ละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เรื่องราวเล่าถึงการปะทะกันระหว่างโลกของความมั่งคั่งกับชีวิตเรียบง่ายผ่านเงื่อนไขพินัยกรรมที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวละครหลักทั้งสอง เรื่องเริ่มต้นด้วย “อนาวินทร์” ทายาทหนุ่มรูปงามแต่ขี้เกียจและเอาแต่ใจของตระกูลสัตยารักษ์ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เขาไม่สนใจอะไรในชีวิตนอกจากความสะดวกสบาย จนกระทั่งปู่เล็ก ผู้ล่วงลับและผู้มีพระคุณต่อ “พุดชมพู” สาวห้าวเจ้าของไร่ดอกไม้เล็กๆ ชื่อ “อุ่นรัก” ได้ตั้งเงื่อนไขในพินัยกรรมพิสดาร เพื่อสืบทอดมรดกหมื่นล้าน อนาวินทร์ต้องไปทำงานที่ไร่ของพุดเป็นเวลา 1 ปี ขณะที่พุดต้องเข้ามาดูแลบริษัทของตระกูลแทน เพื่อดัดนิสัยให้อนาวินทร์กลายเป็นคนรับผิดชอบมากขึ้น ปู่เล็กซึ่งเคยช่วยเหลือพุดจากหนี้สิน ทำให้เธอรู้สึกผูกพันและยอมรับภารกิจนี้ แม้จะไม่เต็มใจเพราะไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งคู่
เมื่ออนาวินทร์ต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตชาวไร่ที่เรียบง่าย ท่ามกลางการดูแลดอกไม้และงานหนักๆ เขาเผชิญความยากลำบากและถูกพุดชมพูซึ่งจอมแก่นและตรงไปตรงมาสบประมาทอยู่เสมอ แต่ผ่านการอยู่ร่วมกัน พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปิดใจ และเกิดความรู้สึกโรแมนติกที่ค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางมุกตลกจากความต่างของฐานะ เช่น การประกวดหนุ่มดอกไม้หรือการปรับตัวของอนาวินทร์ที่เคยเคยชินกับความหรูหรา อย่างไรก็ตาม ความรักนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อมีตัวร้ายอย่างการันต์ ลูกชายบุญธรรมของตระกูลที่ทะเยอทะยานและอิจฉาอนาวินทร์ วางแผนทำลายชื่อเสียงตระกูลและจัดการกับพุดชมพู รวมถึงการฆาตกรรมป้านุ่ม คนรับใช้ผู้รู้ความลับ ทำให้เกิดความขัดแย้งและอันตรายที่เข้มข้นขึ้น
ในที่สุด อนาวินทร์ต้องพิสูจน์ตัวเองทั้งในฐานะผู้นำธุรกิจและชายหนุ่มที่พร้อมปกป้องคนรัก โดยร่วมมือกับเพื่อนอย่างทรงรบและช่อม่วงเพื่อเปิดโปงความจริง ท่ามกลางอุปสรรคที่ทำให้พุดชมพูลังเลเพราะกลัวสูญเสียมรดกของเขา
ละครเรื่องนี้ผสมผสานความโรแมนติก การเติบโตของตัวละคร และดราม่าครอบครัวได้อย่างลงตัว สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากเด็กเสเพลสู่ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ผ่านฉากหลังของไร่ดอกไม้ที่สวยงามและอบอุ่น ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร
ในโลกที่ความมั่งคั่งปะทะกับความเรียบง่าย เรื่องราวของ อนาวินทร์ สัตยารักษ์ และ พุดชมพู ฤาชุดา เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเงื่อนไขพินัยกรรมสุดแปลกประหลาดจากปู่เล็ก ผู้เป็นทั้งผู้ก่อตั้งตระกูลสัตยารักษ์และผู้มีพระคุณต่อทั้งคู่ ละคร บัลลังก์ดอกไม้ นำเสนอเรื่องราวความรักที่ผสมผสานความขบขัน ดราม่า และการเติบโตของตัวละคร ผ่านฉากหลังของไร่ดอกไม้อันงดงามและโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
พินัยกรรมเปลี่ยนชีวิต
อนาวินทร์ หนุ่มหล่อทายาทตระกูลสัตยารักษ์ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและไร้เป้าหมาย เขาคือชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักคำว่า “รับผิดชอบ” จนกระทั่ง ปู่เล็ก ผู้เป็นที่รักและผู้ก่อตั้งตระกูลเสียชีวิตลง ทิ้งพินัยกรรมที่พลิกผันชะตาชีวิตของเขา เงื่อนไขในพินัยกรรมระบุว่า หากอนาวินทร์ต้องการรับมรดกหมื่นล้าน เขาจะต้องไปทำงานที่ไร่ดอกไม้ “อุ่นรัก” ของ พุดชมพู สาวห้าวเจ้าของไร่ผู้เคยได้รับความช่วยเหลือจากปู่เล็ก เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ส่วนพุดชมพูต้องเข้ามาดูแลบริษัทสัตยารักษ์ในเมืองแทน เป้าหมายของปู่เล็กคือการดัดนิสัยหลานชายจอมเสเพลให้รู้จักคุณค่าของการทำงานหนัก.
พุดชมพู ผู้มีจิตใจมุ่งมั่นและผูกพันกับปู่เล็กที่เคยช่วยเธอปลดหนี้ในอดีต ยอมรับเงื่อนไขนี้ด้วยความลังเล เธอไม่ไว้วางใจอนาวินทร์ที่ดูเหมือนจะทำลายไร่ของเธอมากกว่าดูแล แต่เพื่อรักษาคำสัญญาที่มีต่อปู่เล็ก เธอจึงก้าวออกจากโลกอันเงียบสงบของไร่ดอกไม้สู่เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
การปะทะกันของสองโลก
เมื่ออนาวินทร์ก้าวเข้าสู่ไร่อุ่นรัก โลกของเขากลับตาลปัตร จากชายหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตในคฤหาสน์หรู เขาต้องตื่นเช้า ทำงานหนัก และเผชิญหน้ากับพุดชมพูที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อ เธอสั่งงานเขาอย่างไม่ปราณี ตั้งแต่รดน้ำต้นไม้ยันเก็บดอกไม้ส่งตลาด ฉากหลังของทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันกลายเป็นเวทีแห่งความขบขัน เมื่ออนาวินทร์พยายามปรับตัวและมักถูกพุดแซวว่า “คุณชายทำไม่ได้หรอก” การแข่งขัน “หนุ่มดอกไม้” ในหมู่บ้านยิ่งเพิ่มความสนุก เมื่ออนาวินทร์ต้องลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเองท่ามกลางสายตาของชาวไร่
ในขณะเดียวกัน พุดชมพูต้องเผชิญกับโลกธุรกิจที่โหดร้ายในบริษัทสัตยารักษ์ เธอที่ไม่เคยคุ้นชินกับการใส่สูทและการประชุมต้องใช้ความกล้าและสติปัญญาเพื่อรับมือกับเล่ห์เหลี่ยมของพนักงานและคู่แข่ง ความต่างของทั้งคู่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด เมื่ออนาวินทร์เริ่มเห็นความจริงใจของพุด และพุดเริ่มมองเห็นความพยายามของอนาวินทร์ที่ซ่อนอยู่ใต้ท่าทางจอมกวน
รักที่เริ่มผลิบานและเงามืดแห่งอดีต
จากความขัดแย้ง ความรักค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ อนาวินทร์ที่เคยคิดว่าพุดเป็นแค่สาวบ้านนอกเริ่มหลงรักความมุ่งมั่นและรอยยิ้มของเธอ ส่วนพุดที่เคยมองอนาวินทร์เป็นคุณชายขี้เกียจก็เริ่มเห็นด้านที่อบอุ่นและจริงใจของเขา ฉากที่ทั้งคู่ช่วยกันดูแลไร่หรือแอบยิ้มให้กันท่ามกลางทุ่งดอกไม้สร้างความหวานให้หัวใจผู้ชม
แต่ความรักของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อ การันต์ ลูกชายบุญธรรมของตระกูลสัตยารักษ์ ผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความอิจฉา เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ การันต์วางแผนทำลายอนาวินทร์เพื่อแย่งชิงมรดก เขาสร้างความขัดแย้งระหว่างอนาวินทร์และพุด รวมถึงข่มขู่พุดให้ถอนตัวจากพินัยกรรม ความลับดำมืดของตระกูลเริ่มเผยออกมาเมื่อ ป้านุ่ม คนรับใช้ที่รู้ความลับของการันต์ถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้าย เงามืดแห่งอดีตและการทรยศทำให้เรื่องราวเข้มข้นยิ่งขึ้น
การต่อสู้เพื่อรักและความยุติธรรม
พุดชมพูต้องเผชิญกับความกดดันทั้งจากภัยคุกคามของการันต์และความรู้สึกผิดที่กลัวว่าความรักของเธอกับอนาวินทร์อาจทำให้เขาสูญเสียมรดก เธอลังเลและพยายามถอยห่างเพื่อปกป้องเขา แต่หัวใจของทั้งคู่กลับยิ่งผูกพันกันแน่นแฟ้น อนาวินทร์ที่เติบโตจากเด็กเสเพลกลายเป็นชายหนุ่มที่พร้อมต่อสู้เพื่อคนที่เขารัก เขาร่วมมือกับ ทรงรบ และ ช่อม่วง เพื่อนสนิท เพื่อเปิดโปงแผนร้ายของการันต์
จุดไคลแมกซ์ของเรื่องมาถึงเมื่อความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมป้านุ่มและแผนการของการันต์ถูกเปิดเผย การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่ออนาวินทร์ต้องปกป้องทั้งมรดกของตระกูลและหัวใจของพุดชมพู สุดท้าย ความรักและความจริงใจของทั้งคู่เอาชนะทุกอุปสรรค การันต์ได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำ และอนาวินทร์กลายเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งสมกับที่ปู่เล็กคาดหวัง
ละคร บัลลังก์ดอกไม้ โดดเด่นด้วยการผสมผสานความโรแมนติกคอมเมดี้เข้ากับดราม่าครอบครัวอย่างลงตัว ฉากหลังของไร่ดอกไม้ที่สวยงามตัดกับโลกธุรกิจที่วุ่นวายสร้างความหลากหลายให้กับเรื่องราว การแสดงของมาริโอ้และแต้วได้รับคำชื่นชมจากเคมีที่เข้ากัน ทั้งในฉากตลกและฉากซึ้ง ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เคมีของนักแสดงนำ มาริโอ้ เมาเร่อและแต้ว จรินทร์พร สร้างเคมีที่ลงตัวอย่างน่าประทับใจ การแสดงของมาริโอ้ในบทคุณชายจอมกวนที่ค่อยๆ เติบโตเป็นชายหนุ่มที่รับผิดชอบนั้นน่าเชื่อถือ ส่วนแต้วในบทพุดชมพูนำเสนอความแข็งแกร่งและความน่ารักได้อย่างเป็นธรรมชาติ ฉากที่ทั้งคู่ปะทะคารมหรือแอบยิ้มให้กันในไร่ดอกไม้กลายเป็นไฮไลต์ที่ทำให้ผู้ชมฟิน
ความสมดุลของแนวเรื่อง ละครผสมผสานความโรแมนติกคอมเมดี้เข้ากับดราม่าครอบครัวได้อย่างดี ไม่หนักหน่วงจนเกินไปเหมือนละครไทยทั่วไป ฉากตลก เช่น การที่อนาวินทร์ต้องปรับตัวในไร่หรือการแข่งขัน “หนุ่มดอกไม้” สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ปมดราม่า เช่น การฆาตกรรมป้านุ่มและแผนร้ายของการันต์ เพิ่มความตื่นเต้นโดยไม่ทำให้เรื่องหนักเกิน
ฉากหลังและงานภาพ: ไร่ดอกไม้อุ่นรักถูกนำเสนอด้วยภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสดใส ตัดกับฉากในเมืองที่สะท้อนความวุ่นวายของโลกธุรกิจ การเลือกสถานที่และการถ่ายทอดภาพช่วยเสริมอารมณ์ของเรื่องได้อย่างดี
การพัฒนาตัวละคร การเปลี่ยนแปลงของอนาวินทร์จากชายหนุ่มไร้เป้าหมายสู่ผู้นำที่เข้มแข็ง และความมุ่งมั่นของพุดที่ยึดมั่นในความถูกต้อง ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับตัวละคร การเติบโตของทั้งคู่ผ่านอุปสรรคและความรักเป็นจุดแข็งที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม
คะแนน 8/10 แนะนำสำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบละครโรแมนติกคอมเมดี้ เรื่องราวการเติบโต และฉากรักท่ามกลางธรรมชาติ
บัลลังก์ดอกไม้ เป็นละครที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวความรักที่มาพร้อมเสียงหัวเราะและความอบอุ่น ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของมาริโอ้และแต้ว ฉากหลังที่สวยงาม และเรื่องราวที่ผสมผสานความสนุกกับข้อคิดเกี่ยวกับการเติบโตและความรับผิดชอบ ละครเรื่องนี้จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนยามค่ำคืน หากคุณกำลังมองหาละครที่ทั้งฟินและไม่หนักจนเกินไป บัลลังก์ดอกไม้ จะไม่ทำให้ผิดหวัง
ตั้งแต่ตอนแรกที่ได้เห็น อนาวินทร์ คุณชายสุดกวนที่ใช้ชีวิตแบบไม่แคร์โลก ต้องถูกบังคับให้ไปทำงานในไร่ดอกไม้ของ พุดชมพู สาวห้าวที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ผ่านเงื่อนไขพินัยกรรมของปู่เล็ก ความรู้สึกแรกคือความตื่นเต้นและขบขัน การปะทะคารมระหว่างทั้งคู่ในฉากที่อนาวินทร์พยายามปรับตัวกับชีวิตชาวไร่ เช่น การรดน้ำต้นไม้หรือการถูกพุดแซวว่า “คุณชายทำอะไรเป็นบ้างไหม” ทำให้อดยิ้มไม่ได้ . ฉากหลังของไร่อุ่นรักที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันยิ่งเพิ่มความรู้สึกสดชื่นราวกับได้หลบออกจากความวุ่นวายมาสู่โลกที่เรียบง่ายและสวยงาม
ความตลกขบขันในช่วงแรก เช่น การแข่งขัน “หนุ่มดอกไม้” หรือตอนที่อนาวินทร์ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบไม่พึ่งความหรูหรา ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลาย ละครเหมือนเป็นเพื่อนที่มาชวนหัวเราะในวันที่เหนื่อยล้า
เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความสัมพันธ์ของอนาวินทร์และพุดชมพูเริ่มพัฒนาจากการทะเลาะกันเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้ง ฉากที่ทั้งคู่เริ่มมองเห็นด้านดีของกันและกัน เช่น ตอนที่อนาวินทร์ช่วยพุดดูแลไร่ หรือพุดที่แอบยิ้มเมื่อเห็นความพยายามของอนาวินทร์ ทำให้รู้สึกฟินและใจเต้นไปกับเคมีของทั้งคู่ การแสดงของมาริโอ้และแต้วนั้นลงตัวสุดๆ มาริโอ้นำเสนอความกวนที่ค่อยๆ กลายเป็นความอบอุ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนแต้วถ่ายทอดความแข็งแกร่งและความน่ารักของพุดได้อย่างน่าหลงใหล
ฉากโรแมนติกท่ามกลางทุ่งดอกไม้หรือตอนที่ทั้งคู่แอบมองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ทำให้รู้สึกเหมือนได้ตกหลุมรักไปพร้อมกับตัวละคร ความรักที่ค่อยๆ เติบโตจากความแตกต่างของทั้งสองโลกนั้นทั้งหวานและสมจริง ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าความรักสามารถเกิดขึ้นได้ในสถานที่ที่ไม่คาดคิด
ละคร บัลลังก์ดอกไม้ เหมือนได้พักใจในโลกที่เต็มไปด้วยสีสันและความหวัง ละครไม่ได้เพียงแค่ให้ความสนุก แต่ยังสอนให้เห็นคุณค่าของการเติบโต การยอมรับความแตกต่าง และการต่อสู้เพื่อสิ่งที่รัก ฉากหลังของไร่ดอกไม้ที่สวยงามราวภาพวาดและการแสดงที่เป็นธรรมชาติของนักแสดงนำทำให้รู้สึกเหมือนได้หลบไปอยู่ในโลกที่ทุกอย่างลงตัว สิ่งที่ติดอยู่ในใจหลังดูจบคือรอยยิ้มและความรู้สึกอบอุ่น ราวกับได้เดินออกจากทุ่งดอกไม้พร้อมกับความเชื่อว่าความรักและความพยายามสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ ละครเรื่องนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากเติมพลังบวกและหัวเราะไปกับเรื่องราวความรักที่ทั้งหวานและสนุกสนาน
ละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560
ละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560 EP.1-16 ตอนจบCH3+
ฉากเด็ดละคร บัลลังก์ดอกไม้ละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560
จุดเริ่มต้น พินัยกรรมสุดแซ่บที่เปลี่ยนทุกอย่าง
อนาวินทร์ หรือ วิน คุณชายไฮโซสุดยโส ผู้คิดว่าบัลลังก์ทองของตระกูลสัตยารักษ์ เจ้าของบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ต้องตกเป็นของเขาแน่นอน แต่ พอ ปู่เล็ก ผู้ก่อตั้งตระกูลเสียชีวิต กลับทิ้งพินัยกรรมสุดช็อก ถ้าวินอยากได้มรดกหมื่นล้าน ต้องไปทำงานที่ไร่ดอกไม้ อุ่นรัก ของ พุดชมพู สาวห้าวเจ้าของไร่ที่เคยติดหนี้ปู่เล็ก เป็นเวลา 1 ปี ส่วนพุดต้องไปบริหารบริษัทสัตยาอสังหาแทน อะไรกันเนี่ย? ??
พุดชมพู สาวแกร่งที่รักไร่ของเธอสุดหัวใจ ยอมรับภารกิจนี้เพราะความผูกพันกับปู่เล็ก แม้ว่าจะต้องทิ้งไร่ไปเจอโลกไฮโซที่ไม่คุ้นเคย ส่วนวินที่เคยอยู่แต่ในคฤหาสน์หรูต้องไปตื่นเช้า รดน้ำต้นไม้ ความวายป่วงเริ่มแล้วค่ะ ??
การปะทะสุดเดือด คุณชาย vs สาวชาวไร่
วันแรกที่พุดเข้ามาในบ้านสัตยารักษ์ บอกเลยว่าเหมือนจุดระเบิด ?? เธอเปิดศึกกับวินที่โต๊ะอาหารจนคนรับใช้ตาค้าง เพราะไม่มีใครกล้าขัดคุณชายมาก่อน วินก็ไม่ยอมแพ้ กลั่นแกล้งพุดสารพัด เช่น จัดงานเลี้ยงแล้วแกล้งดับไฟ เพราะรู้ว่าพุดกลัวความมืด การันต์ เพื่อนสนิทของวินที่ปู่เล็กเก็บมาเลี้ยง กลับช่วยพุดไว้ ทำให้วินเริ่มสงสัยเจตนาของเพื่อนรักคนนี้ ??
พุดก็ไม่ใช่ย่อย เธอโต้กลับด้วยการแกล้งวางโซ่ แส้ ในห้องวิน ทำเอาสาวที่วินพามากรี๊ดแตก คิดว่าเขาเป็นพวกกามวิตถาร ?? งานนี้วินเลยแอบติดกล้องวงจรปิดในห้องตัวเองเพื่อจับผิดพุด แต่กลายเป็นว่ากล้องนี้จะกลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องในภายหลัง เอาเป็นว่าคู่นี้ปะทะกันแบบไฟลุก แต่เคมีเริ่มก่อตัวแล้วนะทุกคน
ตัวร้ายและความลับ
เรื่องเริ่มเข้มข้นเมื่อ ทิพนาถ แม่เลี้ยงของวิน และ ชวกร คู่ขาคนสนิทของเธอ วางแผนกำจัดพุด เพราะกลัวเธอจะแย่งมรดกไป ชวกรแอบยักยอกเงินบริษัท แต่พุดจับได้และไล่เขาออก ทำให้ทั้งคู่แค้นจัด ?? ส่วนการันต์ก็เริ่มเผยธาตุแท้ เขาอิจฉาวินมาตลอดและอยากครอบครองทุกอย่างของตระกูลสัตยารักษ์ เขายุให้พุดเข้าใจผิดว่าวินแค่หลอกจีบเพื่อมรดก
ปมดราม่าพีคสุดคือการเสียชีวิตของ ป้านุ่ม คนรับใช้ที่เลี้ยงวินมาตั้งแต่เด็ก ตำรวจสงสัยว่าเป็นฝีมือคนในบ้าน เพราะกล้องวงจรปิดจับภาพชายปริศนาได้ แต่ไม่มีร่องรอยนอกบ้านเลย วินเสียใจหนักมาก เพราะป้านุ่มเหมือนครอบครัวคนสุดท้ายของเขา ?? งานนี้พุดเริ่มเห็นใจวินมากขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาเติบโตมาโดยขาดความรักจากครอบครัว
ความรักเริ่มผลิบานท่ามกลางทุ่งดอกไม้
จากศัตรูกลายเป็นคนรู้ใจ วินที่ต้องทำงานในไร่อุ่นรักเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มเคารพ ภัทรา แม่ของพุด และตั้งใจทำงานจนพุดเริ่มมองเห็นด้านดีของเขา ฉากที่ทั้งคู่ติดฝนด้วยกันและวินถอดเสื้อคลุมให้พุดไม่ให้เปียกคือจุดที่ใจเราละลายเลยค่ะ! ?? พุดเองก็เล่าเรื่องพ่อที่เสียชีวิตให้วินฟัง ทำให้วินเริ่มชื่นชมความเข้มแข็งของเธอ
ฉากฟินๆ ต้องยกให้ตอนที่วินทำงานครบ 3 เดือน แล้วทวงรางวัลจากพุดด้วยการ… จูบเธอในสวนพุดชมพู ?? ทุกคนกรี๊ดมั้ย? แต่ จิระ เพื่อนสนิทของพุดที่แอบรักเธอมานานเริ่มไม่ไว้ใจวิน ทำให้เกิดดราม่าสามเส้าบ้างเล็กๆ ส่วน วาธิณี สาวไฮโซที่อ้างว่าเป็นแฟนวินก็พยายามขัดขวาง แต่พุดกับวินยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
พีคสุด การทรยศและการต่อสู้
เรื่องพีคขึ้นเมื่อโรงเรือนเพาะพันธุ์ไม้ของพุดถูกวางเพลิง ?? พุดใจสลายเพราะนั่นคือความทรงจำของพ่อ วินรีบพาเธอกลับไร่และคอยปลอบใจ แต่จิระกลับสงสัยว่าเป็นฝีมือวิน! โชคดีที่พุดเชื่อใจวิน ทำให้วินใจฟูสุดๆ เขาเข้าประกวด หนุ่มดอกไม้ และคว้าแชมป์ด้วยการร้องเพลงให้พุด พร้อมประกาศว่าเขาเป็นแฟนเจ้าของไร่อุ่นรัก! งานนี้วาธิณีเดือดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ดราม่าทวีคูณเมื่อวินพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าการันต์คือคนฆ่าป้านุ่ม ?? เขายังรู้ว่าการันต์ร่วมมือกับชวกรปลอมเอกสารใส่ร้ายพุด และส่งข้อมูลให้บริษัทคู่แข่ง! วินเลยจัดการเด็ดขาด ไล่การันต์ออกจากบริษัทและแจ้งตำรวจจับตัวฐานฆาตกรรม แต่การันต์ได้ประกันตัวออกมาและจับพุดเป็นตัวประกัน! ?? วิน ทรงรบ และช่อม่วงรีบไปช่วย เกิดฉากลุ้นระทึกเมื่อการันต์สารภาพว่าเขาวางเพลิงโรงเรือนและฆ่าป้านุ่มโดยไม่ตั้งใจ สุดท้าย ลุงหมาย และชาวบ้านมาช่วย วินเกือบถูกการันต์ทำร้าย แต่ทุกอย่างจบลงเมื่อการันต์ถูกจับ
บอกเลยว่า บัลลังก์ดอกไม้ คือละครที่ครบรส มีทั้งความตลกจากคารมของวินและพุด ดราม่าจากตัวร้าย และความหวานที่ทำให้ใจเต้น ฉากในไร่ดอกไม้สวยจนอยากไปเที่ยวเองเลย การแสดงของมาริโอ้และแต้วคือเคมีลงตัวสุดๆ และนักแสดงสมทบอย่างทรงรบ ช่อม่วง ลุงหมาย ก็เพิ่มสีสันให้เรื่องนี้สุดๆ ถ้าชอบละครที่ทั้งสนุก ซึ้ง และฟิน แนะนำเลย
เบื้องหลังของละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560 ที่ทำให้ทุกคนฟินจิกหมอนกันไปแล้ว มาดูกันว่าใครคือเบื้องหลังที่ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นตำนานโรแมนติกคอมเมดี้
บทประพันธ์โดย คีตา
คีตา คือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวสุดโรแมนติกนี้ เขาคือคนที่รังสรรค์เรื่องราวของ อนาวินทร์ คุณชายไฮโซจอมยโส และ พุดชมพู สาวห้าวแห่งไร่อุ่นรัก ที่ต้องมาปะทะกันเพราะพินัยกรรมสุดแซ่บของปู่เล็ก บอกเลยว่าคีตาคิดพล็อตได้ครบรสมาก มีทั้งความตลก ดราม่า และโมเมนต์หวานๆ ที่ทำให้ใจฟู ถ้าไม่มีคีตา ละครเรื่องนี้คงไม่เกิด ขอบคุณมากๆ เลยนะ ??
บทโทรทัศน์โดย ทีมเวฟทีวี
ต่อมา ทีม เวฟทีวี พวกเขาคือทีมนักเขียนบทที่เอาเรื่องราวของคีตามาแปลงเป็นบทโทรทัศน์สุดปัง ทีมนี้ต้องนั่ง brainstorm กันว่า “ฉากนี้พุดจะแกล้งวินยังไงให้ตลก?” หรือ “โมเมนต์จูบในสวนพุดชมพูต้องหวานขนาดไหน?” ?? ทีมนี้เก่งมากที่ทำให้บทพูดคมคาย และฉากปะทะคารมของมาริโอ้กับแต้วมันส์สุดๆ! ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะบทโทรทัศน์นี่แหละที่ทำให้เรานั่งลุ้นหน้าจอทุกตอน ??
กำกับการแสดงโดย เจนไวย์ ทองดีนอก
เอาล่ะ มาถึงผู้กำกับของเรา เจนไวย์ ทองดีนอก คนนี้คือหัวเรือใหญ่ที่คุมทุกอย่างให้เป๊ะ ตั้งแต่ฉากทุ่งดอกไม้ที่สวยจนอยากไปถ่ายรูป ไปจนถึงฉากดราม่าที่น้ำตาไหล เจนไวย์ต้องคอยบอกนักแสดงว่า “มาริโอ้ ฉากนี้ต้องกวนให้สุด!” หรือ “แต้ว ฉากนี้ต้องแซ่บแต่แฝงความน่ารัก!” บอกเลยว่าผู้กำกับคนนี้ทำให้ทุกฉากสมจริงและอินสุดๆ โดยเฉพาะฉากหวานๆ ในไร่ดอกไม้ ดูแล้วใจละลายเลย ?? เก่งมากจริงๆ
ผลิตโดย บริษัท เวฟทีวี จำกัด
บริษัท เวฟทีวี จำกัด พวกเขาคือทีมโปรดักชันที่ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่จัดหานักแสดงระดับท็อปอย่างมาริโอ้และแต้ว ไปจนถึงเนรมิตไร่อุ่นรักให้สวยเหมือนภาพวาด ทีมนี้ต้องจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่กล้อง แสง สถานที่ ไปจนถึงตารางถ่ายทำ ลองนึกภาพทีมงานยกกองไปถ่ายในทุ่งดอกไม้ หรือเซ็ตฉากบริษัทสัตยาอสังหาให้ดูหรูหรา งานหนักมาก แต่ผลลัพธ์คือละครที่คุณภาพคับจอ ขอบคุณเวฟทีวีที่ทำให้ บัลลังก์ดอกไม้ ปังขนาดนี้ ????
บอกเลยว่า บัลลังก์ดอกไม้ จะไม่ปังขนาดนี้ถ้าไม่มี คีตา ที่เขียนพล็อตสุดครีเอท ทีม เวฟทีวี ที่รังสรรค์บทโทรทัศน์ให้แซ่บ เจนไวย์ ทองดีนอก ที่กำกับให้ทุกฉากเป๊ะ และ บริษัท เวฟทีวี ที่เนรมิตทุกอย่างให้สมบูรณ์ ทีมนี้คือฮีโร่ตัวจริงที่ทำให้เราฟินกับความรักของวินและพุด ??
นักแสดง
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท อนาวินทร์/วิน

