เตรียมบินลัดฟ้าเยือนถิ่นมาทาดอร์สเปน กับ “หนุ่มนิว ชัยพล” กันอีกครั้ง‼ ที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้ง ความประทับใจยังคงเดิม
หนุ่มนิว ชัยพล จะพาทุกคนบินข้ามนํ้าข้ามทะเลไปที่ “สเปน” ครั้งนี้พิเศษมากเพราะเราจะไปถึง 4 เมืองหลักของประเทศสเปน ได้แก่ เมือง Barcelona , Madrid , Seville , และ Malaga 4 เมือง 4 สไตล์ที่มีเสน่ห์แตกต่างกัน มาเริ่มกัน
เมือง Barcelona
เป็นสถานที่ที่เราจะสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวสเปน ที่ “Mercat De La Boqueria” เป็นตลาดสดที่เปิดแต่เช้และปิดตอนเย็น มีสินค้าหลายอย่าง เช่น ขายเนื้อสัตว์ต่างๆ ช็อกโกแลต ผลไม้แห้ง ซีฟู้ด ขนม ไอสกรีม ขาแฮม ผู้คนจะซื้อและกลับไปทำอาหารที่บ้านกัน ที่นี้เป็นตลาดที่มีความเก่าแก่มากๆ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 อยู่บนถนนของ La Rambla เป็นถนนยาว 1.2 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวต้องมาเส้นนี้เพราะเป็นเส้นหลักของ Barcelona
สิ่งสำคัญเลยที่ต้องได้กิน คือ ขาแฮม (Iberico Ham) หรือ Jamon Iberico ทำมาจากส่วนขาของหมูดำ และเป็นแฮมที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดในโลก ขาหน้าจะออกรสชาติเค็ม ส่วนขาหลังจะมีความหวานเข้ามาด้วยและมีความนุ่มกว่า แนะนำ กินขาหลังดีกว่า มาสเปนห้ามพลาดต้องมาชิม
มาต่อกันที่ ถนน La Rambla จะพาเดินถนนเส้นนี้ซึ่งเป็นถนนที่สำคัญมากใน Barcelona เพราะเป็นถนนที่เป็นจุดศูนย์กลางของนักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาที่นี่ 2 ข้างทางก็มี ร้านแลกเงิน ร้านอาหารค่อนข้างเยอะ สถานีรถไฟใต้ดิน ในตรอกเล็กๆ ก็มีโรงแรม มีร้านขายของเก่า มีความสวยและมีเสน่ห์แบบเมืองยุโรปสมัยก่อน ตรอกและตรอกเชื่อมถึงกันหมดเลย
มาถึงที่ Placa Sant Jaume แคว้นกาตาลุญญา คือ แคว้นในประเทศสเปน ธงจะมีสีแดงเหลืองสลับกัน บริเวณนี้เป็นเมืองเก่าของ Barcelona มีความสวยงาม ทำกับเป็นเมืองที่มี ศิลปะ สถาปัตยกรรมที่โด่งดัง
เที่ยวสุดโลกที่สเปน เดินทางสู่เมืองหลวงมาดริด ชมความยิ่งใหญ่ของพระบรมมหาราชวังสเปน ลงใต้สู่เซบียา ชมมรดกโลกที่มหาวิหารเซบียา ข้ามไปมาลากา สู่ป้อมอัลคาซาบา จุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง บินไป Barcelona เที่ยวชม Sagrada Familia มหาวิหารใจกลางเมือง ที่มีความสูงถึง 170 เมตร
พาทุกคนไปชิมเมนูแสนอร่อยของประเทศสเปนกับเมนูที่เรียกว่า “ปาเอญ่า ข้าวผัดสเปน” เขาบอกว่าถ้าใครมาสเปน ต้องมากินข้าวผัดสเปน มาชิมพร้อมกันที่ร้าน Marina Bay
ข้าวผัดสเปน ก็จะประกอบไปด้วย ซีฟู้ด ก็มีกุ้ง หอย ปลาหมึก มีกลิ่นที่หอมเครื่องเทศค่อนข้างเยอะ แต่ไม่แรงเหมือนอาหารอินเดีย
มาต่อกันที่ สถานที่ที่เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Barcelona หลายคนที่มาเที่ยว เมือง Barcelona ต้องมาเที่ยวที่แห่งนี้ “La Sagrada Familia” ผลงานชิ้นสุดท้ายของสถาปนิกชื่อดังระดับโลก และเป็นสถาปนิกเบอร์ 1 ของ Barcelona อย่าง “อันตอนี เกาดี” วิหารแห่งนี้จริงๆแล้วชาวสเปนเรียกว่าเป็นโบสถ์ เป็นโบสถ์ที่ เกาดี ต้องการที่จะสร้างเพื่อถวายแก่ศาสนาคริสต์ ภายในและภายนอกจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ เกี่ยวกับพระเยซู พระแม่มารี แต่ที่สำคัญคือ สถานที่แห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะว่า เกาดี เสียชีวิตไปซะก่อน เขาตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างให้เสร็จภายในปี 2026 ซึ่งเป็นปีที่จะครบรอบ 100 ปีของการจากไปของ เกาดี ถ้าสร้างเสร็จจริงโบสถ์แห่งนี้จะใช้เวลาสร้างนานถึง 144 ปี
