เสียงเพลงดังมาจากห้องน้ำหลังบ้านไม้ในหมู่บ้านชนบท ห้องน้ำคือเวที ฝักบัวคือไมโครโฟน กระจกอยู่ตรงหน้า หนูมาลี (มีชื่อจริงพ่อตั้งให้ว่า ด.ญ.มาลีเริงร่า อากาศดี) เด็กสาวหน้าตาผิวพรรณสวยราวกับภาพวาด อยู่ในห้องน้ำวันละหลายชั่วโมง เพียงเพื่อร้องเพลงและเต้นรำเลียนแบบศิลปินดังที่อยู่ในทีวี
ละคร มาลีเริงระบำ 2557
ละคร มาลีเริงระบำ 2557
เสียงเพลงดังมาจากห้องน้ำหลังบ้านไม้ในหมู่บ้านชนบท ห้องน้ำคือเวที ฝักบัวคือไมโครโฟน กระจกอยู่ตรงหน้า หนูมาลี (มีชื่อจริงพ่อตั้งให้ว่า ด.ญ.มาลีเริงร่า อากาศดี) เด็กสาวหน้าตาผิวพรรณสวยราวกับภาพวาด อยู่ในห้องน้ำวันละหลายชั่วโมง เพียงเพื่อร้องเพลงและเต้นรำเลียนแบบศิลปินดังที่อยู่ในทีวี
หนูมาลี เป็นสาวเหนือจากหมู่บ้านเล็ก ๆ หนูมาลีเติบโตมาด้วยน้ำมือปู่คนเก่งชอบช่วยเหลือแต่เป็นอัลไซเมอร์ชื่อ ปู่เชื้อ และย่าหูตึงใจดีแต่มักทำผิดเพราะฟังไม่ได้ยินชื่อ ย่าหงส์ มาลีเติบโตอย่างไม่มีพ่อแม่จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับทีวีและวิทยุแทบทั้งวันหนูมาลีมีความฝันว่าตนจะได้มีโอกาสเข้าร่วมประกวดร้องเพลงแล้วชนะเลิศ โด่งดังเป็นดาวในเมืองหลวงกับรายการทีวีสักรายการหนึ่งนั่นคือฝันที่หนึ่ง ฝันที่สองของหนูมาลีคือการได้พบพ่อบังเกิดเกล้า เรืองยศ หรือ พ่อเรือง ที่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ทุก ๆ เดือนหนูมาลีจะไปที่ไปรษณีย์เพื่อรับเงินที่พ่อเรืองส่งมาให้ ภาพจำสุดท้ายของหนูมาลี คือเมื่อตอนสามขวบ พ่อเรืองในชุดทหารเกณฑ์ เอาข้าวของมากมายมาเยี่ยมปู่ย่า และเข้ามากอดหนูมาลีอย่างรักใคร่ หลังจากนั้นพ่อก็ได้แต่ส่งเงินและจดหมายมา ทุก ๆ วันสงกรานต์ ปู่ ย่า และหนูมาลี จะไปรอที่ปากทางหมู่บ้านแต่พ่อเรืองก็ไม่มา ปู่บอกว่า พ่อเป็นทหารที่เก่งมาก ป่านนี้คงเป็นเจ้าคนนายคน จึงส่งเงินและจดหมายที่มีแต่ความห่วงใยกลับมาบ้านได้สม่ำเสมอ ปู่และย่าภูมิใจในตัวพ่อเรืองมาก
สำหรับหนูมาลี พ่อเรืองคือดวงใจ คือจุดหมาย คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องมีแม่ ! ปู่เคยเล่าให้ฟังว่า พ่อเรืองกับแม่เป็นเพื่อนนักเรียนกัน ทั้งสองแอบได้เสียกันตอนงานลอยกระทง แม่ของหนูมาลีเกิดท้อง ด้วยความที่แม่ของหนูมาลีใฝ่แสงสีในเมืองหลวง หลังจากคลอดลูกก็ทิ้งลูกไว้แล้วหนีเข้ากรุงเทพฯ พ่อเรืองคนนี้เองที่ไปตระเวนหาลูก ถึงกับต้องขโมยเด็กขึ้นรถสองแถวหนีจากสังคมสงเคราะห์ เรืองยศพาหนูมาลีกลับบ้านมาให้พ่อกับแม่เลี้ยง แล้วดิ้นรนไปหางานทำในเมืองหลวงเพื่อส่งเสียให้หนูมาลีได้เรียนสูง ๆ ให้พ่อกับแม่ได้มีเงินรักษาตัวยามเจ็บไข้ พ่อเรืองพูดคุยกับหนูมาลีทางจดหมายปีละครั้ง แต่หนูมาลีส่งจดหมายถึงพ่อเสมอทุกเดือน สิ่งเดียวที่หนูมาลีไม่เข้าใจคือ ทำยังไงพ่อเรืองก็ไม่ยอมให้หนูมาลีออกจากหมู่บ้านไปหาพ่อที่กรุงเทพฯ ทุกครั้งที่หนูมาลีส่งจดหมายก็ได้แต่ส่งเข้าตู้ไปรษณีย์เลขที่ 14 ไปรษณีย์รัชดา โดยไม่บ่งบอกที่อยู่ใด ๆ
