ละคร ไฟน้ำค้าง 2567 ละครแนวโรแมนติกดราม่า ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง… คำสอนจากผู้เป็นย่าที่ฝังรากลึกในใจของ “พลับพลา” สาวสวยวัย 23 ปี ผู้ต้องดิ้นรนชีวิตเพื่อเจือจุนครอบครัว แม้จะลำบากเพียงใด พลับพลาก็ยึดมั่นที่จะไม่ขายศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อแลกกับความสำเร็จ เธอทำงานหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือย่าและน้องชาย โดยเฉพาะการพยายามขายรถมือสองที่เป็นสมบัติล้ำค่าของครอบครัว
ในขณะเดียวกัน “ภีม ภัทรตระกูล” หรือที่รู้จักในชื่อภีม เป็นไฮโซหนุ่มนักธุรกิจทายาทบริษัท พีพี เวิลด์ ผู้ไม่เคยเชื่อมั่นในความรักแท้ ชีวิตของเขาถูกทำลายจากปมในอดีต เมื่อ “มณีวรรณ” แม่ของเขา ทิ้งครอบครัวไปเพื่อผู้ชายคนใหม่ ทำให้ภีมเติบโตมากับบาดแผลใจและความเกลียดชังต่อผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน โดยเฉพาะผู้หญิงที่เข้าหาพ่อของเขาเพื่อหวังผลประโยชน์
โชคชะตานำพาพลับพลาไปพบกับภีม เมื่อเธอเข้าไปเสนอขายรถให้เขา ภีมเข้าใจผิดว่าพลับพลาคือ “ผู้หญิงใหม่” ของพ่อที่พยายามใช้เสน่ห์หลอกลวงเพื่อเข้าถึงทรัพย์สมบัติของตระกูลภัทรตระกูล จากความเข้าใจผิดนี้ ภีมจึงวางแผนเกมรักเพื่อเอาคืน โดยจงใจเข้าใกล้ชิดและแกล้งทำร้ายจิตใจพลับพลา เพื่อให้เธอเผยตัวตนที่แท้จริงและล้มเหลวในที่สุด
แต่ยิ่งภีมใกล้ชิดกับพลับพลา เขายิ่งค้นพบว่าเธอต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยเจอ พลับพลาเป็นสาวน้อยสู้ชีวิตที่ซื่อสัตย์และมุ่งมั่น ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค ความใกล้ชิดที่เริ่มจากความแค้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ภีมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ความรักที่แท้จริงคืออะไร? ในขณะที่พลับพลาต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งจากภีมและคนรอบข้าง แต่ด้วยความเข้มแข็งจากคำสอนของย่า เธอเลือกที่จะสู้ต่อไป
ไฟน้ำค้าง คือละครที่ผสมผสานความโรแมนติกเข้ากับดราม่าได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นตามน้ำตามไฟของตัวละคร ด้วยการแสดงที่โดดเด่นของนักแสดงนำและบทที่เข้มข้น ต่อไปนี้เนื้อเรื่องหลักของละคร
ในเมืองที่แสงไฟระยิบระยับตัดกับเงามืดของความลับ เรื่องราวของ ไฟน้ำค้าง คลี่คลายราวนิยายรักที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและรอยยิ้ม
เปลวไฟแห่งความแค้น
ในย่านชานเมืองที่เงียบสงบ พลับพลา วิไลบำรุง สาวน้อยวัย 23 ปี ผู้มีดวงตาใสซื่อราวหยาดน้ำค้าง ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอยึดคำสอนของย่าทิพย์ว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” พลับพลาดิ้นรนทำงานเพื่อเลี้ยงย่าและน้องชายตอง วันหนึ่ง เธอตัดสินใจนำรถโบราณสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวไปเสนอขายที่งานเปิดตัวรถสุดหรูของตระกูลภัทรตระกูล
ที่นั่น เธอได้พบ ภีม ภัทรตระกูล ชายหนุ่มรูปงามแต่เย็นชาดุจน้ำแข็ง ดวงตาของเขาซ่อนความเจ็บปวดจากอดีต—เมื่อมณีวรรณ แม่ของเขา ทิ้งครอบครัวไปเพื่อผู้ชายอื่น ภีมเติบโตท่ามกลางความเกลียดชังต่อผู้หญิงที่ “เห็นแก่เงิน” เมื่อเห็นพลับพลาเข้าใกล้ภุชงค์ พ่อของเขา เขาเข้าใจผิดว่าเธอคือ “เมียน้อย” ที่หวังสมบัติตระกูล เปลวไฟแห่งความแค้นในใจภีมลุกโชน เขาวางแผนเกมรักอันโหดร้าย ทำให้พลับพลาตกหลุมรัก แล้วทำลายศักดิ์ศรีของเธอให้ย่อยยับ
เกมรักและหยาดน้ำตา
ภีมแกล้งเข้าใกล้พลับพลา ด้วยรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่นและอันตราย เขาจงใจให้เธอได้งานเลขานุการในบริษัทพีพี เวิลด์ เพื่อจับตาดูและทดสอบ “ตัวตนที่แท้จริง” แต่ยิ่งได้รู้จัก เขายิ่งสับสน พลับพลาไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอ เธอทำงานหนัก ซื่อสัตย์ และปกป้องครอบครัวด้วยชีวิต กระนั้น ภีมยังคงเดินหน้าเกมของเขา แกล้งทำร้ายจิตใจเธอด้วยคำพูดและการกระทำ
ในขณะเดียวกัน สุภางค์ หญิงสาวเจ้าเล่ห์ที่หวังครอบครองภุชงค์ และอุษา ลูกสาวตระกูลทวีปที่หลงรักภีม ร่วมมือกันใส่ร้ายพลับพลา พวกเธอเผยแพร่ข่าวลือว่าเธอเป็น “สาวใช้เสน่ห์” หวังเงินทองจากตระกูลภัทรตระกูล พลับพลาต้องเผชิญทั้งคำดูถูกและความรุนแรงจากศัตรู ขณะที่ตอง น้องชายของเธอ ถูกพีท น้องชายของภีม ทำร้ายจนบาดเจ็บ ภีมยื่นข้อเสนอให้พลับพลา “ยอมเป็นของเขา” เพื่อแลกกับการช่วยเหลือ แต่เธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด สะบัดคำว่า “ศักดิ์ศรี” ใส่หน้าด้วยความภาคภูมิใจ
หัวใจที่เริ่มหวั่นไหว
คืนหนึ่งบนเรือสำราญ ภีมและพลับพลาต้องร่วมงานเลี้ยงของบริษัท ความใกล้ชิดในค่ำคืนนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยน เมื่อทั้งคู่เผลอตัวเผลอใจจนมีความสัมพันธ์กัน ภีมเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้พลับพลาเจ็บปวด แต่เขายังคงถูกครอบงำด้วยอคติ ส่วนพลับพลาเริ่มตั้งคำถามถึงเจตนาของชายหนุ่มที่ทั้งเย็นชาและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
เมื่อพลับพลาค้นพบว่าเธอตั้งครรภ์ เธอเลือกปกปิดความจริง กลัวว่าภีมจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในเกมรักของเขา สุภางค์และอุษายิ่งรุกหนัก ใส่ร้ายว่าเด็กในท้องเป็นของวีกิจ ชายหนุ่มนักธุรกิจที่แอบรักพลับพลาและพยายามช่วยเหลือเธอ ความหึงหวงของภีมเริ่มก่อตัว เขาเริ่มสงสัยว่าเด็กในท้องอาจเป็นของเขา ขณะที่มณีวรรณ แม่ของภีม กลับมาสร้างความสั่นสะเทือนให้ครอบครัว เผยความจริงว่าเธอถูกหลอกให้ทิ้งครอบครัวโดยแผนการของสุภางค์ในอดีต
การเยียวยาและการให้อภัย
เมื่อภีมแอบตรวจ DNA และพบว่า พัตเตอร์ เด็กชายตัวน้อยคือลูกของเขา ความจริงนี้ราวฟ้าผ่าลงกลางใจ เขาสำนึกผิดในทุกการกระทำที่ทำร้ายพลับพลา ภีมคุกเข่าขอโทษ ขอโอกาสเริ่มต้นใหม่เพื่อปกป้องครอบครัวที่เขาทำลายไปด้วยความเข้าใจผิด พลับพลา ซึ่งผ่านทั้งน้ำตาและความเจ็บปวด มองเห็นความจริงใจในดวงตาของเขา เธอเลือกให้อภัย เพราะหัวใจของเธอเองก็รักเขามาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้
สุภางค์และอุษาถูกดำเนินคดีจากการใส่ร้ายและวางแผนร้าย ตรีประดับ พี่สาวของพลับพลาที่เคยหึงน้อง กลับมาคืนดีและกลายเป็นกำลังใจสำคัญให้ครอบครัว ตองหายจากอาการป่วยและได้รับโอกาสเรียนต่อ ส่วนย่าทิพย์ยิ้มอย่างสงบเมื่อเห็นหลานๆ มีความสุขก่อนจากไปอย่างสงบ ด้านวีกิจถอนตัวจากรักสามเส้า ด้วยหัวใจที่ยอมรับในรักแท้ของภีมและพลับพลา
น้ำค้างดับไฟ
ในคืนที่แสงจันทร์สาดส่อง ภีมคุกเข่าขอพลับพลาแต่งงานต่อหน้าพัตเตอร์และครอบครัวภัทรตระกูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง เขากระซิบว่า “จากไฟที่เคยเผาไหม้ เธอคือน้ำค้างที่ดับมันลง” พลับพลายิ้ม น้ำตาคลอในดวงตา ขณะที่ทั้งคู่โอบกอดกันท่ามกลางแสงจันทร์ ครอบครัวของพวกเขารวมตัวกัน ภุชงค์ มณีวรรณ พีท และทัศน์พลกับอรวี คู่รักรองที่ลงเอยอย่างอบอุ่น ทุกคนหัวเราะและร้องไห้ด้วยความสุข รักแท้ได้พิสูจน์แล้วว่า แม้เริ่มจากเปลวไฟแห่งความแค้น ก็สามารถกลายเป็นหยาดน้ำค้างแห่งความรักที่บริสุทธิ์ได้
ไฟน้ำค้าง คือละครที่พิสูจน์ว่าความรักสามารถเยียวยาบาดแผลได้ แม้เริ่มจากความแค้นแต่จบด้วยความสุข ธีมหลักคือศักดิ์ศรีตัวเองและการให้อภัย ด้วยโปรดักชันคุณภาพ การแสดงละมุนของคู่พระนาง และดราม่าที่ไม่น่าเบื่อ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่อง ดราม่าครบรส ผสานความโรแมนติก
ไฟน้ำค้าง เล่าเรื่องราวของ พลับพลา สาวสู้ชีวิตที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีตามคำสอนของย่า และ ภีม ไฮโซหนุ่มที่เต็มไปด้วยปมในใจจากอดีตที่แม่ทิ้งครอบครัว ความเข้าใจผิดว่าพลับพลาคือ “เมียน้อย” ของพ่อนำไปสู่เกมรักที่เต็มไปด้วยการแก้แค้น แต่เมื่อความจริงค่อยๆ เผยออกมา ความแค้นกลายเป็นรักแท้ที่เยียวยาทุกบาดแผล เรื่องราวผสมผสานดราม่าครอบครัว ความรักสามเส้า การทรยศ และการให้อภัย ตัวละครรองอย่างวีกิจ (รักสามเส้า), ทัศน์พลและอรวี (คู่รักรอง) และตัวร้ายอย่างสุภางค์และอุษาเพิ่มความเข้มข้นให้เนื้อหา
จุดเด่น บทละครเข้มข้นและครบรส มีทั้งฉากตบจูบที่สะใจและฉากดราม่าที่เรียกน้ำตา การพัฒนาความสัมพันธ์ของภีมและพลับพลาเริ่มจากความเกลียดชังไปสู่ความรักได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะฉากที่ภีมสำนึกผิดและขอโทษพลับพลาในตอนท้าย ซึ่งกลายเป็นไฮไลต์ที่ผู้ชมชื่นชอบ ธีมหลักเรื่องศักดิ์ศรีและการเยียวยาโดนใจผู้ชมที่ชื่นชอบละครน้ำดี
การแสดง เคมีพระนางสุดปัง นักแสดงสมทบลงตัว
ยูโร ยศวรรธน์ (ภีม): ยูโรถ่ายทอดบทชายหนุ่มเจ็บปวดจากอดีตได้อย่างยอดเยี่ยม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความแค้นในตอนต้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นเมื่อตกหลุมรัก ฉากสะเทือนใจตอนพิสูจน์ DNA ลูกได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ ว่า “เล่นถึงอารมณ์สุดๆ”
มุกดา นรินทร์รักษ์ (พลับพลา): มุกดานำเสนอตัวละครสาวเข้มแข็งแต่เปราะบางได้อย่างลงตัว การแสดงฉากร้องไห้ขณะปกป้องครอบครัวและศักดิ์ศรีทำคนดูน้ำตาคลอ เคมีกับยูโรในฉากจูบและฉากคืนดีกลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย
นักแสดงสมทบ: สันติราษฎร์ในบทวีกิจแสดงบทรักสามเส้าได้น่าสงสารและน่าชื่นชม ส่วนญาณิศา (อรวี) และชนกันต์ (ทัศน์พล) สร้างสีสันให้คู่รองน่ารักและไม่แย่งซีนพระนาง ตัวร้ายอย่างกชกร (มณีวรรณ) และภัสสร (สุภางค์) เล่นได้ร้ายสมบทบาทจนคนดูหมั่นไส้
จุดเด่น เคมีพระนางที่เข้ากันอย่างลงตัวและการแสดงที่สมจริงของนักแสดงทุกคน โดยเฉพาะฉากดราม่าครอบครัวที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอิน จุดด้อย: บทของตัวละครบางตัว เช่น ตอง (น้องชายพลับพลา) และย่าทิพย์ มีบทบาทจำกัดในช่วงครึ่งหลัง ทำให้รู้สึกว่าปมครอบครัวของพลับพลาไม่ถูกขยี้ให้สุด
คะแนนโดยรวม 8.5/10 (สำหรับประสบการณ์รักที่ทั้งร้อนแรงและเย็นฉ่ำราวน้ำค้าง)
ไฟน้ำค้าง เป็นละครที่ผสมผสานความดราม่าและโรแมนติกได้อย่างลงตัว ด้วยพล็อตที่เข้มข้น การแสดงที่ถึงใจ และโปรดักชันที่สวยงาม ถึงแม้จะมีข้อด้อยในจังหวะบางช่วงและบทของตัวละครรอง แต่จุดเด่นของเคมีพระนางและธีมเรื่องศักดิ์ศรีกับการให้อภัยทำให้ละครเรื่องนี้เป็นที่รักของผู้ชม เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบละครรักน้ำตาแตกที่มีตอนจบแฮปปี้เอนดิ้ง
ความโกรธและหมั่นไส้จากเกมรักอันโหดร้าย ตั้งแต่ตอนแรก ละครพาคุณเข้าสู่โลกของ พลับพลา สาวสู้ชีวิตที่ต้องเผชิญความยากลำบากเพื่อครอบครัว และ ภีม ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยปมในใจจากอดีตที่แม่ทิ้งครอบครัว ความรู้สึกแรกที่ถาโถมเข้ามาคือความโกรธและหมั่นไส้ เมื่อภีมเข้าใจผิดว่าพลับพลาคือ “ผู้หญิงเห็นแก่เงิน” และเริ่มเกมรักเพื่อทำร้ายเธอ ฉากที่เขาพูดจาดูถูกหรือตั้งใจกลั่นแกล้ง เช่น การบังคับให้พลับพลาทำงานหนักในบริษัทพีพี เวิลด์ ทำเอาคนดูอยากตะโกนผ่านจอว่า “หยุดรังแกเธอได้แล้ว!” ความร้ายกาจของตัวละครอย่างสุภางค์และอุษา ที่สมคบกันใส่ร้ายพลับพลา ยิ่งทำให้รู้สึกเดือดจนอยากให้ตัวร้ายถูกลงโทษทันที
แต่ในความโกรธนั้น ก็อดชื่นชมความแข็งแกร่งของพลับพลาไม่ได้ เธอไม่เคยยอมจำนนต่อคำดูถูก คำพูดที่ว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” จากย่าทิพย์กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้รู้สึกทึ่งในความเข้มแข็งของตัวละครนี้
ความลุ้นและใจเต้นแรงจากเคมีพระนาง เมื่อเรื่องดำเนินไป ความสัมพันธ์ระหว่างภีมและพลับพลาค่อยๆ เปลี่ยนจากความแค้นเป็นความผูกพัน ฉากที่ทั้งคู่ใกล้ชิดกันบนเรือสำราญในตอนที่ 8 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ใจเต้นแรง เคมีระหว่างยูโรและมุกดานั้นช่างลงตัว สายตาของภีมที่เริ่มอ่อนโยนเมื่อมองพลับพลา และรอยยิ้มเขินๆ ของเธอเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเขา ทำให้อดยิ้มตามไม่ได้ ฉากจูบที่เกิดจากอารมณ์พาไปกลายเป็นโมเมนต์ที่ทั้งหวานและขม เพราะรู้ว่าเบื้องหลังยังมีความเข้าใจผิดรออยู่
ความรู้สึกตื่นเต้นนี้ผสมปนเปกับความลุ้นว่าเมื่อไหร่ภีมจะรู้ความจริงเกี่ยวกับพลับพลา และเมื่อไหร่เธอจะยอมเปิดใจให้เขา การแสดงของยูโรในบทชายหนุ่มที่ค่อยๆ ละลายความเย็นชา และมุกดาที่ถ่ายทอดความเปราะบางแต่เข้มแข็งได้อย่างสมจริง ทำให้ทุกฉากของทั้งคู่เต็มไปด้วยพลังที่ดึงดูดให้ติดตามต่อ
น้ำตาแห่งความสะเทือนใจ เมื่อพลับพลาค้นพบว่าเธอตั้งครรภ์ และเลือกปกปิดความจริงจากภีมเพราะกลัวว่าเขาจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในเกมรัก ความรู้สึกหน่วงในใจเริ่มก่อตัว ฉากที่เธอร้องไห้คนเดียวขณะกอดท้อง หรือฉากที่ย่าทิพย์ปลอบโยนหลานสาวด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรัก ทำเอาน้ำตาคลอตาม การที่พลับพลาต้องเผชิญทั้งการใส่ร้ายจากสุภางค์และอุษา และความเข้าใจผิดจากพี่สาวอย่างตรีประดับ ทำให้รู้สึกสงสารและอยากเข้าไปกอดเธอผ่านหน้าจอ
จุดพีคของความสะเทือนใจคือตอนที่ภีมค้นพบว่า พัตเตอร์ คือลูกของเขา การแสดงของยูโรในฉากที่เขาคุกเข่าขอโทษพลับพลาด้วยน้ำตา และคำพูดที่ว่า “ผมเสียใจที่ทำให้คุณเจ็บ” เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร้องไห้ออกมาจริงๆ มันไม่ใช่แค่น้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็นน้ำตาของการเยียวยา เมื่อเห็นตัวละครที่เคยเจ็บปวดค่อยๆ เรียนรู้ที่จะรักและให้อภัย
ละคร ไฟน้ำค้าง เป็นประสบการณ์ที่พาคุณผ่านทุกเฉดอารมณ์ โกรธ หงุดหงิด ลุ้น ใจเต้นแรง สะเทือนใจ และสุดท้ายคือยิ้มอย่างมีความสุข ละครเรื่องนี้ไม่เพียงมอบความบันเทิง แต่ยังทำให้ฉุกคิดถึงคุณค่าของศักดิ์ศรีและพลังของการให้อภัย เคมีของยูโรและมุกดา ผสมกับบทที่เข้มข้นและการกำกับที่ลงตัว ทำให้ทุกตอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะลืม สำหรับใครที่อยากสัมผัสละครที่ทั้งร้อนแรงดุจไฟและเย็นฉ่ำราวน้ำค้าง แนะนำให้ย้อนดูทาง
ละคร ไฟน้ำค้าง 2567
ละคร ไฟน้ำค้าง 2567 EP.1-34 ตอนจบCH7+
ละคร ไฟน้ำค้าง 2567 EP.1-24 ตอนจบiQIYI
ซีน ละคร ไฟน้ำค้าง 2567
ละคร ไฟน้ำค้าง 2567
จุดเริ่มต้น ไฟแห่งความแค้นลุกโชน
เรื่องราวเริ่มที่ พลับพลา วิไลบำรุง (มุกดา นรินทร์รักษ์) สาวสวยวัย 23 ปี สู้ชีวิตสุด ๆ เธอยึดคำสอนของ ย่าทิพย์ (ปนัดดา โกมารทัต) ว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” พลับพลาทำงานหนักเพื่อเลี้ยงย่าและ ตอง (ณัฐภัทร จิรภาวสุทธิ์) น้องชาย โดยไม่ยอมขายศักดิ์ศรีเด็ดขาด! วันหนึ่ง เจ๊ชาช่า (สุภัทรภณ กสิกรรม) จ้างเธอเป็นพริตตี้ในงานเปิดตัวรถ เพื่อหาเงินค่าเทอมให้ตอง
ในงานนั้น พลับพลาได้เจอกับ ภีม ภัทรตระกูล (ยูโร ยศวรรธน์) ไฮโซหนุ่มหล่อ ทายาทบริษัทพีพี เวิลด์ แต่บอกเลยว่าหนุ่มคนนี้มีปมหนักมาก ภีมเกลียดผู้หญิงที่ “เอาตัวเข้าแลก” เพราะอดีตสุดเจ็บปวด มณีวรรณ (กชกร นิมากรณ์) แม่ของเขา ทิ้งครอบครัวไปหลัง ภุชงค์ (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) พ่อของเขา ทำให้ สุภางค์ (ภัสสร บุณยเกียรติ) หญิงในบาร์ท้องและเลี้ยงดูไว้ ภีมเลยมองว่าพริตตี้อย่างพลับพลาคือ “สาวหิวเงิน”!
พลับพลาใช้สกิลตื๊อสุดพลังจนภีมยอมซื้อรถ แต่ดราม่ามาเลยจ้า วีกิจ (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) คู่แข่งและอดีตเพื่อนสนิทของภีม เสนอซื้อตัวพลับพลา ทำให้ภีมเข้าใจผิดและต่อว่าเธอแรง ๆ ต่อหน้านักข่าว พลับพลาไม่ยอมจ้า สวนกลับเผ็ด ๆ จนภีมหน้าแตก แต่ ภุชงค์ กลับประทับใจพลับพลา เพราะเธอเหมือนมณีวรรณ เขาชวนเธอมาทำงานที่พีพี เวิลด์ งานนี้ภีมเดือด คิดว่าพลับพลาคือเมียน้อยพ่อ เลยวางแผนเกมรักเพื่อแก้แค้น
ดราม่าพุ่ง เกมรักและศัตรูรอบด้าน
ภีมเริ่มแกล้งพลับพลาด้วยการปล่อยข่าวให้ สุภางค์ รู้ สุภางค์เลยจัดหนัก ส่งคนทำร้ายร้านของย่าทิพย์และใส่ร้ายพลับพลาว่าเป็น “สาวพริตตี้หิวเงิน” ภีมแกล้งช่วยพลับพลา แต่จริง ๆ อยากหลอกให้เธอตกหลุมรัก เขาเสนอให้เธอมาเป็นเลขาส่วนตัวเพื่อ “ปกป้อง” แต่แอบหวังทำลายศักดิ์ศรีเธอ พลับพลาตอบตกลงเพราะห่วงย่ากับตอง แต่เจอดราม่าอีก อุษา (ปริตา ไชยรักษ์) ลูกสาว ท่านทวีป (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) ที่แอบรักภีม หึงจัด พยายามกำจัดพลับพลา
แถมยังไม่จบ พลับพลาต้องร่วมงานกับ สุธี (ภาสกร บุญวรเมธี) สามีของ ตรีประดับ (อมีนา พินิจ) พี่สาวของเธอ งานนี้ตรีประดับหึงหนัก คิดว่าพลับพลาจะแย่งสามี เลยกลั่นแกล้งน้องสาวเต็มที่ ดราม่าทวีคูณเมื่อ ตอง มีเรื่องกับ พีท (พีรพันธ์ จึงเจริญพานิชย์) น้องชายภีม จนเจ็บหนัก ภีมยื่นข้อเสนอให้พลับพลา “ยอมเป็นของเขา” เพื่อแลกการช่วยเหลือ แต่พลับพลาสวนกลับว่า “ศักดิ์ศรีฉันไม่ขาย” สะใจมาก
จุดพีค รักเริ่มก่อตัวบนเรือสำราญ
มาถึงจุดเปลี่ยนในงานเลี้ยงบนเรือสำราญ ภีมกับพลับพลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ภีมเริ่มเห็นความจริงใจและความสู้ของพลับพลา เขาเริ่มรู้สึกผิดที่แกล้งเธอ คืนนั้นทั้งคู่เผลอใจจนมีความสัมพันธ์กัน ฉากนี้จิกหมอนแตก แต่ดราม่ามาเลย เมื่อพลับพลาค้นพบว่าเธอท้อง เธอเลือกซ่อนความจริงเพราะกลัวภีมจะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในเกมรัก
สุภางค์และอุษาร่วมมือกันใส่ร้ายว่าลูกในท้องเป็นของ วีกิจ ที่แอบรักพลับพลาและคอยช่วยเธอ ภีมหึงจัด แต่เริ่มสงสัยความจริง ด้าน มณีวรรณ กลับมาช็อกวงการ เผยว่าเธอถูกหลอกให้ทิ้งครอบครัวโดยแผนเก่าของสุภางค์ ภีมแอบตรวจ DNA ของ พัตเตอร์ (ด.ช. ณกรธรรศ วิมลมงคลพร) ลูกชายของพลับพลา และยืนยันว่าเป็นลูกของเขา ฉากนี้ร้องไห้หนักมาก
ละคร ไฟน้ำค้าง คือสุดยอดแห่งความครบรส ดราม่าจัดเต็ม รักจิกหมอน แค้นสะใจ และจบแฮปปี้เอนดิ้ง เคมีของยูโรและมุกดาคือปังสุด ๆ ฉากจูบ ฉากขอโทษ ฉากครอบครัวคือพีคทุกโมเมนต์ ถ้าชอบละครน้ำตาแตกแต่จบด้วยรอยยิ้ม ต้องดู ไปย้อนหลัง
เบื้องหลังของละคร ไฟน้ำค้าง ช่อง 7HD ปี 2567 ละครเรื่องนี้คือดราม่าจัดเต็ม โรแมนติกจิกหมอน ที่ทำให้เราน้ำตาแตกและยิ้มตามได้ในเวลาเดียวกัน มาดูกันว่าใครอยู่เบื้องหลังความปังนี้บ้าง
🎬 บทประพันธ์โดย ชลาลัย

