ละคร เทพสามฤดู 2560 ละครพื้นบ้านไทย ดัดแปลงจากนิทานพื้นบ้านไทย “เทพสามฤดู” ซึ่งเคยถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์มาแล้วหลายครั้ง โดยในเวอร์ชันนี้เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 และจบลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 รวมทั้งสิ้น 69 ตอน เรื่องราวผสมผสานตำนานเทพปกรณัมเข้ากับการผจญภัยและความสัมพันธ์ของตัวละครหลักอย่างสนุกสนาน น่าติดตาม
เรื่องราวเริ่มต้นที่ “นครอุดม” ซึ่งปกครองโดย “ท้าวตรีภพ” ผู้มีมเหสีสองพระองค์คือ “พระมเหสีมณี” และ “พระมเหสีทัศนีย์” แต่ทั้งคู่ไม่มีทายาทสืบสันตติวงศ์ ท้าวตรีภพจึงจัดพิธีบวงสรวงขอพรจาก พระอิศวร เพื่อให้มีพระโอรส พระอิศวรรับคำขอและสั่งให้เทพสามองค์ ได้แก่ พระพิรุณ (เทพแห่งฤดูฝน), พระราหู (เทพแห่งฤดูร้อน), และ นางจินดาเมขลา (เทพแห่งฤดูหนาว) ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ลงไปจุติในครรภ์ของพระมเหสีมณี โดยทั้งสามตกลงกันว่าจะผลัดกันปรากฏตัวตามฤดูกาลของโลกมนุษย์
เมื่อถึงเวลาคลอด พระมเหสีมณีให้กำเนิดทารกที่มีลักษณะคล้ายยักษ์ (เนื่องจากเป็นฤดูร้อน ทำให้พระราหูปรากฏตัวก่อน) ท้าวตรีภพตกใจและเข้าใจผิด คิดว่าเป็นลางร้าย จึงสั่งให้นำเด็กไปลอยแพในแม่น้ำ เด็กถูกช่วยเหลือโดย “พระฤๅษีโคบุตร” ซึ่งเลี้ยงดูและตั้งชื่อว่า “มณี” พร้อมมอบอาวุธวิเศษให้ เช่น กระบองแก้ว, พระครรค์ และลูกแก้ววิเศษ เพื่อใช้ในการเดินทางและปกป้องตัวเอง
เมื่อเติบโตขึ้น มณีได้พบกับพลังของเทพทั้งสามที่อยู่ในตัวเขา และเริ่มออกผจญภัยเพื่อพิสูจน์ตัวตนและช่วยเหลือผู้อื่น ระหว่างทาง เขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย เช่น การต่อสู้กับ ท้าวอนันตวงศ์ ยักษ์ผู้ปกครองเมืองยักษ์ที่ลักพาตัวมณีไป และการเผชิญหน้ากับ ท้าวจักรวรรดิ พี่ชายของมเหสีโชตะนา ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกัน ความขัดแย้งในนครอุดมก็เกิดขึ้น เมื่อพระมเหสีทัศนีย์อิจฉาพระมเหสีมณีและพยายามกำจัดมณี แต่สุดท้ายความจริงถูกเปิดเผยผ่านการแทรกแซงของเทพเจ้า ท้าวตรีภพได้เห็นเทพทั้งสามแยกร่างจากมณีชั่วขณะ ทำให้เข้าใจถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของลูกชาย เขาจึงรับมณีและพระมเหสีมณีกลับสู่นครอุดม
เมื่อเทพทั้งสามโตขึ้น พวกเขาแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง
• พระราหู เดินทางไปยังนครโรมิสัย และพบรักกับ พระธิดาสุวรรณอัมพร ซึ่งโยนพวงมาลัยให้เขา เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
• พระพิรุณ และ นางจินดาเมขลา ต่างก็เผชิญเรื่องราวของตัวเอง ท่ามกลางการทดสอบจากเหล่ายักษ์และเทพอื่นๆ
เรื่องราวดำเนินไปด้วยการผจญภัย การต่อสู้ และการค้นหาความรักของเทพทั้งสาม ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และยักษ์ รวมถึงการทดสอบจิตใจและความผูกพันของพี่น้องทั้งสาม จนสุดท้ายพวกเขาสามารถพิสูจน์คุณค่าของตัวเองและนำความสงบสุขกลับคืนสู่โลกมนุษย์ได้
ตัวละครหลัก เทพทั้งสาม (พระราหู, พระพิรุณ, นางจินดาเมขลา) มีลักษณะและบุคลิกที่แตกต่างกันชัดเจน ทำให้เรื่องราวหลากหลายและน่าสนใจ การผสมผสานตำนาน นำเสนอเรื่องราวเทพเจ้าในแบบที่เข้าถึงได้ง่าย ผสานกับความเป็นละครพื้นบ้านไทย ฉากและเทคนิค เวอร์ชัน 2560 ปรับปรุงภาพและเทคนิคให้ทันสมัยขึ้น สีสันสดใส และมีการออกแบบฉากที่อลังการ
ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีเรตติ้งสูงสุดถึง 7.1 ในตอนที่ 28 (1 ตุลาคม 2560) และยังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ละครจักรๆ วงศ์ๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก เข้มข้น และเต็มไปด้วยคุณธรรมที่สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
เนื้อหาหลักของละคร “เทพสามฤดู” เวอร์ชัน 2560 แบบคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของเรื่องราวสำคัญ
เริ่มต้น การกำเนิดและการลอยแพ
“ท้าวตรีภพ” แห่งนครอุดม ขอพรจาก พระอิศวร ให้มีทายาท พระอิศวรส่ง พระราหู, พระพิรุณ, และ นางจินดาเมขลา เทพพี่น้องสามฤดู ลงมาจุติในครรภ์ของ พระมเหสีมณี เมื่อคลอดออกมาในฤดูร้อน เด็กมีลักษณะเหมือนยักษ์ (เพราะพระราหูครองร่าง) ท้าวตรีภพตกใจ สั่งลอยแพเด็กในแม่น้ำ “พระฤๅษีโคบุตร” ช่วยเด็กไว้ ตั้งชื่อว่า มณี และเลี้ยงดู พร้อมมอบอาวุธวิเศษ เช่น กระบองแก้ว และลูกแก้ววิเศษ
การผจญภัยของมณี
มณีเติบโตและค้นพบพลังของเทพทั้งสามในตัว เขาออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือผู้คนและพิสูจน์ตัวเอง ต้องเผชิญหน้ากับ ท้าวอนันตวงศ์ ยักษ์ที่ลักพาตัวเขาไป และต่อสู้จนได้รู้ชาติกำเนิดบางส่วน ระหว่างนั้น พระมเหสีทัศนีย์ อิจฉาพระมเหสีมณี พยายามกำจัดมณีและสร้างความขัดแย้งในนครอุดม
การเปิดเผยตัวตน
มณีกลับสู่นครอุดมเพื่อช่วยเหลือแม่และเผชิญหน้ากับท้าวตรีภพ ในช่วงวิกฤต เทพทั้งสามแยกร่างออกจากมณีชั่วขณะ (พระราหูเป็นยักษ์ พระพิรุณเป็นเทพหนุ่ม และนางจินดาเมขลาเป็นเทพสตรี) ท้าวตรีภพเห็นความจริง รับมณีและพระมเหสีมณีกลับมา ขับไล่พระมเหสีทัศนีย์ที่ก่อความวุ่นวาย