เมื่อหนูมาลีเรียนจบม.6 หนูมาลีตัดสินใจแน่วแน่ จะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาพ่อ หนูมาลีตั้งใจจะไปประกวดร้องเพลงในรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงดังที่สุดในประเทศด้านการหาซูเปอร์สตาร์ สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินทางมาที่กรุงเทพฯ หนูมาลีจะไปดักรอพ่อที่หน้าไปรษณีย์ ยังไงเสียพ่อต้องมาไขตู้เอาจดหมายที่ตนส่งมาทุกเดือน
ผ่านการเดินทางที่น่าเวียนหัว เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก เมืองฟ้าอมรตรงหน้าเนืองแน่น ซับซ้อนจนยากที่จะเข้าใจ ทันทีที่ลงจากบขส. หนูมาลีกอดกระเป๋าแน่น พอดีพบเข้ากับอธิ นายตำรวจที่กำลังดักจับ คนส่งยาเสพติด อธิเข้าใจผิด คิดว่ามาลีเป็นคนร้าย จึงไล่จับ มาลีวิ่งหนี จนทองทา เพื่อนของอธิต้องช่วยจับตัวไว้ มาลีต่อสู้ ใช้สนับมือฟันไปที่หน้าอกของทองทาจนเป็นรอยแผลเป็น สุดท้ายทองทา อธิ และมาลีจึงไปสถานีตำรวจด้วยกัน จึงรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด อธิต้องไปจับคนร้ายต่อ ทิ้งให้ทองทาอยู่กับมาลี มาลีไปเฝ้ารอพ่อที่ไปรษณีย์ แต่ด้วยความเป็นห่วง เพราะมืดค่ำ ทำให้ทองทาต้องพามาลีไปพักที่บ้านชั่วคราว แล้วจึงช่วยหนูมาลี ตามหาพ่อต่อไป
ท่าทางที่เรียบร้อยสะอาดอ้านของทองทา หยิบจับทำอะไรก็ดูดีงดงามไปหมด ทำให้หนูมาลีอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองเป็นพวกรักร่วมเพศ หนูมาลียังพบใบสมัครร้องเพลง ในกระเป๋าของทองทา หนูมาลีรู้สึกสนิทสนมกับทองทาทันที หนูมาลีถามว่าทองทาจะสมัครการแสดงอะไร ทองทาบอกว่าเขาเป็นแดนเซอร์ เขารักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ หนูมาลีปักใจเชื่อว่า ทองทาเป็นเกย์ เป็นนักล่าฝันจากบ้านนอกเหมือนกันกับตน เพราะทองทาพูดภาษาไทยบางคำแปลก ๆ และมีทีท่าเป๋อ ๆ เปิ่น ๆ เหมือนกันกับตนในเมืองหลวงแห่งนี้
หนูมาลีหารู้ไม่ ทองทาไม่ได้เป็นสาวประเภทสอง เขาเป็นชายหนุ่มปรกติ ที่ชอบดูแลตัวเอง รักศิลปะ เขารักการเต้นทุกชนิดเป็นชีวิตจิตใจ ในวัยเด็กพ่อกับแม่ของเขาแยกทางกัน แม่ที่เป็นนักบัลเล่ต์หนีไปอยู่ต่างประเทศ เขาจึงทิ้งประเทศไทยไปอยู่กับแม่ และเรียนเต้นจนจบปริญญาเอก ทองทามีอาชีพเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นและการแสดงโชว์ มีผลงานมากมายในต่างประเทศ ก่อนจะเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันนี้ ทองทาจึงเป็นผู้ชายทั้งแท่งที่มาจากประเทศนอกไม่ใช่เกย์บ้านนอกอย่างที่หนูมาลีเข้าใจทองทารู้สึกประทับใจในความใสซื่อ จริงใจและใบหน้าที่สวยงามของหนูมาลี เขารู้สึกขำกับอาการตีความเอาเองของหนูมาลีหลาย ๆ อย่าง ก็เลยเออออห่อหมกไปกับหนูมาลี อยู่ช่วยเหลือหนูมาลีไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้นอนเคียงข้างสาวสวยช่างฝันที่พูดคุยสนุกทุกคืนเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสนิทสนมกับหนูมาลีอย่างรวดเร็ว ทองทาก้มมองที่หน้าอกด้านซ้ายที่มีหัวใจอยู่ตรงนั้น รอยแผลจากสนับมือทำท่าจะกลายเป็นแผลเป็น เหมือนความประทับใจในตัวสาวน้อยที่ดูจะเพิ่มมากขึ้น ไม่มีทีท่าจะลดน้อยลง !
มาลีไปรอพ่อที่ไปรษณีย์ทุกวัน จนได้พบกับชงโค ที่มาเอาจดหมายไป เธอสะกดรอยตามไป และได้พบกับการะเกด การะเกดให้มาลี ตามไปดูเจ้าของจดหมายที่กำลังจะขึ้นโชว์บนเวที ดวงตาสองข้างของหนูมาลีจับจ้องอยู่บนเวทีการแสดง ไฟแสงสีปรากฎ หนูมาลีใจเต้น พ่อเรืองที่ตนรอคอยกำลังจะปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า และแล้วชายหนุ่มผิวขาวใบหน้าสวยเฉี่ยวก็ปรากฎขึ้น รอยยิ้มฉาบเครื่องสำอางค์ บนร่างสูงสง่า ปรากฏตัวขึ้นราวกับราชินีแห่งคีตศิลป์ เสียงอันทรงพลังราวกับนักร้องมืออาชีพแทรกมากับดนตรีกระหึ่มบนเวที !
หนูมาลีก้มลงมองรูปถ่ายสีของพ่อเรืองในมือที่สั่นเทาของตน ชายหัวเกรียนในชุดทหารเกณฑ์สีเขียวอุ้มกอดหนูมาลีในวัยสามขวบอย่างรักใคร่ นี่คือวันสุดท้ายที่ได้พบหน้าพ่อเรืองเมื่อ 15 ปีก่อน พ่อเรืองของหนูมาลีไม่ใช่ทหาร ! แต่เป็นกระเทยแต่งหญิง เขาไม่ได้เป็นนายพันหรือนายพลอย่างที่ปู่บอก ไม่ใช่แม้แต่เฮียเจ้าของร้านคาราโอเกะ แต่คือ โรส เจ้าของร้านคาราโอเกะที่สวยและร้องเพลงเพราะมาก นี่เองคือคำตอบ ทำไมพ่อจึงไม่มาหาปู่ย่าและแม้แต่ลูกสาวของตัวเอง เพราะพ่อมีชีวิตอีกด้านที่น่าอับอายและไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะคนในครอบครัว !ไม่เพียงแต่หนูมาลีที่ตกใจ โรสเองก็จำหนูมาลีได้ทันที ทั้งสองไม่ใช่พ่อลูกที่โผเข้าหากันกอดกัน ทั้งสองนิ่งอึ้งมองหน้ากัน ไม่มีคำพูดใด ๆ ! ทั้งสองไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรในเวลาเช่นนี้ ความผิดหวังในตัวผู้เป็นพ่อ ทำให้มาลีไม่สามารถเรียกเรืองยศ หรือโรสว่าพ่อได้ สุดท้าย โรสจึงให้มาลีเรียกตนเองว่าพี่โรส