วินคือคุณชายไฮโซแห่งตระกูลสัตยารักษ์ เจ้าของบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ เริ่มเรื่องมานี่คือสุดยอดความยโสเลยล่ะ คิดว่าตัวเองอยู่เหนือทุกคน ใช้ชีวิตแบบไม่แคร์โลก ชอบปาร์ตี้ พาสาวมาไม่ซ้ำหน้า และมองว่ามรดกหมื่นล้านของปู่เล็กต้องเป็นของเขาแน่นอน แต่พอพินัยกรรมเปิดมา โอโห ชีวิตพลิกผัน ต้องไปทำงานที่ไร่ดอกไม้อุ่นรักของพุดชมพู แถมยังถูกสาวห้าวอย่างพุดสั่งงานเหมือนคนใช้ บอกเลยว่าฉากแรกๆ วินคือตัวแทนของความกวนประสาท แต่ก็ตลกมาก เพราะเขาต้องเจออะไรที่ไม่เคยเจอ เช่น รดน้ำต้นไม้ ตื่นเช้า งานนี้มาริโอ้เล่นได้สมบทบาทสุดๆ หน้าใสๆ แต่แววตากวนๆ นี่คือใช่เลย
แต่ วินไม่ได้มีแค่ด้านยโส เขาค่อยๆ เผยด้านที่ลึกซึ้งขึ้นจากปมในใจ เพราะเติบโตมาโดยขาดความรัก พ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก ปู่เล็กก็ยุ่งกับงาน ส่วนแม่เลี้ยงทิพนาถก็ไม่เคยสนใจ ทำให้วินกลายเป็นคนปิดกั้นตัวเอง การมาทำงานที่ไร่และเจอพุดชมพูทำให้เขาเริ่มเปลี่ยน เริ่มตั้งใจทำงาน เคารพคนรอบตัว และกลายเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ฉากที่วินปกป้องพุดจากตัวร้ายอย่างการันต์ หรือตอนที่ร้องเพลงให้พุดในงานหนุ่มดอกไม้ บอกเลยว่าใจละลาย มาริโอ้ถ่ายทอดการเติบโตของวินได้แบบเนียนสุดๆ จากคุณชายจอมกวนกลายเป็นชายหนุ่มที่น่าหลงรัก
ฉายา คุณชายดอกไม้
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวินจากคุณชายไฮโซที่ไม่รู้จักดอกไม้คืออะไร กลายเป็นคนที่ยอมลงมือลงแรงในไร่ดอกไม้ และสุดท้ายก็คว้าหัวใจของพุดชมพู สาวเจ้าของไร่อุ่นรักไปได้ ฉายานี้คือสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาที่เบ่งบานเหมือนดอกไม้เลยล่ะ ??
ข้อคิด ความรักและความรับผิดชอบเปลี่ยนคนได้
วินสอนเราว่าต่อให้เริ่มจากจุดที่ดูแย่แค่ไหน ถ้าเจอคนที่ทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองและยอมรับผิดชอบต่อสิ่งที่สำคัญ ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ วินจากคนที่ไม่แคร์อะไร กลายเป็นคนที่พร้อมสู้เพื่อปกป้องคนรักและมรดกของตระกูล มันทำให้เห็นว่าความรักและหน้าที่สามารถดึงด้านที่ดีที่สุดของเราออกมาได้จริงๆ
จรินทร์พร จุนเกียรติ รับบท พุดชมพู/พุด