เส้นทางของเทพทั้งสาม
พระราหู เดินทางไปนครโรมิสัย พบรักกับ พระธิดาสุวรรณอัมพร หลังเธอโยนพวงมาลัยให้เขา ทั้งคู่ผ่านการทดสอบจนได้ครองคู่กัน
พระพิรุณ ต่อสู้กับเหล่ายักษ์และปกป้องผู้คนด้วยพลังแห่งสายฝน มีบทบาทเด่นในการช่วยมณีหลายครั้ง
นางจินดาเมขลา ใช้ความงามและพลังแห่งฤดูหนาวช่วยเหลือพี่น้อง เผชิญเรื่องราวโรแมนติกและการต่อสู้ของตัวเอง
เทพทั้งสามร่วมกันปราบศัตรูครั้งสุดท้าย (รวมถึงยักษ์และกองกำลังของท้าวจักรวรรดิ) นำความสงบสุขกลับคืนสู่นครอุดมและดินแดนต่างๆ มณีกลายเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนยอมรับ พระมเหสีมณีได้รับการยกย่อง ส่วนเทพทั้งสามแยกย้ายไปตามบทบาทของตัวเองในฐานะผู้พิทักษ์ฤดูกาล เรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทุกตัวละครหลักได้พบจุดหมายของตัวเอง โดยเฉพาะพระราหูที่ลงเอยกับพระธิดาสุวรรณอัมพร
ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากผจญภัยและการต่อสู้ระหว่างเทพกับยักษ์ ฉากแอ็กชันที่ผสมผสานพลังวิเศษของเทพทั้งสาม (พระราหู, พระพิรุณ, นางจินดาเมขลา) ทำให้รู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสามแยกร่างออกจากมณี ซึ่งเป็นไฮไลต์ที่หลายคนจำได้ดี
สำหรับคนที่โตมากับละครจักรๆ วงศ์ๆ การได้ดู “เทพสามฤดู” ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนวัยเด็ก มีกลิ่นอายของนิทานพื้นบ้านไทยที่คุ้นเคย ผสมกับการเล่าเรื่องแบบเข้าใจง่าย ทำให้รู้สึกอบอุ่นและเพลิดเพลิน
ตัวละครหลักอย่างมณีและเทพทั้งสามมีเสน่ห์เฉพาะตัว เช่น พระราหูที่ดูแข็งแกร่งแต่ก็มีมุมโรแมนติกกับพระธิดาสุวรรณอัมพร หรือนางจินดาเมขลาที่สวยสง่าและเก่งกาจ ผู้ชมมักรู้สึกผูกพันและลุ้นตามชะตากรรมของพวกเขา ถ้าเทียบกับละครพื้นบ้านยุคก่อนหน้า เวอร์ชัน 2560 มีภาพที่สวยขึ้น ฉากและเครื่องแต่งกายสีสันสดใส รวมถึงเทคนิคพิเศษที่ทันสมัยกว่า ทำให้รู้สึกว้าวและคุ้มค่ากับการดู
เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมาก เหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลาย ถึงแม้จะมีดราม่า เช่น ความขัดแย้งระหว่างพระมเหสี หรือการต่อสู้กับยักษ์ แต่ก็จบลงด้วยแฮปปี้เอนดิ้ง ทำให้รู้สึกสบายใจหลังดูจบ บางคนอาจรู้สึกว่าบทดำเนินช้าในบางช่วง โดยเฉพาะตอนที่ยืดเรื่องราวการผจญภัย หรือบางฉากที่เน้นซ้ำๆ เพื่อย้ำปมดราม่า ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเบื่อเล็กน้อยถ้าไม่ชอบสไตล์ละครยาวๆ แบบนี้
