ละคร ทองประกายแสด 2567 ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงสีและเงาแห่งความฝัน ‘ทองดี’ คือชื่อที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เมื่อหญิงสาวจากดินแดนที่ความจนเป็นเหมือนคำสาป ตัดสินใจสวมหน้ากาก ‘ทองประกาย’ เพื่อช่วงชิงทุกสิ่งที่ใจปรารถนา เสน่ห์อันเย้ายวนคืออาวุธที่เธอใช้ก้าวข้ามขีดจำกัด ดึงดูดชายหนุ่มทั้งสามผู้ต่างที่มา ไม่ว่าจะเป็น มนตรา, พิสุทธิ์ หรือ วีระชัย ที่ต่างก็เป็นสะพานให้เธอไปสู่จุดสูงสุด แต่ทุกย่างก้าวที่ขึ้นสูงกลับเต็มไปด้วยรอยร้าวของหัวใจ ทั้งการทรยศหักหลังและความรักที่ไม่สมบูรณ์ นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวผู้ยอมแลกทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ และการเดินทางที่เต็มไปด้วยดราม่า การต่อสู้ และการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำว่า ‘รัก’ และ ‘การไถ่บาป’

ละคร ทองประกายแสด 2567 ละครแนวดราม่าชีวิตความรัก จากเด็กสาวบ้านนอกสู่ราชินีแห่งการไต่เต้า เรื่องราวของ “ทองประกายแสด” หมุนรอบชีวิตของ “ทองดี” หรือที่ต่อมาเธอตั้งใจสร้างตัวตนใหม่ในนาม “ทองประกาย” หญิงสาวผู้เติบโตมากับความขาดแคลนทั้งทางใจและทางกาย ทองดีถูกเลี้ยงดูในครอบครัวที่ไม่ให้ความรัก เธอจึงฝันถึงชีวิตที่สมบูรณ์แบบชีวิตที่เต็มไปด้วยชื่อเสียง เงินตรา และความหรูหรา ที่จะช่วยลบล้างปมด้อยในวัยเด็กได้

เมื่อโอกาสพลิกผันพาเธอต้องย้ายเข้าสู่เมืองหลวง ทองดีพบว่าความฝันนั้นไม่ได้มาโดยง่าย เธอต้องเผชิญกับโลกที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยการแข่งขัน ดังนั้น ทองประกายจึงเลือกใช้อาวุธลับที่เธอมีรูปร่างหน้าตาและเสน่ห์อันเย้ายวนในการดึงดูดเหล่าชายหนุ่มรอบตัว เพื่อให้พวกเขากลายเป็น “บันได” สู่จุดสูงสุดที่เธอใฝ่ฝัน

เรื่องราวค่อยๆ คลายปมผ่านเส้นทางชีวิตที่ซับซ้อนของทองประกาย เธอพบเจอกับผู้ชายหลายคนที่แต่ละคนนำพาเธอสู่บทเรียนชีวิตที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักที่หลอกลวง การทรยศหักหลัง หรือแม้กระทั่งรักแท้ที่เธอค้นหามาตลอด ละครถ่ายทอดคำถามสำคัญที่สะกดใจผู้ชม: “ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง จะมีผัวได้สักกี่คน?” และ “ความรักสำคัญขนาดไหน จนทำให้เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อค้นหามัน?” ด้วยโครงเรื่องที่ผสมผสานดราม่าเข้มข้น รสชาติแซ่บจากฉากต่อสู้ชิงรัก และการพัฒนาตัวละครที่ค่อยๆ เผยด้านมืดและแสงสว่างในใจของทองประกาย ทำให้ผู้ชมติดตามทุกตอนด้วยความตื่นเต้น

สารบัญละคร

“ทองประกายแสด” ไม่ใช่แค่ละครดราม่า แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคมที่ผู้หญิงต้องเผชิญกับการเลือกทางเดินชีวิต ท่ามกลางแรงกดดันจากฐานะและความรัก เรื่องราวที่ค่อยๆ เผยให้เห็นการเติบโตของทองประกาย จากเด็กสาวบ้านนอกที่สิ้นหวัง สู่หญิงสาวที่กล้าทำทุกอย่างเพื่อฝัน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในโลกที่ความฝันและความรักปะทะกันอย่างดุเดือด ละคร “ทองประกายแสด” จากช่อง ONE31 ได้พาผู้ชมดำดิ่งสู่เรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อ ทองดี ผู้เปลี่ยนตัวเองเป็น ทองประกาย เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีและความรักที่เธอไม่เคยได้รับ นี่คือละครที่รีเมคจากตำนานดราม่าสุดเข้มข้น ปรับแต่งให้ทันสมัยด้วยฝีมือการกำกับของทีมช่องวัน 31 และการแสดงอันทรงพลังจาก ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก, เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์, เก้า จิรายุ, สน ยุกต์ และนักแสดงสมทบมากฝีมือ

เด็กสาวจากเงามืด

ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ทองดี (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) เติบโตขึ้นท่ามกลางความหนาวเหน็บของหัวใจ ครอบครัวที่ขาดแคลนทั้งเงินทองและความรักทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในเงามืด เธอฝันถึงโลกที่เต็มไปด้วยแสงสีและการยอมรับ แต่โชคชะตากลับโหดร้าย เธอต้องเผชิญกับคำดูถูกและความเจ็บปวดจากคนรอบข้าง ทองดีตัดสินใจทิ้งชื่อเดิมและเปลี่ยนตัวเองเป็น ทองประกาย หญิงสาวที่พร้อมจะสู้เพื่อเปลี่ยนชีวิต เธอเดินทางสู่เมืองหลวงด้วยไฟในใจที่ลุกโชติช่วง เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของโชคชะตาอีกต่อไป

บันไดแห่งความทะเยอทะยาน

เมืองหลวงคือดินแดนแห่งโอกาสและอันตราย ทองประกายใช้ความงามและไหวพริบเป็นอาวุธ ราวกับนักรบในชุดผ้าไหม เธอเข้าสู่แวดวงสังคมชั้นสูง และพบกับ มนตรา (เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ชายหนุ่มที่อบอุ่นและจริงใจ ดวงตาของเขามองเธอราวกับเห็นถึงจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ แต่ทองประกายกลับเลือกที่จะมองข้ามเขา เธอหันไปหา พิสุทธิ์ (เก้า จิรายุ) และ วีระชัย (สิทธา สภานุชา) สองชายหนุ่มที่มีอำนาจและทรัพย์สมบัติ ซึ่งเธอหวังจะใช้เป็นบันไดสู่ความฝัน

ทองประกายเริ่มเกมอันตราย เธอสร้างความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับทั้งสามคน ใช้เสน่ห์ของเธอดึงดูดใจ แต่ทุกย่างก้าวที่เธอเดิน กลับนำพาความเจ็บปวดมาสู่ตัวเองและคนรอบข้าง ฤดี คู่ปรับของเธอ กลายเป็นเงามืดที่คอยจ้องทำลาย โดยเฉพาะเมื่อฤดีเปิดเผยความลับของทองประกายต่อมนตรา ว่าหัวใจของเธอเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ ความไว้วางใจของมนตราพังทลายลงในพริบตา ทองประกายต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุด—การสูญเสียรักแท้ที่เธอเพิ่งเริ่มรู้สึก

รอยแผลและการต่อสู้

เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ชีวิตของทองประกายเริ่มพังทลาย พิสุทธิ์และวีระชัยหันหลังให้เธอเมื่อรู้ว่าเธอใช้พวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือ ความทะเยอทะยานที่เคยเป็นไฟในใจ กลายเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญทุกสิ่งที่เธอรัก ท่ามกลางความสิ้นหวัง มิตร (สน ยุกต์) เข้ามาในชีวิตของเธอราวกับแสงสว่างในความมืด เขาไม่ตัดสินอดีตของเธอ และแสดงให้เห็นถึงความรักที่บริสุทธิ์ แต่ทองประกายกลับลังเล เธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองคู่ควรกับความรักเช่นนี้หรือไม่

การต่อสู้ภายในใจของทองประกายกลายเป็นจุดเปลี่ยน เธอเริ่มมองย้อนกลับไปยังอดีต และเห็นว่าทุกการตัดสินใจของเธอได้ทิ้งรอยแผลไว้ทั้งในใจตัวเองและคนอื่น เธอตัดสินใจเผชิญหน้ากับความผิดพลาด โดยการขอโทษมนตราและพยายามชดเชยสิ่งที่เธอทำลงไป

แสงสว่างแห่งการไถ่บาป

ในตอนสุดท้าย ทองประกายยืนอยู่ที่ทางแยกของชีวิต เธอต้องเลือกระหว่างการยึดติดกับความฝันที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า หรือยอมรับความรักที่แท้จริงจากมนตรา หลังจากการต่อสู้ภายในใจอันยาวนาน เธอเลือกที่จะทิ้งหน้ากากของ “ทองประกาย” และกลับมาเป็นทองดี หญิงสาวที่พร้อมจะรักอย่างซื่อสัตย์ เธอเดินไปหามนตราด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความกล้า เขายอมรับคำขอโทษของเธอ และทั้งคู่สัญญาจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน

ทองประกายแสด 2567 เป็นละครที่เต็มไปด้วยดราม่ารสแซ่บ การต่อสู้เพื่อความฝัน และการค้นหาความรักที่แท้จริง เรื่องราวของทองประกายสะท้อนชีวิตของผู้หญิงที่ต้องเผชิญหน้ากับโลกที่โหดร้าย และเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองในท้ายที่สุด ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

1. การแสดงที่ทรงพลัง
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ถือเป็นหัวใจของละคร เธอถ่ายทอดบททองประกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งความเข้มแข็ง ความเปราะบาง และความซับซ้อนของตัวละครที่ต้องเผชิญหน้ากับปมในใจ การแสดงของเธอในฉากดราม่าหนักๆ เช่น ฉากเผชิญหน้ากับการทรยศหรือการขอโทษมนตราในตอนท้าย ทำให้ผู้ชมน้ำตาไหลตามได้ง่ายๆ ด้านเจษฎ์พิพัฒในบทมนตรานำเสนอความอบอุ่นและความจริงใจที่เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตของทองประกาย ส่วนเก้า จิรายุ และสน ยุกต์ ก็เพิ่มมิติให้กับความขัดแย้งในเรื่องได้อย่างลงตัว นักแสดงสมทบอย่างตัวละคร ฤดี ก็สร้างความเกลียดชังได้อย่างน่าประทับใจ กลายเป็นตัวร้ายที่ผู้ชมจดจำ

2. เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและหักมุม
พล็อตของ “ทองประกายแสด” เดินเรื่องอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยการหักมุมที่คาดไม่ถึง การเล่าเรื่องที่ผสมผสานระหว่างดราม่าความรัก การต่อสู้เพื่ออำนาจ และการไถ่บาป ทำให้ผู้ชมติดตามทุกตอนโดยไม่กล้ากะพริบตา ฉากแซ่บๆ เช่น การปะทะฝีปากระหว่างทองประกายและฤดี หรือฉากรักสามเส้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ถูกถ่ายทอดด้วยบทสนทนาที่คมคายและการกำกับที่แม่นยำ ละครยังชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามถึงคุณค่าของความรักและความสำเร็จในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

3. งานภาพและดนตรีประกอบ
งานภาพของละครทำได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะฉากที่แสดงถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตในชนบทของทองดีและความหรูหราในเมืองหลวงของทองประกาย การใช้สีสันและแสงในฉากต่างๆ ช่วยขับเน้นอารมณ์ของเรื่องได้ดี ดนตรีประกอบก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง โดยเฉพาะเพลงประกอบที่ช่วยเสริมอารมณ์ในฉากดราม่าและฉากรักให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

คะแนน 8.5/10 (แนะนำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครดราม่าที่มีทั้งความแซ่บและความหมายลึกซึ้ง)

ทองประกายแสด 2567 เป็นละครที่ผสมผสานความแซ่บของดราม่า ความลึกซึ้งของอารมณ์ และข้อคิดที่ชวนให้ฉุกคิดได้อย่างลงตัว ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของใบเฟิร์นและทีมนักแสดง พล็อตที่เข้มข้น และงานโปรดักชันที่ประณีต ละครเรื่องนี้สมควรได้รับคำชมว่าเป็นหนึ่งในละครที่ดีที่สุดของช่อง ONE31 ในปีนี้