เริ่มที่ตัวแม่ของเรื่องนี้เลย ชลาลัย คือคนที่รังสรรค์เรื่องราวสุดเข้มข้นของ ไฟน้ำค้าง ขึ้นมา บอกเลยว่าป้าแกคือตำนานการเขียนบทประพันธ์ที่ทำให้เราอินได้ทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความแค้นสุดพีคของภีม หรือความสู้ชีวิตของพลับพลา ชลาลัยเค้าใส่ใจทุกรายละเอียด ทำให้เรื่องนี้มีทั้งไฟที่ร้อนแรงและน้ำค้างที่เย็นฉ่ำ เรียกว่าครบรสสุด ๆ ถ้าชอบพล็อตแน่น ๆ ดราม่าจัดเต็ม ต้องยกนิ้วให้ป้าชลาลัยเลยจ้า
📝 บทโทรทัศน์โดย บุหลันดั้นเมฆ
ต่อมาเรามาคุยถึง บุหลันดั้นเมฆ คนที่หยิบเรื่องราวของชลาลัยมาแปลงเป็นบทละครให้เราได้ดูบนจอ บอกเลยว่าเฮียบุหลันคือตัวจริงเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ จากบทประพันธ์ที่เข้มข้นอยู่แล้ว เฮียแกใส่ความเผ็ดร้อนลงไปในบทพูด ฉากตบ ฉากจูบ ฉากร้องไห้คือแบบ ทำเราลุ้นจนตัวเกร็ง โดยเฉพาะฉากที่ภีมขอโทษพลับพลา หรือฉากที่ย่าทิพย์สอนใจ เนี่ย มันถึงใจมาก ขอบคุณบุหลันดั้นเมฆที่ทำให้ทุกตอนของไฟน้ำค้างมันส์หยดติ๋ง
🎥 กำกับการแสดงโดย อินทนนท์ รัตนากาญจน์
(3).jpg)
มาถึงผู้กำกับสุดเจ๋ง อินทนนท์ รัตนากาญจน์ พี่คนนี้คือมันสมองที่เนรมิตให้ไฟน้ำค้างออกมาสวยปังทั้งภาพและอารมณ์ ฉากบนเรือสำราญ ฉากแต่งงานตอนจบ หรือฉากดราม่าน้ำตาแตกเนี่ย พี่อินทนนท์จัดจังหวะได้เป๊ะเวอร์ การกำกับนักแสดงก็สุดยอด ทำให้ยูโรและมุกดาเคมีพุ่งกระจาย แม้แต่ฉากแอ็กชันเล็ก ๆ หรือฉากตัวร้ายอย่างสุภางค์และอุษาก็ดูมีพลัง งานนี้ต้องปรบมือรัว ๆ ให้พี่อินทนนท์ที่คุมเกมได้อยู่หมัด
🏭 ผลิตโดย บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด
และสุดท้าย ทีมที่ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงคือ มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ค่ายนี้เค้าคือตัวพ่อตัวแม่แห่งวงการละครช่อง 7HD เลยนะ จากงานโปรดักชันที่สวยงาม คอสตูมที่ปัง คัดนักแสดงมาแบบเป๊ะ ๆ แถมยังเลือกเพลงประกอบที่ฟังแล้วอินสุด ๆ มีเดีย สตูดิโอเค้าทุ่มสุดตัวเพื่อให้ละครเรื่องนี้ครบเครื่องทั้งภาพ เสียง และอารมณ์ บอกเลยว่างานคุณภาพขนาดนี้ สมแล้วที่เรตติ้งตอนจบพุ่งถึง 3.7
บอกเลยว่า ไฟน้ำค้าง ไม่ได้ปังแค่หน้าจอ แต่เบื้องหลังก็สุดยอดไม่แพ้กัน ชลาลัย วางรากฐานเรื่องราวให้แน่น บุหลันดั้นเมฆ เติมความเผ็ดให้บท อินทนนท์ รัตนากาญจน์ กำกับให้ปัง และ มีเดีย สตูดิโอ เนรมิตให้สมบูรณ์ ทีมนี้คือสูตรลับที่ทำให้ละครเรื่องนี้ครองใจแฟน ๆ ไปเลย ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวมันส์แค่ไหน ไปย้อนดูได้
นักแสดง
→ ยศวรรธน์ ทะวาปี รับบท ภีม

