ละคร ไฟต่างสี 2538 ละครแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องราวเริ่มที่ “ริสา” สาวสวยจากตระกูลไฮโซ พ่อของเธอเป็นถึงเอกอัครราชทูตประจำกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรียกว่าชีวิตดี๊ดี ฐานะมั่นคง ครอบครัวอบอุ่น ริสาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนอย่างสุขสบาย แต่แล้ววันหนึ่ง เธอและเพื่อนสาว (แมรี่) ดันไปกินข้าวที่ภัตตาคารไทยในเมือง แล้วเรื่องวุ่น ๆ ก็เริ่มขึ้น
ที่ร้านนี้ ริสาได้เจอกับ “ไมค์” หนุ่มหล่อมาดอบอุ่นครั้งแรก แต่การเจอกันครั้งนี้ไม่ใช่ฉากหวาน ๆ นะจ๊ะ เพราะเพื่อนของริสาแอบหยิบขวดน้ำหอมกับสบู่จากห้องน้ำของร้านไปเป็นที่ระลึก ไมค์ที่เป็นคนดูแลร้านจับพิรุธได้ เลยเดินมาถามริสาตรง ๆ ให้รับผิดชอบทรัพย์สินที่หายไป ริสาต้องยอมจ่ายเงินทั้งที่ไม่เต็มใจ แถมรู้สึกว่าไมค์มากวนโมโหอีก การเจอกันครั้งแรกเลยกลายเป็นความบาดหมาง ไม่มีใครยอมใคร
เรื่องราวเริ่มสนุกเมื่อ แมรี่ เพื่อนของริสา ไปสนิทกับ “มืด” เพื่อนซี้ของไมค์ หลังจากมืดช่วยแมรี่จากโจรที่บุกอพาร์ตเมนต์ของเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำให้ริสากับไมค์ได้เจอกันบ่อยขึ้น จากที่เคยขัดแย้งกันก็ค่อย ๆ ปรับความเข้าใจ กลายเป็นเพื่อนกัน และริสาก็เริ่มมองเห็นว่าไมค์น่ะ อ่อนโยนและโรแมนติกสุด ๆ จนเธอตกหลุมรักเขาในที่สุด
แต่ ความรักของริสากับไมค์ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมี “คุณย่าของริสา” เป็นตัวขัดขวางตัวยง คุณย่าเป็นคนเข้มงวด ชอบควบคุมทุกอย่างในชีวิตของริสา ไม่ต่างจากที่เคยบงการชีวิตของพ่อเธอมาแล้ว เรียกว่าเป็นปมครอบครัวที่ทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้น คุณย่ามองว่าไมค์ไม่เหมาะสมกับริสา และพยายามกีดกันทุกวิถีทาง ทำให้ทั้งคู่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อพิสูจน์ว่ารักของพวกเขาจะแข็งแกร่งพอหรือไม่
ไฟต่างสี ไม่ได้มีแค่ความรักหวาน ๆ หรือดราม่าครอบครัว แต่ยังพาคนดูไปสัมผัสความสวยงามของต่างแดน เพราะละครเรื่องนี้ทุ่มทุนถ่ายทำถึงประเทศออสเตรีย งานนี้ผู้จัดอย่าง ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา จากบริษัท รีไมน์โปรดักชั่น จัดเต็มทั้งโปรดักชั่นและนักแสดงคุณภาพ บทประพันธ์ของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ และบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ทำให้เรื่องนี้ลงตัวทั้งความสนุกและความลึกซึ้ง
ไฟต่างสี คือละครที่เล่าถึงความรักที่เริ่มจากความขัดแย้ง แต่ค่อย ๆ เติบโตท่ามกลางอุปสรรคทั้งจากครอบครัวและความแตกต่างของฐานะ เรื่องนี้ผสมผสานความโรแมนติก ดราม่า และปมครอบครัวได้อย่างลงตัว ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร
ในเมืองอัมสเตอร์ดัมที่งดงามราวภาพวาด ชีวิตของ ริสา (หมิว ลลิตา ปัญโญภาส) สาวงามจากตระกูลสูงศักดิ์ ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ ดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย พ่อของเธอคือเอกอัครราชทูตผู้ทรงเกียรติ ครอบครัวมั่งคั่ง และฐานะมั่นคง แต่ภายใต้ความสมบูรณ์แบบนั้น ริสากลับถูกจองจำด้วยกฎเกณฑ์เข้มงวดของ คุณย่าสุมน (พิศมัย วิไลศักดิ์) ผู้ควบคุมทุกย่างก้าวในชีวิตของเธอ
การพบพานที่จุดประกายความขัดแย้ง
วันหนึ่ง ณ ภัตตาคารไทยในเมืองอันห่างไกล ริสากับ แมรี่ เพื่อนสนิท เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อแมรี่แอบหยิบขวดน้ำหอมและสบู่จากห้องน้ำของร้านไปเป็นที่ระลึก การกระทำเล็ก ๆ นั้นนำพาริสาไปพบกับ ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) ชายหนุ่มมาดอบอุ่นแต่เด็ดเดี่ยว ผู้ดูแลร้านด้วยสายตาคมกริบ
ไมค์จับพิรุธได้และเดินตรงมาหาริสายังโต๊ะ ด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น เขาขอให้เธอรับผิดชอบต่อสิ่งของที่สูญหาย ริสาใจเต้นแรงด้วยความขุ่นเคือง เธอยอมจ่ายเงินด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกหยามศักดิ์ศรี การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ราวกับไฟสองดวงที่ปะทะกัน แสงสว่างของมันทั้งร้อนแรงและอันตราย
สายสัมพันธ์ที่เริ่มก่อตัว
โชคชะตานำพาริสากับไมค์ให้โคจรมาพบกันอีกครั้ง เมื่อ มืด (สิรคุปต์ เมทะนี) เพื่อนสนิทของไมค์ กลายเป็นอัศวินให้กับแมรี่ หลังจากช่วยเธอจากโจรที่บุกอพาร์ตเมนต์ การพบปะของทั้งสี่คนทำให้ริสากับไมค์ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ความขัดแย้งในวันแรกค่อย ๆ จางลงเมื่อริสาเริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของไมค์ ชายหนุ่มที่อ่อนโยน โรแมนติก และมีหัวใจอันอบอุ่น
จากศัตรูกลายเป็นเพื่อน และจากเพื่อนกลายเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น หัวใจของริสาเริ่มเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของไมค์ แต่ความรักที่กำลังผลิบานนี้กลับต้องเผชิญพายุใหญ่ เมื่อคุณย่าสุมน ผู้เปรียบดั่งกำแพงเหล็กแห่งตระกูล ได้ยินถึงความสัมพันธ์นี้
พายุแห่งการกีดกัน
คุณย่าสุมนคือผู้กำหนดชะตาชีวิตของทุกคนในครอบครัว เธอเคยบงการชีวิตของพ่อริสามาแล้ว และตอนนี้เป้าหมายของเธอคือการแยกริสาออกจากไมค์ ผู้ที่เธอมองว่า “ต่ำศักดิ์” เกินกว่าหลานสาวของตน คุณย่าจัดการทุกวิถีทาง ตั้งแต่คำสั่งเข้มงวดไปจนถึงการข่มขู่ทางอารมณ์ เพื่อให้ริสายอมจำนนต่อกฎเกณฑ์ของตระกูล
ท่ามกลางความขัดแย้ง ตัวละครอย่าง อรอนงค์ (ลินดา ค้าธัญเจริญ), วริทธิ์ (มนตรี เจนอักษร) และ คณิต (วรวุฒิ นิยมทรัพย์) เข้ามาเติมสีสันให้เรื่องราว ทั้งในฐานะมิตรและศัตรู บางคนเป็นกำลังใจให้ความรักของริสากับไมค์ บางคนกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปสรรคที่ทำให้ทั้งคู่ต้องต่อสู้หนักขึ้น
ฉากแห่งความฝันในต่างแดน