เมื่อตอนแรกของ “ทองประกายแสด” เริ่มต้น ภาพของ ทองดี (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) เด็กสาวจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่เติบโตท่ามกลางความขาดแคลนและการถูกเมินเฉยจากครอบครัว ทำให้รู้สึกถึงความอึดอัดและเห็นใจในโชคชะตาของเธอทันที การที่เธอตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองเป็น ทองประกาย และก้าวสู่เมืองหลวงด้วยความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนชีวิต ราวกับเป็นการจุดไฟในใจของผู้ชม ความรู้สึกตื่นเต้นผสมกับความหวังพุ่งขึ้นเมื่อเห็นเธอเริ่มใช้เสน่ห์และไหวพริบในการต่อสู้เพื่อความฝัน มันเหมือนกำลังเชียร์ให้ตัวละครที่เริ่มจากศูนย์ก้าวไปสู่จุดสูงสุด

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความเข้มข้นของดราม่าทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ฉากที่ทองประกายสร้างความสัมพันธ์กับ มนตรา (เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์), พิสุทธิ์ (เก้า จิรายุ) และ วีระชัย (สิทธา สภานุชา) นั้นชวนให้รู้สึกทั้งลุ้นและตื่นเต้น การที่เธอเลือกใช้ผู้ชายเป็นบันไดสู่ความสำเร็จทำให้เกิดคำถามในใจว่า “เธอจะไปได้ไกลแค่ไหน?” และ “การตัดสินใจแบบนี้จะนำพาเธอไปสู่อะไร?” ฉากปะทะคารมระหว่างทองประกายและ ฤดี คู่ปรับตัวแซ่บ ทำเอาต้องปรบมือให้กับบทสนทนาที่คมกริบและการแสดงที่ถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะการแสดงของใบเฟิร์นที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความเข้มแข็งได้อย่างลงตัว ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในโลกของตัวละคร

ความรู้สึกถึงจุดพีคเกิดขึ้นเมื่อความลับของทองประกายถูกเปิดเผย และมนตราเสียความไว้วางใจในตัวเธอ ฉากนี้ชวนให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งราวกับเป็นตัวเราเองที่ถูกทรยศ มันทำให้ต้องลุ้นว่าทองประกายจะสามารถกอบกู้ความรักนี้ได้หรือไม่ และการตัดสินใจของเธอในแต่ละตอนทำให้รู้สึกทั้งชื่นชมในความกล้าและกังวลในความเสี่ยงที่เธอเลือก

เมื่อเรื่องราวเข้าสู่ช่วงกลางถึงท้าย ละครเริ่มเผยให้เห็นด้านที่เปราะบางของทองประกาย การที่เธอต้องเผชิญหน้ากับผลของการกระทำของตัวเอง เช่น การถูกพิสุทธิ์และวีระชัยหันหลังให้ หรือการที่ มิตร (สน ยุกต์) เข้ามาเป็นแสงสว่างในชีวิตของเธอ ทำให้รู้สึกถึงความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง การแสดงของใบเฟิร์นในฉากที่ทองประกายต้องยอมรับความผิดพลาดและขอโทษมนตรานั้นชวนน้ำตาไหล มันเหมือนเป็นการเยียวยาหัวใจของผู้ชมที่ติดตามการเดินทางของเธอมาตลอด

ละคร ทองประกายแสด เป็นเหมือนการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้นในความทะเยอทะยานของทองประกาย ความลุ้นระทึกในดราม่ารักสามเส้า ความโกรธเมื่อเห็นการทรยศ และความอบอุ่นเมื่อเห็นการให้อภัย งานภาพที่สวยงามและดนตรีประกอบที่เข้ากับอารมณ์ของเรื่องช่วยยกระดับประสบการณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แม้ว่าบางช่วงของเรื่องอาจรู้สึกยืดเยื้อเล็กน้อย แต่ความเข้มข้นของพล็อตและการแสดงที่ยอดเยี่ยมทำให้ทุกตอนน่าติดตาม

ละครเรื่องนี้ไม่เพียงให้ความบันเทิง แต่ยังชวนให้ฉุกคิดถึงคุณค่าของความรักและการยอมรับตัวเอง การได้เห็นทองประกายเติบโตจากเด็กสาวที่สิ้นหวังสู่หญิงสาวที่กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด ทำให้รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ไปพร้อมกับเธอ


ละคร ทองประกายแสด 2567

ละคร ทองประกายแสด 2567

ละคร ทองประกายแสด 2567 EP.1-21ONED

ละคร ทองประกายแสด 2567 EP.1-21iQIYI​​

ซีน ละคร ทองประกายแสด 2567

ซีน ละคร ทองประกายแสด 2567

หญิงสาวผู้มีรูปเป็นทรัพย์ ความสวยของเธอช่างเย้ายวนและดึงดูดใจ ราวกับดอกไม้หอมหวานที่ดึงดูดแมลง ชายใดที่ได้เห็นต้องยอมสยบ เธอวาดฝันถึงชีวิตรักและครอบครัวที่ดีเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เคยสมหวังเหมือนชีวิตถูกสาป แม้จะมีผู้ชายที่ยอมสยบต่อความสวยของเธอให้เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่ทองประกายก็ไม่เคยมีความสุขได้นาน บางคนจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ บางคนเข้ามาเพราะหวังเชยชมแค่ชั่วคราวหรือแท้จริงแล้วความสวยของเธอคือคำสาป ของสำคัญ (Precious) – มายด์ 4EVE [OFFICIAL MV] | เพลงจากละคร ทองประกายแสด

ละคร ทองประกายแสด 2567

เธอที่มีชีวิตยากจนพยายามถีบตัวเองให้สูงขึ้น โดยใช้ความสวยเป็น ‘อาวุธ’ และใช้ผู้ชายเป็น ‘บันได’ แล้วใครจะให้ราคา และเห็นคุณค่า แต่เธอไม่มีคำว่าอายกับคำดูถูกเย้ยหยัน ว่าเธอเป็นได้แค่ “อีทองดี”

ฉันชื่อ “ทองดี” ฉันเป็นเด็กกำพร้า เพราะฉันจน ใครๆก็เรียกฉันว่า “อีทองดี” แต่ถ้าเรื่องผู้ชายฉันก็มีความฝันเหมือนทุกคน ฉันอยากแต่งงาน ฉันผิดเหรอ ที่ฉันเชื่อคนง่าย ใช่ฉันอาจจะโง่ แต่ฉันก็สวย คนอย่างฉัน อยากได้อะไรก็ต้องได้ แม้ต้องแลกกับการนอนกับผู้ชายที่ฉันไม่ชอบ ฉันก็ไม่แคร์ และในที่สุดฉันก็ได้เจอกับผู้ชายที่เป็นรักแรกของฉัน แต่เขาดูถูกฉันว่าฉันซื้อได้ด้วยเงิน แต่สำหรับฉันถ้าเป็นเรื่องผู้ชาย ฉันพร้อมนับหนึ่งใหม่ได้เสมอ 

จากทองดีสู่ทองประกาย การเดินทางสุดแซ่บ

ทองดีตัดสินใจทิ้งอดีตอันขมขื่น แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็น ทองประกาย สาวสวยสุดมั่นที่พร้อมบุกเมืองหลวง เธอใช้ความสวยและเสน่ห์เป็นอาวุธ เรียกว่าปังสุด เธอบอกตัวเองว่า “ถ้าต้องนอนกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ฉันก็ยอม!” และนี่แหละคือจุดที่ทำให้เราต้องกรี๊ด เพราะทองประกายไม่ได้เจอแค่ผู้ชาย 1-2 คน แต่ถึง 9 คน ที่กลายเป็นบันไดในชีวิตของเธอ มาดูกันว่ามีใครบ้าง

มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ): พระเอกสุดอบอุ่น ที่เหมือนแสงสว่างในชีวิตของทองประกาย แต่เดี๋ยวก่อน! เขาก็มีโมเมนต์ที่ทำให้ใจสลาย

พิสุทธิ์ (เก้า จิรายุ): หนุ่มหล่อที่ทองประกายใช้เป็นสเต็ปแรกในการไต่เต้า แต่ความสัมพันธ์นี้แซ่บและเจ็บ

วีระชัย (เอี๊ยง สิทธา): ผู้ชายที่มีอำนาจและเงินทอง แต่มาพร้อมดราม่าการทรยศ

มิตร (สน ยุกต์): หนุ่มที่เข้ามาในจังหวะที่ทองประกายเริ่มท้อ หวานจนต้องจิกหมอน

และยังมี ก้อง สหรัถ, เต๋า สมชาย, โอ๊ต ปราโมทย์, ตูมตาม ยุทธนา, อาร์ต พศุตม์ ที่แต่ละคนเพิ่มสีสันให้เรื่องนี้ปังยิ่งขึ้น

ทองประกายใช้ผู้ชายเหล่านี้เป็น “บันได” เพื่อก้าวจากร้านขายของชำสู่การเป็นคุณทองประกายที่เลิศหรู ร่ำรวย และมีชื่อเสียง แต่ ชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ดราม่าพลิกชีวิต รักแรกที่เจ็บปวด

สิ่งที่ทำให้เราน้ำตาแตกคือตอนที่ทองประกายเจอกับ รักแรก ของเธอ หนุ่มคนนี้ (เดาว่าน่าจะเป็นมนตรา) ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง แต่เขากลับดูถูกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ “ซื้อได้ด้วยเงิน” โอ๊ย เจ็บจี๊ดถึงใจ คำพูดนี้เหมือนตบหน้าทองประกาย แต่แทนที่เธอจะยอมแพ้ เธอกลับบอกตัวเองว่า “ถ้าเป็นเรื่องผู้ชาย ฉันนับหนึ่งใหม่ได้เสมอ!” และนี่คือสปิริตของสาวแกร่งที่ทำให้เราต้องปรบมือ

แต่โลกนี้มันโหดร้ายนะทุกคน ความสวยของทองประกายทั้งช่วยให้เธอได้ทุกอย่างและทำร้ายเธอในเวลาเดียวกัน เธอต้องเจอกับการทรยศ การหักหลัง และปมในใจที่หนักหน่วง ทุกครั้งที่เธอคิดว่าใกล้ถึงฝัน ดราม่าก็พุ่งเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัว! ตัวละครอย่าง ฤดี คู่ปรับสุดแซ่บ ยังคอยซ้ำเติมด้วยการเปิดโปงความลับของเธอ ทำให้ทองประกายต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ความรักและความสำเร็จมันมาพร้อมราคาที่ต้องจ่าย

คำถามสุดพีค ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีผัวได้สักกี่คน?

นี่คือคำถามที่ละครโยนมาให้เราคิด ชีวิตของทองประกายเหมือนรถไฟเหาะ เธอผ่านผู้ชาย 9 คน แต่ละคนสอนบทเรียนชีวิตที่ต่างกันไป บางคนให้ความรัก บางคนให้ความเจ็บปวด และบางคนทำให้เธอต้องกลับมามองตัวเอง ละครชวนให้เราลุ้นว่า “ทองประกายจะเจอรักแท้ไหม?” และ “ความรักมันสำคัญขนาดไหน จนทำให้เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อมัน?”

เบื้องหลังละครสุดฮอต ทองประกายแสด 2567 ที่ทำเอาคนทั้งประเทศติดงอมแงม ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแซ่บ นักแสดงปัง แต่ทีมงานเบื้องหลังคือระดับตัวแม่ตัวพ่อของวงการเลยนะ ไปดูกันว่าใครเป็นใคร และทำไมละครถึงออกมาดราม่าจัดเต็มแบบนี้

บทประพันธ์โดย สุวรรณี สุคนธา – ตำนานบทดราม่าสุดเข้ม

%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5004 e1617425342648
สุวรรณี สุคนธา

เริ่มที่ สุวรรณี สุคนธา นักเขียนในตำนานที่สร้างเรื่องราวของ “ทองประกายแสด” ขึ้นมา คุณป้าเขาคือตัวจริงเรื่องการเขียนนิยายดราม่าที่จิกกัดใจ เรื่องนี้เป็นงานสุดคลาสสิกที่เล่าถึงชีวิตของสาวแกร่งที่ไต่เต้าจากศูนย์สู่ร้อย ผ่านรัก โลภ โกรธ หลง บอกเลยว่า บทต้นฉบับของคุณป้าสุวรรณีคือรากฐานที่ทำให้ละครเรื่องนี้มีกลิ่นอายความแซ่บแบบดั้งเดิม แต่ยังคงทรงพลังจนถึงปี 2567 ถ้าคุณป้าไม่เขียนเรื่องนี้มา เราไม่มีทางได้กรี๊ดกับทองประกายแน่นอน

บทโทรทัศน์โดย สร้างสรรค์ สันติมณีรัตน์ และ เสธินันท์ จริยวิลาศกุล – คู่หูนักปั้นบทสุดปัง