ภีมคือหนุ่มไฮโซ ทายาทบริษัทพีพี เวิลด์ หล่อ รวย แต่ใจเย็นชาแบบสุดๆ เพราะมีปมฝังใจจากอดีต แม่ของเขา มณีวรรณ ทิ้งครอบครัวไป ทำให้ภีมเกลียดผู้หญิงที่เขาคิดว่า “หิวเงิน” โดยเฉพาะสาวๆ ที่ทำงานแบบพริตตี้ เขาเลยเข้าใจผิดว่า พลับพลา นางเอกของเรา เป็นเมียน้อยของพ่อตัวเอง งานนี้ภีมเลยเปิดเกมรักสุดแซ่บเพื่อแก้แค้น ด้วยการแกล้งหลอกให้พลับพลาตกหลุมรักแล้วทำลายศักดิ์ศรีเธอ
แต่ยิ่งใกล้ชิด ภีมยิ่งเห็นความจริงใจและความสู้ของพลับพลา ทำให้หัวใจที่เคยเย็นชาเริ่มละลาย กลายเป็นความรักที่ทั้งร้อนแรงและซึ้งสุดๆ การแสดงของยูโรคือปังมาก ดวงตาที่เย็นชาในตอนแรกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอบอุ่น ฉากขอโทษพลับพลาคือน้ำตาแตกเลย
ฉายา “หนุ่มไฟแค้น”
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะภีมในช่วงแรกคือคนที่ไฟในใจลุกโชนจากความแค้นและปมอดีต เขาพร้อมเผาทุกอย่างด้วยเกมรักที่โหดร้าย แต่สุดท้ายไฟนั้นก็ถูกดับด้วยน้ำค้างจากความรักของพลับพลา
ข้อคิด “ความรักแท้ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้”
ภีมสอนให้เราเห็นว่า ต่อให้มีบาดแผลในใจหนักแค่ไหน การเปิดใจให้ความรักและการให้อภัยจะทำให้ชีวิตเรากลับมามีความสุขได้ ฉากที่ภีมยอมรับผิดและขอโทษพลับพลาคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้ว่า ความรักที่จริงใจมันเปลี่ยนคนได้จริงๆ
→ มุกดา นรินทร์รักษ์ รับบท พลับพลา

พลับพลาคือสาวสวยวัย 23 ปี ที่สู้ชีวิตแบบสุดใจ เธอเติบโตมากับคำสอนของ ย่าทิพย์ ที่ว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” ทำให้เธอยึดมั่นในศักดิ์ศรี ไม่ยอมขายตัวเพื่อแลกความสำเร็จ แม้ว่าชีวิตจะลำบากแค่ไหน เธอทำงานหนักเพื่อเลี้ยงย่าและ ตอง น้องชาย เริ่มเรื่องมา เธอรับงานพริตตี้ในงานเปิดตัวรถเพื่อหาเงินค่าเทอมให้ตอง
แต่เจอดราม่าเมื่อ ภีม พระเอกเข้าใจผิดว่าเธอเป็น “สาวหิวเงิน” และเปิดเกมรักเพื่อทำร้ายศักดิ์ศรีเธอ พลับพลาไม่ยอมจม เธอสู้กลับทุกครั้ง ไม่ว่าจะเจอการใส่ร้ายจาก สุภางค์ หรือ อุษา หรือแม้แต่ความหึงจาก ตรีประดับ พี่สาว มุกดาเล่นได้ถึงมาก ทั้งความเข้มแข็งและความเปราะบาง ฉากที่ร้องไห้ปกป้องครอบครัวคือน้ำตาแตก เคมีกับยูโรก็คือจิกหมอนสุดๆ
ฉายา “น้ำค้างแห่งศักดิ์ศรี”
พลับพลาคือเหมือนหยาดน้ำค้าง ดูเปราะบางแต่บริสุทธิ์และแข็งแกร่ง เธอไม่ยอมให้ใครมาทำลายศักดิ์ศรี และสามารถดับไฟแค้นของภีมได้ด้วยความจริงใจและความรัก
ข้อคิด “ศักดิ์ศรีคือสิ่งที่เราต้องรักษาไว้”
พลับพลาสอนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าโลกจะโหดร้ายแค่ไหน การยึดมั่นในคุณค่าของตัวเองและไม่ยอมให้ใครมาดูถูกคือพลังที่ทำให้เราก้าวต่อไปได้ ฉากที่เธอปฏิเสธข้อเสนอของภีมเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกทึ่งในความแกร่งของเธอ
→ สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ รับบท วีกิจ

วีกิจคือหนุ่มหล่อมาดเนี้ยบ อดีตเพื่อนสนิทและคู่แข่งทางธุรกิจของ ภีม ภัทรตระกูล พระเอกของเรา เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่แข่งกับพีพี เวิลด์ และมีปมในใจจากความสัมพันธ์ที่เคยแตกหักกับภีม แต่ที่ทำให้วีกิจโดดเด่นคือหัวใจที่แอบรัก พลับพลา นางเอกของเรื่อง เขาเห็นความดีและความสู้ของเธอตั้งแต่แรกเจอในงานเปิดตัวรถ เลยพยายามช่วยเหลือและปกป้องเธอจากเกมรักของภีมและการใส่ร้ายของ สุภางค์ กับ อุษา
วีกิจเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ใจเย็น และพร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่รัก แม้ว่าสุดท้ายเขาจะต้องยอมถอนตัวจากรักสามเส้า สันติราษฎร์เล่นได้ถึงมาก สายตาที่มองพลับพลาคือทั้งรักทั้งเจ็บ ฉากที่ยอมปล่อยมือเพื่อให้เธอมีความสุขคือซึ้งจนน้ำตาคลอ
ฉายา “อัศวินผู้เงียบขรึม”
วีกิจเหมือนอัศวินที่คอยปกป้องพลับพลาอยู่เงียบๆ ไม่หวือหวาแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ เขายืนเคียงข้างเธอในวันที่เจ็บปวด แต่เลือกถอยเมื่อรู้ว่าเธอรักคนอื่น
ข้อคิด “รักแท้คือการยอมปล่อยเพื่อให้คนที่รักมีความสุข”
วีกิจสอนให้เราเห็นว่า ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการอยากให้คนที่เรารักได้เจอสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่านั่นจะหมายถึงการเสียสละหัวใจตัวเอง ฉากที่วีกิจยิ้มทั้งน้ำตาและอวยพรให้พลับพลาคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกชื่นชมในความยิ่งใหญ่ของเขา
→ ชนกันต์ พูนศิริวงศ์ รับบท ทัศน์พล/ทัศ

