ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567 หนึ่งปีที่หายไป…คือหนึ่งชีวิตที่พังทลาย เมลานีตื่นขึ้นพร้อมความว่างเปล่าในความทรงจำ แต่เต็มไปด้วยความจริงอันโหดร้าย พ่อผู้เป็นที่รักจากไป ธุรกิจครอบครัวถูกฉกฉวยด้วยเงื้อมมือของพี่ชายผู้โลภมากอย่าง ไม้เมือง และคนที่เคยให้คำมั่นอย่าง ปกป้อง ก็ทิ้งเธอไปหาคู่แข่งอย่าง ปัทมา แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการทรยศ คือความลับเบื้องหลังช่วงเวลาที่เธอหายไป…เธอติดอยู่ใน ‘อุโมงค์เวลา’ ภายใต้กฎที่ไม่อาจย้อนคืน หากไม่แลกด้วยชีวิต แต่ด้วยความช่วยเหลือจาก ธาม ชายหนุ่มผู้กุมปริศนา เมลานีจึงตัดสินใจสู้! เพื่อทวงคืนทุกสิ่งและเขียนชะตาชีวิตใหม่ ท่ามกลางความรัก การทรยศ และกติกาของเวลาที่ต้องชดใช้ด้วยราคาแพง

ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567 ละครแนวโรแมนติกดราม่า ระทึกขวัญ นำเสนอเรื่องราวของ “เวลา” ที่ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา แต่เป็นพลังลึกลับที่สามารถพลิกผันชะตาชีวิตมนุษย์ เรื่องราวของ TIME หมุนเวลาตาย หมุนรอบตัวละครหลักอย่าง “เมลานี” หญิงสาวผู้มีชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบที่สุดในสังคมชั้นสูง เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของมหาเศรษฐีชื่อดังระดับประเทศ ผู้ถูกวางแผนให้สืบทอดอาณาจักรธุรกิจขนาดยักษ์ เนื่องจากพี่ชายต่างมารดา “ไม้เมือง” ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรับผิดชอบ นอกจากนี้ เมลานียังกำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับ “ปกป้อง” ไฮโซหนุ่มหล่อลูกหลานตระกูลใหญ่ การแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรัก แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มั่นคง ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยความหรูหรา อำนาจ และอนาคตที่สดใส

แต่แล้ว ทุกอย่างก็พลิกผันในชั่วพริบตา เมื่อเมลานีตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองสูญเสีย “หนึ่งปี” ไปอย่างไร้ร่องรอย เวลาที่หายไปนี้ไม่ใช่แค่ช่องว่างในความทรงจำ แต่เป็นการบิดเบือนของอุโมงค์กาลเวลาที่ทำให้โลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พ่อของเธอที่เคยป่วยและรอดจากการผ่าตัด กลับตรอมใจจนเสียชีวิตทันทีที่รู้ว่าลูกสาวหายตัวไป ธุรกิจครอบครัวทั้งหมดตกเป็นของไม้เมืองที่ฉวยโอกาสครองอำนาจ แม้แต่คู่หมั้นอย่างปกป้องก็หันไปเข้าข้างฝ่ายตรงข้าม ผู้คนรอบข้างมองว่าเมลานีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีใครเชื่อในคำอธิบายของเธออีกต่อไป ชีวิตที่เคยเพอร์เฟกต์กลายเป็นฝันร้ายที่เธอต้องเผชิญคนเดียว ท่ามกลางการทรยศและการถูกตราหน้าว่าเป็นคนบ้า

เวลาที่มีค่าเท่ากับความตาย

หัวใจของเรื่องนี้อยู่ที่แนวคิด “เวลามีค่า = มีฆ่า” หรือ “TIME = DEATH TIME” ซึ่งเป็นปรัชญาที่ท้าทายให้ผู้ชมไตร่ตรองถึงคุณค่าของเวลาแต่ละวินาที เมลานีค้นพบว่าการที่เธอหายไปหนึ่งปีนั้นเกิดจากการแทรกแซงของพลังลึกลับที่เรียกว่า “เจ้าเวลา” ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตหรือระบบที่ควบคุมโชคชะตาแห่งความตาย หากต้องการย้อนเวลากลับและกู้คืนทุกสิ่งที่สูญเสีย เธอต้องแลกด้วย “หนึ่งชีวิต”  คือต้องฆ่าคนอื่นเพื่อนำเวลาคืนมา นี่ไม่ใช่แค่การแก้แค้นธรรมดา แต่เป็นการต่อสู้กับกฎแห่งจักรวาลที่โหดร้ายและไร้เมตตา

