ละคร ชะตาหงส์ 2568 เรื่องราวของ “เหมหงส์” สาวสวยเก่งเรื่องฟู้ดสไตลิสต์ ลูกสาวคนเดียวของ “วรรณดี” แม่ค้าน้ำพริกฝีมือระดับเทพ ที่ตำน้ำพริกขายจนคนติดใจรสชาติเด็ดเผ็ดร้อน ชีวิตพวกเธอเรียบง่ายแต่สุขสงบ จนกระทั่งวันหนึ่ง เหมหงส์บังเอิญเจอจดหมายเก่าๆ ที่ระบุว่าปู่ของเธอ (ปู่บุญสม) ได้ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับแม่ของเธอ แต่พินัยกรรมตัวจริงถูกซ่อนไว้ในบ้านเก่าของปู่ เหมหงส์เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ทุกอย่างคืน เพราะนี่คือมรดกที่ควรเป็นของครอบครัวเธอ
แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะมีอุปสรรคใหญ่หลวงอย่าง “มณีจันทร์” สาวใหญ่เจ้าเล่ห์ที่พยายามขัดขวางเหมหงส์ทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะวางแผนหลอกลวง ใส่ร้าย หรือแม้แต่ใช้ลูกน้องอย่าง “พวงชมพู” มาสร้างความวุ่นวาย มณีจันทร์อยากฮุบสมบัติทั้งหมดไปคนเดียว เพราะเธออ้างสิทธิ์ในบ้านและที่ดินนั้น ยิ่งไปกว่านั้น “สิงห์” ลูกชายคนเดียวของมณีจันทร์ กลับดันมาตกหลุมรักเหมหงส์ตั้งแต่แรกเจอ ทำให้เรื่องราวยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ สิงห์เป็นหนุ่มหล่อมาดเข้ม แต่ใจดีและซื่อสัตย์ เขาพยายามปกป้องเหมหงส์จากแผนร้ายของแม่ตัวเอง จนเกิดความรักข้ามขั้วที่ทั้งหวานและดราม่า
ตลอดเรื่อง มีตัวละครประกอบเพียบที่เพิ่มสีสัน เช่น “ไกรสร” (ดอม เหตระกูล) เพื่อนสนิทของสิงห์ที่คอยช่วยเหลือ, “ยายแก้ว” (จินตหรา สุขพัฒน์) และ “ย่าบุหงา” (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์) ผู้เฒ่าที่รู้ความลับเก่าๆ, “สินชัย” (นวพล ภูวดล) ชายหนุ่มที่แอบชอบเหมหงส์, “ตรีภูมิ” (อิสรพงศ์ ดอกยอ) ลูกน้องจอมกวน, “นกยูง” (แป้งร่ำ ศิวนารี) สาวเปรี้ยวเพื่อนเหมหงส์, และพวกยายๆ อย่าง “ยายบานเย็น” (อ้วน รีเทิร์น), “ยายจำปา” (อำภา ภูษิต), “ยายบัวบาน” (กรองทอง รัชตะวรรณ) ที่สร้างมุกตลกจากชีวิตบ้านนอกน้ำพริก
“ชะตาหงส์” คือละครที่ผสมผสานความสนุกครบรส จากชีวิตธรรมดาที่พลิกผันสู่การต่อสู้อันดุเดือด แต่สุดท้ายก็สอนให้เห็นว่าความซื่อสัตย์และความรักชนะทุกอย่าง ต่อไปนี้เนื้อเรื่องสำคัญของละคร
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่กลิ่นน้ำพริกหอมฟุ้ง วรรณดี แม่ค้าน้ำพริกฝีมือฉกาจ กำลังตำพริกตำกระเทียมอย่างขะมักเขม้น โดยมีลูกสาวคนเดียวอย่างเหมหงส์ คอยช่วยเหลือ เหมหงส์เป็นสาวเมืองกรุงที่เก่งเรื่องจัดแต่งอาหารให้สวยงาม แต่ชีวิตอันสงบสุขของทั้งคู่ต้องสั่นคลอน เมื่อเหมหงส์พบจดหมายลึกลับจากปู่บุญสมผู้ล่วงลับ จดหมายนั้นเผยความจริงว่าปู่ยกมรดกมหาศาลทั้งบ้าน ที่ดิน และสมบัติอื่นๆ ให้วรรณดี แต่พินัยกรรมตัวจริงถูกซ่อนไว้ในบ้านเก่าที่ห่างไกล เหมหงส์ตัดสินใจเดินทางกลับหมู่บ้าน เพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นของครอบครัว ท่ามกลางสายลมที่พัดพาความลับเก่าๆ มาปะทะ
แต่การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค มณีจันทร์ หญิงสาวเจ้าเล่ห์ผู้ครอบครองบ้านปู่ชั่วคราว ประกาศศึกทันที เธอใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกอย่าง ไม่ว่าจะสั่งลูกน้องอย่างพวงชมพูให้สะกดรอย ใส่ร้ายป้ายสี หรือแม้แต่พยายามทำลายหลักฐาน มณีจันทร์เชื่อว่าสมบัติทั้งหมดควรเป็นของเธอ เพราะความแค้นเก่าที่เกี่ยวพันกับครอบครัวปู่ ท่ามกลางความวุ่นวาย สิงห์ ลูกชายรูปหล่อของมณีจันทร์ ปรากฏตัวขึ้นดั่งอัศวิน เขาเป็นชายหนุ่มที่เติบโตในความร่ำรวยแต่หัวใจเรียบง่าย สิงห์ตกหลุมรักเหมหงส์ตั้งแต่แรกพบสายตา ความรักของทั้งคู่เบ่งบานท่ามกลางพายุแห่งการหักหลัง สิงห์ต้องเลือกระหว่างแม่กับคนรัก ขณะที่เหมหงส์ต้องต่อสู้กับความกลัวและความไม่แน่นอน
จุดพลิกผันสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเหมหงส์พบเบาะแสพินัยกรรมในห้องลับของบ้านปู่ โดยมีสินชัยและไกรสรคอยช่วยเหลือ แต่ мณีจันทร์ไม่ยอมแพ้ เธอสั่งให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่น พยายามวางเพลิงหรือลอบทำร้าย จนเหมหงส์เกือบเอาชีวิตไม่รอด ความลับเก่าๆ ถูกเปิดโปง เช่น มณีจันทร์เคยถูกปู่ปฏิเสธเพราะนิสัยโลภ และพวงชมพูคือลูกน้องที่ซ่อนความลับมืดมิด ฉากไคลแม็กซ์คือการเผชิญหน้ากันในคืนฝนตกหนัก ที่สิงห์ยืนเคียงข้างเหมหงส์ เปิดโปงแผนร้ายทั้งหมด ท่ามกลางตัวละครประกอบอย่างยายแก้วที่เล่าเรื่องอดีต ยายบานเย็นที่สร้างเสียงหัวเราะ และผู้กองแดน (อนุภาษ เหลืองสดใส) ที่เข้ามาช่วยสอบสวน สุดท้าย มรดกตกเป็นของวรรณดี ความรักของเหมหงส์และสิงห์จบลงด้วยการแต่งงานอันอบอุ่น
“ชะตาหงส์” จบลงด้วยชัยชนะของความดีและความรัก สอนให้เห็นว่าชะตาชีวิตพลิกผันได้เสมอ ถ้าเราลุกขึ้นสู้ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่องสนุกมาก เป็นแนวโรแมนติกดราม่าที่ผสมคอมเมดี้ได้ลงตัว ไม่น้ำเน่าเกินไป เรื่องราวการพลิกชะตาจากแม่ค้าน้ำพริกสู่การทวงมรดก มันทำให้คนดูลุ้นตามทุกตอน โดยเฉพาะฉากฟาดฟันระหว่างเหมหงส์กับมณีจันทร์ ที่เข้มข้นแบบสะใจ นักแสดงเล่นดีสุดๆ ผิงผิงในบทเหมหงส์สวยเก่ง แสดงอารมณ์ได้หลากหลาย ปลื้มเป็นสิงห์ก็หล่อเท่ เคมีเข้ากันฟินมาก เข็ม ลภัสรดาในบทวายร้ายก็เด่น เล่นร้ายได้น่าหมั่นไส้แต่ไม่เวอร์ ตัวประกอบอย่างยายๆ ต่างๆ ก็น่ารัก สร้างเสียงหัวเราะจากมุกน้ำพริกบ้านๆ
บทละครเขียนดี โดยมิกิ ยามาโตริ ที่ทำให้เรื่องเดินเร็ว ไม่ยืดเยื้อ กำกับโดยตั้ม บรรเจิด พุทธโศภิษฐ์ ที่ถ่ายทำสวยงาม ฉากบ้านนอกน้ำพริกดูสมจริง เพลงประกอบอย่าง “ไม่มีสักวันไม่เหมือนเดิม” โดย นิ้ง MY EYES ก็เพราะเข้ากับ mood เรตติ้งเฉลี่ย 5.560 สูงสุด 7.407 แสดงถึงความนิยม แต่จุดด้อยนิดหน่อยคือบางฉากดราม่าแรงเกิน อาจทำให้คนดูอึดอัด และตอนต้นๆ เรื่องช้าหน่อย แต่พอเข้าที่แล้วสนุกหยุดไม่ได้ กระแสออนไลน์ดีมาก คนดูแชร์รีวิวว่าแซ่บ สะใจ โดยเฉพาะตอนจบที่จบแบบ happy ending ไม่ค้างคา
คะแนนโดยรวม 8.5/10 “ชะตาหงส์” คือละครคุณภาพที่ดูเพลิน ครบรส เหมาะสำหรับคนชอบดราม่าครอบครัวผสมรัก
เพราะมันเด่นหลายด้าน เนื้อเรื่องได้ 9/10 สนุก ลุ้นระทึก การพลิกชะตาและดราม่ามรดกทำได้ดี ไม่ซ้ำซาก นักแสดงได้ 9/10 คู่พระนางเคมีดี ตัวร้ายเล่นร้ายได้สมจริง การกำกับและโปรดักชันได้ 8/10 ถ่ายสวย เพลงเพราะ แต่บางฉากแสงมืดไปหน่อย บทละครได้ 8.5/10 เดินเรื่องเร็ว แต่ตอนต้นช้าหน่อย ความสนุกโดยรวม 9/10 เพราะผสมโรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ได้กลมกล่อม เรตติ้ง TV เฉลี่ย 5.560 สูงสุด 7.407 บ่งบอกความนิยม แต่คะแนนจากรีวิวออนไลน์ เช่น Pantip และ Facebook เฉลี่ย 8/10 คนชมว่าสะใจ แต่บางคนบ่นดราม่าแรงเกิน ถ้าเทียบกับละครอื่นปีเดียวกัน
ตอนดูตอนแรกๆ ความรู้สึกสงบสุขผสมอยากรู้อยากเห็น ฉากชีวิตแม่ค้าน้ำพริกดูอบอุ่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่พอเข้าดราม่าทวงมรดก ความตื่นเต้นพุ่งขึ้น ลุ้นตามเหมหงส์ว่าจะเจอพินัยกรรมไหม ฉากฟาดฟันกับมณีจันทร์ทำให้รู้สึกเดือดพล่าน สะใจทุกครั้งที่แผนร้ายถูกเปิดโปง ความรักระหว่างสิงห์กับเหมหงส์สร้างความฟิน หวานละมุนจนยิ้มตาม แต่ก็มีช่วงดราม่าเข้มข้นที่ทำให้รู้สึกอึดอัด หัวใจเต้นแรงกับฉากอันตราย เช่น การลอบทำร้าย ตลกจากตัวประกอบอย่างยายๆ ทำให้รู้สึกขำกลิ้ง คลายเครียด ตอนจบให้ความรู้สึกโล่งอก พอใจกับ happy ending ที่ทุกอย่างลงตัว โดยรวมคือสนุกหยุดไม่ได้ ติดตามทุกตอนเพราะพล็อตพลิกผันไม่คาดคิด
ชะตาหงส์ ทิ้งความรู้สึกประทับใจ ย้ำว่าชีวิตพลิกผันได้เสมอ
ละคร ชะตาหงส์ 2568
ละคร ชะตาหงส์ 2568 EP.1-39 ตอนจบone31
ละคร ชะตาหงส์ 2568 EP.1-39 ตอนจบTRUEID
ซีน ละคร ชะตาหงส์ 2568
ละคร ชะตาหงส์ 2568
เรื่องราวเปิดฉากด้วยตัวเอกสุดสตรองอย่าง “เหมหงส์” หรือที่เรียกกันว่า ผิงผิง (รับบทโดย ณิชา ปิยะวัฒนานนท์) เธอเป็นฟู้ดสไตลิสต์สาวเก่งในเมืองกรุง ชีวิตปกติสุขมาก เพราะอยู่กับแม่สุดที่รักอย่าง “วรรณดี” (พิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ที่เป็นแม่ค้าน้ำพริกฝีมือระดับเทพ ตำน้ำพริกขายจนคนติดใจ รสชาติเด็ดเผ็ดร้อนสุดๆ แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตพลิกผันเลย เหมหงส์เจอจดหมายเก่าๆ จากปู่บุญสม (กล้วย เชิญยิ้ม) ที่บอกว่าปู่ยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แม่วรรณดี แต่พินัยกรรมตัวจริงถูกซ่อนไว้ในบ้านเก่าของปู่ที่หมู่บ้านน้ำพริก เหมหงส์เลยตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อทวงมรดกคืน ไม่งั้นครอบครัวจะอดอยากเหรอเนี่ย
แต่ งานนี้ไม่ง่ายเลย เพราะมีตัวร้ายสุดแสบอย่าง “มณีจันทร์” (เข็ม ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) ที่ครอบครองบ้านปู่ชั่วคราว เธอเป็นหญิงสาวเจ้าเล่ห์ โลภมาก อยากฮุบสมบัติทั้งหมดไปคนเดียว เพราะมีความแค้นเก่ากับครอบครัวปู่ มณีจันทร์ใช้ทุกเล่ห์กล ขัดขวางเหมหงส์สารพัด ไม่ว่าจะส่งลูกน้องอย่าง “พวงชมพู” (เจสสิก้า สมปอง) มาสะกดรอย ใส่ร้ายป้ายสี หรือแม้แต่พยายามทำลายหลักฐาน เธอยังมีพวกยายๆ อย่าง “ยายบานเย็น” (อ้วน รีเทิร์น) และ “ยายจำปา” (อำภา ภูษิต) ที่คอยช่วยเหลือแผนร้าย แต่ยายพวกนี้ก็ฮามากนะ เพราะชอบทะเลาะกันเอง ฉากแย่งกุญแจห้องใต้ดินนี่ขำกลิ้งเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สิงห์ (ปลื้ม ธยศทรณ์ ไวยฉัยยา) ลูกชายคนเดียวของมณีจันทร์ กลับดันมาตกหลุมรักเหมหงส์ตั้งแต่แรกเจอ สิงห์เป็นหนุ่มหล่อมาดเข้ม แต่ใจดีซื่อสัตย์ เขาไม่เห็นด้วยกับแผนร้ายของแม่ เลยแอบช่วยเหมหงส์ตลอด ทำให้เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้น สิงห์กับเหมหงส์มีฉากโรแมนติกฟินๆ เยอะ เช่น สิงห์ช่วยเหมหงส์จากอันตราย หรือทั้งคู่ไปตำน้ำพริกด้วยกัน มันหวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลย แต่ก็มีดราม่าเพราะสิงห์ต้องเลือกระหว่างแม่กับคนรัก
ตลอด 39 ตอน มันลุ้นระทึกมาก เหมหงส์ต้องสู้กับอุปสรรคเพียบ เช่น ค้นหาพินัยกรรมในห้องลับใต้ดิน เจอแผนวางเพลิงบ้าน หรือแม้แต่ถูกจับตัว มีตัวละครประกอบช่วยเพิ่มสีสัน เช่น “ไกรสร” (ดอม เหตระกูล) เพื่อนสิงห์ที่คอยช่วยเหลือ “สินชัย” (นวพล ภูวดล) ชายหนุ่มแอบชอบเหมหงส์ “ตรีภูมิ” (อิสรพงศ์ ดอกยอ) ลูกน้องกวนๆ “นกยูง” (แป้งร่ำ ศิวนารี) เพื่อนสาวเปรี้ยวของเหมหงส์ “ยายแก้ว” (จินตหรา สุขพัฒน์) และ “ย่าบุหงา” (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์) ที่รู้ความลับเก่าๆ “ผู้กองแดน” (อนุภาษ เหลืองสดใส) ที่มาช่วยสอบสวน “ยายบัวบาน” (กรองทอง รัชตะวรรณ) “ป้าพวงสร้อย” (จอย ชวนชื่น) “บุญชู” (สุธน บู่สามสาย) และแขกรับเชิญอย่าง “มนูญ” (ทนงศักดิ์ ศุภการ)
จุดพลิกผันใหญ่ๆ ในตอนกลางเรื่อง เหมหงส์พบเบาะแสพินัยกรรม แต่ถูกมณีจันทร์ขโมยไป สิงห์เริ่มสงสัยความลับของเหมหงส์ เลยสืบหาจนรู้ความจริง แล้วช่วยกันเปิดโปงแผนร้าย เช่น มณีจันทร์เคยหลอกปู่เรื่องสมบัติ และพวงชมพูมีอดีตมืดมิด ฉากไคลแม็กซ์ในตอนใกล้จบคือการเผชิญหน้ากันในคืนฝนตกหนัก มณีจันทร์ถูกจับเพราะหลักฐานชัดเจน เหมหงส์ได้มรดกคืน วรรณดีกลับมาร่ำรวย และความรักของเหมหงส์กับสิงห์จบลงด้วยการแต่งงานสุดอบอุ่น แต่ก่อนถึงตอนนั้น มีดราม่าน้ำตาแตกเยอะเลยนะ อย่างตอนสิงห์ทะเลาะกับแม่ หรือเหมหงส์เกือบตายจากแผนลอบทำร้าย
“ชะตาหงส์” มันสอนว่าชะตาชีวิตพลิกผันได้เสมอ ถ้ามีความซื่อสัตย์และความรัก
เบื้องหลังการถ่ายทำละคร “ชะตาหงส์” ปี 2568 จากช่อง one31 มันม่วนมากกก เหมือนไปกองถ่ายจริงๆ เลย มีทั้งฮา ดราม่า และเรื่องราวน่ารักๆ ของนักแสดง ถ้าอยากรู้ว่าเขาถ่ายยังไงให้แซ่บขนาดนี้ ตามมาเลย
เริ่มจากทีมงานหลักเลยนะ เค้าโครงเรื่องมาจาก มิกิ ยามาโตริ, พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์, และ นิพนธ์ ผิวเณร ซึ่งเขียนให้มีธีมพลิกชะตาจากห่านสู่หงส์ ผสมกลิ่นอายน้ำพริกบ้านๆ
บทโทรทัศน์โดย มิกิ ยามาโตริ คนเดียว ที่ทำให้บทสนุก เดินเรื่องเร็ว ไม่ยืดเยื้อ
กำกับการแสดงโดย ตั้ม บรรเจิด พุทธโศภิษฐ์ ผู้กำกับมือโปรที่ถ่ายทำสวยงาม เน้นฉากบ้านนอกสมจริง สร้างโดย เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งผลิตละครฮิตเพียบ
การถ่ายทำ มันสนุกสุดๆ เลย เริ่มตั้งแต่พิธีบวงสรวงก่อนถ่ายทำ ตั้ม บรรเจิด พร้อมนักแสดงทั้งหมด ถือฤกษ์ดีเข้าโรงถ่ายและโลเคชั่นจริงที่หมู่บ้านน้ำพริกแถวต่างจังหวัด เพื่อให้บรรยากาศสมจริง มีคลิปจากว้าวดารา ที่พาไปดูกองถ่ายม่วนๆ นักแสดงอย่าง ปลื้ม ธยศทรณ์ ในบทสิงห์ แจ้งเกิดพระเอกเต็มตัว เพื่อนๆ ชมว่าเขาทำงานเก่งมาก ทุ่มเทสุดๆ ผิงผิง ณิชา ในบทเหมหงส์ ก็สวยเก่ง แสดงอารมณ์ได้หลากหลาย เคมีกับปลื้มดีงาม ฉากโรแมนติกถ่ายกันหลายเทคเพราะอยากให้ฟิน
ส่วนตัวร้ายอย่าง เข็ม ลภัสรดา ในบทมณีจันทร์ เล่นร้ายได้น่าหมั่นไส้ แต่เบื้องหลังเธอน่ารักมาก คอยแกล้งเพื่อนๆ ฉากดราม่าแรงๆ เช่น การเผชิญหน้าหรือวางเพลิง ถ่ายกันเหนื่อย แต่ทีมงานใช้เทคนิคพิเศษให้ปลอดภัย ตัวประกอบอย่างยายๆ พวก อ้วน รีเทิร์น (ยายบานเย็น) และ อำภา ภูษิต (ยายจำปา) นี่ฮาสุด ฉากแย่งกุญแจห้องใต้ดิน ถ่ายจริงเจ็บจริง แต่ขำกลิ้ง เพราะสองคนนี้ทะเลาะกันนอกจอด้วย ดอม เหตระกูล ในบทไกรสร ก็คอยสร้างบรรยากาศสนุก สอนออกกำลังกายให้เพื่อนๆ ในกอง
มีคลิป TikTok และ YouTube เยอะเลย เช่น จาก pluemtyst ที่เล่าเบื้องหลังตัวละครเด่น และเพลงประกอบอย่าง “ไม่มีสักวันไม่เหมือนเดิม” โดย นิ้ง MY EYES ที่ถ่าย MV ในกองถ่ายด้วย การถ่ายทำใช้เวลาไม่กี่เดือน ตั้งแต่ปลายปี 2567 ถึงต้น 2568 ถ่ายกลางคืนบ่อยเพราะฉากฝนตกหรือลึกลับ ทีมงานเหนื่อยแต่สนุก เพราะนักแสดงเข้ากันดี มีปาร์ตี้เล็กๆ หลังถ่ายเสร็จตอน มีแขกรับเชิญอย่าง ทนงศักดิ์ ศุภการ ในบทมนูญ ที่มาถ่ายแค่ไม่กี่ฉากแต่สร้างสีสัน
ยังมีเรื่องน่ารู้ เช่น การสร้างฉากน้ำพริกจริงๆ นักแสดงต้องตำพริกจริงเพื่อความสมจริง จนบางคนแสบมือ หรือฉากโรแมนติกที่ปลื้มกับผิงผิงต้องฝึกเต้นรำกันก่อนถ่าย เพื่อให้เคมีเข้ากัน และทีมงานใช้โดรนถ่ายฉากกว้างๆ ของหมู่บ้าน ให้ดูสวยงาม
นักแสดง
→ ธยศทรณ์ ไวยฉัยยา รับบท สิงห์