พุดคือสาวห้าวเจ้าของไร่ดอกไม้ อุ่นรัก ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจิตใจดี เริ่มเรื่องมา เธอคือคนที่รักไร่ของตัวเองสุดๆ เพราะมันคือความทรงจำของพ่อที่จากไป แต่ชีวิตพลิกผันเมื่อ ปู่เล็ก ผู้มีพระคุณที่ช่วยเธอจากหนี้ในอดีต ทิ้งพินัยกรรมให้เธอต้องไปบริหารบริษัทสัตยาอสังหาของตระกูลสัตยารักษ์ ส่วนคุณชาย อนาวินทร์ ต้องมาทำงานที่ไร่ของเธอ โอ้โห สาวบ้านนอกอย่างพุดต้องไปเจอโลกไฮโซที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม บอกเลยว่าไม่ใช่งานง่าย
พุดเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่กลัวใครหน้าไหน ฉากที่เธอปะทะคารมกับวินที่โต๊ะอาหารวันแรกในบ้านสัตยารักษ์คือเดือดมาก ทุกคนตาค้าง เพราะไม่มีใครกล้าขัดคุณชาย แต่พุดนี่แหละที่กล้าสู้ แถมยังออกกฎให้คนรับใช้มีวันหยุด ทำเอาทั้งวินและแม่เลี้ยง ทิพนาถ เดือดจัด แต่พุดไม่สะทกสะท้าน เธอยังฉลาดและแสบ เช่น ตอนแกล้งวางโซ่แส้ในห้องวินให้สาวๆ กรี๊ดแตก ?? การแสดงของแต้วคือสุดยอด ถ่ายทอดความห้าวแต่แฝงความน่ารักได้แบบเป๊ะ
แต่พุดไม่ได้มีแค่ความแกร่ง เธอมีด้านที่เปราะบางจากปมกลัวความมืด และความทรงจำของพ่อที่เสียไป ฉากที่เธอเล่าถึงพ่อให้วินฟังตอนติดฝน หรือตอนที่โรงเรือนถูกไฟไหม้จนเธอใจสลายคือทำคนดูน้ำตาคลอ แต่พุดก็ลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง และเมื่อความรักกับวินเริ่มก่อตัว เธอก็แสดงให้เห็นถึงความเสียสละ กลัวว่าถ้ารักวินเขาจะเสียมรดก แต้วเล่นได้อินมาก ทำให้เรารักพุดในความเข้มแข็งและความจริงใจ
ฉายา ดอกไม้เหล็ก
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะพุดคือดอกไม้ที่สวยงามแต่แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เธอทั้งอ่อนโยนในแบบของสาวไร่ดอกไม้ และเข้มแข็งเมื่อต้องสู้กับอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นตัวร้ายอย่าง การันต์ หรือโลกธุรกิจที่โหดร้าย ฉายานี้คือสื่อถึงความสมดุลของความอ่อนโยนและความแกร่งในตัวเธอ ??
ข้อคิด ความจริงใจและความพยายามชนะทุกอย่าง
พุดสอนเราว่าต่อให้เจอสถานการณ์ยากแค่ไหน ถ้าเรายึดมั่นในความจริงใจและพยายามอย่างเต็มที่ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ เธอไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นการบริหารบริษัทหรือปกป้องไร่ของพ่อ และความจริงใจของเธอก็ชนะใจวิน ทำให้เห็นว่าความดีและความตั้งใจจริงคือพลังที่ยิ่งใหญ่
กวี ตันจรารักษ์ รับบท ทรงรบ/รบ