ทัศน์พล หรือ ทัศ คือหนุ่มหล่อเพื่อนสนิทของ ภีม ภัทรตระกูล พระเอกของเรา เขาเป็นตัวละครรองที่มาเติมความสดใสให้ละคร บอกเลยว่าเป็นคนมองโลกในแง่ดี ร่าเริง และมีเสน่ห์แบบสุดๆ ทัศเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยซัพพอร์ตภีมในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องหัวใจ แต่ที่ทำให้ทัศขโมยใจคนดูคือความรักสุดน่ารักกับ อรวี คู่รักรองของเรื่อง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือหวานละมุน ไม่ดราม่าหนักเหมือนคู่หลัก
ชนกันต์เล่นได้ลงตัวมาก สายตาที่มองอรวีคือฟินสุด ฉากที่ทั้งคู่แต่งงานกันในตอนจบคือทำให้คนดูยิ้มแก้มปริ การแสดงของชนกันต์คือทั้งสนุกและเป็นธรรมชาติ ช่วยให้เรื่องที่เข้มข้นมีมุมน่ารักๆ ให้พักใจ
ฉายา “เพื่อนซี้จอมกระจายรอยยิ้ม”
ทัศคือเพื่อนที่ทุกคนอยากมี มาพร้อมรอยยิ้มและพลังบวกที่ทำให้ทุกคนรอบตัวมีความสุข ไม่ว่าจะเจอดราม่าแค่ไหน ทัศก็พร้อมโยนมุกหรือทำให้บรรยากาศดีขึ้น
ข้อคิด “รอยยิ้มและความจริงใจสร้างความสุขให้ทุกคน”
ทัศสอนให้เราเห็นว่า การเป็นคนมองโลกในแง่ดีและจริงใจกับคนรอบข้างสามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้ ต่อให้เจอเรื่องหนักๆ การมีทัศนคติที่ดีและรอยยิ้มจะช่วยให้ทุกอย่างดูเบาลง ฉากที่ทัศคอยปลอบภีมและทำให้อรวียิ้มได้คือตัวอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า ความสุขมันง่ายแค่นี้เอง
→ ญาณิศา ธีราธร รับบท อรวี

อรวีคือสาวสวยจิตใจดี คู่รักของ ทัศน์พล หรือทัศ หนุ่มเพื่อนซี้ของพระเอกภีม เธอเป็นตัวละครรองที่มาเติมความหวานและความสดใสให้ละคร บอกเลยว่าอรวีคือคนที่มองโลกในแง่ดี มีรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนรอบตัวรู้สึกอบอุ่น เธอเป็นเหมือนเพื่อนสาวที่คอยสนับสนุนทั้งทัศและคนรอบข้าง
โดยเฉพาะในช่วงที่เรื่องราวหลักของภีมและพลับพลาดราม่าหนักๆ ความรักของอรวีกับทัศคือแบบหวานละมุน ไม่มีดราม่าจัดเหมือนคู่หลัก ทำให้คนดูได้พักใจและยิ้มตาม ญาณิศาเล่นได้น่ารักมาก สายตาที่มองทัศคือฟินสุดๆ ฉากแต่งงานของทั้งคู่ในตอนจบคือหัวใจพองโตเลย การแสดงของญาณิศาคือลงตัว ช่วยให้อรวีเป็นตัวละครที่คนดูรักและอยากเอาใจช่วย
ฉายา “รอยยิ้มแห่งความสดใส**
อรวีเหมือนแสงแดดที่ส่องสว่างในวันที่มืดครึ้ม เธอนำรอยยิ้มและความอบอุ่นมาให้ทุกคน โดยเฉพาะทัศ คู่รักของเธอ ทำให้เรื่องที่หนักๆ มีมุมน่ารักให้คนดูได้ชื่นใจ
ข้อคิด “ความรักที่เรียบง่ายสร้างความสุขได้เสมอ
อรวีสอนให้เราเห็นว่า ความรักไม่ต้องซับซ้อนหรือดราม่าก็สามารถมีความสุขได้ การเป็นคนจริงใจและมอบความรักที่บริสุทธิ์ให้คนรอบตัวคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตสวยงาม ฉากที่อรวีและทัศหัวเราะด้วยกันคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า ความรักแบบนี้แหละที่เราอยากมี
→ ณัฐภัทร จิรภาวสุทธิ์ รับบท ตอง

ตองคือน้องชายสุดที่รักของ พลับพลา นางเอกของเรา เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่บางครั้งก็ซนและก่อเรื่องจนพี่สาวต้องปวดหัว แต่ลึกๆ แล้วตองคือคนที่รักครอบครัวมาก โดยเฉพาะพี่สาวและ ย่าทิพย์ ตองมักจะมีปัญหากับ พีท น้องชายของพระเอกภีม ซึ่งทำให้เกิดดราม่าในเรื่อง เช่น การทะเลาะจนบาดเจ็บหนักที่พลับพลาต้องมาช่วยเคลียร์
แต่ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง ตองเริ่มเติบโตและกลายเป็นเด็กที่เข้มแข็งขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพและความยากลำบากของครอบครัว ณัฐภัทรเล่นได้สมวัยมาก สีหน้าท่าทางคือเด็กวัยรุ่นที่ทั้งกวนและน่ารัก ฉากที่ตองได้รับทุนเรียนต่อและกอดพี่สาวคือซึ้งจนน้ำตาคลอ ทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและอยากให้กำลังใจน้องคนนี้
ฉายา “น้องชายตัวแสบแห่งครอบครัว
ตองคือเด็กแสบที่ชอบก่อเรื่อง แต่ก็เป็นน้องชายที่รักครอบครัวสุดหัวใจ เขาเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่อาจจะซน แต่สุดท้ายก็พร้อมยืนเคียงข้างพี่สาวในยามยาก
ข้อคิด “ครอบครัวคือพลังที่ทำให้เราสู้ต่อได้
ตองสอนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาหนักแค่ไหน การมีครอบครัวที่รักและคอยสนับสนุนคือสิ่งที่ทำให้เรามีแรงก้าวต่อไป ฉากที่ตองหายจากอาการป่วยและสัญญากับพี่สาวว่าจะตั้งใจเรียนคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า ครอบครัวคือทุกอย่างจริงๆ
→ ปริตา ไชยรักษ์ รับบท อุษา

อุษาคือตัวร้ายตัวแม่ของเรื่อง ลูกสาวของ ท่านทวีป มหาเศรษฐีที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ เธอเป็นสาวสวย ไฮโซ แต่ใจร้ายและเต็มไปด้วยความหึงหวง เพราะหลงรัก ภีม ภัทรตระกูล พระเอกของเรามาตั้งนาน พอเห็นภีมสนใจ พลับพลา นางเอก อุษาก็ไฟลุกเลยจ้า ร่วมมือกับ สุภางค์ วางแผนใส่ร้ายและกำจัดพลับพลาด้วยวิธีสุดแซ่บ
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือหรือส่งคนไปทำร้าย อุษาคือตัวละครที่ทำให้คนดูอยากตบจอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปริตาเล่นได้ถึงมาก สายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นและการแสดงออกแบบสาวไฮโซที่ร้ายสุดขั้วคือปังจริง ฉากที่อุษาเผชิญหน้ากับพลับพลาคือลุ้นจนตัวเกร็ง และฉากที่เธอถูกลงโทษตอนจบก็สะใจสุดๆ
ฉายา “สาวไฮโซจอมวางแผน”
อุษาคือตัวแทนของความร้ายกาจแบบมีสไตล์ เธอวางแผนทุกอย่างด้วยความมั่นใจและความไฮโซ แต่สุดท้ายความแค้นและความหึงก็พาเธอไปสู่จุดจบ
ข้อคิด “ความหึงหวงทำลายทั้งตัวเองและคนอื่น
อุษาสอนให้เราเห็นว่า การปล่อยให้ความหึงหวงและความแค้นครอบงำใจไม่เคยนำไปสู่สิ่งดีๆ มันไม่เพียงทำร้ายคนที่เราคิดว่าเป็นศัตรู แต่ยังทำลายตัวเราเองด้วย ฉากที่อุษาต้องเผชิญผลจากการกระทำของตัวเองคือบทเรียนที่ชัดเจน
→ ภัทรพงศ์ เวศกามี รับบท ยศ

ยศคือหนุ่มเพื่อนซี้ในแก๊งของ ภีม ภัทรตระกูล พระเอกของเรา เขาเป็นตัวละครสมทบที่โผล่มาเมื่อไหร่ก็ทำให้คนดูยิ้มได้ บอกเลยว่ายศคือคนที่ชิลๆ มีความสนุกสนาน มักจะโยนมุกหรือช่วยคลายความตึงเครียดในกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะเวลาที่ภีมกำลังเครียดกับเรื่อง พลับพลา หรือดราม่าครอบครัว
ยศไม่ได้มีบทเด่นมาก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็เหมือนลมเย็นๆ ที่ทำให้บรรยากาศในเรื่องผ่อนคลายลง ภัทรพงศ์เล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ สีหน้าท่าทางคือเพื่อนที่ทุกคนอยากมี ฉากที่ยศนั่งคุยกับภีมและ ทัศน์พล ในงานเลี้ยงคือขโมยซีนเบาๆ ทำให้คนดูรู้สึกว่าแก๊งนี้เคมีดีจริง
ฉายา “จอมมุกแห่งแก๊งเพื่อน”
ยศคือตัวละครที่เหมือนตัวแทนของความสนุกในกลุ่มเพื่อน มาพร้อมมุกตลกและความชิลที่ช่วยให้ทุกคนรอบตัวผ่อนคลาย แม้ในสถานการณ์ดราม่า
ข้อคิด “เพื่อนดีๆ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น”
ยศสอนให้เราเห็นว่า การมีเพื่อนที่คอยสร้างรอยยิ้มและอยู่เคียงข้างในวันที่หนักใจคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ฉากที่ยศช่วยเบรกความเครียดของภีมคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า เพื่อนแท้แบบนี้แหละที่ทุกคนต้องการ
→ พีรพันธ์ จึงเจริญพาณิชย์ รับบท พีท

พีทคือน้องชายสุดเกเรของ ภีม ภัทรตระกูล พระเอกของเรา เขาเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ชอบก่อเรื่องและสร้างปัญหาให้พี่ชายต้องตามแก้ บอกเลยว่าพีทคือตัวละครที่เหมือนเด็กแสบประจำตระกูลภัทรตระกูล มีนิสัยขี้เล่นแต่ก็ใจร้อน มักจะปะทะกับ ตอง น้องชายของนางเอกพลับพลา ซึ่งนำไปสู่ดราม่าหนักๆ เช่น การทะเลาะกันจนตองบาดเจ็บ ทำให้ภีมและพลับพลาต้องมาเคลียร์กันวุ่นวาย
ถึงพีทจะดูเป็นตัวปัญหา แต่ลึกๆ เขาก็รักครอบครัวและมีพัฒนาการในตอนหลังที่เริ่มสำนึกและโตขึ้น พีรพันธ์เล่นได้สมบทบาทมาก สีหน้าท่าทางคือวัยรุ่นจอมซนที่ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ ฉากที่พีทขอโทษตองและครอบครัวคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเด็กคนนี้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกัน
ฉายา “น้องชายจอมป่วน”
พีทคือตัวป่วนประจำเรื่อง ที่มาพร้อมความเกเรและความวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็มีหัวใจที่รักครอบครัวและพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ข้อคิด “การสำนึกและเปลี่ยนแปลงทำให้เราเติบโต”
พีทสอนให้เราเห็นว่า ถึงจะเคยทำผิดหรือก่อเรื่องแค่ไหน การยอมรับผิดและพยายามเปลี่ยนตัวเองคือก้าวสำคัญที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น ฉากที่พีทขอโทษและเริ่มปรับปรุงตัวคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า ทุกคนมีโอกาสเริ่มใหม่ได้
→ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท ภุชงค์

ภุชงค์คือพ่อของ ภีม และ พีท พระเอกและน้องชายตัวแสบของเรา เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่แห่งตระกูลภัทรตระกูล เจ้าของบริษัทพีพี เวิลด์ ภายนอกดูเป็นพ่อที่อบอุ่นและประสบความสำเร็จ แต่ลึกๆ แล้วมีปมหนักจากอดีตที่เคยทำผิดต่อ มณีวรรณ ภรรยา ด้วยการมีสัมพันธ์กับ สุภางค์ จนทำให้ครอบครัวแตกสลาย ภุชงค์พยายามชดเชยความผิดด้วยการดูแลภีมและพีท
แต่ปมนี้ก็ทำให้ภีมเกลียดผู้หญิงที่เขาคิดว่า “หิวเงิน” เมื่อเจอ พลับพลา นางเอกที่หน้าตาคล้ายมณีวรรณ ภุชงค์ก็สนใจเธอ แต่เป็นความชื่นชมมากกว่าความรัก ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่อง ภูธฤทธิ์เล่นได้ถึงมาก ถ่ายทอดความเป็นพ่อที่ทั้งเข้มแข็งและเปราะบางได้ดี ฉากที่คืนดีกับมณีวรรณในตอนจบคือซึ้งจนน้ำตาคลอ
ฉายา “พ่อปมหนักแห่งตระกูล”
ภุชงค์คือพ่อที่แบกความผิดในอดีตไว้เต็มบ่า แต่ก็พยายามปกป้องครอบครัวและชดใช้สิ่งที่ทำลงไป ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่าเคารพ
ข้อคิด “การยอมรับผิดคือก้าวแรกของการแก้ไข”
ภุชงค์สอนให้เราเห็นว่า ถึงจะเคยทำผิดพลาดหนักแค่ไหน การยอมรับและพยายามแก้ไขคือหนทางสู่การเยียวยา ฉากที่เขาขอโทษมณีวรรณและกลับมาสร้างครอบครัวใหม่คือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่มีอะไรสายเกินไปถ้าเราจริงใจ
→ ภัสสร บุณยเกียรติ รับบท สุภางค์