เขาเป็นลูกชายคนเดียวของมณีจันทร์ หญิงสาวเจ้าเล่ห์ที่พยายามฮุบสมบัติครอบครัวเหมหงส์ สิงห์เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยจากธุรกิจน้ำพริก แต่ชีวิตเขาไม่ได้หรูหราแบบไร้ปัญหา เพราะแม่ของเขามีแผนร้ายมากมาย ทำให้สิงห์ต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในจิตใจ สิงห์มีบุคลิกหนุ่มหล่อมาดเข้ม แต่ภายในใจดี ซื่อสัตย์ และสดใส เขาไม่ใช่พระเอกแบบเพอร์เฟกต์ที่ไร้ที่ติ แต่เป็นคนธรรมดาที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ยากลำบาก เช่น การเลือกระหว่างความภักดีต่อแม่กับความรักที่มีต่อเหมหงส์
บทบาทของสิงห์เริ่มต้นจากหนุ่มธรรมดาที่ช่วยแม่ดูแลธุรกิจน้ำพริก แต่เมื่อเจอเหมหงส์ สาวเก่งที่กลับมาทวงมรดก เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ทำให้เกิดความวุ่นวาย เพราะแม่ของเขาพยายามขัดขวางทุกทาง สิงห์กลายเป็นอัศวินที่ปกป้องเหมหงส์จากแผนร้าย ไม่ว่าจะเป็นการสะกดรอย ใส่ร้าย หรือแม้แต่พยายามทำร้าย เขาใช้ความฉลาดและความกล้าหาญช่วยเธอค้นหาพินัยกรรมที่ซ่อนไว้ในบ้านปู่ สิงห์แสดงให้เห็นถึงการเติบโต จากลูกชายที่เชื่อฟังแม่ กลายเป็นผู้ชายที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง แม้ต้องทะเลาะกับแม่ตัวเอง ในฉากดราม่าเข้มข้น
สิงห์ต้องเผชิญหน้ากับมณีจันทร์เพื่อเปิดโปงความลับเก่า ทำให้เขาเรียนรู้ว่าครอบครัวที่แท้จริงคือการเลือกทางที่ยุติธรรม สิงห์ยังมีด้านโรแมนติกที่ทำให้คนดูฟิน เช่น การช่วยเหมหงส์ตำน้ำพริก หรือพาเธอหนีอันตรายในคืนฝนตก บทบาทนี้ช่วยให้ธยศทรณ์โชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากหวาน ดราม่า และคอมเมดี้จากตัวประกอบ สิงห์เป็นตัวแทนของผู้ชายที่กล้าต่อสู้เพื่อความรักและความดี ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา อัศวินน้ำพริก
ฉายาอัศวินน้ำพริกของสิงห์มาจากบทบาทที่เขาเหมือนอัศวินปกป้องนางเอกท่ามกลางกลิ่นหอมของน้ำพริกที่เป็นธีมหลักของเรื่อง สิงห์ไม่ใช่แค่อัศวินในชุดเกราะ แต่เป็นหนุ่มบ้านนอกที่ใช้ฝีมือและหัวใจต่อสู้กับแผนร้ายของแม่ตัวเอง ฉายานี้สะท้อนถึงการพลิกผันชะตา จากลูกชายเจ้าของธุรกิจน้ำพริกธรรมดา กลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหมหงส์ทวงมรดกคืน เขาเสี่ยงชีวิตหลายครั้ง เช่น การบุกเข้าไปในบ้านปู่เพื่อหาพินัยกรรม หรือการปกป้องเหมหงส์จากลูกน้องของมณีจันทร์อย่างพวงชมพู ฉายานี้ยังเล่นคำกับน้ำพริกที่เป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวเหมหงส์ ทำให้สิงห์ดูเป็นอัศวินที่ใกล้ชิดชีวิตจริง ไม่ได้ไกลตัว คนดูชอบฉายานี้เพราะมันทำให้สิงห์ดูน่ารักและกล้าหาญในเวลาเดียวกัน ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมอัศวินน้ำพริกที่สิงห์ถือครกตำพริกแทนดาบ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวครอบครัวดราม่า เพราะมันผสมความโรแมนติกกับคอมเมดี้ได้ลงตัว สิงห์ในฐานะอัศวินน้ำพริกยังสอนให้เห็นว่าฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมาจากโลกแฟนตาซี แต่สามารถเป็นคนธรรมดาที่เลือกยืนข้างความถูกต้อง แม้ต้องสู้กับคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้ธยศทรณ์ได้รับคำชมมากมายว่าเล่นได้สมบทบาท
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องมาพร้อมความซื่อสัตย์และกล้าหาญ
ข้อคิดจากสิงห์คือความรักที่แท้จริงต้องมาพร้อมความซื่อสัตย์และกล้าหาญ เพราะในเรื่องสิงห์แสดงให้เห็นว่าความรักไม่ใช่แค่คำพูดหวาน แต่ต้องกล้าต่อสู้เพื่อคนที่รัก แม้ต้องขัดแย้งกับครอบครัวตัวเอง เขาเลือกยืนข้างเหมหงส์ แม้แม่จะพยายามขัดขวาง เพราะเชื่อว่าความซื่อสัตย์คือพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่สิงห์เปิดโปงแผนร้ายของมณีจันทร์ ทำให้เขาเสียใจแต่ก็เติบโตขึ้น ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าความรักที่ดีต้องกล้าหาญพอที่จะปกป้องคนรักจากอันตราย ไม่ว่าจะมาจากภายนอกหรือภายในครอบครัว สิงห์เริ่มจากหนุ่มสดใสที่รักแม่ แต่เมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม เขาก็เลือกทางที่ถูกต้อง ทำให้ความรักกับเหมหงส์แข็งแกร่งขึ้น ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความกล้าหาญนำไปสู่ชัยชนะ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตจริง ว่าความรักต้องมีพื้นฐานความซื่อสัตย์ เพื่อผ่านอุปสรรคได้ ข้อคิดจากสิงห์ช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้คนดูเลือกทางที่ถูกต้องในความรัก
→ ณิชา ปิยะวัฒนานนท์ รับบท เหมหงส์

เธอเป็นฟู้ดสไตลิสต์สาวเก่งในเมืองกรุง ลูกสาวคนเดียวของวรรณดี แม่ค้าน้ำพริกฝีมือเด็ดที่ตำพริกขายจนคนติดใจ เหมหงส์มีบุคลิกสาวสตรอง มั่นใจ ฉลาด และรักครอบครัวมาก เธอไม่ใช่นางเอกแบบอ่อนแอที่รอพระเอกมาช่วย แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเมื่อชะตาชีวิตพลิกผัน เหมหงส์เติบโตมาในครอบครัวธรรมดาแต่สุขสงบ ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่จัดแต่งอาหารให้สวยงาม แต่แล้ววันหนึ่งเธอเจอจดหมายลึกลับจากปู่บุญสมที่บอกว่าปู่ยกสมบัติทั้งหมดให้แม่ แต่พินัยกรรมตัวจริงถูกซ่อนไว้ในบ้านเก่า ทำให้เธอตัดสินใจกลับหมู่บ้านเพื่อทวงคืนสิทธิ์ที่ควรเป็นของครอบครัว
บทบาทของเหมหงส์เริ่มจากสาวเมืองที่กลับบ้านเกิด แล้วต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่จากมณีจันทร์ หญิงเจ้าเล่ห์ที่ขัดขวางทุกทาง ไม่ว่าจะใส่ร้าย วางแผน หรือใช้ลูกน้องอย่างพวงชมพูมาสร้างความวุ่นวาย เหมหงส์ใช้ความฉลาดและฝีมือทำน้ำพริกพิสูจน์ตัวเอง กลายเป็นนักสู้ที่ค้นหาพินัยกรรมในห้องลับใต้ดิน เธอยังตกหลุมรักสิงห์ ลูกชายมณีจันทร์ ทำให้เกิดดราม่าความรักข้ามขั้ว เหมหงส์ต้องเลือกระหว่างความรักกับหน้าที่ครอบครัว แสดงให้เห็นการเติบโตจากสาวเรียบง่ายกลายเป็นหงส์ที่ทะยานฟ้า เธอมีด้านอ่อนโยน เช่น การดูแลแม่ที่ป่วย หรือช่วยเพื่อนอย่างนกยูง ในฉากดราม่าเข้มข้น
เหมหงส์รู้สึกผิดที่หลอกใช้สิงห์เพื่อหาพินัยกรรม แต่สุดท้ายเธอเลือกทางยุติธรรม เปิดโปงแผนร้ายของมณีจันทร์ เหมหงส์ยังมีด้านคอมเมดี้จากมุกน้ำพริกบ้านๆ กับยายๆ อย่างยายแก้วและยายบานเย็น บทบาทนี้ช่วยให้ณิชาโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากหวานกับสิงห์ ดราม่าน้ำตาแตกตอนทะเลาะแม่ หรือแอ็กชันบุกหาหลักฐาน เหมหงส์เป็นตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ที่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา หงส์พลิกชะตา
ฉายาหงส์พลิกชะตาของเหมหงส์มาจากธีมหลักของเรื่องที่เธอพลิกชีวิตจากห่านธรรมดาแม่ค้าน้ำพริกกลายเป็นหงส์สง่างามที่ลุกขึ้นทวงมรดกคืน ฉายานี้สะท้อนถึงความสตรองและการเติบโตของเธอ จากสาวฟู้ดสไตลิสต์ที่ชีวิตเรียบง่าย กลายเป็นนักสู้ที่เผชิญอุปสรรคจากมณีจันทร์และแผนร้ายมากมาย เหมหงส์ไม่ยอมแพ้ต่อชะตา แต่ใช้ความฉลาดค้นหาพินัยกรรมซ่อนเร้น ฉายานี้ยังเล่นคำกับชื่อเรื่องชะตาหงส์ ทำให้เธอดูเป็นนางเอกที่เป็นแรงบันดาลใจ คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงการพลิกผันชีวิตจริงๆ เช่น ตอนที่เธอแอบเข้าไปในบ้านปู่เพื่อหาหลักฐาน หรือตอนที่เธอพิสูจน์ตัวเองด้วยฝีมือทำน้ำพริก ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมหงส์พลิกชะตาที่เหมหงส์ยืนหยัดต่อสู้กับวายร้าย ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความโรแมนติกกับการต่อสู้อันเข้มข้น เหมหงส์ในฐานะหงส์พลิกชะตายังสอนให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเปลี่ยนชะตาตัวเองได้ด้วยความเพียร แม้ต้องสู้กับคนใกล้ตัวอย่างสิงห์ที่เธอรัก ฉายานี้ทำให้ณิชาได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชม
ข้อคิด ความเพียรพยายามนำไปสู่ชัยชนะแม้ชะตาจะพลิกผัน
ข้อคิดจากเหมหงส์คือความเพียรพยายามนำไปสู่ชัยชนะแม้ชะตาจะพลิกผัน เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าชีวิตที่พลิกผันจากสุขสงบกลายเป็นการต่อสู้อันดุเดือด แต่ด้วยความมุ่งมั่นเธอสามารถทวงมรดกคืนได้ เหมหงส์ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคจากมณีจันทร์ที่ขัดขวางทุกทาง แต่ใช้ความฉลาดและหัวใจที่รักครอบครัวสู้ต่อ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอค้นหาพินัยกรรมในห้องลับ แม้ถูกจับได้แต่ยังไม่ถอดใจ ทำให้เธอเติบโตขึ้น ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความเพียรช่วยพลิกชะตาจากห่านสู่หงส์ เหมหงส์เริ่มจากสาวธรรมดาที่เจอจดหมายลึกลับ แล้วลุกขึ้นกลับบ้านเกิดเพื่อต่อสู้ แม้ต้องเผชิญดราม่าความรักกับสิงห์ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่เป็นสัญลักษณ์ของความอดทนในการตำพริกให้อร่อย ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเพียรพยายามเพื่อเอาชนะปัญหา ข้อคิดจากเหมหงส์ช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมลุกขึ้นสู้ในยามยาก
→ ดอม เหตระกูล รับบท ไกรสร

เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเหมหงส์ นางเอกสาวสตรอง และเป็นคนรักเก่าของวรรณดี แม่ค้าน้ำพริกฝีมือเด็ด ไกรสรมีบุคลิกหนุ่มใหญ่ที่เคยหล่อเหลา ใจดี และซื่อสัตย์ แต่ชีวิตเขาถูกพลิกผันจากแผนร้าย ทำให้กลายเป็นคนเสียสติ ดูสับสนและอ่อนแอ เขาไม่ใช่พ่อแบบธรรมดาที่คอยปกป้องครอบครัว แต่เป็นเหยื่อของการหักหลังที่ต้องต่อสู้กับความทรงจำที่ถูกบิดเบือน ไกรสรเติบโตมาในหมู่บ้านน้ำพริก แต่หายตัวไปนานกว่า 23 ปี ซึ่งตรงกับอายุของเหมหงส์ ทำให้คนดูเดาได้ว่าเขาเป็นพ่อที่ถูกพรากจากครอบครัว
บทบาทของไกรสรเริ่มจากตัวละครลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากเหมหงส์กลับมาทวงมรดก เขาถูกมณีจันทร์ หญิงเจ้าเล่ห์วางยาจนเสียสติ เพื่อปกปิดความลับเรื่องสมบัติและพินัยกรรมของปู่บุญสม มณีจันทร์สั่งให้ยายจำปาคอยจับตาดูไกรสร ทำให้เขากลายเป็นหุ่นเชิดในแผนร้าย ไกรสรมีฉากดราม่าเข้มข้น เช่น การเจอวรรณดีอีกครั้งหลังหายไปนาน ทำให้เกิดความตื้นตันแต่สับสนเพราะยาที่ทำให้เขาจำอะไรไม่ค่อยได้ เขาพยายามช่วยเหลือเหมหงส์แบบไม่รู้ตัว อย่างการให้เบาะแสลึกลับเกี่ยวกับห้องใต้ดินที่ซ่อนพินัยกรรม แต่ก็ถูกขัดขวางจากพวงชมพูและลูกน้องอื่นๆ
ไกรสรยังมีด้านอ่อนโยน เช่น การเล่าเรื่องอดีตกับวรรณดีที่เคยรักกัน ก่อนถูกหลอกให้หายตัวไป บทบาทนี้ท้าทายดอมมาก เพราะต้องเล่นเป็นคนเสียสติที่ค่อยๆ ฟื้นความทรงจำ ผสมดราม่าครอบครัวและการต่อสู้ภายในใจ ในช่วงกลางเรื่อง ไกรสรกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดโปงแผนของมณีจันทร์ ทำให้เรื่องพลิกผัน ไกรสรเป็นตัวแทนของพ่อที่ถูกทำร้ายจากความโลภ แต่สุดท้ายกลับมาช่วยครอบครัว ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้ดอมโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากสติแตก ดราม่าน้ำตาแตกตอนเจอครอบครัว และคอมเมดี้เบาๆ จากความสับสน
ฉายา พ่อผู้ถูกหลอก
ฉายาพ่อผู้ถูกหลอกของไกรสรมาจากบทบาทที่เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเหมหงส์แต่ถูกมณีจันทร์หลอกและวางยาจนเสียสติ หายตัวไปนาน 23 ปี ฉายานี้สะท้อนถึงความน่าเวทนาและการถูกควบคุมจากแผนร้ายเพื่อฮุบสมบัติ ไกรสรไม่ใช่พ่อที่แข็งแกร่งแต่เป็นเหยื่อที่ถูกหลอกให้ลืมครอบครัว ทำให้คนดูสงสารและลุ้นให้เขาฟื้นคืน ฉายานี้ยังเล่นคำกับธีมชะตาพลิกผัน ที่ไกรสรจากคนรักของวรรณดีกลายเป็นคนสับสนภายใต้การจับตาของยายจำปา ตามคำสั่งมณีจันทร์ ในเรื่อง ไกรสรถูกหลอกให้เชื่อเรื่องเท็จเกี่ยวกับอดีต จนเกือบทำร้ายครอบครัวตัวเองโดยไม่รู้ตัว คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น เช่น ฉากเจอวรรณดีอีกครั้งแต่จำไม่ได้เต็มที่ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมพ่อผู้ถูกหลอกที่ไกรสรยืนมองครอบครัวด้วยสายตาสับสน ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่า เพราะมันผสมความเวทนากับการต่อสู้อันเข้มข้น ไกรสรในฐานะพ่อผู้ถูกหลอกยังสอนให้เห็นว่าความโลภสามารถทำลายครอบครัวได้ แต่สุดท้ายความจริงชนะ ฉายานี้ทำให้ดอมได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมระวังแผนร้ายจากคนใกล้ตัว
ข้อคิด ความจริงจะเปิดเผยเสมอแม้ถูกปกปิดนานแค่ไหน
ข้อคิดจากไกรสรคือความจริงจะเปิดเผยเสมอแม้ถูกปกปิดนานแค่ไหน เพราะในเรื่องเขาเป็นเหยื่อที่ถูกวางยาและหลอกให้หายตัวไป 23 ปี แต่สุดท้ายความจริงเกี่ยวกับตัวตนและครอบครัวก็ถูกเปิดโปง ไกรสรแสดงให้เห็นว่าความลับไม่มีในโลก แม้มณีจันทร์จะพยายามปกปิดด้วยแผนร้ายและยาเสพติด แต่ด้วยความช่วยเหลือจากเหมหงส์และสิงห์ ความจริงก็ปรากฏ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่ไกรสรค่อยๆ ฟื้นความทรงจำ ทำให้เขากลับมาร่วมต่อสู้เพื่อครอบครัว ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความจริงจะโผล่ขึ้นมาเสมอ ไม่ว่าจะถูกปกปิดด้วยเล่ห์กลอะไร ไกรสรเริ่มจากคนเสียสติที่ถูกจับตา แต่เมื่อความจริงเปิด เขาก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการพลิกเรื่อง ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมมรดกและพินัยกรรมที่ถูกซ่อน แต่สุดท้ายถูกพบ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องซื่อสัตย์และไม่ปกปิดความจริง เพราะมันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ข้อคิดจากไกรสรช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเชื่อในความจริงและความยุติธรรม
→ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร รับบท วรรณดี

เธอเป็นแม่ค้าน้ำพริกฝีมือเด็ดที่ตำพริกขายจนคนติดใจรสชาติอร่อยเผ็ดร้อน วรรณดีมีบุคลิกแม่ที่รักลูกมาก ซื่อสัตย์ อดทน และเรียบง่าย เธอไม่ใช่แม่แบบดราม่าที่ร้องไห้ตลอด แต่เป็นหญิงแกร่งที่ต่อสู้ชีวิตด้วยสองมือ ชีวิตเธอสุขสงบในหมู่บ้านน้ำพริก อยู่กับลูกสาวคนเดียวอย่างเหมหงส์ แต่พลิกผันเมื่อเหมหงส์พบจดหมายจากปู่บุญสมที่บอกว่าปู่ยกสมบัติทั้งหมดให้วรรณดี แต่พินัยกรรมตัวจริงถูกซ่อนไว้ ทำให้เธอกลายเป็นศูนย์กลางของการต่อสู้อันดุเดือด วรรณดีเคยรักกับไกรสร ชายหนุ่มที่หายตัวไปนานกว่า 23 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของเหมหงส์ แต่เธอถูกหลอกและพรากจากกันเพราะแผนร้ายของมณีจันทร์
บทบาทของวรรณดีเริ่มจากแม่ค้าธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องมรดก แต่เมื่อเหมหงส์กลับมาทวงคืน เธอต้องเผชิญอุปสรรคใหญ่จากมณีจันทร์ หญิงเจ้าเล่ห์ที่ขัดขวางทุกทาง ไม่ว่าจะใส่ร้ายหรือพยายามทำลายธุรกิจน้ำพริก วรรณดีใช้ความอดทนและภูมิปัญญาช่วยลูกสาวค้นหาพินัยกรรมในบ้านปู่ เธอยังมีด้านอ่อนโยน เช่น การดูแลยายแก้วและย่าบุหงาที่รู้ความลับเก่า หรือการเจอไกรสรอีกครั้งหลังหายไปนาน ทำให้เกิดดราม่าครอบครัวที่ตื้นตัน วรรณดีกลายเป็นสัญลักษณ์ของแม่ที่เสียสละ เพื่อลูกและครอบครัว แม้ป่วยแต่ยังสู้ต่อ
ในฉากเข้มข้น วรรณดีเปิดโปงแผนของมณีจันทร์ด้วยหลักฐานจากอดีต ทำให้เรื่องพลิกผัน บทบาทนี้ท้าทายพิมพ์มาดามาก เพราะต้องเล่นเป็นแม่ที่ผสมความแกร่งกับความอ่อนแอ ผสมดราม่าน้ำตาแตกตอนทะเลาะลูก หรือคอมเมดี้เบาๆ จากมุกตำน้ำพริกกับยายบานเย็นและยายจำปา วรรณดีเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่อดทนต่อชะตากรรม แต่สุดท้ายได้รับชัยชนะ ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้พิมพ์มาดาโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากหวานกับไกรสร ดราม่าต่อสู้อุปสรรค และการเติบโตจากแม่ค้าธรรมดาสู่หงส์ที่ทะยานฟ้า
ฉายา แม่ค้าน้ำพริกสุดเด็ด
ฉายาแม่ค้าน้ำพริกสุดเด็ดของวรรณดีมาจากบทบาทที่เธอเป็นแม่ค้าน้ำพริกฝีมือระดับเทพ ตำพริกขายจนคนติดใจรสชาติอร่อยเผ็ดร้อน ฉายานี้สะท้อนถึงความเก่งกาจและความเรียบง่ายของเธอ จากแม่ค้าธรรมดาที่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นเจ้าของมรดกมหาศาล แต่ยังคงยึดมั่นในอาชีพเดิม วรรณดีไม่ใช่แค่ขายน้ำพริก แต่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความอดทนและภูมิปัญญา ช่วยลูกสาวเหมหงส์ต่อสู้กับมณีจันทร์ ฉายานี้ยังเล่นคำกับรสชาติน้ำพริกที่เด็ดเผ็ดร้อน เหมือนบุคลิกเธอที่แกร่งกล้าแต่ใจดี ในเรื่อง วรรณดีพิสูจน์ตัวเองด้วยน้ำพริกที่ทำให้คนจำ เช่น ฉากตำน้ำพริกให้ยายแก้วกิน หรือใช้มันหลอกล่อลูกน้องมณีจันทร์ คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าครอบครัวที่ผสมกลิ่นอายบ้านๆ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมแม่ค้าน้ำพริกสุดเด็ดที่วรรณดียืนตำพริกด้วยรอยยิ้ม ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวชีวิต เพราะมันผสมความโรแมนติกกับการต่อสู้อันเข้มข้น วรรณดีในฐานะแม่ค้าน้ำพริกสุดเด็ดยังสอนให้เห็นว่าอาชีพเล็กๆ สามารถนำไปสู่ชัยชนะใหญ่ แม้ต้องสู้กับแผนร้ายจากคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้พิมพ์มาดาได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมชื่นชมอาชีพแม่ค้า
ข้อคิด ความอดทนและรักครอบครัวนำไปสู่ชัยชนะเหนืออุปสรรค
ข้อคิดจากวรรณดีคือความอดทนและรักครอบครัวนำไปสู่ชัยชนะเหนืออุปสรรค เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าชีวิตแม่ค้าธรรมดาที่ถูกพรากคนรักและมรดก แต่ด้วยความอดทนเธอเลี้ยงลูกและต่อสู้จนได้ทุกอย่างคืน วรรณดีไม่ยอมแพ้ต่อแผนร้ายของมณีจันทร์ที่ขัดขวางทุกทาง แต่ใช้ความรักที่มีต่อเหมหงส์เป็นแรงผลักดัน ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอป่วยแต่ยังช่วยลูกค้นหาพินัยกรรม ทำให้เธอเติบโตขึ้นและได้เจอไกรสรอีกครั้ง ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความอดทนช่วยพลิกชะตาจากห่านสู่หงส์ วรรณดีเริ่มจากแม่ที่สูญเสียคนรักเพราะถูกหลอก แต่เมื่อความจริงเปิด เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการพลิกเรื่อง ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องตำนานเพื่อรสชาติเด็ด เหมือนชีวิตที่ต้องอดทนเพื่อความสุข ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องรักครอบครัวและอดทนเพื่อเอาชนะปัญหา ข้อคิดจากวรรณดีช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมยืนหยัดในยามยาก
→ ลภัสรดา ช่วยเกื้อ รับบท มณีจันทร์

เธอเป็นหญิงสาวเจ้าเล่ห์ โลภมาก อยากฮุบสมบัติครอบครัวเหมหงส์ทั้งหมด มณีจันทร์มีบุคลิกเย็นชา ฉลาดแกมโกง และไม่เลือกวิธีเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เธอไม่ใช่วายร้ายแบบโง่ๆ แต่เป็นคนที่วางแผนรัดกุม มีลูกน้องอย่างพวงชมพูคอยช่วย มณีจันทร์เป็นแม่ของสิงห์ พระเอกที่ตกหลุมรักเหมหงส์ ทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว เธอครอบครองบ้านปู่บุญสมชั่วคราว และพยายามขัดขวางเหมหงส์ที่กลับมาทวงพินัยกรรม มณีจันทร์อ้างสิทธิ์ในสมบัติเพราะความแค้นเก่ากับครอบครัวปู่ และใช้เล่ห์กลทุกอย่าง ไม่ว่าจะวางยาไกรสรให้เสียสติ สั่งให้ยายจำปาจับตา หรือแม้แต่พยายามฆ่าเหมหงส์เพื่อแลกกับการรักษายายจำปา เธอยังมีด้านมืด เช่น การใช้มนต์ดำเพื่อจัดการศัตรู แต่สุดท้ายกรรมตามสนอง ทำให้เธอเจอจุดจบจากมนต์ดำที่ตัวเองใช้
มณีจันทร์ทะเลาะกับสิงห์ที่เลือกข้างเหมหงส์ ทำให้เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้น เธอสั่งการแผนร้ายต่างๆ เช่น หลอกให้วรรณดีมาทำงานเพื่อใกล้ชิดและใส่ร้าย หรือบุกฆ่าเหมหงส์แต่เจ็บตัวเอง ในฉากเข้มข้น มณีจันทร์กลัวผลกรรมตามเล่นงาน จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ทำให้เธอสติแตก บทบาทนี้ท้าทายลภัสรดามาก เพราะต้องเล่นร้ายได้น่าหมั่นไส้แต่มีมิติ ผสมดราม่าเมื่อถูกเปิดโปงจากไกรสรและเหมหงส์ มณีจันทร์เป็นตัวแทนของความโลภที่ทำลายตัวเองและครอบครัว ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้ลภัสรดาโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากร้ายกาจ ดราม่ากลัวกรรม และคอมเมดี้เบาๆ จากแผนที่พลาด มณีจันทร์ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความชั่วไม่ยั่งยืน
ฉายา ราชินีตัวร้ายน้ำพริก
ฉายาราชินีตัวร้ายน้ำพริกของมณีจันทร์มาจากบทบาทที่เธอเป็นวายร้ายหลักในธีมน้ำพริกของเรื่อง ครอบครองธุรกิจน้ำพริกแต่ใช้มันปกปิดแผนร้าย ฉายานี้สะท้อนถึงความเจ้าเล่ห์และอำนาจที่เธอมีเหนือคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน มณีจันทร์ไม่ใช่ราชินีที่ปกครองด้วยความดี แต่ใช้เล่ห์กลโลภสมบัติ อยากฮุบทุกอย่างจากครอบครัวเหมหงส์ ฉายานี้ยังเล่นคำกับน้ำพริกที่เด็ดเผ็ดร้อน เหมือนบุคลิกเธอที่ร้ายกาจและเผ็ดร้อน ในเรื่อง มณีจันทร์วางแผนขัดขวางเหมหงส์ทุกทาง เช่น สั่งพวงชมพูสะกดรอย หรือใช้มนต์ดำจัดการศัตรู คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าที่เข้มข้น เช่น ฉากบุกฆ่าเหมหงส์แต่เจ็บตัวเอง ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมราชินีตัวร้ายน้ำพริกที่มณีจันทร์ยืนตำพริกด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่า เพราะมันผสมความร้ายกับกลิ่นอายบ้านๆ มณีจันทร์ในฐานะราชินีตัวร้ายน้ำพริกยังสอนให้เห็นว่าอำนาจจากความชั่วไม่ยั่งยืน สุดท้ายกรรมตามสนอง ฉายานี้ทำให้ลภัสรดาได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเกลียดแต่ติดตาม
ข้อคิด กรรมตามสนองความโลภที่ทำร้ายผู้อื่น
ข้อคิดจากมณีจันทร์คือกรรมตามสนองความโลภที่ทำร้ายผู้อื่น เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าความโลภนำไปสู่แผนร้าย แต่สุดท้ายกรรมกลับมาหาตัวเอง มณีจันทร์โลภสมบัติจนขัดขวางเหมหงส์ทุกทาง วางยาไกรสร และพยายามฆ่าเพื่อฮุบทุกอย่าง แต่จุดจบเธอเจอมนต์ดำที่ตัวเองใช้ย้อนกลับ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอกลัวผลกรรม จู่ๆ เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ทำให้สติแตก ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความชั่วจากความโลภจะตามสนองไม่ช้าก็เร็ว มณีจันทร์เริ่มจากหญิงเจ้าเล่ห์ที่ครอบครองบ้านปู่ แต่เมื่อความจริงเปิด เธอก็กลายเป็นผู้แพ้ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความดีชนะความชั่ว ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องซื่อสัตย์และไม่โลภเพื่อหลีกเลี่ยงกรรม ข้อคิดจากมณีจันทร์ช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเลือกทางที่ดี
→ จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท ยายแก้ว