ละครเรื่องนี้ไม่เพียงเล่าเรื่องราวของความรักและการต่อสู้ แต่ยังพาคนดูไปสัมผัสความงดงามของทิวทัศน์ต่างแดน ด้วยการถ่ายทำในประเทศออสเตรีย ภาพของเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและความโรแมนติกกลายเป็นฉากหลังที่ทำให้หัวใจของคนดูเต้นรัว ผู้จัดอย่าง ไก่ – วรายุฎ มิลินทจินดา จากรีไมน์โปรดักชั่น ทุ่มเทสร้างสรรค์ทุกฉากให้งดงามราวนิยาย บทประพันธ์ของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ และบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ยิ่งทำให้เรื่องราวมีชีวิตชีวา
เคมีระหว่าง หมิว ลลิตา และ วิลลี่ แมคอินทอช เป็นเหมือนเวทมนตร์ที่ทำให้ทุกฉากเต็มไปด้วยอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มหวาน ๆ หรือหยาดน้ำตาแห่งการต่อสู้เพื่อความรัก
ไฟต่างสี คือละครที่เล่าถึงความรักที่เริ่มจากความบาดหมาง แต่ค่อย ๆ เติบโตท่ามกลางอุปสรรคจากครอบครัวและความแตกต่างของฐานะ ผสมผสานความโรแมนติก ดราม่า และฉากสวย ๆ จากเมืองนอกได้อย่างลงตัว ถ้าใครอยากย้อนรอยละครไทยยุค 90s ที่ครบรส เรื่องนี้คือตำนานที่ต้องหามาดูสักครั้ง ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เคมีพระนางสุดปัง
หมิว ลลิตา กับ วิลลี่ แมคอินทอช คือคู่พระนางที่เคมีลงตัวสุด ๆ ริสาในลุคสาวไฮโซที่ดูเย็นชาแต่จริงใจ ผสมกับไมค์ที่ทั้งอบอุ่นและโรแมนติก ทำให้ทุกฉากที่ทั้งคู่เจอกันชวนจิกหมอน ไม่ว่าจะฉากหวาน ๆ หรือฉากทะเลาะกัน ทุกอารมณ์มันถึงใจคนดูจริง ๆ
ฉากสวย ๆ ในออสเตรีย
ผู้จัด ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา จากรีไมน์โปรดักชั่น ทุ่มสุดตัว ถ่ายทำถึงเมืองนอก ฉากในออสเตรียสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้ละคร แถมยังทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย
ดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น
ปมครอบครัวของริสากับคุณย่าคือหัวใจของเรื่อง คุณย่าที่เข้มงวดจนน่ากลัวทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้และลุ้นว่าริสาจะฝ่าด่านนี้ได้ยังไง บทของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ และบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ผสมผสานความรักกับความขัดแย้งได้อย่างกลมกล่อม
ตัวละครสมทบที่เติมสีสัน
นอกจากพระนางแล้ว ตัวละครอย่างมืด, แมรี่, อรอนงค์ (ลินดา ค้าธัญเจริญ), หรือวริทธิ์ (มนตรี เจนอักษร) ก็ช่วยเพิ่มความสนุก ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพหรือปมดราม่าเล็ก ๆ ที่ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อ
ไฟต่างสี คือละครที่พาคุณย้อนไปสัมผัสความรักแบบคลาสสิก ที่มีทั้งความหวาน ดราม่า และการต่อสู้เพื่อรักแท้ ด้วยฝีมือการกำกับของ สุประวัติ ปัทมสูต และโปรดักชั่นสุดอลังการ บวกกับนักแสดงที่เล่นได้ถึงอารมณ์ ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นเหมือนไวน์ชั้นดี ยิ่งนานยิ่งมีคุณค่า ถ้าคุณเป็นแฟนละครไทยหรืออยากย้อนวัยไปยุค 90s เรื่องนี้คือ must-watch ลองหามาดูแล้วจะรู้ว่าทำไมคนถึงยังพูดถึง ไฟต่างสี แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปี
คะแนนโดยรวม 8.5/10 ไฟต่างสี ได้คะแนนสูงจากความเป็นละครที่ครบรส ทั้งหวาน ดราม่า และฉากสวย ๆ ที่พาคนดูไปฟินถึงเมืองนอก แต่ที่หักคะแนนนิดหน่อยคือสไตล์การเล่าเรื่องที่อาจจะช้าไปบ้างสำหรับคนดูยุคใหม่ มาดูกันว่าอะไรทำให้ละครเรื่องนี้ได้ใจขนาดนี้
เคมีพระนางสุดปัง (9/10)
หมิว ลลิตา (ริสา) กับ วิลลี่ แมคอินทอช (ไมค์) คือคู่พระนางที่เคมีลงตัวสุด ๆ ริสาในลุคสาวไฮโซที่ทั้งสวยและมีมุมเปราะบาง ผสมกับไมค์ที่อบอุ่นและโรแมนติก ทำให้ทุกฉากที่ทั้งคู่เจอกันชวนจิกหมอน ไม่ว่าจะฉากหวาน ๆ หรือฉากบาดหมางตอนแรก ดูแล้วรู้สึกถึงเคมีที่พุ่งกระจาย
โปรดักชั่นอลังการ (9/10)
ผู้จัด ไก่ – วรายุฎ มิลินทจินดา จากรีไมน์โปรดักชั่น ทุ่มสุดตัว ถ่ายทำถึงออสเตรีย ฉากเมืองนอกสวยงามราวกับอยู่ในนิยาย ช่วยยกระดับความโรแมนติกและทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย แถมงานภาพและการกำกับของ สุประวัติ ปัทมสูต ก็เนี๊ยบสมยุค 90s
เนื้อเรื่องและดราม่าที่เข้มข้น (8.5/10)
บทประพันธ์ของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ และบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ทำให้เรื่องนี้มีทั้งความรักที่หวานจนฟินและดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น ปมคุณย่าสุมน (พิศมัย วิไลศักดิ์) ที่คอยกีดกันรักของริสากับไมค์คือตัวชูโรง ทำให้คนดูทั้งลุ้นทั้งหมั่นไส้ ตัวละครสมทบอย่าง มืด (สิรคุปต์ เมทะนี) หรือ อรอนงค์ (ลินดา ค้าธัญเจริญ) ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องสนุกยิ่งขึ้น
อารมณ์ยุค 90s ที่น่าคิดถึง (8.5/10)
ละครเรื่องนี้คือภาพสะท้อนของยุค 90s ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกแบบคลาสสิก เพลงประกอบ การแต่งตัว และสไตล์การเล่าเรื่องทำให้คนดูที่โตในยุคนั้นรู้สึก nostalgia สุด ๆ
ตอนที่เห็น ริสา (หมิว ลลิตา ปัญโญภาส) กับ ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) เจอกันครั้งแรกในภัตตาคารไทย ความบาดหมางนั่นมันช่างจุดไฟในใจคนดูจริง ๆ จากที่ขัดแย้งกันเพราะเรื่องขวดน้ำหอมกับสบู่ (ที่เพื่อนริสาแอบหยิบ) กลายเป็นความใกล้ชิดที่ค่อย ๆ งอกงาม ทุกครั้งที่ทั้งคู่มองตากัน หรือตอนที่ไมค์โชว์ความอบอุ่นแบบหนุ่มโรแมนติก นี่ต้องกรี๊ดในใจเลย เคมีของหมิวกับวิลลี่คือสุดยอด ดูแล้วรู้สึกเหมือนตกหลุมรักไปพร้อม ๆ กับริสาเลยล่ะ
ปมคุณย่าสุมน (พิศมัย วิไลศักดิ์) ที่คอยกีดกันรักของริสากับไมค์นี่คือตัวบีบน้ำตาเลย ทุกครั้งที่คุณย่าออกโรงด้วยสายตาเข้มและคำสั่งเด็ดขาด นี่ทั้งหมั่นไส้ทั้งสงสารริสา ฉากที่ริสาต้องต่อสู้เพื่อความรักท่ามกลางกฎเกณฑ์ครอบครัวมันชวนให้ลุ้นสุด ๆ รู้สึกเหมือนอยากเข้าไปปลอบริสาแล้วบอกว่า “สู้ ๆ นะ สาวน้อย!” ดราม่าครอบครัวในเรื่องนี้มันจริงจังและถึงใจ ทำให้นึกถึงความยากลำบากของการที่ต้องเลือกหัวใจตัวเองกับความกดดันจากครอบครัว