ในกระบวนการนี้ เมลานีต้องเผชิญกับตัวละครรองที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่อง เช่น แจ็คกี้ ชาเคอลีน ในบทสาวขี้อิจฉาที่เต็มเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยาน และ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่รับบทตัวละครลึกลับซึ่งอาจเป็นทั้งพันธมิตรและศัตรูในเวลาเดียวกัน การหมุนเวลาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เมลานีต้องตัดสินใจครั้งแล้วครั้งเล่า ระหว่างการยึดติดกับอดีตที่สูญเสียไป หรือยอมรับความจริงและก้าวต่อไป ท่ามกลางความโรแมนติกที่เบ่งบานขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อเธอพบกับบุคคลที่ทำให้เข้าใจว่าความรักสามารถเยียวยาแผลแสบจากความสูญเสียได้

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เล่าเรื่องการแก้แค้นหรือย้อนเวลาแบบทั่วไป แต่ยังสำรวจประเด็นลึกซึ้งอย่างการทรยศจากคนใกล้ชิด ความโลภในสังคมชั้นสูง และคำถามปรัชญาว่า “ถ้าคุณมีโอกาสย้อนเวลา คุณจะยอมแลกด้วยอะไร?” ด้วยฉากแอคชั่นระทึกขวัญที่ผสมผสานกับโมเมนต์โรแมนติกหวานซึ้ง ทำให้ผู้ชมติดงอมแงมตั้งแต่ตอนแรก

สารบัญละคร

TIME หมุนเวลาตาย โดดเด่นด้วยการแสดงที่ทรงพลัง โดยเฉพาะ แพนเค้ก เขมนิจ ที่ทุ่มเทถ่ายทอดอารมณ์จากหญิงสาวผู้เพอร์เฟกต์สู่เหยื่อผู้ถูกทำลาย บอย ปกรณ์ และ โก้ วศิน ก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับบทบาทชายหลักที่ซับซ้อน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

โลกที่พังทลายในชั่วพริบตา

เมลานี (แพนเค้ก เขมนิจ) คือดวงดาวแห่งตระกูลเศรษฐี เธอมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะฝันถึง: ความงามราวนางพญา, ฐานะที่มั่นคง, และอนาคตอันสดใสในฐานะทายาทอาณาจักรธุรกิจของครอบครัว เธอกำลังจะหมั้นกับ ปกป้อง (โก้ วศิน) ชายหนุ่มรูปงามจากตระกูลใหญ่ ผู้เป็นทั้งคนรักและพันธมิตรทางธุรกิจ แต่แล้วคืนหนึ่ง เมลานีตื่นขึ้นในห้องที่แปลกตา ด้วยความทรงจำที่ขาดหายไปหนึ่งปีเต็ม

ในหนึ่งปีนั้น โลกของเธอพังทลาย พ่อของเธอผู้เคยป่วยหนักเสียชีวิตด้วยหัวใจที่แตกสลายเมื่อรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป ธุรกิจครอบครัวตกอยู่ในมือของ ไม้เมือง (กอล์ฟ อนุวัฒน์) พี่ชายต่างมารดาที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความอาฆาต ปกป้อง คู่หมั้นของเธอ หันไปคบหากับ ปัทมา (แจ็คกี้ ชาเคอลีน) เพื่อนสนิทที่ซ่อนความอิจฉาไว้ใต้รอยยิ้มหวาน เมลานีกลายเป็นคนแปลกหน้าในชีวิตของตัวเอง ถูกตราหน้าว่าบ้าและไร้ที่ยืนในสังคมชั้นสูงที่เธอเคยครอง

