ละคร เรือนมยุรา 2540 ละครแนวโรแมนติกดราม่าพีเรียด ละครเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวความรักข้ามกาลเวลาที่ผสานความลึกลับของมนต์คาถา คุณธรรม และการต่อสู้กับกิเลสของมนุษย์ เรื่องราวเริ่มต้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตกอยู่ในช่วงสงคราม เมื่อเมืองหลวงใกล้แตก บิดาของ “นกยูง” ซึ่งเป็นขุนนางต้องออกรบ ทิ้งให้ลูกสาวต้องดูแล “เรือนมยุรา” เพียงลำพัง เพื่อปกป้องนกยูงและเรือนจากศัตรู บิดาได้ร่ายมนต์กฤตยาครอบเรือน ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกซ่อนจากสายตาคนภายนอกและเวลาภายในเรือนไหลช้ากว่าโลกภายนอกอย่างมาก นกยูงใช้ชีวิตในเรือนโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปหลายร้อยปี จนถึงยุคสมัยปัจจุบัน เธอยังคงเป็นหญิงสาวจากยุคอยุธยาที่ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก
เมื่อเสบียงในเรือนเริ่มร่อยหรอ นกยูงจำต้องออกจากเขตแดนของเรือนเพื่อหาอาหาร ทำให้เธอได้พบกับ “พระนาย” ชายหนุ่มสมัยใหม่ที่มีความซื่อสัตย์และจิตใจดี การพบกันของทั้งคู่ก่อให้เกิดความรักที่ลึกซึ้ง แต่ความแตกต่างของยุคสมัยกลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง นกยูงมาจากอดีตที่เต็มไปด้วยประเพณีและมนต์คาถา ส่วนพระนายเป็นคนในยุคปัจจุบันที่ใช้ชีวิตท่ามกลางความทันสมัย
ละคร เรือนมยุรา โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างนิยายรักข้ามกาลเวลาและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อยุธยา การนำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่ในยุคนั้น รวมถึงการแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงนำ ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นที่จดจำของผู้ชม ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร
หญิงสาวแห่งเรือนมยุรา
ในยามที่กรุงศรีอยุธยาลุกเป็นไฟจากเปลวสงคราม นกยูง หญิงสาวงามแห่งตระกูลขุนนาง (รับบทโดย แหม่ม คัทลียา) ต้องเผชิญโชคชะตาอันโดดเดี่ยว เมื่อบิดา (รับบทโดย สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) ผู้เป็นทั้งนักรบและนักปราชญ์ ต้องจากไปเพื่อปกป้องแผ่นดิน เขาทิ้งมรดกอันล้ำค่าไว้ให้ลูกสาว เรือนมยุรา บ้านอันสง่างามที่ถูกปกป้องด้วยมนต์กฤตยา มนต์นี้ทำให้เรือนล่องหนจากสายตาคนภายนอก และกาลเวลาภายในไหลช้าดั่งหยุดนิ่ง
นกยูงใช้ชีวิตในเรือนราวกับถูกแช่แข็งในอดีต เธอรอคอยบิดาด้วยใจที่มั่นคง โดยไม่รู้ว่าโลกภายนอกเปลี่ยนผ่านไปหลายศตวรรษ จากยุคอยุธยาสู่ยุคสมัยใหม่ของปี พ.ศ. 2540 เสบียงในเรือนเริ่มร่อยหรอ นกยูงจำต้องก้าวออกจากเขตแดนต้องห้ามของเรือนเพื่อหาอาหาร เธอสวมชุดงามแบบอยุธยา เดินด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย
พบพานแห่งโชคชะตา
ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีและความวุ่นวายของยุคปัจจุบัน นกยูงได้พบกับ พระนาย (รับบทโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอบอุ่นและจิตใจบริสุทธิ์ เขาเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่เมื่อสายตาของเขาประสานกับนกยูง หญิงสาวในชุดโบราณที่ดูราวหลุดมาจากภาพวาดโบราณ หัวใจของเขาก็สั่นไหว
พระนายช่วยเหลือนกยูงด้วยความเมตตา โดยไม่รู้ว่าเธอมาจากยุคที่ห่างไกล เขาคิดว่าเธออาจเป็นเพียงหญิงสาวที่หลงทาง แต่เมื่อได้พูดคุย เขากลับรู้สึกถึงความผูกพันที่ไม่อาจอธิบายได้ นกยูงเองก็เริ่มหวั่นไหวในความอ่อนโยนของพระนาย แม้โลกที่เขาอยู่จะเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด—รถยนต์ เสียงดัง และแสงไฟที่ไม่เคยเห็นในอยุธยา
ทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักค่อย ๆ ก่อตัวท่ามกลางความแตกต่างของกาลเวลา แต่โชคชะตาไม่ได้ใจดีนัก ความลับของเรือนมยุราถูกเปิดเผยเมื่อ นายวีย์ (รับบทโดย รอน บรรจงสร้าง) ชายผู้โลภในอำนาจและสมบัติ ได้ยินข่าวลือถึงสถานที่ลึกลับที่ซ่อนความมั่งคั่งและพลังเหนือธรรมชาติ เขาตั้งใจจะครอบครองเรือนมยุรา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
มนต์กฤตยาและเงามืดแห่งความโลภ
มนต์กฤตยาที่ปกป้องเรือนมยุราเริ่มคลายพลังเมื่อนกยูงก้าวออกจากเขตแดน เธอไม่รู้ว่าการออกจากเรือนทำให้มนต์อ่อนแอลง และเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเจตนาชั่วร้ายเข้ามา นายวีย์พร้อมด้วยสมุนของเขาเริ่มสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรือน เขาเชื่อว่ามีสมบัติหรือพลังลึกลับซ่อนอยู่ในนั้น และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งมัน
ในขณะเดียวกัน นกยูงต้องเผชิญกับความสับสนในโลกสมัยใหม่ ส้มฉุน (รับบทโดย ดุสิตา อนุชิตชาญชัย) หญิงสาวใจดีที่กลายเป็นเพื่อนของนกยูง ช่วยให้เธอปรับตัวและเรียนรู้วิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน ส้มฉุนเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงนกยูงกับโลกใหม่ แต่ถึงอย่างนั้น ความลับของนกยูงก็เริ่มถูกสงสัยจากคนรอบข้าง
ความรักของนกยูงและพระนายถูกทดสอบเมื่อนายวีย์พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน เขาสร้างความวุ่นวายโดยการเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรือนมยุรา ทำให้ผู้คนที่โลภในสมบัติเริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของนกยูง ตัวละครอื่น ๆ เช่น แม่ของนกยูง (รับบทโดย ยศสินี ณ นคร) ซึ่งอาจปรากฏในความทรงจำหรือวิญญาณจากอดีต และตัวละครรอง (รับบทโดย กาญจน์ ศรีภักดี) มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความลับของมนต์กฤตยา
การต่อสู้เพื่อความรักและอิสรภาพ
เมื่อเรื่องราวถึงจุดไคลแมกซ์ นายวีย์และผู้สมรู้ร่วมคิดบุกเข้าไปใกล้เรือนมยุรา มนต์กฤตยาที่เคยปกป้องเรือนเริ่มสลายตัวอย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดความโกลาหล นกยูงต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่าเรือนที่เคยเป็นที่พักพิงอาจกลายเป็นพันธนาการที่ผูกมัดเธอไว้กับอดีต เธอต้องเลือก จะยึดติดกับคำสัญญาที่บิดาทิ้งไว้ หรือจะก้าวไปสู่อนาคตเคียงข้างพระนาย