ฉากที่ถ่ายทำในออสเตรียนี่คือไฮไลต์ที่ทำให้ใจฟูมาก ภาพเมืองสวย ๆ ตึกเก่า ๆ และบรรยากาศโรแมนติกมันชวนฝันสุด ๆ ดูแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลย ผู้จัด ไก่ – วรายุฎ มิลินทจินดา ทุ่มสุดตัวจริง ๆ แถมเพลงประกอบและการตัดต่อแบบยุค 90s มันมีเสน่ห์ที่ทำให้รู้สึก nostalgia คิดถึงวันเก่า ๆ ที่นั่งรอดูละครหน้าทีวีกับครอบครัว
การดู ไฟต่างสี มันเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยที่ละครไทยยังเน้นเรื่องราวความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค การแต่งตัวของตัวละคร สไตล์การเล่าเรื่อง และวิธีที่ตัวละครแสดงความรู้สึก มันชวนให้คิดถึงความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ของยุคนั้น ตัวละครสมทบอย่าง มืด (สิรคุปต์ เมทะนี) หรือ แมรี่ ก็ช่วยเติมความสนุก ทำให้รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย
ละคร ไฟต่างสี ให้ความรู้สึกเหมือนได้นั่งดื่มชาร้อน ๆ ในวันฝนตก อบอุ่น ซึ้ง และเต็มไปด้วยความทรงจำ ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่เป็นเรื่องของการต่อสู้เพื่อหัวใจตัวเองท่ามกลางกำแพงครอบครัวและความแตกต่าง ฟินกับความรักของริสากับไมค์ สะใจกับการฝ่าฟันดราม่า และหลงรักฉากสวย ๆ ในเมืองนอก ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบละครไทยยุคเก่าหรืออยากย้อนวัยไปสัมผัสความคลาสสิก ไฟต่างสี จะทำให้คุณยิ้มและน้ำตาซึมได้ในเวลาเดียวกัน
ละคร ไฟต่างสี 2538
ละคร ไฟต่างสี 2538
พบกันครั้งแรกแบบวายป่วง
เริ่มเรื่องมา ริสา (รับบทโดย หมิว ลลิตา ปัญโญภาส) สาวสวยไฮโซจากตระกูลรวยเว่อร์ พ่อของเธอเป็นถึงเอกอัครราชทูตประจำกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรียกว่าชีวิตดี๊ดี อยู่เมืองนอกแบบสวย ๆ แต่แล้ววันหนึ่ง ริสากับเพื่อนสาว แมรี่ ดันไปกินข้าวที่ภัตตาคารไทยในเมือง แล้วเรื่องวุ่น ๆ ก็เริ่มขึ้น
ที่ร้านนี้ ริสาได้เจอกับ ไมค์ (รับบทโดย วิลลี่ แมคอินทอช) หนุ่มหล่อมาดอบอุ่น แต่การเจอกันครั้งแรกนี่ไม่หวานเลยนะจ๊ะ! เพราะอะไร? เพราะเจ้าแมรี่เพื่อนของริสาดันแอบหยิบขวดน้ำหอมกับสบู่ในห้องน้ำของร้านไปเป็นที่ระลึก ไมค์ที่ดูแลร้านจับพิรุธได้ เลยเดินมาทวงถามริสาตรง ๆ ขณะที่แมรี่แอบออกไปนอกร้านแล้ว ไมค์เลยแบบ “คุณต้องรับผิดชอบนะ!” ริสาก็โมโหสุด ๆ แต่ยอมจ่ายเงินแบบไม่เต็มใจ งานนี้การเจอกันครั้งแรกคือไฟลุก ไม่มีใครยอมใครเลย
จากศัตรูสู่เพื่อน และ…ความรัก
มาถึงจุดที่เรื่องเริ่มน่ารักแล้ว มืด (รับบทโดย สิรคุปต์ เมทะนี) เพื่อนซี้ของไมค์ กลายเป็นฮีโร่ของ แมรี่ หลังจากช่วยเธอจากโจรที่บุกอพาร์ตเมนต์ ความสัมพันธ์ของมืดกับแมรี่ทำให้ริสากับไมค์ได้เจอกันบ่อยขึ้น จากที่เคยมองหน้ากันไม่ติด เริ่มคุยกัน ปรับความเข้าใจ และกลายเป็นเพื่อนกัน
แล้วนี่คือจุดที่ริสาเริ่มใจสั่น ไมค์น่ะ ไม่ใช่แค่หล่อ แต่ยังอ่อนโยนและโรแมนติกสุด ๆ ริสาค่อย ๆ ตกหลุมรักไมค์แบบไม่รู้ตัว ฉากที่ทั้งคู่เริ่มหวานกันนี่คือฟินมากกก ทุกคนจะต้องจิกหมอนแน่นอนแต่ ความรักของทั้งคู่ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมีตัวตึงอย่าง คุณย่าสุมน (รับบทโดย พิศมัย วิไลศักดิ์) รออยู่
ดราม่าครอบครัวมาเต็ม
คุณย่าสุมนคือตัวแม่แห่งการกีดกัน เธอเป็นคนที่คุมชีวิตริสาแบบเป๊ะ ๆ ไม่ให้ขาดไม่ให้เกิน เหมือนที่เคยบงการชีวิตของพ่อริสามาก่อน คุณย่ามองว่าไมค์เนี่ย ไม่คู่ควรกับหลานสาวสุดที่รักของตัวเองเลยสักนิด ก็แหม ริสาเป็นสาวไฮโซ ส่วนไมค์คือหนุ่มธรรมดา ความต่างฐานะนี่แหละที่ทำให้คุณย่าออกโรงเต็มสูบ ทั้งสั่งห้าม ข่มขู่ และทำทุกวิถีทางเพื่อแยกริสากับไมค์
ฉากดราม่าครอบครัวนี่คือพีคมาก! ริสาต้องต่อสู้ทั้งกับหัวใจตัวเองและแรงกดดันจากคุณย่า ดูแล้วทั้งลุ้นทั้งสงสาร ส่วนไมค์ก็พยายามพิสูจน์ว่ารักของเขามันจริง ฉากที่ทั้งคู่พยายามยืนหยัดเพื่อความรักนี่น้ำตาจะไหลเลยทุกคน
ความสวยงามของเมืองนอกและตัวละครสมทบ
นอกจากเรื่องรัก ๆ ดราม่า ๆ แล้ว ไฟต่างสี ยังพาคนดูไปฟินกับฉากสวย ๆ ในออสเตรีย ผู้จัด ไก่ – วรายุฎ มิลินทจินดา จากรีไมน์โปรดักชั่น ทุ่มสุดตัว ถ่ายทำเมืองนอกให้ภาพออกมาสวยราวกับอยู่ในนิยาย ฉากเหล่านี้ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้ละครแบบ x10 เลยล่ะ
แถมยังมีตัวละครสมทบที่ทำให้เรื่องสนุกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มืด และ แมรี่ ที่เป็นคู่เพื่อนสุดน่ารัก หรือตัวละครอย่าง อรอนงค์ (ลินดา ค้าธัญเจริญ), วริทธิ์ (มนตรี เจนอักษร) และ คณิต (วรวุฒิ นิยมทรัพย์) ที่มาเติมสีสันและปมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เรื่องไม่น่าเบื่อ
ไฟต่างสี คือละครที่ครบรสสุด ๆ มีทั้งความรักที่หวานจนฟิน ดราม่าครอบครัวที่บีบหัวใจ และฉากสวย ๆ ที่ชวนฝัน บทประพันธ์ของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ และบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ทำให้เรื่องนี้ลงตัวมาก กำกับโดย สุประวัติ ปัทมสูต และเคมีของ หมิว ลลิตา กับ วิลลี่ แมคอินทอช นี่คือจุดขายที่ทำให้คนดูติดหนึบ
ส่วนตอนจบจะเป็นยังไง ริสากับไมค์จะฝ่าด่านคุณย่าได้มั้ย อันนี้ต้องไปหาดูเองนะทุกคน บอกเลยว่าเป็นละครที่ทำให้ทั้งยิ้ม ทั้งร้องไห้ และคิดถึงยุค 90s สุด ๆ ถ้าชอบละครรักแบบคลาสสิก เรื่องนี้ห้ามพลาด
เบื้องหลังละครแห่งยุค 90s อย่าง ไฟต่างสี ปี 2538 ที่ทำคนดูฟินจิกหมอนกันทั่วบ้านทั่วเมือง งานนี้ทีมงานและผู้จัดเค้าทุ่มสุดตัวเลยนะ บอกเลยว่าโปรดักชั่นระดับเทพ พร้อมแล้วไปดูกันเลยยยว่าเบื้องหลังละครเรื่องนี้มีอะไรเด็ดบ้าง
บทประพันธ์และบทโทรทัศน์ ความปังเริ่มจากปากกา