รบคือทนายหนุ่มประจำตระกูลสัตยารักษ์ที่ทั้งฉลาดและจริงจังกับงานสุดๆ เขาเป็นคนที่คอยดูแลทุกอย่างในบริษัทสัตยาอสังหาและบ้านสัตยารักษ์ เรียกว่าเป็นมือขวาของ พุดชมพู ตอนที่เธอต้องเข้ามาบริหารบริษัทตามพินัยกรรมของปู่เล็ก เริ่มเรื่องมา รบคือคนที่ดูนิ่งๆ เคร่งขรึม แต่ก็มีความซื่อสัตย์และใจเย็น คอยช่วยพุดรับมือกับความวายป่วงของ อนาวินทร์ คุณชายจอมกวน และยังช่วยเบรกสถานการณ์เมื่อพุดกับวินปะทะกันจนบ้านแทบแตก
แต่รบไม่ได้มีแค่ด้านจริงจังนะ เขามีมุมน่ารักๆ ด้วย โดยเฉพาะเมื่อเจอ ช่อม่วง สาวนักบัญชีจอมฝันที่มาเป็นเลขาของพุด ทั้งสองคนนี้เหมือนคู่กัดที่เคมีเข้ากันสุดๆ รบมองช่อว่าเป็นสาวเพ้อฝันกินจุ แต่พอได้ทำงานด้วยกัน เขาก็ค่อยๆ เห็นความฉลาดและความแหลมคมของเธอ จนกลายเป็นคู่รักที่ทำให้คนดูฟินไปอีกคู่ การแสดงของกวีคือดีมาก ถ่ายทอดความนิ่งแต่มีเสน่ห์ของรบได้แบบลงตัว โดยเฉพาะฉากที่เขาคอยปกป้องพุดและช่วยวินสืบความจริงเรื่อง การันต์ ตัวร้ายของเรื่อง บอกเลยว่ารบคือคนที่ขาดไม่ได้ในทีมนี้
ฉายา ทนายใจซื่อ
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะรบคือทนายที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และเพื่อน คอยยืนเคียงข้างพุดและวินในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเอกสารบริษัทหรือช่วยสืบคดีฆาตกรรมป้านุ่ม ฉายานี้สื่อถึงความน่าเชื่อถือและความดีของเขาที่เป็นเหมือนรากฐานของเรื่อง ??
ข้อคิด ความซื่อสัตย์และการสนับสนุนคือพลังที่ยิ่งใหญ่
รบสอนเราว่าการเป็นคนซื่อสัตย์และคอยสนับสนุนคนรอบตัว ไม่ว่าจะในงานหรือความสัมพันธ์ สามารถสร้างความแตกต่างได้ เขาไม่เคยทรยศหรือคิดร้ายต่อใคร และยังเป็นกำลังใจให้พุดและวินฝ่าฟันอุปสรรค ทำให้เห็นว่าคนดีที่ยืนหยัดเคียงข้างเพื่อนคือฮีโร่ตัวจริง
มัจฉา โมซิมันน์ รับบท ช่อม่วง/ช่อ

ช่อม่วงคือสาวนักบัญชีสุดจี๊ด เพื่อนซี้ของ พุดชมพู ที่ถูกชวนมาเป็นเลขาคู่ใจในบริษัทสัตยาอสังหา หลังจากที่พุดต้องเข้ามาบริหารตามพินัยกรรมของปู่เล็ก เริ่มเรื่องมา ช่อคือสาวช่างฝัน รักการอ่านนิยาย ดูเหมือนจะเพ้อๆ แต่จริงๆ แล้วฉลาดสุดๆ เธอมีสายตาแหลมคม มองคนออก และเก่งเรื่องตัวเลขจนจับผิดการยักยอกเงินของ ชวกร ได้แบบเป๊ะ เรียกว่าเป็นคู่หูคนสำคัญที่ช่วยพุดฝ่าด่านดราม่าในโลกธุรกิจ
ที่เด็ดคือความสัมพันธ์ของช่อกับ ทรงรบ ทนายหนุ่มสุดจริงจัง ทั้งสองคนนี้คือคู่กัดที่เคมีลงตัวมาก ช่อถูกทรงรบแซวว่าเป็นสาวเพ้อฝันกินจุ แต่ช่อก็ค่อยๆ แสดงให้เห็นว่าเธอทั้งฉลาดและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง จนทรงรบตกหลุมรักไปเต็มๆ ฉากที่ทั้งคู่ปะทะคารมหรือช่วยกันสืบคดีของ การันต์ คือทั้งตลกและน่ารัก มัจฉาเล่นบทช่อได้แบบเป็นธรรมชาติสุดๆ ทำให้ตัวละครนี้ดูสดใสและเป็นที่รักของทุกคนในเรื่อง
ฉายา สาวน้อยนักฝัน
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะช่อคือสาวที่เต็มไปด้วยจินตนาการจากนิยายที่เธออ่าน แต่ก็ใช้ความฝันนั้นขับเคลื่อนความฉลาดและความกล้าในการช่วยเพื่อน ฉายานี้สื่อถึงตัวตนที่ทั้งน่ารักและแกร่งในแบบของเธอ ??
ข้อคิด ความฉลาดและความร่าเริงสร้างความแตกต่าง
ช่อสอนเราว่าการมีมุมมองที่สดใสและความฉลาดในการแก้ปัญหาสามารถทำให้เราเป็นที่รักและมีคุณค่าได้ เธอไม่เคยปล่อยให้ความเพ้อฝันทำให้เสียงาน แต่ใช้มันเป็นพลังในการช่วยพุดและทรงรบ ทำให้เห็นว่าความร่าเริงผสมกับความสามารถคือสูตรสำเร็จที่ลงตัว
มาวิน ทวีผล รับบท จิระ/โจ้

โจ้คือเพื่อนสนิทของ พุดชมพู สาวเจ้าของไร่อุ่นรัก เขาเป็นหนุ่มชาวไร่ที่จิตใจดี ทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับไร่ดอกไม้เคียงข้างพุดมานาน เริ่มเรื่องมา โจ้คือคนที่คอยสนับสนุนพุดในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลไร่หรือช่วยจัดการปัญหาต่างๆ แต่สิ่งที่ทำให้โจ้พิเศษคือความรู้สึกที่เขามีต่อพุด ซึ่งไม่ใช่แค่ความเป็นเพื่อน เขาแอบรักพุดมานาน แต่มันเหมือนรักข้างเดียวที่เขาไม่กล้าบอกออกไป เพราะรู้ว่าพุดมองเขาเป็นแค่เพื่อน
เมื่อ อนาวินทร์ คุณชายไฮโซเข้ามาในชีวิตของพุด โจ้เริ่มรู้สึกหวงและไม่ไว้ใจวิน คิดว่าเขาจะมาทำร้ายพุด ฉากที่โจ้ปะทะคารมกับวินหรือพยายามขัดขวางไม่ให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันคือดราม่าเบาๆ ที่ทำให้เราลุ้น อย่างตอนที่โจ้เห็นพุดกับวินหยอกล้อกันในเรือนเพาะกล้า แล้วถอยออกมาเงียบๆ บอกเลยว่าน้ำตาคลอ เพราะรู้ว่าโจ้เจ็บปวดแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เลือกยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อ ไปเรียนปริญญาโทด้านเกษตรศาสตร์ มาวินถ่ายทอดความเป็นโจ้ได้แบบเนียนมาก ทั้งความอบอุ่นและความเจ็บปวดในใจ ทำให้เราอยากเอาใจช่วยโจ้สุดๆ
ฉายา เพื่อนรักใจสลาย
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะโจ้คือเพื่อนสนิทที่รักพุดสุดหัวใจ แต่ต้องยอมรับว่าความรักของเขาไม่มีทางสมหวัง ฉายานี้สื่อถึงความทุ่มเทและความเสียสละของเขาที่เลือกให้เพื่อนมีความสุข แม้ตัวเองจะต้องเจ็บ ??
ข้อคิด การยอมปล่อยวางคือความรักที่แท้จริง
โจ้สอนเราว่าบางครั้งการรักใครสักคนไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่คือการยอมให้เขามีความสุขในแบบที่เขาเลือก แม้ว่ามันจะทำให้เราเจ็บปวด การตัดสินใจของโจ้ที่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อคือตัวอย่างของความรักที่เสียสละและยิ่งใหญ่
→ โชติกา วงศ์วิลาศ รับบท วาธินี/หวาย

หวายคือสาวไฮโซตัวท็อปที่มาพร้อมความมั่นใจแบบล้นจอ เธอประกาศตัวว่าเป็นแฟนของ อนาวินทร์ หรือวิน คุณชายแห่งตระกูลสัตยารักษ์ และคิดว่าตัวเองคือว่าที่สะใภ้ของบ้านนี้ เริ่มเรื่องมา หวายคือตัวแทนของความเย่อหยิ่งและความพยายามคว้าวินให้ได้ ด้วยลุคสวยปัง ชุดหรู และทัศนคติที่มองคนอื่นต่ำกว่า ฉากที่หวายเจอ พุดชมพู สาวชาวไร่ที่เข้ามาในบ้านสัตยารักษ์ตามพินัยกรรมของปู่เล็กคือเดือดมาก หวายดูถูกพุดสุดๆ และพยายามกลั่นแกล้งสารพัด เช่น ไปป่วนที่ไร่อุ่นรักหรือพูดจาเหน็บแนมให้พุดเสียหน้า
แต่หวายไม่ได้มีแค่ด้านร้ายนะ เธอมีมุมที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่คือสาวที่หลงรักวินจริงๆ แค่รักผิดวิธี ฉากที่หวายพยายามยื้อวิน หรือตอนที่ไปอาละวาดใส่พุดตอนงานประกวดหนุ่มดอกไม้เพราะรู้ว่าวินเลือกพุด ทำให้เราเห็นว่าเธอเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวัง สุดท้ายหวายต้องยอมรับความจริงและถอยออกมา โชติกาเล่นบทหวายได้แบบสุดปัง ถ่ายทอดความเป็นสาวไฮโซที่ทั้งแซ่บและเปราะบางได้ลงตัวสุดๆ ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และแอบสงสารไปพร้อมกัน
ฉายา สาวไฮโซหัวใจร้าว
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะหวายคือสาวไฮโซที่ดูเหมือนมีทุกอย่าง แต่หัวใจร้าวจากความรักที่ไปไม่ถึง เธอพยายามคว้าวินด้วยวิธีที่ผิด จนต้องเจ็บปวดและเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ฉายานี้สื่อถึงความเย่อหยิ่งที่ซ่อนความเปราะบางไว้ข้างใน 💔
ข้อคิด รักที่แท้จริงไม่ใช่การยื้อหรือครอบครอง
หวายสอนเราว่าการรักใครสักคนไม่ใช่การยึดติดหรือพยายามครอบครองด้วยวิธีที่ทำร้ายคนอื่น ความรักที่แท้จริงต้องมาจากความจริงใจและการให้เกียรติ ความพยายามของหวายที่ผิดทางทำให้เราเห็นว่าการยอมปล่อยวางบางครั้งคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
→ ภัทร ฉัตรบริรักษ์ รับบท การันต์