เธอเป็นผู้เฒ่าที่อาศัยในหมู่บ้านน้ำพริก รู้ความลับเก่าๆ ของครอบครัวปู่บุญสมและมรดกที่ถูกซ่อนไว้ ยายแก้วมีบุคลิกฉลาดแกมโกงในทางดี ใจดี มีภูมิปัญญา และกล้าหาญ เธอไม่ใช่ยายแก่ที่เฉยเมย แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นช่วยเหลือเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องพินัยกรรมที่ถูกปกปิด ยายแก้วเติบโตมาในหมู่บ้านเดียวกับวรรณดีและไกรสร รู้จักอดีตความรักและความแค้นเก่าๆ ทำให้เธอกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงความจริง เธอการโต้ตอบกับตัวละครอื่นๆ เช่น ย่าบุหงาและยายจำปา ในกลุ่มยายๆ ที่สร้างสีสันทั้งดราม่าและคอมเมดี้
บทบาทของยายแก้วเริ่มจากผู้เฒ่าที่ดูแลบ้านเก่าและรู้เบาะแสลึกลับเกี่ยวกับห้องใต้ดินที่ซ่อนพินัยกรรมปู่บุญสม เธอช่วยเหมหงส์และวรรณดีโดยแอบให้ข้อมูลสำคัญ แม้เสี่ยงถูกมณีจันทร์ขัดขวาง ยายแก้วมีด้านใจดี เช่น การปลอบใจเหมหงส์ตอนเครียดจากเหตุการณ์กับสินชัยที่เธอแอบชอบ หรือการเล่าเรื่องอดีตให้ฟังเพื่อไขปริศนา ในฉากเข้มข้นอย่างตอนที่สิบ ยายแก้วแอบพาย่าบุหงาออกจากบ้านเพื่อพบวรรณดีและสอบถามที่ซ่อนพินัยกรรม ทำให้เรื่องเดินหน้า เธอยังถูกสงสัยจากมณีจันทร์ในตอนที่สิบแปด ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกบ้านเพื่อหาหลักฐาน จนถูกสอบสวนแต่ใช้ไหวพริบหลบเลี่ยง
ยายแก้วยังมีด้านตลกจากมุกทะเลาะกับยายอื่นๆ เกี่ยวกับน้ำพริกหรือเรื่องบ้านๆ แต่ลึกๆ เธอเป็นผู้ปกป้องความจริง บทบาทนี้ท้าทายจินตหรามาก เพราะต้องเล่นยายที่ผสมความฉลาดกับความใจดี ผสมดราม่าน้ำตาแตกตอนเปิดความลับ และคอมเมดี้เบาๆ จากชีวิตหมู่บ้าน ยายแก้วเป็นตัวแทนของภูมิปัญญาผู้เฒ่าที่ช่วยพลิกชะตาครอบครัว ทำให้เรื่องสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้จินตหราโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากลึกลับ ดราม่าครอบครัว และการเติบโตจากยายธรรมดาสู่ผู้เปิดโปงแผนร้าย
ฉายา ยายผู้รู้ลับ
ฉายายายผู้รู้ลับของยายแก้วมาจากบทบาทที่เธอเป็นผู้เฒ่าที่รู้ความลับเก่าๆ ของครอบครัวปู่บุญสมและพินัยกรรมที่ถูกซ่อนไว้ในบ้านเก่า ฉายานี้สะท้อนถึงความฉลาดและบทบาทสำคัญในการช่วยเปิดโปงความจริง ท่ามกลางแผนร้ายของมณีจันทร์ ยายแก้วไม่ใช่ยายแก่ที่เฉยเมย แต่ใช้ภูมิปัญญาและความรู้ลับช่วยเหมหงส์และวรรณดีพลิกชะตา ฉายานี้ยังเล่นคำกับธีมชะตาพลิกผัน ที่ยายแก้วรู้ลับเกี่ยวกับอดีตความรักของวรรณดีและไกรสร รวมถึงที่ซ่อนเอกสารสำคัญ ในเรื่อง ยายแก้วแอบพาย่าบุหงาออกจากบ้านเพื่อสอบถามเบาะแส ทำให้คนดูลุ้นตาม คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าที่เข้มข้น เช่น ตอนถูกมณีจันทร์สงสัยและสอบสวน ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมยายผู้รู้ลับที่ยายแก้วยืนเล่าเรื่องอดีตด้วยรอยยิ้มลึกลับ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความลึกลับกับการต่อสู้อันเข้มข้น ยายแก้วในฐานะยายผู้รู้ลับยังสอนให้เห็นว่าผู้เฒ่ามีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา แม้ต้องเสี่ยงกับแผนร้ายจากคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้จินตหราได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมชื่นชมภูมิปัญญาผู้เฒ่า
ข้อคิด ภูมิปัญญาผู้เฒ่าช่วยพลิกชะตาในยามยาก
ข้อคิดจากยายแก้วคือภูมิปัญญาผู้เฒ่าช่วยพลิกชะตาในยามยาก เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าความรู้และประสบการณ์จากผู้เฒ่าช่วยแก้ปัญหาครอบครัวและเปิดโปงความลับ ยายแก้วไม่ยอมแพ้ต่อแผนร้ายของมณีจันทร์ แต่ใช้ภูมิปัญญาเล่าเรื่องอดีตและให้เบาะแสสำคัญ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอแอบพาย่าบุหงาไปพบวรรณดีเพื่อสอบถามที่ซ่อนพินัยกรรม ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าช่วยนำทางในยามยาก ยายแก้วเริ่มจากยายธรรมดาที่รู้ลึกเกี่ยวกับครอบครัว แต่เมื่อความจริงเปิด เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องใช้ประสบการณ์ตำให้เด็ด เหมือนชีวิตที่ต้องอาศัยภูมิปัญญา ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเคารพและฟังผู้เฒ่าเพื่อเอาชนะอุปสรรค ข้อคิดจากยายแก้วช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้คุณค่าภูมิปัญญา
→ ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ รับบท ย่าบุหงา

เธอเป็นผู้เฒ่าที่อาศัยในหมู่บ้านน้ำพริก รู้ความลับเก่าๆ ของครอบครัวปู่บุญสมและมรดกที่ถูกซ่อนไว้ ย่าบุหงามีบุคลิกใจดี มีภูมิปัญญา กล้าหาญ และฉลาดในทางช่วยเหลือคนดี เธอไม่ใช่ย่าแก่ที่เฉยเมย แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นให้คำแนะนำเมื่อเห็นความไม่ยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องพินัยกรรมที่ถูกปกปิด ย่าบุหงาเติบโตมาในหมู่บ้านเดียวกับวรรณดีและไกรสร รู้จักอดีตความรัก ความแค้นเก่าๆ และที่ซ่อนเอกสารสำคัญ ทำให้เธอกลายเป็นกุญแจในการเปิดโปงความจริง เธอการโต้ตอบกับตัวละครอื่นๆ เช่น ยายแก้วและยายจำปา ในกลุ่มยายๆ ที่สร้างสีสันทั้งดราม่าและคอมเมดี้ แต่ย่าบุหงาเด่นในด้านให้เบาะแสลึกลับ
บทบาทของย่าบุหงาเริ่มจากผู้เฒ่าที่ดูแลบ้านเก่าและรู้เบาะแสเกี่ยวกับห้องใต้ดินที่ซ่อนพินัยกรรมปู่บุญสม เธอช่วยเหมหงส์และวรรณดีโดยแอบให้ข้อมูลสำคัญ แม้เสี่ยงถูกมณีจันทร์ขัดขวาง ย่าบุหงามีด้านใจดี เช่น การปลอบใจเหมหงส์ตอนเครียดจากเหตุการณ์กับสิงห์ หรือการเล่าเรื่องอดีตให้ฟังเพื่อไขปริศนา ในฉากเข้มข้น ย่าบุหงาถูกสงสัยจากเหมหงส์ว่ารู้เรื่องพินัยกรรมของปู่มนูญ เมื่อมีโอกาสอยู่กันสองคน เหมหงส์เลยพยายามสอบถามเรื่องที่ซ่อน ทำให้ย่าบุหงาเปิดเผยเบาะแสเกี่ยวกับต้นดอกทองโยที่สิงห์เจอ เธอยังถูกสอบสวนแต่ใช้ไหวพริบหลบเลี่ยง
ย่าบุหงายังมีด้านตลกจากมุกทะเลาะกับยายอื่นๆ เกี่ยวกับน้ำพริกหรือเรื่องบ้านๆ แต่ลึกๆ เธอเป็นผู้ปกป้องความจริง บทบาทนี้ท้าทายทัศน์วรรณมาก เพราะต้องเล่นย่าที่ผสมความใจดีกับความลึกลับ ผสมดราม่าน้ำตาแตกตอนเปิดความลับ และคอมเมดี้เบาๆ จากชีวิตหมู่บ้าน ย่าบุหงาเป็นตัวแทนของภูมิปัญญาผู้เฒ่าที่ช่วยพลิกชะตาครอบครัว ทำให้เรื่องสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้ทัศน์วรรณโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากลึกลับ ดราม่าครอบครัว และการเติบโตจากย่าธรรมดาสู่ผู้เปิดโปงแผนร้าย
ฉายา ย่าผู้เปิดเบาะแส
ฉายาย่าผู้เปิดเบาะแสของย่าบุหงามาจากบทบาทที่เธอเป็นผู้เฒ่าที่เปิดเผยเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับที่ซ่อนพินัยกรรม ท่ามกลางแผนร้ายของมณีจันทร์ ย่าบุหงาไม่ใช่ย่าแก่ที่เฉยเมย แต่ใช้ภูมิปัญญาและความรู้เก่าๆ ช่วยเหมหงส์พลิกชะตา ฉายานี้ยังเล่นคำกับธีมชะตาพลิกผัน ที่ย่าบุหงารู้ลึกเกี่ยวกับอดีตครอบครัว รวมถึงต้นดอกทองโยที่เป็นกุญแจ ในเรื่อง ย่าบุหงาถูกสอบถามโดยเหมหงส์เมื่ออยู่กันสองคน แล้วเปิดเผยเบาะแส ทำให้สิงห์เจอหลักฐาน คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าที่เข้มข้น เช่น ตอนถูกสงสัยและให้ข้อมูลลึกลับ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมย่าผู้เปิดเบาะแสที่ย่าบุหงายืนเล่าเรื่องด้วยรอยยิ้มลึกลับ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความลึกลับกับการต่อสู้อันเข้มข้น ย่าบุหงาในฐานะย่าผู้เปิดเบาะแสยังสอนให้เห็นว่าผู้เฒ่ามีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา แม้ต้องเสี่ยงกับแผนร้ายจากคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้ทัศน์วรรณได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมชื่นชมภูมิปัญญาผู้เฒ่า
ข้อคิด ความรู้จากอดีตช่วยแก้ปัญหาปัจจุบันได้เสมอ
ข้อคิดจากย่าบุหงาคือความรู้จากอดีตช่วยแก้ปัญหาปัจจุบันได้เสมอ เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าความรู้เก่าๆ และเบาะแสจากผู้เฒ่าช่วยเปิดโปงความลับและพลิกชะตาครอบครัว ย่าบุหงาไม่ยอมแพ้ต่อแผนร้ายของมณีจันทร์ แต่ใช้ความรู้เก่าเล่าเรื่องอดีตและให้เบาะแสสำคัญ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอถูกสอบถามโดยเหมหงส์ แล้วเปิดเผยที่ซ่อนพินัยกรรม ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความรู้จากอดีตช่วยนำทางในยามยาก ย่าบุหงาเริ่มจากย่าธรรมดาที่รู้ลึกเกี่ยวกับครอบครัว แต่เมื่อความจริงเปิด เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องใช้ประสบการณ์เก่าเพื่อรสชาติเด็ด เหมือนชีวิตที่ต้องอาศัยความรู้เก่า ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเรียนรู้จากอดีตและฟังผู้เฒ่าเพื่อเอาชนะอุปสรรค ข้อคิดจากย่าบุหงาช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้คุณค่าความรู้จากอดีต
→ นวพล ภูวดล รับบท สินชัย

เขาเป็นชายหนุ่มที่แอบชอบเหมหงส์ นางเอกสาวสตรอง และคอยช่วยเหลือเธอในยามยาก สินชัยมีบุคลิกอบอุ่น ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และฉลาดในทางปกป้องคนที่รัก เขาไม่ใช่พระรองแบบอิจฉา แต่เป็นเพื่อนสนิทที่ยืนเคียงข้างเหมหงส์ โดยไม่หวังผลตอบแทน สินชัยเติบโตมาในหมู่บ้านน้ำพริกเดียวกับเหมหงส์ รู้จักเธอตั้งแต่เด็ก ทำให้เขารู้สึกผูกพันและแอบรักเงียบๆ แต่ไม่เคยสารภาพเพราะเห็นเธอมีความสุขกับชีวิตเมืองกรุง เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ในหมู่บ้าน ช่วยดูแลยายๆ และชาวบ้าน ทำให้มีภาพลักษณ์หนุ่มบ้านๆ ที่น่าเชื่อถือ สินชัยการโต้ตอบกับตัวละครอื่นๆ เช่น สิงห์ที่เขาเริ่มสงสัยว่าเป็นลูกแท้ๆ ของมณีจันทร์ และไกรสรที่เป็นพ่อเหมหงส์ ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในดราม่าครอบครัว
บทบาทของสินชัยเริ่มจากหนุ่มในหมู่บ้านที่เตือนเหมหงส์ให้ระวังสิงห์เมื่อรู้ว่าเป็นลูกชายมณีจันทร์ หญิงเจ้าเล่ห์ที่ขัดขวางการทวงมรดก เขาช่วยเหมหงส์สะกดรอยหาเบาะแสพินัยกรรมในบ้านปู่บุญสม แม้เสี่ยงถูกพวงชมพูและลูกน้องมณีจันทร์จับได้ สินชัยมีด้านโรแมนติกเบาๆ เช่น การแอบช่วยเหมหงส์ตำน้ำพริกตอนเธอเครียด หรือปกป้องเธอจากแผนร้าย ในฉากเข้มข้น สินชัยสงสัยสิงห์เป็นลูกไกรสร ทำให้เขาเข้าไปสอบถามย่าบุหงาและยายแก้วเพื่อหาความจริง ช่วยเปิดโปงความลับเก่า สินชัยยังมีด้านตลกจากมุกบ้านๆ กับตรีภูมิ ลูกน้องกวนๆ แต่ลึกๆ เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ บทบาทนี้ท้าทายนวพลมาก เพราะต้องเล่นหนุ่มอบอุ่นที่ผสมความรักเงียบกับการต่อสู้อันเข้มข้น ผสมดราม่าน้ำตาแตกตอนเห็นเหมหงส์เจ็บ และคอมเมดี้เบาๆ จากชีวิตหมู่บ้าน สินชัยเป็นตัวแทนของมิตรภาพแท้ที่ช่วยพลิกชะตา ทำให้เรื่องสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้นวพลโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งฉากโรแมนติก ดราม่าครอบครัว และการเติบโตจากหนุ่มบ้านๆ สู่ฮีโร่ผู้ช่วยเหลือ
ฉายา เพื่อนรักผู้พิทักษ์
ฉายาเพื่อนรักผู้พิทักษ์ของสินชัยมาจากบทบาทที่เขาเป็นเพื่อนสนิทที่คอยปกป้องเหมหงส์จากแผนร้ายของมณีจันทร์ โดยไม่หวังผลตอบแทน ฉายานี้สะท้อนถึงความซื่อสัตย์และกล้าหาญของเขา จากหนุ่มบ้านๆ ที่แอบชอบแต่เลือกยืนเคียงข้างในฐานะเพื่อน สินชัยไม่ใช่แค่ผู้พิทักษ์แบบฮีโร่ แต่ใช้ความฉลาดและมิตรภาพช่วยเหลือ เช่น การเตือนเหมหงส์ให้ระวังสิงห์ หรือสะกดรอยหาเบาะแสพินัยกรรม ฉายานี้ยังเล่นคำกับธีมชะตาพลิกผัน ที่สินชัยช่วยพลิกสถานการณ์ด้วยมิตรภาพแท้ ในเรื่อง สินชัยสงสัยสิงห์เป็นลูกไกรสร แล้วเข้าไปสอบถามยายๆ เพื่อหาความจริง ทำให้คนดูลุ้นตาม คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าที่เข้มข้น เช่น ฉากปกป้องเหมหงส์จากพวงชมพู ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมเพื่อนรักผู้พิทักษ์ที่สินชัยยืนเคียงข้างเหมหงส์ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความโรแมนติกเงียบๆ กับการต่อสู้อันเข้มข้น สินชัยในฐานะเพื่อนรักผู้พิทักษ์ยังสอนให้เห็นว่ามิตรภาพแท้สามารถเปลี่ยนชะตาได้ แม้ต้องเสี่ยงกับแผนร้ายจากคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้ นวพลได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมชื่นชมมิตรภาพ
ข้อคิด มิตรภาพแท้ช่วยพลิกชะตาในยามยาก
ข้อคิดจากสินชัยคือมิตรภาพแท้ช่วยพลิกชะตาในยามยาก เพราะในเรื่องเขาแสดงให้เห็นว่ามิตรภาพที่ซื่อสัตย์ช่วยเหมหงส์ต่อสู้กับอุปสรรคและเปิดโปงความลับ สินชัยไม่ยอมแพ้ต่อแผนร้ายของมณีจันทร์ แต่ใช้มิตรภาพเตือนและช่วยเหลือเหมหงส์ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เขาสงสัยสิงห์แล้วหาความจริง ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน มิตรภาพแท้ช่วยนำทางในยามยาก สินชัยเริ่มจากหนุ่มที่แอบชอบแต่เลือกยืนเคียงข้างในฐานะเพื่อน แต่เมื่อความจริงเปิด เขาก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องผสมกันเพื่อรสชาติเด็ด เหมือนชีวิตที่ต้องอาศัยมิตรภาพ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องมีมิตรภาพแท้และช่วยเหลือกันเพื่อเอาชนะปัญหา ข้อคิดจากสินชัยช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้คุณค่ามิตรภาพ
→ อิสรพงศ์ ดอกยอ รับบท ตรีภูมิ