พระนายยืนหยัดเคียงข้างนกยูง แม้จะรู้ว่าเธอมาจากยุคที่แตกต่างกัน เขาแสดงให้เห็นถึงความรักที่เสียสละ โดยพร้อมปกป้องเธอจากนายวีย์และภัยคุกคามอื่น ๆ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อนายวีย์พยายามทำลายมนต์กฤตยาเพื่อยึดครองเรือน แต่พลังของความรักและคุณธรรมของนกยูงและพระนายกลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนต์คาถาใด ๆ
ในช่วงเวลาวิกฤต นกยูงค้นพบวิธีคลายมนต์กฤตยา อาจผ่านการเสียสละหรือการยอมรับโชคชะตาเธอปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของอดีต และเรือนมยุรากลายเป็นเพียงสถานที่ในความทรงจำ นายวีย์ต้องเผชิญกับผลกรรมจากความโลภของตน ขณะที่ตัวละครสมทบอย่างส้มฉุนช่วยให้เรื่องราวจบลงอย่างสมบูรณ์
ความรักที่สมหวังข้ามกาลเวลา
เมื่อฝุ่นควันจางลง นกยูงหลุดพ้นจากมนต์กฤตยา เธอเลือกที่จะก้าวสู่อนาคตเคียงข้างพระนาย ความรักของทั้งคู่สมหวังท่ามกลางความท้าทายของกาลเวลาและกิเลสของมนุษย์ เรื่องราวจบลงด้วยภาพของทั้งสองที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุคปัจจุบัน โดยมีรากฐานจากความซื่อสัตย์และคุณธรรมที่ทั้งคู่ยึดมั่น
เรือนมยุราอาจสูญเสียมนต์วิเศษไป แต่ความรักของนกยูงและพระนายกลายเป็นตำนานที่เล่าขาน เรื่องราวของหญิงสาวจากอดีตและชายหนุ่มจากปัจจุบันที่พิสูจน์ว่าความรักที่แท้จริงสามารถข้ามพ้นทุกข้อจำกัดได้
เรือนมยุรา 2540 เป็นละครที่เล่าเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ท่ามกลางความท้าทายของกาลเวลาและกิเลสของมนุษย์ ด้วยพล็อตที่ลึกซึ้งและการแสดงที่ทรงพลัง ละครเรื่องนี้ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังสอนให้เห็นถึงพลังของความดีและความรักที่สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ กลายเป็นผลงานอมตะที่ยังคงน่าจดจำในวงการละครไทย ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่องความรักข้ามกาลเวลาที่น่าหลงใหล
เรือนมยุรา เล่าเรื่องราวของ นกยูง หญิงสาวจากยุคกรุงศรีอยุธยาที่ถูกขังอยู่ในเรือนอันลึกลับด้วยมนต์กฤตยาที่ร่ายโดยบิดา (รับบทโดย สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) เพื่อปกป้องเธอจากสงคราม เมื่อเวลาภายในเรือนไหลช้ากว่าโลกภายนอก เธอต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังเป็นเวลาหลายศตวรรษ จนกระทั่งเสบียงร่อยหรอและต้องออกจากเรือน ทำให้ได้พบกับ พระนาย ชายหนุ่มยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2540) ที่มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ ความรักของทั้งคู่ต้องเผชิญอุปสรรคจากความแตกต่างของยุคสมัย ความโลภของตัวละครอย่าง นายวีย์ (รับบทโดย รอน บรรจงสร้าง) และพลังของมนต์กฤตยาที่ผูกมัดเรือนมยุรา
จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือการผสมผสานระหว่างความรักโรแมนติกกับความลึกลับของมนต์คาถา การเล่าเรื่องที่สลับระหว่างสองยุคสมัย อยุธยาและยุคปัจจุบัน สร้างความน่าสนใจและความตื่นเต้น ละครยังถ่ายทอดข้อคิดเกี่ยวกับคุณธรรม ความซื่อสัตย์ และพลังของความรักที่สามารถเอาชนะทุกข้อจำกัด แม้แต่กาลเวลา อย่างไรก็ตาม บางช่วงของเรื่องอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะการเน้นย้ำความขัดแย้งจากตัวร้ายที่บางครั้งดูซ้ำซาก แต่โดยรวมพล็อตยังคงแข็งแกร่งและน่าติดตาม
การแสดง นักแสดงที่ถ่ายทอดตัวละครได้อย่างทรงพลัง
แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช ในบทนกยูง ถือเป็นหัวใจของละคร เธอถ่ายทอดความอ่อนโยนแต่แข็งแกร่งของหญิงสาวจากยุคอยุธยาได้อย่างน่าประทับใจ การแสดงสีหน้าและท่าทางของเธอเมื่อต้องเผชิญโลกสมัยใหม่สะท้อนความงุนงงและความบริสุทธิ์ได้อย่างลงตัว ฉัตรชัย เปล่งพานิช ในบทพระนาย นำเสนอภาพชายหนุ่มที่อบอุ่น มั่นคง และพร้อมเสียสละเพื่อความรัก เคมีระหว่างทั้งคู่ทำให้ฉากโรแมนติกน่าจดจำและสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ผู้ชม
นักแสดงสมทบก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน รอน บรรจงสร้าง ในบทนายวีย์ สร้างตัวร้ายที่มีมิติและน่าเกลียดชังในเวลาเดียวกัน ดุสิตา อนุชิตชาญชัย ในบท ส้มฉุน เพิ่มความมีชีวิตชีวาและความสนุกให้กับเรื่องราว ส่วน สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ และ ยศสินี ณ นคร ในบทบิดาและแม่ของนกยูง ช่วยเสริมเรื่องราวในส่วนของยุคอยุธยาได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม บางตัวละครรอง เช่น ที่รับบทโดย กาญจน์ ศรีภักดี มีบทบาทที่ไม่ชัดเจนนัก ทำให้รู้สึกว่าบางตัวละครอาจถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่
การกำกับและงานสร้าง ความสมจริงที่ผสานสองยุคสมัย
ชูศักดิ์ สุธีรธรรม ทำหน้าที่กำกับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการถ่ายทอดความแตกต่างระหว่างยุคอยุธยาและยุคปัจจุบัน ฉากในเรือนมยุราถูกออกแบบให้ดูขลังและลึกลับ สะท้อนถึงความเก่าแก่และมนต์คาถา ขณะที่ฉากในยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยสีสันและความทันสมัยของยุค 90s เครื่องแต่งกายของนกยูงในชุดไทยโบราณตัดกับชุดสมัยใหม่ของตัวละครอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกถึงความขัดแย้งของกาลเวลา
เพลงประกอบของละครก็เป็นอีกจุดเด่นที่ช่วยขับอารมณ์ โดยเฉพาะเพลงที่ใช้ในฉากโรแมนติกและฉากดราม่า ซึ่งกลายเป็นที่จดจำของแฟน ๆ อย่างไรก็ตาม งานด้านเทคนิคพิเศษ เช่น การแสดงพลังของมนต์กฤตยา อาจดูด้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานสมัยใหม่ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีในยุคนั้น แต่ในบริบทของปี 2540 ถือว่าทำได้ดีและน่าประทับใจ