2bLDd 5f
สร้างสรรค์ สันติมณีรัตน์

ต่อมา ต้องให้เครดิต สร้างสรรค์ สันติมณีรัตน์ และ เสธินันท์ จริยวิลาศกุล ที่หยิบต้นฉบับของป้าสุวรรณีมาปัดฝุ่นใหม่ให้เป๊ะปัง สองคนนี้คือสุดยอดนักเขียนบทโทรทัศน์ที่รู้ใจคนดู เขาเอาความดราม่าดั้งเดิมมาปรับให้ทันสมัย เพิ่มความแซ่บด้วยบทสนทนาที่จิกกัดสุดๆ และหักมุมที่ทำเอาต้องร้อง “อะไรนะ?!” ทุกตอน ฉากปะทะคารมระหว่างทองประกายกับฤดี หรือฉากรักสามเส้าที่ลุ้นจนตัวโก่ง บอกเลยว่านี่คือฝีมือของสองคนนี้ที่ทำให้เรานั่งไม่ติด ปรบมือรัวๆ ให้ทีมเขียนบทเลย

กำกับการแสดงโดย กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข – ผู้กำกับที่เนรมิตทุกฉากให้เดือด

3 %E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%84%E0%B8%9B 1
กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข

มาถึงตัวพ่อของงานกำกับ กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข พี่กู่คือคนที่ทำให้ทุกฉากใน “ทองประกายแสด” ออกมาสวยและอินสุดๆ ไม่ว่าจะฉากดราม่าน้ำตาแตก หรือฉากแซ่บๆ ที่ตัวละครปะทะกันแบบไฟลุก พี่กู่จัดการได้เป๊ะ เขารู้วิธีดึงอารมณ์นักแสดงให้ถึงขีดสุด โดยเฉพาะใบเฟิร์นที่เล่นเป็นทองประกาย ฉากร้องไห้ขอโทษมนตรา หรือฉากที่ต้องแสดงความทะเยอทะยานแบบสุดโต่ง บอกเลยว่าพี่กู่กำกับให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดและความหวังของตัวละครได้จริงๆ งานภาพก็สวย แสงสีคือปัง ต้องยกนิ้วให้พี่กู่เลย

อำนวยการผลิตโดย พี่ฉอด สายทิพย์ และ เอส วรฤทธิ์ – คู่หูโปรดิวเซอร์ตัวแม่

566000004802301
พี่ฉอด สายทิพย์ และ เอส วรฤทธิ์

พูดถึงเบื้องหลังจะขาดสองคนนี้ไปไม่ได้ พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย คือทีมอำนวยการผลิตที่ทำให้ “ทองประกายแสด” ออกมาเป๊ะทุกองศา พี่ฉอดคือตำนานวงการละครไทย รู้ใจคนดูสุดๆ ส่วนพี่เอสก็มาช่วยเสริมทัพให้ทุกอย่างลงตัว ตั้งแต่การคัดเลือกนักแสดงระดับท็อปอย่างใบเฟิร์น, เจษ, เก้า, สน และอีกมากมาย ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพงานโปรดักชันให้ออกมาสมบูรณ์แบบ! ทั้งสองคนนี้คือคนที่ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

ผลิตโดย CHANGE2561 – ค่ายที่การันตีความปัง
ปิดท้ายด้วย CHANGE2561 ค่ายผลิตละครที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ “ทองประกายแสด”! ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำละครคุณภาพที่ทั้งแซ่บและมีสาระ ไม่ว่าจะงานภาพ ดนตรีประกอบ หรือการเลือกทีมงาน ทุกอย่างคือระดับพรีเมียม CHANGE2561 ทำให้ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่รีเมคธรรมดา แต่เป็นการยกระดับให้กลายเป็นละครที่ครองใจคนดูในปี 2567

นักแสดง

→ พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ รับบท ทองดี

hq720
พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์

ทองดีคือสาวน้อยกำพร้าที่เกิดมาในครอบครัวจนๆ ไม่มีใครรัก แถมถูกคนรอบข้างเหยียดว่าเป็น “อีทองดี” เธอเติบโตมากับความเจ็บปวดและปมด้อยในใจ แต่สาวคนนี้ไม่ยอมแพ้โชคชะตานะ ด้วยความสวยและเสน่ห์ที่ปังสุด เธอเปลี่ยนชื่อเป็น ทองประกาย แล้วบุกเมืองหลวงเพื่อเปลี่ยนชีวิตให้เลิศหรู เธอใช้ความสวยเป็นอาวุธ ดึงดูดหนุ่มๆ ถึง 9 คนให้กลายเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นมนตรา พิสุทธิ์ วีระชัย หรือมิตร เธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเงินทอง ชื่อเสียง และความรักที่เธอโหยหา

แต่ชีวิตของทองดีไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เธอเจอกับการทรยศ ความรักที่พังทลาย และคำดูถูกจากรักแรกที่บอกว่าเธอ “ซื้อได้ด้วยเงิน” โอ้โห เจ็บจี๊ดถึงใจเลย แต่ทองดีคือสาวแกร่ง เธอบอกตัวเองว่า “ถ้าเรื่องผู้ชาย ฉันนับหนึ่งใหม่ได้เสมอ” ระหว่างทาง เธอต้องเผชิญหน้ากับตัวเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และค้นหาความรักที่แท้จริง โดยเฉพาะกับมนตราที่เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิต การแสดงของใบเฟิร์นในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดทั้งความเข้มแข็ง ความเปราะบาง และความทะเยอทะยานได้แบบลงตัวสุดๆ ทำให้เรารู้สึกถึงทุกอารมณ์ของทองดี

ฉายา “ราชินีแห่งบันไดทอง”
เพราะเธอใช้ความสวยและไหวพริบสร้างบันไดแห่งชีวิตจากดินสู่ฟ้า ผ่านผู้ชายถึง 9 คน เธอคือสาวที่ไม่ยอมให้ความจนหรือปมในใจมาหยุดฝันของตัวเอง บอกเลยว่าฉายานี้คือปังและเหมาะกับเธอมาก

ข้อคิด ความรักที่แท้จริงเริ่มจากยอมรับตัวเอง
ทองดีสอนเราว่า การวิ่งตามความสำเร็จหรือความรักด้วยการหลอกลวงอาจทำให้ได้ทุกอย่างมา แต่สุดท้ายมันว่างเปล่าถ้าใจเราไม่ซื่อสัตย์ การเดินทางของเธอที่เรียนรู้จากความผิดพลาดและเลือกยอมรับตัวตนที่แท้จริง ทำให้เราเห็นว่าความรักที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากรักตัวเองและกล้าเผชิญหน้ากับอดีต

→ จิรายุ ละอองมณี รับบท พิสุทธิ์

09a4a360 20ef 11ec 8246 c199f7a3fd3a original
จิรายุ ละอองมณี

พิสุทธิ์คือหนุ่มหล่อที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวแกร่งที่กำลังไต่เต้าจากดินสู่ดาว ในละคร พิสุทธิ์คือหนึ่งใน “บันได” ที่ทองประกายใช้เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ เขาเป็นผู้ชายที่มีทั้งเสน่ห์และสถานะในสังคม ทำให้ทองประกายเห็นโอกาสในการใช้เขาเพื่อผลประโยชน์ แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพิสุทธิ์ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือในเกมของเธอ เขามีความรู้สึก มีความคาดหวัง และมีด้านที่ซับซ้อนของตัวเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างพิสุทธิ์กับทองประกายเต็มไปด้วยความตึงเครียดและดราม่า เมื่อทองประกายใช้เสน่ห์เพื่อดึงดูดเขา เขาก็เริ่มมีใจให้ แต่เมื่อรู้ว่าเธออาจไม่ได้จริงใจ 100% ความเจ็บปวดและการหักหลังก็ตามมา การแสดงของเก้าในบทนี้คือสุดยอด เขาถ่ายทอดทั้งความหลง ความโกรธ และความผิดหวังได้แบบถึงอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกถึงความซับซ้อนของพิสุทธิ์ ว่าเขาไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ถูกหลอก แต่เป็นคนที่มีหัวใจและศักดิ์ศรีของตัวเอง

ฉายา “หนุ่มหล่อใจร้อน”
เพราะเก้าในบทนี้คือทั้งหล่อและมีไฟในตัว พิสุทธิ์เป็นคนที่ทุ่มสุดตัวในความรักและความรู้สึก แต่เมื่อเจอการทรยศ เขาก็พร้อมระเบิดอารมณ์และปกป้องตัวเอง ฉายานี้คือตัวแทนของความหล่อที่มาพร้อมความเดือดที่ทำให้คนดูต้องจับตา

ข้อคิด ความไว้วางใจคือสิ่งที่ต้องใช้เวลา
พิสุทธิ์สอนเราว่าความไว้วางใจในความรักหรือความสัมพันธ์ไม่ใช่สิ่งที่ให้กันง่ายๆ การที่เขาต้องเผชิญหน้ากับการถูกใช้เป็นเครื่องมือของทองประกาย ทำให้เห็นว่าการมอบใจให้ใครสักคนต้องใช้เวลาและความจริงใจ ถ้าเรารีบร้อนเกินไป อาจเจ็บปวดเหมือนที่พิสุทธิ์ต้องเจอ

→ สิทธา สภานุชาติ รับบท วีระชัย

สิทธา สภานุชาติ

วีระชัยคือหนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวที่กำลังไต่เต้าจากศูนย์สู่จุดสูงสุดด้วยความสวยและเสน่ห์ เขาคือผู้ชายที่มีทั้งอำนาจและทรัพย์สมบัติ ทำให้เขาเป็น “บันได” สำคัญในเส้นทางของทองประกายที่อยากจะกลายเป็นคุณหญิงสุดเลิศหรู วีระชัยมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจ เขารู้ว่าตัวเองมีอะไรอยู่ในมือ และใช้มันเพื่อควบคุมสถานการณ์รอบตัว

แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะความสัมพันธ์ระหว่างวีระชัยกับทองประกายไม่ได้มีแค่เรื่องผลประโยชน์ เขามีทั้งความหลงใหลในตัวเธอและความระแวงในเจตนาของเธอ เมื่อทองประกายเริ่มใช้เขาเป็นเครื่องมือ ดราม่าก็พุ่งกระจาย ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคือจุดที่ทำให้เราลุ้นว่า วีระชัยจะยอมให้ทองประกายเดินนำ หรือจะตีกลับแบบที่ทำให้เธอต้องสะดุ้ง การแสดงของเอี๊ยง สิทธาคือเด็ดมาก เขาทำให้วีระชัยมีทั้งความน่าเกรงขามและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ ทำให้เรารู้สึกถึงมิติของตัวละครที่ไม่ใช่แค่คนรวยเย่อหยิ่ง

ฉายา “เจ้าแห่งอำนาจ”
เพราะเขาคือตัวแทนของพลังและสถานะในสังคมที่ทองประกายอยากคว้าไว้ เขาคือผู้ชายที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างได้ แต่ก็มีจุดที่ทำให้เห็นว่า อำนาจที่เขามีอาจไม่ได้ปกป้องหัวใจของเขาเสมอไป ฉายานี้คือปังและเหมาะสมสุดๆ

ข้อคิด อำนาจไม่ซื้อใจคนได้เสมอไป
วีระชัยสอนเราว่า ต่อให้มีเงินทองและอำนาจมากแค่ไหน มันก็ซื้อความจริงใจหรือความรักแท้ไม่ได้ ความสัมพันธ์ของเขากับทองประกายที่เริ่มจากผลประโยชน์ทำให้เห็นว่า ถ้าไม่มีรากฐานของความไว้วางใจ ความสัมพันธ์นั้นอาจพังทลายได้ง่ายๆ

→ ยุกต์ ส่งไพศาล รับบท มิตร

ยุกต์ ส่งไพศาล

มิตรคือสารวัตรหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) ในช่วงที่เธอกำลังสิ้นหวังจากการทรยศและการไต่เต้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาเป็นสามีคนที่ 4 ของทองประกาย ชายหนุ่มที่ดูเหมือนรู้หน้าไม่รู้ใจ แต่จริงๆ แล้วมีด้านที่อบอุ่นและจริงใจซ่อนอยู่ใต้เครื่องแบบตำรวจ มิตรคือคนที่ไม่ตัดสินอดีตของทองประกาย เขาเข้ามาแบบไม่คาดคิด นำพาความหวังและความรักที่บริสุทธิ์มาให้เธอในยามที่เธอต้องการที่สุด

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้หวานอย่างเดียว เพราะมิตรมีด้านที่ซับซ้อน เขาต้องเผชิญกับความลับและความขัดแย้งในความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยดราม่า ฉากเลิฟซีนระหว่างเขากับทองประกายในตอนที่ 9 คือจุดพีคที่ทำเอาคนดูตาค้าง เพราะมันทั้งเดือดและสะท้อนถึงเคมีที่เข้ากันสุดๆ การแสดงของสน ยุกต์ ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความแกร่งของสารวัตรและความอ่อนโยนที่ทำให้ทองประกายเริ่มเห็นคุณค่าของรักแท้ ทำให้เรารู้สึกถึงมิติของตัวละครที่เป็นมากกว่าแค่คู่รัก แต่เป็นกระจกสะท้อนสังคมจริงๆ