เขาเป็นลูกน้องกวนๆ ของมณีจันทร์ หญิงสาวเจ้าเล่ห์ที่พยายามฮุบสมบัติครอบครัวเหมหงส์ ตรีภูมิมีบุคลิกกวนโอ๊ย ตลก ร่าเริง และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก เขาไม่ใช่ลูกน้องร้ายแบบโหด แต่เป็นคนที่สร้างสีสันด้วยมุกตลกบ้านๆ ทำให้เรื่องดราม่าเข้มข้นผ่อนคลายลง ตรีภูมิเติบโตมาในหมู่บ้านน้ำพริก เป็นคนบ้านเดียวกับสินชัยและนกยูง ทำให้เขารู้จักชาวบ้านดีและชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแบบสนุกสนาน เขาเป็นคนซื่อตรงในแบบกวนๆ ไม่โลภเหมือนเจ้านาย แต่ทำตามคำสั่งเพราะความภักดีผสมกลัว ตรีภูมิการโต้ตอบกับตัวละครอื่นๆ เช่น พวงชมพูในกลุ่มลูกน้องมณีจันทร์ ที่เขาชอบแกล้งกัน หรือสิงห์ที่เขาสงสัยและกวนประสาท ทำให้เกิดมุกฮา
บทบาทของตรีภูมิเริ่มจากลูกน้องที่ช่วยมณีจันทร์สะกดรอยเหมหงส์และวรรณดี แต่เขามักทำพลาดเพราะความซุ่มซ่าม สร้างความวุ่นวายแบบตลก เช่น การแอบฟังความลับแต่สะดุดล้ม หรือหลอกล่อไกรสรแต่ถูกจับได้ ตรีภูมิมีด้านตลกหลัก เช่น การทะเลาะปากกับยายบานเย็นและยายจำปาในเรื่องน้ำพริก หรือแกล้งนกยูงเพื่อนเหมหงส์ ทำให้คนดูขำกลิ้ง ในฉากเข้มข้น ตรีภูมิกลายเป็นส่วนพลิกเรื่องโดยบังเอิญ เช่น การบอกเบาะแสผิดพลาดให้สิงห์ฟัง ทำให้แผนมณีจันทร์รั่วไหล เขายังมีด้านดราม่าเบาๆ เมื่อเห็นความชั่วของเจ้านายแล้วเริ่มลังเล ช่วยเหมหงส์แบบลับๆ ในช่วงกลางเรื่อง ตรีภูมิถูกมณีจันทร์ดุเพราะทำแผนพัง แต่เขาก็ยังกวนต่อ ทำให้เรื่องไม่เครียดเกินไป บทบาทนี้ท้าทายอิสรพงศ์มาก เพราะต้องเล่นกวนแต่มีมิติ ผสมคอมเมดี้กับดราม่าครอบครัว ตรีภูมิเป็นตัวแทนของคนธรรมดาที่สร้างเสียงหัวเราะท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้อิสรพงศ์โชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งมุกกวน ดราม่าลังเล และการเติบโตจากลูกน้องโง่ๆ สู่ผู้ช่วยพลิกชะตา
ฉายา ลูกน้องกวนโอ๊ย
ฉายาลูกน้องกวนโอ๊ยของตรีภูมิมาจากบทบาทที่เขาเป็นลูกน้องของมณีจันทร์แต่ชอบกวนประสาทและสร้างมุกตลก ทำให้แผนร้ายพลาดบ่อยๆ ฉายานี้สะท้อนถึงความกวนและร่าเริงของเขา จากลูกน้องธรรมดาที่ไม่จริงจัง กลายเป็นตัวสร้างสีสันในเรื่องดราม่า ตรีภูมิไม่ใช่แค่กวนแต่ใช้มันช่วยพลิกสถานการณ์ เช่น การแกล้งพวงชมพูหรือทะเลาะกับยายๆ ทำให้คนดูขำ ฉายานี้ยังเล่นคำกับบุคลิกกวนโอ๊ยที่ทำให้เรื่องไม่เครียดเกิน ในเรื่อง ตรีภูมิถูกมณีจันทร์ดุเพราะกวน แต่เขาก็ยังทำมุกต่อ ทำให้แผนพังแบบฮา คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้ที่เข้มข้น เช่น ฉากสะดุดล้มตอนสะกดรอยเหมหงส์ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมลูกน้องกวนโอ๊ยที่ตรีภูมิยืนกวนสิงห์ด้วยรอยยิ้มกวนๆ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความตลกกับการต่อสู้อันเข้มข้น ตรีภูมิในฐานะลูกน้องกวนโอ๊ยยังสอนให้เห็นว่าความกวนสามารถเปลี่ยนชะตาได้โดยบังเอิญ แม้ต้องเสี่ยงกับเจ้านายร้าย ฉายานี้ทำให้อิสรพงศ์ได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมหัวเราะในยามดราม่า
ข้อคิด ความตลกช่วยคลายเครียดในเรื่องดราม่า
ข้อคิดจากตรีภูมิคือความตลกช่วยคลายเครียดในเรื่องดราม่า เพราะในเรื่องเขาแสดงให้เห็นว่ามุกกวนและความร่าเริงช่วยผ่อนคลายบรรยากาศท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ตรีภูมิไม่ยอมแพ้ต่อความเครียดจากแผนร้ายของมณีจันทร์ แต่ใช้ความกวนสร้างเสียงหัวเราะ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เขาทำพลาดแต่ฮา ทำให้คนดูผ่อนคลายจากดราม่าครอบครัว ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน ความตลกช่วยคลายเครียดในยามยาก ตรีภูมิเริ่มจากลูกน้องกวนที่สร้างมุก แต่เมื่อเรื่องเข้มข้น เขาก็กลายเป็นส่วนคลายเครียด ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่เผ็ดร้อนแต่มีรสชาติสนุก เหมือนชีวิตที่ต้องมีตลกผสม ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องใช้ความตลกคลายเครียดและช่วยเหลือกันเพื่อเอาชนะปัญหา ข้อคิดจากตรีภูมิช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมหัวเราะในยามดราม่า
→ แป้งร่ำ ศิวนารี รับบท นกยูง

เธอเป็นเพื่อนซี้สนิทของเหมหงส์ นางเอกสาวสตรองมาตั้งแต่เด็ก นกยูงมีบุคลิกเปรี้ยวซ่า ปากจัด ตรงไปตรงมา แต่ใจดีและซื่อสัตย์สุดๆ เธอไม่ใช่เพื่อนสาวแบบเรียบร้อย แต่เป็นคนที่พูดอะไรตรงๆ แซ่บๆ และพร้อมลุยทุกสถานการณ์เพื่อน นกยูงเติบโตมาในหมู่บ้านน้ำพริกเดียวกับเหมหงส์และสินชัย ทำให้เธอรู้เรื่องชาวบ้านดีและชอบเม้าท์มอยแบบสนุกสนาน เธอเป็นคนที่รู้จักนิสัยเหมหงส์ดีที่สุด รู้ว่าเพื่อนแอบชอบสิงห์หรือกำลังเครียดเรื่องมรดก นกยูงโต้ตอบกับตัวละครอื่นๆ เช่น ทะเลาะปากกับตรีภูมิ ลูกน้องกวนๆ ของมณีจันทร์ หรือแกล้งพวงชมพูที่ชอบมาสะกดรอย ทำให้เกิดมุกฮาๆ เยอะมาก
บทบาทของนกยูงเริ่มจากเพื่อนที่คอยให้กำลังใจเหมหงส์ตอนกลับมาทวงมรดก เธอช่วยสะกดรอยหาเบาะแสพินัยกรรมในบ้านปู่บุญสม แม้เสี่ยงถูกมณีจันทร์จับได้ นกยูงมีด้านเปรี้ยวหลัก เช่น การดุมณีจันทร์ตรงๆ ว่าเจ้าเล่ห์ หรือแกล้งตรีภูมิให้หลุดปากความลับ ในฉากเข้มข้น นกยูงถูกพวงชมพูใส่ร้ายจนทะเลาะกับเหมหงส์ แต่สุดท้ายพิสูจน์ความบริสุทธิ์และกลับมาช่วยเพื่อนเปิดโปงแผนร้าย นกยูงยังมีด้านอ่อนโยน เช่น การปลอบเหมหงส์ตอนร้องไห้เรื่องความรักกับสิงห์ หรือช่วยวรรณดีตำน้ำพริกตอนป่วย นกยูงกลายเป็นตัวคลายเครียดและผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้เหมหงส์ไม่เหงา บทบาทนี้ท้าทายแป้งร่ำมาก เพราะต้องเล่นเปรี้ยวแต่มีมิติ ผสมคอมเมดี้กับดราม่าครอบครัว นกยูงเป็นตัวแทนของเพื่อนแท้ที่พร้อมลุยทุกอย่าง ทำให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกและลุ้นระทึกตลอดสามสิบเก้าตอน บทบาทนี้ช่วยให้แป้งร่ำโชว์ฝีมือการแสดงได้หลากหลาย ทั้งมุกเปรี้ยว ดราม่าน้ำตาแตกตอนทะเลาะเพื่อน และการเติบโตจากสาวปากจัดสู่ผู้พิทักษ์มิตรภาพ
ฉายา เพื่อนซี้ปากแซ่บ
ฉายาเพื่อนซี้ปากแซ่บของนกยูงมาจากบทบาทที่เธอเป็นเพื่อนเหมหงส์ที่ปากจัด พูดตรง แซ่บเผ็ดร้อน แต่ใจดีและซื่อสัตย์ ฉายานี้สะท้อนถึงความเปรี้ยวและความกล้าหาญของเธอ จากสาวบ้านๆ ที่ไม่กลัวใคร กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการต่อสู้กับมณีจันทร์ นกยูงไม่ใช่แค่ปากแซ่บแต่ใช้มันดุมณีจันทร์ตรงๆ หรือแกล้งตรีภูมิให้หลุดปากความลับ ฉายานี้ยังเล่นคำกับรสชาติน้ำพริกที่แซ่บ เหมือนปากเธอที่เผ็ดแต่จริงใจ ในเรื่อง นกยูงถูกพวงชมพูใส่ร้ายแต่แก้ตัวด้วยปากแซ่บ ทำให้คนดูขำและสะใจ คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้ที่เข้มข้น เช่น ฉากทะเลาะปากกับตรีภูมิ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมเพื่อนซี้ปากแซ่บที่นกยูงยืนดุพวงชมพูด้วยรอยยิ้มเปรี้ยว ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความเปรี้ยวกับมิตรภาพอันเข้มข้น นกยูงในฐานะเพื่อนซี้ปากแซ่บยังสอนให้เห็นว่าคำพูดตรงๆ สามารถปกป้องเพื่อนได้ แม้ต้องเสี่ยงกับแผนร้ายจากคนใกล้ตัว ฉายานี้ทำให้แป้งร่ำได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมชื่นชมเพื่อนแท้
ข้อคิด เพื่อนแท้ต้องพูดตรงและอยู่เคียงข้างเสมอ
ข้อคิดจากนกยูงคือเพื่อนแท้ต้องพูดตรงและอยู่เคียงข้างเสมอ เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่ามิตรภาพที่ซื่อสัตย์และปากตรงช่วยเหมหงส์ผ่านอุปสรรคใหญ่ นกยูงไม่ยอมแพ้ต่อแผนร้ายของมณีจันทร์ แต่ใช้คำพูดแซ่บและการอยู่เคียงข้างช่วยเพื่อน ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอถูกใส่ร้ายแต่พิสูจน์ตัวเองและกลับมาช่วยเหมหงส์เปิดโปงความลับ ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน เพื่อนแท้ต้องกล้าพูดตรงและไม่ทิ้งกันในยามยาก นกยูงเริ่มจากสาวเปรี้ยวที่ปากจัด แต่เมื่อเพื่อนเดือดร้อน เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องผสมกันให้แซ่บ เหมือนมิตรภาพที่ต้องตรงไปตรงมา ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องมีเพื่อนแท้ที่พูดตรงและอยู่เคียงข้างเพื่อเอาชนะปัญหา ข้อคิดจากนกยูงช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้คุณค่ามิตรภาพ
→ อ้วน รีเทิร์น รับบท ยายบานเย็น

เธอเป็นยายแก่ในหมู่บ้านน้ำพริกที่ชอบทะเลาะกับยายแก้ว ยายจำปา และย่าบุหงาแบบไม่มีเหตุผล แต่ลึกๆ แล้วใจดีและรักเพื่อนฝูง ยายบานเย็นมีบุคลิกปากร้าย ขี้บ่น ขี้โมโห แต่ฮาแบบไม่ตั้งใจ เธอไม่ใช่ยายแก่ที่เงียบๆ แต่เป็นคนที่พูดอะไรก็ออกทะเล ทำอะไรก็พลาดตลอด ทำให้ทุกฉากที่เธอโผล่มาคนดูขำกลิ้ง ยายบานเย็นอาศัยอยู่ใกล้บ้านปู่บุญสม รู้เรื่องชาวบ้านดี แต่จำผิดจำถูกบ่อยๆ ทำให้เกิดมุกตลกเพียบ เธอชอบแย่งกุญแจห้องใต้ดินกับยายคนอื่น หรือทะเลาะเรื่องน้ำพริกสูตรใครอร่อยกว่า แต่พอถึงคราวคับขันก็ช่วยเหมหงส์แบบไม่รู้ตัว
บทบาทของยายบานเย็นคือตัวคลายเครียดหลักของเรื่อง เธอโผล่มาทะเลาะกับแก๊งยายทุกครั้งที่ดราม่าหนักเกินไป เช่น ตอนเหมหงส์กำลังเครียดเรื่องพินัยกรรม ยายบานเย็นก็มาแย่งครกตำพริกแล้วล้มกลิ้ง หรือตอนมณีจันทร์ส่งลูกน้องมาสะกดรอย ยายบานเย็นดันไปเห็นแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นโจร ทำให้วิ่งไล่ตีด้วยไม้กวาด สร้างความวุ่นวายแบบฮาๆ ในช่วงกลางเรื่อง ยายบานเย็นถูกมณีจันทร์หลอกให้สงสัยเหมหงส์ แต่สุดท้ายเธอก็กลับมาช่วยเปิดเบาะแสโดยบังเอิญ เพราะจำผิดว่ากุญแจห้องใต้ดินอยู่ไหน ยายบานเย็นยังมีด้านน่ารัก เช่น การให้กำลังใจวรรณดีแบบบ้านๆ หรือแอบช่วยไกรสรตอนสติยังไม่ดี บทบาทนี้ทำให้อ้วน รีเทิร์นโชว์มุกตลกเต็มสูบ ทั้งมุกคำพูด มุกกาย และมุกสถานการณ์ ยายบานเย็นเป็นตัวแทนของยายไทยบ้านๆ ที่ทำให้เรื่องดราม่าหนักๆ กลายเป็นเบาสมอง ทำให้คนดูหัวเราะได้แม้ในฉากเศร้า และช่วยให้เรื่องเดินหน้าอย่างสนุกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ยายทะเลาะประจำหมู่บ้าน
ฉายายายทะเลาะประจำหมู่บ้านของยายบานเย็นมาจากบทบาทที่เธอทะเลาะกับแก๊งยายทุกวัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยอย่างน้ำพริกสูตรใครเด็ด หรือเรื่องใหญ่แบบแย่งกุญแจบ้านปู่บุญสม ฉายานี้สะท้อนถึงความกวนและความฮาของเธอ จากยายแก่ปากร้ายที่ดูเหมือนจะเกลียดกัน แต่จริงๆ แล้วรักกันลึกๆ ยายบานเย็นไม่ใช่แค่ทะเลาะแต่ใช้มันสร้างมุกคลายเครียดให้ทั้งเรื่อง เช่น การวิ่งไล่ตีลูกน้องมณีจันทร์เพราะเข้าใจผิด ฉายานี้ยังเล่นคำกับบุคลิกขี้โมโหที่ทำให้คนดูขำ ในเรื่อง ยายบานเย็นทะเลาะกับยายแก้วและยายจำปาจนบ้านแตก แต่พอถึงคราวคับขันก็จับมือกันช่วยเหมหงส์ คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้บ้านๆ ที่เข้มข้น ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมยายทะเลาะประจำหมู่บ้านที่ยายบานเย็นยืนชี้หน้าด้วยไม้กวาด ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความทะเลาะกับความรักเพื่อนฝูง ยายบานเย็นในฐานะยายทะเลาะประจำหมู่บ้านยังสอนให้เห็นว่าการทะเลาะกันบ้างทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ ฉายานี้ทำให้อ้วน รีเทิร์นได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างรอยยิ้มให้ผู้ชมทุกวัย
ข้อคิด การทะเลาะกันบ้างก็ทำให้ชีวิตมีสีสัน
ข้อคิดจากยายบานเย็นคือการทะเลาะกันบ้างก็ทำให้ชีวิตมีสีสัน เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่าการทะเลาะกับเพื่อนฝูงแบบยายๆ ไม่ได้หมายถึงเกลียดกัน แต่เป็นการแสดงความรักในแบบบ้านๆ ยายบานเย็นทะเลาะกับยายแก้วและยายคนอื่นทุกวัน แต่พอถึงคราวเพื่อนเดือดร้อนก็ช่วยเต็มที่ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอทะเลาะกันเรื่องกุญแจ แต่สุดท้ายร่วมมือกันช่วยเหมหงส์หาพินัยกรรม ทำให้เรื่องคลายเครียด ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การทะเลาะกันบ้างช่วยระบายและทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น ยายบานเย็นเริ่มจากยายปากร้ายที่ดูเหมือนจะเกลียดกัน แต่เมื่อเรื่องเข้มข้น เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมน้ำพริกที่ต้องตำแรงๆ ถึงจะอร่อย เหมือนชีวิตที่ต้องมีทะเลาะบ้างถึงมีรสชาติ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องทะเลาะกันบ้างแต่สุดท้ายรักกันเพื่อให้ชีวิตสนุก ข้อคิดจากยายบานเย็นช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมยิ้มได้แม้ในวันที่ดราม่า
→ อำภา ภูษิต รับบท ยายจำปา