“เทพสามฤดู” 2560 ให้ความรู้สึกสนุกแบบครบรส ทั้งตื่นเต้นไปกับการต่อสู้ ซึ้งไปกับความรักและมิตรภาพ และอบอุ่นไปกับกลิ่นอายวัฒนธรรมไทย เป็นละครที่เหมาะกับการดูแบบไม่ต้องคิดเยอะ เหมือนได้นั่งดูนิทานที่ถูกเล่าผ่านจอโทรทัศน์ ซึ่งแฟนๆ ละครพื้นบ้านมักชื่นชอบและยกให้เป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ของปีนั้นเลยทีเดียว
ละคร เทพสามฤดู 2560 FULL HD
เมื่อกาลครั้งหนึ่งสวรรค์มีเรื่องราว…
ณ นครอุดม มีท้าวตรีภพเป็นเจ้าผู้ครองเมือง มีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระมเหสีมณี และพระมเหสีทัศนีย์ แต่ยังไม่มีพระราชบุตรเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงได้ทำพิธีบวงสรวงต่อพระอิศวรเพื่อขอพระโอรส เมื่อพระอิศวรรับทราบด้วยญาณแล้ว จึงได้ให้มาตุลีไปตามพระพิรุณมาเฝ้า เพื่อเตรียมจุติลงไปยังเมืองมนุษย์ แต่ทว่าพระราหูและนางจินดาเมขลาต้องการเสด็จลงไปด้วย จึงได้ปรึกษากัน โดยพระราหูเสนอให้ทั้ง 3 พระองค์จุติยังเมืองมนุษย์ตามฤดูกาล โดยฤดูร้อนจะเป็นพระราหู ฤดูฝนเป็นพระพิรุณ ฤดูหนาวเป็นนางจินดาเมขลา
เมื่อพระมเหสีมณีมีพระประสูติกาลออกมาเป็นเด็กมีเขี้ยวเหมือนยักษ์ (เนื่องจากเป็นฤดูร้อน) ทำให้ทุกคนแปลกใจว่าทำไมพระโอรสเกิดมาเป็นยักษ์ ท้าวตรีภพจึงสั่งให้นำพระโอรสไปลอยแพ
แพของพระโอรสราหู มาเกยอยู่ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง คืนนั้น งั่ง ผีกระหังซึ่งถูกขับไล่จากหมู่บ้าน เข้ามาพบพระโอรสราหู จึงหมายจะเอาไปกิน แต่ราหูตื่นขึ้นมาจึงรีบวิ่งหนี จนไปพบกับพระฤๅษีโคดม พระฤๅษีจึงทำการปราบงั่ง โดยโยนสร้อยประคำเข้าไปที่คอ และท่องคาถา “เก้าอี้ จู้จี้ แก้ได้ ใต้ตู้ บู้บี้ มีไข้ ไปป่า ได้เต่า” สร้อยประคำรัดที่คอของงั่งจนต้องยอมแพ้ พระฤๅษีจึงนำราหูกลับไปที่อาศรม ราหูจึงได้ศึกษาวิชาที่อาศรมของพระฤๅษี โดยมีงั่งเป็นพี่เลี้ยง
ฝ่ายพระมเหสีมณี หลังจากเสียลูกไป ก็ทรงโทมนัส พระมเหสีทัศนีย์เห็นว่ามณีประสูติพระโอรสเป็นยักษ์ จึงวางแผนทำการใส่ร้ายว่ามณีแอบคบยักษ์ ท้าวตรีภพทรงเชื่อจึงได้เนรเทศมณีออกจากเมือง และต่อมาได้สั่งให้ประหารเสีย แต่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าวิปริตเข้ามาหมายจะเอามณีเป็นเมีย วิปริตจัดการพวกเพชรฆาตจนหมด มณีหนีต่อไปจนพบลิงชื่อนันทเสนและยักษ์ชื่อสุระผัด นันทเสนฆ่าวิปริตตาย สุระผัดกับนันทเสนรบกันเองเพื่อแย่งมณี จนพระฤๅษีโคบุตรต้องมาห้ามศึก โดยให้สู้จนหมดแรง ทั้งสองจึงยอมรับผิดและมาขอโทษพระฤๅษีโคบุตร นันทเสนจึงพาพระฤๅษีโคบุตรไปยังศพของวิปริต พระฤๅษีโคดมจึงทำการรวมร่างของนันทเสนและวิปริตเข้าด้วยกันเพื่อเป็นการไถ่บาป