มานอกว่าอลังการแล้ว ภายในยิ่งอลังการเข้าไปอีก พอเข้ามาด้านในรู้สึกได้เลยว่ามีความโล่งใหญ่มาก นี้คือสิ่งที่ เกาดี ต้องการให้เป็นแบบนี้ เสาแต่ละต้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ต้นปาล์ม ด้านบนเพดานก็คือใบปาล์ม เพราะว่า เกาดี สมัยเด็กๆชอบธรรมชาติ ทำให้ผลงานของเขาส่วนมากได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาตินั้นเอง
มหาวิหาร Sagrada Familia
หรือในภาษาอังกฤษ Church of the Holy Family
แปลว่า มหาวิหารแห่งครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
อีกอย่างหนึ่งที่โดดเด่นของ Sagrada Familia นั้นคือ กระจก ที่อยู่รายล้อมโบสถ์ ผนังเขาจะใช้กระจกเป็นหน้าต่างแล้วก็เล่นสีเล่นแสง เวลามีแสงแดดส่องเข้ามาทำให้เกิดความสวยงาม แล้วก็สีที่แตกต่างกันออกไป นี้คือเสน่ห์ของโบสถ์แห่งนี้
จากที่สอบถามชาวบ้าน ที่ Sagrada Familia แห่งนี้เขาใช้ทำอะไร เขาบอกว่าไม่ค่อยได้ใช้ทำอะไรแล้ว ส่วนใหญ่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ แต่ก็มีคอนเสิร์ตบ้างในช่วงบางเวลาของเทศกาล เช่น เทศกาลคริสต์มาส จำนวนนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นมีนักท่องเที่ยวถึง 15,000 คน ต่อวัน นี้คือสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 2 ของสเปน รองจาก อัลฮัมบราที่กรานาดา
หยุดพักเบรค มากินขนมน่ารักที่ร้าน Boldu ขนมเขาจะมีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาเล็กๆน่ารัก เปิดมานานตั้งแต่ปี 1939
แลนด์มาร์คต่อจากนี้ เป็นศิลปะจาก “อันตอนี เกาดี”
Casa Mila (La Pedrera) รูปลักษณ์ภายนอกเป็นศิลปะออกแบบคล้ายๆมนุษย์ถํ้า ใครที่มาก็อย่าพลาดมาเช็คอินที่นี้ได้ เป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญ
อีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พิชของเกาดี
Casa Mila มีอีกชื่อว่า La Pedrera หมายถึง เหมืองหิน
อาคารแห่งนี้เป็นผลงานออกแบบบ้านชิ้นสุดท้ายของ เกาดี
Casa Batllo สถานที่แห่งที่ 3 ของ เกาดี ในเมือง Barcelona ที่ผู้มาเยือนต้องมาถ่ายรูป ลักษณะโครงสร้างจะออกแปลกๆนิดหนึ่ง คล้ายๆโครงกระดูก ทำให้ภาษาไทยเรียกว่า บ้านโครงกระดูก แต่ถ้าสังเกตุด้านบนจะมีลักษณะคล้ายๆกับ มังกรเลื้อย เขาบอกว่าได้แรงบันดาลใจมากจาก Dragon ลองจิตนการดูว่าเป็นยังๆไง เพราะมันคือ ศิลปะไม่มีผิดไม่มีถูก
อีกหนึ่งเพชรเม็ดงามทางสถาปัตยกรรมของเมือง Barcelona เอาใจคนรักดนตรีกันบ้าง นี้คือ “Palau de la Musica Catalana” หรือว่า พระราชวังแห่งดนตรีของเมืองคาตาลัน ภายในสร้างตั้งแต่ปี 1905 – 1908 สร้างเพื่อให้กับวงดนตรีออร์เคสตราแห่งเมืองคาตาลันให้มาจัดแสดงโชว์นั้นเอง ภายนอกดูสวยงาม มีการออกแบบที่เจ๋ง เหมาะกับการถ่ายรูป และถูกบูรณะซ่อมแซมในปี 1982 – 1989 แล้วก็ได้รับการเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโกด้วย ถึงแม้ว่าจะได้รับรางวัลเป็นมรดกโลกเขาก็ไม่ได้หยุดใช้ เขายังใช้ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ มีการเปิดการซ้อมการแสดง ของวงดนตรีออร์เคสตราอยู่ ถ้าใครอยากชมดนตรีก็สามารถมาได้เลย