สุภางค์คือตัวร้ายระดับตำนานของเรื่อง เธอเป็นหญิงสาวจากบาร์ที่เคยมีความสัมพันธ์กับ ภุชงค์ พ่อของพระเอกภีม จนตั้งครรภ์และได้เข้ามาอยู่ในตระกูลภัทรตระกูล แต่บอกเลยว่าเธอไม่ใช่แค่เมียน้อยธรรมดา สุภางค์คือจอมวางแผนที่หวังครอบครองสมบัติและหัวใจของภุชงค์ เธอร้ายลึกถึงขั้นวางแผนให้ มณีวรรณ ภรรยาของภุชงค์ต้องทิ้งครอบครัวไป
เมื่อ พลับพลา นางเอกโผล่เข้ามาและภุชงค์ดูจะสนใจ สุภางค์ก็ไฟลุก ร่วมมือกับ อุษา ใส่ร้ายและหาทางกำจัดพลับพลาด้วยวิธีสุดโหด ทั้งปล่อยข่าวลือและส่งคนทำร้าย ภัสสรเล่นได้ถึงมาก สายตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเธอคือร้ายแบบมีสไตล์ ฉากที่สุภางค์เผชิญหน้ากับพลับพลาคือตึงสุดๆ และฉากที่ถูกลงโทษในตอนจบคือสะใจคนดูสุดๆ
ฉายา “ราชินีแห่งความร้าย”
สุภางค์คือตัวร้ายที่ครบเครื่อง ร้ายลึก วางแผนเก่ง และไม่เคยยอมแพ้ เธอเหมือนราชินีที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย แต่สุดท้ายความร้ายก็พาเธอไปสู่จุดจบ
ข้อคิด “ความโลภนำไปสู่ความพินาศ”
สุภางค์สอนให้เราเห็นว่า การปล่อยให้ความโลภและความแค้นครอบงำใจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย การทำร้ายผู้อื่นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการไม่เคยจบลงด้วยดี ฉากที่สุภางค์ต้องเผชิญผลกรรมคือบทเรียนที่ชัดเจน
→ ปนัดดา โกมารทัต รับบท ย่าทิพย์

ย่าทิพย์คือย่าผู้เป็นทุกอย่างของ พลับพลา และ ตอง นางเอกและน้องชายของเรา เธอเป็นผู้หญิงสูงวัยที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งและความรัก แม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ย่าทิพย์คือคนที่คอยสอนให้พลับพลายึดมั่นในศักดิ์ศรี ด้วยคำสอนสุดปังว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” เธอเป็นเหมือนรากฐานที่ทำให้พลับพลาสู้ชีวิตได้อย่างไม่ยอมแพ้
ย่าทิพย์มักจะให้คำแนะนำที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา และคอยปกป้องหลานๆ จากความยากลำบาก ปนัดดาเล่นได้ถึงมาก ถ่ายทอดความเป็นย่าที่ทั้งอบอุ่นและเข้มแข็งได้สมบูรณ์แบบ ฉากที่ย่าทิพย์ปลอบพลับพลาหรือจากไปอย่างสงบในตอนจบคือซึ้งจนน้ำตาไหล ทำให้คนดูรู้สึกถึงความรักของครอบครัว
ฉายา “ย่าแห่งปัญญา”
ย่าทิพย์คือเหมือนแสงนำทางของครอบครัว ด้วยคำสอนและความรักที่เหมือนปัญญาอันล้ำค่า ช่วยให้พลับพลาและตองผ่านพ้นทุกปัญหาได้
ข้อคิด “คำสอนของครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่”
ย่าทิพย์สอนให้เราเห็นว่า คำสอนและความรักจากครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งและยืนหยัดได้ในวันที่โลกโหดร้าย ฉากที่ย่าทิพย์สอนพลับพลาเรื่องศักดิ์ศรีคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า คำพูดดีๆ จากคนที่รักเราคือสมบัติล้ำค่า
→ กชกร นิมากรณ์ รับบท แก้วลดา/มณีวรรณ

มณีวรรณ หรือที่ใช้ชื่อว่าแก้วลดาในบางช่วงของเรื่อง คือแม่ของ ภีม และ พีท พระเอกและน้องชายตัวแสบ เธอเป็นตัวละครที่มีปมหนักมาก เพราะในอดีตถูก สุภางค์ วางแผนหลอกให้เข้าใจผิดว่า ภุชงค์ สามีของเธอนอกใจ จนทำให้เธอต้องทิ้งครอบครัวไปด้วยความเจ็บปวด มณีวรรณเลือกหายตัวไปและเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยใช้ชื่อแก้วลดา แต่หัวใจของเธอยังคงรักและคิดถึงลูกๆ เสมอ
เมื่อเธอกลับมาในเรื่อง ความลับในอดีตถูกเปิดเผย และกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ครอบครัวภัทรตระกูลได้คืนดีกัน กชกรเล่นได้ถึงมาก ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความรักของแม่ได้อย่างลึกซึ้ง ฉากที่มณีวรรณกอดภีมและขอโทษลูกๆ คือซึ้งจนน้ำตาไหล ทำให้คนดูรู้สึกถึงความรักและการเสียสละของแม่
ฉายา “แม่ผู้แบกความเจ็บปวด”
มณีวรรณคือแม่ที่ต้องแบกความเจ็บปวดจากอดีตและการพลัดพรากจากลูกๆ แต่ความรักที่เธอมีให้ครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เธอกลับมาและเยียวยาทุกอย่าง
ข้อคิด “ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ”
มณีวรรณสอนให้เราเห็นว่า ความรักของแม่สามารถเอาชนะความเจ็บปวดและความเข้าใจผิดได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แม่ก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อลูก ฉากที่เธอคืนดีกับภีมและภุชงค์คือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกถึงพลังของความรักในครอบครัว
→ กฤตย์ อัทธเสรี รับบท เดช

เดชคือตัวละครสมทบที่โผล่มาในฐานะหนึ่งในคนที่เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจและความขัดแย้งในเรื่อง เขาเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับ พีพี เวิลด์ บริษัทของตระกูลภัทรตระกูล เดชมีบทบาทเป็นเหมือนคนสนิทหรือผู้ช่วยในบางสถานการณ์ คอยสนับสนุนตัวละครหลักอย่าง ภีม หรือ ภุชงค์ ในเรื่องงานและการแก้ปัญหา
แม้ว่าบทของเดชจะไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และมีมิติมากขึ้น กฤตย์ อัทธเสรี เล่นได้สมจริง ถ่ายทอดความเป็นมืออาชีพและความภักดีได้ดี ฉากที่เดชช่วยจัดการปัญหาในบริษัทหรือสนับสนุนภีมคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเขาคือตัวละครที่ไว้ใจได้
ฉายา “มือขวาแห่งความภักดี”
เดชคือคนที่ยืนหยัดเคียงข้างตัวละครหลัก คอยช่วยเหลือและสนับสนุนด้วยความภักดี แม้จะไม่ได้เป็นจุดสนใจ แต่ก็ขาดไม่ได้ในเรื่อง
ข้อคิด “ความภักดีคือคุณค่าที่สร้างความไว้วางใจ”
เดชสอนให้เราเห็นว่า การทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความซื่อสัตย์และภักดีต่อคนที่เราเคารพหรือทำงานด้วยคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นที่ยอมรับ ฉากที่เดชช่วยภีมหรือภุชงค์ในสถานการณ์ตึงเครียดคือตัวอย่างที่แสดงถึงความสำคัญของความภักดี
→ ปัทมา ปานทอง รับบท อำพร

อำพรคือตัวละครสมทบที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พลับพลา นางเอกของเรา เธอเป็นญาติผู้ใหญ่ในบ้านที่มีบทบาทเหมือนพี่สาวหรือป้าที่คอยดูแลและสนับสนุนครอบครัว โดยเฉพาะพลับพลาและ ตอง น้องชาย อำพรอาจจะไม่ได้มีบทเด่นมาก แต่เธอคือคนที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นในครอบครัว ด้วยความเป็นคนใจดี ขยัน และพร้อมช่วยเหลือทุกคนในยามยาก
เธอมักจะคอยให้กำลังใจพลับพลาในวันที่เจอดราม่าหนักๆ จาก ภีม หรือ สุภางค์ ปัทมา ปานทอง เล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ ถ่ายทอดความเป็นญาติที่แสนดีได้อย่างน่าเอ็นดู ฉากที่อำพรช่วยงานบ้านหรือปลอบพลับพลาคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกถึงความรักในครอบครัว
ฉายา “พี่สาวแห่งความอบอุ่น”
อำพรคือเหมือนพี่สาวหรือญาติผู้ใหญ่ที่คอยประคองครอบครัวด้วยความรักและความเข้าใจ ทำให้ทุกคนรู้สึกมีที่พึ่งในวันที่ลำบาก
ข้อคิด “ความรักในครอบครัวคือแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่”
อำพรสอนให้เราเห็นว่า การอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจคนในครอบครัว แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง ฉากที่อำพรช่วยเหลือพลับพลาในวันที่เหนื่อยล้าคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความรักในครอบครัว
→ เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์ รับบท ท่านทวีป

ท่านทวีปคือมหาเศรษฐีตัวท็อปที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ และเป็นพ่อของ อุษา ตัวร้ายสุดแซ่บของเรา เขาเป็นผู้นำครอบครัวที่ดูน่าเกรงขาม มีความเข้มงวด และมุ่งมั่นในเรื่องผลประโยชน์ของตระกูล ท่านทวีปมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจกับ พีพี เวิลด์ ของตระกูลภัทรตระกูล
แม้ว่าจะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ท่านทวีปก็มีมุมที่รักและหวงลูกสาว โดยเฉพาะอุษาที่หลงรัก ภีม พระเอก ซึ่งทำให้เขามักจะสนับสนุนลูกสาวในแบบที่บางครั้งก็นำไปสู่ความขัดแย้ง เฉลิมพรเล่นได้สมบทบาทมาก ถ่ายทอดความเป็นผู้นำที่ทั้งน่าเกรงขามและมีมิติของความเป็นพ่อได้ดี ฉากที่ท่านทวีปเผชิญหน้ากับภีมหรือให้คำแนะนำกับอุษาคือโมเมนต์ที่แสดงถึงอำนาจและความรักในครอบครัว
ฉายา “เสาหลักแห่งอำนาจ”
ท่านทวีปคือตัวแทนของความยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจและครอบครัว เขาเหมือนเสาหลักที่ทั้งแข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางของทุกความเคลื่อนไหวในเรื่อง
ข้อคิด “ความสมดุลระหว่างอำนาจและความรักคือสิ่งสำคัญ”
ท่านทวีปสอนให้เราเห็นว่า การมีอำนาจหรือความสำเร็จในชีวิตต้องมาพร้อมกับการใส่ใจคนที่เรารัก การตัดสินใจที่ขาดความสมดุลอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ฉากที่เขาพยายามปกป้องอุษาแต่ก็ต้องยอมรับผลจากความผิดของลูกสาวคือตัวอย่างที่ชัดเจน
→ กัณพล ปรีดามาโนช รับบท วรุณ

วรุณคือตัวละครสมทบที่เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนที่เชื่อมโยงกับบริษัทของ ภีม และคู่แข่งอย่าง วีกิจ เขาเป็นคนที่ช่วยขับเคลื่อนในด้านการแข่งขันและการเจรจา วรุณมีนิสัยเป็นมืออาชีพ ฉลาด และมักจะมีบทบาทในการให้คำปรึกษาหรือจัดการปัญหาในองค์กร
แม้ว่าบทจะไม่เด่นมาก แต่เขาก็ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเรื่องราวทางธุรกิจ กัณพล ปรีดามาโนช เล่นได้สมจริง ถ่ายทอดความเป็นนักธุรกิจที่ไว้ใจได้ได้ดี ฉากที่วรุณช่วยเจรจาหรือแก้ปัญหาในบริษัทคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของตัวละครแบบนี้
ฉายา “นักธุรกิจผู้ฉลาดหลักแหลม”
วรุณคือตัวแทนของความฉลาดในวงการธุรกิจ คอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาด้วยสมองและประสบการณ์ แม้จะอยู่เบื้องหลังแต่ก็ขาดไม่ได้
ข้อคิด “ความฉลาดและความซื่อสัตย์นำไปสู่ความสำเร็จ”
วรุณสอนให้เราเห็นว่า ในโลกธุรกิจ การใช้สมองและความซื่อสัตย์คือกุญแจสู่ความสำเร็จ ฉากที่เขาช่วยจัดการปัญหาในองค์กรคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความฉลาดที่มาพร้อมคุณธรรม
→ อมีนา พินิจ รับบท ตรีประดับ