เริ่มจากตัวแม่แห่งบทประพันธ์ กนกวลี พจน์ปกรณ์ คนนี้นี่แหละที่รังสรรค์เรื่องราวความรักสุดดราม่าของ ริสา และ ไมค์ ออกมาให้เราได้ฟินกัน บทของกนกวลีคือเข้มข้น ผสมทั้งความหวานของรักและความเข้มของปมครอบครัว เรียกว่าอ่านแล้วต้องร้องว้าววว
แล้วบทประพันธ์ดี ๆ แบบนี้ ถูกเอามาแปลงเป็นบทโทรทัศน์โดย วรรณิก ที่เค้าเก่งมากในการหยิบเรื่องราวมาเล่าให้เข้ากับจอแก้ว ทำให้คนดูแบบเรา ๆ นั่งลุ้น นั่งซึ้งไปกับทุกฉาก! บอกเลยว่างานเขียนของทั้งสองคนนี้คือหัวใจของ ไฟต่างสี ที่ทำให้ละครเรื่องนี้ครบรสสุด ๆ
ผู้กำกับ พ่อมดแห่งการเล่าเรื่อง

คนที่มากำกับความปังนี้คือ สุประวัติ ปัทมสูต พี่เค้าคือตัวตึงวงการกำกับละครไทยยุคนั้นเลยนะ สุประวัติเค้าคุมทุกฉากให้ออกมาลงตัว ไม่ว่าจะฉากหวาน ๆ ที่ริสากับไมค์มองตากันจนคนดูเขิน หรือฉากดราม่าที่คุณย่าออกโรงกีดกันรัก ทุกอย่างมันเป๊ะ มันถึงอารมณ์ เหมือนเค้ามีเวทมนตร์ที่ทำให้ทุกตัวละครมีชีวิตขึ้นมาบนจอเลยล่ะ
โปรดักชั่นสุดอลัง ถ่ายทำถึงเมืองนอก

มาถึงส่วนที่ทุกคนต้องร้องว้าววว ไฟต่างสี ไม่ได้ถ่ายแค่ในสตูดิโอนะจ๊ะ แต่ผู้จัด ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา จาก บริษัท รีไมน์โปรดักชั่น จำกัด เค้าทุ่มทุนสุดตัว บินไปถ่ายทำถึง ประเทศออสเตรีย เมืองนอกเลย ฉากเมืองสวย ๆ ตึกเก่า ๆ บรรยากาศโรแมนติกนี่มันทำให้ละครดูแพงดูอลังมากกก
การที่เค้าบินไปถ่ายที่ออสเตรียนี่ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยนะ แต่ยังช่วยให้เรื่องราวของริสาที่อยู่ในครอบครัวไฮโซที่เมืองนอกมันสมจริงสุด ๆ ดูแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเดินเล่นในอัมสเตอร์ดัมหรือเมืองสวย ๆ ด้วยตัวเองเลย งานนี้ต้องยกนิ้วให้ไก่ – วรายุฑ ที่กล้าทุ่มขนาดนี้
บอกเลยว่า ไฟต่างสี ไม่ได้ปังแค่หน้าจอ แต่เบื้องหลังก็ปังไม่แพ้กัน จากบทประพันธ์สุดเข้มของ กนกวลี พจน์ปกรณ์ บทโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดอารมณ์โดย วรรณิก การกำกับที่เป๊ะทุกช็อตโดย สุประวัติ ปัทมสูต และโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่จาก ไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา ที่พาทีมไปถ่ายถึงออสเตรีย ทุกอย่างมันลงตัวจนกลายเป็นละครที่อยู่ในใจคนดูมาจนถึงทุกวันนี้
นักแสดง
→ หมิว ลลิตา ปัญโญภาส รับบท ริสา

ริสาคือสาวไฮโซตัวจริง จากตระกูลรวยสุด ๆ ที่พ่อเป็นถึงเอกอัครราชทูตประจำอัมสเตอร์ดัม ชีวิตของเธอดูเพอร์เฟกต์ อยู่เมืองนอก บ้านหรู ครอบครัวดี แต่เดี๋ยวก่อน ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะริสาถูก คุณย่าสุมน คุมทุกย่างก้าวเหมือนหุ่นเชิด เรียกว่าต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา
ตอนแรก ๆ ริสาดูเป็นสาวเย็นชานิด ๆ มีความมั่นใจแบบสาวไฮโซ แต่ลึก ๆ แล้วเธอเป็นคนจริงใจและเปราะบาง โดยเฉพาะเมื่อเจอ ไมค์ หนุ่มอบอุ่นที่ทำให้หัวใจเธอสั่น การเจอกันครั้งแรกในภัตตาคารไทยนี่วายป่วงเลย เพราะเพื่อนริสาแอบหยิบของ ทำเอาริสายอมจ่ายเงินแบบหงุดหงิด แต่จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ เปิดใจ กลายเป็นคนที่กล้าต่อสู้เพื่อความรัก แม้จะต้องฝ่าด่านคุณย่าที่เข้มงวดสุด ๆ ริสาคือตัวละครที่พัฒนาจากสาวในกรอบไปเป็นคนที่ยืนหยัดเพื่อหัวใจตัวเอง บอกเลยว่าดูแล้วทั้งรักทั้งเชียร์
ฉายาของริสา “เจ้าหญิงในกรงทอง”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะริสาคือสาวที่ดูเหมือนมีทุกอย่าง เงิน ฐานะ ความสวย แต่ถูกขังอยู่ในกรอบของครอบครัว โดยเฉพาะคุณย่าที่คอยบงการ ชีวิตเธอเหมือนเจ้าหญิงที่ต้องหาทางออกจากกรงเพื่อไปคว้าความรักและอิสรภาพ
ข้อคิดจากริสา ความรักที่แท้จริงต้องกล้าต่อสู้
ริสาสอนเราว่าถึงชีวิตจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีอิสรภาพในใจ มันก็ไม่สมบูรณ์ การที่เธอกล้าท้าแรงกดดันจากครอบครัวเพื่อรักกับไมค์ แสดงให้เห็นว่า ถ้าเรารักใครสักคนจริง ๆ ต้องกล้าที่จะยืนหยัดและสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อ แม้ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม
→ วิลลี่ แมคอินทอช รับบท ไมค์

ไมค์คือหนุ่มหล่อที่ทำงานดูแลภัตตาคารไทยในอัมสเตอร์ดัม เมืองนอกสุดชิค เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง ซื่อตรง และมีมาดนิ่ง ๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้คนดูใจละลาย การเจอกับ ริสา (หมิว ลลิตา) ครั้งแรกนี่ดราม่านิดนึง เพราะเพื่อนริสาแอบหยิบขวดน้ำหอมกับสบู่จากร้าน ไมค์เลยต้องเดินไปทวงถามริสาแบบตรง ๆ ทำเอาริสาหงุดหงิดสุด ๆ
แต่หลังจากนั้น ไมค์โชว์ด้านที่อ่อนโยนและโรแมนติกมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการได้เจอกับริสาบ่อย ๆ ผ่านเพื่อนซี้อย่าง มืด เขาค่อย ๆ เปิดใจและกลายเป็นคนที่ทำให้ริสาตกหลุมรัก แม้ว่าจะต้องเจอด่านใหญ่จากคุณย่าของริสาที่กีดกันความรักของทั้งคู่ ไมค์คือผู้ชายที่ยืนหยัดเพื่อความรัก ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ดูแล้วรู้สึกเลยว่านี่แหละพระเอกตัวจริง
ฉายาของไมค์ “อัศวินแห่งภัตตาคาร”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะไมค์คือหนุ่มที่ทั้งหล่อและมีจิตใจดีงามเหมือนอัศวิน ดูแลภัตตาคารด้วยความรับผิดชอบ และปกป้องความรักของเขากับริสาด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น ไม่ว่าโลกจะขวางยังไงก็ไม่หวั่น
ข้อคิดจากไมค์ ความรักที่จริงใจไม่ต้องมีฐานะมาก็ชนะใจได้
ไมค์สอนเราว่าความรักที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่เงินหรือฐานะ แต่เป็นความจริงใจและความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างกัน แม้ว่าคุณย่าจะมองว่าเขาไม่คู่ควรกับริสา แต่ไมค์พิสูจน์ด้วยการกระทำว่าหัวใจที่มั่นคงนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
→ สิรคุปต์ เมทะนี รับบท มืด

