เรื่องราวของ เขียว (ณเดชน์ คูกิมิยะ) กลับบ้านเพื่อกู้ชีวิตจากในเมืองใหญ่ เขาต้องการขายที่ดินของยายเพื่อเงิน 30 ล้านบาท แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อเขาได้พบกับ ชมพู่ (โบว์ เมลดา สุศรี) คนเช่าที่ดินทำไร่ หากเขียวต้องการได้ที่ดินคืนจะต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่คิดว่าควรจะได้รับ เขาต้องทำงานผ่านความท้าทายในการทำไร่นี้เพื่อที่ดิน โดยมีเพื่อนและครอบครัวทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือ โดยหารู้ไม่ว่าเขาก็ได้รับสิ่งที่มีค่ามากขึ้น
ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง 2564
ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง 2564 EP.1-14CH3+
ฉากเด็ด ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง 2564
ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง 2564
บ้านหนองกะแยง เป็นหมู่บ้านขนาดย่อมอยู่ในภาคอีสาน ในหมู่บ้านมีหนองน้ำหลายหนองกระจายอยู่รอบหมู่บ้าน มีผักกะแยงรสเผ็ดกลิ่นร้อนแรง ผักโปรดของชาวอีสานบ้านเฮา ขึ้นอยู่ริมหนอง ให้ชาวบ้านได้เก็บไปแกงไปแซ่บได้ตลอดปี ทำให้เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน
ธรากร หรือ เขียว มีคู่หูคู่ปรับอยู่ข้างบ้าน ชื่อเด็กหญิงชมพู่ ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นเขียวย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน จากที่เคยเป็นนักเรียนยอดนิยม นักกีฬาตัวเด่น เขียวกลายเป็นไอ้บ้านนอก ไอ้เด็กอีสานพูดไทยไม่ชัด โดนเพื่อนร่วมชั้น นอกชั้น กลั่นแกล้งสารพัด กลายเป็นตัวตลกในโรงเรียน ธรากรสติแตก โทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน ทำให้ตัวเองต้องโดนเพื่อนแกล้ง ไม่มีใครยอมรับแบบนี้ จึงประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับไปบ้านหนองกะแยงอีก ยายเพียร เสียใจมาก แต่ไม่โกรธโทษหลานรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงหลานอย่างสุดหัวใจ ธรากรฝึกพูดภาษาไทยจนชัดโดยที่ไม่มีสำเนียงอีสาน และได้กลับมาเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์อีกครั้งหนึ่ง มันคือชีวิตที่เริดเลอเพอร์เฟกต์ของหนุ่มวัยรุ่น
ชมพู่เรียนจบ ม.6 และสอบติดคณะเกษตร ที่มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ส่วนเขียวได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ วันรับปริญญาของเขียว ชมพู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแสดงความยินดี แต่เขาทำเมิน ดูถูกว่าชมพู่เป็นเด็กบ้านนอก ไม่ได้สนิทกัน มาทำไม ชมพู่โกรธและเสียใจมาก
พอเรียนจบ ชมพู่ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรประจำจังหวัด และภายหลังตัดสินใจลาออกมาลงมือทำไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่เกษตรอินทรีย์ สอนและช่วยเหลือชาวบ้านหนองกะแยง ดูแลพ่อและแม่อย่างมีความสุข ส่วนเขียวพอเรียนจบก็ได้งานเป็นผู้กำกับละครตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แฟนชื่ออลิซ เป็นนางร้าย เขียวรักมาก หลงมาก จนรับงานที่ผ่านเข้ามาและทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อผ่อนคอนโดหลักหลายล้านที่ทำสัญญาซื้อในชื่อของอลิซ และตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอใช้สู่ขอแฟนสาว ระหว่างที่เขียวกำลังฝันหวาน อลิซก็นำโฉนดไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ อลิซประกาศแต่งงานกับชายอื่นแบบสายฟ้าแลบ เขียวช็อกแทบบ้า เงินไม่เหลือ ติดต่ออลิซไม่ได้ สุดท้ายเขียวจึงจำใจกลับบ้านหนองกะแยงในที่สุด