การันต์คือลูกชายบุญธรรมของตระกูลสัตยารักษ์ ที่ ปู่เล็ก เก็บมาเลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนของ อนาวินทร์ หรือวิน เริ่มเรื่องมา การันต์ดูเหมือนเพื่อนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างวิน คอยรับฟังและช่วยเหลือในทุกเรื่อง แต่เดี๋ยวก่อน ใต้หน้ากากเพื่อนรักนี่ซ่อนความอิจฉาและความทะเยอทะยานแบบสุดขั้ว การันต์รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงเงาของวิน ไม่เคยได้รับการยอมรับเท่าทายาทตัวจริงของตระกูล ทำให้เขาค่อยๆ กลายเป็นตัวร้ายที่วางแผนชิงมรดกและทำลายทุกคนที่ขวางทาง
การันต์คือตัวละครที่ร้ายแบบมีชั้นเชิง เขายุให้พุดเข้าใจผิดว่าวินแค่หลอกใช้เธอ แถมยังร่วมมือกับ ชวกร ปลอมเอกสารใส่ร้ายพุด และที่พีคสุดคือเขามีส่วนในการฆาตกรรม ป้านุ่ม คนรับใช้ที่รู้ความลับของเขา และวางเพลิงโรงเรือนของพุด ฉากที่การันต์จับพุดเป็นตัวประกันและสารภาพทุกอย่างคือตึงสุดๆ ภัทรเล่นบทนี้ได้แบบถึงอารมณ์ ทั้งแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและความเจ้าเล่ห์ ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และลุ้นว่าเขาจะโดนจับเมื่อไหร่
ฉายา เงามืดแห่งสัตยารักษ์
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะการันต์เหมือนเงาดำที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูล คอยแสร้งเป็นเพื่อนที่ดีแต่แท้จริงแล้ววางแผนร้ายเพื่อครอบครองทุกอย่าง ฉายานี้สื่อถึงความลับและความมืดในจิตใจของเขาที่ค่อยๆ เผยออกมา 😈
ข้อคิด ความอิจฉานำพาไปสู่การทำลายตัวเอง
การันต์สอนเราว่าความอิจฉาและความโลภสามารถทำให้คนเราหลงทางจนทำร้ายคนรอบข้างและตัวเอง การที่เขาเลือกทรยศเพื่อนและครอบครัวที่เลี้ยงดูมา ทำให้เขาต้องพบจุดจบที่ไม่มีใครอยากให้เกิด มันเตือนใจว่าเราควรรู้จักพอใจและเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี
→ โกสินทร์ ราชกรม รับบท ชวกร/กร

ชวกรคือหนุ่มคู่ขาของ ทิพนาถ แม่เลี้ยงของอนาวินทร์ที่เอาแต่เสวยสุขในตระกูลสัตยารักษ์ เริ่มเรื่องมา กรคือคนที่ดูหล่อเนี๊ยบ ทำงานในตำแหน่งฝ่ายบัญชีของบริษัทสัตยาอสังหา ซึ่งได้มาเพราะบารมีของทิพนาถ แต่บอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่หนุ่มหน้าใสธรรมดา กรคือตัวร้ายที่โลภมาก เขาแอบยักยอกเงินบริษัทเพื่อหาความสุขให้ตัวเองและทิพนาถ เช่น พาไปเล่นพนันในบ่อนไฮโซ แต่เมื่อ พุดชมพู สาวเจ้าของไร่ที่เข้ามาบริหารบริษัทจับได้ กรถูกไล่ออก ทำให้เขาแค้นสุดๆ
กรไม่หยุดแค่นั้น เขาร่วมมือกับ การันต์ วางแผนกำจัดพุดและอนาวินทร์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและทิพนาถ ฉากที่กรส่งคนไปดักทำร้ายพุดคือตึงมาก แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความยางใจเลยถ้าต้องทำเพื่อเงินและอำนาจ โกสินทร์ถ่ายทอดความร้ายกาจของกรได้แบบถึงอารมณ์ แววตาเจ้าเล่ห์และท่าทางเนียนๆ ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และลุ้นว่าเมื่อไหร่ตัวละครนี้จะโดนจับ
ฉายา มือขวาแห่งความโลภ
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะกรคือมือขวาของทิพนาถที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ ทำทุกอย่างเพื่อเงินและผลประโยชน์ โดยไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน ฉายานี้สื่อถึงความมืดในตัวเขาที่พร้อมทรยศทุกคนเพื่อตัวเอง 💰
ข้อคิด ความโลภนำพาความหายนะ
ชวกรสอนเราว่าความโลภที่ไร้ขอบเขตสามารถทำลายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง การที่เขาเลือกยักยอกเงินและทำร้ายผู้อื่นเพื่อรักษาอำนาจและความสุขส่วนตัว ทำให้เขาต้องพบจุดจบที่ไม่มีใครอยากได้ มันเตือนใจว่าเราควรยึดมั่นในความซื่อสัตย์และไม่ปล่อยให้ความโลภครอบงำ
→ ชนานา นุตาคม รับบท ทิพนาถ/ทิพ

ทิพนาถคือแม่เลี้ยงของ อนาวินทร์ คุณชายแห่งตระกูลสัตยารักษ์ เริ่มเรื่องมา เธอคือสาวไฮโซที่ใช้ชีวิตหรูหรา เสวยสุขบนกองเงินของตระกูลโดยไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเองและความสบาย เธอไม่เคยรักหรือเอาใจใส่วินเลย เพราะมองเขาเป็นแค่ตัวถ่วงที่ขวางทางมรดก เมื่อ ปู่เล็ก ทิ้งพินัยกรรมให้ พุดชมพู เข้ามาดูแลบริษัทและบ้าน ทิพถึงกับเดือดจัด มองว่าพุดคือศัตรูตัวร้ายที่จะมาแย่งสมบัติ เธอเลยร่วมมือกับ ชวกร คู่ขารุ่นลูกที่ทั้งหล่อและเจ้าเล่ห์ เพื่อวางแผนกำจัดพุด
ทิพคือตัวละครที่ร้ายแบบมีสไตล์ ฉากที่เธออาละวาดเมื่อพุดออกกฎให้คนรับใช้มีวันหยุด หรือตอนที่เสียเงินก้อนโตในบ่อนไฮโซคือทั้งตลกและเห็นความโลภของเธอชัดเจน เธอยังสนับสนุนให้ชวกรยักยอกเงินบริษัท และเมื่อถูกจับได้ เธอก็ยิ่งแค้น พยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ ชนานานำเสนอความเป็นทิพได้แบบปังมาก ทั้งท่าทางเย่อหยิ่งและแววตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และลุ้นว่าเมื่อไหร่แม่เลี้ยงคนนี้จะเจอจุดจบ
ฉายา แม่เลี้ยงสายไฮโซ
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะทิพคือแม่เลี้ยงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความต้องการใช้ชีวิตหรูหรา เธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อรักษาความร่ำรวยและอำนาจ แม้ว่าจะต้องทรยศคนในครอบครัว ฉายานี้สื่อถึงความร้ายกาจที่มาในแพ็กเกจสวยหรู 💅
ข้อคิด การเห็นแก่ตัวทำลายความสัมพันธ์
ทิพนาถสอนเราว่าการเห็นแก่ตัวและมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวสามารถทำลายความสัมพันธ์และนำไปสู่ความล้มเหลวได้ เธอเลือกที่จะไม่รักหรือดูแลวิน และมุ่งแต่ปกป้องความสุขของตัวเอง จนสุดท้ายต้องสูญเสียทุกอย่าง มันเตือนใจว่าเราควรให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความจริงใจมากกว่าความโลภ
→ พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา รับบท ป้านุ่ม

ป้านุ่มคือคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลสัตยารักษ์ ผู้ที่เลี้ยงดู อนาวินทร์ หรือวินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มเรื่องมา เธอคือเหมือนแม่คนที่สองของวิน คอยห่วงใยและปกป้องเขาแม้วินจะเป็นคุณชายจอมกวนที่ใครๆ ก็กลัว เธอรู้ดีว่าลึกๆ แล้ววินเป็นคนขาดความรัก เพราะสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก และ ปู่เล็ก ก็ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาให้ ส่วน ทิพนาถ แม่เลี้ยงก็ไม่เคยสนใจ ป้านุ่มเลยเป็นคนเดียวที่มองเห็นด้านดีของวิน และพยายามขอร้องให้ พุดชมพู เข้าใจเขา
แต่ป้านุ่มไม่ได้มีแค่ความอบอุ่น เธอยังเป็นคนที่รู้ความลับของตระกูล โดยเฉพาะเรื่องของ การันต์ ลูกชายบุญธรรมที่เริ่มเผยธาตุแท้ เธอแอบได้ยินการันต์วางแผนร้าย และนั่นทำให้เธอต้องเผชิญกับชะตากรรมที่น่าเศร้าเมื่อถูกฆาตกรรมเพื่อปิดปาก ฉากที่ป้านุ่มจากไปคือสะเทือนใจมาก ทำให้วินเสียใจหนัก เพราะเธอคือครอบครัวคนสุดท้ายของเขา การแสดงของพิมพ์แขคือสุดยอด ถ่ายทอดความรักและความทุ่มเทของป้านุ่มได้แบบที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นและความสูญเสียไปพร้อมกัน
ฉายา หัวใจแห่งสัตยารักษ์
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะป้านุ่มคือคนที่เติมความรักและความอบอุ่นให้กับตระกูลสัตยารักษ์ โดยเฉพาะวิน เธอเหมือนหัวใจที่คอยหล่อเลี้ยงทุกคนด้วยความห่วงใย แม้ว่าจะเป็นแค่คนรับใช้ ฉายานี้สื่อถึงความสำคัญของเธอที่เป็นมากกว่าบทบาทในบ้าน 💖
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
ป้านุ่มสอนเราว่าความรักที่แท้จริงคือการให้ความห่วงใยและการปกป้องโดยไม่หวังอะไรตอบแทน เธอรักและดูแลวินเหมือนลูกแท้ๆ แม้ว่าจะต้องเผชิญอันตราย มันเตือนใจว่าเราควรให้ความรักและความดีต่อคนรอบตัว โดยไม่ต้องรอให้เขาเห็นค่าก่อน
→ ณัฐฐา ลอยด์ รับบท ภัทรา

ภัทรา คือคุณแม่ของ พุดชมพู สาวเจ้าของไร่อุ่นรัก เธอเป็นสาวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและความเข้มแข็ง เริ่มเรื่องมา ภัทราเป็นเหมือนรากฐานของครอบครัว คอยสนับสนุนพุดในทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเป็นการดูแลไร่ดอกไม้ที่เป็นความฝันของสามีที่จากไป หรือตอนที่พุดต้องไปบริหารบริษัทสัตยาอสังหาตามพินัยกรรมของปู่เล็ก ภัทรามองโลกในแง่ดีและเชื่อมั่นในตัวลูกสาวเสมอ ถึงแม้จะกังวลเมื่อพุดต้องเจอโลกไฮโซที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
ภัทราไม่ได้แค่เป็นแม่ที่รักลูก เธอยังมีมุมน่ารักและเป็นมิตรกับทุกคน แม้แต่ อนาวินทร์ คุณชายจอมกวนที่มาทำงานที่ไร่ เธอก็ต้อนรับด้วยความอบอุ่นและคอยให้คำแนะนำ ฉากที่ภัทราสังเกตความสัมพันธ์ของพุดกับวิน แล้วแอบเชียร์เบาๆ หรือตอนที่ช่วยผลักดันให้พุดไปพักผ่อนเพื่อเยียวยาหัวใจคือทำให้คนดูยิ้มตาม การแสดงของณัฐฐาคือสุดยอด ถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งเข้มแข็งและอ่อนโยนได้แบบลงตัว ทำให้ภัทราเป็นตัวละครที่คนดูรักและรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัว
ฉายา แม่แห่งไร่อุ่นรัก
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะภัทราคือหัวใจของไร่อุ่นรัก คอยดูแลทั้งครอบครัวและไร่ด้วยความรักและความเข้มแข็ง เธอเหมือนแม่ที่โอบกอดทุกคนด้วยความอบอุ่น ฉายานี้สื่อถึงบทบาทของเธอที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในเรื่อง 🌷
ข้อคิด ความรักของครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ภัทราสอนเราว่าความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวคือสิ่งที่ช่วยให้เราผ่านทุกอุปสรรคได้ เธอคอยเป็นกำลังใจให้พุดในทุกสถานการณ์ และแสดงให้เห็นว่าการเชื่อมั่นในคนที่เรารักสามารถสร้างความแตกต่างได้ มันเตือนใจว่าเราควรให้ความสำคัญกับครอบครัวและคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ
→ ดีใจ ดีดีดี รับบท จิตรา