หนูมาลีต้องอยู่กรุงเทพฯ ต่อไป ทั้งเรื่องเรียนต่อ และเรื่องการเข้าประกวดร้องเพลง เธอกลายเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านของโรส โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน มาลีแสดงทีท่าไม่ชอบบอย คนรักของโรสตั้งแต่แรก แต่บอยก็ไม่ถือสาอะไร มาลีพบว่า เมื่อถอดเครื่องประกอบทั้งหมดออกแล้ว โรสก็เป็นเพียงผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งมากกว่าปรกติ โรสเป็นคนปากจัด ขี้โวย เอาจริงเอาจัง ดุดัน ตรงไปตรงมา นับแต่วันนั้น หนูมาลีทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านของพี่โรส วัน ๆ หนูมาลีพูดกับพี่โรสไม่กี่คำ พี่โรสเองไม่ได้พูดถึงปู่ย่า ไม่ได้พูดถึงข้อความในจดหมายที่เขียนหากันมาตลอด15 ปี พี่โรสและหนูมาลียังคงไว้ซึ่งการเป็นนายจ้างและลูกจ้างเหมือนคนอื่นแต่มีบางสิ่งที่ไม่เหมือน สิ่งนั้นคือสายตาอันห่วงใย ที่โรสจะทอดมองมาที่หนูมาลีครั้งละนาน ๆ ความผิดปรกติอีกอย่างหนึ่งก็คือ พี่โรสนั้นจะปากไวปากจัด บ่นด่าจิกกัดทุกคนได้ตลอดวลา 24 ชั่วโมง แต่สำหรับเด็กเสริฟที่ชื่อหนูมาลีแล้ว โรสไม่เคยดุด่าสักคำ
มาลีสมัครเข้าประกวดร้องเพลงพร้อมกับ ชงโค การะเกด ซึ่งเจ้าของสถานีโทรทัศน์คือเมืองแมน พ่อของทองทา ซึ่งเมืองแมนเป็นคนเจ้าชู้ เห็นแก่ผลประโยชน์และธุรกิจเป็นใหญ่ และภรรยาคนล่าสุดของเขาก็คือ โยทะกา แม่ของมาลีนั่นเอง ที่สถานี มาลีได้พบกับทองทาอีกครั้ง และเธอก็รู้ในที่สุด ว่าทองทาเป็นลูกของเมืองแมน คู่ต่อสู้คนสำคัญของมาลีก็คือ เบลล่า ลูกสาวต่างมารดาอีกคนของเมืองแมน เบลล่าสนิทสนมกับทองทา เธอเข้าประกวดเวทีนี้เช่นเดียวกัน ถึงแม้โยทะกาจะทักท้วงในตอนแรก แต่เพื่อกระแสข่าวและเรทติ้งทางสถานี เมืองแมนจึงให้เบลล่าเข้าประกวดในที่สุด โดยมีบุณฑริก ผู้เป็นยาย เป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเบลล่า
เมืองแมนเป็นคนเจ้าชู้ เขาได้แม่ของทองทา ช้องนาง เป็นภรรยาคนแรก ช้องนางที่กำลังมีอนาคตในวงการบัลเล่ต์ ยอมทิ้งฝันนักบัลเลต์ระดับโลกเพราะท้องกับเมืองแมน แต่แล้วช้องนางก็ต้องเสียใจเมื่อพบว่าเมืองแมนไม่หยุดอยู่ที่ตนเอง เมืองแมนแอบไปมีเมียน้อย เป็นสาวไฮโซจากตระกูลเก่าแก่ชื่อ บัวบุษบง ช้องนางจึงหย่าและหนีไปต่างประเทศ แต่บัวบุษบงก็อยู่กับเมืองแมนได้ไม่นาน เมืองแมนแอบไปคบกับนางงามระดับประเทศคนดังชื่อ โยทะกา เมื่อบัวบุษบงรู้เข้า บัวบุษบงก็กินยาตายทิ้งลูกสาวชื่อ บุษบาบัณ หรือ เบลล่า เอาไว้ให้แม่ของตนเลี้ยง เมืองแมนแต่งงานกับโยทะกา จากสาวเหนือบ้านนอกมาเป็นนางงาม จากนางงามมาเป็นภรรยามหาเศรษฐี จากภรรยามหาเศรษฐี โยทะกากลายเป็นผู้บริหารรายการทีวีหญิงที่มีความสามารถ มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาอยู่ในสังคม เป็นที่รู้จักของคนทั่ว ๆ ไป
การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น ทั้งมาลี การะเกด ชงโค เบลล่า ทิมมี่ โกมินทร์ ภูมิ ซึ่งทางเบลล่านั้นมีครูสอนทั้งร้อง ทั้งเต้นให้อย่างครบครัน ส่วนมาลีนั้นไม่มีใคร จึงขอร้องให้ทองทามาเป็นครูสอนเต้นให้ ทองทาจึงใกล้ชิดกับมาลีมากขึ้น ส่วนอธิก็เริ่มสนิทสนมกับการะเกด และชอบการะเกดมาขึ้นทุกวัน โรสไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่มาลีเข้าประกวด เพราะอยากให้มาลีเรียนหนังสือมากกว่า แต่เมื่อได้พบกับทองทา เห็นว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่เก่ง และนิสัยดี จึงฝากให้ทองทา ดูแลมาลีอีกแรง
มาลีเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ ที่เวทีนี้เอง เธอได้พบกับนักร้องชายในฝัน ซีโร่ อดีตผู้ชนะเลิศจากการประกวดปีที่แล้ว ซีโร่รู้ว่ามาลีหลงรักตนเอง จึงพยายามหว่านเสน่ห์ พูดจาหวานใส่มาลีตลอดเพื่อสร้างกระแส ทองทารู้ดีว่าซีโร่ไม่มีความจริงใจต่อมาลี แต่ไม่อยากพูดให้มาลีเสียใจ ส่วนเบลล่าเองก็ไม่พอใจมากที่ทองทาสนิทสนมกับมาลี จึงหาทางกลั่นแกล้งมาลีตลอดเวลา
กิจการที่ร้านของโรสไม่ค่อยดีนัก แล้วชงโค ก็ตกรอบจากการประกวด เจ๊ซูซี่ เพื่อนของโรส ที่ชอบหาเด็กสาว ๆ ไปให้กับ เสี่ยวานิช จึงติดต่อชงโคไปถ่ายภาพโป๊ และสุดท้ายก็ไปมีความสัมพันธ์กับวานิชในที่สุด กลายเป็นผู้หญิงกลางคืนเต็มตัว ซูซี่ยังไม่หยุดแค่นั้น ยังหลอกให้การะเกดไปหาวานิช จนถูกข่มขืน ทั้งทองทา และอธิตามไปช่วยไม่ทัน การะเกดเหมือนตกนรกเพราะทำใจไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ลาออกจากการแข่งขันในที่สุด เหลือมาลีเพียงลำพัง กิจการที้ร้านของโรสก็ต้องถูกปิดลงชั่วคราว เพราะเจ้าหนี้ตามมาทวงหนี้ อาละวาดจนแขกในร้านหนีกันไปหมด บอย ก็พยายามช่วยโรสทุกวิถีทาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก สุดท้าย มาลีเริ่มยอมรับในตัวของบอยมากขึ้นโรส แคที่ บอย มาลี จึงกลับไปต่างจังหวัด เพื่อเยี่ยม ปู่เชื้อ กับย่าหงส์ ความลับเรื่องที่โรสเป็นกะเทย ถูกเปิดเผยในที่สุด แต่มาลีก็ยืนยันว่า ไม่ว่าโรสจะเป็นยังไง ก็ยังเป็นพ่อของเธอในที่สุด
ทองทา รักและเป็นห่วงมาลีเพิ่มขึ้นทุกวัน ตัดสินใจ ร้องเพลงสารภาพรักมาลีบนเวทีเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของบริษัท เมืองแมนดีใจมากที่จะได้ทองทา มาเป็นศิลปิน เรียกเงินและเรทติ้งอีกคน ส่วนบรมและแซนดี้ ก็หมายมั่นปั้นมือ จะปั้นทองทาให้โด่งดังให้ได้ มาลีไม่ยอมพบหน้าทองทา จนทองทาต้องตามไปหาที่ต่างจังหวัด โรสเชียร์ทองทาจนออกนอกหน้า แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน ซีโร่ก็ตามมาก่อกวน พูดจาไม่ดีใส่โรสไปหลายคำ แต่สุดท้ายเมื่อรู้ว่าโรสเป็นพ่อของมาลี ก็ถึงกับอึ้งไป
การะเกดกลับไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด เศร้าใจกับชีวิต อธิคอยตามไปปลอบใจไม่ห่าง แต่ยังไง การะเกดก็ไม่ยอมกลับไปร้องเพลงอีก และด้วยความสงสารที่โรสไม่มีทางออก แคที่ จึงยอมออกทุนให้ก้อนใหญ่ เพื่อให้โรสกลับไปเปิดร้านอีกครั้ง ทุกคนจึงกลับไปที่กรุงเทพฯ ป้าบุญมา สมศรี ก็กลับมาทำครัวเช่นเดิม แต่คราวนี้โรส เปลี่ยนคอนเซปต์ร้าน ให้แขกที่มา ได้ขึ้นโชว์ กลายเป็นซุปตาร์กันถ้วนหน้า ทำให้ร้านเริ่มโด่งดัง ลูกค้าจองคิวขึ้นโชว์กันแบบข้ามเดือน มาลีกลับเข้าไปร้องเพลงประกวดอีกครั้งด้วยเพลงที่บอกถึงความคิดถึงที่มีต่อทองทา ซึ่งทองทาเอง ก็เข้าห้องอัดเสียงร้องเพลงด้วยความคิดถึงมาลีเช่นเดียวกัน สุดท้ายคืนนั้นเอง ทองทากับมาลีก็ปรับความเข้าใจกันในที่สุด ทั้งคู่บอกรักกัน และยืนยัน และก้าวไปสู่ฝัน ด้วยการร้องเพลงของทั้งคู่
ในขณะที่เส้นทางการร้องเพลงของมาลีกำลังไปได้ดี โรสกลับมีอาการป่วยมากขึ้น ด้วยการเป็นมะเร็งที่ลำไส้ สุดท้ายเขาตัดสินใจ บอกกับโยทะกาว่า มาลีคือลูกสาวของตนเอง ที่เกิดกับโยทะกา โยทะกาดีใจมาก แต่เมื่อมาลีรู้ความจริง กลับรับไม่ได้ที่โยทะกาทอดทิ้งตนไป ขอมีโรสเป็นพ่อเพียงคนเดียว ซ้ำร้ายเมืองแมนยังคงไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ เอาแต่ได้ เขาไปมีความสัมพันธ์กับเลขาจ๋า เลขาของโยทะกา จนโยทะการู้เรื่องในที่สุด โยทะกาเครียดจัด กินยานอนหลับไปเกินขนาดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทองทาต้องไปดูแล แต่หนูมาลียังไม่ยอมไปเยี่ยม เพราะยังทำใจไม่ได้
เบลล่า เอาจุดอ่อนที่มาลีเรียกโรสว่าพี่ ปลุกกระแสนักข่าวให้เกลียดชังมาลี ที่ไม่ยอมเรียกโรสว่าพ่อ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มาลีขึ้นเวทีร้องเพลงที่ร้านของโรส และเรียกโรสว่าพ่ออย่างเต็มปาก เต็มคำ โรสดีใจมาก ข่าวของมาลีและโรสแพร่กระจายไป อีกทั้งยังเรื่องที่โรสป่วยเป็นมะเร็ง ยิ่งทำให้ประชาชนเห็นใจเธอมากขึ้น จนคะแนนโหวตขึ้นแซงหน้าเบลล่าไปอีก
การะเกดกลับมาร้องเพลงอีกครั้งที่ร้านของโรส แต่อดีต ยังคงทำให้เธอหวาดกลัว ซึ่งอธิก็หาทางจับวานิช เอาผิดให้ได้ แต่เขาก็รอดไปทุกครั้ง สุดท้าย การะเกดจึงยอมเป็นพยานคดีถูกวานิชข่มขืน จนวานิชถูกจับในที่สุด ทั้งการะเกดและอธิ รักและเข้าใจกัน ส่วนชงคง ก็กลับมาอยู่ที่ร้าน เลิกอาชีพค้าบริการ โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากโรส และทุกคน
กระแสข่าวของซีโร่เริ่มแผ่วเบาไป เขาจึงคิดหาวิธีสร้างข่าวกับหนูมาลี ด้วยการเข้าไปในห้องแต่งตัว เพื่อถ่ายรูปกับมาลี แสดงว่าสนิทสนมกัน ซีโร่คิดจะลวนลามมาลี โชคดีที่โรสเข้ามาช่วยทัน มาลีแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ซีโร่คิดร้ายต่อตนเอง ทำให้ซีโร่หมดอนาคตไปในทันที เมืองแมนมีโอกาสได้เจอมาลีเข้าอย่างจัง จึงเกิดหลงไหล อยากได้มาลีมาเป็นของตนเอง และไม่เหลียวแลเลขาจ๋าอีก โดยที่เมืองแมนไม่รู้ว่า มาลีคบอยู่กับทองทา เมื่อเบลล่ารู้เรื่องจึงแกล้งส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปหาเมืองแมน อ้างว่าเป็นหนูมาลี ซึ่งมีใจให้กับเมืองแมน ทำให้เมืองแมนเข้าใจผิดคิดว่าหนูมาลีมีใจให้ อาการป่วยของโรสทรุดหนัก จนทุกคนรู้กันหมด ทั้งโยทะกา มาลี โรส ชงโค การะเกด อธิ สมศรี บุญมา ที่เสียใจที่สุดก็คือบอย เขาร้องไห้ กอดโรส อ้อนวอนให้โรสไปรักษาตัว เพื่ออยู่เป็นกำลังใจให้กับทุกคน สุดท้ายโยทะกาจึงยื่นมือเข้ามาช่วย พาโรสไปรักษาตัว
การประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายมาถึง คะแนนของเบล สู้มาลีไม่ได้ เธอจึงคิดหาทางกำจัดมาลี ด้วยการให้คนร้ายจับตัวมาลี ไปที่คอนโดเมืองแมน เมืองแมนปลุกปล้ำมาลี ดีที่โยทะกามาช่วยไว้ทัน เธอใช้ปืนยิงที่ขาของเมืองแมน เพื่อช่วยมาลี ลูกสาวคนเดียวของเธอ ทองทาตามมาอีกคน ต่อสู้กับคนร้าย ที่ลักพาตัวมาลีมา แล้วมอบตัวให้กับอธิ ทองทาพามาลีขึ้นเวทีร้องเพลงทันเวลา แต่เบลล่าก็ใช้กลโกงจนชนะการประกวด มาลีภูมิใจมากที่ได้ร้องเพลง มันคือนาทีที่ยิ่งใหญ่ ที่เธอได้มอบให้กับผู้ชม พร้อมทั้งครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างโรส และโยทะกา
โรสยิ้มปลื้มที่เห็นหนูมาลีได้ทำให้ฝันเป็นจริง อาการของโรสทรุดหนัก แต่เขากลับดีใจที่ร้านอาหารของเขาขายดิบขายดี จนสามารถปลดหนี้สินได้ โรสทำพินัยกรรมมอบส่วนแบ่งให้กับทุกคน และให้มาลีดูแลกิจการต่อ ฝากฝังให้โยทะกาดูแลมาลีแทนตนต่อไป อธิขอการะเกดแต่งงาน ส่วนทองทาก็ขอมาลีแต่งงาน เพียงรอให้มาลีเรียนจบก่อนเท่านั้น ทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน โรสหมดลมในอ้อมกอดของหนูมาลี ทุกคนเศร้าใจ เมืองแมนไม่สามารถกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ซ้ำยังถูกปลดจากการเป็นผู้บริหารสถานี โยทะกาสู้คดี เรื่องที่ยิงเมืองแมน ว่าเป็นการปกป้องลูกสาวตนเอง ทองทาได้ขึ้นเป็นผู้บริหารสถานีแทน โดยมีโยทะกา บรม แซนดี้ เป็นผู้ช่วย ส่วนซีโร่ก็สำนึกผิด กลับมาขอโทษมาลี และทองทาก็ให้โอกาสซีโร่ได้กลับมาทำงานเรื่องการร้องเพลงอีกครั้ง บุณฑริก ยังคงเพ้อเจ้อเรื่องทรัพย์สมบัติ ส่วนเบล ก็ถูกดำเนิคดีเรื่องจ้างวาน คนมาทำร้ายมาลี เบลเริ่มมีอาการเพ้อ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ด้วยความที่ทะเยอทะยาน ชอบแก่งแย่งชิงดี จนไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้