เขียวมาถึงบ้านหนองกะแยงในวันงานบุญของหมู่บ้าน โดยมีชมพู่ขับรถมารับ ปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำไม่ได้ ที่สำคัญกว่าจะกลับถึงบ้านก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมายเกินบรรยาย จนเขียวถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งยายเพียร มานิต พิไล น้าพิลา ต่างก็ดีใจที่เขียวกลับมาบ้าน แต่เขียวกลับมองว่า หากวันหนึ่งเขาขายที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัวได้เมื่อไหร่ จะหอบเงินกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ให้ได้
ชมพู่มาเช่าที่ดินของยายเพียรเพื่อทำไร่เกษตรอินทรีย์ ชื่อว่า ไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่เกษตรอินทรีย์แห่งนี้มีการจัดสรรพื้นที่ให้มีการทำนา ปลูกผักหมุนเวียน ปลูกผลไม้หลายชนิด ที่ผลัดกันออกผลผลิตครบทุกฤดู เลี้ยงไก่อินทรีย์ เลี้ยงไส้เดือน ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมักเศษอาหาร และน้ำหมักชีวภาพ ไร่นี้ไม่มีลูกจ้าง อาศัยแรงงานอาสาสมัครชาวบ้าน ครูและนักเรียน มีการตอบแทนแรงงานด้วยตะกร้าอาหาร ผลผลิตจากไร่ อาสาสมัครตัวหลักประจำไร่ คือ ครูริช ครูอาสาชาวอเมริกัน สอนภาษาอังกฤษ ณ รร.บ้านหนองกะแยง หนุ่มรูปหล่อ นิสัยดี เป็นคนติดดิน พูดอีสานได้ ชอบวัฒนธรรม อาหารอีสาน แถมยังชอบสาวอีสานที่ชื่อชมพู่อีกด้วย
ชมพู่เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของโครงการไร่ เขียวเจรจาขอให้เธอยกเลิกสัญญา ชมพู่จึงมีข้อแม้ให้เขียวเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรจนครบทุกด่านเสียก่อน แล้วเธอจะยอมคืนไร่แบ่งฝันปันรักให้ การกลับมาครั้งนี้เขียวได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างยอด และส้มแป้น ซึ่งตอนนี้ยอดกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หลังจากที่กระเจี๊ยบ เมียของเขา ทิ้งไปมีสามีใหม่ ส่วนส้มแป้นก็เปิดร้านขายส้มตำ เลี้ยงดูลูกสาวฝาแฝดสองคน เพราะสามีเอาแต่กินเหล้าและติดการพนัน จนต้องแยกทางกัน
ถึงแม้เขียวจะไม่เต็มใจทำงานในไร่นัก แต่กาลเวลาก็ทำให้เขาเกิดความรัก ความผูกพันกับบ้านเกิดอีกครั้ง ความสัมพันธ์อันเอื้อเฟื้อ มีจิตใจอันงดงามของผู้คนที่บ้านหนองกะแยง ทำให้เขียวเริ่มเปลี่ยนไป เขียวเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตที่แท้จริง ทั้งเรื่องการทำนาข้าวอินทรีย์ การเลี้ยงไส้เดือน การปลูกผักอินทรีย์ การทำน้ำส้มควันไม้ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี การทำน้ำหมักหลากสูตร อีกทั้งประเพณีของชาวอีสานต่าง ๆ มากมาย ที่แสดงถึงความรักสามัคคีที่มีต่อกัน จากคนที่ไม่อยากพูดภาษาอีสาน เขียวกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ ส่วนครูริชก็ยังคงหลงรักชมพู่ โดยไม่ได้หันไปมองครูน้ำฝนเลย ว่าเธอเองก็รักและหวังดีต่อครูริชเช่นเดียวกัน เขียวเริ่มตัดใจจากคนรักเก่าได้แล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักชมพู่เข้าให้แล้ว ทั้งพิลา พิไล ยายน้อย มานิต สมศักดิ์ ต่างเชียร์ให้ชมพู่และเขียวรักกัน เขียวเห็นว่าชมพู่สนิทสนมกับครูริชมากก็ลังเลและนึกน้อยใจ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าชมพู่นั้นรักเขียวมาตั้งแต่วัยเด็ก และหัวใจของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอคอยวันที่เขียวจะกลับมาที่บ้านหนองกะแยงอีกครั้ง
ครูริชได้รับรู้หัวใจของชมพู่ในที่สุดว่าทั้งสี่ห้องของเธอมีแต่เขียวเพียงคนเดียวเท่านั้น ครูน้ำฝนปลอบใจครูริช จนทำให้ครูริชใจอ่อนยอมเปิดใจให้กับครูน้ำฝน ส่วนยอดและส้มแป้นก็มาช่วยงานที่ไร่แบ่งฝันปันรักเสมอ หัวใจที่เคยอ้างว้าง ผิดหวังของทั้งสองคน ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองครอบครัวหล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว
รวงข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง มองไกล ๆ เห็นเมล็ดข้าวสีเขียว สีเหลืองอ่อน สลับกับสีทองระยิบระยับ แล้ววันหนึ่ง มอส ก็ยกกองถ่ายทำมาที่บ้านหนองกะแยง โดยมีอลิซมาด้วย อลิซเลิกกับสามีแล้ว และตามกลับมาขอคืนดีกับเขียว เขียวสับสนว่าจะเลือกทางไหน ส่วนชมพู่ก็ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเมื่อยายเพียรและครอบครัวรู้ความจริงว่าเขียวจะขายที่ ทำให้ทุกคนผิดหวังและเสียใจมาก ชมพู่คืนสัญญาการเช่าไร่แบ่งฝันปันรักให้ แล้วเดินจากเขียวไปแบบหัวใจสลาย สุดท้ายเขียวจะทำเช่นไร เขาจะเลือกกลับไปใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพฯ กับคนรักเก่า หรือจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหนองกะแยง ที่ไร่แบ่งฝันปันรักแห่งนี้ ติดตามชมกันต่อได้ในละคร มนต์รักหนองผักกะแยง
ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนละคร ด้วยความน่ารักของคู่พระนางและเรื่องราวที่อบอุ่นและประทับใจ ละครเรื่องนี้ยังได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม รางวัลผู้กำกับละครยอดเยี่ยม รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 36
บทประพันธ์โดย : ช.เรเชล
บทโทรทัศน์โดย : ช.เรเชล
กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผลิตโดย : บริษัท ดู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : เอกนรี วชิรบรรจง
นักแสดง
ณเดชน์ คูกิมิยะ รับบท ธรากร/เขียว
เมลดา สุศรี รับบท ชมพู่
น้อย โพธิ์งาม รับบท ยายเพียร
แดนนี่ ลูเซียโน่ รับบท ครูริช
นับตังค์ นันท์ณภัส รับบท ครูน้ำฝน
เต๋า ภูศิลป์ รับบท ยอด
อนุสรา วันทองทักษ์ รับบท ส้มแป้น
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ รับบท พิไล
หยอง ลูกหยี รับบท มานิต
สมจิตร จงจอหอ รับบท สมศักดิ์
ยิ่งยง ยอดบัวงาม รับบท พิลา
ชไมพร สิทธิวรนันท์ รับบท พิกุล
ณัชพงศ์พล สุดดี รับบท มอส
คาลิยา นิฮุต รับบท อลิซ
กมลรัศมิ์ อารีสนั่น รับบท กระเจี๊ยบ
พีรสันต์ บุญท้าว รับบท ตะขบ
อุ่นเรือน ราโชติ รับบท เจ๊ลั้ง
เตชินท์ ปิ่นชาตรี รับบท อ้ายรุ่ง
ด.ญ.รุ่งฤดี ข้อยุ่น รับบท มายด์
ด.ญ.รุ่งราตรี ข้อยุ่น รับบท มิ้นท์
ด.ช.ภคิณ กุลจิตติมาโนชย์ รับบท โต๋
ด.ช.ชนันทิชา ชัยภา รับบท กระต่าย
ด.ช.ติณณภพ พิมเขต รับบท ป๋องแป๋ง
ด.ช.ธนกร ผลบุญ รับบท ขอขวด
ด.ช.ณัทวัตร ศรีระกิจ รับบท เขียว (วัยรุ่น)
ด.ญ.คีตภัทร ป้องเรือ รับบท ชมพู่ (เด็ก)
ด.ช.ศิวกร อุตะทอง รับบท เขียว (เด็ก)
ด.ช.ราชันท์ หมัดสี รับบท ยอด (เด็ก)
ด.ญ.กัญดาพร มูลทองเลิศ รับบท ส้มแป้น (เด็ก)
ด.ญ.ปารยา แปชน รับบท น้ำฝน (เด็ก)