คะแนนรวม 8.5/10 เป็นละครที่สร้างปรากฏการณ์ในยุค 90s ด้วยพล็อตที่แปลกใหม่และการแสดงที่ทรงพลัง ละครเรื่องนี้ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังสร้างความประทับใจด้วยเรื่องราวความรักที่บริสุทธิ์และการต่อสู้เพื่อคุณธรรม ทำให้กลายเป็นหนึ่งในละครคลาสสิกที่ผู้ชมยังคงพูดถึง แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสามทศวรรษ ละครเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับละครแนวรักข้ามกาลเวลาหลายเรื่องในเวลาต่อมา
“เรือนมยุรา” (2540) เป็นละครที่สมบูรณ์แบบในแง่ของการเล่าเรื่องที่ผสานความรัก ประวัติศาสตร์ และความลึกลับได้อย่างลงตัว ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำ งานกำกับที่พิถีพิถัน และข้อคิดที่ลึกซึ้ง ละครเรื่องนี้สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานอมตะของวงการโทรทัศน์ไทย แม้จะมีข้อจำกัดบางประการตามยุคสมัย แต่ “เรือนมยุรา” ยังคงเป็นละครที่ควรค่าแก่การย้อนกลับไปรับชมหรือจดจำในฐานะตำนานแห่งความรักข้ามกาลเวลา
เนื้อเรื่อง (Plot) – 8/10
แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช สร้างเคมีที่ลงตัวในบท นกยูง และ พระนาย การแสดงของแหม่มถ่ายทอดความบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งของนกยูงได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนฉัตรชัยนำเสนอความอบอุ่นและความมั่นคงได้ดีเยี่ยม นักแสดงสมทบอย่าง รอน บรรจงสร้าง และ ดุสิตา อนุชิตชาญชัย ก็เพิ่มสีสันให้เรื่องราว
การแสดง (Acting) – 9/10
แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช สร้างเคมีที่ลงตัวในบท นกยูง และ พระนาย การแสดงของแหม่มถ่ายทอดความบริสุทธิ์และความแข็งแกร่งของนกยูงได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนฉัตรชัยนำเสนอความอบอุ่นและความมั่นคงได้ดีเยี่ยม นักแสดงสมทบอย่าง รอน บรรจงสร้าง และ ดุสิตา อนุชิตชาญชัย ก็เพิ่มสีสันให้เรื่องราว
การกำกับ (Direction) – 8.5/10
ชูศักดิ์ สุธีรธรรม สามารถถ่ายทอดความแตกต่างของสองยุคสมัยได้อย่างลงตัว การกำกับฉากที่สลับระหว่างความลึกลับของเรือนมยุราและความทันสมัยของยุค 90s ทำได้ดี การควบคุมอารมณ์ของฉากโรแมนติกและดราม่าก็ช่วยขับเน้นความรู้สึกของผู้ชม
งานสร้าง (Production) – 8/10
ฉากและเครื่องแต่งกายได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะชุดไทยของนกยูงที่สะท้อนความงามของยุคอยุธยา และฉากในยุคปัจจุบันที่จับกลิ่นอายยุค 90s ได้ดี เพลงประกอบช่วยขับอารมณ์และกลายเป็นที่จดจำ
ผลกระทบและความน่าจดจำ (Impact and Legacy) – 9/10
“เรือนมยุรา” เป็นละครที่สร้างปรากฏการณ์ในยุค 90s ด้วยแนวเรื่องที่แปลกใหม่และการเล่าที่น่าติดตาม กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ละครแนวรักข้ามกาลเวลาหลายเรื่องในเวลาต่อมา ความนิยมและการจดจำของผู้ชมทำให้ละครเรื่องนี้เป็นผลงานคลาสสิก
ละคร “เรือนมยุรา” ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังทิ้งความทรงจำที่ยากจะลืม เพลงประกอบที่ไพเราะและติดหู ฉากที่สวยงามทั้งในยุคอยุธยาและยุค 90s รวมถึงเครื่องแต่งกายที่สะท้อนความแตกต่างของสองยุคสมัย ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ละครเรื่องนี้เป็นที่นิยม ภาพของนกยูงในชุดไทยที่เดินอย่างสง่างาม และรอยยิ้มอบอุ่นของพระนายเมื่ออยู่เคียงข้างเธอ กลายเป็นภาพจำที่ฝังลึกในใจ
ละครยังทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชมต่อคุณธรรมและความซื่อสัตย์ที่ตัวละครหลักยึดมั่น มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าความรักที่แท้จริงต้องผ่านการทดสอบและการเสียสละ สำหรับผู้ที่เติบโตในยุค 90s การได้ดู “เรือนมยุรา” อาจเหมือนการย้อนวัยไปสู่ช่วงเวลาที่นั่งลุ้นหน้าจอโทรทัศน์กับครอบครัว ส่วนผู้ชมรุ่นใหม่ การได้สัมผัสละครเรื่องนี้อาจเป็นเหมือนการค้นพบสมบัติล้ำค่าจากอดีตที่ยังคงเปล่งประกาย
ละคร เรือนมยุรา 2540
ละคร เรือนมยุรา 2540
ย้อนไปสมัยอยุธยา กับนกยูงและเรือนต้องสาป
เรื่องนี้เริ่มต้นในช่วงที่ กรุงศรีอยุธยา กำลังลุกเป็นไฟจากสงคราม นี่คือยุคที่เมืองหลวงแตก นกยูง (แหม่ม คัทลียา) สาวสวยจากตระกูลขุนนาง ต้องอยู่คนเดียวใน เรือนมยุรา เพราะพ่อของเธอ (รับบทโดย สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) ต้องออกไปรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน พ่อของนกยูงไม่ธรรมดานะ เขาเป็นทั้งนักรบและนักปราชญ์ที่มีความรู้เรื่องมนต์คาถา ก่อนจากไป เขาร่าย มนต์กฤตยา ปกป้องเรือนมยุรา ทำให้เรือนนี้กลายเป็นสถานที่ล่องหน! ไม่มีใครมองเห็นจากข้างนอก และที่สำคัญ เวลาในเรือนไหลช้ากว่าโลกภายนอกมากกกก
นกยูงอยู่ในเรือนนี้แบบไม่รู้เลยว่าโลกข้างนอกเปลี่ยนไปเป็นร้อย ๆ ปี เธอยังคงเป็นสาวอยุธยาที่สง่างาม ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในยุคเก่า ขณะที่โลกข้างนอกมาถึงปี 2540 แล้ว แต่ปัญหาคือ เสบียงในเรือนเริ่มหมด นกยูงเลยต้องตัดสินใจทำอะไรที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล ออกจากเรือนเพื่อหาอาหาร
เจอพระเอก ความรักข้ามกาลเวลาเริ่มขึ้น
นี่คือจุดที่เรื่องมันเริ่มพีค นกยูงใส่ชุดไทยสวย ๆ ออกมาเจอโลกสมัยใหม่ครั้งแรก สาวอยุธยาเดินงง ๆ กลางเมืองที่มีรถยนต์วิ่งวุ่น เสียงดัง แสงไฟวูบวาบ แล้วเธอก็ได้เจอกับ พระนาย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พระเอกของเรา พระนายเป็นหนุ่มยุค 90s ที่อบอุ่น ใจดี และซื่อสัตย์สุด ๆ เขาเห็นนกยูงแล้วแบบ “เอ๊ะ สาวคนนี้มาจากไหนเนี่ย?” แต่แทนที่จะกลัวหรือสงสัย เขากลับยื่นมือช่วยเหลือ
ฉากแรกที่ทั้งคู่เจอกันนี่คือฟินมาก นกยูงมองโลกใหม่ด้วยความตื่นตะลึง ส่วนพระนายก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับความบริสุทธิ์และความสง่างามของเธอ เคมีของทั้งคู่มันปังมากกก! แหม่ม คัทลียา เล่นได้ทั้งอ่อนโยนและแข็งแกร่ง ส่วนฉัตรชัยก็หล่อแบบอบอุ่น ทำเอาคนดูใจละลายไปเลย ความรักของทั้งคู่เริ่มก่อตัว แต่เดี๋ยวก่อน! มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะทั้งคู่มาจากคนละยุค แล้วมันจะรักกันยังไงล่ะ?