เจ้าเวลาและกติกาแห่งความตาย

เมื่อเมลานีเริ่มสืบหาความจริง เธอค้นพบว่าเธอติดอยู่ใน “อุโมงค์เวลา” ซึ่งถูกควบคุมโดยพลังลึกลับที่เรียกว่า เจ้าเวลา สิ่งนี้ไม่ใช่แค่กลไกของจักรวาล แต่เหมือนสิ่งมีชีวิตที่มองมนุษย์เป็นเพียงหมากในเกมอันซับซ้อน เจ้าเวลามอบกติกาอันโหดร้ายให้เธอ: หากต้องการย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต เธอต้องแลกด้วย “ชีวิตหนึ่งชีวิต” คำขวัญ “TIME = DEATH TIME” กลายเป็นโซ่ที่ล่ามเมลานีไว้กับทางเลือกที่ไม่มีวันชนะ

ในภารกิจนี้ เมลานีได้พบกับ ธาม (บอย ปกรณ์) ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวราวกับเงาในพายุ เขาดูเหมือนรู้ความลับของเจ้าเวลา และกลายเป็นแสงสว่างในความมืดของเธอ ธามไม่เพียงช่วยเธอนำทางผ่านอุโมงค์เวลา แต่ยังทำให้หัวใจของเมลานีที่แตกสลายเริ่มเต้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางอันตรายและการทรยศ

ความจริงที่เจ็บปวด 

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เมลานีค้นพบความจริงอันน่าสะเทือนใจ:

ไม้เมืองคือผู้บงการ: ไม้เมืองไม่ใช่แค่พี่ชายที่ฉวยโอกาส แต่เขาคือผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าเวลา เขาจงใจดักเมลานีให้ติดอยู่ในอุโมงค์เวลาเพื่อยึดมรดกและอำนาจทั้งหมด การเผชิญหน้ากับไม้เมืองกลายเป็นสงครามแห่งศักดิ์ศรีและความยุติธรรม

การทรยศของปกป้องและปัทมา: ปัทมาไม่ใช่แค่เพื่อนที่อิจฉา เธอวางแผนร่วมกับปกป้องเพื่อกำจัดเมลานีออกจากวงสังคม ปกป้องยอมจำนนต่อแรงกดดันจากครอบครัวและความโลภ ทำให้เมลานีรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจากคนที่เธอเคยรักสุดหัวใจ

ปริศนาของธาม: ธามเผยว่าเขาเคยเป็นเหยื่อของเจ้าเวลาเช่นกัน เขาเสียคนรักไปเพื่อแลกกับการหลุดพ้นจากอุโมงค์เวลา ความลับนี้ทำให้เมลานีต้องเผชิญหน้ากับคำถาม: เธอจะยอมเสียสละธามเพื่อย้อนเวลากลับไปหรือไม่?

ทุกการย้อนเวลาทำให้เมลานีสูญเสียบางสิ่งไป ไม่ว่าจะเป็นความหวัง ความไว้วางใจ หรือแม้แต่ความเป็นตัวเอง เธอเริ่มตระหนักว่าเจ้าเวลาไม่เคยให้อะไรฟรี และทุกการตัดสินใจคือการเดิมพันด้วยชีวิต

ซีรีส์เรื่องนี้ผสมผสานความตื่นเต้นของการเดินทางข้ามเวลาเข้ากับดราม่าครอบครัวและความรักที่ซับซ้อน มันท้าทายผู้ชมให้ถามตัวเองว่า “ถ้าคุณต้องแลกชีวิตเพื่อย้อนเวลา คุณจะเลือกอะไร?” ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

1. เนื้อเรื่องแปลกใหม่และชวนติดตาม
TIME หมุนเวลาตาย นำเสนอแนวคิดการเดินทางข้ามเวลาที่แตกต่างจากละครไทยทั่วไป โดยผสมผสานแฟนตาซีเข้ากับดราม่าครอบครัวและระทึกขวัญได้อย่างลงตัว แนวคิด “เวลา = ความตาย” สร้างความตึงเครียดและชวนให้ผู้ชมลุ้นว่าเมลานีจะเลือกอะไรระหว่างการแก้แค้นหรือการยอมรับความสูญเสีย การเล่าเรื่องที่กระชับใน 13 ตอนทำให้ไม่ยืดเยื้อ และมีการหักมุมที่คาดไม่ถึงในหลายตอน โดยเฉพาะการเปิดเผยตัวตนของตัวละครบางตัวที่เปลี่ยนมุมมองของผู้ชม