ตรีประดับคือพี่สาวของ พลับพลา นางเอกของเรา เธอเป็นตัวละครที่มีทั้งความรักและความขมขื่นในใจ เพราะเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนและต้องสู้ชีวิตเคียงข้างน้องสาวและ ย่าทิพย์ แต่ลึกๆ แล้ว ตรีประดับมีความอิจฉาและความรู้สึกด้อยเมื่อเทียบกับพลับพลาที่ทั้งสวยและเก่ง
เธอมักจะแสดงออกด้วยความหึงหวงและบางครั้งก็ทำร้ายจิตใจน้องสาวโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเมื่อพลับพลาได้ใกล้ชิดกับ ภีม พระเอก ซึ่งทำให้ตรีประดับรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ถึงจะมีมุมที่ดูเหมือนตัวร้าย แต่ในตอนท้าย เธอก็แสดงให้เห็นถึงความรักต่อครอบครัวและการยอมรับผิด อมีนาเล่นได้ถึงมาก สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความซับซ้อนคือปังสุด ฉากที่ตรีประดับขอโทษพลับพลาคือซึ้งจนน้ำตาคลอ
ฉายา “พี่สาวแห่งความขมขื่น”
ตรีประดับคือพี่สาวที่แบกความรู้สึกอิจฉาและปมในใจ แต่สุดท้ายก็แสดงให้เห็นว่าเธอยังรักครอบครัวและพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ข้อคิด “การยอมรับและเยียวยาความเจ็บปวดในใจคือก้าวสู่ความสัมพันธ์ที่ดี”
ตรีประดับสอนให้เราเห็นว่า ความอิจฉาหรือปมในใจอาจทำให้เราทำร้ายคนที่รักโดยไม่รู้ตัว แต่การยอมรับและขอโทษคือหนทางที่ทำให้ครอบครัวกลับมาแข็งแกร่ง ฉากที่เธอกอดพลับพลาและขอโทษคือโมเมนต์ที่แสดงถึงพลังของการให้อภัย
→ ภาสกร บุญวรเมธี รับบท สุธี

สุธีคือตัวละครสมทบที่โผล่มาในฐานะคนใกล้ชิดในวงการธุรกิจของ ตระกูลภัทรตระกูล หรืออาจเชื่อมโยงกับ ท่านทวีป และครอบครัวของ อุษา เขามีบทบาทเป็นเหมือนผู้ช่วยหรือคนที่คอยจัดการงานหลังบ้านในเกมการแข่งขันทางธุรกิจระหว่าง พีพี เวิลด์ และคู่แข่ง สุธีเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด ทำงานรอบคอบ และมักจะมีส่วนช่วยในสถานการณ์ที่ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน
แม้ว่าบทของเขาจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็ช่วยเติมเต็มความสมจริงให้กับเส้นเรื่องธุรกิจ ภาสกรเล่นได้เนียนมาก ถ่ายทอดความเป็นมืออาชีพที่มีความน่าเชื่อถือได้ดี ฉากที่สุธีช่วยจัดการงานหรือให้ข้อมูลสำคัญในที่ประชุมคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเขาคือตัวละครที่ขาดไม่ได้ในวงการนี้
ฉายา “เงามืดแห่งวงการธุรกิจ”
สุธีคือเหมือนเงาที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง ช่วยขับเคลื่อนแผนการและแก้ปัญหาด้วยความเงียบแต่เฉียบคม เป็นตัวละครที่ดูนิ่งแต่มีพลัง
ข้อคิด “การทำงานอย่างรอบคอบคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”
สุธีสอนให้เราเห็นว่า การทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความรอบคอบและความรับผิดชอบ แม้จะอยู่เบื้องหลัง ก็สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ ฉากที่เขาช่วยจัดการปัญหาในบริษัทคือตัวอย่างของการทำงานที่มุ่งมั่นและมีประสิทธิภาพ
→ ภาคียะ โพธิ์เงิน รับบท โอม

โอมคือตัวละครสมทบที่โผล่มาในฐานะเพื่อนสนิทของ ตอง น้องชายของนางเอก พลับพลา เขาเป็นวัยรุ่นจอมซนที่มีความขี้เล่นและกวนประสาทนิดๆ แต่ก็มีจิตใจดีและเป็นเพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือ โอมมักจะอยู่ในกลุ่มของตองและบางครั้งก็ร่วมวงสร้างวีรกรรมวัยรุ่นที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย เช่น การปะทะกับ พีท น้องชายของพระเอก ภีม ซึ่งนำไปสู่ดราม่าในเรื่อง
แต่ในมุมน่ารัก โอมก็คอยเป็นสีสันให้กลุ่มเพื่อนและช่วยคลายความตึงเครียด ภาคียะเล่นได้สมวัยมาก สีหน้าท่าทางคือวัยรุ่นตัวแสบที่ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ ฉากที่โอมหัวเราะกับตองหรือช่วยเพื่อนในยามยากคือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูยิ้มตาม
ฉายา “เพื่อนซี้จอมกวน”
โอมคือเพื่อนที่มาพร้อมความกวนและรอยยิ้ม เป็นตัวละครที่ช่วยสร้างความสนุกและเป็นที่พึ่งให้เพื่อนๆ ในยามที่เรื่องวุ่นวาย
ข้อคิด “เพื่อนแท้คือคนที่อยู่ข้างๆ ในทุกสถานการณ์”
โอมสอนให้เราเห็นว่า การเป็นเพื่อนที่ดีไม่ใช่แค่การสนุกด้วยกัน แต่คือการยืนเคียงข้างในวันที่เพื่อนเจอปัญหา ฉากที่โอมช่วยตองในสถานการณ์คับขันคือตัวอย่างที่แสดงถึงมิตรภาพที่แท้จริง
→ รสริน จันทรา รับบท ป้าเล็ก

ป้าเล็กคือตัวละครสมทบที่เป็นญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวของ พลับพลา และ ตอง นางเอกและน้องชายของเรา เธอเป็นเหมือนป้าที่แสนดี มีความใจดี ขยัน และคอยดูแลทุกคนในบ้านเคียงข้าง ย่าทิพย์ ป้าเล็กอาจจะไม่ได้มีบทเด่นสะดุดตา แต่เธอคือคนที่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้ครอบครัว
ด้วยการเป็นคนที่คอยให้กำลังใจและช่วยงานบ้านในวันที่พลับพลาต้องเผชิญดราม่าหนักๆ จาก ภีม หรือ สุภางค์ รสรินเล่นได้เป็นธรรมชาติมาก ถ่ายทอดความเป็นป้าที่น่ารักและน่าเอ็นดูได้ลงตัวสุดๆ ฉากที่ป้าเล็กปลอบพลับพลาหรือช่วยงานบ้านคือโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกถึงความรักและความห่วงใยของครอบครัว
ฉายา “ป้าใจดีแห่งบ้านนางเอก”
ป้าเล็กคือเหมือนแม่บ้านใจดีที่คอยประคองครอบครัวด้วยรอยยิ้มและความรัก ทำให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเธออยู่ใกล้ๆ
ข้อคิด “ความรักเล็กๆ น้อยๆ สร้างความอบอุ่นให้ครอบครัว”
ป้าเล็กสอนให้เราเห็นว่า การช่วยเหลือและให้กำลังใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างความแตกต่างในครอบครัวได้ ฉากที่เธอช่วยงานบ้านหรือพูดคุยให้กำลังใจพลับพลาคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความรักที่เรียบง่าย
→ ราตรี วิทวัส รับบท ป้าแตน

ป้าแตนคือญาติผู้ใหญ่ในบ้านของ พลับพลา และ ตอง นางเอกและน้องชายของเรา เธอเป็นตัวละครสมทบที่มีความเปรี้ยวซ่าและเป็นสีสันของครอบครัว ป้าแตนมีนิสัยขี้บ่นนิดๆ แต่ก็ใจดีและรักครอบครัวสุดๆ เธอมักจะโยนมุกหรือพูดอะไรแซ่บๆ ที่ทำให้คนดูขำและรู้สึกถึงความเป็นกันเองในบ้าน
แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ป้าแตนช่วยสร้างบรรยากาศให้ครอบครัวดูมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเมื่ออยู่เคียงข้าง ย่าทิพย์ และ อำพร คอยช่วยงานบ้านหรือให้คำแนะนำแบบป้าๆ ราตรีเล่นได้สมบทบาทมาก ถ่ายทอดความเป็นป้าที่ทั้งกวนและน่ารักได้ลงตัว ฉากที่ป้าแตนแซวพลับพลาหรือพูดอะไรแซ่บๆ คือโมเมนต์ที่ขโมยซีนและทำให้คนดูยิ้มตาม
ฉายา “ป้าเปรี้ยวแห่งครอบครัว”
ป้าแตนคือเหมือนเครื่องเทศที่เพิ่มรสชาติให้ครอบครัว ด้วยความเปรี้ยวซ่าและมุกตลกที่ทำให้ทุกคนในบ้านมีรอยยิ้ม
ข้อคิด “รอยยิ้มและความสนุกช่วยให้ครอบครัวอบอุ่น”
ป้าแตนสอนให้เราเห็นว่า การนำความสนุกและรอยยิ้มมาให้คนรอบตัว แม้ในวันที่ชีวิตหนักหนา คือสิ่งที่ช่วยให้ครอบครัวเข้มแข็งและมีความสุข ฉากที่เธอแซวหรือทำให้ทุกคนหัวเราะคือตัวอย่างของพลังแห่งความร่าเริง
→ ด.ช.ณกรธรรศ วิมลมงคลพร รับบท พัตเตอร์

พัตเตอร์คือเด็กน้อยสุดน่ารักในครอบครัวของ พลับพลา นางเอกของเรา เขาเป็นตัวละครที่เหมือนน้องเล็กสุดของบ้าน มาพร้อมความไร้เดียงสาและรอยยิ้มที่ทำให้คนดูใจละลาย พัตเตอร์มักจะโผล่มาในฉากครอบครัวที่อบอุ่น คอยวิ่งเล่นหรือพูดอะไรน่ารักๆ ที่ทำให้ ย่าทิพย์ ป้าเล็ก และ อำพร ยิ้มตาม
แม้ว่าบทจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่พัตเตอร์โผล่มา ก็เหมือนแสงแดดที่ทำให้บรรยากาศในบ้านของพลับพลาดูสดชื่นขึ้น น้องณกรธรรศเล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ สีหน้าท่าทางคือเด็กน้อยที่ทั้งซนและน่ารัก ฉากที่พัตเตอร์กอดพลับพลาหรือวิ่งเล่นในบ้านคือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว
ฉายา “น้องเล็กแห่งรอยยิ้ม”
พัตเตอร์คือเด็กน้อยที่เหมือนแสงแดดประจำบ้าน ด้วยความน่ารักและความไร้เดียงสาที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวและคนดูยิ้มได้
ข้อคิด “ความไร้เดียงสานำความสุขมาให้”
พัตเตอร์สอนให้เราเห็นว่า ความบริสุทธิ์และรอยยิ้มของเด็กน้อยสามารถทำให้วันที่หนักหนาเบาลงได้ ฉากที่เขาวิ่งเล่นหรือพูดอะไรน่ารักๆ คือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความไร้เดียงสาที่ทำให้ครอบครัวมีความสุข
→ นทีเทพ บุนนาค รับบท วาสุ