จิตราคือคุณน้าสุดแซ่บของ พุดชมพู สาวเจ้าของไร่อุ่นรัก เธอเป็นตัวละครที่เติมสีสันให้เรื่องนี้แบบสุดๆ เริ่มเรื่องมา จิตราเป็นสาวใหญ่ที่ทั้งขี้เล่นและช่างจ้อ มีความกรี๊ดกร๊าดกับความหล่อของ อนาวินทร์ คุณชายไฮโซที่ต้องมาทำงานที่ไร่ตามพินัยกรรมของปู่เล็ก บอกเลยว่าจิตราเห็นวินทีไรคือตาวาว แถมยังแอบจับคู่จิ้นให้พุดกับวินตั้งแต่แรก เรียกว่าเป็นกองเชียร์ตัวยงของคู่นี้
แต่นอกจากความสนุกสนาน จิตรายังมีมุมที่ทำให้คนดูต้องขำและซึ้งไปพร้อมกัน อย่างตอนที่เธอบังเอิญล็อกพุดไว้ในห้องเก็บของโดยไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาด ทำให้พุดต้องเผชิญหน้ากับความกลัวความมืด จิตรารู้สึกผิดมากและกลายเป็นโมเมนต์ที่เราเห็นว่าเธอรักหลานสาวสุดหัวใจ ดีใจ ดีดีดี เล่นบทจิตราได้แบบเป็นธรรมชาติสุดๆ ถ่ายทอดความเป็นน้าที่ทั้งตลกและอบอุ่นได้ลงตัว ทำให้ทุกฉากที่มีจิตรานี่คือยิ้มได้ทันที
ฉายา น้าสาวจอมจิ้น
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะจิตราคือคุณน้าที่จิ้นหลานสาวกับคุณชายวินตั้งแต่แรก เธอกรี๊ดกร๊าดและคอยลุ้นให้ทั้งคู่รักกัน ฉายานี้สื่อถึงความน่ารักและความขี้เล่นของเธอที่เป็นเหมือนแสงสว่างในไร่อุ่นรัก 🌟
ข้อคิด ความร่าเริงทำให้ทุกอย่างสดใส
จิตรสอนเราว่าการมีทัศนคติที่ร่าเริงและมองโลกในแง่ดีสามารถสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างได้ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ความรักและความตั้งใจดีของเธอทำให้ทุกคนในไร่รู้สึกอบอุ่น มันเตือนใจว่าเราควรนำพลังบวกมาแบ่งปันกับคนรอบตัว
→ ญาณี ตราโมท รับบท ลุงหมาย

ลุงหมายคือหัวหน้าชมรมอนุรักษ์กล้วยไม้ป่าและเป็นคนสำคัญในไร่อุ่นรักของ พุดชมพู เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งใจดีและเข้าใจคนรอบข้าง เริ่มเรื่องมา ลุงหมายคือคนที่คอยดูแลไร่และให้คำแนะนำดีๆ กับทั้งพุดและ อนาวินทร์ คุณชายไฮโซที่ต้องมาทำงานที่ไร่ตามพินัยกรรมของปู่เล็ก เขาเหมือนพี่เลี้ยงที่เข้าใจนิสัยของวินที่เลือดร้อน และคอยสอนให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายในไร่
ลุงหมายยังมีบทบาทสำคัญในตอนท้าย เมื่อเขานำชาวบ้านมาช่วยจัดการ การันต์ ตัวร้ายที่จับพุดเป็นตัวประกัน ฉากที่ลุงหมายถือปืนนำทีมชาวบ้านคือเท่มาก แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่ลุงใจดี แต่ยังแกร่งและพร้อมปกป้องคนที่รัก ญาณี ตราโมท ถ่ายทอดความเป็นลุงหมายได้แบบลงตัวสุดๆ ทำให้ตัวละครนี้ทั้งอบอุ่นและน่าเชื่อถือ ทุกครั้งที่ลุงหมายปรากฏตัวคือเหมือนมีพลังบวกเต็มจอ
ฉายา ลุงใหญ่ใจกว้าง
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะลุงหมายคือผู้ใหญ่ที่ใจกว้าง คอยโอบกอดทุกคนในไร่ด้วยความเข้าใจและความรัก ไม่ว่าจะเป็นพุด วิน หรือชาวบ้าน ฉายานี้สื่อถึงความเป็นผู้นำที่ทั้งใจดีและเข้มแข็งของเขา 🌳
ข้อคิด ความเมตตาและการให้คำแนะนำสร้างความเปลี่ยนแปลง
ลุงหมายสอนเราว่าการเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตาและคอยให้คำแนะนำสามารถช่วยเปลี่ยนชีวิตคนได้ เขาคอยสนับสนุนวินให้เติบโตและปกป้องพุดในยามคับขัน มันเตือนใจว่าเราควรเป็นที่พึ่งให้คนรอบข้างด้วยความเมตตาและสติปัญญา
→ วราพรรรณ หงุ่ยตระกูล รับบท วิภา

วิภาเป็นตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของตระกูลสัตยารักษ์ เธอเป็นตัวละครสมทบที่ปรากฏในฐานะคนที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและบริษัทสัตยาอสังหา ถึงแม้วิภาจะไม่ได้มีบทบาทใหญ่เหมือนตัวหลักอย่าง อนาวินทร์ หรือ พุดชมพู แต่เธอก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์และเหตุการณ์ในบ้านสัตยารักษ์ วิภามีบุคลิกที่ค่อนข้างนิ่งและสงบ เป็นคนที่อยู่ในฉากหลัง คอยสังเกตและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะในบริบทของครอบครัวและการจัดการมรดก
การแสดงของวราพรรรณทำให้วิภามีความน่าเชื่อถือในบทบาทของเธอ เธอไม่ได้ออกมาเยอะ แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่องให้สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับตัวละครอื่นหรือการมีส่วนในเหตุการณ์สำคัญของตระกูล วิภาเหมือนเป็นตัวแทนของคนที่อยู่ในเงามืดของเรื่องราวใหญ่ แต่ก็มีส่วนช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไป
ฉายา ผู้เงียบแห่งสัตยารักษ์
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวิภาเป็นตัวละครที่เงียบๆ ไม่ได้เด่นสะดุดตา แต่คอยอยู่ในทุกเหตุการณ์สำคัญของตระกูล ฉายานี้สื่อถึงความนิ่งและการมีส่วนร่วมแบบไม่หวือหวาของเธอที่ช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์ 🌟
ข้อคิด ความเงียบก็มีพลังในแบบของมัน
วิภาสอนเราว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เด่นหรือพูดมากเพื่อสร้างผลกระทบ การอยู่ในบทบาทที่เงียบและคอยสนับสนุนก็สามารถช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและความสัมพันธ์ได้ มันเตือนใจว่าเราทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง แม้จะไม่ได้เป็นจุดสนใจก็ตาม
→ สุเมธ องอาจ รับบท ทรงศักดิ์

ทรงศักดิ์เป็นตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของตระกูลสัตยารักษ์และบริษัทสัตยาอสังหา เขาเป็นหนึ่งในคนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานหรือเหตุการณ์ในครอบครัว แม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นเท่าตัวหลักอย่าง อนาวินทร์ หรือ พุดชมพู แต่ทรงศักดิ์ก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวในฐานะตัวละครที่อยู่ในฉากหลัง บุคลิกของเขาค่อนข้างนิ่งและรอบคอบ เป็นคนที่คอยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการตัดสินใจในบริษัทหรือการมีส่วนในเหตุการณ์สำคัญของตระกูล
การแสดงของสุเมธ องอาจ ทำให้ทรงศักดิ์ดูเป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือและมีน้ำหนัก แม้จะปรากฏตัวไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเรื่องราว ทำให้เราเห็นภาพของคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในโลกของตระกูลสัตยารักษ์ ทรงศักดิ์เหมือนเป็นตัวแทนของคนที่อาจจะไม่เป็นจุดสนใจ แต่ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้ทุกอย่างดำเนินไปได้
ฉายา ผู้เงียบแห่งวงการสัตยา
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะทรงศักดิ์คือตัวละครที่ทำงานอย่างเงียบๆ ในบริษัทและตระกูลสัตยารักษ์ คอยสนับสนุนโดยไม่ต้องออกหน้า ฉายานี้สื่อถึงความนิ่งและความทุ่มเทในบทบาทที่อาจดูธรรมดาแต่ขาดไม่ได้ 🌟
ข้อคิด การทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์มีคุณค่าเสมอ
ทรงศักดิ์สอนเราว่าการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ และซื่อสัตย์สามารถสร้างความแตกต่างได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ตัวละครที่โดดเด่น แต่การมีส่วนร่วมในงานและครอบครัวของเขาคือสิ่งที่ช่วยให้ทุกอย่างเดินหน้า มันเตือนใจว่าเราควรตั้งใจทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย แม้จะเป็นบทบาทเล็กๆ ก็ตาม
→ เศรษฐา ศิระฉายา รับบท อาทิตย์/ปู่เล็ก

ปู่เล็กคือผู้ก่อตั้งตระกูลสัตยารักษ์และบริษัทสัตยาอสังหายักษ์ใหญ่ เขาเป็นปู่ของ อนาวินทร์ และเป็นคนที่ทิ้งพินัยกรรมสุดแซ่บที่เปลี่ยนชีวิตทุกคนในเรื่อง แม้ว่าปู่เล็กจะปรากฏตัวในเรื่องไม่เยอะ เพราะเขาเสียชีวิตตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่เงาของเขาคือหัวใจที่ขับเคลื่อนทุกอย่าง ปู่เล็กเป็นคนฉลาดและรักครอบครัวสุดๆ เขารู้ว่า อนาวินทร์ หรือวิน หลานชายสุดยโสของเขา ต้องได้รับบทเรียนเพื่อเติบโตเป็นผู้นำที่ดี เลยตั้งเงื่อนไขในพินัยกรรมให้วินไปทำงานที่ไร่อุ่นรักของ พุดชมพู และให้พุดมาบริหารบริษัท เพื่อดัดนิสัยวินและปกป้องมรดกตระกูล
ปู่เล็กยังมีสายตาแหลมคมที่มองเห็นความดีในตัวพุด ซึ่งเคยติดหนี้เขาในอดีต และเลือกเธอให้เป็นคนช่วยเปลี่ยนวิน ฉากที่เราย้อนเห็นความผูกพันของปู่เล็กกับวินผ่านจดหมายที่เขาทิ้งไว้ให้พุดคือซึ้งมาก แสดงให้เห็นว่าเขารักหลานชายและอยากให้วินเป็นคนที่ดีขึ้น การแสดงของเศรษฐาคือสุดยอด ถ่ายทอดความเป็นผู้นำที่ทั้งเข้มแข็งและเปี่ยมไปด้วยความรักได้แบบน่าประทับใจ ทำให้ปู่เล็กเป็นตัวละครที่ทิ้งรอยไว้ในใจคนดู
ฉายา ผู้วางรากแห่งสัตยารักษ์
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะปู่เล็กคือผู้ก่อตั้งตระกูลและวางรากฐานทุกอย่างด้วยความรักและวิสัยทัศน์ พินัยกรรมของเขาคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนในเรื่องได้เรียนรู้และเติบโต ฉายานี้สื่อถึงความยิ่งใหญ่และความหวังดีของเขา 🌟
ข้อคิด การวางแผนด้วยความรักสร้างอนาคตที่ดี
ปู่เล็กสอนเราว่าการตัดสินใจที่มาจากความรักและความหวังดีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ พินัยกรรมของเขาไม่ใช่แค่การทดสอบ แต่เป็นแผนที่ออกแบบมาเพื่อให้วินและพุดเติบโตและพบความรัก มันเตือนใจว่าเราควรคิดถึงผลดีในระยะยาวและทำสิ่งต่างๆ ด้วยหัวใจที่หวังดีต่อคนที่เรารัก
→ เวนย์ ฟอลโคเนอร์ รับบท วันชัย