มืดคือเพื่อนซี้สุดเท่ของ ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) ที่โผล่มาในเรื่องพร้อมความกล้าหาญและความเป็นสุภาพบุรุษ เขาคือคนที่ช่วย แมรี่ เพื่อนสาวของริสา จากโจรที่บุกอพาร์ตเมนต์ของเธอ เรียกว่ามาแบบฮีโร่เลยล่ะ มืดมีบุคลิกที่ดูนิ่ง ๆ แต่น่าไว้วางใจ เป็นเพื่อนที่พร้อมซัพพอร์ตไมค์ในทุกสถานการณ์ และยังเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่ทำให้ไมค์กับริสาได้เจอกันบ่อยขึ้น
ถึงจะไม่ใช่ตัวเอก แต่การปรากฏตัวของมืดในเรื่องช่วยเพิ่มความสนุกและความอบอุ่น เขาคือตัวละครที่ทั้งเท่และมีหัวใจทองคำ ทำให้คนดูรู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่น่ามีไว้ข้าง ๆ บอกเลยว่ามืดคือตัวละครที่ขาดไม่ได้ใน ไฟต่างสี
ฉายาของมืด “อัศวินเงามืด”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะมืดคือหนุ่มที่โผล่มาแบบเงียบ ๆ แต่พร้อมลุยช่วยเพื่อนและคนรอบตัวเหมือนอัศวินที่ซ่อนอยู่ในเงา การช่วยแมรี่จากโจรและการเป็นเพื่อนซี้ของไมค์ทำให้เขาเหมือนฮีโร่ที่ไม่ต้องมีแสงสปอตไลต์
ข้อคิดจากมืด เพื่อนแท้คือคนที่อยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์
มืดสอนเราว่าเพื่อนที่ดีไม่ใช่แค่คนที่อยู่ด้วยตอนสนุก แต่ต้องพร้อมช่วยเหลือและซัพพอร์ตในยามที่เพื่อนต้องการ การที่เขาช่วยแมรี่และคอยเป็นกำลังใจให้ไมค์แสดงให้เห็นว่า มิตรภาพที่แท้จริงคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
→ ลินดา ค้าธัญเจริญ รับบท อรอนงค์

อรอนงค์คือตัวละครสมทบที่เข้ามาเพิ่มความสนุกและดราม่าให้กับเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี ถึงแม้ข้อมูลจะไม่ได้ลงลึกถึงบทบาทของเธอมากนัก แต่จากบริบทของละครยุค 90s อรอนงค์จะเป็นตัวละครที่มีสีสัน บางทีอาจจะเป็นสาวเปรี้ยว เพื่อนสนิท หรือตัวละครที่มีบทบาทในวงสังคมของริสาและครอบครัวไฮโซของเธอ
ลินดา ค้าธัญเจริญ นำเสนออรอนงค์ด้วยสไตล์ที่ดูมีชีวิตชีวาและน่าจะมีมุมที่ทั้งขี้เล่นและมีอะไรให้คนดูต้องจับตา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวหรือโยนปมเล็ก ๆ เข้ามาให้เรื่องราวของความรักและครอบครัวเข้มข้นขึ้น อรอนงค์คือตัวละครที่เหมือนเครื่องเทศ ที่ช่วยให้รสชาติของละครกลมกล่อมยิ่งขึ้น
ฉายาของอรอนงค์ “สาวแซ่บแห่งวงสังคม”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะอรอนงค์จะเป็นตัวละครที่มีความมั่นใจ มีสไตล์ และเข้ามาเพิ่มความคึกคักให้กับเรื่องราว ไม่ว่าเธอจะอยู่ในฝ่ายไหน เธอก็เหมือนสาวแซ่บที่ทุกคนต้องเหลียวมองในวงสังคมไฮโซของละคร
ข้อคิดจากอรอนงค์ ตัวเล็ก ๆ ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ถึงอรอนงค์จะเป็นตัวละครสมทบ แต่บทบาทของเธอสอนเราว่า ทุกคนในเรื่องราวมีส่วนช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์ ไม่ต้องเป็นตัวเอกก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ในแบบของตัวเอง การมีตัวตนที่ชัดเจนและกล้าแสดงออกคือสิ่งที่ทำให้คนจดจำ
→ มนตรี เจนอักษร รับบท วริทธิ์

วริทธิ์คือตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมเต็มเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี จากบริบทของละคร วริทธิ์จะเป็นชายหนุ่มในวงสังคมไฮโซหรือคนใกล้ชิดครอบครัวของริสา อาจจะมีบทบาทเป็นเพื่อนสนิทหรือคู่แข่งในเรื่องความรักที่เพิ่มความตึงเครียดให้กับปมหลัก เขามีบุคลิกที่ดูสงบ ฉลาด และมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่ทำให้คนดูต้องจับตา
มนตรี เจนอักษร นำเสนอวริทธิ์ด้วยการแสดงที่ละมุนและน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เกี่ยวข้องกับดราม่าครอบครัวหรือการสนับสนุนตัวเอก วริทธิ์คือตัวละครที่เหมือนกาวใจที่ช่วยให้เรื่องราวไหลลื่น โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอุปสรรคจากคุณย่าและสังคมชั้นสูง
ฉายาของวริทธิ์ “เงาแห่งสังคมไฮโซ”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวริทธิ์คือตัวละครที่เคลื่อนไหวในเงาของสังคมไฮโซ ดูสงบแต่มีอิทธิพล เขาเหมือนเงาที่คอยตามเรื่องราวของริสาและเพิ่มความลึกให้กับปมความรักและครอบครัว
ข้อคิดจากวริทธิ์ ความสงบนำทางสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง
วริทธิ์สอนเราว่าในสถานการณ์ที่วุ่นวายอย่างดราม่าครอบครัวหรือความรัก การรักษาความสงบและใช้เหตุผลจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีกว่า การเป็นตัวละครที่ไม่รีบร้อนทำให้เขาเป็นแบบอย่างของการจัดการกับความขัดแย้งอย่างมีสติ
→ วรวุฒิ นิยมทรัพย์ รับบท คณิต
คณิตคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเพิ่มมิติให้กับเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี จากบริบทของละคร คณิตจะเป็นตัวละครที่มีบทบาทในแวดวงสังคมของตัวเอก อาจจะเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือตัวละครที่โยงกับปมครอบครัวและความรัก เขาน่าจะมีบุคลิกที่ดูเป็นมิตร อาจจะขี้เล่นหรือมีมุมที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้สนุกขึ้น
วรวุฒิ นิยมทรัพย์ นำเสนอคณิตด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ช่วยให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนตัวเอกหรือเพิ่มความตึงเครียดในบางฉาก คณิตคือตัวละครที่เหมือนลมใต้ปีก ทำให้ละครมีสีสันและสมบูรณ์มากขึ้น
ฉายาของคณิต “เพื่อนนักเชื่อม”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะคณิตจะเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงเหตุการณ์หรือตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง อาจจะด้วยความเป็นมิตรหรือบทบาทที่ช่วยให้เรื่องราวเดินหน้า เหมือนสะพานที่เชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน
ข้อคิดจากคณิต ทุกบทบาทมีคุณค่าในเรื่องราวใหญ่
คณิตสอนเราว่าไม่ต้องเป็นตัวเอกก็มีส่วนสำคัญได้ ทุกคนในเรื่องราวมีบทบาทที่ช่วยให้ภาพรวมสมบูรณ์ การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แม้จะเป็นส่วนเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้