วาสุคือตัวละครสมทบที่เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจ โดยเฉพาะในส่วนที่เชื่อมโยงกับ พีพี เวิลด์ หรือคู่แข่งของตระกูลภัทรตระกูล เขาเป็นคนที่ช่วยขับเคลื่อนในด้านการเจรจาและการแก้ปัญหา วาสุมีนิสัยเป็นมืออาชีพ ฉลาด และมักจะมีบทบาทในการให้คำปรึกษาหรือจัดการสถานการณ์ตึงเครียด
แม้ว่าบทของวาสุจะไม่เด่นเท่าตัวหลัก แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์และมีมิติมากขึ้น นทีเทพเล่นได้สมจริง ถ่ายทอดความเป็นนักธุรกิจที่ไว้ใจได้ได้ดี ฉากที่วาสุช่วยเจรจาหรือแก้ปัญหาในบริษัทคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเขาคือตัวละครที่ขาดไม่ได้
ฉายา “ที่ปรึกษาแห่งความฉลาด”
วาสุคือตัวแทนของความฉลาดในวงการธุรกิจ คอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาด้วยสมองและประสบการณ์ แม้จะอยู่เบื้องหลังแต่ก็ขาดไม่ได้
ข้อคิด “ความฉลาดนำทางสู่ทางออกที่ดี”
วาสุสอนให้เราเห็นว่า ในสถานการณ์ยากลำบาก การใช้สมองและความฉลาดคือหนทางที่จะหาทางออกได้ ฉากที่เขาช่วยจัดการปัญหาในองค์กรคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของการคิดอย่างรอบคอบ
→ กุสุมา ตันสกุล รับบท รัตนา
รัตนาคือตัวละครสมทบที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหรือวงสังคมที่เชื่อมโยงกับ ตระกูลภัทรตระกูล หรือ ท่านทวีป เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสง่างามและมีบทบาทในฐานะคนที่ช่วยสนับสนุนหรือให้คำแนะนำในสถานการณ์สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือการจัดการปัญหา
รัตนามีความเป็นผู้ใหญ่ ฉลาด และมักจะแสดงออกด้วยความสุขุม ซึ่งทำให้เธอเป็นที่พึ่งของตัวละครอื่นๆ ได้ในยามที่เรื่องวุ่นวาย แม้ว่าบทของรัตนาจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่เธอก็ช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับเรื่องราว กุสุมาเล่นได้เนียนมาก ถ่ายทอดความเป็นผู้หญิงที่ทั้งเฉลียวฉลาดและมีเสน่ห์ได้ดี ฉากที่รัตนาให้คำแนะนำหรือช่วยคลายปมในครอบครัวคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเธอคือตัวละครที่ขาดไม่ได้
ฉายา “สตรีแห่งความสุขุม”
รัตนาคือตัวแทนของความสง่างามและความฉลาด เป็นผู้หญิงที่คอยประคองสถานการณ์ด้วยสติและความเข้าใจ ทำให้ทุกอย่างดูลงตัว
ข้อคิด “สติและความสุขุมช่วยแก้ปัญหาได้”
รัตนาสอนให้เราเห็นว่า ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย การใช้สติและความสุขุมในการตัดสินใจคือสิ่งที่ช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ดี ฉากที่เธอช่วยให้คำแนะนำในครอบครัวคือตัวอย่างของการจัดการปัญหาด้วยความใจเย็น
→ ช้องมาศ บางชะวงษ์ รับบท แอนนา

แอนนาคือตัวละครสมทบที่โผล่มาในฐานะสาวสวยที่มีความมั่นใจและเปรี้ยวซ่า เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่เกี่ยวข้องกับวงสังคมของ ตระกูลภัทรตระกูล หรืออาจเชื่อมโยงกับ อุษา และ ท่านทวีป แอนนามีนิสัยกล้าแสดงออก ชอบเป็นจุดสนใจ และมักจะมีบทบาทในฉากที่เพิ่มความตึงเครียดหรือสีสันให้กับเรื่องราว เช่น การแข่งขันทางสังคมหรือการปะทะคารมกับตัวละครอื่นๆ
เธออาจจะดูเป็นสาวแซ่บที่เหมือนจะร้าย แต่ลึกๆ แล้วก็มีมุมที่ทำให้คนดูเข้าใจว่าเธอแค่ต้องการปกป้องตัวเองในโลกที่โหดร้าย ช้องมาศเล่นได้ถึงมาก ถ่ายทอดความเป็นสาวมั่นที่มีทั้งเสน่ห์และความซับซ้อนได้ดี ฉากที่แอนนาเผชิญหน้ากับ พลับพลา หรือโชว์ความแซ่บในงานสังคมคือโมเมนต์ที่ขโมยซีนสุดๆ
ฉายา “สาวแซ่บแห่งวงสังคม”
แอนนาคือตัวแทนของความมั่นใจและความเปรี้ยวที่มาเขย่าวงสังคมในเรื่อง เป็นสาวที่ทั้งสวยและมีพลังดึงดูด แต่ก็มีมุมที่ทำให้คนดูสงสาร
ข้อคิด “ความมั่นใจต้องมาพร้อมความจริงใจ”
แอนนาสอนให้เราเห็นว่า การมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งดี แต่ถ้าขาดความจริงใจหรือทำร้ายคนอื่นเพื่อปกป้องตัวเอง อาจนำไปสู่ความเหงา ฉากที่แอนนาเผชิญผลจากการกระทำของตัวเองคือตัวอย่างที่แสดงถึงความสำคัญของการสมดุลระหว่างความมั่นใจและความจริงใจ
→ จิรกิตติ์ สุวรรณภาพ รับบท คมสันต์

คมสันต์คือตัวละครสมทบที่โผล่มาในฐานะเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ชิดของ ภีม พระเอกของเรา เขาเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบ และมักจะคอยช่วยเหลือภีมในเรื่องงานของ พีพี เวิลด์ หรือจัดการปัญหาที่เกี่ยวกับคู่แข่งอย่าง ท่านทวีป และ อุษา คมสันต์มีนิสัยที่ดูสบายๆ แต่ก็จริงจังเมื่อถึงเวลาต้องลงมือทำงาน
เขาเหมือนเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่คอยให้คำแนะนำและช่วยแก้สถานการณ์วุ่นวาย จิรกิตติ์เล่นได้ลงตัวมาก ถ่ายทอดความเป็นเพื่อนที่ทั้งกวนและน่าเชื่อถือได้ดี ฉากที่คมสันต์ช่วยภีมเคลียร์ปัญหาในบริษัทหรือแซวกันเบาๆ คือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูยิ้มและรู้สึกถึงมิตรภาพที่แท้จริง
ฉายา “เพื่อนคู่คิดสุดเท่”
คมสันต์คือเพื่อนที่ทั้งฉลาดและมีสไตล์ คอยช่วยภีมในทุกสถานการณ์ด้วยสมองและความเป็นเพื่อนที่จริงใจ เป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในทีม
ข้อคิด “มิตรภาพที่จริงใจคือพลังที่ยิ่งใหญ่”
คมสันต์สอนให้เราเห็นว่า การมีเพื่อนที่คอยสนับสนุนและให้คำแนะนำด้วยความจริงใจคือสิ่งที่ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกปัญหาได้ ฉากที่เขายืนเคียงข้างภีมในยามยากคือตัวอย่างของมิตรภาพที่แข็งแกร่ง
→ สุภัทรภณ กสิกรรม รับบท ชาช่า (รับเชิญ)