ฉายา “สารวัตรใจเหล็ก”
เพราะภายใต้เครื่องแบบที่แข็งแกร่ง เขามีหัวใจที่มั่นคงและปกป้องคนที่รักได้แบบไม่หวั่นไหว ฉายานี้คือตัวแทนของความเท่ที่มาพร้อมความภักดีที่ทำให้คนดูหลงรัก

ข้อคิด รักแท้คือการยอมรับโดยไม่ตัดสิน
มิตรสอนเราว่า รักแท้ไม่ได้มองแค่อดีตหรือข้อบกพร่องของอีกฝ่าย แต่คือการยอมรับและยืนเคียงข้างในยามที่อีกคนกำลังพังทลาย มันทำให้เห็นว่าความรักที่แท้จริงต้องมาจากความเข้าใจ ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์หรือสถานะ

→ สมชาย เข็มกลัด รับบท บุ๊น

hq720
สมชาย เข็มกลัด

บุ๊นคือหนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดชายหนุ่มเพื่อไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เขาเป็นสามีคนที่ 3 ของทองประกาย ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นบันไดสำคัญในเส้นทางของเธอ ด้วยบุคลิกที่แข็งแกร่งและมีด้านที่ลึกลับ บุ๊นมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน เขาไม่ใช่แค่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นคนที่อาจมีอดีตมืดมนและเกี่ยวข้องกับโลกใต้ดิน ทำให้ความสัมพันธ์กับทองประกายเต็มไปด้วยความตึงเครียดและอันตราย

แต่ เรื่องมันมีมิติมากกว่านั้น เพราะบุ๊นเริ่มจริงใจกับทองประกายในบางช่วง แต่เมื่อความลับและการทรยศเริ่มเปิดเผย ดราม่าก็ระเบิดใหญ่ การแสดงของเต๋า สมชาย ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความดุดันในฉากแอคชั่นและความอ่อนไหวที่ซ่อนไว้ ทำให้บุ๊นกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “เงามืดแห่งบันได”
เพราะเขาเป็นบันไดที่ทองประกายก้าวขึ้นไป แต่มาพร้อมเงามืดจากอดีตที่อาจพาเธอตกสู่หายนะ ฉายานี้คือตัวแทนของความลึกลับที่ทำให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์ดึงดูด

ข้อคิด ความรักในเงามืดอาจนำพาความเจ็บปวด
บุ๊นสอนเราว่า ความรักที่เริ่มจากผลประโยชน์หรืออดีตที่ซ่อนไว้ อาจนำพาความเจ็บปวดที่คาดไม่ถึง มันทำให้เห็นว่าการยึดติดกับคนที่ไม่เปิดเผยตัวตนทั้งหมด อาจทำให้เราต้องจ่ายราคาแพงในที่สุด

→ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ รับบท มนตรา

เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์

มนตราเป็นสามีคนที่ 5 ของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้ผู้ชายเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ เขาคือรักแท้และรักจริงของทองประกาย ชายหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและความอบอุ่น ทำให้เขาเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในชีวิตของเธอ มนตราเข้ามาในช่วงที่ทองประกายกำลังพังทลายจากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา และกลายเป็นคนที่ยอมรับเธอทั้งหมด แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาจากอดีตของเธอและแม่อุ๊ (แม่ผัวที่ไม่ปลื้ม)

แต่ ชีวิตของมนตราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยอุปสรรค เช่น การจากลาที่สะเทือนใจและการที่โจทก์ตัวตึงจากอดีตของทองประกายโผล่มาทุกเมื่อ การแสดงของเจษ ในบทนี้คือสุดยอด เขาถ่ายทอดทั้งความนุ่มนวลในฉากรักและความเศร้าที่ทำให้น้ำตาไหล ทำให้มนตรากลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “สามีรักแท้หมายเลขห้า”
เพราะเขาเป็นคนสุดท้ายที่ทองประกายเลือก และเป็นรักแท้ที่เธอตามหามาตลอด ฉายานี้คือตัวแทนของความภักดีที่ยืนหยัดท่ามกลางดราม่าทั้งหมด

ข้อคิด รักแท้ต้องผ่านการทดสอบจากอดีต
มนตราแสดงให้เห็นว่า รักแท้ไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือการยืนเคียงข้างผ่านอุปสรรคและอดีตที่มืดมน มันทำให้เราเข้าใจว่าความรักที่ยั่งยืนต้องอาศัยความอดทนและการให้อภัยเพื่อก้าวต่อไป

→ ปราโมทย์ ปาทาน รับบท บีที

hq720
ปราโมทย์ ปาทาน

บีทีคือผู้ชายคนที่ 6 ในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้ชายหนุ่มเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ เขาเข้ามาในช่วงที่ทองประกายกำลังพังทลายหลังสูญเสียมนตรา และเริ่มต้นในฐานะผู้จัดการของเธอ แต่จริงๆ แล้วบีทีคือผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เขาเอาเปรียบทองประกายทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ก้าวก่ายทุกอย่างจนเกิดปากเสียงใหญ่ และยังพยายามจะทำชั่วกับเธอแบบที่ทำให้เรื่องพีคสุดๆ

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ชั่วร้ายอย่างเดียว เพราะบีทีมีด้านที่ซับซ้อนจากอดีตและครอบครัว เช่น ลูกสาวที่กลัวเขาเพราะเห็นด้านมืด จุดจบของเขาคือการฆ่าตัวตายแบบอนาถา ซึ่งเป็นหักมุมที่ทั้งตลกและสะเทือนใจ การแสดงของโอ๊ต ปราโมทย์ ในบทนี้คือเด็ด เขาถ่ายทอดทั้งความเจ้าเล่ห์ในฉากปะทะและความสิ้นหวังที่ซ่อนไว้ ทำให้บีทีกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกลียดและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ผู้จัดการเจ้าเล่ห์”
เพราะเขาเริ่มจากฐานะผู้จัดการที่ดูเหมือนช่วยเหลือ แต่จริงๆ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นหลอกลวงและเอาเปรียบทองประกายทุกทาง ฉายานี้คือตัวแทนของความสองหน้าและเล่ห์เหลี่ยมที่ทำให้เรื่องเดือด

ข้อคิด เล่ห์เหลี่ยมอาจนำพาจุดจบที่คาดไม่ถึง
บีทีสอนเราว่า การใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาเปรียบคนอื่นอาจได้ผลชั่วคราว แต่สุดท้ายมันจะกลับมาทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง ทำให้เห็นว่าความจริงใจในความสัมพันธ์สำคัญกว่าการหลอกลวงเสมอ

→ ยุทธนา เปื้องกลาง รับบท แดม

d6e8de10 8393 11ed ade0 450d6846dda8 webp original
ยุทธนา เปื้องกลาง

แดมคือหนึ่งในผู้ชายที่โคจรเข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่กำลังมูฟออนหลังจากสูญเสียความรักและโอกาสในอดีต เขาเป็นสามีคนที่ 7 ในเส้นทางของทองประกาย ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะมอบโอกาสใหม่ให้เธอในเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและชื่อเสียง แดมมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความมั่นใจ เขาเป็นคนที่ช่วยผลักดันทองประกายให้ก้าวต่อไปในวงการบันเทิงหรือธุรกิจที่เธอใฝ่ฝัน แต่เบื้องหลังนั้นคือความซับซ้อนที่อาจนำพาความขัดแย้งมาสู่เธอ

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะแดมมีด้านที่ลึกลับและอาจเกี่ยวข้องกับการทรยศหรือผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ ทำให้ความสัมพันธ์กับทองประกายเต็มไปด้วยความลุ้นและดราม่า การแสดงของตูมตาม ยุทธนา ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความอบอุ่นในฉากช่วยเหลือและความเข้มข้นที่ทำให้คนดูต้องสงสัยในเจตนาของเขา ทำให้แดมกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าดึงดูดและน่ากังวลในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ผู้มอบโอกาสลึกลับ”
เพราะเขาโผล่มาพร้อมโอกาสใหม่ให้ทองประกาย แต่มาพร้อมปริศนาที่อาจซ่อนดราม่าไว้ข้างหลัง ฉายานี้คือตัวแทนของเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องเดือดยิ่งขึ้น

ข้อคิด โอกาสใหม่ต้องระวังเงามืด
แดมสอนเราว่า โอกาสใหม่ในชีวิตอาจดูสวยงาม แต่ต้องระวังเงามืดที่ตามมาเสมอ มันทำให้เห็นว่าการก้าวต่อไปต้องอาศัยทั้งความกล้าและการไตร่ตรองเพื่อไม่ให้พลาดท่า

→ พศุตม์ บานแย้ม รับบท โฬม

e20f9080 2b9f 11ef 8e02 cd37a902b3d8 webp original
พศุตม์ บานแย้ม

โฬมคือหนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวที่ใช้ความสวยและเสน่ห์ไต่เต้าจากดินสู่ดาว เขาเป็นสามีคนที่ 8 ในเส้นทางชีวิตของเธอ ชายหนุ่มที่มีคาแร็กเตอร์ดิบๆ และเต็มไปด้วยพลัง เขาเป็นคนที่ดูแข็งแกร่งและอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการที่ทองประกายพยายามจะก้าวเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือแวดวงที่มีอิทธิพล โฬมคือบันไดที่ดูเหมือนจะช่วยผลักดันเธอให้สูงขึ้น แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงและความขัดแย้ง

ความสัมพันธ์ระหว่างโฬมกับทองประกายเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะเขาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาเล่นเกมกับเขาได้ง่ายๆ เขามีทั้งความหลงใหลในตัวทองประกายและความระแวงในเจตนาของเธอ ซึ่งนำไปสู่ดราม่าที่ทำให้คนดูต้องลุ้น การแสดงของอาร์ต พศุตม์ ในบทนี้คือเด็ด เขาถ่ายทอดทั้งความแข็งแกร่งและความซับซ้อนของโฬมได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนสำคัญที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่องราว

ฉายา นักสู้แห่งบันได”
 เพราะเขาเป็นบันไดที่แข็งแกร่งในเส้นทางของทองประกาย แต่ก็พร้อมสู้และปกป้องตัวเองเมื่อถูกท้าทาย ฉายานี้คือตัวแทนของความดุดันและความทนทานที่ทำให้เขาน่าจับตามอง

ข้อคิด ความแข็งแกร่งต้องมาพร้อมความระวัง
โฬมสอนเราว่า ความแข็งแกร่งและอิทธิพลอาจทำให้เราดูยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไม่ระวังตัวในความสัมพันธ์หรือการตัดสินใจ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น

→ สหรัถ สังคปรีชา รับบท ประจักษ์

hq720
สหรัถ สังคปรีชา

ประจักษ์คือสามีคนที่ 9 ของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดชายหนุ่มเพื่อไต่เต้าสู่จุดสูงสุด เขาเป็นนักการเมืองชราที่มีทั้งอำนาจและทรัพย์สมบัติมหาศาล แต่สุขภาพไม่แข็งแรง ต้องใส่ที่ดามหลังและสนับเข่า กินวิตามินเพียบ ประจักษ์หลงเสน่ห์ของทองประกายอย่างหนัก จนถึงขั้นขอเธอแต่งงานและยกตำแหน่งเมียรัฐมนตรีให้ เพื่อช่วยฟอกภาพลักษณ์ทางการเมืองของตัวเอง

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ซื่อตรงอย่างที่เห็น เพราะประจักษ์มีด้านมืดแบบบ้าอำนาจ หลงเมียน้อย ทำร้ายเมียหลวงและลูกชายอย่างโหดร้าย เขาใช้โฬม (ลูกน้อง) มาทำความรู้จักทองประกาย แต่พอรู้ว่าโฬมทำเกินเลย ก็ลงมือทำร้ายแบบเลือดเย็น แม้จะต้องใช้โฬมต่อไป ความสัมพันธ์กับทองประกายพัฒนาจากการรู้จักสู่การแต่งงานที่ดูเหมือนหวาน แต่จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยผลประโยชน์และดราม่า การแสดงของก้อง สหรัถ ในบทนี้คือสุดยอด เขาถ่ายทอดทั้งความร้ายกาจและความตลกจากสุขภาพชราที่ทำให้คนดูเอ็นดูแบบไม่น่าเชื่อ ทำให้ประจักษ์กลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าขำในเวลาเดียวกัน

ฉายา “นักการเมืองชราบ้าอำนาจ”
เพราะเขาเป็นตัวแทนของนักการเมืองที่ใช้ทุกอย่างรวมถึงเมียใหม่เพื่อรักษาอำนาจ แม้ร่างกายจะทรุด แต่ใจยังบ้าคลั่ง ฉายานี้คือตัวแทนของความสองหน้าที่ทำให้เรื่องเดือด

