีมออกแบบภาพลักษณ์แบรนด์ เธอมอบเข็มกลัดรูปหงส์ให้ลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งเกิด เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการเริ่มต้นใหม่ เรื่องจบด้วยภาพทั้งคู่ยืนมองพระอาทิตย์ขึ้นที่โรงแรมสาขาใหม่ พร้อมสัญญาว่าจะปกป้องครอบครัวและความรักของพวกเขาไม่ว่าจะเจออะไร
ปริศนาลึกลับในกองถ่ายบ่วงหงส์ 2552 เรื่องหลอนที่ไม่มีใครกล้าพูด ที่เกิดขึ้นในกองถ่ายละคร บ่วงหงส์ ปี 2552 ละครสุดปังจากช่อง 7 ที่เต็มไปด้วยดราม่าและความรัก แต่เรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นหลังกล้อง ในกองถ่ายที่เชียงรายและกรุงเทพฯ มาดูกันว่ามีอะไรแปลกๆ ซ่อนอยู่ในเบื้องหลังของละครสุดฮิตนี้
เสียงกระซิบในกองถ่าย
กองถ่าย บ่วงหงส์ ปี 2552 เริ่มถ่ายทำที่โรงแรมหรูในเชียงราย ซึ่งใช้เป็นฉากโรงแรมเชียงรายจารวีของ รเมศ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ทุกอย่างดูปกติในช่วงแรก ทีมงานจาก ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น และผู้กำกับ วัชรา สังข์สุวรรณ ต่างทุ่มเทให้ละครออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ระหว่างถ่ายทำฉากที่ พิมพ์ลภัส (เขมนิจ จามิกรณ์) ถือ เข็มกลัดรูปหงส์ ซึ่งเป็นของรักจากพ่อของเธอ เริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น
ทีมงานบางคนเล่าว่าได้ยินเสียงกระซิบตอนกลางคืนในห้องเก็บอุปกรณ์ โดยเฉพาะใกล้กล่องที่เก็บเข็มกลัดหงส์ที่ใช้ในกองถ่าย เสียงนั้นเหมือนผู้หญิงร้องไห้เบาๆ แต่เมื่อเปิดไฟดูกลับไม่พบอะไร ต่าย ชัชฎาภรณ์ (รับบทเป็ด) และ หนุ่ม สุรวุฑ (รับบทหนูดี) ที่มักซ้อมบทด้วยกันถึงดึก บอกว่าเคยเห็นเงาดำเคลื่อนไหวในกระจกของห้องแต่งตัว แต่ไม่มีใครกล้าบอกผู้กำกับ เพราะกลัวจะถูกหาว่างมงาย
เข็มกลัดที่หายไป
ระหว่างถ่ายทำฉากที่พิมพ์ลภัสต้องขายเข็มกลัดหงส์เพื่อชดใช้หนี้โรงแรม เข็มกลัดของจริงที่ทีมงานเตรียมไว้หายไปจากกองถ่ายอย่างลึกลับ ผู้จัดการกองถ่ายต้องสั่งทำเข็มกลัดใหม่ภายในคืนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนขนลุกคือ เข็มกลัดตัวเดิมกลับปรากฏขึ้นในห้องแต่งตัวของ น้ำฝน กุลณัฏฐ์ (รับบทมาธวี) โดยไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง น้ำฝนเล่าว่าเธอรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ทุกครั้งที่ต้องถือเข็มกลัดนั้นในฉาก ทำให้ทีมงานเริ่มสงสัยว่ามันอาจมี “อะไรบางอย่าง” ติดมากับของชิ้นนี้
ทีมงานบางคนแอบกระซิบว่าเข็มกลัดที่ใช้ในกองถ่ายอาจเคยเป็นของนักแสดงรุ่นเก่าที่เคยถ่ายละครในสถานที่เดียวกัน และเสียชีวิตอย่างกะทันหันระหว่างถ่ายทำเมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่าของชิ้นนี้ถูกพบในห้องเก็บของเก่าของโรงแรมที่ใช้ถ่ายทำ ซึ่งทีมงานเลือกมาใช้เพราะมันดูสวยและเข้ากับบท
เงาในฟุตเทจและพิธีแก้เคล็ด
ระหว่างถ่ายทำฉากแฟชั่นโชว์ใหญ่ที่โรงแรม ซึ่งเป็นฉากสำคัญที่มาธวีเยาะเย้ยพิมพ์ลภัส ทีมตัดต่อพบสิ่งผิดปกติในฟุตเทจ มีเงาคล้ายผู้หญิงในชุดขาวยืนอยู่ด้านหลังของฉาก ทั้งที่วันนั้นไม่มีนักแสดงหรือทีมงานคนไหนแต่งตัวแบบนั้น เงานี้ปรากฏเพียงเสี้ยววินาทีในมุมกล้องที่ถ่ายจากด้านข้างเวที ทำให้ โอลิเวอร์ พูพาร์ท (รับบทกิตติชัย) และ พิพัฒน์พล โกมารทัต (รับบทเสี่ยสมาน) ที่อยู่ในฉากนั้นถึงกับรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินเรื่องนี้
สุดท้าย ผู้จัดการกองถ่ายตัดสินใจทำพิธีแก้เคล็ด โดยเชิญพระมาทำพิธีที่โรงแรมและบริจาคเงินให้วัดในพื้นที่เพื่ออุทิศส่วนกุศล หลังจากนั้นเข็มกลัดถูกเก็บไว้ในกล่องที่ปิดผนึกแน่นหนา และทีมงานเปลี่ยนไปใช้เข็มกลัดใหม่ในฉากที่เหลือ เรื่องแปลกๆ ลดลง แต่ทีมงานบางคนยังเล่าว่าบางคืนได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ในโถงโรงแรม แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่
ความลับที่ยังไม่คลาย
เมื่อถ่ายทำเสร็จและละครออกอากาศประสบความสำเร็จ ทีมงานหลายคนเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าสาธารณชน แต่มีข่าวลือในวงการว่ากองถ่าย บ่วงหงส์ เป็นหนึ่งในกองที่ “หนัก” ที่สุดในปีนั้น ตระการ พันธุมเลิศรุจี (รับบทตรัย) ซึ่งรับบทพ่อของพิมพ์ลภัสที่ฆ่าตัวตายในเรื่อง เล่าว่าเขารู้สึกถึง “พลังงานบางอย่าง” ในฉากที่ต้องถ่ายตอนกลางคืน แต่เลือกมองเป็นเรื่องจิตใจมากกว่าผี
สุดท้าย เข็มกลัดหงส์ตัวนั้นถูกเก็บไว้ในโกดังของ ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น และไม่มีใครกล้าเอามาใช้ในกองถ่ายอื่นอีก ปริศนายังคงอยู่ เข็มกลัดนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ และเงาในฟุตเทจคือใครกันแน่