วันชัยเป็นตัวละครที่อยู่ในแวดวงของตระกูลสัตยารักษ์และบริษัทสัตยาอสังหา เขาเป็นหนึ่งในตัวละครที่คอยสนับสนุนเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง แม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาทเด่นเท่าตัวหลักอย่าง อนาวินทร์ หรือ พุดชมพู แต่ก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวในฐานะคนที่อยู่ในฉากหลัง วันชัยมีบุคลิกที่ค่อนข้างนิ่งและเป็นมิตร เป็นคนที่คอยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานในบริษัทหรือมีส่วนในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวสัตยารักษ์
ถึงวันชัยจะไม่ได้มีฉากที่โดดเด่นมากนัก แต่การปรากฏตัวของเขาก็ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับโลกของละคร ทำให้เราเห็นภาพของคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในตระกูลใหญ่ การแสดงของเวนย์ ฟอลโคเนอร์ทำให้วันชัยดูเป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือและมีส่วนร่วมในเรื่องราว แม้ว่าจะเป็นบทบาทเล็กๆ แต่ก็ช่วยให้ทุกอย่างในเรื่องลงตัว
ฉายา ผู้ช่วยเงียบแห่งสัตยารักษ์
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวันชัยคือคนที่ทำงานเงียบๆ คอยช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่ต้องออกหน้า ฉายานี้สื่อถึงบทบาทของเขาที่เป็นเหมือนฟันเฟืองเล็กๆ แต่สำคัญในตระกูลและบริษัท 🌟
ข้อคิด ทุกบทบาทมีคุณค่าในทีม
วันชัยสอนเราว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในบทบาทเล็กหรือใหญ่ การทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ก็มีส่วนช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จได้ เขาอาจไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่การมีส่วนร่วมของเขาคือสิ่งที่ทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ มันเตือนใจว่าเราควรให้คุณค่ากับทุกคนในทีม ไม่ว่าจะมีบทบาทอะไร
→ สรัลธร คล้ายอุดม รับบท นิลลดา

นิลลดาคือตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของตระกูลสัตยารักษ์และบริษัทสัตยาอสังหา เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ปรากฏในฐานะส่วนหนึ่งของเรื่องราวรอบๆ อนาวินทร์ และ พุดชมพู แม้ว่านิลลดาจะไม่ได้มีบทบาทเด่นเท่าตัวละครหลัก แต่เธอก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ในฉากที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือบริษัท บุคลิกของนิลลดาค่อนข้างสงบและเป็นมิตร เธอเป็นเหมือนตัวละครที่คอยสนับสนุนในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่ต้องออกหน้าออกตา
การแสดงของสรัลธรทำให้ตัวละครนิลลดาดูสมจริงและน่าเชื่อถือ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีฉากที่โดดเด่นมาก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่อง ทำให้เราเห็นภาพของคนที่อยู่ในโลกของตระกูลสัตยารักษ์ นิลลดาคือตัวแทนของคนที่อาจจะไม่เป็นจุดสนใจ แต่ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้เรื่องราวสมบูรณ์
ฉายา ผู้เงียบในเงามืด
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะนิลลดาคือตัวละครที่อยู่เงียบๆ ในฉากหลังของเรื่อง คอยมีส่วนร่วมในเหตุการณ์โดยไม่ต้องเป็นตัวเด่น ฉายานี้สื่อถึงบทบาทที่สงบแต่มีคุณค่าของเธอในตระกูลและเรื่องราว 🌟
ข้อคิด การมีส่วนร่วมเล็กๆ ก็สร้างความแตกต่างได้
นิลลดาสอนเราว่าไม่จำเป็นต้องเป็นตัวหลักหรือมีบทบาทใหญ่เพื่อสร้างผลกระทบ การทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบๆ และมีส่วนร่วมในทีมก็ช่วยให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ มันเตือนใจว่าเราทุกคนมีคุณค่าในบทบาทของตัวเอง แม้จะดูเล็กน้อยก็ตาม
ข้อคิดจากละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560 บอกเลยว่าละครเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความฟิน ดราม่า และความตลก แต่ยังแฝงข้อคิดดีๆ ที่เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ความรักและความรับผิดชอบเปลี่ยนคนได้
จาก อนาวินทร์ คุณชายจอมยโสที่เริ่มเรื่องด้วยความเห็นแก่ตัว แต่เมื่อต้องทำงานที่ไร่อุ่นรักและเจอกับความรักจาก พุดชมพู เขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนที่รับผิดชอบและเห็นค่าคนรอบข้าง ข้อคิดนี้สอนว่าความรักที่แท้จริงและการมีหน้าที่สามารถดึงด้านที่ดีที่สุดในตัวเราออกมาได้
2. ความจริงใจชนะทุกสิ่ง
พุดชมพู แสดงให้เห็นว่าการยึดมั่นในความจริงใจและความมุ่งมั่นสามารถฝ่าฟันทุกอุปสรรคได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกไฮโซที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมหรือตัวร้ายอย่าง การันต์ ความจริงใจของเธอทำให้ทั้งวินและคนในไร่รักและเชื่อใจ มันเตือนใจว่าเราควรยึดมั่นในความดีและความจริงใจ
3. ความโลภและความอิจฉานำไปสู่หายนะ
ตัวละครอย่าง การันต์ และ ทิพนาถ แสดงให้เห็นว่าความโลภและความอิจฉาสามารถทำลายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง การที่พวกเขาพยายามแย่งชิงมรดกและทำร้ายคนอื่นทำให้ต้องพบจุดจบที่ไม่ดี ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักพอใจในสิ่งที่มีและไม่ปล่อยให้ความอิจฉาครอบงำ
4. ครอบครัวและมิตรภาพคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ไม่ว่าจะเป็น ภัทรา คุณแม่ของพุดที่คอยเป็นกำลังใจ หรือ ลุงหมาย และ ช่อม่วง ที่ช่วยเหลือกันในไร่ ตัวละครเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวและเพื่อนคือพลังที่ช่วยให้เราผ่านทุกปัญหาได้ มันสอนให้เราเห็นคุณค่าของคนใกล้ตัวและคอยสนับสนุนกัน
5. การยอมปล่อยวางคือความรักที่แท้จริง
จาก จิระ ที่แอบรักพุดแต่เลือกยอมปล่อยวางเพื่อให้เธอมีความสุข หรือ วิน และ พุด ที่พร้อมเสียสละเพื่อกันและกัน ข้อคิดนี้สอนว่าการรักไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่คือการอยากให้คนที่รักมีความสุข แม้ว่าจะต้องเจ็บปวด
บอกเลยว่า บัลลังก์ดอกไม้ คือละครที่ครบรสและให้ข้อคิดที่ใช้ได้จริงในชีวิต
บัลลังก์ดอกไม้ ภาค 2 บอกเลยว่าถ้าละครเรื่องนี้มีภาคต่อ ต้องเดือด ฟิน และดราม่ากว่าเดิมแน่นอน มาดูกันว่าถ้ามีภาค 2 จะเป็นยังไง
จุดเริ่มต้น ชีวิตใหม่ของวินและพุด
เรื่องราวเริ่มต้น 3 ปีหลังจาก อนาวินทร์ (วิน) และ พุดชมพู (พุด) แต่งงานกัน ทั้งคู่บริหารไร่อุ่นรักและบริษัทสัตยาอสังหาควบคู่กันไป ไร่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรชื่อดัง ส่วนบริษัทก็ขยายสู่ธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่ชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบกลับต้องเจอกับพายุครั้งใหม่ เมื่อ นลิน ลูกพี่ลูกน้องของ การันต์ (ตัวร้ายจากภาคแรก) ปรากฏตัว เธออ้างว่ามีเอกสารลับที่ ปู่เล็ก ทิ้งไว้ ระบุว่ามีมรดกส่วนสุดท้ายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย และมันเกี่ยวข้องกับที่ดินลับในต่างจังหวัดที่อาจเปลี่ยนอนาคตของตระกูล
ดราม่าครั้งใหม่ ความลับและศัตรู
นลินไม่ใช่แค่ลูกพี่ลูกน้องของการันต์ แต่เป็นนักธุรกิจสาวจากต่างประเทศที่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ เธอเข้ามาท้าทายวินและพุดด้วยการอ้างสิทธิ์ในที่ดินลับ ซึ่งเป็นไร่ดอกไม้โบราณที่ปู่เล็กเคยซ่อนไว้ ไร่นี้มีพันธุ์ไม้หายากที่อาจมีมูลค่ามหาศาลในวงการยา แต่การครอบครองที่ดินต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยภารกิจที่ปู่เล็กทิ้งไว้ในจดหมายลับ ทำให้วินและพุดต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านห่างไกลที่เต็มไปด้วยปริศนา
ระหว่างนั้น ชวกร อดีตตัวร้ายที่รอดจากการลงโทษในภาคแรก กลับมาพร้อมแผนแก้แค้น เขาร่วมมือกับนลินเพื่อขโมยที่ดินและทำลายชื่อเสียงของวินและพุด โดยปล่อยข่าวลือว่าบริษัทสัตยาอสังหาทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการประท้วงจากชาวบ้านและนักอนุรักษ์
ความรักที่ถูกทดสอบ
ในภาคนี้ วินและพุดต้องเผชิญความท้าทายในความสัมพันธ์ เมื่อนลินพยายามสร้างรอยร้าวด้วยการปล่อยภาพเก่าที่ทำให้เข้าใจผิดว่าวินเคยมีความสัมพันธ์กับเธอสมัยเรียนเมืองนอก พุดเริ่มสงสัยในความซื่อสัตย์ของวิน ขณะที่วินก็พยายามพิสูจน์ตัวเอง ข้างๆ กัน ทรงรบ และ ช่อม่วง คู่รักสุดน่ารักจากภาคแรกที่ตอนนี้แต่งงานแล้ว ต้องเผชิญปัญหาเมื่อช่ออยากมีลูก แต่ทรงรบกังวลเรื่องการเงินและหน้าที่ในบริษัท ทำให้เกิดความขัดแย้งเล็กๆ ที่เพิ่มรสชาติให้เรื่อง
จิระ เพื่อนเก่าของพุดที่กลับมาจากการเรียนต่อปริญญาโทด้านเกษตรศาสตร์ เขากลายเป็นที่ปรึกษาให้ไร่อุ่นรัก และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเมื่อช่วยวินและพุดสืบความจริงเกี่ยวกับที่ดินลับ แต่ความรู้สึกเก่าที่เคยมีต่อพุดทำให้เขาต้องต่อสู้กับใจตัวเองอีกครั้ง
ความลับของที่ดินลับ
เมื่อวินและพุดเดินทางไปหมู่บ้านที่ซ่อนที่ดินลับ พวกเขาได้พบกับ ยายเพ็ญ หญิงชราผู้ดูแลไร่ดอกไม้โบราณ เธอเล่าว่าปู่เล็กเคยช่วยหมู่บ้านนี้ไว้จากนายทุน และที่ดินนี้มีดอกไม้ที่สามารถใช้พัฒนายารักษาโรคหายากได้ แต่ภารกิจที่ปู่เล็กทิ้งไว้คือทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกับชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูไร่ให้กลับมารุ่งเรืองภายใน 3 เดือน ไม่งั้นที่ดินจะตกเป็นของนายทุนที่จ้องครอบครอง
วินและพุดต้องลงแรงปลูกดอกไม้ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน และเผชิญหน้ากับอุปสรรคจากชวกรที่ส่งคนมาก่อวินาศกรรมไร่ ระหว่างนั้นทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงความหมายของการทำงานหนักและความสามัคคี ฉากที่วินช่วยเด็กๆ ในหมู่บ้านปลูกต้นไม้ หรือตอนที่พุดสอนชาวบ้านทำผลิตภัณฑ์จากดอกไม้คืออบอุ่นหัวใจสุดๆ
จุดพีค การเผชิญหน้าและการค้นพบ
เมื่อถึงวันตัดสิน นลินและชวกรบุกมาที่หมู่บ้านพร้อมเอกสารปลอมเพื่อยึดที่ดิน แต่ ลุงหมาย และ จิตรา ร่วมมือกับชาวบ้านและ ทรงรบ เปิดโปงความจริงด้วยหลักฐานจากจดหมายลับของปู่เล็กที่ซ่อนอยู่ในไร่ วินและพุดพิสูจน์ได้ว่าที่ดินต้องเป็นของหมู่บ้าน และดอกไม้ในไร่ถูกส่งไปพัฒนายารักษาโรค โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะช่วยเหลือชุมชน
ในด้านความรัก วินและพุดเคลียร์ใจกันเมื่อวินสารภาพว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับนลิน และพุดตระหนักว่าเธอต้องเชื่อใจคนที่รัก ฉากที่ทั้งคู่จูบกันท่ามกลางไร่ดอกไม้ที่บานสะพรั่งคือฟินสุดๆ ส่วนชวกรถูกจับข้อหาวางแผนร้าย ส่วนนลินยอมถอนตัวและกลับไปต่างประเทศหลังจากเห็นความรักของวินและพุด
มรดกแห่งความรัก
เรื่องจบด้วยงานเฉลิมฉลองที่ไร่อุ่นรัก ซึ่งตอนนี้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการวิจัยพืชสมุนไพร วินและพุดตัดสินใจตั้งมูลนิธิในชื่อปู่เล็กเพื่อช่วยเหลือชุมชนทั่วประเทศ ทรงรบ และ ช่อม่วง ตกลงจะมีลูก และ จิระ ก็เริ่มต้นความรักใหม่กับนักวิจัยสาวที่มาช่วยงานในไร่ ทุกคนมารวมตัวกันในงานเทศกาลดอกไม้ พร้อมจดหมายจากปู่เล็กที่ทิ้งไว้ว่า “มรดกที่แท้จริงคือความรักและความดีที่เราสร้างให้โลก” ฉากสุดท้ายคือวินและพุดยืนจับมือกันในทุ่งดอกไม้ กับภาพเด็กๆ วิ่งเล่นอย่างมีความสุข
เรื่องลึกลับสุดหลอนที่เกิดขึ้นในเบื้องหลังกองถ่ายละคร บัลลังก์ดอกไม้ 2560 ช่อง 3 บอกเลยว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของแสง สี เสียง หรือการถ่ายทำ แต่เป็นปริศนาแปลกๆ ที่ทีมงานต้องเผชิญจนขนลุก
ละคร บัลลังก์ดอกไม้ ถ่ายทำในหลายสถานที่ ตั้งแต่คฤหาสน์หรูที่ใช้เป็นบ้านตระกูลสัตยารักษ์ ไปจนถึงไร่ดอกไม้จริงในต่างจังหวัดที่ใช้เป็นฉากไร่อุ่นรัก ทีมงานจาก บริษัท เวฟทีวี จำกัด ภายใต้การนำของผู้กำกับ เจนไวย์ ทองดีนอก เริ่มงานด้วยความตื่นเต้น เพราะละครเรื่องนี้มีทั้งความโรแมนติก ดราม่า และคอมเมดี้ที่ต้องถ่ายทอดให้ปัง แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือเหตุการณ์แปลกๆ ที่เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกของการถ่ายทำ
ทีมงานหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้ ได้แก่ พี่เอก ช่างกล้องมือหนึ่งที่คอยจับภาพทุ่งดอกไม้ให้สวยราวภาพวาด, พี่นิด ผู้จัดการกองที่ดูแลทุกอย่างตั้งแต่ตารางถ่ายทำยันข้าวกล่อง, พี่โจ ช่างไฟที่ทำให้ทุกฉากดูสมบูรณ์แบบ, และ น้องมิว สต๊าฟฝึกหัดที่เพิ่งเข้ามาทำงานครั้งแรก แต่ละคนนี้เจอเรื่องราวที่ทำให้กองถ่ายนี้กลายเป็นตำนานลึกลับ
การถ่ายทำเริ่มที่คฤหาสน์เก่าแก่ที่ใช้เป็นบ้านตระกูลสัตยารักษ์ คฤหาสน์นี้เป็นตึกสไตล์ยุโรปที่ดูขลังแต่ก็ชวนขนลุก ทีมงานต้องถ่ายฉากในตอนกลางคืนเพื่อให้ได้บรรยากาศดราม่า แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกแปลกคือกล้องของ พี่เอก ที่จับภาพเงาดำเคลื่อนไหวในมุมที่ไม่มีทีมงานคนไหนยืนอยู่ ภาพนั้นปรากฏในมอนิเตอร์ขณะถ่ายฉากโต๊ะอาหารที่ตัวละครหลักปะทะคารมกัน พี่เอกตรวจกล้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่พบอะไรผิดปกติ และเมื่อย้อนดูฟุตเทจ เงานั้นก็หายไปเหมือนไม่เคยมี
พี่นิด ผู้จัดการกองที่รู้จักคฤหาสน์นี้ดี บอกว่าที่นี่เคยเป็นบ้านของตระกูลเก่าแก่ที่ย้ายออกไปนานแล้ว บางครั้งเจ้าของเก่าก็เล่าเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับเงาในบ้าน แต่พี่นิดพยายามบอกทุกคนว่าเป็นแค่แสงสะท้อนจากไฟของ พี่โจ ทว่าพี่โจยืนยันว่าเขาเซ็ตไฟไว้แค่ด้านหน้า ไม่มีทางที่แสงจะสร้างเงาในมุมนั้นได้ ทีมงานเริ่มรู้สึกหลอน แต่ก็ต้องทำงานต่อเพราะตารางแน่น
เมื่อกองถ่ายย้ายไปที่ไร่ดอกไม้ในต่างจังหวัดเพื่อถ่ายฉากไร่อุ่นรัก ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น ไร่นี้เต็มไปด้วยดอกพุดและกล้วยไม้ที่สวยงาม แต่ น้องมิว สต๊าฟฝึกหัดที่ช่วยดูแลพร็อพเริ่มสังเกตว่าดอกไม้บางช่อที่ใช้ในฉากสำคัญ เช่น ฉากที่ตัวเอกยืนในสวน กลับเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งตัดมาใหม่ แปลกกว่านั้นคือเมื่อทีมงานไปตรวจแปลงดอกไม้ ดอกไม้ในแปลงที่ใช้ถ่ายทำจะเหี่ยวเฉพาะจุดที่ทีมงานเลือกไว้ ทั้งที่ดอกไม้รอบๆ ยังบานสะพรั่ง
พี่นิด คิดว่าเป็นเรื่องของอากาศหรือดินในไร่ แต่ชาวบ้านที่ช่วยดูแลไร่เล่าว่ามีตำนานเก่าเกี่ยวกับที่ดินนี้ ว่าดอกไม้บางแปลงเคยถูกใช้ในพิธีกรรมเก่าแก่ และบางครั้งจะเหี่ยวเมื่อมี “คนแปลกหน้า” เข้ามา ทีมงานพยายามไม่คิดมาก แต่ พี่โจ ที่ต้องเซ็ตไฟในไร่ตอนกลางคืนเริ่มรู้สึกเหมือนมีสายตาคอยจ้องจากในเงามืดของต้นไม้ ทำให้เขาต้องขอให้ทีมงานอยู่กันเป็นกลุ่มตอนถ่ายฉากกลางคืน
สิ่งที่ทำให้ทีมงานถึงกับต้องรวมตัวคุยกันคือเหตุการณ์ที่อุปกรณ์ถ่ายทำเริ่ม “เคลื่อนที่” เอง ในคืนหนึ่งขณะถ่ายฉากที่ตัวเอกติดฝนในไร่ พี่เอก วางกล้องไว้บนขาตั้งอย่างมั่นคง แต่เมื่อหันกลับมาหลังจากไปเช็กมอนิเตอร์ กล้องถูกหมุนไปอีกมุมหนึ่งโดยไม่มีใครแตะ พี่โจ ที่อยู่ใกล้ๆ สาบานว่าเขาแค่ปรับไฟ ไม่ได้ยุ่งกับกล้องเลย ทีมงานเริ่มสงสัยว่าเป็นฝีมือของกันและกัน แต่ น้องมิว ที่เก็บของอยู่ใกล้ๆ บอกว่าเห็นขาตั้งกล้องสั่นเบาๆ เหมือนมีแรงอะไรบางอย่างดึง
เหตุการณ์นี้เกิดซ้ำเมื่อ พี่นิด พบว่ากองพร็อพ เช่น ช่อดอกไม้และของตกแต่งในฉากบ้านสัตยารักษ์ ถูกย้ายไปวางในตำแหน่งที่ไม่ใช่ที่เดิม เช่น ดอกไม้ที่ควรอยู่ในแจกันบนโต๊ะ กลับไปวางไว้หน้าประตูห้องเก็บของ ทั้งที่ไม่มีใครในทีมย้าย เธอเริ่มจดบันทึกตำแหน่งของทุกอย่างก่อนถ่ายทำ และพบว่ามันเกิดขึ้นเฉพาะในคืนที่ถ่ายฉากดราม่าหนักๆ เช่น ฉากการเผชิญหน้าระหว่างตัวละคร
เมื่อกองถ่ายใกล้จบการถ่ายทำ ทีมงานตัดสินใจหาคำตอบ พี่นิด ติดต่อเจ้าของคฤหาสน์และชาวบ้านใกล้ไร่เพื่อถามเรื่องประวัติสถานที่ เธอพบว่าคฤหาสน์เคยมีเหตุการณ์เศร้าเมื่อหลายสิบปีก่อนเกี่ยวกับคนในครอบครัวที่สูญเสียไป ส่วนไร่ดอกไม้เคยเป็นสถานที่ที่มีพิธีกรรมเกี่ยวกับการปกป้องที่ดิน ทำให้บางครั้งเกิดเหตุการณ์แปลกๆ เมื่อมีคนนอกเข้ามา พี่เอก เสนอให้ทีมทำพิธีเล็กๆ เพื่อขอขมาเจ้าที่เจ้าทางตามคำแนะนำของชาวบ้าน โดยวางช่อดอกพุดและจุดธูปที่ทั้งคฤหาสน์และไร่
หลังจากทำพิธี สิ่งแปลกๆ เริ่มลดลง กล้องของพี่เอกไม่จับภาพเงาแปลกๆ อีก ดอกไม้ในฉากก็ไม่เหี่ยวเฉยๆ และอุปกรณ์หยุดเคลื่อนย้าย พี่โจ ที่เคยรู้สึกเหมือนถูกจ้องก็บอกว่ารู้สึกโล่งขึ้น ส่วน น้องมิว ที่กลัวจนแทบลาออกก็เริ่มกล้าทำงานตอนกลางคืนมากขึ้น ถึงจะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทีมงานเชื่อว่าการเคารพสถานที่และการทำงานด้วยความสามัคคีช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้
กองถ่าย บัลลังก์ดอกไม้ ไม่ได้มีแค่ความท้าทายในการสร้างละครให้ปัง แต่ยังมีเรื่องลึกลับที่ทำให้ทีมงานอย่าง พี่เอก, พี่นิด, พี่โจ, และ น้องมิว ต้องเผชิญกับความหลอนที่ไม่มีคำอธิบาย เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นเรื่องเล่าขานในวงการทีมงานละคร ว่าเป็นกองถ่ายที่ทั้งสวยและลึกลับสุดๆ สุดท้าย ทีมงานเรียนรู้ว่าการเคารพสถานที่และความเชื่อ รวมถึงการทำงานเป็นทีมคือกุญแจที่ทำให้ผ่านทุกอย่างไปได้