ข้อคิด อำนาจที่แท้จริงคือการไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์
ประจักษ์สอนเราว่า การใช้ความสัมพันธ์เพื่อฟอกภาพลักษณ์หรือรักษาอำนาจอาจดูฉลาด แต่สุดท้ายมันจะเปิดเผยด้านมืดและนำพาความโดดเดี่ยวมาให้ มันทำให้เห็นว่าอำนาจที่ยั่งยืนต้องมาจากความจริงใจ ไม่ใช่การหลอกลวง

→ เดือนเต็ม สาลิตุล รับบท กิม

เดือนเต็ม สาลิตุล

กิมคือแม่บุญธรรมของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวน้อยกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่เด็กๆ เธอเป็นหญิงม่ายที่ไม่มีลูกของตัวเอง จึงรับทองดีมาอยู่ด้วยตั้งแต่ 1 ขวบ ด้วยความหวังว่าจะช่วยงานร้านขายของชำและเลี้ยงดูเธอในยามแก่ชรา กิมมีคาแร็กเตอร์ที่เข้มงวดและจริงจัง เธอเลี้ยงทองดีด้วยความรักแบบไทยๆ แต่เต็มไปด้วยความคาดหวังและการสั่งสอนที่เข้มข้น ทำให้ทองดีเติบโตมากับปมด้อยและความทะเยอทะยานที่อยากหลุดพ้นจากชีวิตยากจนในชนบท

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด เพราะกิมมีด้านอ่อนโยนที่ซ่อนไว้ เธอคือคนที่จุดประกายให้ทองดีฝันถึงชีวิตที่ดีขึ้น แม้จะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ความผูกพันนี้คือรากฐานของเรื่องราวทั้งหมด การแสดงของเดือนเต็ม สาลิตุล ในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดทั้งความเข้มในฉากสั่งสอนและความอบอุ่นที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความจริงใจ ทำให้กิมกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน

ฉายา “แม่บุญธรรมใจเหล็ก”
เพราะเธอเลี้ยงดูทองดีด้วยความเข้มงวดที่เหมือนเหล็กกล้า แต่เบื้องหลังคือความรักที่มั่นคงและไม่ยอมแพ้ ฉายานี้คือตัวแทนของความแข็งแกร่งที่ทำให้เธอน่าจดจำ

ข้อคิด ความรักแบบบุญธรรมคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
กิมสอนเราว่า ความรักในฐานะพ่อแม่บุญธรรมไม่ได้มาจากเลือดเนื้อ แต่คือการให้โอกาสและเลี้ยงดูแม้จะมีอุปสรรค มันทำให้เห็นว่าความผูกพันที่แท้จริงต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจเพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กัน

→ เคน วิสรรค์ รับบท พิชัย

พิชัยคือหนึ่งในชายหนุ่มที่โคจรเข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดผู้ชายเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ เขาเป็นตัวละครที่อาจเกี่ยวข้องกับเส้นทางในเมืองหลวงของทองประกาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท คู่แข่ง หรือคนที่ช่วยเหลือในช่วงเริ่มต้นการไต่เต้า พิชัยมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือและเสน่ห์ เขาเป็นคนที่ดูเหมือนจะยืนเคียงข้างทองประกาย แต่ก็มีด้านที่ซับซ้อนซึ่งอาจนำพาความขัดแย้งหรือบทเรียนมาสู่เธอ

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น เพราะพิชัยมีบทบาทที่เชื่อมโยงกับดราม่าความรักและการทรยศ ทำให้ความสัมพันธ์กับทองประกายเต็มไปด้วยความลุ้นและหักมุม การแสดงของเคน วิสรรค์ ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความอบอุ่นและความเข้มข้นได้อย่างลงตัว ทำให้พิชัยกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าค้นหาและน่าจดจำในเวลาเดียวกัน

ฉายา “เพื่อนสนิทผู้ซ่อนเร้น”
เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดที่ดูเหมือนเชื่อถือได้ แต่ซ่อนด้านลึกลับที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ฉายานี้คือตัวแทนของเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม

ข้อคิด เพื่อนแท้ต้องผ่านการพิสูจน์
พิชัยสอนเราว่า เพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่ดูดีในตอนแรก ต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยเวลาและสถานการณ์จริง มันทำให้เห็นว่าความไว้วางใจต้องอาศัยการเปิดเผยตัวตนทั้งหมดเพื่อไม่ให้ถูกหักหลัง

→ ณปภา ตันตระกูล รับบท ศรีวิไล

ณปภา ตันตระกูล

ศรีวิไลคือตัวละครหญิงที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธอเป็นตัวละครที่อาจเป็นคู่แข่ง เพื่อน หรือตัวละครที่เชื่อมโยงกับวงสังคมของทองประกายในเมืองหลวง ศรีวิไลมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์ เธอรู้วิธีเอาตัวรอดในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และอาจมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนดราม่าหรือการตัดสินใจของทองประกาย

แต่ ศรีวิไลไม่ได้เป็นแค่ตัวละครที่สวยและมั่นใจ เพราะเธอมีด้านที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องตัวเองหรือการเผชิญหน้ากับความท้าทายในความสัมพันธ์ ทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสนใจและน่าติดตาม การแสดงของณปภาในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความสง่างามและความเข้มข้นได้อย่างลงตัว ทำให้ศรีวิไลกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าหลงใหลและมีมิติในเวลาเดียวกัน

ฉายา “สาวแกร่งแห่งเมืองหลวง”
เพราะเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่แข็งแกร่งและรู้จักใช้เสน่ห์เพื่อยืนหยัดในสังคมเมืองใหญ่ ฉายานี้คือตัวแทนของความมั่นใจที่ทำให้เธอโดดเด่น

ข้อคิด ความแข็งแกร่งต้องควบคู่กับความจริงใจ
ศรีวิไลสอนเราว่า ความแข็งแกร่งในการต่อสู้เพื่อตัวเองในโลกที่โหดร้ายนั้นสำคัญ แต่ถ้าขาดความจริงใจต่อตัวเองและคนรอบข้าง อาจทำให้เราสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากกว่า มันทำให้เห็นว่าการยืนหยัดต้องมาพร้อมกับจิตใจที่ซื่อตรง

→ สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ รับบท วรรณา

575dd1a0 7b4c 11ec a9c7 597f06aa63c9 webp original
สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์

วรรณาคือแม่ของ วีระชัย (เอี๊ยง สิทธา) และเป็นแม่ผัวสุดแกร่งของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มงวด จริงจัง และไม่ยอมแพ้ให้ลูกสะใภ้ที่มาจากฐานะต่ำต้อย วรรณามีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและการปกป้องครอบครัว เธอเปิดศึกหยุมหัวกับทองดีไม่เว้นวัน ไม่ว่าจะเรื่องกินอยู่หรือฐานะ ทำให้เกิดดราม่าหนักหน่วงในบ้าน

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ร้ายแบบเต็มตัว เพราะวรรณามีด้านที่แสดงการแสดงหลากหลาย ทั้งดุ ตลก นิ่ง และโวยวาย ซึ่งทำให้เธอมีมิติมากขึ้น การแสดงของหมวย สุภาภรณ์ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความเข้มในฉากปะทะและความน่ารักที่ซ่อนไว้ ทำให้วรรณากลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกลียดและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน

ฉายา “แม่ผัวดุเดือด”
เพราะเธอคือตัวแทนของแม่ผัวที่พร้อมเปิดศึกทุกวันเพื่อปกป้องลูกชายและฐานะครอบครัว ฉายานี้คือตัวแทนของความแกร่งที่ทำให้ดราม่าเดือดพล่าน

ข้อคิด การปกป้องครอบครัวต้องสมดุลกับการยอมรับ
วรรณาสอนเราว่า การปกป้องครอบครัวด้วยความดุเดือดนั้นสำคัญ แต่ถ้าขาดการยอมรับและเข้าใจคนอื่น อาจนำพาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ มันทำให้เห็นว่าความสมดุลในความสัมพันธ์ต้องมาจากการเปิดใจเพื่อหลีกเลี่ยงดราม่าที่ไม่จำเป็น

→ อำภา ภูษิต รับบท เอี้ยง

อำภา ภูษิต

เอี้ยงคือตัวละครที่เข้ามาในช่วงวัยเด็กของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวน้อยกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้กับครอบครัวบุญธรรม เธออาจเป็นคนรับเลี้ยงหรือญาติห่างๆ ที่มีส่วนในชีวิตยากจนของทองดีในชนบท เอี้ยงมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความเข้มงวดและการเลี้ยงดูแบบไทยๆ เธอช่วยดูแลทองดีในร้านขายของชำ แต่เต็มไปด้วยคำพูดและการกระทำที่สร้างปมด้อยให้เด็กสาวคนนี้ ทำให้ทองดีเติบโตมากับความฝันที่จะหลุดพ้นจากชีวิตเส็งเคร็ง

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ร้ายอย่างเดียว เพราะเอี้ยงมีด้านที่แสดงความห่วงใยแบบแฝงๆ ซึ่งเป็นรากฐานของความทะเยอทะยานในตัวทองดี การแสดงของอำภา ภูษิต ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความดุในฉากสั่งสอนและความอ่อนโยนที่ซ่อนไว้ ทำให้เอี้ยงกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ผู้เลี้ยงใจเข้ม”
เพราะเธอเลี้ยงดูทองดีด้วยความเข้มงวดที่เหมือนหล่อหลอมใจให้แข็งแกร่ง แต่เบื้องหลังคือความห่วงใยที่ไม่ค่อยแสดงออก ฉายานี้คือตัวแทนของความซับซ้อนที่ทำให้เธอน่าจดจำ

ข้อคิด การเลี้ยงดูที่เข้มงวดอาจจุดประกายความฝัน
เอี้ยงสอนเราว่า การเลี้ยงดูแบบเข้มงวดอาจสร้างปมในใจ แต่ก็สามารถจุดประกายให้คนนั้นลุกขึ้นสู้เพื่อฝันได้ มันทำให้เห็นว่าความรักในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะดุหรืออ่อนโยน ล้วนช่วยหล่อหลอมตัวตนให้เติบโต

→ ศิรประภา สุขดำรงค์ รับบท ทิพย์

8cff7bef 8023 4dd0 b747 f5ba24cdb9b8
ศิรประภา สุขดำรงค์

ทิพย์คือตัวละครหญิงที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดผู้ชายเพื่อไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธออาจเป็นเพื่อน คู่แข่ง หรือคนที่เชื่อมโยงกับวงสังคมในเมืองหลวงของทองประกาย ทิพย์มีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความฉลาด เธอรู้วิธีวางตัวในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และอาจมีบทบาทสำคัญในการผลักดันหรือขัดขวางเส้นทางของทองประกาย ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำ การเปิดเผยความลับ หรือการปะทะฝีปากที่แซ่บสุดๆ

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้แบนราบ เพราะทิพย์มีด้านที่ซับซ้อน เธออาจซ่อนความรู้สึกหรือเป้าหมายของตัวเองไว้ ทำให้เกิดดราม่าที่ทั้งลุ้นและตื่นเต้น การแสดงของศิรประภา สุขดำรงค์ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความเฉลียวฉลาดและอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวทิพย์ได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนสำคัญที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่องราว

ฉายา “สาวแซ่บแห่งวงสังคม”
เพราะเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่รู้จักใช้ความฉลาดและเสน่ห์เพื่อยืนหยัดในวงสังคมเมืองใหญ่ ฉายานี้คือตัวแทนของความปังที่ทำให้เธอโดดเด่น

ข้อคิด ความฉลาดต้องควบคู่กับความจริงใจ
ทิพย์สอนเราว่า ความฉลาดในการเอาตัวรอดในสังคมนั้นสำคัญ แต่ถ้าขาดความจริงใจต่อตัวเองและคนอื่น อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ทำร้ายกันเอง มันทำให้เห็นว่าการประสบความสำเร็จต้องมาพร้อมกับจิตใจที่ซื่อตรง

→ ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ รับบท จันทรา

ed987580 86ad 11ee b7a3 67a99425a2a2 webp original
ศกุนตลา เทียนไพโรจน์

จันทราเป็นตัวละครที่เข้ามาในชีวิตวัยเด็กของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวน้อยกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้กับครอบครัวบุญธรรม เธออาจเป็นญาติหรือคนใกล้ชิดที่ช่วยเลี้ยงดูทองดีในร้านขายของชำ จันทรา มีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความเข้มงวดและการปกป้องแบบครอบครัว เธอเลี้ยงทองดีด้วยความรักที่แฝงด้วยคำสั่งสอนและความคาดหวัง ทำให้ทองดีเติบโตมากับปมด้อยแต่ก็ได้รับแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิต

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ดุอย่างเดียว เพราะจันทรา มีด้านอ่อนโยนที่แสดงออกผ่านการดูแลและความห่วงใย ทำให้เธอกลายเป็นรากฐานของความทะเยอทะยานในตัวทองดี การแสดงของศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความเข้มในฉากชีวิตประจำวันและความอบอุ่นที่ซ่อนไว้ ทำให้จันทรา กลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ผู้พิทักษ์ครอบครัวบุญธรรม”
เพราะเธอคือคนที่ยืนหยัดปกป้องทองดีท่ามกลางความยากจน ด้วยความเข้มงวดที่เหมือนเกราะป้องกัน ฉายานี้คือตัวแทนของความมั่นคงที่ทำให้เธอน่าจดจำ

ข้อคิด ความรักแบบครอบครัวบุญธรรมสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง
จันทรา สอนเราว่า ความรักในครอบครัวบุญธรรมที่เข้มงวดอาจสร้างปม แต่ก็หล่อหลอมให้คนนั้นกลายเป็นผู้สู้ชีวิต มันทำให้เห็นว่าการเลี้ยงดูต้องมาพร้อมทั้งความรักและวินัยเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

→ กันติชา ชุมมะ รับบท มาลี

hq720
กันติชา ชุมมะ

มาลีคือตัวละครหญิงที่เข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดผู้ชายเพื่อไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธออาจเป็นเพื่อนสนิท คนรู้จัก หรือตัวละครที่เชื่อมโยงกับสังคมในเมืองหลวงของทองประกาย มาลีมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความสดใสและความมีชีวิตชีวา เธอเป็นคนที่รู้วิธีเอาตัวรอดในวงสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และอาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือหรือสร้างความขัดแย้งให้กับทองประกาย ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำ การแข่งขัน หรือการปะทะที่แซ่บๆ

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้แค่ร่าเริง เพราะมาลีมีด้านที่ซับซ้อน เธออาจซ่อนความรู้สึกหรือเป้าหมายของตัวเองไว้ ทำให้เกิดดราม่าที่ทั้งลุ้นและน่าติดตาม การแสดงของกันติชา ชุมมะ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความมีชีวิตชีวาและความลึกซึ้งของมาลีได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนที่เพิ่มความสนุกและมิติให้กับเรื่องราว

ฉายา “สาวเปรี้ยวแห่งวงสังคม”
เพราะเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่เปรี้ยวซ่า สดใส และรู้วิธีวางตัวในสังคมเมืองใหญ่ ฉายานี้คือตัวแทนของความมีสีสันที่ทำให้เธอโดดเด่น

ข้อคิด ความสดใสต้องควบคู่กับความจริงจัง
มาลีสอนเราว่า ความสดใสและความมีชีวิตชีวาในสังคมนั้นสำคัญ แต่ถ้าขาดความจริงจังหรือเป้าหมายที่ชัดเจน อาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญ มันทำให้เห็นว่าการใช้ชีวิตต้องสมดุลระหว่างความสนุกและความรับผิดชอบ

→ กชกร นิมากรณ์ รับบท ฤดี

ca36bc10 3f12 11ee bd18 430f416b26c8 webp original
กชกร นิมากรณ์

ฤดีคือแม่ของ มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ) และเป็นคู่ปรับตัวร้ายของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มงวดและปกป้องลูกชายสุดตัว รับไม่ได้กับภูมิหลังชีวิตที่เหลวแหลกของทองดี จึงทำทุกทางเพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน ไม่ว่าจะเปิดเผยความลับหรือขัดขวางความรัก ฤดีมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและความภักดีต่อครอบครัว เธอคือตัวแทนของแม่ที่ยอมทำลายทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ร้ายแบบเต็มตัว เพราะฤดีมีด้านที่มาจากความรักและความกลัว ทำให้เธอมีมิติมากขึ้น การแสดงของกชกร นิมากรณ์ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความโกรธในฉากปะทะและความเปราะบางที่ซ่อนไว้ ทำให้ฤดีกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกลียดและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “แม่ปกป้องสุดดุ”
เพราะเธอคือตัวแทนของแม่ที่พร้อมสู้ทุกทางเพื่อลูกชาย แม้จะต้องกลายเป็นตัวร้ายในสายตาคนอื่น ฉายานี้คือตัวแทนของความดุเดือดที่ทำให้ดราม่าเดือดพล่าน

ข้อคิด ความรักของพ่อแม่ต้องสมดุลกับการยอมรับ
ฤดีสอนเราว่า ความรักของพ่อแม่ที่ปกป้องลูกนั้นยิ่งใหญ่ แต่ถ้าขาดการยอมรับและเปิดใจ อาจนำพาความขัดแย้งที่ทำร้ายทุกคน มันทำให้เห็นว่าความสมดุลในครอบครัวต้องมาจากการเข้าใจเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น

→ สิรินาถ สุคันธรัต รับบท แยม

q327706b2wID0crKP2YM o
สิรินาถ สุคันธรัต

แยมคือแฟนเก่าของ มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ) และเป็นนักข่าวช่อง ONE ที่กลายเป็นคู่ปรับตัวแซ่บของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่กำลังชิงรักแท้จากมนตรา เธอเป็นพิธีกรรายการสดโอ้ซี้ดที่ทั้งฉลาดและมีเสน่ห์ แต่เบื้องหลังคือความหวงก้างและความเกลียดชังต่อทองประกายที่เธอมองว่าเป็นสาวบ้านนอกสกปรก แยมมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและการแขวะแบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะปะทะคารมในรายการหรือตามตื๊อเพื่อแยกทั้งคู่ออกห่าง

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้ร้ายแบบแบนๆ เพราะแยมมีด้านที่มาจากความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายที่น่าเอ็นดูในบางมุม การแสดงของกิ๊ฟ สิรินาถ ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความแสบสันในฉากปะทะและความเศร้าที่ซ่อนไว้ ทำให้แยมกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกลียดและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “นักข่าวหวงก้าง”
เพราะเธอคือตัวแทนของนักข่าวที่ใช้ตำแหน่งและปากร้ายมาหวงแฟนเก่าแบบไม่ยอมแพ้ ฉายานี้คือตัวแทนของความแซ่บที่ทำให้ดราม่ารักสามเส้าเดือดพล่าน

ข้อคิด ความหวงในอดีตอาจบดบังโอกาสใหม่
แยมสอนเราว่า การยึดติดกับความหวงจากอดีตอาจทำให้พลาดโอกาสในการก้าวต่อไป มันทำให้เห็นว่าการปล่อยวางและยอมรับความจริงคือกุญแจสู่ความสุขที่แท้จริง

→ กฤตย์ อัทธเสรี รับบท ไพฑูรย์

กฤตย์ อัทธเสรี

ไพฑูรย์คือหนึ่งในผู้ชายที่โคจรเข้ามาในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดชายหนุ่มเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ เขาเป็นตัวละครที่อาจเป็นหนึ่งในบันไดสำคัญในเส้นทางของทองประกาย ด้วยบุคลิกที่เต็มไปด้วยประสบการณ์และอิทธิพล ไพฑูรย์มีคาแร็กเตอร์ที่ซับซ้อน เขาเป็นคนที่ดูเหมือนจะช่วยเหลือหรือเปิดโอกาสให้ทองประกาย แต่ก็มีด้านที่ลึกลับและอาจนำพาความขัดแย้งมาสู่เธอ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา การแข่งขัน หรือการเปิดเผยความลับที่ซ่อนไว้

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้เรียบง่าย เพราะไพฑูรย์มีมิติจากอดีตและบทบาทในสังคมที่ทำให้ความสัมพันธ์กับทองประกายเต็มไปด้วยดราม่าและหักมุม การแสดงของกฤตย์ อัทธเสรี ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความน่าเชื่อถือและความเข้มข้นได้อย่างลงตัว ทำให้ไพฑูรย์กลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าค้นหาและน่ากังวลในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ที่ปรึกษาลึกลับ”
ทำไมถึงเรียกไพฑูรย์ว่า “ที่ปรึกษาลึกลับ” เพราะเขาเป็นคนที่ให้คำแนะนำเหมือนที่ปรึกษา แต่มาพร้อมปริศนาที่อาจเปลี่ยนเกมทั้งหมด ฉายานี้คือตัวแทนของความซับซ้อนที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม

ข้อคิด คำปรึกษาจากประสบการณ์ต้องไตร่ตรองให้ดี
ไพฑูรย์สอนเราว่า คำปรึกษาจากคนที่มีประสบการณ์อาจดูมีค่า แต่ต้องไตร่ตรองให้ดีเพราะอาจซ่อนผลประโยชน์ไว้ มันทำให้เห็นว่าการตัดสินใจในชีวิตต้องอาศัยทั้งฟังและคิดเพื่อไม่ให้พลาดท่า

→ มิณฑิตา วัฒนกุล รับบท ดาว

de10c0c0 d0e9 11ec 86d7 2f70af052f2f original
มิณฑิตา วัฒนกุล

ดาวคือตัวละครหญิงที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่ใช้เสน่ห์ดึงดูดผู้ชายเพื่อไต่เต้าสู่ความสำเร็จ เธออาจเป็นคู่แข่ง เพื่อน หรือตัวละครที่เชื่อมโยงกับวงสังคมในเมืองหลวงของทองประกาย ดาวมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเจิดจรัส เธอเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างในสังคม รู้วิธีวางตัวและใช้เสน่ห์เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกับทองประกายหรือการมีบทบาทในดราม่าความรักและผลประโยชน์

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้แค่สวยและแซ่บ เพราะดาวมีด้านที่ซับซ้อน เธออาจซ่อนความเปราะบางหรือความลับที่ทำให้เกิดการปะทะหรือหักมุมในเรื่อง การแสดงของมิณฑิตา วัฒนกุล ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความสง่างามและอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในตัวดาวได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนสำคัญที่เพิ่มความเข้มข้นและสีสันให้กับเรื่องราว

ฉายา “ดวงดาวแห่งการแข่งขัน”
เพราะเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่ส่องสว่างในสังคม แต่พร้อมแข่งขันเพื่อยืนหนึ่งในทุกด้าน ฉายานี้คือตัวแทนของความเจิดจรัสที่ทำให้เธอโดดเด่น

ข้อคิด ความเจิดจรัสต้องควบคู่กับความถ่อมตน
ดาวสอนเราว่า ความเจิดจรัสและความมั่นใจในตัวเองนั้นสำคัญ แต่ถ้าขาดความถ่อมตนหรือการเคารพคนอื่น อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น มันทำให้เห็นว่าการประสบความสำเร็จต้องสมดุลระหว่างความมั่นใจและความอ่อนน้อม

→ ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ รับบท อนงค์

ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์

อนงค์คือภรรยาของ ประจักษ์ (ก้อง สหรัถ สังคปรีชา) นักการเมืองชราที่หลงเสน่ห์ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่กลายเป็นเมียใหม่ของสามีเธอ อนงค์เป็นคุณหญิงที่เต็มไปด้วยความสง่างามและความอดทน เธอต้องเผชิญหน้ากับการทรยศจากสามีที่ยกตำแหน่งเมียรัฐมนตรีให้ทองประกายเพื่อฟอกภาพลักษณ์ ทำให้ครอบครัวแตกสลาย โดยเฉพาะกับลูกชายเบน (ภัทรพล วัลลภศิริ) ที่ต้องเดือดร้อนตาม อนงค์มีคาแร็กเตอร์ที่ทั้งเศร้าและเข้มแข็ง เธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่ต้องกลืนน้ำตาเพื่อรักษาครอบครัว แต่สุดท้ายต้องยอมรับความจริงที่เจ็บปวด

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด เพราะอนงค์มีด้านที่แสดงความเข้มแข็งในการเผชิญหน้ากับดราม่า ทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจ การแสดงของน้ำผึ้ง ณัฐริกา ในบทนี้คือจุดเด่น เธอถ่ายทอดทั้งความเศร้าในฉากครอบครัวแตกและความสงบที่ซ่อนความเจ็บไว้ ทำให้อนงค์กลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่าชื่นชมในเวลาเดียวกัน

ฉายา “คุณหญิงอดทนแตกสลาย”
เพราะเธอคือตัวแทนของภรรยาที่อดทนกับการทรยศ แต่สุดท้ายครอบครัวก็แตกสลายจากเมียใหม่ ฉายานี้คือตัวแทนของความเศร้าที่ทำให้ดราม่าเข้มข้น