ชาช่าคือเจ๊ใหญ่ที่จ้าง พลับพลา นางเอกของเราให้ไปทำงานพริตตี้ในงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ เธอเป็นตัวละครรับเชิญที่โผล่มาแบบสั้นๆ แต่แซ่บมาก ชาช่ามีนิสัยตรงไปตรงมา ขี้บ่นนิดๆ แต่ก็ใจดีและเข้าใจชีวิตของคนทำงานแบบพลับพลา เธอคือคนที่ช่วยเปิดโอกาสให้พลับพลาได้เจอกับ ภีม พระเอก ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่าและรักในเรื่อง
สุภัทรภณเล่นได้ถึงมาก ถ่ายทอดความเป็นเจ๊ที่ทั้งกวนและน่ารักได้ลงตัว ฉากที่ชาช่าจ้างพลับพลาและแซวเธอเบาๆ คือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูยิ้มและรู้สึกถึงความเป็นกันเองของตัวละครนี้
ฉายา “เจ๊แซ่บรับเชิญ”
ชาช่าคือเจ๊ที่โผล่มาแบบสายฟ้าแลบ ด้วยความแซ่บและตรงไปตรงมาที่ช่วยเปิดประตูให้เรื่องราวเริ่มต้น แม้จะสั้นแต่ก็จดจำได้
ข้อคิด “โอกาสเล็กๆ สามารถเปลี่ยนชีวิตได้”
ชาช่าสอนให้เราเห็นว่า การให้โอกาสคนอื่น แม้จะดูเล็กน้อย ก็สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ได้ ฉากที่เธอจ้างพลับพลาคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของการช่วยเหลือแบบไม่คาดคิด
→ ดุสิตา พรพิพัฒน์วงศ์ รับบท กวาง (รับเชิญ)
กวางคือตัวละครรับเชิญที่โผล่มาในฐานะสาวสวยที่ทำงานในวงการบันเทิงหรือวงสังคมที่เกี่ยวข้องกับ พีพี เวิลด์ หรืออาจเชื่อมโยงกับ พลับพลา นางเอกของเรา เธอเป็นสาวที่มีความมั่นใจ มีเสน่ห์ และอาจมีบทบาทในฉากที่เกี่ยวกับงานอีเวนต์หรือสถานการณ์ที่ต้องโชว์ความแซ่บ
กวางอาจจะดูเหมือนสาวที่มาเติมสีสันให้กับงานเลี้ยงหรือการแข่งขันในเรื่อง แต่ก็มีมุมที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความเข้าใจในบทบาทของตัวเอง ดุสิตาเล่นได้เป๊ะมาก ถ่ายทอดความเป็นสาวมั่นที่มีทั้งเสน่ห์และความเป็นตัวของตัวเองได้ดี ฉากที่กวางโผล่มาในงานอีเวนต์หรือมีปฏิสัมพันธ์สั้นๆ กับตัวละครหลักคือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูจำเธอได้
ฉายา “สาวมั่นรับเชิญ”
กวางคือสาวที่โผล่มาแบบสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์ เป็นตัวละครที่เหมือนดาวตกที่สว่างวาบในเรื่อง
ข้อคิด “ใช้ทุกโอกาสให้เปล่งประกาย”
กวางสอนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าโอกาสจะเล็กแค่ไหน ถ้าเราทำเต็มที่และมั่นใจในตัวเอง ก็สามารถสร้างความประทับใจได้ ฉากที่เธอโชว์ความมั่นใจในงานอีเวนต์คือตัวอย่างของการฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์
→ อารียา ดุริยะเจนใจ รับบท หญิง (เลขาวีกิจ) (รับเชิญ)
หญิงคือเลขานุการสุดเป๊ะของบริษัท วีกิจ คู่แข่งตัวฉกาจของ พีพี เวิลด์ เธอเป็นตัวละครรับเชิญที่โผล่มาในฐานะมือขวาของ ท่านทวีป หรืออาจทำงานใกล้ชิดกับ อุษา หญิงมีลุคที่ดูเป็นมืออาชีพ สมาร์ท และจัดการงานได้เนียนกริบ เธอมักจะปรากฏในฉากที่เกี่ยวกับการเจรจาธุรกิจหรือการวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับเส้นเรื่องการแข่งขัน แม้ว่าบทจะสั้น
แต่หญิงก็ทิ้งความประทับใจด้วยความเฉียบและความมั่นใจ อารียาเล่นได้ลงตัวสุดๆ ถ่ายทอดความเป็นเลขาที่ทั้งฉลาดและมีคลาสได้เป๊ะ ฉากที่หญิงรายงานข้อมูลหรือช่วยจัดการงานในที่ประชุมคือโมเมนต์ที่ทำให้เห็นว่าเธอคือตัวละครที่ขาดไม่ได้ในทีมวีกิจ
ฉายา “เลขาเฉียบแห่งวีกิจ”
หญิงคือเลขานุการที่ทั้งสมาร์ทและมีสไตล์ คอยจัดการทุกอย่างให้เป๊ะ เป็นตัวละครที่โผล่มาแป๊บเดียวแต่จำได้แน่นอน
ข้อคิด “ความเป็นมืออาชีพสร้างความน่าเชื่อถือ”
หญิงสอนให้เราเห็นว่า การทำงานด้วยความรอบคอบและความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทเล็กแค่ไหน ก็สามารถสร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือได้ ฉากที่เธอจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพคือตัวอย่างของการทำงานที่ยอดเยี่ยม
→ ด.ช.ชญาณณ อัครดำรงเดช รับบท สาคู (รับเชิญ)
สาคูคือเด็กน้อยสุดน่ารักที่โผล่มาในฐานะเพื่อนเล่นหรือญาติห่างๆ ของ ตอง น้องชายของนางเอก พลับพลา เขาเป็นตัวละครรับเชิญที่ปรากฏตัวในฉากครอบครัวหรือเหตุการณ์สนุกๆ ในย่านชุมชน สาคูมีนิสัยซุกซน ขี้เล่น และพูดจาน่ารักที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวสดใสขึ้น
แม้ว่าบทจะสั้น แต่สาคูช่วยเติมความน่ารักให้กับเรื่องราวที่ดราม่าหนักๆ น้องชญาณณเล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ สีหน้าท่าทางคือเด็กน้อยที่ทั้งซนและน่าเอ็นดู ฉากที่สาคูวิ่งเล่นกับตองหรือพูดอะไรตลกๆ คือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูยิ้มตามและรู้สึกถึงความไร้เดียงสาของวัยเด็ก
ฉายา “น้องซนรับเชิญ”
สาคูคือเด็กน้อยที่โผล่มาแบบสายฟ้าแลบ ด้วยความซุกซนและรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนรอบตัวหัวเราะ เป็นตัวละครที่สั้นแต่จดจำได้
ข้อคิด “วัยเด็กคือของขวัญที่เต็มไปด้วยความสุข”
สาคูสอนให้เราเห็นว่า ความซุกซนและรอยยิ้มของเด็กน้อยสามารถทำให้วันที่เครียดเบาลงได้ ฉากที่เขาวิ่งเล่นคือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความไร้เดียงสาที่นำความสุขมาให้
ข้อคิดจากละคร ไฟน้ำค้าง ช่อง 7HD ปี 2567 ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยดราม่าครอบครัว ความรัก และการต่อสู้ในโลกธุรกิจ แต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ ที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้
ครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ละครเรื่องนี้เน้นเรื่องความรักในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันของ พลับพลา กับ ย่าทิพย์ และ ตอง หรือการที่ ภีม และ มณีวรรณ พยายามเยียวยาความสัมพันธ์ที่แตกสลาย สอนให้เราเห็นว่า ต่อให้เจอปัญหาหนักแค่ไหน ครอบครัวคือที่พึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อ
ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าสิ่งใด
คำสอนของย่าทิพย์ที่บอกว่า “ไม่มีใครดูถูกเราได้ ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเอง” เป็นเหมือนคติประจำใจของพลับพลา สอนให้เรายึดมั่นในคุณค่าและความซื่อสัตย์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม
ความรักต้องใช้ความอดทน
ความรักของภีมและพลับพลาต้องผ่านดราม่ามากมาย ตั้งแต่ความเข้าใจผิดไปจนถึงการแข่งขันในธุรกิจ สอนให้เราเห็นว่า รักแท้ต้องใช้ทั้งใจและความอดทนเพื่อก้าวผ่านทุกปัญหา
การให้อภัยคือหนทางสู่ความสงบ
เรื่องราวของ มณีวรรณ และ ภุชงค์ หรือแม้แต่ ตรีประดับ กับพลับพลา แสดงให้เห็นว่า การให้อภัยช่วยเยียวยาความเจ็บปวดและนำความสัมพันธ์กลับมาดีขึ้นได้ ไม่ว่าในอดีตจะเกิดอะไรขึ้น
ความฉลาดและความจริงใจคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
จากตัวละครอย่าง คมสันต์ หรือ วาสุ เราเห็นว่า การทำงานด้วยความฉลาดและความซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะในบทบาทเล็กหรือใหญ่ สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและนำไปสู่ความสำเร็จได้
ไฟน้ำค้างไม่ใช่แค่ละครดราม่าเข้มข้น แต่เป็นเหมือนคู่มือชีวิตที่สอนเรื่องครอบครัว ความรัก และการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ข้อคิดจากเรื่องนี้คือ การมีศักดิ์ศรี อดทน และให้อภัย จะช่วยให้เราผ่านทุกดราม่าในชีวิตได้
ไฟน้ำค้าง ภาค 2 ช่ถ้าละครเรื่องนี้มีต่อ เตรียมตัวเจอดราม่า ความรัก และการต่อสู้ในโลกธุรกิจที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ไฟน้ำค้าง ภาค 2 – เปลวไฟแห่งศักดิ์ศรี
จุดเริ่มต้นของเรื่อง
หลังจากตอนจบของภาคแรกที่ ภีม และ พลับพลา สมหวังในความรัก และครอบครัวภัทรตระกูลคืนดีกัน ภาค 2 เริ่มต้นด้วยการที่ พีพี เวิลด์ กลายเป็นบริษัทชั้นนำในวงการ แต่ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อคู่แข่งรายใหม่จากต่างชาติ นำโดย มิสเตอร์เจมส์ มหาเศรษฐีสุดลึกลับ เข้ามาท้าทายด้วยการพยายามซื้อกิจการของพีพี เวิลด์ เพื่อครองตลาดในเอเชีย ขณะเดียวกัน ความลับใหม่เกี่ยวกับอดีตของ มณีวรรณ ถูกเปิดเผยว่าเธอเคยมีพี่น้องที่หายสาบสูญ ซึ่งตอนนี้กลับมาในฐานะศัตรูที่ต้องการแก้แค้นตระกูลภัทรตระกูล
ปมดราม่าหลัก
ศึกชิงอำนาจในธุรกิจ: ภีมต้องเผชิญกับมิสเตอร์เจมส์ที่ใช้กลยุทธ์สกปรก รวมถึงการจ้าง อุษา ที่กลับมาพร้อมความแค้นหลังจากพ่ายแพ้ในภาคแรก เธอร่วมมือกับเจมส์เพื่อทำลายพีพี เวิลด์ ทำให้ภีมและ คมสันต์ ต้องงัดทุกกลยุทธ์เพื่อปกป้องบริษัท
ปมครอบครัวที่ซับซ้อน: พี่น้องที่หายสาบสูญของมณีวรรณ ซึ่งรับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ วรางค์ ปรากฏตัวในฐานะนักธุรกิจที่ต้องการแก้แค้น โดยอ้างว่ามณีวรรณทิ้งครอบครัวในอดีต ปมนี้ทำให้ ภีม และ พีท ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันเจ็บปวด และต้องเลือกว่าจะปกป้องแม่หรือขุดหาความจริง
รักสามเส้าครั้งใหม่: พลับพลาต้องเผชิญกับ ลินดา สาวสวยจากต่างชาติที่ทำงานใกล้ชิดกับมิสเตอร์เจมส์ และพยายามเข้ามาแทรกแซงความรักของเธอกับภีม ลินดาแกล้งเป็นมิตร แต่แอบวางแผนให้พลับพลาเข้าใจผิดว่าภีมไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ ตอง น้องชายของพลับพลา ก็เริ่มมีเส้นทางรักของตัวเองกับ น้องสาคู ที่โตขึ้นและกลายเป็นสาวน้อยสุดน่ารัก
การเติบโตของตัวละครสมทบ: ป้าแตน และ ป้าเล็ก ยังคงเป็นสีสันของครอบครัวพลับพลา โดยป้าแตนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเมื่อเธอเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่กลายเป็นจุดนัดพบของตัวละครหลัก ส่วน ย่าทิพย์ กลายเป็นที่ปรึกษาทางใจให้ทุกคนในยามที่ครอบครัวเผชิญวิกฤต
จุดพีคของเรื่อง
เมื่อพีพี เวิลด์ใกล้ล่มสลายจากแผนของมิสเตอร์เจมส์และอุษา ภีมและพลับพลาต้องร่วมมือกันเปิดโปงความลับของเจมส์ ที่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่เคยเกี่ยวข้องกับอดีตของ ภุชงค์ และมณีวรรณ ขณะเดียวกัน วรางค์เริ่มลังเลเมื่อรู้ความจริงว่ามณีวรรณไม่ได้ตั้งใจทิ้งครอบครัว แต่ถูกบังคับโดยสถานการณ์ ฉากไคลแมกซ์คือการเผชิญหน้ากันในงานประชุมใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่าจะเลือกความแค้นหรือการให้อภัย
ตอนจบ
ภีมและพลับพลาสามารถปกป้องพีพี เวิลด์ได้สำเร็จ โดยได้ความช่วยเหลือจาก คมสันต์ และ วาสุ ที่ค้นพบหลักฐานสำคัญในการโค่นเจมส์ ส่วนวรางค์เลือกที่จะให้อภัยมณีวรรณและกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ด้านความรักของตองและสาคูเริ่มผลิบาน ขณะที่ป้าแตนกลายเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในชุมชน เรื่องจบด้วยฉากที่ทุกคนในครอบครัวภัทรตระกูลและครอบครัวของพลับพลามารวมตัวกันในงานเลี้ยงที่อบอุ่น พร้อมคำสอนจากย่าทิพย์ว่า “ไฟในใจจะสว่างได้ ถ้าเรายึดมั่นในความรักและศักดิ์ศรี”
เรื่องลึกลับสุดหลอนที่เกิดขึ้นในเบื้องหลังกองถ่าย ไฟน้ำค้าง ช่อง 7HD ปี 2567 แอบขนลุกนะ เกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกๆ ในกองถ่าย สถานที่ถ่ายทำ และหลังปิดกองถ่าย
กองถ่ายของ ไฟน้ำค้าง มักถ่ายทำในสตูดิโอเก่าแก่ของช่อง 7HD และบ้านโบราณที่ใช้เป็นฉากบ้านของ ย่าทิพย์ และ พลับพลา มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างถ่ายฉากที่ ภีม และ พลับพลา เผชิญหน้ากันในบ้าน ทีมงานได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังจากชั้นบนของบ้าน ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ข้างบน ผู้กำกับสั่งหยุดถ่าย และทีมงานบางคนถึงกับเล่าว่าเห็นเงาดำวูบผ่านหน้าต่างในฉากที่กำลังถ่าย แต่เมื่อตรวจสอบกล้อง กลับไม่มีอะไรติดมา นักแสดงอย่าง กุสุมา ตันสกุล (รัตนา) บอกติดตลกว่า “อาจจะเป็นวิญญาณย่าทิพย์ตัวจริงมาเช็กกองถ่าย” แต่ทีมงานบางคนเริ่มกลัวจนต้องพกเครื่องรางติดตัว
หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำหลักคือคฤหาสน์ร้างที่ใช้เป็นฉากบริษัท พีพี เวิลด์ คฤหาสน์นี้ตั้งอยู่ในย่านชานเมือง ว่ากันว่าเคยเป็นบ้านของนักธุรกิจที่ล้มละลายเมื่อหลายสิบปีก่อน ระหว่างถ่ายฉากที่ ท่านทวีป และ วาสุ ประชุมกัน ทีมไฟได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะโต๊ะจากห้องข้างๆ ทั้งๆ ที่ห้องนั้นถูกล็อกไว้และไม่มีใครเข้าไป บางคืน ทีมงานที่เก็บของหลังถ่ายเสร็จเล่าว่าได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้เบาๆ จากชั้นใต้ดิน ซึ่งถูกปิดตายมานาน น้อง ชญาณณ อัครดำรงเดช (สาคู) ที่มาเป็นนักแสดงรับเชิญถึงกับบอกว่า “หนูรู้สึกเหมือนมีคนจ้องจากมุมห้อง” ทำให้ทีมงานต้องจุดธูปขอขมาก่อนถ่ายทุกครั้ง
หลังปิดกองถ่ายวันหนึ่ง ทีมงานคนหนึ่งที่เก็บกล้องในสตูดิโอเล่าว่าเห็นเงาคนยืนอยู่ที่มุมฉากบ้านของ ตระกูลภัทรตระกูล แต่เมื่อหันไปดู กลับไม่มีใคร เรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงในกองถ่ายจนถึงขนาดที่ จิรกิตติ์ สุวรรณภาพ (คมสันต์) ถึงกับแซวว่า “ถ้าเป็นผีจริง ต้องให้บทรับเชิญด้วยนะ” แต่สิ่งที่หลอนกว่านั้นคือ หลังปิดกองถ่ายไปแล้ว นักแสดงบางคน เช่น รสริน จันทรา (ป้าเล็ก) ได้รับข้อความแปลกๆ ในโทรศัพท์ เป็นตัวเลขสุ่มที่ไม่มีที่มาที่ไป และเมื่อโทรกลับ ปลายสายกลับเป็นเสียงว่างเปล่า บางคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณจากสถานที่ถ่ายทำที่อาจผูกพันกับเรื่องราวของละคร ซึ่งเต็มไปด้วยความแค้นและการให้อภัย
ในกองถ่ายมีข่าวลือว่า คฤหาสน์ที่ใช้ถ่ายทำมีวิญญาณของหญิงสาวที่เคยอาศัยอยู่เมื่อนานมาแล้ว เธอเสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมความรักที่คล้ายกับเรื่องราวของ อุษา ในละคร ทีมงานบางคนเชื่อว่า การถ่ายทำเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรักและการแก้แค้นอาจไปกระตุ้นพลังงานบางอย่างในสถานที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ เช่น ไฟดับกะทันหันในฉากดราม่าหนักๆ หรืออุปกรณ์กล้องที่จู่ๆ ก็เสียโดยไม่มีสาเหตุ