ฝ่ายเทพสามฤดูได้ร่ำเรียนวิชากับพระฤๅษีโคดมจนครบถ้วนแล้วพระฤๅษีได้ขอประทานอาวุธจากพระอิศวร ให้ไว้ใช้ป้องกันตัว พระอิศวรประทานอาวุธคือ กระบองแก้วของพระราหู, พระขรรค์ของพิรุณ และลูกแก้วของจินดาเมขลา จากนั้นเทพสามฤดูจึงออกเดินทางตามที่พระฤๅษีได้แนะนำไว้ ไปพบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในมีสมบัติจำนวนมาก ด้วยความโลภงั่งจึงขนสมบัติออกมา ยักษ์หินที่เฝ้าปากถ้ำจึงออกอาละวาดงั่งกับราหู จนราหูต้องรีบนำสมบัติไปคืน แต่ก่อนจะถึงถ้ำ มีคนธรรพ์ตนหนึ่งรับสมอ้างว่าเป็นสมบัติของเขา ราหูไม่เชื่อจึงสู้กันจนคนธรรพ์หมดสภาพ จากนั้นราหูจึงเอาสมบัติที่ขโมยไปคืน ยักษ์หินจึงหมดฤทธิ์กลับไปที่ปากถ้ำเหมือนเดิม ต่อมาระหว่างเดินทางไปพบกับนันทเสนที่ป่ากล้วย นันทเสนเข้าใจว่ามีใครบินข้ามหัว จึงเข้ารบกับราหูจนถึงขั้นที่พระอิศวรต้องส่งมาตุลีไปห้ามศึก จากนั้นมาตุลีก็ให้ทั้ง 3 ไปยังอาศรมของพระฤๅษีโคบุตร
ที่อาศรมของพระฤๅษีโคบุตร มณีได้พบกับจินดาเมขลา จากนั้นทั้งหมดก็กราบลาพระฤๅษีเพื่อเดินทางกลับเมือง โดยพระฤๅษีได้มอบระฆังแก้วเพื่อไว้ใช้เรียกสุระผัดและนันทเสนเวลาเกิดปัญหา ระหว่างทางไปเจอเมืองยักษ์ มีท้าวอนันตวงศ์เป็นผู้ปกครอง มีนางโชตะนาเป็นมเหสี ท้าวอนันตวงศ์ต้องการหาภรรยาใหม่ จึงได้ลักพาตัวมณีกลับไปยังเมืองของตน ทำให้โชตะนาไม่พอใจ ตัดสินใจเดินทางไปหาท้าวจักรวรรดิผู้เป็นพี่ชาย ท้าวจักรวรรดิเดินทางมาเจอจินดาเมขลาก็ต่อสู้กัน ท้าวจักรวรรดิใช้พัดชีวิตพัดให้จินดาเมขลากับงั่งสลบ แล้วพาไปยังเมืองของท้าวอนันตวงศ์ เกิดการสู้กันระหว่างยักษ์ 2 ตน เมื่อเทพทั้งสามเจริญวัยขึ้น พระพิรุณได้ขอองค์เหนือหัวตรีภพไปท่องเที่ยว ครั้นฤดูร้อนพระราหูเดินทางไปยังนครโรมิสัยได้พบกับพระธิดาสุวรรณพรพระธิดาสุวรรณอัมพรพรจึงโยนพวงมาลัยไปให้พระราหู
นักแสดงนำ : พลพจน์ พูลนิล, ธนเดช ดีสีสุข, คริษฐา สังสะโอภาส, กชกร ส่งแสงเติม, ดาริน ดารากานต์, พบศิลป์ โตสกุล
ผลิตโดย : บริษัท สามเศียร จำกัด , บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
บทละครโทรทัศน์ : ภาวิต/พิกุลแก้ว
กำกับการแสดง : ภิภัชพนธ์ อภิวรสิทธิ์