มาลีกลายเป็นนักร้องที่โด่งดัง มีงานไม่ได้หยุด ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ที่ชนะเลิศในการประกวด อีกทั้งความรักที่มีกับทองทาก็ผลิบานขึ้นทุกวัน ถึงวันนี้มาลีจะไม่มีโรสเคียงข้าง แต่เธอก็มีโยทะกาคอยดูแล พร้อมทั้งเสียงเพลงที่อยู่กับเธอไปตลอดกาล
บทประพันธ์โดย : นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
บทโทรทัศน์โดย : นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กำกับการแสดงโดย : สำรวย รักชาติ
ผลิตโดย : บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : วรายุฑ มิลินทจินดา
นักแสดง
ยุกต์ ส่งไพศาล รับบท ทองทา
แพทริเซีย กู๊ด รับบท มาลี
วรวุฒิ นิยมทรัพย์ รับบท โรส
ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล รับบท การะเกด
เปรมณัช สุวรรณานนท์ รับบท ร.ต.ต.อธิ
ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ รับบท เบลล่า
เมธัส ตรีรัตนวารีสิน รับบท ซีโร่
ธัญญาเรศ เองตระกูล รับบท โยทะกา
เล็ก ไอศูรย์ รับบท เมืองแมน
เธียยเกศ ไอสุรางฆ์ รับบท ชงโค
วรายุฑ มิลินทจินดา รับบท แคที่
ชลนที ณรงค์ชัย รับบท บอย
นรินทร ณ บางช้าง รับบท แซนดี้
กลศ อัทธเสรี รับบท บรม
ปิ๋ม ซีโฟร์ รับบท ซูซี่
รัดเกล้า แจ่มอุลิตรัตน์ รับบท นีน่า
พิมพ์พัชร วัชรเสวี รับบท ยาหยี
สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ รับบท ปู่เชื้อ
น้ำเงิน บุญหนัก รับบท ย่าหงส์
ถนอม สามโทน รับบท บุญมา
สุนารี ราชสีมา รับบท สมศรี
ประกาศิต โบสุวรรณ รับบท วานิช
อรสา พรหมประทาน รับบท คุณหญิงบุณฑริก
เพลงประกอบละคร
เพลง ดาวอีกดวงบนฟ้า (เพลงเปิด) ขับร้องโดย เทพิน เลี่ยมอยู่
เพลง คนสุดท้าย (เพลงปิด) ขับร้องโดย ยุกต์ ส่งไพศาล
เพลง โลกแห่งความฝัน ขับร้องโดย ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล
เพลง ปลายทางแห่งฝัน (เพลงปิดเฉพาะตอนจบ) ขับร้องโดย จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม
เพลง ทำไมต้องเธอ ขับร้องโดย ยุกต์ ส่งไพศาล และ ธัญชนก กู๊ด
เพลง คิดถึงเหลือเกิน ขับร้องโดย ยุกต์ ส่งไพศาล และ ธัญชนก กู๊ด
เพลง วิมานดิน ขับร้องโดย ธัญชนก กู๊ด
เพลง ฉันทำผิดเอง ขับร้องโดย สุธาสินี พุทธินันทน์
เพลง ขอบคุณที่รักกัน ขับร้องโดย เมธัส ตรีรัตนวารีสิน
เพลง เธอสวย ขับร้องโดย เมธัส ตรีรัตนวารีสิน
เพลง คืนนี้อยากได้กี่ครั้ง ขับร้องโดย เมธัส ตรีรัตนวารีสิน
เพลง ภูมิแพ้กรุงเทพ ขับร้องโดย เมธัส ตรีรัตนวารีสิน และ ธัญชนก กู๊ด
เพลง แด่เธอที่รัก ขับร้องโดย เคลียร์