อีกหนึ่งไฮไลท์คือหนึ่งจุด ก็คือบริเวณ เสา ที่มีการประดับประดาไปด้วยโมเสด มีช่องเล็กๆเป็นช่องกระจก สมัยก่อนเขาขายตั๋วตรงนั้น แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ข้างในแล้ว โรงละครแห่งนี้จุได้ถึง 2,200 คน และเป็นโรงละครแห่งเดียวในยุโรปที่ภายในโรงละครข้างบนจะเป็นกระจกใส เวลากลางวันสามารถรับแสงพระอาทิตย์จากภายนอกได้อีกด้วย
สำหรับใครที่เป็นแฟนดนตรีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ดนตรีต้องชื่นชอบอยู่แน่นอน เพราะด้านหน้ามีรูปปั้นของสุดยอดบุคคลที่มีความสำคัญทางด้านดนตรีโลก โรงละครแห่งนี้มีทั้งความสวยงามและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
ผู้ออกแบบ Palau De La Musica Catalana
คือ LIuis Domenech i Montaner สถาปนิกชาวสเปน
ที่เป็นต้นกำเนิดแนว Modernisme Catala
และเป็นอาจารย์คนสำคัญที่สอน Antoni Caudi
สถานที่สุดท้ายของเมือง Barcelona คือ Tibidabo เป็นภูเขาสูงสุดของ Barcelona บนนี้เราจะเห็นวิวของ Barcelona ทั้งเมือง บนนี้จะมี 2 สถานที่ที่หลายคนชอบขึ้นมากัน นั้นก็คือ สวนสนุก และโบสถ์ บนนี้มีโบสถ์ที่ถือได้ว่าศักดิ์สิทธิ์ของ Barcelona เลย ชื่อว่า Tibidabo church ด้านบนสุดจะมีรูปปั้นพระเยซูกางแขน ที่พระเยซูกางแขน หมายถึงว่า พระเยซูโอบกอดเมือง Barcelona อยู่ ให้ชาวเมืองมีความสุขและมีความปลอดภัยจากทุกสิ่งทุกอย่าง
เราถึงเมือง Madrid ทำเหมือนคนสมัยก่อน ก่อนจะเข้าเมือง เราก็ต้องผ่านประตูก่อน ประตูนั้นก็คือ “Puerta de Alcala” ประตูเมืองประจำเมือง Madrid โดยกษัตริย์การ์โลสที่ 3 ประตูแห่งนี้เป็นประตูเมืองทางด้านทิศตะวันออกของกรุง Madrid มีทั้งหมด 5 ประตู โดย 3 ช่องตรงกลางค่อนข้างใหญ่ เป็นมุมโค้ง และถ้าสังเกตุด้านบนสุดที่มีภาษาสเปนเขียนอยู่ แปลว่า แด่กษัตริย์การ์โลสที่ 3 เพราะว่ากษัตริย์การ์โลสที่ 3 เป็นคนสั่งให้สร้างประตูนี้ขึ้นมา บริเวณด้านหน้าของประตูจะเป็นสวนที่ดอกไม้สวยงาม โดยเขาจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราก็จะสามารถแวะมาถ่ายรูปกันได้ เพื่อความสวยงามและเป็นสถานที่แรกที่เรามาเช็คอินกัน
เดินผ่านประตูเข้ามาเราจะเจอสวน “EI Retiro Park (Parque de EI Retiro)” สวนตรงนี้ในสมัยก่อนในปี 1800 บริเวณนี้เป็นพระราชวังและเขาก็เปิดให้ประชาชนทั่วไป เข้ามาใช้เป็นสวนสาธารณะในเวลาต่อมา มีกิจกรรมมากมาย เช่น พายเรือ นั่งชิล ปิกนิก วิ่งออกกำลังกาย พักผ่อน ที่สำคัญเปิดให้เข้าฟรี มีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 12 แห่งประเทศสเปน สร้างไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แล้วก็อนุสรณ์สถานสำหรับท่าน มีความสวยงามมาก คนที่เป็นสถาปนิกที่ออกแบบอนุสาวรีย์นี้ เขาต้องชนะการประกวดจึงจะได้ออกแบบ
มาถึงโซน พระราชวังเรือนกระจก ทีมุมถ่ายรูปที่สวยงามมากๆ มีใบไม้เปลี่ยนสี เขียวสลับส้มมากมาย
มาเที่ยวกินอาหารประจำชาติสเปน นั้นก็คือ Tapas Toure : ร้าน Los Gatos
Tapas เป็นวัฒนธรรมการกินของชาวสเปนมาช้านาน คือ ทาปา แปลว่า ฝาที่ครอบอาหารอยู่ ทาปา จึงหมายถึง อาหารที่เรากินรองท้องก่อนที่จะไปกินเครื่องดื่มต่างๆ และจะมีวัฒนธรรมการกินที่ไม่ได้อยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน คือจะเดินกินร้านอื่นๆไปเรื่อยๆ แล้วดูว่าแต่ละร้านมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันยังไง