ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568 ในความเงียบงันของกาลเวลา “ซาน” ชายหนุ่มผู้กอดเก็บความอมตะจากพลังศิลา 5 สี ใช้ชีวิตราวกับทอดทิ้งวิญญาณไว้ในอดีต เขารอคอยเพียงการกลับมาของ “วาด” รักแรกและรักเดียวที่จากไปเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน การรอคอยที่แลกมาด้วยความทรมานแสนสาหัสในคืนจันทร์เต็มดวง ทว่าเมื่อโชคชะตาเล่นกล เขาพลันพบกับ “วี” หนุ่มน้อยผู้มีใบหน้าคลับคล้ายคนรักในอดีต แต่มาพร้อมเพศที่เปลี่ยนไป และความไม่ลงรอยตั้งแต่แรกเห็น ในขณะที่ดราม่าเข้มข้นและอันตรายจากเงื้อมมือผู้หมายปองศิลาคืบคลานเข้ามา… หัวใจที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยอดีตจะสามารถยอมรับปัจจุบันที่ไม่เป็นไปตามที่หวังได้หรือไม่

ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568 ซีรีส์ BL ไทยเรื่อง “ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” หรือ Century of Love  มันเป็นเรื่องที่ผสมผสานความรักโรแมนติกเข้ากับแฟนตาซีแบบเหนือธรรมชาติ ข้ามเวลาไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน แถมยังมีกลิ่นอายวัฒนธรรมไทย-จีนผสมผสาน ทำให้เรื่องนี้ดูน่าติดตามมาก

เรื่องเริ่มต้นย้อนไปสมัยร้อยปีก่อน ในช่วงปี 1920s “ซาน” เป็นหนุ่มจีนอพยพที่มาอยู่เมืองไทย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย แต่ได้ “คุณวาด” ลูกสาวของเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์มาช่วยชีวิต โดยใช้ “ศิลา 5 สี” จากศาลเจ้าแม่กวนอิมที่เธอนับถือ ความรักระหว่างทั้งคู่ก่อตัวขึ้นแบบโรแมนติกสุดๆ แต่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคใหญ่ เพราะสังคมสมัยนั้นมีช่องว่างทางชนชั้น ซานเป็นแค่คนจีนอพยพ ส่วนวาดเป็นลูกสาวขุนนางไทย ทำให้ความรักของพวกเขาเป็นรักต้องห้าม ท้ายที่สุด วาดเสียชีวิตเพราะความรักที่ไม่สมหวัง ซานเสียใจมาก พยายามใช้พลังของศิลา 5 สีเพื่อชุบชีวิตเธอ แต่ไม่สำเร็จ เจ้าแม่กวนอิมเลยเสนอดีล ซานจะได้ชีวิตอมตะนาน 100 ปี เพื่อรอให้วาดกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ต้องแลกกับการทรมานทุกข์ทรมานทั้งกายและใจทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนคำสาปที่ทำให้เขาต้องทุกข์วนเวียนไปมา

ตัดมาที่ปัจจุบัน หลังจากรอคอยอย่างอดทนมา 100 ปี ซานยังคงรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม ไม่แก่ลงเลย แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความเหงาและความหวัง เขาใช้ชีวิตแบบซ่อนตัว เปิดร้านขายยาจีนโบราณ และคอยเฝ้ามองหาสัญญาณจากศิลา 5 สีที่บอกว่าคนรักเก่ากลับมาแล้ว จนวันหนึ่ง โชคชะตานำพาให้เขาเจอ “วี” หนุ่มน้อยธรรมดาที่มีบุคลิกสดใส ร่าเริง แต่ซานรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ เพราะวีดูเหมือนจะเป็นการกลับชาติมาเกิดของวาด แต่ปัญหาใหญ่คือ วีเป็นผู้ชาย! ซานที่เคยรักผู้หญิงมาตลอดชีวิตเลยสับสนมาก ไม่ยอมรับง่ายๆ เรื่องราวเลยเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในใจของซาน เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกเก่าๆ ที่ฝังลึก ขณะเดียวกันก็มีดราม่าจากตัวละครรอง เช่น จู (พรสรวง รวยรื่น) เพื่อนสนิทของวีที่คอยช่วยเหลือ, หม่อมเจ้าไตรหรือเติร์ด (พลวิชญ์ เกตุประภากร) ที่มีบทบาทลึกลับ, ยายแจ่ม (เดือนเต็ม สาลิตุล) ผู้เฝ้าศาลเจ้า, และพวกแก๊งมาเฟียอย่างมิสเตอร์เฉิน (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) ที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายเพราะอยากได้ศิลา 5 สี

เรื่องราวค่อยๆ เผย twist ใหญ่ เช่น การที่ซานต้องเผชิญกับคำสาปที่เหลือเวลาแค่ปีเดียว ถ้าไม่พบคนรักที่แท้จริง เขาจะตายถาวร และยังมีเรื่องราวย้อนอดีตที่แสดงให้เห็นว่าความรักของซานกับวาดไม่ใช่แค่รักธรรมดา แต่เกี่ยวข้องกับเวรกรรมข้ามภพ มีฉากแอคชั่นผสมดราม่า เช่น การต่อสู้เพื่อปกป้องศิลา หรือการไล่ล่าจากศัตรู เรื่องดำเนินไปแบบค่อยๆ สร้างความผูกพันระหว่างซานกับวี จากไม่ชอบหน้า กลายเป็นเข้าใจกันมากขึ้น วีเองก็มีปมในใจจากชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่ช่วยเยียวยาหัวใจซาน ท้ายเรื่องมีจุดไคลแมกซ์ที่ซานเกือบตาย แต่สุดท้ายทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน วีขอบคุณเจ้าแม่ที่ปกป้องพวกเขา ทำให้เรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแต่ซึ้งกินใจ

สารบัญละคร

เรื่องนี้เหมือนนิทานรักข้ามกาลเวลาที่มีทั้งความหวาน ความเศร้า และบทเรียนชีวิต ถ้าใครชอบซีรีส์แนว reincarnation ผสม BL ต้องไม่พลาด เพราะมันทำให้เราคิดถึงความรักที่แท้จริงว่ามันเหนือเพศ เหนือเวลาแค่ไหน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในสมัยร้อยปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศเมืองไทยที่ยังมีกลิ่นอายจีนผสมผสาน ซาน ชายหนุ่มผู้อพยพจากแผ่นดินใหญ่ ได้พบกับคุณวาด หญิงสาวสูงศักดิ์ผู้มีหัวใจเมตตา เธอช่วยชีวิตเขาด้วยศิลา 5 สีศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้าแม่ ทำให้ความรักเบ่งบานดั่งดอกไม้งาม แต่โชคชะตาโหดร้าย วาดสิ้นใจเพราะรักที่สังคมไม่ยอมรับ ซานสิ้นหวัง ทำสัญญากับเจ้าแม่เพื่อชีวิตอมตะ รอคอยการกลับมาของเธอ แลกกับความทรมานทุกพระจันทร์เต็มดวง ดั่งคำสาปที่กัดกินวิญญาณเขาไม่เคยปล่อย

เวลาล่วงเลยร้อยปี ซานยังคงรูปโฉมเยาว์วัย แต่หัวใจชราเต็มที เขาเฝ้ารอสัญญาณจากศิลา จนกระทั่งวี หนุ่มน้อยผู้สดใสก้าวเข้ามาในชีวิต วีคือดั่งเงาสะท้อนของวาด แต่ในร่างกายชายหนุ่ม ทำให้ซานสับสนดั่งถูกฟ้าผ่า เขาปฏิเสธความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัว ทว่าวีกลับนำพาความอบอุ่นมาสู่หัวใจเย็นชาของเขา ท่ามกลางอันตรายจากผู้โลภโมโหที่หมายปองศิลา ซานต้องปกป้องทั้งศิลาและคนที่อาจเป็นชะตารักของเขา มีฉากย้อนอดีตที่เผยเวรกรรมเก่าแก่ การต่อสู้อันดุเดือด และความผูกพันที่ค่อยๆ ละลายน้ำแข็งในใจซาน วียังมีปมครอบครัวที่ทำให้เขาเปราะบาง แต่ก็แข็งแกร่งพอที่จะยืนเคียงข้างซาน

เมื่อซานค้นพบว่าความรักแท้จริงไม่ผูกมัดด้วยเพศหรือรูปลักษณ์ แต่เป็นวิญญาณที่เชื่อมโยงกันข้ามภพ มีตัวละครรองอย่างจูที่คอยเป็นกาวใจ, เติร์ดผู้ลึกลับ, และยายแจ่มผู้เฝ้าความลับ ท้ายเรื่อง ซานเกือบสูญสิ้น แต่ด้วยพลังแห่งรัก วีช่วยดึงเขากลับมา ขอบคุณเจ้าแม่ที่มอบโอกาสใหม่ ทำให้ทั้งคู่ได้ครองคู่กันในที่สุด

ละครเรื่องนี้เหมือนตำนานรักที่ทำให้หัวใจเต้นรัว ถ้าได้ดู จะรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในโลกแห่งเวทมนตร์และความรักนิรันดร์ ลองจินตนาการแล้วจะหลงรักแน่ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

จุดเด่นแรกเลยคือเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ ผสม reincarnation กับรักข้ามเพศได้น่าติดตาม ไม่ซ้ำซากแบบ BL ทั่วไป Chemistry ระหว่างต้าห์อู๋ (ซาน) กับออฟโรด (วี) นี่เด็ดมาก ดูแล้วเชื่อว่าพวกเขารักกันจริงๆ การแสดงของทั้งคู่ช่วยยกเรื่องขึ้นเยอะ โดยเฉพาะต้าห์อู๋ที่เล่นบทอมตะได้ซึ้ง การกำกับภาพสวยงาม มีฉากย้อนอดีตที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย-จีนได้ดี ดนตรีประกอบก็เข้ากัน เพิ่มความดราม่าได้สุดๆ ตัวละครรองอย่างจูกับยายแจ่มก็น่ารัก คอยสร้างสีสันไม่ให้เรื่องเครียดเกิน ส่วน twist ท้ายเรื่องทำเอาลุ้นตัวโก่ง จบแบบน่าพอใจ ไม่ทิ้งหาง

แต่ก็มีข้อติติงนะ บางคนบอกว่าบทมี plot holes เยอะ เช่น เรื่องคำสาปหรือศิลา 5 สีที่อธิบายไม่เคลียร์ บาง storyline เปิดแล้วไม่ปิด เช่น ปมตัวร้ายบางตัว ช่วงแรกๆ เรื่องเดินช้าจนบางคนเบื่อ แต่พอเข้าที่แล้วสนุกขึ้น การต่อสู้แอคชั่นดูโอเวอร์ไปบ้าง เหมือนละครไทยทั่วไป แต่ overall มัน entertaining มาก ชอบที่เรื่องนี้ไม่แค่ขายโรแมนติก แต่พูดถึงธีมการยอมรับตัวเองและความรักที่เหนือเพศ

คะแนนโดยรวม 8.0/10 ถือเป็นซีรีส์ที่ยกบาร์ BL ไทยขึ้นไปอีกระดับ ถ้าชอบแนวแฟนตาซีโรแมนติก ต้องดูให้ได้ แต่ถ้าชอบเรื่องเบาสมองอาจไม่ถูกจริต ลองเปิดใจดูแล้วจะรู้ว่ามันคุ้มค่า

ตอนแรกๆ รู้สึกตื่นเต้นกับแฟนตาซี การรอคอยรักข้ามศตวรรษทำให้ใจเต้นรัว แต่ก็มีความเศร้าที่ซึมลึก เมื่อเห็นซานทรมานจากคำสาป ฉากย้อนอดีตระหว่างซานกับวาดทำให้น้ำตาซึม เพราะมันสะท้อนความรักต้องห้ามที่โหดร้าย พอเข้าสู่ปัจจุบัน การพบกันของซานกับวีนำมาซึ่งความสับสนและขำขัน วีที่สดใสช่วยเบรกความหนัก ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ลึกๆ แล้วมันสร้างความลุ้นว่าความรักจะลงเอยยังไง Twist กลางเรื่องทำเอาหัวใจหวิว เพราะเผยปมเวรกรรมที่ซับซ้อน ฉากโรแมนติกอย่างการ scenting คอหรือข้อมือ ทำให้รู้สึกอบอุ่นและเขินอาย ตัวละครรองเพิ่มสีสัน ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อ การต่อสู้อันดุเดือดผสมดราม่าทำให้ตื่นเต้น แต่ก็มีช่วงที่รู้สึกยืดเยื้อจาก plot holes ท้ายเรื่อง จุดไคลแมกซ์นำมาซึ่งความโล่งอกและซึ้งใจ เมื่อทุกอย่างคลี่คลายแบบแฮปปี้ ทำให้รู้สึกเต็มอิ่มกับธีมรักนิรันดร์

ความรู้สึกหลังดูคือได้รับแรงบันดาลใจเรื่องความรักที่เหนือกาลเวลา มันทำให้คิดถึงชีวิตและการยอมรับตัวเอง ลองดูแล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงถูกพูดถึงมาก


ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568

ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568

ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568 EP.1-10 ตอนจบONED​​​​​​

ซีน ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568

[OFFICIAL TEASER] Century of Love ปาฏิหาริย์รักร้อยปี

ละคร ปาฏิหาริย์รักร้อยปี 2568

เรื่องย้อนไปสมัยร้อยปีก่อน ในยุคที่เมืองไทยยังมีกลิ่นอายจีนผสมผสาน ซาน (ต้าห์อู๋ พิทยา) เป็นหนุ่มจีนอพยพที่มาอยู่ไทย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุหรือการต่อสู้อะไรสักอย่าง จนเกือบตาย แต่โชคดีที่ได้คุณวาด (คุกกี้ ญดา) ลูกสาวเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์มาช่วยชีวิต เธอใช้ “ศิลา 5 สี” จากศาลเจ้าแม่กวนอิมที่เธอนับถือมาช่วยรักษาเขา ทำให้ซานหายดีแบบปาฏิหาริย์ ความรักเลยก่อตัวขึ้นแบบหวานหยดย้อย แต่ปัญหาใหญ่คือสังคมสมัยนั้นมีช่องว่างทางชนชั้นสูงมาก ซานเป็นแค่คนอพยพจีนธรรมดา ส่วนวาดเป็นลูกขุนนางไทย ทำให้ความรักของทั้งคู่เป็นรักต้องห้าม สุดท้ายวาดเสียชีวิตเพราะความรักที่ไม่สมหวัง อาจเพราะถูกกีดกันหรือโรคภัยอะไรสักอย่าง ซานเสียใจหนักมาก พยายามใช้พลังศิลา 5 สีเพื่อชุบชีวิตเธอ แต่ไม่สำเร็จ เจ้าแม่เลยเสนอดีลสุดโหด ซานจะได้ชีวิตอมตะนาน 100 ปี เพื่อรอให้วาดกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ต้องแลกกับการทรมานทุกข์ทรมานทั้งกายและใจทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนคำสาปที่ทำให้เขาปวดร้าววนลูปไปมา ไม่แก่ ไม่ตาย แต่ทุกข์ตลอดกาล

ตัดภาพมาปัจจุบัน ซานยังคงรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมเลย ไม่แก่ลงสักนิด แต่หัวใจเต็มไปด้วยความเหงาและความหวัง เขาเปิดร้านขายยาจีนโบราณ ซ่อนตัวจากโลกภายนอก และคอยเฝ้าดูสัญญาณจากศิลา 5 สีที่จะบอกว่าคนรักเก่ากลับมาแล้ว จนวันหนึ่ง โชคชะตาเล่นตลก นำพาให้ซานเจอวี (ออฟโรด กันตภณ) หนุ่มน้อยสดใส ร่าเริง แต่ซานรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น เพราะวีมีกลิ่นตัวหรืออะไรบางอย่างที่เหมือนวาดเป๊ะ แต่ปัญหาใหญ่คือวีเป็นผู้ชาย ซานที่เคยรักผู้หญิงมาตลอดเลยสับสนสุดๆ ไม่ยอมรับง่ายๆ ว่าเขาคือ reincarnation ของวาด เรื่องราวเลยเต็มไปด้วยดราม่าภายในใจของซาน เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกเก่าๆ ที่ฝังลึก ขณะเดียวกันวีก็เข้ามาในชีวิตซานแบบไม่ทันตั้งตัว อาจเพราะอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่ใกล้กัน

แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นนะ มีตัวละครรองที่เพิ่มความสนุก เช่น จู (พรสรวง รวยรื่น) เพื่อนสนิทของวีที่คอยช่วยเหลือและเป็นกาวใจ, หม่อมเจ้าไตรหรือเติร์ด (พลวิชญ์ เกตุประภากร) ที่เป็นคนรักเก่าของวี ทำให้ซานหึงโหดแบบไม่รู้ตัว, ยายแจ่ม (เดือนเต็ม สาลิตุล) ผู้เฝ้าศาลเจ้าแม่ที่รู้ความลับทุกอย่าง, และพวกตัวร้ายอย่างมิสเตอร์เฉิน (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่อยากได้ศิลา 5 สีเพื่อชีวิตอมตะเหมือนกัน ทำให้มีฉากแอคชั่นไล่ล่า ต่อสู้ดุเดือดผสมดราม่า ซานต้องปกป้องวีจากอันตรายเหล่านี้ ขณะเดียวกันคำสาปของซานก็ใกล้หมดเวลา ถ้าไม่พบคนรักที่แท้จริงภายในปีนี้ เขาจะตายถาวรเลยอะ

เรื่องค่อยๆ เผย twist ใหญ่ เช่น การที่วีจำอดีตชาติได้บางส่วน ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น จากไม่ชอบหน้า กลายเป็นเข้าใจและตกหลุมรักกันจริงๆ มีฉากโรแมนติกอย่างจูบคอหรือข้อมือที่ทำเอาแฟนๆ กรี๊ดกร๊าด วียังมีปมครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เขาเปราะบางแต่แข็งแกร่งพอที่จะเยียวยาหัวใจซาน

เบื้องหลังซีรีส์สุดฮิต “ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” Century of Love มาเจาะลึกทีมงานและ behind the scenes กันบ้าง ว่ากว่าจะมาเป็นซีรีส์ที่ทำให้แฟนๆ ติดงอมแงมแบบนี้ มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ซีรีส์เรื่องนี้ผลิตโดย OPEN LABEL และออกอากาศทางช่อง One31  มีทั้งหมด 10 ตอน ถ่ายทำในกรุงเทพฯ และสถานที่ที่จำลองบรรยากาศสมัยเก่าแบบไทย-จีน ทีมบทโทรทัศน์นำโดย ชวนนท์ สารพัฒน์, อภิรัตน์ หินแก้ว และสรวิชญ์ ภิญโญมิตร ที่ร่วมกันร้อยเรียงเรื่องราวจากไอเดียการกลับชาติมาเกิดผสม BL ให้ออกมาลงตัว พวกเขาบอกว่าแรงบันดาลใจมาจากตำนานรักข้ามภพชาติแบบไทยๆ ผสมกับองค์ประกอบจีนอย่างศาลเจ้าแม่กวนอิม ทำให้บทมีทั้งดราม่า โรแมนติก และแอคชั่น การเขียนบทใช้เวลานานเพราะต้อง balance ระหว่างอดีตกับปัจจุบันให้ไม่สะดุด และใส่ twist ที่ทำให้คนดูเซอร์ไพรส์

230626020638204
วรวิทย์ ขัตติยโยธิน

ส่วนกำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ขัตติยโยธิน (ที่เคยกำกับ “คุณชาย” และ “Laws of Attraction”) และธนวัจน์ ปัญญารินทร์

คู่นี้ทำงานร่วมกันแบบลงตัวมาก วรวิทย์ดูแลส่วนดราม่าและฉากย้อนอดีตที่ต้องถ่ายทำในเซ็ตใหญ่ๆ อย่างศาลเจ้าและบ้านขุนนางเก่า ขณะที่ธนวัจน์โฟกัสฉากแอคชั่นและโรแมนติกในปัจจุบัน พวกเขาบอกว่าความยากคือการทำให้ฉากพระจันทร์เต็มดวงที่ซานทรมานดูสมจริง โดยใช้เอฟเฟกต์ CGI ผสมกับการแสดงของต้าห์อู๋ที่ต้องเล่นบทปวดทรมานแบบสุดๆ

เบื้องหลังการถ่ายทำสนุกแต่เครียดนะ อย่างฉากจูบระหว่างต้าห์อู๋ (ซาน) กับออฟโรด (วี) กว่าจะได้แต่ละเทคต้องถ่ายซ้ำหลายรอบเพราะต้องให้เคมีออกมาดีสุดๆ นักแสดงบอกว่าแรกๆ เขินมาก แต่พอสนิทกันแล้วก็ไหลลื่น ต้าห์อู๋เล่าว่าต้องศึกษาวัฒนธรรมจีนสมัยเก่าเพื่อเข้าถึงบทซานที่เป็นอมตะ ส่วนออฟโรดต้องเล่นเป็นวีที่สดใสแต่มีปมลึก ทำให้ต้องเวิร์กช็อปกันหนัก ทีมงานยังเจอปัญหาเรื่องสภาพอากาศตอนถ่ายกลางคืน แต่ทุกคนตั้งใจมาก มีคลิป behind the scenes จาก OPEN LABEL ที่แสดงให้เห็นว่าวันแรกถ่ายทำทุกคนตื่นเต้น เข้ากันได้ดี รู้สึกเหมือนครอบครัวเดียวกัน อย่างในรายการ “เรื่องของเรื่อง EP.25” ต้าห์อู๋กับออฟโรดมาสัมภาษณ์ว่าฉากต่อสู้ยากที่สุดเพราะต้องใช้สตันท์ แต่เคมีคู่กันทำให้ผ่านไปได้ นอกจากนี้ยังมี TikTok และ YouTube คลิปเบื้องหลังที่แฟนๆ แชร์กันเยอะ เช่น ฉากจูบฟินๆ ที่ดูคุ้มแต่เบื้องหลังเครียดแทนเลย

เบื้องหลังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความทุ่มเทจากทีมงานทุกคน ทำให้ซีรีส์ออกมาดีขนาดนี้ ถ้าใครอยากดูเบื้องหลังเพิ่ม ลองเสิร์ช YouTube หรือ TikTok ดูนะ มีคลิปเพียบ

นักแสดง

→ พิทยา แซ่ฉั่ว รับบท ซาน

hq720
พิทยา แซ่ฉั่ว

เขาเป็นชาวจีนอพยพที่มาอยู่ในเมืองไทยสมัยร้อยปีก่อน มีพื้นฐานเป็นอั้งยี่หรือหัวหน้าแก๊งมาเฟียจีนในยุคเก่า ทำให้มีบุคลิกสุขุม กระด้าง และแข็งกร้าวภายนอก แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและมั่นคงในความรัก ชีวิตของซานพลิกผันเมื่อตกหลุมรักคุณวาด ลูกสาวเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์ ความรักนี้เริ่มจากเธอช่วยชีวิตเขาด้วยศิลา 5 สีจากศาลเจ้าแม่กวนอิม แต่สุดท้ายวาดเสียชีวิตเพราะรักต้องห้าม ซานเสียใจมากจนทำสัญญากับเจ้าแม่เพื่อได้ชีวิตอมตะนาน 100 ปี โดยแลกกับการทรมานทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมือนคำสาปที่กัดกินทั้งกายและใจ เขาใช้ชีวิตแบบซ่อนตัว เปิดร้านขายยาจีนโบราณ และรอคอยการกลับชาติมาเกิดของวาดอย่างอดทน หน้าตาไม่แก่ลงแต่หัวใจชราเต็มที ทำให้ซานมีมุมตลกขบขันแบบไม่ตั้งใจ เช่น การแต่งตัวแบบคุณปู่สมัยเก่าในโลกปัจจุบัน หรือการไม่เข้าใจวัฒนธรรมสมัยใหม่

แต่เมื่อพบวี ซึ่งเชื่อว่าเป็นวาดกลับมาเกิดใหม่แต่เป็นผู้ชาย ซานสับสนมากเพราะเคยรักผู้หญิงมาตลอด เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายใน ขณะเดียวกันก็ปกป้องวีจากศัตรูที่หมายปองศิลา 5 สี อย่างมิสเตอร์เฉินแก๊งมาเฟีย ซานมีพัฒนาการจากคนเย็นชาเป็นคนที่เรียนรู้การยอมรับความรักรูปแบบใหม่ เหนือเพศและกาลเวลา การแสดงของต้าห์อู๋ทำให้ซานดูมีมิติลึกซึ้ง ทั้งฉากดราม่าที่ทรมานจากคำสาปและฉากโรแมนติกที่ค่อยๆ เปิดใจกับวี ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นไอคอนของซีรีส์ BL ที่ผสมองค์ประกอบเหนือธรรมชาติเข้ากับความสัมพันธ์จริงจัง ซานยังมีด้านแอคชั่นจากการต่อสู้ปกป้องคนรัก ทำให้เรื่องไม่น่าเบื่อ แต่แก่นหลักคือความมุ่งมั่นในรักที่ทำให้เขาทนทุกข์มาร้อยปี โดยรวมแล้ว ซานเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมการรอคอยและการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “ปู่ซานอมตะ”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของซานที่แม้จะมีอายุเกินร้อยปีแต่รูปร่างหน้าตายังคงหนุ่มแน่นเหมือนเดิม ทำให้คนรอบข้างเรียกเขาว่าปู่ซานแบบขำๆ แต่คำว่าอมตะสะท้อนถึงชีวิตที่ยืนยาวจากพลังศิลา 5 สี ซานถูกเรียกแบบนี้เพราะบุคลิกและการแต่งตัวที่ดูเชยๆ เหมือนคนแก่สมัยเก่า เช่น เสื้อแขนสั้นกางเกงขาวยาว และการพูดจาที่ไม่ทันสมัย ทำให้เกิดโมเมนต์ตลกในซีรีส์ เช่น เมื่อเขาเจอวีครั้งแรกและไม่ถูกชะตาเพราะคิดว่าวีคือ reincarnation ของวาดแต่เป็นผู้ชาย ฉายานี้ยังเน้นด้านอมตะที่มาพร้อมคำสาป ทำให้ซานต้องทรมานทุกพระจันทร์เต็มดวง เหมือนปู่แก่ที่แบกภาระหนักอึ้งมาร้อยปี แต่เบื้องหลังคือความรักที่มั่นคงไม่เสื่อมคลาย ฉายา “ปู่ซานอมตะ” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความน่ารักกับดราม่า ทำให้ซานดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ต้าห์อู๋เล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในสัมภาษณ์เขาบอกว่าต้องเวิร์กช็อปเพื่อเข้าถึงความเหงาของคนอมตะ ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากปู่เย็นชาเป็นปู่ที่อบอุ่นกับวี

ข้อคิด “ความรักแท้จริงเหนือกาลเวลาและเพศสภาพ”
ข้อคิดนี้จากตัวละครซานสอนให้เห็นว่าความรักที่มั่นคงสามารถรอคอยข้ามศตวรรษและเปลี่ยนรูปแบบได้โดยไม่ผูกมัดด้วยเพศหรือรูปลักษณ์ ซานรอวาดมาร้อยปี ทรมานจากคำสาปแต่ไม่ยอมแพ้ แสดงถึงความอดทนและศรัทธาในรัก แต่เมื่อพบวีที่เป็นผู้ชาย เขาสับสนแต่ค่อยๆ ยอมรับเพราะรู้ว่าวิญญาณคือสิ่งสำคัญ ข้อคิดนี้ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าความรักไม่จำกัดเพศ อย่างในซีรีส์ที่ซานเรียนรู้จากวีซึ่งสดใสและช่วยเยียวยาหัวใจเขา ทำให้เขาหลุดจากกรอบเก่าๆ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ศิลา 5 สีเป็นสัญลักษณ์ของพลังรักนิรันดร์ สอนว่าการรักใครสักคนคือการยอมรับตัวตนแท้จริง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับการยอมรับตัวเองและคนอื่น ในสังคมปัจจุบันที่ยังมีอคติ ข้อคิดจากซานช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความรักสามารถเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้ ต้าห์อู๋ถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ กันตภณ จินดาทวีผล รับบท วี

กันตภณ จินดาทวีผล

เขาเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาที่เติบโตในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีพื้นหลังจากชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้มีบุคลิกสดใส ร่าเริง แต่แฝงความเปราะบางและความเข้มแข็งภายใน วีเข้ามาในชีวิตของซานแบบไม่ทันตั้งตัว อาจเพราะอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องใกล้ชิดกัน เชื่อกันว่าเขาเป็นการกลับชาติมาเกิดของวาด คนรักเก่าของซานจากร้อยปีก่อน แต่ในร่างผู้ชาย ทำให้เกิดความขัดแย้งและดราม่า วีมีลักษณะเด่นคือความบริสุทธิ์ใจและความเมตตา เขาเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แม้จะมีปมจากพ่อที่ติดเหล้าและครอบครัวที่แตกแยก แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อชีวิต การปรากฏตัวของวีเหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในโลกมืดมนของซานที่อมตะและทุกข์ทรมานมาร้อยปี

วีช่วยเยียวยาหัวใจซานด้วยความไร้เดียงสาและความจริงใจ เช่น ฉากที่เขาคอยดูแลซานตอนป่วยจากคำสาป หรือช่วยเหลือในเหตุการณ์ไล่ล่าจากศัตรูที่หมายปองศิลา 5 สี วียังมีด้านตลกขบขัน เช่น การพูดจาตรงไปตรงมาที่ทำให้ซานงงงวย หรือการไม่เข้าใจเรื่องเหนือธรรมชาติในตอนแรก แต่ค่อยๆ พัฒนาไปสู่การยอมรับและตกหลุมรักซานจริงๆ การแสดงของออฟโรดทำให้วีดูมีมิติลึกซึ้ง ทั้งฉากดราม่าที่เผยปมครอบครัวและฉากโรแมนติกที่ค่อยๆ สร้างความผูกพันกับซาน วีไม่ใช่แค่ตัวละครที่ถูกชะตานำพามา แต่เป็นกุญแจสำคัญที่คลี่คลายคำสาปและนำพาความสุขมาสู่ซาน ท้ายเรื่องวีจำอดีตชาติได้บางส่วน ทำให้ทั้งคู่ได้ครองคู่กัน โดยรวมแล้ว วีเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมการเยียวยาและการเริ่มต้นใหม่ ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “แสงตะวันของซาน”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของวีที่เหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในชีวิตมืดมนของซาน ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาว่าแสงตะวันแบบน่ารักๆ แต่คำว่าแสงตะวันสะท้อนถึงบุคลิกสดใสและอบอุ่นที่ช่วยละลายน้ำแข็งในใจซาน วีถูกเรียกแบบนี้เพราะการปรากฏตัวที่ร่าเริงและไร้เดียงสา ทำให้เกิดโมเมนต์อบอุ่นในซีรีส์ เช่น เมื่อเขายิ้มหรือช่วยเหลือซานตอนทรมานจากคำสาป ฉายานี้ยังเน้นด้านที่วีเป็น reincarnation ของวาดแต่ในรูปแบบใหม่ ทำให้ซานที่เคยเศร้าหมองค่อยๆ สว่างไสวขึ้น ฉายา “แสงตะวันของซาน” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความโรแมนติกกับดราม่า ทำให้วีดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ออฟโรดเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในสัมภาษณ์เขาบอกว่าต้องเวิร์กช็อปเพื่อเข้าถึงความสดใสของคนที่มีปมลึก ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากเด็กหนุ่มธรรมดาเป็นคนที่นำพาความหวังมาสู่ซาน

ข้อคิด “ความเข้มแข็งจากความเปราะบางนำพาไปสู่ความรักที่แท้จริง”
ข้อคิดนี้จากตัวละครวีสอนให้เห็นว่าความเปราะบางในชีวิตสามารถกลายเป็นความเข้มแข็งที่นำพาไปสู่ความรักและการเยียวยา วีเติบโตจากครอบครัวแตกแยกแต่ไม่เคยยอมแพ้ เขาใช้ความสดใสและเมตตาในการเผชิญปัญหา ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าปมในอดีตไม่ใช่จุดอ่อนแต่เป็นแรงผลักดัน อย่างในซีรีส์ที่วีช่วยซานจากคำสาปด้วยความจริงใจ แม้จะสับสนกับชะตากรรมตัวเอง ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้วีเป็นกุญแจคลี่คลายทุกอย่าง สอนว่าการยอมรับความเปราะบางคือการเปิดใจรับรักรูปแบบใหม่ ไม่จำกัดเพศหรืออดีต ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับการเติบโต ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนซ่อนปม ข้อคิดจากวีช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความเข้มแข็งแท้จริงมาจากการยอมรับตัวเอง ออฟโรดถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ พรสรวง รวยรื่น รับบท จู

242819042835820
พรสรวง รวยรื่น

เธอเป็นหลานสาวเหลนของซาน ผู้เฝ้าดูแลศาลเจ้าแม่กวนอิมรุ่นล่าสุด มีพื้นหลังจากครอบครัวที่สืบทอดหน้าที่เฝ้าศาลเจ้ามาหลายชั่วคน ทำให้เธอรู้ความลับเกี่ยวกับศิลา 5 สีและคำสาปของซาน จูมีบุคลิกสดใส ร่าเริง แต่แฝงความกล้าหาญและไม่ยอมแพ้ เธอเป็นคนที่แต่งตัวตามใจตัวเอง มักใส่เสื้อผ้าที่ดูเซ็กซี่หรือทันสมัย ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจและไม่แคร์สายตาคนอื่น ในเรื่องเธอคอยช่วยเหลือซานเหมือนญาติผู้ใหญ่ แต่เรียกเขาว่าปู่ทวดหรือปู่เหลนแบบขำๆ เพราะซานอมตะและดูหนุ่มกว่าเธออีก จูยังเป็นเพื่อนสนิทของวี ทำให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับดราม่าหลัก เช่น การปกป้องศิลาจากแก๊งมาเฟียหรือช่วยคลี่คลายความสับสนระหว่างซานกับวี เธอมีด้าน flirty และ mischievous ที่สร้างโมเมนต์ตลก เช่น การหยอกล้อซานเรื่องความรักหรือช่วยวีหลบหนีจากปัญหา

จูไม่ใช่ตัวละครหญิงแบบเดิมๆ ใน BL ที่มักเป็นอุปสรรคหรือน่ารำคาญ แต่เธอเป็น supportive และ normal female character ที่เพิ่มมิติให้เรื่อง เธอช่วยเยียวยาความเหงาของซานด้วยความอบอุ่นแบบครอบครัว และคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์หรือชะตากรรม การแสดงของพรสรวงทำให้จูดูมีชีวิตชีวา ทั้งฉากดราม่าที่เธอเผชิญอันตรายและฉากคอมเมดี้ที่เธอเป็นกาวใจกลุ่ม จูยังมี backstory เล็กน้อยเกี่ยวกับครอบครัวที่เฝ้าศาล ทำให้เธอเข้าใจภาระของซานดี ท้ายเรื่องเธอมีบทบาทสำคัญในการช่วยคลี่คลายจุดไคลแมกซ์ โดยรวมแล้ว จูเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมครอบครัวและมิตรภาพ ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “หลานสาวเหลน flirty”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของจูที่เป็น great-great-granddaughter ของซานแต่มีบุคลิก flirty และ mischievous ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเธอแบบนี้แบบน่ารักๆ แต่คำว่าหลานสาวเหลนสะท้อนถึงการสืบทอดครอบครัวเฝ้าศาลเจ้า จูถูกเรียกแบบนี้เพราะเธอเรียกซานว่าปู่ทวดแต่ดูอายุใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดโมเมนต์ตลกในซีรีส์ เช่น เมื่อเธอหยอกล้อซานเรื่องความรักหรือแต่งตัวเซ็กซี่ที่ทำให้ซานงง ฉายานี้ยังเน้นด้าน flirty ที่เธอชอบแซวตัวละครอื่นๆ อย่างวีหรือเติร์ด ทำให้เรื่องมีสีสันและไม่เครียดเกิน ฉายา “หลานสาวเหลน flirty” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความอบอุ่นครอบครัวกับดราม่า ทำให้จูดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง พรสรวงเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเธอเป็น female character ปกติใน BL ที่ไม่น่ารำคาญแต่ supportive ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากหลานสาวธรรมดาเป็นคนที่ช่วยปกป้องศาลและความรักของซาน

ข้อคิด “มิตรภาพที่แท้จริงคือการสนับสนุนโดยไม่ตัดสิน”
ข้อคิดนี้จากตัวละครจูสอนให้เห็นว่ามิตรภาพที่มั่นคงคือการอยู่เคียงข้างและสนับสนุนโดยไม่ตัดสินพื้นเพหรือความแตกต่าง จูเติบโตในครอบครัวเฝ้าศาลแต่เลือกใช้ชีวิตตามใจตัวเอง เธอใช้ความสดใสและความกล้าหาญในการช่วยเหลือซานกับวี ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่ามิตรภาพไม่จำกัดอายุหรือสถานะ อย่างในซีรีส์ที่จูช่วยคลี่คลายดราม่าระหว่างซานกับวีด้วยความเข้าใจ แม้จะรู้คำสาปและชะตากรรม ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้จูเป็นตัวแทนครอบครัวที่ปกป้องความลับ สอนว่าการสนับสนุนคือการยอมรับตัวตนแท้จริง ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงคนอื่น ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ female representation ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนถูกตัดสินจากรูปลักษณ์ ข้อคิดจากจูช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่ามิตรภาพแท้จริงมาจากการ flirty แต่ supportive พรสรวงถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ญดา สุวรรณปัฏนะ รับบท วาด

1134770
ญดา สุวรรณปัฏนะ

เธอเป็นลูกสาวของเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์ในสมัยร้อยปีก่อน มีพื้นฐานจากครอบครัวขุนนางไทย ทำให้มีบุคลิกสง่างาม อ่อนโยน และเมตตา วาดแต่งตัวแบบหญิงสาวสูงศักดิ์สมัยนั้น เช่น ชุดไทยโบราณหรือชุดลูกไม้ที่สะท้อนความหรูหรา เธอพบซาน ชายจีนอพยพที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และช่วยชีวิตเขาด้วยศิลา 5 สีจากศาลเจ้าแม่กวนอิมที่เธอนับถือ ทำให้ความรักก่อตัวขึ้นแบบโรแมนติก แต่ปัญหาใหญ่คือช่องว่างทางชนชั้น สังคมสมัยนั้นไม่ยอมรับรักระหว่างขุนนางไทยกับคนจีนอพยพ ทำให้วาดต้องเผชิญความกดดันจากครอบครัวและสังคม วาดมีด้านกล้าหาญ เธอไม่กลัวที่จะรักซานแม้จะต้องห้าม และใช้พลังศิลาเพื่อรักษาเขา แสดงถึงความเสียสละ

ท้ายที่สุดเธอเสียชีวิตเพราะความรักที่ไม่สมหวัง อาจจากโรคภัยหรือถูกกดดันจนสิ้นใจ ทำให้ซานทำสัญญาเพื่อชีวิตอมตะรอเธอกลับชาติมาเกิด วาดปรากฏในฉากย้อนอดีตที่ถ่ายทอดบรรยากาศไทย-จีนในปี 1920s ได้ดี การแสดงของญดาทำให้วาดดูมีมิติลึกซึ้ง ทั้งความอ่อนหวานในฉากโรแมนติกและความเศร้าในดราม่า วาดไม่ใช่แค่คนรักแต่เป็นต้นกำเนิดธีมรักนิรันดร์ เพราะวิญญาณเธอกลับมาเป็นวีในปัจจุบัน ทำให้เรื่องเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน วาดยังมีบทบาทในฝันหรือวิสัยทัศน์ที่ซานเห็น เพิ่มความลึกลับ โดยรวมแล้ว วาดเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมรักต้องห้ามและการเสียสละ ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “คุณวาดผู้เมตตา”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของวาดที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์แต่มีหัวใจเมตตา ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเธอแบบนี้แบบซึ้งๆ แต่คำว่าผู้เมตตาสะท้อนถึงการช่วยชีวิตซานด้วยศิลา 5 สี วาดถูกเรียกแบบนี้เพราะเธอนับถือเจ้าแม่กวนอิมและใช้พลังศิลาเพื่อรักษาคนอื่น ทำให้เกิดโมเมนต์อบอุ่นในซีรีส์ เช่น เมื่อเธอเสี่ยงชีวิตเพื่อซานแม้จะต่างชั้น ฉายานี้ยังเน้นด้านที่วาดเป็นต้นแบบของความรักบริสุทธิ์ ทำให้ซานรอมาร้อยปี ฉายา “คุณวาดผู้เมตตา” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความสง่างามกับดราม่า ทำให้วาดดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ญดาเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเธอเป็น female character ที่สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากหญิงสาวธรรมดาเป็นสัญลักษณ์รักนิรันดร์

ข้อคิด “ความรักที่เสียสละนำพาไปสู่นิรันดร์”
ข้อคิดนี้จากตัวละครวาดสอนให้เห็นว่าความรักที่เสียสละสามารถอยู่เหนือกาลเวลาและนำพาไปสู่ความนิรันดร์ วาดยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อซานแม้จะต้องห้าม เธอใช้ศิลาเพื่อช่วยเขา ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่ารักแท้คือการให้โดยไม่หวังผล วาดเสียชีวิตแต่วิญญาณกลับมา ทำให้เรื่องเชื่อมโยงกับธีม reincarnation ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับแฟนตาซีที่ใช้วาดเป็นต้นกำเนิดคำสาปและการรอคอย สอนว่าการเสียสละคือการเปิดทางให้รักรูปแบบใหม่ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับรักต้องห้าม ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนกลัวการสูญเสีย ข้อคิดจากวาดช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความรักแท้จริงอยู่ที่วิญญาณ ญดาถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ พลวิชญ์ เกตุประภากร รับบท หม่อมเจ้าไตร/เติร์ด

jpg
พลวิชญ์ เกตุประภากร

เขาเป็นตัวละครที่มีสองบทบาทเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบัน ในอดีตสมัยร้อยปีก่อน เขาคือหม่อมเจ้าไตร คู่หมั้นของวาด ลูกสาวเจ้าพระยาผู้สูงศักดิ์ ทำให้เป็นอุปสรรคในความรักระหว่างวาดกับซาน ชาวจีนอพยพ หม่อมเจ้าไตรมีบุคลิกสง่างามตามยศขุนนางไทย แต่งตัวแบบราชนิกุลสมัยเก่า เช่น เสื้อแขนยาวผ้าดีและเครื่องประดับที่สะท้อนฐานะสูงส่ง เขาเป็นคนมั่นใจและหวงแหนวาดเพราะเป็นคู่หมั้นที่ถูกกำหนดจากครอบครัว ทำให้เกิดรักสามเศร้าที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม วาดเสียชีวิตเพราะรักต้องห้ามนี้ ในปัจจุบัน เติร์ดคือการกลับชาติมาเกิดของหม่อมเจ้าไตร เป็นหนุ่มหล่อรวยจากตระกูลสูงศักดิ์ มีบุคลิกสุภาพแต่แฝงความหึงหวง

เขาเป็นคนรักเก่าของวี ซึ่งเป็น reincarnation ของวาด ทำให้เติร์ดเข้ามาในชีวิตวีแบบไม่ทันตั้งตัว สร้างความขัดแย้งให้ซานที่กำลังตกหลุมรักวี เติร์ดแต่งตัวทันสมัย เช่น เสื้อเชิ้ตสูทและกางเกงสแล็คที่ดูหรูหรา สะท้อนฐานะ เขามีด้านลึกลับเพราะจำอดีตชาติได้บางส่วน ทำให้พยายามดึงวีกลับมา สร้างดราม่าหึงหวงและการต่อสู้ทางอารมณ์ เติร์ดไม่ใช่ตัวร้ายเต็มตัวแต่เป็นตัวละครที่เพิ่ม tension เช่น ฉากที่เขาเผชิญหน้ากับซานหรือช่วยวีจากอันตรายจากแก๊งมาเฟีย การแสดงของพลวิชญ์ทำให้เติร์ดดูมีมิติลึกซึ้ง ทั้งความสง่างามในอดีตและความสับสนในปัจจุบัน ท้ายเรื่องเขามีพัฒนาการปล่อยวางอดีต ช่วยคลี่คลายจุดไคลแมกซ์ โดยรวมแล้ว เติร์ดเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมเวรกรรมข้ามภพและการหึงหวง ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “เจ้าชายหึงหวง”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของเติร์ดที่เป็นหม่อมเจ้าหรือยศราชนิกุลแต่มีบุคลิกหึงหวงคนรัก ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่าเจ้าชายหึงหวงสะท้อนถึงฐานะสูงส่งและความหวงแหนที่สร้างดราม่า เติร์ดถูกเรียกแบบนี้เพราะในอดีตเป็นคู่หมั้นวาดและพยายามขัดขวางรักกับซาน ทำให้เกิดโมเมนต์ตึงเครียดในซีรีส์ เช่น เมื่อเขาปรากฏตัวในปัจจุบันและหึงวีที่ใกล้ชิดซาน ฉายานี้ยังเน้นด้านที่เติร์ดจำอดีตชาติได้ ทำให้พยายามดึงวีกลับมาแบบเจ้าชายในเทพนิยายแต่หึงโหด ฉายา “เจ้าชายหึงหวง” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความหรูหรากับดราม่า ทำให้เติร์ดดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง พลวิชญ์เล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็นคู่แข่งรักที่ไม่น่ารังเกียจแต่เพิ่ม spice ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากหึงหวงเป็นปล่อยวาง

ข้อคิด “การปล่อยวางอดีตนำพาไปสู่ความสุขที่แท้จริง”
ข้อคิดนี้จากตัวละครเติร์ดสอนให้เห็นว่าการยึดติดอดีตอาจนำพาความทุกข์ แต่การปล่อยวางสามารถเปิดทางให้ความสุขใหม่ เติร์ดในอดีตหึงหวงวาดจนนำไปสู่โศกนาฏกรรม แต่ในปัจจุบันเขาค่อยๆ เรียนรู้ที่จะปล่อยวีให้ไปกับซาน ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าอดีตเป็นบทเรียนไม่ใช่พันธนาการ อย่างในซีรีส์ที่เติร์ดเผชิญหน้ากับเวรกรรมข้ามภพและช่วยคลี่คลายดราม่า ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้เติร์ดเป็นตัวแทนการ reincarnation ที่ต้องปล่อยวาง สอนว่าการหึงหวงคืออุปสรรคแต่การเข้าใจคือทางออก ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับการเติบโต ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนติดอดีต ข้อคิดจากเติร์ดช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความสุขแท้จริงมาจากการปล่อยวาง พลวิชญ์ถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ เดือนเต็ม สาลิตุล รับบท ยายแจ่ม

c5142570 248b 11ee a721 cf60e120f622 webp original
เดือนเต็ม สาลิตุล

เธอเป็นผู้เฝ้าศาลเจ้าแม่กวนอิมรุ่นก่อน มีพื้นหลังจากครอบครัวที่สืบทอดหน้าที่เฝ้าศาลเจ้ามาหลายชั่วคน ทำให้รู้ความลับเกี่ยวกับศิลา 5 สีและคำสาปที่ซานต้องเผชิญ ยายแจ่มมีบุคลิกอบอุ่น ใจดี แต่แฝงความเข้มแข็งและภูมิปัญญาจากประสบการณ์ชีวิต เธอแต่งตัวแบบผู้สูงวัยธรรมดา เช่น เสื้อผ้าสบายๆ และผ้าคลุมไหล่ที่สะท้อนความเรียบง่าย แต่ศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่องเธอคอยให้คำปรึกษาซานเหมือนญาติผู้ใหญ่ เรียกเขาว่าลูกหลานแบบใกล้ชิด เพราะรู้เรื่องอมตะและการรอคอยคนรักมาร้อยปี ยายแจ่มยังเป็นกาวใจระหว่างซานกับวี โดยช่วยอธิบายเรื่องเหนือธรรมชาติและเวรกรรมข้ามภพ ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันมากขึ้น

เธอมีด้านตลกขบขันเล็กน้อย เช่น การดุซานแบบแม่ๆ เมื่อเขาสับสนเรื่องเพศของวี หรือช่วยปกป้องศิลาจากศัตรูอย่างแก๊งมาเฟีย ยายแจ่มไม่ใช่ตัวละครผู้ใหญ่แบบเดิมๆ ใน BL ที่มักเครียดหรือขัดขวาง แต่เธอเป็น supportive และ wise elder ที่เพิ่มมิติให้เรื่อง เธอช่วยเยียวยาความทุกข์ของซานด้วยคำพูดที่ลึกซึ้ง และคอยเตือนเรื่องความสำคัญของความรักที่เหนือกาลเวลา การแสดงของเดือนเต็มทำให้ยายแจ่มดูมีชีวิตชีวา ทั้งฉากดราม่าที่เธอเผยความลับและฉากอบอุ่นที่เธอเป็นที่พึ่งกลุ่ม ยายแจ่มยังมี backstory เล็กน้อยเกี่ยวกับการเฝ้าศาลที่ทำให้เธอเข้าใจภาระของซานดี ท้ายเรื่องเธอมีบทบาทสำคัญในการช่วยคลี่คลายจุดไคลแมกซ์ โดยรวมแล้ว ยายแจ่มเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมภูมิปัญญาและครอบครัว ทำให้ผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “ยายผู้เฝ้าศาลศักดิ์สิทธิ์”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของยายแจ่มที่เป็นผู้เฝ้าศาลเจ้าแม่กวนอิม ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเธอแบบนี้แบบเคารพ แต่คำว่าผู้เฝ้าศาลศักดิ์สิทธิ์สะท้อนถึงบทบาทในการปกป้องศิลา 5 สีและความลับเหนือธรรมชาติ ยายแจ่มถูกเรียกแบบนี้เพราะเธอรู้เรื่องคำสาปและเวรกรรม ทำให้เกิดโมเมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในซีรีส์ เช่น เมื่อเธอให้คำทำนายหรือช่วยซานตอนทรมานจากพระจันทร์เต็มดวง ฉายานี้ยังเน้นด้านที่ยายแจ่มเป็นเหมือนเทพผู้พิทักษ์ครอบครัว ช่วยเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันระหว่างซาน วี และจู ฉายา “ยายผู้เฝ้าศาลศักดิ์สิทธิ์” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความอบอุ่นกับดราม่า ทำให้ยายแจ่มดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง เดือนเต็มเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเธอเป็น elder character ที่ให้ภูมิปัญญา ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากยายธรรมดาเป็นผู้ปกป้องชะตารักของตัวเอก

ข้อคิด “ภูมิปัญญาจากผู้สูงวัยช่วยนำทางความรักและชีวิต”
ข้อคิดนี้จากตัวละครยายแจ่มสอนให้เห็นว่าภูมิปัญญาจากผู้สูงวัยสามารถนำทางผ่านอุปสรรคในความรักและชีวิต ยายแจ่มเติบโตจากประสบการณ์เฝ้าศาลแต่ใช้ความรู้ในการให้คำปรึกษาซานกับวี ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าผู้ใหญ่คือแหล่งความรู้ที่ช่วยคลี่คลายปัญหา อย่างในซีรีส์ที่ยายแจ่มอธิบายเรื่องเวรกรรมและความรักเหนือเพศ แม้จะเผชิญคำสาป ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ยายแจ่มเป็นตัวแทนภูมิปัญญาที่ปกป้องศิลา สอนว่าการฟังคำเตือนจากผู้เฒ่าคือการเปิดใจรับทางออก ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ elder wisdom ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนมองข้ามผู้สูงวัย ข้อคิดจากยายแจ่มช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าภูมิปัญญาแท้จริงมาจากการเฝ้าดูและเข้าใจ เดือนเต็มถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล รับบท มิสเตอร์เฉิน

hq720
เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล

เขาเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียจีนในโลกปัจจุบัน มีพื้นหลังจากธุรกิจมืดที่เกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนและอิทธิพลใต้ดิน ทำให้มีบุคลิกกระด้าง โหดร้าย และโลภมาก มิสเตอร์เฉินรู้เรื่องศิลา 5 สีจากตำนานเก่าแก่ จึงหมายปองพลังอมตะเพื่อยืดชีวิตตัวเองและขยายอำนาจแก๊ง เขาแต่งตัวแบบนักธุรกิจมืด เช่น สูทดำหรูหราและเครื่องประดับที่ดูข่มขู่ สะท้อนความร่ำรวยแต่แฝงอันตราย ในเรื่องเขาส่งลูกน้องอย่างฉงและคนอื่นๆ ไล่ล่าซานกับวีเพื่อชิงศิลา สร้างความวุ่นวายและแอคชั่นดุเดือด เช่น ฉากบุกศาลเจ้าแม่หรือเผชิญหน้ากับซานที่ใช้ศิลษะต่อสู้ มิสเตอร์เฉินไม่ใช่ตัวร้ายแบนๆ แต่มีมิติจากความปรารถนาชีวิตนิรันดร์ที่มาจากความกลัวความตายและความทะเยอทะยาน

เขามีด้านฉลาดแกมโกง คอยวางแผนลวงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่สุดท้ายความโลภทำให้เขาพลาดท่า การแสดงของเพ็ญเพ็ชรทำให้มิสเตอร์เฉินดูมีพลัง ทั้งฉากดุร้ายที่เขาสั่งฆ่าหรือฉากเจรจาที่แฝงเล่ห์เหลี่ยม ท้ายเรื่องเขาถูกกำราบจากพลังรักของตัวเอกและคำสาปที่หวนกลับ โดยรวมแล้ว มิสเตอร์เฉินเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมความโลภและการต่อสู้ระหว่างดีกับชั่ว ทำให้เรื่องมี tension สูงและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “มาเฟียโลภอมตะ”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของมิสเตอร์เฉินที่เป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียแต่โลภอยากได้ชีวิตอมตะ ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่ามาเฟียโลภอมตะสะท้อนถึงความทะเยอทะยานที่เกินพอดี มิสเตอร์เฉินถูกเรียกแบบนี้เพราะเขาหมายปองศิลา 5 สีเพื่อความเป็นอมตะ ทำให้เกิดโมเมนต์ตึงเครียดในซีรีส์ เช่น เมื่อเขาสั่งลูกน้องบุกชิงศิลาหรือเผชิญหน้ากับซานที่ปกป้องมัน ฉายานี้ยังเน้นด้านที่มิสเตอร์เฉินเป็นนักธุรกิจมืดที่มีอิทธิพลแต่ถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภ ทำให้เรื่องมีตัวร้ายที่ดูน่าเชื่อถือ ฉายา “มาเฟียโลภอมตะ” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความดุเดือดกับดราม่า ทำให้มิสเตอร์เฉินดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง เพ็ญเพ็ชรเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็นวายร้ายที่เพิ่ม spice ให้เรื่อง ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากโลภมากเป็นถูกทำลายจากความโลภตัวเอง

ข้อคิด “ความโลภนำพาไปสู่ความพินาศ”
ข้อคิดนี้จากตัวละครมิสเตอร์เฉินสอนให้เห็นว่าความโลภที่เกินพอดีสามารถนำพาไปสู่จุดจบที่ย่อยยับ มิสเตอร์เฉินเต็มไปด้วยอำนาจแต่ยังโลภอยากได้อมตะจากศิลา ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าความปรารถนาไร้ขีดจำกัดคือหายนะ อย่างในซีรีส์ที่มิสเตอร์เฉินไล่ล่าศิลาจนเสียลูกน้องและถูกหวนกลับจากคำสาป ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้มิสเตอร์เฉินเป็นตัวแทนความชั่วที่ถูกกำราบจากรักบริสุทธิ์ สอนว่าการโลภคืออุปสรรคแต่การพอเพียงคือทางรอด ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับจริยธรรม ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนไล่ล่าความสำเร็จแบบไร้ขอบเขต ข้อคิดจากมิสเตอร์เฉินช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความพินาศแท้จริงมาจากความโลภ เพ็ญเพ็ชรถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร รับบท ฉง

จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร

เขาเป็นมือขวาหรือลูกน้องคนสนิทของมิสเตอร์เฉิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียจีนในโลกปัจจุบัน มีพื้นหลังจากชีวิตใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนและความรุนแรง ทำให้มีบุคลิกดุดัน ภักดี และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเจ้านาย ฉงแต่งตัวแบบมาเฟียสมัยใหม่ เช่น เสื้อแขนสั้นกางเกงยีนส์และเสื้อคลุมที่ดูโหดๆ สะท้อนความเป็นนักเลงแต่แฝงความฉลาดแกมโกง ในเรื่องเขามีบทบาทสำคัญในการไล่ล่าศิลา 5 สีตามคำสั่งมิสเตอร์เฉิน เพื่อให้เจ้านายได้ชีวิตอมตะ เขาส่งคนไปบุกศาลเจ้าแม่หรือเผชิญหน้ากับซานและวี สร้างฉากแอคชั่นดุเดือด เช่น การต่อสู้มือเปล่าหรือไล่ล่าด้วยรถ ฉงไม่ใช่ตัวร้ายแบนๆ แต่มีมิติจากความจงรักภักดีที่เกือบจะเป็นด้านดี

ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ฝั่งผิด เขามีด้านตลกขบขันเล็กน้อย เช่น การพูดจาแบบนักเลงที่ทำให้เกิดโมเมนต์เบรกความเครียด หรือการพลาดท่าเพราะความหุนหันพลันแล่น การแสดงของจิราวัฒน์ทำให้ฉงดูมีพลัง ทั้งฉากดุร้ายที่เขาสั่งลูกน้องหรือฉากเจรจาที่แฝงเล่ห์เหลี่ยม ท้ายเรื่องเขาถูกกำราบจากพลังรักของตัวเอกและอาจมีพัฒนาการไถ่บาปหรือถูกจับ โดยรวมแล้ว ฉงเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมความภักดีที่ผิดทางและการต่อสู้ระหว่างดีกับชั่ว ทำให้เรื่องมี tension สูงและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “มือขวาจงรัก”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของฉงที่เป็นมือขวาของมิสเตอร์เฉินแต่จงรักภักดีสุดๆ ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่ามือขวาจงรักสะท้อนถึงความภักดีที่เกือบจะเป็นด้านดี ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ฝั่งร้าย ฉงถูกเรียกแบบนี้เพราะเขาทำทุกอย่างตามคำสั่งเจ้านาย ทำให้เกิดโมเมนต์ตึงเครียดในซีรีส์ เช่น เมื่อเขานำทีมบุกชิงศิลา 5 สีหรือปกป้องมิสเตอร์เฉินจากศัตรู ฉายานี้ยังเน้นด้านที่ฉงเป็นนักเลงที่มีจรรยาบรรณในแบบของตัวเอง ทำให้เรื่องมีตัวร้ายที่ดูน่าเชื่อถือ ฉายา “มือขวาจงรัก” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความดุเดือดกับดราม่า ทำให้ฉงดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง จิราวัฒน์เล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็นลูกน้องที่เพิ่ม spice ให้เรื่อง ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากภักดีผิดทางเป็นถูกทำลายจากความภักดีนั้น