ตัวร้ายมาแล้ว ความโลภและมนต์กฤตยา
แต่อย่าคิดว่านี่จะเป็นละครรักหวาน ๆ อย่างเดียวนะทุกคน เพราะตอนนี้ นายวีย์ (รอน บรรจงสร้าง) ตัวร้ายของเรื่องโผล่มาแล้ว นายวีย์เป็นคนโลภมากกก เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรือนมยุราว่ามีสมบัติหรือพลังลึกลับซ่อนอยู่ บอกเลยว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ความลับของเรือนเริ่มถูกเปิดเผยเมื่อนกยูงออกจากเขตแดน ทำให้มนต์กฤตยาที่ปกป้องเรือนเริ่มอ่อนแอลง เรื่องมันเริ่มวุ่นวายตรงนี้แหละ
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบที่เพิ่มสีสันให้เรื่องราว ส้มฉุน (ดุสิตา อนุชิตชาญชัย) เพื่อนสาวสุดแซ่บที่ช่วยนกยูงปรับตัวในโลกสมัยใหม่ เธอเหมือนเป็นตัวแทนของความสนุกและความสดใสในเรื่องเลย ส่วน แม่ของนกยูง (ยศสินี ณ นคร) และตัวละครรองอื่น ๆ เช่น ที่รับบทโดย กาญจน์ ศรีภักดี ช่วยเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งในยุคอยุธยาและยุคปัจจุบัน แต่ที่พีคสุดคือ ความโลภของนายวีย์นี่แหละที่ทำให้เกิดดราม่าแบบจัดเต็ม
ดราม่าพุ่ง การต่อสู้เพื่อความรัก
มาถึงจุดที่เรื่องเข้มข้นสุด ๆ แล้ว เมื่อมนต์กฤตยาคลายตัวลง นายวีย์และพวกพ้องเริ่มบุกเข้าไปใกล้เรือนมยุรา ลองนึกภาพความโกลาหล คนโลภ ๆ อยากได้สมบัติ พยายามทำลายทุกอย่างเพื่อให้ได้พลังของเรือน นกยูงต้องเผชิญกับความจริงว่าเรือนที่เคยปกป้องเธอกลับกลายเป็นพันธนาการที่ผูกมัดเธอไว้กับอดีต เธอต้องเลือก จะยึดติดกับคำสัญญาของพ่อ หรือจะก้าวสู่อนาคตกับพระนาย?
พระนายนี่คือฮีโร่ตัวจริงเลย เขายืนหยัดเคียงข้างนกยูง แม้จะรู้ว่าเธอมาจากยุคที่ห่างไกล เขายอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ ฉากที่ทั้งคู่จับมือกันเผชิญหน้ากับนายวีย์และความวุ่นวายนี่คือสะเทือนใจมาก แล้วก็มี ส้มฉุน ที่คอยช่วยเหลือแบบสุดใจ ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความรัก แต่ยังมีมิตรภาพที่อบอุ่นด้วย
บอกเลยว่า เรือนมยุรา ไม่ใช่แค่ละครรักธรรมดา มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความรักข้ามกาลเวลา ประวัติศาสตร์อยุธยา และมนต์คาถาสุดลึกลับ การแสดงของ แหม่ม คัทลียา และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช คือจุดเด่นที่ทำให้คนดูอินสุด ๆ แหม่มถ่ายทอดความเป็นสาวอยุธยาได้สง่างามและเปราะบาง ส่วนฉัตรชัยก็เป็นพระเอกในฝันที่อบอุ่นและมั่นคง นักแสดงสมทบอย่าง รอน บรรจงสร้าง ก็เล่นตัวร้ายได้น่าหมั่นไส้สุด ๆ ส่วน ดุสิตา ในบทส้มฉุนคือตัวขโมยซีนที่ทำให้เรื่องมีสีสัน
ฉากและเครื่องแต่งกายก็ปังมาก ชุดไทยของนกยูงสวยจนอยากย้อนเวลาไปใส่บ้าง ส่วนฉากยุค 90s ก็ให้ฟีลย้อนวัยสุด ๆ เพลงประกอบนี่คือติดหูมาก ฟังแล้วคิดถึงยุคนั้นเลย แม้ว่าซีจีหรือเทคนิคพิเศษจะดูเก่าไปหน่อยตามสไตล์ยุค 90s แต่ในตอนนั้นมันคือสุดยอดแล้วนะ
ถ้าถามว่าควรดู เรือนมยุรา มั้ย? คำตอบคือ ต้องดู โดยเฉพาะถ้าคุณชอบละครรักที่ผสมความแฟนตาซี ดราม่า และข้อคิดดี ๆ เรื่องนี้จะพาคุณย้อนวัยไปสัมผัสความฟินของละครไทยยุค 90s และจะทำให้คุณเชื่อว่าความรักที่แท้จริงมันข้ามพ้นทุกอย่างได้จริง ๆ
เบื้องหลัง ของละครในตำนาน เรือนมยุรา 2540 ช่อง 3 ถ้าพูดถึงละครรักข้ามกาลเวลาที่ทำให้คนดูฟินจนจิกหมอน เรื่องนี้ต้องติดลิสต์แน่นอน และที่ทำให้ละครเรื่องนี้ปังได้ขนาดนี้ ก็ต้องยกเครดิตให้กับสองคนสำคัญ นักเขียน และ ผู้กำกับ ที่เป็นหัวใจของเรื่องเลย มาดูกันว่าเบื้องหลังของ วินิตา ดิถียนต์ และ ชูศักดิ์ สุธีรธรรม มีอะไรเจ๋ง ๆ บ้าง
วินิตา ดิถียนต์ นักเขียนตัวแม่ที่รังสรรค์เรื่องราวสุดปัง

มาพูดถึง วินิตา ดิถียนต์ กันก่อน บอกเลยว่านี่คือ ตัวแม่แห่งวงการนิยายไทย ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก คุณวินิตาคนนี้เขาไม่ธรรมดานะ เพราะเขาใช้หลายนามปากกาแบบที่เรียกว่าปังทุกชื่อ ไม่ว่าจะเป็น แก้วเก้า, ว.วินิจฉัยกุล, รักร้อย, ปารมิตา, วัสสิกา, หรือ อักษรานีย์ ทุกชื่อคือการันตีความปังของผลงาน นิยายของเขาคือแบบ… อ่านแล้ววางไม่ลง ละครหลายเรื่องที่เราดูกันจนน้ำตาไหล ส่วนใหญ่ก็มาจากปลายปากกาของคุณวินิตานี่แหละ
สำหรับ เรือนมยุรา คุณวินิตาเนรมิตเรื่องราวความรักข้ามกาลเวลาของ นกยูง และ พระนาย ได้แบบสุดยอด ลองนึกภาพสาวอยุธยาที่ติดอยู่ในเรือนต้องสาปด้วยมนต์คาถา แล้วมาเจอหนุ่มยุค 90s ที่อบอุ่นสุดใจ ผสมดราม่า ความโลภ และข้อคิดเรื่องคุณธรรม มันคือพล็อตที่แบบ… ไอเดียล้ำมากสำหรับยุคนั้น คุณวินิตาเขียนให้ตัวละครมีมิติสุด ๆ นกยูงไม่ใช่แค่นางเอกที่สวยอย่างเดียว แต่ยังแข็งแกร่งและยึดมั่นในคำสัญญา ส่วนพระนายก็เป็นผู้ชายในฝันที่ซื่อสัตย์และพร้อมปกป้องคนที่รัก บอกเลยว่าเรื่องนี้มันลงตัวเพราะฝีมือการเขียนของเขา
และที่เจ๋งกว่านั้นคือ คุณวินิตาไม่ได้แค่เขียนเรื่องรัก ๆ หวาน ๆ นะ เขายังใส่ความลึกลับของมนต์กฤตยาและกลิ่นอายประวัติศาสตร์อยุธยาเข้ามา ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในโลกของเรื่องเลย ถ้าไม่มีคุณวินิตา ละครเรื่องนี้คงไม่มีพลังขนาดนี้แน่นอน ปรบมือให้ตัวแม่หน่อยยย
ชูศักดิ์ สุธีรธรรม ผู้กำกับที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิต

ต่อมาเลย มาพูดถึง ชูศักดิ์ สุธีรธรรม ผู้กำกับที่เอานิยายสุดปังของวินิตามาแปลงเป็นภาพบนจอได้แบบ… ว้าววว คุณชูศักดิ์คือคนที่ทำให้ เรือนมยุรา มีทั้งความขลัง ความโรแมนติก และความดราม่าที่ลงตัวสุด ๆ การกำกับละครที่ต้องเล่าสลับระหว่างยุคอยุธยาและยุค 90s มันไม่ง่ายเลย แต่คุณชูศักดิ์ทำได้แบบไร้ที่ติ
ฉากในเรือนมยุรานี่คือขลังมากกก เขาทำให้เรารู้สึกว่าเรือนนี้มันลึกลับจริง ๆ เหมือนมีมนต์คาถาครอบไว้ ส่วนฉากในยุคปัจจุบันก็จับฟีลยุค 90s ได้แบบเป๊ะ จำพวกชุดแฟชั่นยุคนั้น หรือบรรยากาศเมืองที่วุ่นวายได้มั้ย? มันคือความย้อนวัยสุด ๆ! คุณชูศักดิ์เลือกเครื่องแต่งกายให้ตัวละครอย่าง นกยูง (แหม่ม คัทลียา) ใส่ชุดไทยที่สวยจนอยากยืมมาใส่บ้าง ส่วน พระนาย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ก็หล่อแบบหนุ่มยุค 90s ที่ทำให้ใจสั่น
ที่สำคัญ คุณชูศักดิ์เก่งมากในการกำกับอารมณ์ของนักแสดง ฉากที่ นกยูง และ พระนาย มองตากันครั้งแรกนี่คือฟินจนต้องกรี๊ด หรือฉากดราม่าที่ นายวีย์ (รอน บรรจงสร้าง) มาทำให้เรื่องวุ่นวาย นี่ก็ลุ้นจนตัวเกร็ง เขาคุมจังหวะได้ดีมาก ทำให้คนดูรู้สึกทั้งฟิน ทั้งลุ้น และทั้งน้ำตาไหลในคราวเดียวกัน ถึงบางฉากอาจจะยืดนิดนึงตามสไตล์ละครยุคนั้น แต่โดยรวมคือสุดยอด คุณชูศักดิ์คือคนที่ทำให้โลกของเรือนมยุรามีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
บอกเลยว่า วินิตา ดิถียนต์ และ ชูศักดิ์ สุธีรธรรม คือคู่หูที่ทำให้ เรือนมยุรา กลายเป็นตำนาน วินิตาเป็นคนวาดฝันผ่านตัวหนังสือ สร้างเรื่องราวที่ทั้งโรแมนติกและลึกลับ ส่วนชูศักดิ์คือคนที่เอามนต์วิเศษนั้นมาใส่ในภาพและเสียงให้เราได้เห็นบนจอ ถ้าไม่มีนักเขียนที่เก่งขนาดนี้ หรือผู้กำกับที่ถ่ายทอดได้ปังขนาดนี้ ละครเรื่องนี้คงไม่กลายเป็นผลงานคลาสสิกที่คนยังพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้
และอย่าลืมว่านักแสดงก็สุดยอดด้วย! แหม่ม คัทลียา ทำให้เราอินกับนกยูง สาวอยุธยาที่ต้องเผชิญโลกใหม่ ส่วน ฉัตรชัย เปล่งพานิช ก็เป็นพระนายที่ทำให้เราอยากมีแฟนแบบนี้ นักแสดงสมทบอย่าง รอน บรรจงสร้าง, ดุสิตา อนุชิตชาญชัย, สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์, และ ยศสินี ณ นคร ก็ช่วยเติมสีสันให้เรื่องราวสมบูรณ์ขึ้น
นักแสดง
→ แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช รับบท นกยูง

นกยูงคือสาวงามจากยุคกรุงศรีอยุธยา ที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังในเรือนมยุราหลังจากพ่อของเธอต้องไปออกรบในช่วงสงครามเมืองแตก พ่อของเธอร่ายมนต์กฤตยา ปกป้องเรือนให้ล่องหนจากโลกภายนอก และทำให้เวลาภายในเรือนไหลช้ากว่านอกเรือนมาก จนเวลาผ่านไปถึงยุค 90s นกยูงยังคงเป็นหญิงสาวอยุธยาที่บริสุทธิ์ ไม่รู้เลยว่าโลกเปลี่ยนไปนานแค่ไหน เธอคือตัวละครที่ผสมความอ่อนโยนและความแข็งแกร่งไว้ในคนเดียวกัน
แหม่ม คัทลียา เล่นบทนี้ได้แบบสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวอยุธยาที่สง่างาม มีมารยาท แต่ก็มีความมุ่งมั่นและยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เมื่อนกยูงต้องออกจากเรือนเพื่อหาเสบียง เธอได้เจอกับพระนาย ชายหนุ่มยุคปัจจุบัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักข้ามกาลเวลา แต่ชีวิตเธอไม่ได้ง่ายนะ เพราะต้องเผชิญทั้งความงุนงงในโลกใหม่ ความโลภของคนรอบข้าง และพลังของมนต์กฤตยาที่ผูกมัดเธอไว้ นกยูงคือตัวละครที่ทั้งเปราะบางและเข้มแข็ง เธอต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ระหว่างอดีตที่ผูกพันและอนาคตที่รออยู่
ฉายา “นางพญาแห่งกาลเวลา”
ทำไมถึงเรียกนกยูงว่า นางพญาแห่งกาลเวลา ล่ะ ก็เพราะเธอคือสาวที่ก้าวข้ามศตวรรษมาได้แบบสวยๆ เธออยู่ในเรือนที่หยุดเวลา แต่เมื่อต้องเผชิญโลกสมัยใหม่ เธอก็ยังคงความสง่างามและความเป็นตัวเองไว้ได้แบบเต็มร้อย เหมือนนางพญาที่ไม่ยอมให้อะไรมาทำลายจิตใจอันมุ่งมั่นของเธอ
ข้อคิด ความซื่อสัตย์ต่อคำสัญญานำไปสู่ความรักที่แท้จริง
สิ่งที่นกยูงสอนเราคือ ความซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาและความเชื่อในความรักสามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคได้ เธอยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้กับพ่อ แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือก เธอก็กล้าที่จะก้าวไปสู่อนาคตเพื่อความรักกับพระนาย ข้อคิดนี้คือพลังเลยนะ เพราะมันบอกเราว่าถ้าเรามีความซื่อสัตย์และใจที่มุ่งมั่น ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่แค่ไหน เราก็จะหาทางผ่านมันไปได้
→ ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท พระนาย

พระนายคือหนุ่มยุค 90s ที่เป็นเหมือนตัวแทนของความใจดีและความซื่อสัตย์ ในละคร เรือนมยุรา เขาเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ชีวิตของเขากลับเปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับ นกยูง สาวสวยจากยุคกรุงศรีอยุธยาที่ติดอยู่ในเรือนมยุราด้วยมนต์กฤตยา ลองนึกภาพดูนะ หนุ่มยุคปัจจุบันเจอสาวชุดไทยที่เหมือนหลุดมาจากอดีต แทนที่พระนายจะกลัวหรือสงสัย เขากลับยื่นมือช่วยเหลือด้วยความจริงใจ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักข้ามกาลเวลาที่ทำให้คนดูฟินสุดๆ