เธอเป็นยายแก่ในหมู่บ้านน้ำพริกที่ดูเหมือนร้ายแต่จริงๆ แล้วถูกมณีจันทร์หลอกใช้ตลอด ยายจำปามีบุคลิกขี้กลัว ขี้บ่น ปากร้าย แต่ใจอ่อนและซื่อง่าย เธอไม่ใช่ตัวร้ายแท้ๆ แต่เป็นเหยื่อของมณีจันทร์ที่ถูกขู่เข็ญให้ช่วยแผนร้าย เช่น จับตาดูไกรสรไม่ให้หนี หรือขโมยของจากบ้านปู่บุญสม ยายจำปาชอบทะเลาะกับยายบานเย็นและยายแก้วแบบบ้านๆ แต่พอรู้ตัวว่าถูกหลอกก็กลับใจช่วยฝั่งดี ยายจำปาอยู่บ้านใกล้บ้านเก่า รู้เรื่องชาวบ้านดี แต่จำผิดจำถูกเพราะอายุมาก ทำให้เกิดมุกตลกเพียบ
บทบาทของยายจำปาเริ่มจากยายที่ถูกมณีจันทร์สั่งให้เฝ้าไกรสรเพราะกลัวความลับเรื่องพ่อแท้ๆ ของเหมหงส์รั่ว เธอช่วยขโมยพินัยกรรมหรือใส่ร้ายวรรณดี แต่ทำอะไรก็พลาดตลอด เช่น แอบฟังความลับแต่ล้มกลิ้ง หรือถือกุญแจห้องใต้ดินแต่ลืมว่าซ่อนไว้ไหน ในช่วงกลางเรื่อง ยายจำปาถูกมณีจันทร์ขู่เรื่องลูกจนกลัว แต่พอเห็นความชั่วจริงๆ ก็เริ่มลังเลและแอบช่วยเหมหงส์ให้เบาะแส สุดท้ายยายจำปากลับใจเต็มตัว ช่วยแก๊งยายเปิดโปงมณีจันทร์ ทำให้แผนร้ายพังทลาย ยายจำปายังมีมุกฮาเยอะ เช่น ทะเลาะแย่งครกตำพริกกับยายบานเย็น หรือวิ่งหนีตอนถูกสิงห์จับได้ บทบาทนี้ทำให้อำภา ภูษิตโชว์มุกตลกเต็มสูบ ทั้งมุกกลัว มุกซุ่มซ่าม และมุกกลับใจ ยายจำปาเป็นตัวแทนของคนแก่ที่ถูกหลอกแต่สุดท้ายเลือกทางดี ทำให้เรื่องดราม่าหนักๆ มีสีสันและคนดูทั้งเกลียดทั้งขำ สร้างความสนุกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ยายร้ายกลับใจ
ฉายายายร้ายกลับใจของยายจำปามาจากบทบาทที่เธอเริ่มจากยายที่ช่วยมณีจันทร์ทำร้ายฝั่งเหมหงส์ แต่สุดท้ายกลับใจช่วยฝั่งดีเต็มตัว ฉายานี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากร้ายเป็นดีเพราะเห็นความชั่วจริงๆ ยายจำปาไม่ใช่ร้ายโดยนิสัย แต่ถูกขู่เรื่องลูกจนยอมทำตามคำสั่งมณีจันทร์ เช่น เฝ้าไกรสรหรือขโมยของ ฉายานี้ยังเล่นคำกับบุคลิกขี้กลัวที่ทำให้คนดูทั้งหมั่นไส้ทั้งสงสาร ในเรื่อง ยายจำปาถูกขู่จนกลัว แต่พอรู้ความจริงก็แอบช่วยแก๊งยายเปิดโปง คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงดราม่าที่เข้มข้นและการไถ่บาป ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมยายร้ายกลับใจที่ยายจำปายืนร้องไห้ขอโทษเหมหงส์ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่าครอบครัว เพราะมันผสมความร้ายกับการกลับใจอันน่าประทับใจ ยายจำปาในฐานะยายร้ายกลับใจยังสอนให้เห็นว่าคนเรากลับตัวได้เสมอถ้ารู้ผิด ฉายานี้ทำให้อำภา ภูษิตได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างความสะใจให้ผู้ชมตอนยายกลับใจ
ข้อคิด คนเรากลับตัวกลับใจได้เสมอถ้ารู้ตัว
ข้อคิดจากยายจำปาคือคนเรากลับตัวกลับใจได้เสมอถ้ารู้ตัว เพราะในเรื่องเธอแสดงให้เห็นว่ายายที่เคยช่วยมณีจันทร์ทำร้ายเพราะถูกขู่ แต่พอเห็นความชั่วจริงๆ ก็เลือกทางดีช่วยเหมหงส์ ยายจำปาไม่ยอมแพ้ต่อความกลัว แต่ใช้โอกาสไถ่บาปด้วยการเปิดเบาะแสสำคัญ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอร้องไห้ขอโทษและช่วยแก๊งยายเปิดโปงมณีจันทร์ ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การกลับใจช่วยแก้ไขความผิดและนำไปสู่ความสุข ยายจำปาเริ่มจากยายร้ายที่ถูกหลอก แต่เมื่อรู้ตัว เธอก็กลายเป็นส่วนสำคัญในการชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความดีชนะได้แม้เคยผิด ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องกลับใจเมื่อรู้ผิดเพื่อชีวิตที่ดีขึน ข้อคิดจากยายจำปาช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้โอกาสคนกลับตัว
→ เจสสิก้า สมปอง รับบท พวงชมพู

เธอเป็นสาวสวยแต่กวนโอ๊ย ปากจัด ชอบทำตัวเปรี้ยวและแซ่บเกินเบอร์ พวงชมพูมีบุคลิกเจ้าคิดเจ้าแค้น โลภเงินทอง และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเจ้านาย เพราะหวังส่วนแบ่งจากสมบัติที่มณีจันทร์สัญญาจะให้ เธอไม่ใช่ตัวร้ายแบบเย็นชา แต่เป็นร้ายแบบกวนๆ ทำอะไรก็พลาดตลอดจนคนดูทั้งหมั่นไส้ทั้งขำ พวงชมพูเติบโตมาแบบยากจน ทำให้ยอมเป็นนกต่อให้มณีจันทร์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เธอรู้เรื่องแผนร้ายทุกอย่าง ตั้งแต่การสะกดรอยเหมหงส์ วางยาไกรสร ไปจนถึงขโมยพินัยกรรม
บทบาทของพวงชมพูคือตัวสร้างความวุ่นวายและมุกตลกให้ฝั่งร้าย เธอชอบแต่งตัวจัดเต็ม ใส่ส้นสูงบุกบ้านปู่บุญสม หรือแอบฟังความลับแต่สะดุดล้มกลิ้งทุกที พวงชมพูถูกส่งไปใส่ร้ายวรรณดี หลอกนกยูง หรือแม้แต่พยายามยั่วสิงห์ให้ห่างจากเหมหงส์ แต่สุดท้ายก็ทำพลาดเพราะความโลภและความซุ่มซ่ามของตัวเอง ในช่วงท้ายเรื่อง พวงชมพูเริ่มกลัวกรรมตามสนองเพราะเห็นมณีจันทร์เริ่มสติแตก เธอพยายามหนีแต่ถูกจับได้และกลายเป็นพยานสำคัญที่ช่วยเปิดโปงเจ้านาย บทบาทนี้ทำให้เจสสิก้าโชว์มุกเปรี้ยวจัดเต็ม ทั้งมุกปาก มุกกาย และมุกหน้าเหวอตอนแผนพัง พวงชมพูเป็นตัวแทนของลูกน้องที่โลภจนตายตามเจ้านาย แต่สุดท้ายก็ได้บทเรียนชีวิต ทำให้คนดูทั้งเกลียดทั้งขำและสะใจตอนเธอโดนกรรมสนอง สร้างสีสันให้ฝั่งร้ายไม่น่าเบื่อและช่วยขับเนื่อเรื่องให้สนุกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ลูกน้องเปรี้ยวซ่า
ฉายาลูกน้องเปรี้ยวซ่าของพวงชมพูมาจากบุคลิกสาวสวยแต่งตัวจัด ปากแซ่บ และชอบทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตามณีจันทร์ เธอไม่ใช่ลูกน้องเงียบๆ แต่เปรี้ยวเกินจนแผนร้ายพังบ่อยๆ เพราะความโลภและความกวนของตัวเอง ฉายานี้สะท้อนถึงความฮาและความร้ายแบบมีสีสัน พวงชมพูชอบยั่วสิงห์ ใส่ร้ายนกยูง หรือบุกบ้านปู่ด้วยส้นสูงจนล้มกลิ้ง ฉายานี้ยังเล่นคำกับความเปรี้ยวที่ทำให้คนดูขำแทนที่จะกลัว ในเรื่อง พวงชมพูถูกมณีจันทร์ดุบ่อยเพราะเปรี้ยวเกิน แต่เธอก็ยังแซ่บต่อจนแผนรั่ว คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้ฝั่งร้ายที่เข้มข้น ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมลูกน้องเปรี้ยวซ่าที่พวงชมพูยืนโพสท่าด้วยรอยยิ้มกวนๆ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในละครแนวดราม่า เพราะมันผสมความร้ายกับความเปรี้ยวอันสนุก พวงชมพูในฐานะลูกน้องเปรี้ยวซ่ายังสอนให้เห็นว่าความโลภแบบแซ่บๆ สุดท้ายพังเอง ฉายานี้ทำให้เจสสิก้าได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างรอยยิ้มและความสะใจให้ผู้ชม
ข้อคิด โลภมากลาภหาย ทำชั่วสุดท้ายโดนกรรมสนอง
ข้อคิดจากพวงชมพูคือโลภมากลาภหาย ทำชั่วสุดท้ายโดนกรรมสนอง เพราะเธอเป็นลูกน้องที่โลภเงินจากมณีจันทร์จนยอมทำร้ายคนอื่น แต่สุดท้ายแผนพังและตัวเองก็ซวยตาม พวงชมพูเริ่มจากสาวยากจนที่หวังรวยทางลัด แต่ความโลภทำให้เธอทำพลาดซ้ำๆ จนถูกจับได้ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอพยายามหนีแต่ถูกสิงห์และผู้กองแดนจับ กลายเป็นพยานที่ทำให้มณีจันทร์แพ้ ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การโลภและทำชั่วเพื่อเงินทองสุดท้ายไม่คุ้ม พวงชมพูเคยเปรี้ยวซ่าแต่พอกรรมตามก็ร้องไห้ขอโทษ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความชั่วไม่มีวันชนะ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องซื่อสัตย์และไม่โลภเพื่อชีวิตที่สงบ ข้อคิดจากพวงชมพูช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเลือกทางดี
→ อนุภาษ เหลืองสดใส รับบท ผู้กองแดน

เขาเป็นนายตำรวจประจำพื้นที่หมู่บ้านน้ำพริกที่ดูเหมือนเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วฉลาดหลักแหลมและยุติธรรมสุดๆ ผู้กองแดนมีบุคลิกสุขุม นิ่งๆ แต่แฝงความเท่และความจริงจังกับหน้าที่ ต่างจากตำรวจทั่วไปที่อาจจะรับสินบนง่ายๆ เขากลับยึดมั่นในความถูกต้องแม้จะถูกมณีจันทร์พยายามซื้อตัวหลายครั้ง ผู้กองแดนสนิทกับชาวบ้านโดยเฉพาะสินชัยและไกรสร ทำให้เขารู้เรื่องราวในหมู่บ้านดีแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อเก็บหลักฐานเงียบๆ
บทบาทของผู้กองแดนคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ฝั่งดีชนะ เขาเริ่มโผล่มาสอบสวนคดีวางเพลิงบ้านปู่บุญสม คดีทำร้ายเหมหงส์ และคดีไกรสรหายตัวไปนาน จากนั้นค่อยๆ รวบรวมหลักฐานจากคำบอกเล่าของยายแก้ว ยายจำปา และพยานอื่นๆ ผู้กองแดนถูกมณีจันทร์และพวงชมพูพยายามยั่วหรือติดสินบน แต่เขาปฏิเสธทุกครั้งและแกล้งทำเป็นหลงกลเพื่อหลอกให้ฝั่งร้ายเผยไต๋ ในตอนท้ายๆ ผู้กองแดนนำกำลังบุกจับมณีจันทร์ตอนเธอกำลังจะทำร้ายเหมหงส์ครั้งสุดท้าย พร้อมนำหลักฐานพินัยกรรมและคำสารภาพของพวงชมพูมาปิดคดีอย่างสวยงาม ผู้กองแดนยังมีโมเมนต์เท่ๆ เช่น ขี่มอเตอร์ไซค์มาช่วยสิงห์ตอนวิ่งไล่พวงชมพู หรือยืนเท่ๆ ถือกุญแจมือตอนจับตัวร้าย บทบาทนี้ทำให้อนุภาษโชว์ความหล่อแบบผู้ชายในเครื่องแบบได้เต็มที่ ทั้งสายตาคมๆ การพูดน้อยแต่หนักแน่น และแอ็กชันเบาๆ ผู้กองแดนเป็นตัวแทนของกฎหมายที่มาพลิกชะตาให้ฝั่งดี ทำให้คนดูสะใจและรู้สึกว่ายังมีความยุติธรรมในโลก สร้างความตื่นเต้นให้ช่วงท้ายเรื่องสุดๆ
ฉายา ตำรวจเทพประจำหมู่บ้าน
ฉายาตำรวจเทพประจำหมู่บ้านของผู้กองแดนมาจากบทบาทที่เขาดูเหมือนตำรวจธรรมดาแต่จริงๆ แล้วเก่งสุดๆ รวบรวมหลักฐานเงียบๆ และจับตัวร้ายได้อย่างสวยงาม ฉายานี้สะท้อนถึงความฉลาดและความยุติธรรมที่ทำให้ชาวบ้านรักและฝั่งร้ายกลัว ผู้กองแดนไม่ใช่ตำรวจแบบโผงผาง แต่ใช้ความนิ่งหลอกให้มณีจันทร์และพวงชมพูเผยไต๋เอง ฉายานี้ยังเล่นคำกับความเท่ที่ทำให้คนดูกรี๊ดตอนเขาขี่มอเตอร์ไซค์มาช่วยเหมหงส์ ในเรื่อง ผู้กองแดนถูกมณีจันทร์พยายามซื้อแต่เขาปฏิเสธและแกล้งหลงเพื่อเก็บหลักฐาน คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงความสะใจตอนเขาจับตัวร้าย ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมตำรวจเทพประจำหมู่บ้านที่ผู้กองแดนยืนเท่ๆ ถือกุญแจมือ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในช่วงท้ายเรื่อง เพราะมันผสมความหล่อกับความยุติธรรมอันเข้มข้น ผู้กองแดนในฐานะตำรวจเทพประจำหมู่บ้านยังสอนให้เห็นว่ากฎหมายมาช่วยคนดีได้เสมอ ฉายานี้ทำให้อนุภาษได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างความฟินให้ผู้ชมสายชอบพระรองเท่ๆ
ข้อคิด กฎหมายและความยุติธรรมมาช้าแต่มาชัวร์
ข้อคิดจากผู้กองแดนคือกฎหมายและความยุติธรรมมาช้าแต่มาชัวร์ เพราะในเรื่องเขาสอบสวนช้าๆ เก็บหลักฐานเงียบๆ แต่สุดท้ายจับตัวร้ายได้หมด ผู้กองแดนแสดงให้เห็นว่าความถูกต้องชนะได้แม้ตัวร้ายจะดูเหนือกว่าในตอนแรก เขาไม่ยอมรับสินบนและยึดมั่นหน้าที่จนปิดคดีสำเร็จ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เขาบุกจับมณีจันทร์พร้อมหลักฐานครบ ทำให้ฝั่งดีชนะอย่างสวยงาม ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน อย่าท้อถ้าความยุติธรรมดูช้า เพราะสุดท้ายมันจะมา ผู้กองแดนเริ่มจากตำรวจที่ดูเฉยๆ แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็กลายเป็นฮีโร่ที่พลิกชะตา ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความดีและกฎหมายชนะเสมอ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเชื่อมั่นในความยุติธรรมและทำดีต่อไป ข้อคิดจากผู้กองแดนช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเชื่อในกฎหมายและความถูกต้อง
→ กล้วย เชิญยิ้ม รับบท ปู่บุญสม