ข้อคิด “ความภักดีที่ผิดทางนำพาไปสู่จุดจบ”
ข้อคิดนี้จากตัวละครฉงสอนให้เห็นว่าความภักดีที่มอบให้คนผิดสามารถนำพาไปสู่หายนะและความสูญเสีย ฉงเต็มไปด้วยความจงรักต่อมิสเตอร์เฉินแต่ยังไล่ล่าศิลาเพื่อความโลภ ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าภักดีต้องมีจรรยาบรรณ อย่างในซีรีส์ที่ฉงช่วยเจ้านายจนเสียลูกน้องและถูกหวนกลับจากคำสาป ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ฉงเป็นตัวแทนความชั่วที่ถูกกำราบจากรักบริสุทธิ์ สอนว่าการภักดีคือดาบสองคมแต่การเลือกข้างที่ถูกต้องคือทางรอด ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับจริยธรรม ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนภักดีแบบตาบอด ข้อคิดจากฉงช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าจุดจบแท้จริงมาจากการภักดีผิด จิราวัฒน์ถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ปรัตถกร คัยนันทน์ รับบท ต้น

e5f185d0 2b6b 11ee 8c45 dd4e4dcad47f webp original
ปรัตถกร คัยนันทน์

เขาเป็นเพื่อนสนิทของวีในกลุ่มแก๊งเพื่อนวัยรุ่นปัจจุบัน มีพื้นหลังจากชีวิตธรรมดาแต่เต็มไปด้วยพลังบวก ทำให้มีบุคลิกขี้เล่น กวนตีน แต่แฝงความจริงใจและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนเสมอ ต้นแต่งตัวแบบวัยรุ่นทั่วไป เช่น เสื้อยืดกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบที่ดูชิลๆ สะท้อนความสบายๆ ไม่เรื่องมาก ในเรื่องเขาอยู่ในกลุ่มเพื่อนกับวีและจู คอยสร้างสีสันและโมเมนต์ตลก เช่น การแซววีเรื่องความรักหรือช่วยวีหลบหนีจากปัญหาครอบครัว ต้นมีด้าน observant ที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของวีเมื่อเจอซาน ทำให้เขาช่วยผลักดันหรือปกป้องเพื่อนจากอันตรายที่ตามมา เช่น การไล่ล่าจากแก๊งมาเฟียที่หมายปองศิลา 5 สี

ต้นไม่ใช่ตัวละครหลักแต่เป็นกาวใจกลุ่มเพื่อนที่ทำให้เรื่องไม่หนักเกินไป เขามีโมเมนต์คอมเมดี้เยอะ เช่น การงงกับเรื่องเหนือธรรมชาติหรือแซวซานแบบไม่เกรงใจ การแสดงของปรัตถกรทำให้ต้นดูมีชีวิตชีวา ทั้งฉากสนุกที่เขากวนเพื่อนและฉากจริงจังที่เขาช่วยเหลือในสถานการณ์คับขัน ต้นยังมี backstory เล็กน้อยเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นที่ทำให้เขาเข้าใจปมของวีดี ท้ายเรื่องเขามีบทบาทในการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ โดยรวมแล้ว ต้นเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมมิตรภาพวัยรุ่นและการสนับสนุนเพื่อน ทำให้เรื่องมีสีสันและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “เพื่อนกวนประสาท”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของต้นที่เป็นเพื่อนซี้แต่ชอบกวนตีนและแซวไม่หยุด ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่าเพื่อนกวนประสาทสะท้อนถึงความขี้เล่นที่ช่วยเบรกความดราม่า ต้นถูกเรียกแบบนี้เพราะเขาชอบแซววีเรื่องความรักหรืองงกับซาน ทำให้เกิดโมเมนต์ตลกในซีรีส์ เช่น เมื่อเขาช่วยวีแต่ยังแซวไม่เลิก ฉายานี้ยังเน้นด้านที่ต้นเป็นเพื่อนที่จริงใจแม้จะกวน ทำให้เรื่องมีสีสันและไม่เครียดเกิน ฉายา “เพื่อนกวนประสาท” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความสนุกกับดราม่า ทำให้ต้นดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ปรัตถกรเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็น comic relief ที่เพิ่มความสดใส ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากกวนตีนเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้

ข้อคิด “มิตรภาพแท้คือการกวนแต่ไม่ทิ้งกัน”
ข้อคิดนี้จากตัวละครต้นสอนให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างแม้จะกวนตีนหรือแซวกัน ต้นเต็มไปด้วยพลังบวกแต่ยังช่วยวีในยามคับขัน ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่ามิตรภาพไม่ต้องจริงจังตลอดแต่ต้องมีกันในตอนยาก อย่างในซีรีส์ที่ต้นแซววีแต่ยังปกป้องจากอันตราย ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ต้นเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนที่ช่วยคลี่คลายดราม่า สอนว่าการกวนคือการแสดงความรักในแบบของตัวเอง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ friendship ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนขาดเพื่อนแท้ ข้อคิดจากต้นช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่ามิตรภาพแท้จริงมาจากการไม่ทิ้งกัน ปรัตถกรถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ กรวิชญ์ สารสิน รับบท ซินแสเต่า

png
กรวิชญ์ สารสิน

เขาเป็นหมอดูหรือซินแสจีนรุ่นใหม่ที่มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ เวทมนตร์ และตำนานเก่าแก่ โดยเฉพาะศิลา 5 สีกับคำสาปอมตะ มีพื้นหลังจากตระกูลซินแสที่สืบทอดวิชามาหลายรุ่น ทำให้มีบุคลิกสุขุม ลึกลับ แต่แฝงความใจดีและอยากช่วยเหลือคน ซินแสเต่าแต่งตัวแบบผสมผสานระหว่างสมัยใหม่กับโบราณ เช่น เสื้อแขนยาวจีนผสมกางเกงยีนส์หรือเครื่องรางที่ห้อยคอ สะท้อนความเป็นคนทันสมัยแต่ยังยึดติดตำราเก่า ในเรื่องเขาเป็นคนที่ซานมาขอคำปรึกษาเรื่องการกลับชาติมาเกิดของวาดและวิธีคลายคำสาป

เขาช่วยอธิบายปริศนาว่าทำไมวีถึงเป็นผู้ชาย หรือทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิด เช่น อันตรายจากแก๊งมาเฟียหรือจุดไคลแมกซ์ของคำสาป ซินแสเต่าไม่ใช่แค่หมอดูธรรมดาแต่เป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ คอยให้คำใบ้สำคัญที่ทำให้ตัวเอกเข้าใจชะตากรรมตัวเอง เขามีด้านตลกเบาๆ เช่น การพูดภาษาจีนโบราณที่ทำให้ซานงง หรือแซวเรื่องรักต่างเพศ การแสดงของกรวิชญ์ทำให้ซินแสเต่าดูมีเสน่ห์ลึกลับ ทั้งฉากทำนายที่จริงจังและฉากช่วยเหลือที่อบอุ่น เขายังมีโมเมนต์ร่วมกับจูหรือยายแจ่มในการปกป้องศาลเจ้า ท้ายเรื่องเขามีบทบาทช่วยคลี่คลายเวรกรรมข้ามภพ โดยรวมแล้ว ซินแสเต่าเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมโชคชะตาและการทำนาย ทำให้เรื่องมีกลิ่นอายเหนือธรรมชาติเข้มข้นและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “ซินแสปริศนา”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของซินแสเต่าที่เป็นหมอดูแต่พูดเป็นปริศนาและใบ้คำทำนาย ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่าซินแสปริศนาสะท้อนถึงความรู้ลึกซึ้งที่เขาไม่เคยบอกตรงๆ ซินแสเต่าถูกเรียกแบบนี้เพราะเขาชอบพูดอุปมาเปรียบเทียบเรื่องศิลากับคำสาป ทำให้เกิดโมเมนต์ลุ้นในซีรีส์ เช่น เมื่อเขาบอกซานว่าคนรักกลับมาแต่ “ไม่เหมือนเดิม” ฉายานี้ยังเน้นด้านที่เขาเป็นคนทันสมัยแต่ยึดตำราเก่า ทำให้เรื่องมีตัวละครที่ดูเท่ลึกลับ ฉายา “ซินแสปริศนา” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความศักดิ์สิทธิ์กับดราม่า ทำให้ซินแสเต่าดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง กรวิชญ์เล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็น mystic character ที่เพิ่มความน่าติดตาม ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากใบ้ปริศนาเป็นคนที่ช่วยคลายคำสาปจริงๆ

ข้อคิด “ฟังคำทำนายแต่ชะตาชีวิตกำหนดได้ด้วยตัวเอง”
ข้อคิดนี้จากตัวละครซินแสเต่าสอนให้เห็นว่าคำทำนายเป็นแค่แนวทาง แต่ชะตาชีวิตสุดท้ายขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง ซินแสเต่าทำนายเรื่องศิลากับคำสาปแต่เน้นว่าความรักแท้คือกุญแจคลายทุกอย่าง ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าอย่ายึดติดโชคชะตาแต่ต้องลงมือเปลี่ยน อย่างในซีรีส์ที่เขาบอกซานว่าวีคือคนนั้นแต่ซานต้องเปิดใจเอง ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ซินแสเต่าเป็นตัวแทนคำทำนายที่ไม่ตายตัว สอนว่าการฟังคำเตือนคือปัญญาแต่การตัดสินใจคือพลัง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ free will ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนเชื่อโหราศาสตร์มากเกินไป ข้อคิดจากซินแสเต่าช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าชะตากำหนดได้ด้วยใจ กรวิชญ์ถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ตรึงตา โฆษิตชัยมงคล รับบท รัตน์

vXWJpX 5c
ตรึงตา โฆษิตชัยมงคล

เธอเป็นแม่ของวีในโลกปัจจุบัน มีพื้นหลังจากชีวิตครอบครัวที่แตกสลายเพราะปัญหาการเงินและความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว ทำให้มีบุคลิกเหนื่อยล้า กดดัน และแฝงความเห็นแก่ตัวเพื่อเอาตัวรอด รัตน์แต่งตัวแบบแม่บ้านทั่วไปที่ดูโทรมๆ เช่น เสื้อผ้าธรรมดาและผมที่ไม่เซ็ต สะท้อนชีวิตที่ยากลำบาก ในเรื่องเธอเป็นต้นเหตุของปมครอบครัววี เช่น การทิ้งวีไว้กับพ่อที่ติดเหล้าหรือกลับมาขอเงินจากลูกชายเพื่อใช้หนี้พนัน ทำให้วีต้องแบกรับภาระตั้งแต่อายุน้อย รัตน์ไม่ใช่แม่เลวเต็มตัวแต่เป็นคนที่ถูกชีวิตบีบคั้นจนเลือกทางผิด เธอมีโมเมนต์ดราม่าเยอะ เช่น การทะเลาะกับวีหรือพยายามดึงลูกชายกลับมาเพื่อผลประโยชน์

การปรากฏตัวของเธอสร้างความเปราะบางให้วี และทำให้ซานเข้าใจ backstory ของคนรักมากขึ้น รัตน์ยังมีด้านสำนึกผิดตอนท้ายที่ค่อยๆ ไถ่บาป เช่น การยอมรับความผิดพลาดหรือช่วยวีจากอันตราย การแสดงของตรึงตาทำให้รัตน์ดูสมจริง ทั้งฉากทะเลาะที่ดุเดือดและฉากน้ำตาที่ซึ้ง ท้ายเรื่องเธอมีพัฒนาการปล่อยวีให้มีความสุขกับซาน โดยรวมแล้ว รัตน์เป็นตัวละครที่สะท้อนธีมครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบและการไถ่บาป ทำให้เรื่องมีมิติทางอารมณ์ลึกและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “แม่ปมดราม่า”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของรัตน์ที่เป็นแม่แต่สร้างปมดราม่าให้ลูกชาย ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเธอแบบนี้แบบขำๆ แต่คำว่าแม่ปมดราม่าสะท้อนถึงบทบาทที่เป็นต้นเหตุความทุกข์ของวี รัตน์ถูกเรียกแบบนี้เพราะเธอชอบกลับมาขอเงินหรือทะเลาะกับวี ทำให้เกิดโมเมนต์หนักๆ ในซีรีส์ เช่น เมื่อเธอทิ้งวีไว้กับพ่อที่ไม่เอาไหน ฉายานี้ยังเน้นด้านที่รัตน์เป็นแม่ที่ชีวิตพังจนเห็นแก่ตัวแต่ยังมีความรักลูกในแบบผิดๆ ทำให้เรื่องมีตัวละครแม่ที่ดูสมจริง ฉายา “แม่ปมดราม่า” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความดราม่ากับความสมจริง ทำให้รัตน์ดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ตรึงตาเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเธอเป็นแม่ที่ทำให้อินและเข้าใจปมวี ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากสร้างปมเป็นไถ่บาป

ข้อคิด “ครอบครัวที่แตกสลายยังไถ่บาปได้ด้วยความเข้าใจ”
ข้อคิดนี้จากตัวละครรัตน์สอนให้เห็นว่าครอบครัวที่พังทลายยังมีโอกาสเยียวยาได้ด้วยการยอมรับผิดและความเข้าใจ รัตน์สร้างปมให้วีแต่ค่อยๆ สำนึกและปล่อยลูกไป ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่จุดจบ อย่างในซีรีส์ที่รัตน์กลับมาขอโทษและยอมรับความสุขของวี ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้รัตน์เป็นตัวแทนปมมนุษย์ที่ต้องคลายด้วยรัก สอนว่าการเป็นพ่อแม่คือการเสียสละไม่ใช่ครอบครอง ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ family issues ในสังคมปัจจุบันที่หลายครอบครัวแตกแยก ข้อคิดจากรัตน์ช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าการไถ่บาปแท้จริงมาจากใจ ตรึงตาถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ณัชพงศ์พล สุดดี รับบท สุชาติ

ID 42472 5e7d6fe9ad4a8
ณัชพงศ์พล สุดดี

เขาเป็นพ่อของวีในโลกปัจจุบัน มีพื้นหลังจากชีวิตที่เคยรุ่งเรืองแต่พังพินาศเพราะติดการพนันและเหล้า ทำให้มีบุคลิกหยาบกระด้าง ขี้เมา และเห็นแก่ตัวสุดขีด สุชาติแต่งตัวแบบคนตกอับ เช่น เสื้อยืดเก่าๆ กางเกงขาดๆ และกลิ่นเหล้าตลบอบ สะท้อนชีวิตที่ล้มเหลว ในเรื่องเขาเป็นต้นเหตุหลักของความเปราะบางในใจวี เพราะชอบทิ้งลูกชายไว้คนเดียว กลับมาทวงเงิน หรือทำร้ายร่างกายและจิตใจวีตั้งแต่เด็ก ทำให้วีต้องเติบโตมาด้วยความกลัวและขาดที่พึ่ง สุชาติไม่ใช่พ่อเลวแบบแบนๆ แต่เป็นคนที่เคยรักครอบครัวแต่ถูกอบายมุขกลืนกินจนสูญเสียทุกอย่าง

เขามีโมเมนต์ดราม่าเยอะ เช่น การเมาแล้วมาหาวีเพื่อขอเงิน หรือทะเลาะกับรัตน์อดีตภรรยา การปรากฏตัวของเขาสร้างความตึงเครียดและทำให้ซานอยากปกป้องวีมากขึ้น สุชาติยังมีด้านสำนึกผิดตอนท้ายที่ค่อยๆ ปรากฏ เช่น การเห็นลูกชายมีความสุขแล้วรู้สึกผิด หรือพยายามเลิกเหล้าแต่ไม่สำเร็จ การแสดงของณัชพงศ์พลทำให้สุชาติดูสมจริงและน่าสงสารในบางมุม ทั้งฉากเมาแล้วตะโกนด่าลูกและฉากน้ำตาที่ซึ้งตอนสำนึกผิด ท้ายเรื่องเขามีพัฒนาการปล่อยวีให้ไปมีชีวิตใหม่ โดยรวมแล้ว สุชาติเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมครอบครัวพิการและผลกระทบจากอบายมุข ทำให้เรื่องมีมิติทางสังคมลึกและผู้ชมอินตามได้ง่าย

ฉายา “พ่อติดเหล้า”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของสุชาติที่ติดเหล้าจนชีวิตพังและทำร้ายลูก ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาแบบนี้แบบตรงๆ แต่คำว่าพ่อติดเหล้าสะท้อนถึงปัญหาสังคมที่เขานำเสนอ สุชาติถูกเรียกแบบนี้เพราะชอบเมาแล้วมาหาวีขอเงินหรือทำร้าย ทำให้เกิดโมเมนต์หนักๆ ในซีรีส์ เช่น เมื่อเขากลับบ้านเมาแล้วตีลูก ฉายานี้ยังเน้นด้านที่สุชาติเคยเป็นพ่อที่ดีแต่ถูกเหล้ากลืนกิน ทำให้เรื่องมีตัวละครพ่อที่ดูสมจริง ฉายา “พ่อติดเหล้า” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความดราม่ากับความน่าสงสาร ทำให้สุชาติดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ณัชพงศ์พลเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเขาเป็นพ่อที่ทำให้เข้าใจปมวีและสะท้อนปัญหาครอบครัวจริง ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพัฒนาการจากติดเหล้าเป็นพยายามไถ่บาป

ข้อคิด “อบายมุขทำลายครอบครัว แต่การสำนึกผิดยังไม่สาย”
ข้อคิดนี้จากตัวละครสุชาติสอนให้เห็นว่าการติดเหล้าหรือพนันสามารถทำลายครอบครัวได้อย่างสิ้นเชิง แต่ถ้ายังมีลมหายใจ การสำนึกผิดและเปลี่ยนแปลงก็ยังทัน สุชาติสร้างบาดแผลให้วีแต่ตอนท้ายเริ่มเห็นความผิดพลาด ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าอบายมุขคือจุดเริ่มต้นของหายนะ อย่างในซีรีส์ที่สุชาติเห็นวีมีความสุขแล้วน้ำตาไหล ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้สุชาติเป็นตัวแทนปมมนุษย์ที่ต้องคลายด้วยความเข้าใจ สอนว่าการเป็นพ่อแม่ที่ผิดพลาดยังมีโอกาสแก้ตัวได้ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ addiction ในสังคมปัจจุบันที่หลายครอบครัวพังเพราะเหล้า ข้อคิดจากสุชาติช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าการเลิกอบายมุขคือการให้โอกาสตัวเองและคนที่รัก ณัชพงศ์พลถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ด.ช.ชญาณณ อัครดำรงเดช รับบท ซาน (เด็ก)

เขาปรากฏในฉากย้อนอดีตช่วงปี 1920s เป็นเด็กจีนอพยพตัวเล็กๆ ที่เพิ่งมาถึงเมืองไทยกับครอบครัว แต่โชคร้ายถูกทำร้ายจนเกือบตายจากความขัดแย้งแก๊งจีนหรืออุบัติเหตุรุนแรง เด็กซานมีบุคลิกขี้อาย หวาดกลัวโลก แต่แฝงความเข้มแข็งและความอยากมีชีวิตอยู่สุดชีวิต เขาแต่งตัวแบบเด็กจีนโบราณ เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น ผมสั้นๆ และดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ในเรื่องเด็กซานคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพราะหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาถูกคุณวาดช่วยชีวิตด้วยศิลา 5 สีครั้งแรก ทำให้เกิดความผูกพันลึกซึ้งตั้งแต่เด็ก

ฉากที่เด่นสุดคือตอนเขานอนบาดเจ็บหนักแล้วมองวาดด้วยสายตาขอบคุณและหลงรักแบบเด็กๆ หรือตอนฟื้นแล้ววิ่งตามวาดไม่ยอมห่าง การแสดงของน้องชญาณณทำให้เด็กซานดูน่าสงสารและน่ารักในเวลาเดียวกัน ทั้งฉากร้องไห้ที่สะเทือนใจและฉากยิ้มที่ทำให้คนดูใจละลาย เด็กซานยังเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ในรักครั้งแรกที่ซานเก็บไว้ในใจตลอดร้อยปี แม้จะปรากฏแค่ไม่กี่ตอนแต่ขโมยซีนหนักมาก เพราะทำให้คนดูเข้าใจว่าทำไมซานถึงรักวาดขนาดยอมแลกชีวิตอมตะ โดยรวมแล้ว ซานเด็กคือตัวละครที่สะท้อนธีมความรักที่เริ่มจากความเมตตาและความไร้เดียงสา ทำให้เรื่องมีมิติย้อนอดีตที่อบอุ่นและเจ็บปวดในคราวเดียว

ฉายา “เด็กน้อยตาใส”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของซานเด็กที่มีดวงตากลมโตใสแจ๋วและไร้เดียงสา ทำให้คนรอบข้างและแฟนๆ เรียกเขาว่าเด็กน้อยตาใสแบบเอ็นดูสุดๆ แต่คำว่าเด็กน้อยตาใสสะท้อนถึงความบริสุทธิ์ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นรักนิรันดร์ เด็กซานถูกเรียกแบบนี้เพราะฉากที่เขามองวาดด้วยตาแป๋วขณะบาดเจ็บหนัก ทำให้เกิดโมเมนต์ฟินและสะเทือนใจในซีรีส์ เช่น ตอนเขายิ้มขอบคุณวาดครั้งแรก ฉายานี้ยังเน้นด้านที่น้องชญาณณเล่นตาได้โตและแสดงความรู้สึกผ่านสายตาได้ดีมาก ทำให้เรื่องมีตัวละครเด็กที่ดูน่าเอ็นดู ฉายา “เด็กน้อยตาใส” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความน่ารักกับดราม่า ทำให้ซานเด็กดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง น้องชญาณณเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าน้องขโมยซีนต้าห์อู๋ไปเลย ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนความรักแรกที่ซานเก็บไว้มาร้อยปี

ข้อคิด “ความเมตตาเล็กๆ สามารถเปลี่ยนชีวิตใครได้ทั้งชีวิต”
ข้อคิดนี้จากตัวละครซานเด็กสอนให้เห็นว่าการช่วยเหลือเล็กๆ ด้วยใจบริสุทธิ์สามารถกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปาฏิหาริย์ใหญ่ เด็กซานเกือบตายแต่ได้รับความเมตตาจากวาดด้วยศิลา 5 สี ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าความดีที่เราทำกับใครสักคนอาจเปลี่ยนชะตาเขาไปตลอดกาล อย่างในซีรีส์ที่เด็กซานรอดมาได้เพราะความเมตตาของวาด และเติบโตมารักเธอจนยอมแลกอมตะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้เด็กซานเป็นจุดตั้งต้นของรักข้ามภพ สอนว่าความเมตตาในวัยเด็กคือรากฐานของความรักที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ kindness ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนมองข้ามการช่วยเหลือเล็กๆ ข้อคิดจากซานเด็กช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าการยื่นมือช่วยใครสักคนอาจเป็นปาฏิหาริย์ของเขา น้องชญาณณถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ น้ำตาไหลและนำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ทนงศักดิ์ ศุภการ รับบท ซินแสฮง (รับเชิญ)

222111012119351
ทนงศักดิ์ ศุภการ

เขาเป็นซินแสจีนอาวุโสที่มีวิชาแก่กล้าในยุคอดีตช่วงปี 1920s ปรากฏตัวในฉากย้อนอดีตตอนซานยังเป็นเด็กและเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ซินแสฮงมีบุคลิกสุขุม ลึกลับ และเต็มไปด้วยความรู้ตำราโบราณ แต่งตัวแบบซินแสจีนแท้ๆ เสื้อแขนยาวผ้าจีน หมวกใบใหญ่ หนวดยาว และถือไม้เท้าที่ดูมีพลัง เขาเป็นคนแรกที่นำศิลา 5 สีมาใช้รักษาซานเด็กที่เกือบตาย หรืออย่างน้อยก็เป็นคนรู้ความลับของศิลาและเจ้าแม่กวนอิมมากที่สุดในยุคนั้น ซินแสฮงคอยเตือนซานเกี่ยวกับราคาของคำสัญญากับเจ้าแม่ เช่น การต้องทรมานทุกพระจันทร์เต็มดวง และบอกใบ้ว่าความรักครั้งนี้จะยิ่งใหญ่แต่เจ็บปวด เขายังเป็นคนที่ช่วยซานเข้าใจพลังศิลาและวิธีใช้มันในตอนแรก

แม้จะโผล่มาแค่ 1-2 ฉากแต่บทพูดของเขาหนักแน่นและขลังจนคนดูขนลุก การแสดงของทนงศักดิ์ทำให้ซินแสฮงดูเป็นปูชนียบุคคลที่เหมือนเทพมาช่วยจุดประกายชะตาให้ซาน ฉากที่เด่นสุดคือตอนเขาทำพิธีหรือพูดกับเจ้าแม่ในศาล ทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวละครนี้คือรากฐานของคำสาปและปาฏิหาริย์ทั้งเรื่อง แม้รับเชิญแต่เขาทิ้งรอยประทับลึกจนแฟนๆ พูดถึงกันเยอะ โดยรวมแล้ว ซินแสฮงเป็นตัวละครที่สะท้อนธีมโชคชะตาและคำสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เรื่องมีกลิ่นอายตำนานจีน-ไทยเข้มข้นตั้งแต่ต้น