ฉัตรชัย เปล่งพานิช เล่นบทนี้ได้แบบปังมาก เขาทำให้พระนายเป็นผู้ชายที่ทั้งอบอุ่น มั่นคง และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่รัก ต่อให้รู้ว่านกยูงมาจากอีกยุคหนึ่ง เขาก็ไม่ลังเลที่จะรักและยืนเคียงข้างเธอ ไม่ว่าจะต้องเจอกับความวุ่นวายจากตัวร้ายอย่าง นายวีย์ หรือพลังลึกลับของมนต์กฤตยา พระนายคือคนที่ยึดมั่นในความรักและความถูกต้อง เขาไม่ใช่แค่พระเอกที่หล่อ แต่ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งและเสียสละ ทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาคือแฟนในฝันที่แท้จริง
ฉายา “อัศวินแห่งรักแท้”
ทำไมถึงให้ฉายานี้กับพระนายล่ะ ก็เพราะเขาคืออัศวินที่ปกป้องความรักของเขากับนกยูงได้อย่างไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของกาลเวลา หรือการต่อสู้กับความโลภของคนอื่น เขาก็ยืนหยัดอย่างมั่นคง เหมือนอัศวินที่ถือโล่ปกป้องคนรักด้วยหัวใจ
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องมากับความเสียสละ
สิ่งที่พระนายสอนเราคือ ความรักที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับความเสียสละและความมุ่งมั่น เขายอมรับนกยูงในตัวตนที่แท้จริงของเธอ และพร้อมเผชิญทุกอย่างเพื่อให้ความรักของพวกเขาสมหวัง ข้อคิดนี้มันดีมาก เพราะมันบอกเราว่าถ้าคุณรักใครสักคน คุณต้องพร้อมยอมรับและต่อสู้เพื่อเขา แม้ว่าจะต้องเจอกับความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
→ รอน บรรจงสร้าง รับบท นายวีย์

นายวีย์คือตัวร้ายตัวพ่อของ เรือนมยุรา ที่มาพร้อมความโลภแบบจัดเต็ม ลองนึกภาพคนที่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรือนมยุราว่ามีสมบัติหรือพลังลึกลับซ่อนอยู่ แล้วเขาก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ไม่ว่าจะต้องเหยียบย่ำใครก็ตาม รอน บรรจงสร้าง เล่นบทนี้ได้แบบน่าจับตา เขาทำให้นายวีย์เป็นคนเจ้าเล่ห์ มีความทะเยอทะยาน และไม่ยอมให้อะไรมาขวางทางเป้าหมายของเขา
ในเรื่อง นายวีย์รู้ว่าเรือนมยุราถูกปกป้องด้วยมนต์กฤตยา และเมื่อ นกยูง ออกจากเรือน ทำให้มนต์เริ่มอ่อนแอ เขาก็ฉวยโอกาสนี้เพื่อบุกเข้าไปหาผลประโยชน์ เขาคือตัวละครที่ขับเคลื่อนความขัดแย้ง สร้างความวุ่นวายให้ นกยูง และ พระนาย ต้องเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่ การแสดงของรอนทำให้คนดูรู้สึกทั้งเกลียดทั้งกลัวนายวีย์ เพราะเขาดูเป็นคนที่พร้อมทำร้ายทุกคนเพื่อความต้องการของตัวเอง แต่ก็มีมิติที่ทำให้เราเข้าใจว่าเขาถูกผลักดันด้วยความโลภและกิเลส
ฉายา “จอมวายร้ายแห่งความโลภ”
ทำไมถึงเรียกนายวีย์ว่า จอมวายร้ายแห่งความโลภ ล่ะ ก็เพราะเขาคือตัวร้ายที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากได้อยากมีแบบไม่มีขีดจำกัด ความทะเยอทะยานของเขาทำให้เขากลายเป็นตัวอันตรายที่พร้อมทำลายทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เหมือนวายร้ายตัวจริงในนิยายเลย
ข้อคิด ความโลภนำไปสู่หายนะ
สิ่งที่นายวีย์สอนเราคือ ความโลภที่มากเกินไปจะนำไปสู่จุดจบที่ไม่สวยงาม ในเรื่อง เขาไม่เคยพอใจและพยายามครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของเขา สุดท้ายก็ต้องเผชิญผลกรรมจากสิ่งที่ทำ ข้อคิดนี้เตือนเราว่าการรู้จักพอและใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์จะทำให้เราไม่หลงทางเหมือนนายวีย์
→ ดุสิตา อนุชิตชาญชัย รับบท ส้มฉุน

ส้มฉุนคือเพื่อนสาวสุดปังของ นกยูง นางเอกของเราใน เรือนมยุรา เธอเป็นตัวละครในยุคปัจจุบัน หรือยุค 90s ที่เต็มไปด้วยความร่าเริง สดใส และมีหัวใจที่แสนดี ลองนึกภาพเพื่อนซี้ที่คอยช่วยเหลือเพื่อนในทุกสถานการณ์ ส้มฉุนเป็นแบบนั้นเลย เธอเข้ามาในชีวิตของนกยูงตอนที่นกยูงต้องออกจากเรือนมยุราที่ถูกปกป้องด้วยมนต์กฤตยา แล้วต้องมาเจอโลกสมัยใหม่ที่งงสุดๆ ส้มฉุนคือคนที่ช่วยนกยูงปรับตัว เรียนรู้วิถีชีวิตยุค 90s ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่น การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การเอาตัวรอดจากความวุ่นวาย
ดุสิตา อนุชิตชาญชัย เล่นบทนี้ได้แบบเป๊ะมาก เธอทำให้ส้มฉุนเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและมีพลังบวก ทุกครั้งที่ส้มฉุนโผล่มาในฉาก มันเหมือนมีแสงสว่างเข้ามาเลย เธอไม่ใช่แค่ตัวประกอบ แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงนกยูงจากยุคอยุธยากับโลกสมัยใหม่ และยังคอยช่วยเหลือเมื่อเรื่องราวเริ่มวุ่นวายจากตัวร้ายอย่าง นายวีย์ ส้มฉุนคือเพื่อนที่ทุกคนอยากมี เพราะเธอทั้งซื่อสัตย์และพร้อมยืนข้างเพื่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉายา “นางฟ้าแห่งมิตรภาพ”
ทำไมถึงเรียกส้มฉุนว่า นางฟ้าแห่งมิตรภาพ ล่ะ ก็เพราะเธอคือเพื่อนที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจนกยูงในทุกสถานการณ์ เธอเหมือนนางฟ้าที่มาพร้อมรอยยิ้มและพลังบวก ทำให้ทุกอย่างดูสดใสขึ้น แม้ในช่วงที่เรื่องราวดราม่าหนักๆ
ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างกันเสมอ