แม้ตัวละครจะเสียชีวิตไปก่อนเรื่องเริ่ม แต่ปู่บุญสมคือคนที่พลิกชะตาทุกคนด้วยพินัยกรรมลับที่ยกสมบัติทั้งหมดให้วรรณดีและเหมหงส์ ปู่บุญสมมีบุคลิกในอดีตเป็นคนใจกว้าง รักครอบครัว และฉลาดหลักแหลม รู้ทันความโลภของมณีจันทร์ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงซ่อนพินัยกรรมตัวจริงไว้ในห้องลับใต้บ้านเก่าเพื่อป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนผิด ปู่บุญสมเคยรักยายแก้วและย่าบุหงาในวัยสาว ทำให้สองยายนี้รู้ความลับและคอยช่วยเหมหงส์ตลอด
บทบาทของปู่บุญสมแม้ไม่โผล่หน้าตัวเป็นๆ แต่ปรากฏผ่านฟลาชแบ็กและเรื่องเล่าของยายๆ บ่อยมาก ทุกครั้งที่โผล่มาจะฮาเพราะกล้วย เชิญยิ้มใส่มุกบ้านๆ เข้าไปเต็มสูบ เช่น ตอนเล่าวัยหนุ่มชอบแกล้งมณีจันทร์จนเธอแค้น หรือตอนตำน้ำพริกแข่งกับปู่คนอื่นแล้วแพ้แบบตลกๆ ปู่บุญสมเป็นคนวางหมากไว้ทั้งหมด ตั้งแต่เขียนพินัยกรรมสองฉบับ ฉบับปลอมให้มณีจันทร์หลง และฉบับจริงซ่อนไว้กับเบาะแสที่กระจายให้ยายแก้ว ย่าบุหงา และไกรสร ปู่ยังทิ้งจดหมายลับให้เหมหงส์เจอเป็นคนแรก ทำให้เรื่องทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว เขายังเคยช่วยไกรสรหนีจากมณีจันทร์ในอดีต ทำให้ไกรสรยังมีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบัน บทบาทนี้ทำให้กล้วย เชิญยิ้มโชว์มุกตลกในฟลาชแบ็กได้เต็มที่ ทั้งมุกคำพูด มุกหน้า และมุกทะเลาะกับยายๆ ปู่บุญสมคือตัวละครที่ “ตายแต่ไม่ตาย” เพราะวิญญาณและความฉลาดของปู่ยังคุมเกมอยู่เบื้องหลัง ทำให้คนดูรู้สึกว่าปู่คือผู้กำกับชะตาทั้งเรื่องจริงๆ สร้างความสนุกและความสะใจทุกครั้งที่มีฟลาชแบ็ก
ฉายา ปู่ผู้วางหมาก
ฉายาปู่ผู้วางหมากของปู่บุญสมมาจากการที่ปู่ตายไปแล้วแต่ยังคุมเกมทั้งเรื่องด้วยพินัยกรรมลับและเบาะแสที่กระจายไว้อย่างแยบยล ฉายานี้สะท้อนถึงความฉลาดหลักแหลมที่รู้ทันมณีจันทร์ตั้งแต่แรก จึงเขียนพินัยกรรมสองฉบับและซ่อนตัวจริงไว้กับกุญแจลับ ปู่บุญสมไม่ใช่ปู่ธรรมดาแต่เป็นนักวางแผนระดับเทพที่ทำให้ตัวร้ายแพ้ยับแม้ตัวเองไม่อยู่แล้ว ฉายานี้ยังเล่นคำกับความฮาที่กล้วย เชิญยิ้มใส่เข้าไปในฟลาชแบ็ก ทำให้ปู่ดูฉลาดแต่กวน ในเรื่อง ปู่เคยหลอกมณีจันทร์ด้วยพินัยกรรมปลอมจนเธอดีใจเก้อ คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงความสะใจที่ปู่ยังชนะจากหลุมฝังศพ ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมปู่ผู้วางหมากที่ปู่บุญสมยืนยิ้มในฟลาชแบ็ก ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นแม้โผล่น้อย เพราะมันผสมความฉลาดกับความฮาอันเป็นเอกลักษณ์ ปู่บุญสมในฐานะปู่ผู้วางหมากยังสอนให้เห็นว่าคนดีวางแผนล่วงหน้าชนะเสมอ ฉายานี้ทำให้กล้วย เชิญยิ้มได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างความฟินให้ผู้ชมทุกครั้งที่ปู่โผล่
ข้อคิด คนดีวางแผนล่วงหน้าชนะแม้ตัวตาย
ข้อคิดจากปู่บุญสมคือคนดีวางแผนล่วงหน้าชนะแม้ตัวตาย เพราะปู่รู้ตัวว่ามณีจันทร์โลภจึงเขียนพินัยกรรมสองฉบับ ซ่อนตัวจริงและกระจายเบาะแสให้คนดี ทำให้หลานสาวอย่างเหมหงส์ชนะในที่สุด ปู่บุญสมแสดงให้เห็นว่าความฉลาดและความรักครอบครัวที่วางไว้ล่วงหน้าช่วยปกป้องคนที่รักได้แม้ตัวเองไม่อยู่แล้ว ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฟลาชแบ็กที่ปู่บอกยายแก้วและย่าบุหงาให้ช่วยหลานหากมีอะไรเกิดขึ้น ทำให้สองยายคอยคุ้มครองเหมหงส์ ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การวางแผนให้คนที่รักไว้ล่วงหน้าคือการแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่ ปู่บุญสมเริ่มจากปู่ใจดีที่รู้ทันความโลภ แต่เมื่อตายไปแผนของปู่ก็ยังเดินต่อจนฝั่งดีชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความดีและการวางแผนชนะความชั่วเสมอ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเตรียมการให้คนที่รักเพื่อวันข้างหน้า ข้อคิดจากปู่บุญสมช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมวางแผนชีวิตอย่างมีสติ
→ กรองทอง รัชตะวรรณ รับบท ยายบัวบาน

เธอเป็นยายที่ชอบเม้าท์มอย ชอบเล่าเรื่องเก่าๆ และเป็นคนแรกที่สงสัยมณีจันทร์ตั้งแต่ต้น ยายบัวบานมีบุคลิกตรงไปตรงมา ปากร้ายแต่จริงใจ ชอบทะเลาะกับยายบานเย็นและยายจำปาเรื่องสูตรน้ำพริก แต่พอถึงคราวเพื่อนเดือดร้อนก็ช่วยเต็มที่ ยายบัวบานรู้จักปู่บุญสมและความลับเก่ามากที่สุดในกลุ่ม เพราะเคยเป็นเพื่อนซี้กับย่าบุหงาและยายแก้วสมัยสาวๆ เธอเป็นคนจำเรื่องเก่าได้แม่นและชอบเล่าให้เหมหงส์ฟังแบบไม่กั๊ก
บทบาทของยายบัวบานคือคนจุดประกายความสงสัยให้เหมหงส์และสิงห์ เธอเป็นคนแรกที่บอกว่ามณีจันทร์เคยแค้นปู่บุญสมเรื่องสมบัติ และเล่าเรื่องไกรสรหายตัวไปแบบมีพิรุธ ยายบัวบานชอบแอบฟังมณีจันทร์คุยกับพวงชมพูแล้วเอามาเม้าท์ให้แก๊งยายฟัง ทำให้เกิดเบาะแสสำคัญหลายอย่าง เช่น ที่ซ่อนกุญแจห้องใต้ดิน หรือเรื่องมนต์ดำที่มณีจันทร์เคยใช้ ในช่วงกลางเรื่อง ยายบัวบานถูกมณีจันทร์ขู่แต่เธอไม่กลัว ยังปากแจ๋วดุมณีจันทร์ตรงๆ ว่าอย่ามาโลภของคนอื่น สุดท้ายยายบัวบานเป็นคนช่วยรวบรวมยายแก๊งไปเปิดห้องลับพร้อมเหมหงส์ ทำให้เจอพินัยกรรมตัวจริง ยายบัวบานยังมีมุกฮาเยอะ เช่น ทะเลาะแย่งครกตำพริกแล้วล้ม หรือเม้าท์เรื่องเก่าจนลืมเรื่องปัจจุบัน บทบาทนี้ทำให้กรองทองโชว์ความปากจัดแบบชาวบ้านได้เต็มที่ ทั้งมุกคำพูด มุกหน้าเหวอ และมุกช่วยเหลือแบบกวนๆ ยายบัวบานเป็นตัวแทนของยายไทยที่ปากร้ายแต่ใจดี ช่วยคลายเครียดและขับเคลื่อนเนื้อเรื่องให้สนุกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ยายเม้าท์มอยประจำหมู่บ้าน
ฉายายายเม้าท์มอยประจำหมู่บ้านของยายบัวบานมาจากการที่เธอรู้เรื่องชาวบ้านทุกซอกทุกมุมและชอบเล่าให้ฟังแบบไม่กั๊ก ฉายานี้สะท้อนถึงความจำดีและปากแจ๋วที่ทำให้เธอเป็นแหล่งข่าวชั้นดีให้เหมหงส์และสิงห์ ยายบัวบานไม่ใช่แค่เม้าท์แต่เม้าท์แล้วมีสาระ เพราะเรื่องเก่าที่เธอเล่ามักเป็นเบาะแสสำคัญ เช่น เรื่องมณีจันทร์เคยแค้นปู่บุญสม หรือไกรสรเคยถูกหลอก ฉายานี้ยังเล่นคำกับความฮาที่ทำให้คนดูขำทุกครั้งที่ยายโผล่ ในเรื่อง ยายบัวบานถูกมณีจันทร์ขู่แต่เธอยังเม้าท์ต่อไม่กลัวตาย คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้บ้านๆ ที่เข้มข้น ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมยายเม้าท์มอยประจำหมู่บ้านที่ยายบัวบานยืนชี้หน้าพวงชมพู ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในกลุ่มยาย เพราะมันผสมความปากจัดกับความใจดีอันอบอุ่น ยายบัวบานในฐานะยายเม้าท์มอยประจำหมู่บ้านยังสอนให้เห็นว่าการรู้เรื่องเก่าช่วยแก้ปัญหาปัจจุบันได้ ฉายานี้ทำให้กรองทองได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างรอยยิ้มให้ผู้ชมทุกวัย
ข้อคิด คนแก่รู้เรื่องเก่ามักช่วยแก้ปัญหาใหญ่ได้
ข้อคิดจากยายบัวบานคือคนแก่รู้เรื่องเก่ามักช่วยแก้ปัญหาใหญ่ได้ เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าความจำดีและเรื่องเล่าจากอดีตช่วยเปิดโปงความลับของมณีจันทร์และนำไปสู่ชัยชนะของฝั่งดี ยายบัวบานไม่กลัวขู่เข็ญแต่ใช้ความรู้เก่าเล่าให้เหมหงส์ฟังจนเจอพินัยกรรม ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอเม้าท์เรื่องปู่บุญสมและไกรสร ทำให้สิงห์และเหมหงส์หาความจริงเจอ ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน อย่ามองข้ามเรื่องเล่าจากคนแก่ เพราะมันอาจเป็นกุญแจแก้ปัญหาใหญ่ ยายบัวบานเริ่มจากยายปากจัดที่ดูเหมือนกวน แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นเธอก็กลายเป็นฮีโร่ที่พลิกชะตา ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความรู้จากอดีตชนะความโลภในปัจจุบัน ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องฟังผู้ใหญ่และเคารพเรื่องเก่าเพื่อแก้ปัญหา ข้อคิดจากยายบัวบานช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมให้คุณค่าความรู้จากรุ่นพ่อรุ่นแม่
→ จอย ชวนชื่น รับบท ป้าพวงสร้อย

เธอเป็นป้าที่ปากจัดแต่จริงใจดี ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแบบไม่เกรงใจ แต่สุดท้ายก็ช่วยเหลือเต็มที่ ป้าพวงสร้อยมีบุคลิกสดใส ร่าเริง พูดอะไรก็ออกทะเล แต่จำเรื่องเก่าได้แม่นยำสุดๆ เธอเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกับวรรณดีและเหมหงส์ รู้จักมณีจันทร์มาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นคนแรกที่สงสัยว่ามณีจันทร์ต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ ป้าพวงสร้อยสนิทกับแก๊งยายบัวบาน ยายบานเย็น และชอบไปนั่งเม้าท์มอยด้วยกันทุกวัน
บทบาทของป้าพวงสร้อยคือตัวจุดชนวนข่าวลือและเบาะแสสำคัญ เธอเป็นคนแอบเห็นมณีจันทร์คุยลับๆ กับพวงชมพู แล้วเอามาเม้าท์ให้เหมหงส์ฟังแบบไม่กั๊ก ทำให้เหมหงส์เริ่มสงสัยเรื่องพินัยกรรมเร็วขึ้น ป้าพวงสร้อยยังช่วยสะกดรอยสิงห์ตอนแรกๆ ที่เหมหงส์ยังไม่ไว้ใจ หรือแอบไปเตือนวรรณดีให้ระวังมณีจันทร์ ในช่วงกลางเรื่อง ป้าพวงสร้อยถูกพวงชมพูขู่แต่เธอไม่กลัว ยังเม้าท์ต่อแบบปากแจ๋ว สุดท้ายป้าพวงสร้อยเป็นคนชวนแก๊งยายบุกบ้านเก่าตอนเหมหงส์หาพินัยกรรมไม่เจอ ทำให้เจอห้องลับพอดี ป้าพวงสร้อยยังมีมุกฮาเยอะ เช่น เม้าท์ผิดเม้าท์ถูกจนเรื่องใหญ่ หรือวิ่งหนีตอนถูกมณีจันทร์ดุแต่สะดุดล้ม บทบาทนี้ทำให้จอย ชวนชื่นโชว์มุกปากจัดแบบเต็มสูบ ทั้งมุกเม้าท์ มุกหน้าเหวอ และมุกช่วยเหลือแบบกวนๆ ป้าพวงสร้อยเป็นตัวแทนของป้าไทยที่ปากร้ายแต่ใจดี ช่วยคลายเครียดและขับเคลื่อนเนื้อเรื่องให้สนุก โดยเฉพาะตอนดราม่าหนักๆ เธอโผล่มาทีไรคนดูขำทุกที สร้างสีสันให้ตลาดน้ำพริกมีชีวิตชีวาตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ป้าเม้าท์มอยตัวแม่
ฉายาป้าเม้าท์มอยตัวแม่ของป้าพวงสร้อยมาจากการที่เธอรู้เรื่องชาวบ้านทุกเรื่องและเม้าท์เก่งสุดในหมู่บ้าน ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาและปากเธอได้ ฉายานี้สะท้อนถึงความจำดีและความกล้าเม้าท์ที่ทำให้เธอเป็นแหล่งข่าวชั้นเลิศให้เหมหงส์และสิงห์ ป้าพวงสร้อยไม่ใช่แค่เม้าท์เล่นๆ แต่เม้าท์แล้วมีประโยชน์ เช่น เล่าเรื่องมณีจันทร์เคยแค้นปู่บุญสม หรือเห็นพวงชมพูแอบทำอะไรแปลกๆ ฉายานี้ยังเล่นคำกับความฮาที่ทำให้คนดูขำทุกครั้งที่ป้าโผล่ ในเรื่อง ป้าพวงสร้อยถูกมณีจันทร์ขู่แต่เธอยังเม้าท์ต่อแบบไม่กลัว คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้ตลาดน้ำพริกที่เข้มข้น ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมป้าเม้าท์มอยตัวแม่ที่ป้าพวงสร้อยยืนชี้หน้าพวงชมพู ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในกลุ่มป้าๆ เพราะมันผสมความปากจัดกับความใจดีอันอบอุ่น ป้าพวงสร้อยในฐานะป้าเม้าท์มอยตัวแม่ยังสอนให้เห็นว่าการเม้าท์บ้างช่วยเปิดโปงความจริงได้ ฉายานี้ทำให้จอย ชวนชื่นได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างรอยยิ้มให้ผู้ชมทุกวัย
ข้อคิด การเม้าท์มอยบ้างช่วยเปิดโปงความจริงได้
ข้อคิดจากป้าพวงสร้อยคือการเม้าท์มอยบ้างช่วยเปิดโปงความจริงได้ เพราะเธอแสดงให้เห็นว่าการรู้เรื่องชาวบ้านและพูดออกมาตรงๆ ช่วยเหมหงส์หาความจริงเรื่องมรดกและแผนร้ายของมณีจันทร์ ป้าพวงสร้อยไม่กลัวขู่เข็ญแต่ใช้ปากเม้าท์ให้เป็นประโยชน์ ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เธอเม้าท์เรื่องเก่าให้เหมหงส์ฟังจนเจอเบาะแสสำคัญ ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การเม้าท์มอยแบบมีสาระช่วยแก้ปัญหาใหญ่ได้ ป้าพวงสร้อยเริ่มจากป้าขี้เม้าท์ที่ดูเหมือนกวน แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นเธอก็กลายเป็นฮีโร่ที่ช่วยฝั่งดีชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความรู้จากชาวบ้านชนะความลับมืด ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องเม้าท์มอยบ้างแต่เม้าท์ให้เป็นประโยชน์ ข้อคิดจากป้าพวงสร้อยช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมใช้ปากให้เป็นประโยชน์
→ สุธน บู่สามสาย รับบท บุญชู