2. การแสดงที่ทรงพลัง
แพนเค้ก เขมนิจ ถ่ายทอดบทเมลานีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอแสดงให้เห็นทั้งความสง่างามของหญิงสาวผู้เพอร์เฟกต์และความเปราะบางเมื่อทุกอย่างพังทลาย โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ต้องเผชิญหน้ากับการทรยศและการตัดสินใจที่ยากลำบาก บอย ปกรณ์ ในบทธามก็น่าประทับใจ เขานำเสนอตัวละครที่มีทั้งความลึกลับและความอบอุ่น ทำให้ผู้ชมหลงรักได้ไม่ยาก โก้ วศิน และ แจ็คกี้ ชาเคอลีน ก็ทำได้ดีในบทตัวละครที่ซับซ้อน โดยเฉพาะแจ็คกี้ที่ถ่ายทอดความร้ายกาจของปัทมาได้อย่างน่าจดจำ

3. งานภาพและโปรดักชันคุณภาพสูง
CHANGE2561 ทุ่มทุนกับงานภาพที่สวยงามและสมจริง ฉากอุโมงค์เวลามีการใช้ CGI ที่เนียนตา สร้างบรรยากาศลึกลับและน่าขนลุก ดนตรีประกอบโดย จักรกฤษณ์ มัฆนานนท์ ช่วยขับเน้นอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในฉากแอคชั่นและโมเมนต์โรแมนติก การออกแบบฉากในคฤหาสน์ของตระกูลเมลานีและสถานที่ลึกลับของเจ้าเวลาก็สะท้อนความยิ่งใหญ่และความน่ากลัวของเรื่องราวได้อย่างดี

คะแนน 8.5/10 (TIME หมุนเวลาตาย คือละครที่ไม่เพียงทำให้คุณลุ้นจนนั่งไม่ติด แต่ยังทิ้งข้อคิดให้คุณมองย้อนกลับไปที่ “เวลา” ในชีวิตของตัวเอง ว่าคุณใช้มันอย่างคุ้มค่าแค่ไหน)

TIME หมุนเวลาตาย เป็นละครที่กล้าแตกต่างและประสบความสำเร็จในการนำเสนอเรื่องราวที่ทั้งตื่นเต้นและสะเทือนอารมณ์ มันเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์แนว Dark หรือ The Time Traveler’s Wife ที่ผสมผสานแฟนตาซีเข้ากับความรักและปมครอบครัว ทีมงาน CHANGE2561 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการละครไทยด้วยงานโปรดักชันที่ยอดเยี่ยมและการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม การแสดงของนักแสดงนำ โดยเฉพาะแพนเค้กและบอย เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิต

จากตอนแรกที่ได้เห็น เมลานี (แพนเค้ก เขมนิจ) หญิงสาวผู้มีชีวิตสมบูรณ์แบบในโลกของสังคมชั้นสูง ความรู้สึกแรกคือการหลงใหลในความสง่างามและความมั่นใจของเธอ แต่เมื่อเรื่องราวพลิกผันด้วยการสูญเสีย “หนึ่งปี” จากชีวิตของเธอ ความรู้สึกสับสนและเห็นอกเห็นใจก็เริ่มก่อตัวขึ้น ความว่างเปล่าที่เมลานีต้องเผชิญเมื่อตื่นมาในโลกที่ทุกอย่างพังทลายพ่อเสียชีวิต ธุรกิจครอบครัวถูกยึดโดย ไม้เมือง (กอล์ฟ อนุวัฒน์) และคู่หมั้นอย่าง ปกป้อง (โก้ วศิน) หันไปคบกับ ปัทมา (แจ็คกี้ ชาเคอลีน) ทำให้ใจของผู้ชมบีบรัดราวกับเป็นตัวเมลานีเอง