สิ่งที่ส้มฉุนสอนเราคือ มิตรภาพที่แท้จริงคือการยืนเคียงข้างเพื่อนในทุกสถานการณ์ ไม่ว่านกยูงจะมาจากยุคไหน หรือเจอปัญหาอะไร ส้มฉุนก็พร้อมช่วยเหลือด้วยใจจริง ข้อคิดนี้มันดีมาก เพราะมันบอกเราว่าเพื่อนที่ดีไม่ใช่แค่คนที่อยู่ด้วยตอนสนุก แต่คือคนที่พร้อมเดินไปด้วยกันในวันที่ยากลำบาก
→ สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ รับบท บิดาของนกยูง

บิดาของนกยูงคือตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่ในฐานะพ่อและขุนนางในยุคกรุงศรีอยุธยา ในช่วงที่เมืองหลวงกำลังลุกเป็นไฟจากสงคราม เขาต้องทิ้งลูกสาวสุดที่รัก นกยูง ไว้ที่เรือนมยุราเพื่อไปออกรบปกป้องแผ่นดิน แต่ที่ทำให้ตัวละครนี้พิเศษสุดๆ คือเขาไม่ใช่แค่นักรบ แต่ยังเป็นนักปราชญ์ที่รู้จักมนต์คาถา เขาร่าย มนต์กฤตยา ปกป้องเรือนมยุราให้ล่องหนจากสายตาคนภายนอก และทำให้เวลาภายในเรือนไหลช้ากว่าโลกภายนอก เพื่อปกป้องนกยูงจากอันตราย
สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบทรงพลังมาก เขาทำให้เรารู้สึกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว ตัวละครนี้ไม่ได้ปรากฏตลอดเรื่อง แต่ทุกครั้งที่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่ว่าจะผ่านความทรงจำหรือผลของมนต์กฤตยา มันทำให้คนดูรู้สึกถึงความเสียสละและความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง เขาคือคนที่วางรากฐานให้เรื่องราวของนกยูงและความรักข้ามกาลเวลากับพระนายเกิดขึ้นได้
ฉายา “ผู้พิทักษ์แห่งรักนิรันดร์”
ทำไมถึงเรียกบิดาของนกยูงว่า ผู้พิทักษ์แห่งรักนิรันดร์ ล่ะ ก็เพราะเขาคือคนที่ใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกป้องลูกสาว ด้วยมนต์กฤตยาที่ทำให้เธอปลอดภัยข้ามศตวรรษ แม้เขาจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่ความรักของเขาคือเกราะที่ปกป้องนกยูงและปูทางให้เธอได้พบรักแท้ในยุคปัจจุบัน
ข้อคิด ความรักของพ่อคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
สิ่งที่บิดาของนกยูงสอนเราคือ ความรักของพ่อแม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ เขายอมเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกสาว แม้ต้องจากไปในสงคราม ข้อคิดนี้มันซึ้งมาก เพราะมันเตือนเราว่าความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่ และสามารถส่งผลไปถึงอนาคตได้ แม้ในวันที่พวกเขาไม่อยู่แล้ว
→ ยศสินี ณ นคร รับบท แม่ของนกยูง
แม่ของนกยูงคือตัวละครที่อยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา ช่วงเวลาที่เมืองกำลังวุ่นวายจากสงคราม เธอเป็นภรรยาของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ (บิดาของนกยูง) และเป็นแม่ที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยต่อลูกสาว นกยูง ในเรื่อง เรือนมยุรา ตัวละครนี้มีบทบาทในส่วนของอดีต ซึ่งช่วยบอกเล่าความเป็นมาของครอบครัวและความสำคัญของเรือนที่ถูกปกป้องด้วยมนต์กฤตยา เธอคือภาพของแม่ที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและความเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
ยศสินี ณ นคร ถ่ายทอดบทนี้ได้แบบน่าประทับใจ เธอทำให้เรารู้สึกถึงความรักอันลึกซึ้งของแม่ที่พร้อมสนับสนุนครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แม้ว่าบทของเธออาจจะไม่ได้เด่นเท่านกยูงหรือพระนาย แต่ทุกฉากที่เกี่ยวข้องกับแม่ของนกยูงมักจะพาเราไปสัมผัสถึงความอบอุ่นและความเสียสละของครอบครัวในยุคสงคราม เธอเหมือนเป็นเงาที่คอยปกป้องและให้กำลังใจนกยูงจากอดีต แม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏตัวในยุคปัจจุบันของเรื่องก็ตาม
ฉายา “เงารักแห่งอดีต”
ทำไมถึงเรียกแม่ของนกยูงว่า เงารักแห่งอดีต ล่ะ ก็เพราะเธอคือตัวแทนของความรักและความผูกพันของครอบครัวที่ยังคงส่งผลถึงนกยูง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายศตวรรษ เธอเหมือนเงาที่อยู่ในความทรงจำ คอยหล่อเลี้ยงจิตใจของนกยูงให้เข้มแข็งในวันที่ต้องเผชิญโลกใหม่
ข้อคิด ความรักของแม่คือรากฐานของความเข้มแข็ง
สิ่งที่แม่ของนกยูงสอนเราคือ ความรักของแม่คือรากฐานที่ทำให้ลูกเติบโตอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าเธอจะอยู่ในยุคอดีต แต่ความรักและความห่วงใยที่เธอมอบให้ลูกสาวช่วยให้นกยูงยืนหยัดได้ในโลกที่ไม่คุ้นเคย ข้อคิดนี้มันซึ้งมาก เพราะมันเตือนเราว่าความรักของพ่อแม่คือพลังที่อยู่กับเราตลอดไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เรือนมยุรา 2 ภาคต่อของละครในตำนานปี 2540 จากช่อง 3 ถ้าละครเรื่องนี้มีภาค 2 ล่ะ มันจะเป็นยังไง เรื่องราวความรักข้ามกาลเวลาของ นกยูง (แหม่ม คัทลียา แมคอินทอช) และ พระนาย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) จะไปต่อยังไง หลังจากที่มนต์กฤตยาคลายตัวและทั้งคู่สมหวังในรัก