ข้อคิด การอดทนในความสัมพันธ์ต้องมีขีดจำกัด
อนงค์สอนเราว่า การอดทนกับการทรยศในความสัมพันธ์นั้นดี แต่ต้องรู้จักขีดจำกัดเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว มันทำให้เห็นว่าความรักที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับการเคารพ ไม่ใช่การยอมรับทุกอย่าง

→ ภัทรพล วัลลภศิริ รับบท เบน

ภัทรพล วัลลภศิริ

เบนคือลูกชายของ ประจักษ์ (ก้อง สหรัถ สังคปรีชา) และ อนงค์ (น้ำผึ้ง ณัฐริกา) ที่ต้องเผชิญหน้ากับดราม่าครอบครัวเมื่อพ่อของเขาหลงรัก ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) สาวทะเยอทะยานที่กลายเป็นเมียน้อยและได้ตำแหน่งเมียรัฐมนตรี เบนมีคาแร็กเตอร์ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ เขาเป็นหนุ่มที่ต้องรับมือกับการแตกสลายของครอบครัวจากการที่พ่อเลือกทองประกาย ทำให้ทั้งเขาและแม่ต้องเจ็บช้ำ เบนอาจแสดงออกด้วยความก้าวร้าวหรือพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องแม่และเกียรติยศของครอบครัว

แต่ ตัวละครนี้ไม่ได้แค่โกรธเกรี้ยว เพราะเบนมีด้านที่เปราะบางจากความรักต่อครอบครัวและความรู้สึกสูญเสีย ทำให้เขาเป็นตัวละครที่น่าสงสาร การแสดงของภัทรพล วัลลภศิริ ในบทนี้คือจุดเด่น เขาถ่ายทอดทั้งความโกรธในฉากปะทะและความเศร้าที่ซ่อนอยู่ในใจได้อย่างลงตัว ทำให้เบนกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าจับตาและน่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ลูกชายผู้แบกรับความเจ็บ”
เพราะเขาเป็นตัวแทนของลูกที่ต้องแบกความเจ็บปวดจากครอบครัวที่แตกสลาย ฉายานี้คือตัวแทนของความเสียสละที่ทำให้ดราม่าซึ้งกินใจ

ข้อคิด ความเจ็บปวดจากครอบครัวสอนให้เราเข้มแข็ง
เบนสอนเราว่า ความเจ็บปวดจากปัญหาครอบครัวอาจหนักหนา แต่การเผชิญหน้ากับมันด้วยความกล้าจะช่วยให้เราเติบโตและเข้มแข็งขึ้น มันทำให้เห็นว่าความรักต่อครอบครัวต้องมาพร้อมกับการยอมรับและก้าวต่อไป


ข้อคิดจากละครดราม่าแห่งปี ทองประกายแสด 2567 เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แซ่บด้วยพล็อตและนักแสดง แต่ยังแฝงข้อคิดที่ทำให้เรานั่งคิดตามได้ยาวๆ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง

ความทะเยอทะยานต้องควบคู่กับความจริงใจ
เรื่องราวของ ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) ที่ใช้ความสวยและเสน่ห์ไต่เต้าจากดินสู่ดาว สอนเราว่าความทะเยอทะยานในการตามหาความสำเร็จนั้นดี แต่ถ้าขาดความจริงใจต่อตัวเองและคนรอบข้าง อาจนำไปสู่ความสูญเสียและความว่างเปล่าในใจ

รักแท้ต้องผ่านการทดสอบจากอดีต
ความรักระหว่างทองประกายและ มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ) เผชิญหน้ากับอุปสรรคจากอดีตและการทรยศ ทำให้เห็นว่ารักแท้ต้องอาศัยความอดทน การให้อภัย และการยอมรับตัวตนของกันและกันเพื่อก้าวต่อไป

ครอบครัวคือรากฐานที่หล่อหลอมตัวตน
ตัวละครอย่าง กิม (เดือนเต็ม สาลิตุล) และ เอี้ยง (อำภา ภูษิต) แสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดอาจสร้างปม แต่ก็จุดประกายให้ทองดีลุกขึ้นสู้ ข้อคิดคือครอบครัวบุญธรรมหรือครอบครัวแท้ๆ ล้วนมีส่วนหล่อหลอมให้เราแข็งแกร่ง

อำนาจและผลประโยชน์ไม่ยั่งยืนถ้าขาดความซื่อสัตย์
ตัวละครอย่าง ประจักษ์ (ก้อง สหรัถ) และ บีที (โอ๊ต ปราโมทย์) ที่ใช้ทองประกายเพื่อผลประโยชน์ สอนเราว่าอำนาจหรือความสำเร็จที่ได้มาด้วยการหลอกลวงจะพังทลายในที่สุด ความซื่อสัตย์คือรากฐานของความสำเร็จที่ยั่งยืน

การยึดติดกับอดีตอาจทำลายโอกาสในอนาคต
แยม (กิ๊ฟ สิรินาถ) และ ฤดี (กชกร นิมากรณ์) ที่ยึดติดกับความหวงหรือความเกลียดชัง สอนเราว่าการปล่อยวางอดีตคือกุญแจสู่ความสุขและโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต

ทองประกายแสด ไม่ได้มีแค่ดราม่าความรักและการทรยศ แต่ยังให้ข้อคิดที่ทำให้เราคิดถึงการใช้ชีวิต ความรัก และครอบครัว ตั้งแต่เรื่องความทะเยอทะยาน ความซื่อสัตย์ ไปจนถึงการปล่อยวาง บอกเลยว่าเรื่องนี้คือละครที่ครบรสและครบข้อคิด 


ถ้าละครสุดแซ่บ ทองประกายแสด 2567 จากช่อง ONE31 มีภาค 2 จะเป็นยังไง บอกเลยว่าเดือด ปัง และดราม่าจัดเต็มสมกับเป็นทายาทของทองดี/ทองประกาย มาดูกันว่าเรื่องราวจะพุ่งไปในทิศทางไหน

หลังจาก ทองดี หรือ ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) พบรักแท้กับ มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ) และไถ่บาปจากอดีตที่เต็มไปด้วยการทรยศและการไต่เต้า เธอเลือกใช้ชีวิตสงบในเมืองเล็กๆ พร้อมครอบครัวใหม่ แต่เงาอดีตยังตามหลอกหลอน เมื่อ แสงดาว (นักแสดงหน้าใหม่) ลูกสาววัยรุ่นของทองประกายจากสามีคนหนึ่งในอดีต โผล่ขึ้นมาเพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับแม่ที่เธอไม่เคยรู้จัก แสงดาวคือเด็กสาวที่เติบโตในความยากจนเหมือนแม่ในวัยเด็ก แต่มีความฝันใหญ่และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียงในวงการบันเทิง

เมื่อแสงดาวก้าวเข้าสู่เมืองหลวง เธอต้องเผชิญหน้ากับ ฤดี (กชกร นิมากรณ์) ที่ยังคงแค้นทองประกายและกลายเป็นเจ้าของค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ รวมถึง แยม (กิ๊ฟ สิรินาถ) นักข่าวจอมแฉที่ผันตัวเป็นพิธีกรรายการดัง พร้อมขุดอดีตของทองประกายเพื่อทำลายแสงดาว ดราม่าทวีคูณเมื่อแสงดาวหลงรัก ธนา (นักแสดงหน้าใหม่) ลูกชายของ วีระชัย (สิทธา สภานุชาติ) ที่มีปมขัดแย้งกับครอบครัวของมนตรา เรื่องราวจะพาไปสำรวจว่าทองประกายจะปกป้องลูกสาวจากเงาอดีตได้หรือไม่ และแสงดาวจะเดินตามรอยแม่หรือเลือกเส้นทางของตัวเอง

ทองประกาย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก)
แม่ที่พยายามเริ่มต้นใหม่ แต่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตเมื่อลูกสาวโผล่มาพร้อมปมปัญหา เธอเปลี่ยนจากสาวทะเยอทะยานเป็นแม่ที่เสียสละ แต่ยังคงมีเสน่ห์และไหวพริบที่ทำให้คนดูหลงรัก

แสงดาว (นักแสดงหน้าใหม่)
ลูกสาวของทองประกาย เด็กสาวที่มีความฝันใหญ่และความมุ่งมั่นเหมือนแม่ เธอต้องต่อสู้ในวงการบันเทิงที่โหดร้าย พร้อมเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับอดีตของแม่

มนตรา (เจษ เจษฎ์พิพัฒ)
สามีที่รักและสนับสนุนทองประกาย แต่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งเมื่อแสงดาวเข้ามาในชีวิต และต้องปกป้องครอบครัวจากศัตรูเก่า

ฤดี (กชกร นิมากรณ์)
คู่ปรับเก่าที่กลายเป็นเจ้าของค่ายบันเทิง เธอใช้แสงดาวเป็นเครื่องมือแก้แค้นทองประกาย โดยซ่อนความเจ็บปวดจากอดีตไว้

แยม (กิ๊ฟ สิรินาถ)
พิธีกรรายการดังที่ยังคงแค้นทองประกาย เธอพยายามขุดอดีตเพื่อทำลายชื่อเสียงของแสงดาวและครอบครัว

ธนา (นักแสดงหน้าใหม่)
ลูกชายของวีระชัย ชายหนุ่มที่มีความฝันและรักแสงดาว แต่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของเขาและทองประกาย

การต่อสู้ของรุ่นลูก
แสงดาวต้องเผชิญหน้ากับวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เธอจะเดินตามรอยแม่ที่ใช้เสน่ห์ หรือเลือกเส้นทางที่ซื่อสัตย์กว่า

การเผชิญหน้ากับอดีต
ทองประกายต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเก่าอย่างฤดีและแยม รวมถึงความลับจากสามีคนเก่าที่อาจทำลายครอบครัวของเธอ

รักสามเส้าของรุ่นใหม่
ความรักระหว่างแสงดาวและธนาจะถูกทดสอบด้วยความขัดแย้งจากครอบครัวและอดีตของทองประกาย ทำให้เกิดดราม่าที่ทั้งหวานและเจ็บปวด

การไถ่บาปและเริ่มใหม่
ทองประกายจะต้องพิสูจน์ว่าเธอได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และช่วยแสงดาวไม่ให้เดินซ้ำรอยของเธอ

“ทองประกายแสด 2” จะพาคนดูไปเจอกับดราม่ารุ่นใหม่ที่ต่อยอดจากเรื่องราวของทองประกาย ด้วยการผสมผสานระหว่างความแซ่บของวงการบันเทิง ความรักที่ซับซ้อน และการไถ่บาปจากอดีต บอกเลยว่าถ้ามีภาคนี้จริง ต้องปังแน่นอน


เรื่องลึกลับของทีมงาน “ทองประกายแสด” 2567 ช่อง ONE31 ความลับของทีมโปรดักชันที่ทำให้กองถ่ายกลายเป็นปริศนาแบบไม่คาดคิด

ทุกอย่างเริ่มต้นในห้องตัดต่อของทีมโปรดักชัน CHANGE2561 ที่ตั้งอยู่ในอาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ย่านสุขุมวิท 21 (อโศก) ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของละครเรื่องนี้ พี่กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป๊ะ เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติตั้งแต่ช่วงกลางของการถ่ายทำตอนที่ 10 ไฟล์วิดีโอต้นฉบับของฉากดราม่าหนักๆ หายไปจากฮาร์ดไดรฟ์กลางของทีม โดยไม่มีร่องรอยการลบหรือแฮก

ทีมตัดต่อที่นำโดย พี่เอก ช่างตัดต่ออาวุโส ต้องทำงานล่วงเวลานานหลายวันเพื่อรีคัฟเวอร์ไฟล์จากแบ็คอัพ แต่สิ่งที่พวกเขาพบคือเวอร์ชันเก่าที่มีรายละเอียดฉากที่ไม่ตรงกับสคริปต์ต้นฉบับ เช่น ฉากที่ตัวละครหลักกำลังเดินทางสู่เมืองหลวง มีเงารางๆ ของเอกสารเก่าๆ วางกระจัดกระจายบนพื้น ซึ่งไม่มีในสคริปต์ที่ พี่สร้างสรรค์ สันติมณีรัตน์ และ พี่เสธินันท์ จริยวิลาศกุล เขียนไว้

ทีมงานเริ่มสงสัยว่ามีใครบางคนในกองถ่ายแอบแก้ไขไฟล์เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง พี่กู่เรียกประชุมด่วนกับทีมเทคนิค โดยมี พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ พี่เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย อำนวยการผลิต มาร่วมด้วย พวกเขาตรวจสอบล็อกการเข้าถึงระบบ และพบว่ามีการล็อกอินจากคอมพิวเตอร์ของทีมพร็อพที่ไม่มีใครใช้มานานหลายเดือน คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นถูกทิ้งไว้ในมุมมืดของห้องเก็บของชั้นใต้ดิน ซึ่งปกติใช้เก็บอุปกรณ์ถ่ายทำเก่าๆ

เมื่อทีมเทคนิคนำโดย พี่โจ ช่างไฟที่รับผิดชอบระบบไฟสปอตไลท์ทั้งกอง นำทีมลงไปตรวจสอบ พวกเขาพบกล่องพร็อพเก่าที่มีป้าย “ทองประกายแสด – ฉากชนบท” ซึ่งควรจะถูกทิ้งหลังถ่ายทำเสร็จ แต่กล่องนี้ยังถูกปิดผนึกไว้แน่นหนา ข้างในไม่ใช่แค่พร็อพอย่างเสื้อผ้าชาวบ้านหรือของใช้ในร้านขายของชำ แต่มีสมุดบันทึกเก่าที่เขียนด้วยลายมือของ ป้าสุวรรณี สุคนธา นักประพันธ์ต้นฉบับของละคร

สมุดนี้บันทึกไอเดียเรื่องราวที่ไม่เคยถูกนำมาใช้ในสคริปต์ เช่น พล็อตย่อยเกี่ยวกับ “ความลับของครอบครัวบุญธรรมที่ถูกฝังไว้ใต้ร้านขายของชำ” ซึ่งคล้ายกับปมในละครแต่มีรายละเอียดที่มืดมนกว่า เช่น การเอ่ยถึง “เอกสารมรดกที่หายไป” ที่อาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงในอดีตของป้าสุวรรณีเอง

ทีมงานเริ่มปะติดปะต่อว่าอาจมีใครบางคนในทีมพร็อพหรือช่างแต่งหน้าแอบนำสมุดนี้มาซ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อหาเหล่านี้ออกอากาศ เพราะมันอาจกระทบชื่อเสียงของนักประพันธ์หรือทีมงานบางคน พี่ฉอดสั่งให้ทีมงานทั้งหมดหยุดงานชั่วคราว และให้ พี่นิด ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ที่รับผิดชอบโลเคชั่นถ่ายทำ ไปตรวจสอบสถานที่ถ่ายทำฉากชนบทในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นร้านขายของชำเก่าที่ทีมเช่ามาใช้

ที่ร้านขายของชำเก่าในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทีมงานเคยถ่ายทำฉากเปิดเรื่อง พี่นิดและทีมโลเคชั่นพบช่องลับใต้พื้นไม้ที่เคยใช้เป็นพร็อพ แต่ตอนนี้มีกล่องเหล็กเล็กๆ ซ่อนอยู่ ข้างในคือจดหมายเก่าที่ลงวันที่ก่อนเริ่มถ่ายทำละครหลายเดือน จดหมายนี้เขียนถึง พี่เอส จากคนรู้จักในวงการที่เคยทำงานกับ CHANGE2561 สมัยละครเก่าๆ โดยกล่าวถึง “โปรเจกต์รีเมคที่ต้องปกปิดต้นฉบับจริง เพราะมีคดีความลับที่อาจฟ้องร้องได้” จดหมายนี้เผยว่าละคร “ทองประกายแสด” ดั้งเดิมมีพล็อตที่อิงจากเรื่องจริงของครอบครัวนักธุรกิจในอดีต ซึ่งทีมงานเดิมเคยถูกฟ้องเรื่องละเมิดสิทธิ์ แต่คดีถูกถอนหลังจากมีการตกลงกันลับๆ

ทีมงานเริ่มตระหนักว่าความลึกลับนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นการปกปิดประวัติศาสตร์ของโปรเจกต์ เพื่อไม่ให้กระทบชื่อเสียงของช่อง ONE31 และทีมอำนวยการผลิต พี่กู่ตัดสินใจเรียกประชุมใหญ่กับทุกฝ่าย รวมถึงทีมกราฟิกที่รับผิดชอบโปสเตอร์และทีเซอร์ เพื่อตรวจสอบว่ามีไฟล์เก่าอื่นๆ ที่ถูกแก้ไขหรือไม่ สุดท้าย พวกเขาพบว่าทีมกราฟิกเคยได้รับคำสั่งลับจากผู้บริหารให้ลบภาพร่างต้นฉบับที่อาจเชื่อมโยงกับคดีเก่า

หลังจากตรวจสอบทั้งหมด พี่ฉอดและพี่เอสตัดสินใจเปิดเผยความจริงภายในทีม โดยไม่ให้กระทบการออกอากาศละครที่กำลังปัง พวกเขาจัดเวิร์กช็อปให้ทีมงานทั้งหมด เพื่อสร้างกฎใหม่เกี่ยวกับการจัดการเอกสารและไฟล์ดิจิทัล โดยมีพี่กู่เป็นหัวหอกในการกำหนดโปรโตคอลใหม่ ความลึกลับนี้กลายเป็นบทเรียนที่ทำให้ทีมโปรดักชัน CHANGE2561 เข้มแข็งขึ้น และละคร “ทองประกายแสด” ก็ออกอากาศครบทุกตอนโดยไม่มีรอยร้าว แต่เบื้องหลังนี้กลายเป็นตำนานลับของกองถ่ายที่ทีมงานเล่าต่อกันแบบปากต่อปาก

แต่เรื่องมันยังไม่จบ เพราะปริศนานี้ลุกลามไปถึงทีมงานในกองถ่ายมากกว่าที่คิด

หลังจากที่ พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ พี่เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย อำนวยการผลิต ค้นพบจดหมายลับในกล่องเหล็กที่ร้านขายของชำเก่าในนครราชสีมา ทีมงานเริ่มสงสัยว่าความลับนี้ไม่ได้จบแค่คดีเก่าของโปรเจกต์ พี่กู่ เอกสิทธิ์ ตระกูลเกษมสุข ผู้กำกับที่ยังคงตามหาความจริง กลับไปตรวจสมุดบันทึกของ ป้าสุวรรณี สุคนธา นักประพันธ์ต้นฉบับที่พบในกล่องพร็อพ พี่กู่สังเกตว่าหน้าสุดท้ายของสมุดมีรหัสตัวเลขแปลกๆ เขียนด้วยหมึกสีแดง: 12-5-7-25 พร้อมข้อความกำกวมว่า “ความจริงซ่อนอยู่ในแสง” ทีมงานตีความว่านี่อาจเป็นรหัสที่เชื่อมโยงกับสิ่งของหรือสถานที่ในกองถ่าย

พี่โจ ช่างไฟที่รับผิดชอบระบบไฟสปอตไลท์ เสนอไอเดียว่าคำว่า “แสง” อาจเกี่ยวข้องกับไฟสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำฉากสำคัญในละคร เช่น ฉากงานเลี้ยงของทองประกายในเมืองหลวง ทีมงานจึงตัดสินใจตรวจสอบอุปกรณ์ไฟในสตูดิโอหลักที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส โดยมี พี่หนุ่ย ช่างไฟรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ช่วยแกะรหัสตัวเลข พวกเขาค้นพบว่าเลข 12-5-7-25 ตรงกับหมายเลขซีเรียลของสปอตไลท์ตัวเก่าที่เก็บอยู่ในโกดังชั้นใต้ดิน ซึ่งไม่เคยถูกใช้ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ

เมื่อเปิดสปอตไลท์ตัวนั้น พี่โจพบชิ้นส่วนโลหะเล็กๆ ซ่อนอยู่ในช่องระบายความร้อน เป็นกุญแจทองเหลืองเก่าที่มีคำว่า “T.P.S.” สลักอยู่ ซึ่งอาจย่อมาจากชื่อเรื่อง “ทองประกายแสด” หรือบางอย่างที่ลึกกว่านั้น พี่ฉอดสั่งให้ทีมงานเก็บกุญแจนี้เป็นความลับ และมอบให้ พี่นิด ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ที่รับผิดชอบโลเคชั่น ไปตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับสถานที่ถ่ายทำที่ไหน

พี่นิดและทีมโลเคชั่นตัดสินใจกลับไปที่บ้านเก่าหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ซึ่งใช้ถ่ายทำฉากบ้านของ ประจักษ์ ในละคร บ้านนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำละครเก่าของ CHANGE2561 สมัยที่ป้าสุวรรณีมีส่วนร่วมเมื่อหลายสิบปีก่อน ขณะที่ทีมงานสำรวจ พวกเขาพบประตูล็อกในห้องเก็บของชั้นใต้ดินที่ไม่มีในแปลนบ้านเดิม พี่นิดลองใช้กุญแจทองเหลือง และมันไขเปิดได้อย่างพอดิบพอดี

ข้างในเป็นห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกล่องเอกสารเก่า หนึ่งในนั้นมีแฟ้มที่เขียนว่า “โปรเจกต์ TPS – 2520” ซึ่งน่าจะหมายถึงปี พ.ศ. 2520 ภายในแฟ้มมีสคริปต์ต้นฉบับของละครเวอร์ชันแรกที่ไม่เคยออกอากาศ รวมถึงจดหมายจากนักธุรกิจชื่อดังในยุคนั้นที่ขู่ฟ้องทีมงานเก่าของ CHANGE2561 เรื่องการเปิดเผยข้อมูลครอบครัวที่อาจทำลายชื่อเสียง แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือภาพถ่ายขาวดำของทีมงานยุคเก่า ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหน้าตาคล้าย พี่เอก ช่างตัดต่ออาวุโสที่ยังทำงานอยู่ในกองถ่ายปัจจุบัน แม้ว่าพี่เอกจะยืนยันว่าเขาเข้ามาทำงานในวงการหลังจากนั้นหลายปี

ทีมงานเริ่มสงสัยพี่เอก เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เข้าถึงไฟล์วิดีโอต้นฉบับที่หายไป และมีประสบการณ์ยาวนานในวงการตั้งแต่ยุคที่ CHANGE2561 ยังเป็นบริษัทเล็กๆ พี่สร้างสรรค์ สันติมณีรัตน์ และ พี่เสธินันท์ จริยวิลาศกุล ผู้เขียนบท เรียกพี่เอกมาสอบถาม แต่เขาให้การว่าไม่รู้เรื่องใดๆ เกี่ยวกับเอกสารหรือกุญแจ เพียงแต่ยอมรับว่าเคยได้ยิน “ตำนาน” เกี่ยวกับโปรเจกต์เก่าที่ถูกยกเลิกเพราะคดีฟ้องร้อง อย่างไรก็ตาม พี่เอกเล่าว่าเมื่อตอนที่เขาเริ่มงานใหม่ๆ มีทีมงานรุ่นพี่คนหนึ่งเตือนให้ “อย่ายุ่งกับของเก่าในโกดัง” ซึ่งเขาคิดว่าเป็นแค่คำขู่เล่นๆ

เพื่อคลายข้อสงสัย พี่กู่ตัดสินใจให้ทีมกราฟิกที่รับผิดชอบโปสเตอร์และทีเซอร์ ตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลเก่าทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท พวกเขาพบโฟลเดอร์ลับที่ถูกล็อกด้วยรหัส “TPS2520” ซึ่งเมื่อถอดรหัสแล้ว เผยให้เห็นคลิปวิดีโอทดสอบจากยุคเก่าที่มีฉากคล้ายกับ “ทองประกายแสด” แต่มีตัวละครที่ไม่เคยปรากฏในสคริปต์ปัจจุบัน คลิปนี้ถูกบันทึกโดยกล้องฟิล์มเก่า และมีข้อความเขียนท้ายว่า “อย่าให้มันออกอากาศ”

เมื่อทุกอย่างเริ่มชัดเจน พี่ฉอดและพี่เอสตัดสินใจว่าความลับนี้ไม่ควรถูกขุดต่อ เพราะอาจกระทบชื่อเสียงของช่องและทีมงานที่เกี่ยวข้องในอดีต พวกเขาสั่งให้ทีมงานเก็บเอกสารและกุญแจไว้ในตู้เซฟของบริษัท โดยมีเพียงพี่กู่และพี่นิดเท่านั้นที่รู้ที่เก็บ เพื่อป้องกันการรั่วไหล พี่เอกได้รับการเคลียร์ข้อสงสัย หลังจากทีมงานพบว่าเขาเพียงแต่ถูกมอบหมายให้ดูแลไฟล์เก่าโดยไม่รู้เนื้อหา

เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต พี่ฉอดจัดตั้งทีมรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยให้ พี่หนุ่ย ช่างไฟรุ่นน้องที่เก่งด้านเทคโนโลยี เป็นหัวหน้าทีมดูแลระบบดิจิทัลของกองถ่าย ความลึกลับนี้กลายเป็นบทเรียนใหญ่ให้ทีมงาน CHANGE2561 ระวังเรื่องการจัดการเอกสารและข้อมูลเก่าให้ดีขึ้น และ “ทองประกายแสด” ก็ออกอากาศจบลงด้วยความสำเร็จ โดยไม่มีใครรู้ถึงปริศนาที่ซ่อนอยู่ในโกดังและห้องตัดต่อ