ฉายา “ซินแสขลังรับเชิญ”
ฉายานี้มาจากลักษณะเด่นของซินแสฮงที่โผล่มาแค่รับเชิญแต่ขลังจนคนดูขนลุก ทำให้แฟนๆ เรียกเขาว่าซินแสขลังรับเชิญแบบยกย่อง แต่คำว่าขลังรับเชิญสะท้อนถึงพลังการแสดงที่หนักแน่นแม้บทน้อย ซินแสฮงถูกเรียกแบบนี้เพราะบทพูดและท่าทางที่เหมือนหลุดมาจากตำนานจริงๆ ทำให้เกิดโมเมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในซีรีส์ เช่น ตอนเขาพูดถึงราคาของอมตะหรือทำพิธีรักษาซานเด็ก ฉายานี้ยังเน้นด้านที่ทนงศักดิ์เล่นได้ขลังจนคนดูเชื่อว่ามีซินแสแบบนี้จริง ฉายา “ซินแสขลังรับเชิญ” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความลึกลับกับความประทับใจ ทำให้ซินแสฮงดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ทนงศักดิ์เล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าแค่โผล่มาหน่อยแต่ขโมยซีนทั้งเรื่อง ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนพลังการแสดงอาวุโสที่ยกระดับซีรีส์ขึ้นไปอีกขั้น

ข้อคิด “คำสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ”
ข้อคิดนี้จากตัวละครซินแสฮงสอนให้เห็นว่าการขอพรหรือทำสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยฟรี ต้องมีราคาที่ต้องชดใช้ ซินแสฮงเป็นคนเตือนซานตั้งแต่แรกว่าการได้อมตะเพื่อรอคนรักต้องแลกกับความทรมาน ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าทุกความปรารถนามีเงื่อนไข อย่างในซีรีส์ที่เขาบอกชัดว่าศิลา 5 สีให้พลังแต่ก็เรียกเก็บราคา ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้ซินแสฮงเป็นปากเสียงของเจ้าแม่ สอนว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ต้องผ่านการพิสูจน์และเสียสละ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ karma ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนขอพรโดยไม่คิดถึงราคา ข้อคิดจากซินแสฮงช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการต้องพร้อมจ่าย ทนงศักดิ์ถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง

→ ปรียานัฐ ปะติเต รับบท สาวสวย (รับเชิญ)

ปรียานัฐ ปะติเต

เธอปรากฏตัวแค่ตอนกลางเรื่องในฉากที่ซานกำลังสับสนเรื่องความรู้สึกต่อวีมากๆ มีพื้นหลังเป็นสาวสวยลึกลับที่เดินเข้ามาในร้านขายยาจีนของซานหรือบังเอิญเจอกันที่ไหนสักแห่ง เธอแต่งตัวจัดเต็ม ชุดรัดรูปสีแดงหรือดำ เผยหุ่นเป๊ะ ผมยาวสลวย และเมคอัพจัดจ้าน สะท้อนความมั่นใจและเสน่ห์แรงสูง ในเรื่องเธอเป็น “บททดสอบ” จากเจ้าแม่กวนอิมหรือโชคชะตาที่ส่งมาเพื่อล่อใจซานโดยเฉพาะ เพราะศิลา 5 สีจะเรืองแสงและมีกลิ่นหอมดึงดูดเมื่อเจอคนที่เป็น reincarnation จริงๆ แต่สาวสวยคนนี้มีกลิ่นหอมแบบเดียวกันเป๊ะ ทำให้ซานเข้าใจผิดคิดว่าเธอคือวาดกลับชาติมาเกิด เธอจีบซานตรงๆ ชวนไปเดท ชวนดื่ม และเกือบจะถึงเนื้อถึงตัวกันในคืนนั้น

ฉากที่เด่นสุดคือตอนเธอเข้าใกล้ซานแบบใกล้ชิดมาก จูบคอหรือกระซิบข้างหู ทำให้ซานที่ไม่เคยแตะต้องใครมาร้อยปีเกือบเผลอตัว การแสดงของปรียานัฐทำให้สาวสวยดูเย้ายวนแต่ไม่น่ารังเกียจ เป็นตัวละครที่เซ็กซี่แบบมีคลาสและมีเสน่ห์ดึงดูดสูง หลังจากซานปฏิเสธเธอถึงรู้ว่าผิดคน เธอก็หายไปแบบลึกลับ ทิ้งไว้แค่ความสับสนและบทเรียนให้ซานเข้าใจว่าความรู้สึกจริงๆ สำคัญกว่ากลิ่นหรือสัญญาณภายนอก แม้โผล่แค่ตอนเดียวแต่คนดูจำได้แม่น เพราะเป็นจุด turning point ที่ทำให้ซานยอมรับความรักกับวีชัดเจนขึ้น โดยรวมแล้ว สาวสวยคือตัวละครที่สะท้อนธีมการทดสอบความรักและกิเลส ทำให้เรื่องมี spice เซ็กซี่และดราม่าพีค

ฉายา “สาวล่อใจจากสวรรค์”
ฉายานี้มาจากบทบาทของเธอที่เหมือนถูกส่งมาจากเจ้าแม่เพื่อทดสอบซานโดยตรง ทำให้แฟนๆ เรียกเธอว่าสาวล่อใจจากสวรรค์แบบขำๆ แต่คำว่าล่อใจจากสวรรค์สะท้อนถึงความเซ็กซี่ที่ไม่ใช่แค่สาวธรรมดาแต่มีกลิ่นหอมศิลา 5 สีเหมือนวีเป๊ะ เธอถูกเรียกแบบนี้เพราะฉากที่เกือบทำให้ซานลืมคำสัญญาร้อยปี ทำให้เกิดโมเมนต์ร้อนแรงในซีรีส์ เช่น ตอนเธอเข้าใกล้ซานจนเขาต้องผลักออก ฉายานี้ยังเน้นด้านที่ปรียานัฐเล่นได้เย้ายวนจนคนดูกรี๊ดและเข้าใจว่าทำไมซานถึงเกือบเผลอ ฉายา “สาวล่อใจจากสวรรค์” กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนซีรีส์เพราะมันผสมความเซ็กซี่กับดราม่า ทำให้สาวสวยดูเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายแต่ลึกซึ้ง ปรียานัฐเล่นบทนี้ได้ดีจนแฟนๆ ติดฉายานี้ให้ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง อย่างในรีวิวแฟนๆ บอกว่าเธอคือ temptation ที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ฉายานี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ แต่สะท้อนจุดพลิกผันที่ทำให้ซานแน่ใจในรักกับวี

ข้อคิด “เสน่ห์ภายนอกไม่ใช่คำตอบของความรักแท้”
ข้อคิดนี้จากตัวละครสาวสวยสอนให้เห็นว่าความสวย ความหอม หรือสัญญาณภายนอกอาจหลอกเราได้ แต่ความรักจริงต้องมาจากใจและวิญญาณที่เชื่อมโยงกัน สาวสวยมีทุกอย่างเหมือนวาดกลับชาติมาเกิดจนซานเกือบหลง แต่สุดท้ายเขาปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่ใช่ ทำให้ผู้ชมคิดถึงชีวิตจริงว่าอย่าตัดสินรักจากรูปลักษณ์หรือกิเลสชั่วข้ามคืน อย่างในซีรีส์ที่ซานเลือกวีเพราะความรู้สึกจริงไม่ใช่กลิ่นหอม ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมแฟนตาซีที่ใช้สาวสวยเป็นบททดสอบจากเจ้าแม่ สอนว่ากิเลสคือกับดักแต่ความมั่นคงในรักคือทางรอด ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ BL ธรรมดาแต่มีสาระลึกซึ้งเกี่ยวกับ temptation ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนหลงเสน่ห์ภายนอก ข้อคิดจากสาวสวยช่วยกระตุ้นให้คิดใหม่ว่าความรักแท้ต้องพิสูจน์ด้วยใจ ปรียานัฐถ่ายทอดได้ดีจนแฟนๆ นำไปใช้ในชีวิตจริง


ถ้าซีรีส์ในตำนานอย่างปาฏิหาริย์รักร้อยปี Century of Love ได้ไปต่อภาค 2 จะเป็นยังไง หลังจากที่ซานกับวีจบแฮปปี้ ศิลา 5 สีแตกสลาย คำสาปหมดสิ้น ทุกคนคิดว่าเรื่องจบแล้วใช่ไหม แต่ถ้ามีภาค 2 ล่ะ เรื่องมันจะพลิกยังไง

Century of Love ภาค 2 : “ปาฏิหาริย์รักพันปี”
ผ่านไป 5 ปีหลังจบภาคแรก ซานกับวีใช้ชีวิตคู่หวานชื่นแบบมนุษย์ธรรมดา ซานเริ่มแก่ลงช้าๆ เพราะคำสัญญากับเจ้าแม่สิ้นสุดแล้ว ทั้งคู่เปิดร้านขายยาจีนร่วมกัน มีจูเป็นหุ้นส่วน และยายแจ่มยังเฝ้าศาลเจ้าเหมือนเดิม ชีวิตดูสงบสุข แต่แล้ววันหนึ่ง ศาลเจ้าแม่เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ มีรอยแตกที่พื้นศาล และจากรอยแตกนั้น… เศษเสี้ยวของศิลา 5 สีที่เคยแตกสลาย เริ่มเรืองแสงอีกครั้ง

พบว่าศิลาไม่ได้หายไปจริงๆ แต่กระจายพลังไปยัง “คน 5 คน” ในยุคปัจจุบัน ที่เกิดมาพร้อมดวงชะตาพิเศษ (เหมือน 5 สีของศิลา) และเมื่อทั้ง 5 คนมารวมตัวกันโดยบังเอิญ พลังศิลาจะฟื้นคืน เปิดประตูมิติเวลา ทำให้เกิดคำสัญญาใหม่จากเจ้าแม่กวนอิมที่ซานกับวีต้องรับผิดชอบ

ภาค 2 จึงกลายเป็นเรื่องของ “5 คู่รักข้ามภพ” ที่พลังศิลากระจายไป

สีแดง – คู่รักชายหนุ่มไทยกับวิญญาณทหารญี่ปุ่นสมัยสงโลกครั้งที่ 2
สีน้ำเงิน – คู่รักนักโบราณคดีสาวกับเจ้าชายล้านนาที่ตายไป 700 ปี
สีเหลือง – คู่รักเด็กหนุ่มมัธยมกับภูตสาวในตำนานพื้นบ้าน
สีเขียว – คู่รักหมอสาวกับคนไข้ที่เป็นอมตะจากยุคอยุธยา
สีม่วง – คู่รักซานกับวีเอง ที่ต้องกลับมาเป็น “ผู้พิทักษ์ศิลา” อีกครั้ง

ซานกับวีที่เคยคิดว่าตัวเองหลุดพ้น กลับถูกดึงกลับเข้าสู่ชะตากรรมเก่า คราวนี้ไม่ใช่แค่รักกันสองคน แต่ต้องช่วย 5 คู่นี้ให้สมหวังในรัก มิเช่นนั้นประตูเวลาจะปิดถาวร และทุกวิญญาณที่เคยรักกันข้ามภพจะสูญหายไปตลอดกาล

จุดพีคของภาคคือการรวมศิลา 5 สีให้ครบอีกครั้งในคืนพระจันทร์สีเลือด ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 5 ปีที่ซานกับวีเคยจูบกันครั้งแรก ถ้าทำไม่สำเร็จ ซานจะต้องกลับไปเป็นอมตะและทุกข์ทรมานอีกครั้งตลอดกาล แต่คราวนี้… วีจะต้องตายแทน

ปิดท้ายด้วยฉากที่ซานยืนอยู่หน้าศาลเจ้า ถือเศษศิลาสีม่วงที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียว แล้วพูดกับวีว่า
“ถ้ารักครั้งนี้ต้องแลกด้วยชีวิตอีกครั้ง… ฉันยอมเป็นอมตะพันปี เพื่อให้เธอได้เกิดใหม่กี่ชาติก็ตาม”

จบแบบเปิดให้คนดูร้องไห้และอยากได้ภาค 3 ต่อทันที