→ ปริสา ปานะนนท์ รับบท วงแข

วงแขคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมความสนุกและมิติให้กับเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s วงแขจะเป็นสาวที่มีบทบาทในวงสังคมของตัวเอก อาจจะเป็นเพื่อนสนิท คนในครอบครัว หรือตัวละครที่เพิ่มปมให้กับเรื่องราวความรักและดราม่าครอบครัว เธอน่าจะมีบุคลิกที่สดใส มีชีวิตชีวา หรืออาจจะมีมุมที่แอบแซ่บเล็ก ๆ ที่ทำให้คนดูต้องจับตา
ปริสา ปานะนนท์ นำเสนอวงแขด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและน่าจะช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ไหลลื่น ไม่ว่าจะเป็นฉากที่สนับสนุนตัวเอกหรือโยนปมเล็ก ๆ เข้ามา วงแขคือตัวละครที่เหมือนเครื่องปรุงที่ช่วยให้ละครเรื่องนี้กลมกล่อมยิ่งขึ้น
ฉายาของวงแข “ดาวเด่นแห่งวงใน”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวงแขจะเป็นตัวละครที่อยู่ในแวดวงสังคมของริสา มีความโดดเด่นในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยบุคลิกหรือบทบาทที่ช่วยเชื่อมโยงเรื่องราว เธอเหมือนดาวที่ส่องแสงในกลุ่มตัวละครสมทบ
ข้อคิดจากวงแข การเป็นตัวของตัวเองสร้างความแตกต่าง
วงแขสอนเราว่าไม่ต้องเป็นตัวเอกก็สามารถมีบทบาทที่สำคัญได้ การแสดงออกในแบบของตัวเองและทำหน้าที่ให้ดีในส่วนของตัวเอง จะช่วยให้เรื่องราวใหญ่สมบูรณ์และน่าจดจำ
→ ช่อผกา วิริยานนท์ รับบท วิชุดา
วิชุดาคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมมิติให้กับเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s วิชุดาจะเป็นตัวละครที่มีบทบาทในแวดวงสังคมหรือครอบครัวของริสา อาจจะเป็นญาติ เพื่อน หรือคนที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น เธอน่าจะมีบุคลิกที่สง่างาม มีความเป็นผู้ใหญ่ หรืออาจจะมีมุมที่ทั้งอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยวในแบบของตัวเอง
ช่อผกา วิริยานนท์ นำเสนอวิชุดาด้วยการแสดงที่ดูมีเสน่ห์และน่าเชื่อถือ ช่วยให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนตัวเอกหรือเพิ่มความซับซ้อนให้กับปมความรักและการควบคุมจากคุณย่า วิชุดาคือตัวละครที่เหมือนสายลมที่พัดพาเรื่องราวให้ไหลลื่น
ฉายาของวิชุดา “เงียบสงบแต่ทรงพลัง”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะวิชุดาน่าจะเป็นตัวละครที่ดูสงบแต่มีบทบาทที่ส่งผลต่อเรื่องราว เธอเหมือนพลังเงียบที่คอยหนุนหลังหรือสร้างความเปลี่ยนแปลงในแบบที่ไม่ต้องตะโกนให้คนรู้
ข้อคิดจากวิชุดา ความสง่างามคือการรู้บทบาทของตัวเอง
วิชุดาสอนเราว่าการทำหน้าที่ของตัวเองในแบบที่สงบและมั่นคงสามารถสร้างผลกระทบได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ต้องเป็นจุดเด่นก็สามารถเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ได้
→ กาญจนาพร ปลอดภัย รับบท มาริสา

มาริสาคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมมิติให้กับ ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s เธอจะเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือวงสังคมของริสา อาจจะเป็นญาติ เพื่อนสนิท หรือคนที่มีบทบาทในปมดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น มาริสาน่าจะมีบุคลิกที่ทั้งสงบและมีมุมที่เป็นผู้ใหญ่ อาจจะเป็นคนที่คอยให้คำแนะนำหรือมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ลึกซึ้งขึ้น
กาญจนาพร ปลอดภัย นำเสนอมาริสาด้วยการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติและจะมีเสน่ห์ในแบบที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นหรือความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่สนับสนุนตัวเอกหรือเพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่องราว มาริสาคือตัวละครที่เหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยแต่ช่วยหล่อเลี้ยงเรื่องราวให้สมบูรณ์
ฉายาของมาริสา “สายลมแห่งครอบครัว”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะมาริสาน่าจะเป็นตัวละครที่เหมือนสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านเรื่องราว อาจจะคอยสนับสนุนหรือมีส่วนในปมครอบครัวของริสา เธอเป็นเหมือนพลังที่ทั้งอ่อนโยนและมีอิทธิพลในแบบของตัวเอง
ข้อคิดจากมาริสา ความอ่อนโยนคือพลังที่ยิ่งใหญ่
มาริสาสอนเราว่าการเป็นคนที่อ่อนโยนและเข้าใจผู้อื่นสามารถสร้างความแตกต่างได้ แม้จะไม่ใช่ตัวเอก แต่การมีส่วนร่วมในเรื่องราวด้วยหัวใจที่อบอุ่นจะช่วยให้ทุกอย่างสมดุลและก้าวต่อไปได้
→ พิศมัย วิไลศักดิ์ รับบท คุณหญิงสุมน

คุณหญิงสุมนคือย่าของ ริสา (หมิว ลลิตา) และเป็นตัวละครที่ทรงพลังสุด ๆ ในเรื่อง เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มงวด ควบคุมทุกอย่างในครอบครัวเหมือนแม่ทัพ ด้วยความที่มาจากตระกูลไฮโซและมีอำนาจ เธอเคยบงการชีวิตของลูกชาย (พ่อของริสา) และตอนนี้ก็ถึงคิวของริสา คุณหญิงมองว่า ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) ไม่คู่ควรกับหลานสาวสุดรัก เลยใช้ทุกวิธีเพื่อกีดกันความรักของทั้งคู่
พิศมัย วิไลศักดิ์ ถ่ายทอดบทคุณหญิงสุมนได้แบบถึงใจ สายตาคม ๆ และน้ำเสียงที่เด็ดขาดทำให้คนดูรู้สึกถึงพลังของตัวละครนี้ เธอคือตัวขับเคลื่อนดราม่าครอบครัวที่ทำให้เรื่องนี้เข้มข้นและน่าติดตาม แต่ก็แอบทำให้คนดูอยากเข้าไปส่ายหัวให้คุณย่าบ้าง
ฉายาของคุณหญิงสุมน “ราชินีแห่งกฎเกณฑ์”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะคุณหญิงสุมนคือตัวแทนของความเข้มงวดและการควบคุม เธอเหมือนราชินีที่ปกครองครอบครัวด้วยกฎเหล็ก ไม่ยอมให้ใครแหกกฎ โดยเฉพาะเรื่องความรักของริสา
ข้อคิดจากคุณหญิงสุมน ความรักในครอบครัวต้องสมดุลกับอิสรภาพ