เขาเป็นคนขี้เล่น ขี้เมา ชอบแกล้งชาวบ้าน แต่ใจดีและซื่อสัตย์สุดใจ บุญชูมีบุคลิกทะเล้น ปากดี ชอบพูดอะไรตรงๆ แบบไม่คิด แต่พอถึงคราวจริงก็ช่วยเหลือเต็มที่ เขาเป็นญาติห่างๆ ของวรรณดีและเพื่อนซี้กับปู่บุญสมสมัยหนุ่มๆ ทำให้รู้เรื่องเก่าๆ เยอะพอสมควร บุญชูชอบนั่งดื่มเหล้าขาวใต้ถุนบ้านกับลุงคนอื่น แล้วเม้าท์มอยเรื่องมณีจันทร์แบบไม่เกรงใจใคร บุญชูสนิทกับสินชัยและไกรสรมาก เป็นคนที่ไกรสรเคยเล่าเรื่องความรักกับวรรณดีให้ฟังตั้งแต่สมัยหนุ่ม
บทบาทของบุญชูคือตัวคลายเครียดและผู้ให้เบาะแสแบบไม่ตั้งใจ เขาชอบแกล้งพวงชมพูที่มาสะกดรอยจนเธอโมโห หรือไปกวนตรีภูมิให้หลุดปากความลับ บุญชูเป็นคนเห็นมณีจันทร์แอบไปบ้านปู่ตอนดึกบ่อยๆ แล้วเอาไปเม้าท์ให้เหมหงส์ฟัง ทำให้เหมหงส์เริ่มสงสัยเร็วขึ้น ในช่วงกลางเรื่อง บุญชูเมาแล้วไปนั่งเล่าเรื่องเก่าให้สิงห์ฟังโดยไม่รู้ว่าสิงห์คือลูกมณีจันทร์ จนสิงห์เริ่มสงสัยแม่ตัวเอง สุดท้ายบุญชูเป็นคนช่วยลุงๆ ชาวบ้านบุกไปขวางมณีจันทร์ตอนเธอกำลังจะเผาบ้านปู่ บุญชูยังมีมุกฮาเพียบ เช่น เมาแล้วร้องเพลงลืมเนื้อ หรือแกล้งยายบานเย็นจนทะเลาะกันทั้งหมู่บ้าน บทบาทนี้ทำให้สุธน บู่สามสายโชว์มุกบ้านนอกแบบเต็มสูบ ทั้งมุกเมา มุกกวน และมุกช่วยเหลือแบบไม่รู้ตัว บุญชูเป็นตัวแทนของลุงไทยที่ดูเหมือนกวนแต่จริงๆ แล้วเป็นคนดีที่ช่วยพลิกชะตาโดยไม่รู้ตัว ทำให้คนดูหัวเราะได้แม้ในฉากดราม่า และช่วยให้เรื่องไหลลื่นสนุกตลอดสามสิบเก้าตอน
ฉายา ลุงเม้าท์เก่งกวนโอ๊ย
ฉายาลุงเม้าท์เก่งกวนโอ๊ยของบุญชูมาจากการที่เขาชอบเม้าท์เรื่องชาวบ้านตอนเมาเหล้า แต่เม้าท์แล้วมีสาระทุกครั้ง ฉายานี้สะท้อนถึงความกวนและความจำดีที่ทำให้เขาเป็นแหล่งข่าวลับให้เหมหงส์และสิงห์โดยไม่ตั้งใจ บุญชูไม่ใช่แค่เม้าท์เล่นๆ แต่เม้าท์แล้วเปิดโปงความลับ เช่น เล่าเรื่องมณีจันทร์เคยแค้นปู่บุญสม หรือเห็นพวงชมพูแอบทำอะไรแปลกๆ ฉายานี้ยังเล่นคำกับความเมาที่ทำให้คนดูขำทุกครั้งที่ลุงโผล่ ในเรื่อง บุญชูเมาแล้วไปกวนมณีจันทร์ตรงๆ จนเธอโมโห คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงคอมเมดี้บ้านนอกที่เข้มข้น ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมลุงเม้าท์เก่งกวนโอ๊ยที่บุญชูยืนถือขวดเหล้าชี้หน้าพวงชมพู ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครเด่นขึ้นในกลุ่มลุงๆ เพราะมันผสมความกวนกับความใจดีอันอบอุ่น บุญชูในฐานะลุงเม้าท์เก่งกวนโอ๊ยยังสอนให้เห็นว่าการเม้าท์ตอนเมาบ้างช่วยเปิดความจริงได้ ฉายานี้ทำให้สุธน บู่สามสายได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างรอยยิ้มให้ผู้ชมทุกวัย
ข้อคิด การเม้าท์มอยแบบซื่อๆ บางทีช่วยเปิดโปงความจริง
ข้อคิดจากบุญชูคือการเม้าท์มอยแบบซื่อๆ บางทีช่วยเปิดโปงความจริง เพราะเขาชอบเม้าท์ตอนเมาแต่เรื่องที่เม้าท์มักเป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้เหมหงส์และสิงห์หาความจริงเจอ บุญชูไม่ตั้งใจเป็นฮีโร่แต่ความซื่อและความเมาทำให้พูดความจริงออกมา ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เขานั่งเล่าเรื่องเก่าให้สิงห์ฟังจนสิงห์สงสัยแม่ตัวเอง ทำให้เรื่องพลิกผัน ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน การพูดตรงๆ แบบไม่คิดมากบางทีช่วยแก้ปัญหาใหญ่ได้ บุญชูเริ่มจากลุงกวนที่ดูเหมือนไร้สาระ แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นเขาก็กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยฝั่งดีชนะ ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความซื่อของคนบ้านนอกชนะความเจ้าเล่ห์ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องซื่อสัตย์และพูดจริงเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ข้อคิดจากบุญชูช่วยให้ละครไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมใช้ความซื่อให้เป็นประโยชน์
→ ทนงศักดิ์ ศุภการ รับบท มนูญ (รับเชิญ)
เขาเป็นทนายความอาวุโสที่เคยเป็นเพื่อนสนิทปู่บุญสมและเป็นคนร่างพินัยกรรมตัวจริงให้ปู่ มนูญมีบุคลิกสุขุม น่าเกรงขาม พูดน้อยแต่ทุกคำหนักแน่น เป็นคนตรงไปตรงมาและยึดมั่นในความยุติธรรมสุดชีวิต แม้จะแก่แล้วแต่ยังแอคทีฟ เดินทางไกลจากกรุงเทพมาหมู่บ้านน้ำพริกเพื่อทำหน้าที่สุดท้ายตามสัญญากับเพื่อนเก่า มนูญรู้ความลับทุกอย่างตั้งแต่ปู่บุญสมสงสัยมณีจันทร์จะโลภสมบัติ จึงให้เขาซ่อนพินัยกรรมตัวจริงและรอเวลาที่เหมาะสมถึงค่อยเปิดเผย
บทบาทของมนูญคือไม้ตายที่ปู่บุญสมเตรียมไว้ เขาโผล่มาตอนที่เหมหงส์ใกล้จะแพ้แล้วทุกอย่าง มณีจันทร์กำลังจะฮุบสมบัติสำเร็จ มนูญเดินเข้าศาลหรือเข้าบ้านเก่าพร้อมเอกสารพินัยกรรมตัวจริงที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ทำให้มณีจันทร์ช็อกหนัก เขายังเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟังแบบละเอียด เปิดโปงว่ามณีจันทร์เคยพยายามซื้อตัวเขาแต่เขาปฏิเสธ และยืนยันว่าพินัยกรรมที่มณีจันทร์มีเป็นของปลอมที่ปู่ตั้งใจให้เพื่อหลอก มนูญเป็นคนทำให้คดีจบแบบสวยงาม หลักฐานชัดเจนจนมณีจันทร์แพ้ยับและถูกจับ บทบาทนี้สั้นแต่หนักแน่น ทนงศักดิ์เล่นได้น่าเกรงขามมาก การพูดช้าๆ แต่ทุกประโยคสะเทือนอารมณ์คนดูสุดๆ มนูญคือตัวแทนของความยุติธรรมที่มาช้าแต่ชัวร์ และเป็นการปิดตำนานปู่บุญสมแบบสมบูรณ์ ทำให้คนดูสะใจและน้ำตาแตกพร้อมกันตอนเขายิ้มแล้วบอกว่า “เพื่อนเก่าผมไม่เคยทิ้งสัญญา”
ฉายา ทนายไม้ตาย
ฉายาทนายไม้ตายของมนูญมาจากการที่เขาโผล่มาช่วงท้ายแต่เป็นตัวจบเกมทั้งเรื่องด้วยพินัยกรรมตัวจริงที่ไม่มีใครรู้ ฉายานี้สะท้อนถึงความฉลาดและความไว้ใจที่ปู่บุญสมมอบให้ เขาเป็นทนายที่ปู่เลือกเพราะรู้ว่าไม่มีวันทรยศ มนูญไม่ใช่แค่ทนายธรรมดาแต่เป็นคนเก็บความลับใหญ่สุดและรอจังหวะเปิดเผยเพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นจริงๆ ฉายานี้ยังเล่นคำกับความเท่ที่โผล่มาตอนทุกอย่างกำลังจะจบสิ้น แล้วพลิกทุกอย่างในพริบตา คนดูชอบฉายานี้เพราะมันแสดงถึงความสะใจสูงสุด ในโซเชียลมีแฟนๆ แชร์มีมทนายไม้ตายที่มนูญยืนถือแฟ้มเอกสารยิ้มเยาะมณีจันทร์ ฉายานี้ช่วยให้ตัวละครที่โผล่น้อยแต่จำฝังใจ เพราะมันผสมความน่าเกรงขามกับความยุติธรรมอันสมบูรณ์แบบ มนูญในฐานะทนายไม้ตายยังสอนให้เห็นว่าคนดีเตรียมการไว้ล่วงหน้าชนะเสมอ ฉายานี้ทำให้ทนงศักดิ์ได้รับคำชมว่าเล่นได้สมบทบาท สร้างความฟินให้ผู้ชมตอนเรื่องใกล้จบ
ข้อคิด ความยุติธรรมมาช้าแต่ไม่เคยขาด
ข้อคิดจากมนูญคือความยุติธรรมมาช้าแต่ไม่เคยขาด เพราะเขาแสดงให้เห็นว่าพินัยกรรมตัวจริงที่ซ่อนมานานหลายปีสุดท้ายก็ถูกเปิดเผย ทำให้คนดีชนะและคนชั่วแพ้ย่อยยับ มนูญเก็บความลับตามสัญญากับปู่บุญสม รอจังหวะที่เหมาะสมถึงออกมา ทำให้มณีจันทร์ที่กำลังจะชนะช็อกจนพูดไม่ออก ข้อคิดนี้สะท้อนผ่านฉากที่เขายืนในศาลหรือบ้านเก่า แล้วพูดว่า “เพื่อนผมตายไปแล้ว แต่ความยุติธรรมยังไม่ตาย” ทำให้คนดูน้ำตาแตก ข้อคิดนี้สอนคนดูว่าชีวิตจริงก็เช่นกัน อย่าท้อถ้าความถูกต้องดูเหมือนจะแพ้ เพราะสุดท้ายมันจะมา มนูญเริ่มจากทนายที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็กลายเป็นฮีโร่ที่ปิดตำนาน ข้อคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับธีมชะตาพลิกผัน ที่แสดงว่าความดีและความซื่อสัตย์ชนะเสมอ ข้อคิดนี้ทำให้คนดูคิดถึงชีวิตตัวเอง ว่าต้องอดทนและเชื่อในความยุติธรรม ข้อคิดจากมนูญช่วยให้ละครจบแบบสมบูรณ์ และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมเชื่อว่าความดีไม่เคยแพ้
ถ้าละครชะตาหงส์ ที่เพิ่งจบไปแบบสะใจ มีภาค 2 จริงๆ มันจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยว่าภาค 2 ในฝันจะสนุกขนาดไหน
หลังจากแต่งงานกันได้สองปี เหมหงส์กับสิงห์มีลูกแฝดหนึ่งชายหนึ่งหญิง ชื่อ หงส์หยก กับ หงส์ฟ้า ชีวิตครอบครัวดูสุขสงบ เหมหงส์เปิดร้านน้ำพริกพรีเมียมชื่อ “หงส์ตำไทย” ขายดีถล่มทลาย วรรณดีกับไกรสรที่กลับมารักกันใหม่ก็ช่วยดูแลร้าน แต่แล้ววันหนึ่ง ทนายมนูญ (ที่เคยมาเป็นไม้ตายภาคแรก) ส่งจดหมายลับฉบับสุดท้ายจากปู่บุญสมที่เพิ่งเจอในตู้เซฟธนาคาร ระบุว่ามี “มรดกส่วนที่สอง” ซ่อนอยู่ในวัดเก่าที่ปู่เคยบวชตอนหนุ่ม และมรดกนี้ “ห้ามเปิดเผยจนกว่าจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของปู่เกิดใหม่” (หมายถึงหลานแท้ๆ)
มรดกส่วนนี้ไม่ใช่เงิน แต่เป็น “สูตรน้ำพริกโบราณ” ที่มีส่วนผสมลึกลับจนเชื่อกันว่ามีสรรพคุณรักษาโรคหายขั้นรุนแรง และยังมี “โฉนดที่ดินผืนใหญ่” ติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปู่แอบซื้อไว้ตั้งแต่สมัยสงคราม แต่ที่ดินผืนนี้มีคนอยากได้มากถึงขนาดพร้อมฆ่าเพื่อแลก
ตัวร้ายหลักภาคสองคือ “มณีมาศ” น้องสาวต่างมารดาของมณีจันทร์ ที่เพิ่งพ้นโทษออกจากคุก (เคยติดเพราะค้ายา) เธอกลับมาพร้อมความแค้นสองเท่า เพราะเชื่อว่ามณีจันทร์ถูกเหมหงส์กลั่นแกล้งจนตายในคุก มณีมาศสวยกว่า ร้ายกว่า และฉลาดกว่า ใช้เสน่ห์ยั่วสิงห์ให้หวั่นไหว แถมยังร่วมมือกับ “พวงชมพู” ที่ภาคแรกแกล้งกลับใจ แต่จริงๆ แล้วแอบวางแผนแก้แค้นมาตลอด
ดราม่าเข้มข้นเมื่อมณีมาศลักพาตัวลูกแฝดของเหมหงส์ไป เพื่อบังคับให้เปิดเซฟมรดกส่วนสอง เหมหงส์ต้องกลับมาตำน้ำพริกสูตรลับของปู่เพื่อแลกชีวิตลูก แต่สูตรนี้มีส่วนผสมที่หายากจนต้องบุกป่าหาวัตถุดิบกับสิงห์ สินชัย นกยูง และแก๊งยายที่กลับมาช่วยเต็มทีม (ยายบานเย็นกับยายจำปาทะเลาะกันหนักกว่าเดิม)
จุดพีคสุดคือการเผชิญหน้ากันที่วัดร้างตอนพระจันทร์เต็มดวง มณีมาศเผยความลับว่าตัวเองคือ “ลูกแท้ๆ ของปู่บุญสม” กับเมียลับสมัยหนุ่ม ทำให้มีสิทธิ์ในมรดกพอๆ กับเหมหงส์ ทุกอย่างกำลังจะพลิกจนสิงห์ต้องเลือกข้างครั้งใหญ่ และปู่บุญสมที่โผล่มาอีกครั้งในฟลาชแบ็กก็ทิ้งปริศนาว่า “เลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่สายเลือด แต่อยู่ที่หัวใจ”