เมื่อเรื่องราวเผยให้เห็นถึง เจ้าเวลา และกติกาอันโหดร้ายที่ว่า “TIME = DEATH TIME” ซึ่งกำหนดว่าเมลานีต้องแลกชีวิตเพื่อย้อนเวลา ความรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดหวั่นเริ่มครอบงำ ทุกการตัดสินใจของเมลานีเหมือนเป็นการเดินบนเส้นด้ายที่อาจนำไปสู่ชัยชนะหรือหายนะ การปรากฏตัวของ ธาม (บอย ปกรณ์) ชายหนุ่มลึกลับที่กลายเป็นแสงสว่างในความมืดของเธอ ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและหวังใจท่ามกลางความสิ้นหวัง ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เบ่งบานระหว่างเมลานีและธามเป็นเหมือนยาเยียวยาที่ทำให้หัวใจผู้ชมเต้นแรง โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่เผยความรู้สึกต่อกันท่ามกลางอันตรายของอุโมงค์เวลา

การแสดงของ แพนเค้ก เขมนิจ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมอินไปกับเมลานีอย่างเต็มที่ เธอถ่ายทอดความเปราะบางและความเข้มแข็งได้อย่างสมดุล ฉากที่เมลานีร้องไห้เมื่อรู้ว่าถูกทุกคนทรยศ หรือตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งใหญ่ ทำให้รู้สึกเหมือนใจถูกบีบจนแทบหยุดหายใจ บอย ปกรณ์ ในบทธามก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ความลึกลับในแววตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นของเขาทำให้ผู้ชมหลงรักตัวละครนี้ตั้งแต่แรกเห็น การเคมีระหว่างแพนเค้กและบอยในฉากโรแมนติกนั้นหวานซึ้งจนทำให้อยากเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ผ่านพ้นทุกอุปสรรค

งานภาพและโปรดักชันของ CHANGE2561 ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างดีเยี่ยม ฉากอุโมงค์เวลาที่เต็มไปด้วยแสงและเงาบิดเบี้ยวให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในมิติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดนตรีประกอบโดย จักรกฤษณ์ มัฆนานนท์ ช่วยขับอารมณ์ในทุกโมเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่นที่ทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีด หรือฉากดราม่าที่ทำเอาน้ำตาคลอ การออกแบบฉากในคฤหาสน์ของตระกูลเมลานีและสถานที่ลึกลับของเจ้าเวลายังเพิ่มความสมจริงและความยิ่งใหญ่ให้กับเรื่องราว

TIME หมุนเวลาตาย เป็นมากกว่าละครไทยทั่วไป มันเป็นการเดินทางที่พาผู้ชมไปสัมผัสทั้งความตื่นเต้น ความรัก และความสูญเสีย ผ่านเรื่องราวที่ทั้งลึกซึ้งและบันเทิง การแสดงที่ยอดเยี่ยม งานภาพที่สวยงาม และข้อคิดที่ชวนให้มองย้อนกลับไปในชีวิต ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ระดับโลกมากกว่าดูละครทางทีวี 


ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567

ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567

ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567 EP.1-13 ENDoneD​​​​

ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567 EP.1-13 ENDTRUEID​​​​

ซีน ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567

[Official Teaser] “ ฆ่าคน 1 คน แลกกับ เวลาคืนมา 1 ปี ” | TIME หมุนเวลาตาย

ละคร TIME หมุนเวลาตาย 2567

ชีวิตสุดเพอร์เฟกต์ที่พังทลายในพริบตา

ภาพชีวิตที่ทุกอย่างลงตัวสุด ๆ คุณคือ เมลานี (แพนเค้ก เขมนิจ) สาวสวย รวย เก่ง ทายาทตระกูลเศรษฐีที่กำลังจะสืบทอดธุรกิจพันล้าน แถมยังมีคู่หมั้นสุดหล่ออย่าง ปกป้อง (โก้ วศิน) ไฮโซหนุ่มที่ทั้งรักและเป็นพันธมิตรธุรกิจ แต่แล้ววันหนึ่ง… บูม คุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ชีวิตคุณหายไปหนึ่งปี 😱

เมลานีขับรถผ่าน อุโมงค์เวลา ลึกลับที่ทำให้เกิด การบิดเบือนของเวลา นาฬิกาชีวิตของเธอข้ามไปหนึ่งปีแบบไม่มีคำอธิบาย พ่อที่เคยป่วยแต่รอดมาได้ กลับเสียชีวิตจากหัวใจสลาย ธุรกิจครอบครัวถูก ไม้เมือง (กอล์ฟ อนุวัฒน์) พี่ชายต่างมารดาที่โลภมากยึดไปหมด แถมปกป้อง คู่หมั้นของเธอ ยังหันไปคบกับ ปัทมา (แจ็คกี้ ชาเคอลีน) เพื่อนสนิทที่แท้จริงแล้วอิจฉาเมลานีมานาน ชีวิตที่เคยเพอร์เฟกต์กลายเป็นฝันร้ายในพริบตา

เจ้าเวลาและกติกาสุดโหด

ทีนี้มาถึงจุดที่เรื่องมันเริ่มเดือด เมลานีพบว่าเธอไม่ได้แค่เสียเวลาไปเฉย ๆ แต่เธอติดอยู่ในเกมของ เจ้าเวลา พลังลึกลับที่เหมือนเป็นผู้ควบคุมกาลเวลา เจ้าเวลามอบของขวัญให้เธอ เป็น สร้อยนาฬิกา ที่สามารถ หมุนเวลา ไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้! ฟังดูโคตรเท่ใช่ไหม? แต่ มันมีข้อแม้สุดโหด ถ้าอยากย้อนเวลา ต้องฆ่าหนึ่งชีวิตเพื่อเป็นค่าผ่านทาง 😈

คอนเซปต์ของเรื่องนี้คือ “TIME = DEATH TIME” หรือ “เวลามีค่า = มีฆ่า” เมลานีต้องเจอกับทางเลือกที่แบบ… จะยอมฆ่าใครสักคนเพื่อทวงชีวิตเก่ากลับมา หรือจะยอมรับความจริงแล้วสู้ต่อไป? สร้อยนาฬิกานี่มันจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ หรือคำสาปจากนรกกันแน่? 🤔

เบื้องหลังของละคร TIME หมุนเวลาตาย ปี 2567 จาก CHANGE2561 ละครนี้คือที่สุดของความแฟนตาซีดราม่าระทึกขวัญ บอกเลยว่างานนี้รวมทีมงานระดับเทพไว้เพียบ มาดูกันว่าใครเป็นใคร และทำไมละครเรื่องนี้ถึงได้เดือดขนาดนี้

1. บทประพันธ์โดย ภาคินัย – คนต้นคิดไอเดียสุดล้ำ

%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A22
ภาคินัย

สตาร์ทกันที่ ภาคินัย ผู้เขียนบทประพันธ์ของเรื่องนี้ บอกเลยว่าไอเดียเรื่อง “TIME = DEATH TIME” ที่การย้อนเวลาต้องแลกด้วยชีวิตนี่มันสุดยอดมาก 😱 ภาคินัยคือคนที่จุดประกายให้เราได้เห็น เมลานี ต้องเผชิญกับการบิดเบือนของเวลาในอุโมงค์สุดลึกลับ งานนี้ต้องยกนิ้วให้เลย เพราะพล็อตเรื่องนี้มันชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าไม่มีบทประพันธ์ของเขา เราคงไม่ได้เห็นละครที่ทั้งลึกซึ้งและตื่นเต้นแบบนี้แน่นอน “คือแบบ… ไอเดียย้อนเวลาแล้วต้องฆ่าคนเนี่ย มันแบบ ภาคินัยเค้าคิดได้ไงเนี่ย ปรบมือรัว ๆ เลย” 👏

2. กำกับการแสดงโดย หนุ่ย ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์ – ผู้กำกับที่เนรมิตความพีค

%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A2 %E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81 (3)
หนุ่ย ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์

ต่อมาเรามี พี่หนุ่ย ศุทธสิทธิ์ ผู้กำกับที่เปรียบเสมือนหัวใจของกองถ่าย พี่หนุ่ยคือคนที่ทำให้ฉากใน อุโมงค์เวลา ออกมาลึกลับและน่าขนลุกสุด ๆ ฉากแอคชั่นที่เมลานีต้องสู้เพื่อทวงชีวิตคืน หรือฉากโรแมนติกที่ทำคนดูจิกหมอนระหว่างเมลานีกับธาม ล้วนมาจากฝีมือการกำกับของพี่เขา 😍 การถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงในทุกซีน บอกเลยว่าพี่หนุ่ยเก็บรายละเอียดได้เป๊ะมาก “ฉากอุโมงค์เวลานี่คือแบบ…  มันเหมือนหลุดไปอีกมิติเลย พี่หนุ่ยเค้าคุมอารมณ์ได้ดีมาก ดูแล้วอยากกรี๊ด” 😎

3. บทซีรีส์โดย วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ – คนเขียนบทที่ทำให้เราน้ำตาแตก

ePUbrrenrCAzNSfdtiKT6kZs3OL
วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์

มาถึง พี่วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ผู้เขียนบทซีรีส์ที่เอาไอเดียของภาคินัยมาขยายให้กลายเป็นละครสุดเข้มข้น บทของพี่วาสุเทพนี่คือเด็ดสุด เขาทำให้ตัวละครอย่างเมลานี (แพนเค้ก) และธาม (บอย) มีมิติ ทั้งดราม่า การทรยศ ความรัก และการตัดสินใจที่แบบ…  ใจสั่น ทุกบทสนทนาคือคมมาก โดยเฉพาะตอนที่เมลานีต้องเผชิญหน้ากับ เจ้าเวลา หรือฉากที่ต้องเลือกว่าจะย้อนเวลาด้วยการแลกชีวิตหรือไม่ บอกเลยว่าน้ำตาซึม “บทของพี่วาสุเทพนี่มันแบบ… เขียนมาได้เจ็บจี๊ดถึงใจ ฉากดราม่าคือร้องไห้ตามเลยอะ เก่งมาก” 😭

4. อำนวยการผลิตโดย พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย – เบื้องหลังความยิ่งใหญ่

567000012624501
พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย

ปิดท้ายด้วยสองโปรดิวเซอร์ตัวแม่ตัวพ่อแห่งวงการอย่าง พี่ฉอด สายทิพย์ และ พี่เอส วรฤทธิ์ สองคนนี้คือหัวเรือใหญ่ที่ทำให้ TIME หมุนเวลาตาย ออกมาเป็นละครระดับพรีเมียม พี่ฉอดคือตำนานของวงการละครที่รู้ใจคนดู ส่วนพี่เอสก็มาช่วยเติมความปังในงานโปรดักชัน ทั้งงานภาพ CGI อุโมงค์เวลา ดนตรีประกอบสุดอลัง และการคัดเลือกนักแสดงที่เคมีลงตัวสุด ๆ งานนี้ CHANGE2561 ทุ่มสุดตัวจริง ๆ “พี่ฉอดกับพี่เอสคือสุดยอด ทำให้ละครมันดูแพงมาก ฉากอุโมงค์เวลาเนี่ย เหมือนดูหนังฮอลลีวูดเลยอะ” 🌟

TIME หมุนเวลาตาย คือละครที่รวมทีมงานสุดยอดไว้ในกองเดียว ถ้าไม่มี ภาคินัย คิดพล็อตเจ๋ง ๆ ไม่มี พี่หนุ่ย กำกับให้ปัง ไม่มี พี่วาสุเทพ เขียนบทให้อิน และไม่มี พี่ฉอด กับ พี่เอส คุมงานให้เป๊ะ เราคงไม่ได้เห็นละครที่ทั้งลุ้นระทึกและซึ้งถึงใจแบบนี้ ใครยังไม่ได้ดู รีบไปดูเลย

นักแสดง

→ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ รับบท เมลานี

hq720
แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์

เมลานีคือสาวแซ่บแห่งวงการไฮโซ สวย รวย เก่ง ครบเครื่อง เป็นทายาทตระกูลเศรษฐีที่กำลังจะสืบทอดธุรกิจพันล้าน แถมยังมีคู่หมั้นสุดหล่อ ชีวิตเหมือนอยู่ในเทพนิยาย แต่แล้วจู่ๆ โลกของเธอก็พังบูม เมื่อขับรถผ่านอุโมงค์เวลาลึกลับ แล้วตื่นมาเจอว่า เสียเวลาไปหนึ่งปี ทุกอย่างที่เคยมี พ่อ ธุรกิจ ความรัก—หายวับไปกับตา พ่อเสียชีวิต ธุรกิจถูกพี่ชายยึด คู่หมั้นก็ทิ้งไปคบคนอื่นดราม่าสุด