คุณหญิงสุมนสอนเราว่าการรักและหวังดีต่อครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้ามัวแต่ควบคุมทุกอย่างโดยไม่ให้อิสรภาพ อาจทำให้ความสัมพันธ์พังได้ การหาสมดุลระหว่างการปกป้องและการปล่อยวางคือกุญแจสำคัญ
→ จารุวรรณ ปัญโญภาส รับบท แม่ไมค์

แม่ไมค์คือคุณแม่ของ ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) หนุ่มอบอุ่นที่เป็นพระเอกของเรื่อง จากบริบทของละครยุค 90s เธอจะเป็นตัวละครที่เป็นเสาหลักทางใจให้กับไมค์ เป็นแม่ที่ทั้งอ่อนโยนและเข้าใจลูกชาย ถึงแม้จะอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนตระกูลของริสา แต่แม่ไมค์น่าจะมีบทบาทที่สนับสนุนความรักของไมค์กับริสา และอาจเป็นคนที่ให้คำแนะนำหรือเป็นที่พึ่งในยามที่ไมค์ต้องเผชิญอุปสรรคจากคุณย่าของริสา
จารุวรรณ ปัญโญภาส ถ่ายทอดบทแม่ไมค์ด้วยความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวละครนี้รู้สึกเหมือนแม่ที่ทุกคนอยากมี เธอคือตัวละครที่ช่วยสร้างสมดุลในเรื่องราวท่ามกลางดราม่าครอบครัวและความรักที่เข้มข้น
ฉายาของแม่ไมค์ “หัวใจแห่งครอบครัว”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะแม่ไมค์คือตัวแทนของความรักและความอบอุ่นในครอบครัว เธอเหมือนหัวใจที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจของไมค์ ให้เขามีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความรักและเผชิญกับความท้าทาย
ข้อคิดจากแม่ไมค์ ความรักของครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
แม่ไมค์สอนเราว่าความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวคือสิ่งที่ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกอุปสรรคได้ การเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนที่เรารัก แม้ในยามยากลำบาก จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกคนในครอบครัว
→ นีรนุช ปัทมสูต รับบท คุณหญิงนิลุบล
คุณหญิงนิลุบลคือตัวละครที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงของ ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s เธอจะเป็นผู้หญิงที่มีฐานะและศักดิ์ศรี อาจเป็นญาติหรือคนในวงสังคมของครอบครัว ริสา ที่มีบทบาทในปมดราม่าครอบครัวหรือความรักของตัวเอก คุณหญิงนิลุบลน่าจะมีบุคลิกที่สง่างาม มีความเป็นผู้นำ และอาจมีมุมที่เข้มงวดหรือให้คำแนะนำในแบบของคนรุ่นใหญ่
นีรนุช ปัทมสูต ถ่ายทอดบทคุณหญิงนิลุบลด้วยการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม ช่วยให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวมีความลึกและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนปมของครอบครัวหรือเพิ่มความซับซ้อนให้กับความขัดแย้ง คุณหญิงนิลุบลคือตัวละครที่เหมือนลมพัดแรงที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว
ฉายาของคุณหญิงนิลุบล “ราชินีแห่งศักดิ์ศรี”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะคุณหญิงนิลุบลจะเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความสง่างามและศักดิ์ศรีของสังคมชั้นสูง เธอเหมือนราชินีที่ยึดมั่นในเกียรติและมาตรฐานของครอบครัว คอยเป็นตัวแทนของความเป็นระเบียบในโลกของไฮโซ
ข้อคิดจากคุณหญิงนิลุบล ความสง่างามต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ
คุณหญิงนิลุบลสอนเราว่าการมีศักดิ์ศรีและฐานะสูงส่งนั้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อครอบครัวและสังคม การรักษาคุณค่าของตัวเองต้องสมดุลกับการเข้าใจและเคารพความรู้สึกของผู้อื่น
→ กฤษณ์ ศุกระมงคล รับบท หนุ่ม
หนุ่มคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเติมมิติให้กับเรื่องราวของ ริสา และ ไมค์ ใน ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s หนุ่มจะเป็นชายหนุ่มในวงสังคมไฮโซหรือคนใกล้ชิดครอบครัวของริสา อาจมีบทบาทเป็นเพื่อนสนิทหรือตัวละครที่เกี่ยวข้องกับปมความรักและความขัดแย้งทางฐานะ เขาจะมีบุคลิกที่ดูมั่นใจ มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ และอาจช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยการให้คำปรึกษาหรือเพิ่มความตึงเครียดในบางฉาก
กฤษณ์ ศุกระมงคล ถ่ายทอดบทหนุ่มด้วยการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ ช่วยให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนที่ทำให้เรื่องราวไหลลื่น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนตัวเอกหรือโยนมุมมองใหม่ ๆ เข้ามา หนุ่มคือตัวละครที่เหมือนเพื่อนข้างบ้านที่ทั้งเท่และน่าเชื่อถือ
ฉายาของหนุ่ม “เพื่อนผู้รู้ใจ”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะหนุ่มจะเป็นตัวละครที่คอยฟังและเข้าใจความรู้สึกของตัวเอก โดยเฉพาะในช่วงที่ริสาต้องเผชิญดราม่าครอบครัว เขาเหมือนเพื่อนที่รู้ใจและพร้อมยื่นมือช่วยในแบบที่เงียบแต่จริงใจ
ข้อคิดจากหนุ่ม มิตรภาพคือกุญแจสู่การแก้ปัญหา
หนุ่มสอนเราว่าการมีเพื่อนที่เข้าใจและคอยให้คำแนะนำสามารถช่วยให้เราผ่านพ้นความขัดแย้งได้ การเป็นคนฟังที่ดีและให้กำลังใจโดยไม่ตัดสินคือสิ่งที่ทำให้มิตรภาพยั่งยืน
→ กิติพงษ์ พันธ์กรุงเก่า รับบท หนึ่ง
หนึ่งคือตัวละครสมทบที่เข้ามาเพิ่มความสนุกและมิติให้กับ ไฟต่างสี จากบริบทของละครยุค 90s เขาจะเป็นตัวละครที่อยู่ในวงโคจรของตัวเอก อาจจะเป็นเพื่อน คนรู้จัก หรือคนที่เกี่ยวข้องกับปมความรักและดราม่าครอบครัว หนึ่งน่าจะมีบุคลิกที่เป็นกันเอง ขี้เล่น หรืออาจมีมุมที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของเรื่องราว อาจจะเป็นคนที่คอยสนับสนุนหรือโยนมุมมองใหม่ ๆ เข้ามาในแวดวงของริสาและไมค์
กิติพงษ์ พันธ์กรุงเก่า ถ่ายทอดบทหนึ่งด้วยการแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ตัวละครนี้กลายเป็นส่วนที่ทำให้เรื่องราวไหลลื่น ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เพิ่มความสนุกหรือช่วยขับเคลื่อนปมเล็ก ๆ น้อย ๆ หนึ่งคือตัวละครที่เหมือนเพื่อนข้าง ๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกผ่อนคลาย