เรื่องเริ่มต้นในยุคปัจจุบัน 10 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก (ประมาณปี 2550) นกยูงและพระนายใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในกรุงเทพฯ นกยูงปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ได้ดีขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจาก ส้มฉุน (ดุสิตา อนุชิตชาญชัย) ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนซี้สุดแซ่บและเปิดร้านกาแฟเก๋ๆ ในเมือง ทั้งคู่แต่งงานกันและมีลูกสาววัย 8 ขวบชื่อ มยุรา ซึ่งมีนิสัยร่าเริงแต่แอบลึกลับนิดๆ เหมือนมีสัมผัสพิเศษบางอย่าง
แต่ความสงบสุขเริ่มสั่นคลอนเมื่อมยุราเริ่มฝันถึงเรือนมยุราที่ยังคงตั้งอยู่อย่างลึกลับในป่า ลานบ้านเก่าที่เคยถูกมนต์กฤตยาปกป้อง ฝันของเธอเต็มไปด้วยภาพของหญิงสาวในชุดไทยโบราณ (เหมือนนกยูงในวัยสาว) และเสียงกระซิบที่บอกว่า “มนต์กฤตยายังไม่สิ้นสุด” นกยูงและพระนายเริ่มสงสัยว่ามนต์ที่เคยปกป้องเรือนอาจยังมีพลังหลงเหลืออยู่ และมันกำลังเรียกหาครอบครัวของพวกเขา
ความขัดแย้ง มนต์กฤตยาที่ตื่นขึ้น
วันหนึ่ง มยุราแอบหนีไปที่เรือนมยุราหลังจากตามฝันของเธอ และบังเอิญไปแตะต้องวัตถุโบราณในเรือน (เช่น ตลับเครื่องประดับของนกยูงในอดีต) ทำให้มนต์กฤตยาที่หลับใหลตื่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มนต์ไม่ได้แค่ปกป้องเรือน แต่ดึงมยุรากลับไปยังยุคอยุธยาที่แตกต่างจากที่แม่ของเธอเคยอยู่ ยุคที่กรุงศรีอยุธยากำลังฟื้นฟูหลังสงคราม นกยูงและพระนายต้องออกตามหาลูกสาว โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ส้มฉุน และนักโบราณคดีหนุ่มชื่อ ธนา (นักแสดงหน้าใหม่ที่หล่อแบบมีสเน่ห์) ซึ่งหลงใหลในประวัติศาสตร์อยุธยาและรู้ความลับของเรือน
ในยุคอยุธยา มยุราได้พบกับ ขุนศรี (ตัวละครใหม่) ขุนนางหนุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลของนกยูง เขาคือทายาทของบิดานกยูง (สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์) และรู้เรื่องมนต์กฤตยา ขุนศรีช่วยมยุราในโลกที่ไม่คุ้นเคย แต่เขาก็มีความลับ เขาเป็นส่วนหนึ่งของคำสาปที่ถูกผูกไว้กับมนต์กฤตยา ซึ่งทำให้เขาต้องชดใช้หนี้กรรมจากอดีต
ตัวร้ายใหม่ นางพญามนต์ดำ
ความวุ่นวายเพิ่มขึ้นเมื่อ นางพญามนต์ดำ (ตัวละครใหม่) แม่มดลึกลับจากยุคอยุธยาที่เคยเป็นศัตรูของบิดานกยูง ปรากฏตัวขึ้น เธอเป็นคนที่พยายามครอบครองมนต์กฤตยาในอดีตแต่ล้มเหลว และตอนนี้เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นและยึดพลังของเรือนมยุราให้ได้ นางพญามนต์ดำใช้พลังเวทมนต์ควบคุมผู้คนในยุคอยุธยา และพยายามล่อลวงมยุราให้กลายเป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยพลังของมนต์กฤตยา เพื่อให้เธอครอบครองทั้งอดีตและปัจจุบัน
ในยุคปัจจุบัน มีตัวละครใหม่ นายชัย นักธุรกิจที่โลภและอยากครอบครองที่ดินของเรือนมยุราเพื่อสร้างรีสอร์ทหรู เขาค้นพบความลับของเรือนจากบันทึกโบราณ และพยายามขุดค้นเพื่อหาวัตถุที่มีพลังของมนต์กฤตยา ทำให้เกิดความโกลาหลเมื่อมนต์เริ่มรบกวนกาลเวลาในโลกปัจจุบัน
นกยูงและพระนายต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เมื่อต้องเดินทางข้ามกาลเวลาเพื่อช่วยลูกสาว นกยูงต้องกลับไปเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองในยุคอยุธยา ซึ่งทำให้เธอต้องเผชิญกับความทรงจำอันเจ็บปวดเกี่ยวกับครอบครัวที่สูญเสียไป ส่วนพระนายต้องพิสูจน์ความรักของเขาอีกครั้งด้วยการปกป้องทั้งภรรยาและลูกสาวจากอันตรายของมนต์กฤตยา ความรักของทั้งคู่ถูกทดสอบเมื่อนางพญามนต์ดำพยายามใช้มนต์สะกดใจให้ทั้งสองแตกแยก
ในขณะเดียวกัน มยุราและขุนศรีเริ่มมีความผูกพันในยุคอยุธยา ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งในใจของมยุรา เธอต้องเลือกระหว่างการช่วยเหลือขุนศรีให้หลุดพ้นจากคำสาป หรือกลับไปหาครอบครัวของเธอในยุคปัจจุบัน ส้มฉุนและธนาก็มีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน โดยส้มฉุนใช้ความฉลาดและความกล้าในการต่อสู้กับนายชัย ส่วนธนานำความรู้ด้านโบราณคดีมาช่วยถอดรหัสวิธีปิดผนึกมนต์กฤตยา
จุดไคลแมกซ์ การคลายมนต์และการเสียสละ
ในช่วงไคลแมกซ์ นกยูง พระนาย และมยุราเผชิญหน้ากับนางพญามนต์ดำในยุคอยุธยา การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่เรือนมยุรา ซึ่งกลายเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสองกาลเวลา ขุนศรีตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อทำลายคำสาปที่ผูกมัดตระกูลของเขา โดยช่วยให้มยุราและครอบครัวกลับสู่ยุคปัจจุบันได้ ในขณะเดียวกัน ส้มฉุนและธนาก็จัดการกับนายชัยในยุคปัจจุบัน โดยเปิดโปงความโลภของเขาและปกป้องเรือนมยุราจากการถูกทำลาย
มนต์กฤตยาถูกคลายลงอย่างสมบูรณ์เมื่อนกยูงยอมปลดปล่อยความผูกพันสุดท้ายกับอดีตของเธอ โดยการทำลายวัตถุโบราณที่เก็บพลังของมนต์ไว้ ทำให้เรือนมยุรากลายเป็นเพียงสถานที่ธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความทรงจำของครอบครัว
เรื่องจบลงด้วยภาพของครอบครัวนกยูง พระนาย และมยุราที่กลับมารวมกันในยุคปัจจุบัน พวกเขาตัดสินใจรักษาเรือนมยุราไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยมีธนาเป็นผู้ดูแล ส้มฉุนกลายเป็นนักเขียนที่บันทึกเรื่องราวของเรือนมยุราให้เป็นตำนาน ความรักของนกยูงและพระนายยังคงแข็งแกร่ง และมยุราก็เติบโตขึ้นด้วยความเข้าใจถึงพลังของครอบครัวและความรักที่ข้ามพ้นกาลเวลา