ฉายาของหนึ่ง “เพื่อนสายชิล”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะหนึ่งจะเป็นตัวละครที่นำความสบาย ๆ และความเป็นกันเองมาสู่เรื่องราว เขาเหมือนเพื่อนที่เข้ามาเติมรอยยิ้มและช่วยให้บรรยากาศในละครไม่หนักจนเกินไป
ข้อคิดจากหนึ่ง ความสนุกช่วยเติมพลังให้ชีวิต
หนึ่งสอนเราว่าในชีวิตที่เต็มไปด้วยดราม่าและความกดดัน การมีมุมที่ผ่อนคลายและสนุกสนานสามารถช่วยให้เรามีกำลังใจก้าวต่อไปได้ การเป็นคนที่สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างคือพลังบวกที่ยิ่งใหญ่
ไฟต่างสี ภาค 2 แสงรักที่ไม่เคยดับ ถ้าพูดถึงละครในตำนานอย่าง ไฟต่างสี ปี 2538 แล้วล่ะก็ ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึงความรักสุดโรแมนติกของ ริสา (หมิว ลลิตา) กับ ไมค์ (วิลลี่ แมคอินทอช) ที่ต้องฝ่าฟันดราม่าครอบครัวจากคุณย่าสุมน (พิศมัย วิไลศักดิ์) จนสมหวังในที่สุด แต่ถ้าจะมีภาค 2 ล่ะ สมมติว่าผู้จัดไก่ – วรายุฑ มิลินทจินดา กลับมาทุ่มทุนถ่ายทำอีกสักรอบ พาไปออสเตรียหรือฮอลแลนด์อีกครั้ง ด้วยนักแสดงหลักชุดเดิมที่โตขึ้นแต่เคมียังปัง ไปดูกันว่าภาคต่อจะเป็นยังไง
จุดเริ่มต้น ชีวิตหลังสมหวังที่ไม่เคยโรยปราย
หลังจากภาค 1 สิ้นสุดด้วยฉากงานแต่งสุดหวานของริสากับไมค์ที่คุณย่าสุมนยอมใจอ่อน (แต่ก็ยังแอบเข้มงวดนิด ๆ) ภาค 2 เปิดเรื่องด้วยชีวิตคู่ที่ดูเพอร์เฟกต์ในสายตาคนอื่นๆ ริสากับไมค์ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ หลังจากที่พ่อของริสา (เอกอัครราชทูต) กลับมาประจำการที่กระทรวงต่างประเทศ ไมค์เปิดภัตตาคารไทยฟิวชั่นของตัวเองที่ผสมกลิ่นอายยุโรปจากอัมสเตอร์ดัม ธุรกิจไปได้สวย ส่วนริสาก็เริ่มงานด้านการกุศลที่สืบสานจากครอบครัว แต่เบื้องหลังคือปัญหาที่ค่อย ๆ ก่อตัว เมื่อริสาตั้งท้องลูกคนแรก ความสุขที่เคยสวยงามเริ่มถูกทดสอบด้วยความลับเก่าจากภาค 1 ที่ไม่เคยถูกเปิดเผยเต็มที่
แสงรักที่ถูกบดบังด้วยเงาเก่า
ปมใหญ่ของภาค 2 คือ “ลูกชายลึกลับ” ของคุณย่าสุมนที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เด็ก (ซึ่งจริง ๆ แล้วคือพี่ชายต่างมารดาของพ่อริสา ที่เคยหนีออกจากบ้านเพราะถูกบงการเหมือนกัน) เขากลับมาพร้อมชื่อใหม่ วิน (รับบทโดยนักแสดงหนุ่มไฟแรงรุ่นใหม่ แต่ถ้าอยากคลาสสิกก็ให้วรวุฒิ นิยมทรัพย์ จากภาค 1 กลับมาในบทโตขึ้น) วินคือทายาทที่ถูกซ่อนไว้เพราะอดีตผิดพลาดเรื่องรักต้องห้ามกับสาวชาวต่างชาติ ทำให้คุณย่าสุมนต้องปกปิดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีตระกูล ตอนนี้วินกลับมาเพื่อทวงสิทธิ์ในมรดกและธุรกิจครอบครัว แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขาแอบหลงรักริสาแบบที่ไม่ควรจะเป็น! (โอ้โห ดราม่าครอบครัวแบบ incest-lite นี่แหละที่ทำให้คนดูลุ้น)
ไมค์ต้องเผชิญกับการถูกกล่าวหาว่าวินเป็นลูกแท้ ๆ ของเขา (จากข่าวลือที่คุณย่าแพร่กระจายเพื่อแยกทั้งคู่) ขณะที่ริสาต้องเลือกระหว่างปกป้องลูกในท้องกับการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าคุณย่าอาจจะไม่เคยยอมรับไมค์จริง ๆ วินกลายเป็นตัวร้ายที่ซับซ้อน – เขาไม่ใช่คนชั่ว แต่เป็นเหยื่อของการบงการแบบเดียวกับริสา ทำให้คนดูทั้งเกลียดทั้งสงสาร
ตัวละครสมทบที่กลับมาพร้อมปมใหม่
มืด (สิรคุปต์ เมทะนี) กับ แมรี่ (จากภาค 1) ตอนนี้แต่งงานกันแล้ว แต่มีปัญหาการมีลูกยาก ทำให้กลายเป็นคู่ที่คอยให้คำปรึกษาริสาและไมค์ แต่แอบมีดราม่าเมื่อมืดถูกวินชักชวนไปทำธุรกิจผิดกฎหมาย
อรอนงค์ (ลินดา ค้าธัญเจริญ) กลายเป็นเพื่อนสนิทของริสาที่ทำงานกุศลด้วยกัน แต่แอบมีอดีตที่เชื่อมโยงกับวิน ทำให้เธอต้องเลือกข้าง
คุณย่าสุมน ยังคงเป็นตัวแม่ดราม่า แต่ภาคนี้เธอป่วยหนัก ทำให้ริสาต้องกลับมาดูแล สร้างโมเมนต์ซึ้งที่คุณย่าเริ่มเปิดใจกับหลาน แต่ก็ยังพยายามผลักไมค์ออกไป
ตัวละครใหม่: ลิลลี่ (รับบทโดยนางเอกรุ่นใหม่) ลูกสาวของวินที่โตแล้ว (ย้อนอายุหน่อย) เธอคือตัวละครที่นำความสดใสและช่วยให้ริสาเห็นมุมอื่นของวิน แต่สุดท้ายกลายเป็นสะพานรักระหว่างสองครอบครัว
จุดไคลแมกซ์ พายุรักที่นำไปสู่การเยียวยา
กลางเรื่อง เกิดอุบัติเหตุรถชนที่ไมค์ขับ (ถูกวินแกล้ง) ทำให้ริสาคลอดก่อนกำหนดและสูญเสียลูกชายตัวน้อย สิ่งนี้จุดชนวนให้ริสาแตกหักกับคุณย่าเต็มตัว เธอหนีไปอยู่กับไมค์ที่ต่างจังหวัดชั่วคราว ท่ามกลางฉากสวย ๆ ที่ถ่ายทำในเชียงใหม่ (เปลี่ยนจากยุโรปมาไทยเพื่อความสมจริง) แต่แล้ววินก็ตามมาเปิดใจว่าความรักของเขาคือ “ไฟที่ผิดสี” ไม่ใช่รักโรแมนติกแต่เป็นความปรารถนาที่จะมีครอบครัวที่ขาดหายไป คุณย่าสุมนต้องเผชิญกับอดีตตัวเองเมื่อวินเปิดโปงว่าทำไมเธอถึงบงการทุกคน (เพราะกลัวสูญเสียเหมือนที่เคยสูญเสียสามี)
ไคลแมกซ์พีคสุดคือฉากประชุมครอบครัวที่โรงพยาบาล ริสากับไมค์ประกาศว่าจะเลี้ยงลูกสาวที่รอดชีวิต (ตั้งชื่อว่า “ริว” เพื่อรำลึกถึงลูกชาย) โดยไม่สนมรดก แต่คุณย่าที่ป่วยหนักยอมรับผิดและมอบทุกอย่างให้วิน เพื่อให้เขาสร้างครอบครัวใหม่ วินยอมถอยและกลายเป็นลุงที่น่ารักของริว
ตอนจบ แสงไฟที่รวมเป็นหนึ่ง
ภาค 2 สิ้นสุดด้วยฉากครอบครัวใหญ่ที่รวมทุกคน ริสากับไมค่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ลูกสาวริววิ่งเล่นกับลิลลี่ (ลูกสาววิน) คุณย่าสุมนกลายเป็นยายที่อ่อนโยนขึ้น คอยเล่านิทานให้หลานฟัง ขณะที่มืดกับแมรี่ประกาศว่ามีลูกแล้ว (ด้วยการรับเลี้ยง) ฉากสุดท้ายคือริสากับไมค์ยืนมองพระอาทิตย์ตกที่ริมทะเลสาบในออสเตรีย (ย้อนฉากเก่า) พูดประโยคคลาสสิกว่า “ไฟต่างสีของเรา รวมกันแล้วสว่างไสวที่สุด” พร้อมเพลงประกอบใหม่ที่ remix จากเพลงเก่า รับรองคนดูน้ำตาซึม
บอกเลยว่าถ้า ไฟต่างสี ภาค 2 เกิดขึ้นจริง ช่อง 3 คงขายหมดแน่ เพราะมันผสมทั้งดราม่าเก่าใหม่ โรแมนติกที่โตขึ้น และข้อคิดเรื่องการเยียวยาครอบครัว