เมลานีได้ สร้อยนาฬิกา ที่หมุนเวลาได้ แต่กติกามันโหดมาก ต้องแลกด้วยการฆ่าหนึ่งชีวิตถึงจะย้อนเวลาได้ เธอเลยต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกสุดยาก จะยอมฆ่าเพื่อทวงชีวิตเก่าคืน หรือยอมรับความจริงแล้วสู้ต่อ เมลานีในเรื่องนี้มีทั้งความเปราะบางและเข้มแข็ง เธอร้องไห้แตกเมื่อเจอการทรยศ แต่ก็ลุกขึ้นสู้แบบไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะเมื่อได้เจอกับ ธีร์ หนุ่มลึกลับที่ทำให้หัวใจเธอกลับมาเต้นอีกครั้ง การแสดงของแพนเค้กคือสุดยอด ฉากดราม่าทำคนดูน้ำตาไหล ฉากแอคชั่นในอุโมงค์เวลาก็ลุ้นจนตัวเกร็ง

ฉายา “ราชินีแห่งกาลเวลา”
ทำไมถึงเรียกเมลานีแบบนี้ เพราะเธอคือตัวแม่ที่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าเวลา แม้จะเจอเกมโหดที่ต้องแลกชีวิต เธอก็ยังยืนหยัดและเลือกทางที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ บอกเลยว่าแพนเค้กถ่ายทอดบทนี้ได้แบบสมมงราชินีจริงๆ

ข้อคิด “การปล่อยวางคือพลังที่แท้จริง”
จากเมลานี เราเรียนรู้ว่า การยึดติดกับอดีตอาจทำให้เสียสิ่งสำคัญในปัจจุบันไป เมลานีสอนให้เห็นว่า บางครั้งการยอมรับความสูญเสียและก้าวต่อไปคือสิ่งที่ทำให้เราเข้มแข็งและพบความสุขที่แท้จริง ดูแล้วทำให้อยากทบทวนว่า เราใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มแค่ไหน

→ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ รับบท ธีร์

hq720
บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์

ธีร์คือหนุ่มลึกลับที่โผล่มาเหมือนแสงสว่างในชีวิตสุดดาร์กของ เมลานี นางเอกของเรา เขาไม่ใช่แค่ผู้ชายหน้าตาดีที่ทำให้คนดูฟินจิกหมอน แต่เป็นคนที่รู้ความลับของ เจ้าเวลา และ อุโมงค์เวลา ที่ทำให้เมลานีเสียหนึ่งปีไปจากชีวิต ธีร์เหมือนเป็นไกด์ที่ช่วยเมลานีฝ่าฟันเกมโหดของการย้อนเวลา ที่ต้องแลกด้วยชีวิตหนึ่งชีวิตตามกติกา “TIME = DEATH TIME”

แต่ ธีร์ไม่ได้แค่หล่อแล้วจบ เขามีปมในใจที่หนักมาก เพราะเขาเคยติดอยู่ในเกมของเจ้าเวลาเหมือนกัน และเคยเสียคนที่รักไปเพื่อแลกกับการหลุดพ้น ทำให้เขาไม่อยากให้เมลานีต้องเจอชะตากรรมเดียวกัน ธีร์เลยเป็นทั้งพันธมิตร คนให้กำลังใจ และคนที่ทำให้เมลานีรู้สึกว่าเธอยังมีหวัง คาแร็กเตอร์ของเขาคือส่วนผสมของความเท่ ความอบอุ่น และความเสียสละ บอย ปกรณ์ เล่นบทนี้ได้แบบลงตัวสุดๆ ฉากที่ธีร์ต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง หรือฉากหวานๆ กับเมลานี ทำเอาใจคนดูสั่นระรัวเลย

ฉายา “อัศวินแห่งกาลเวลา”
ทำไมถึงให้ฉายานี้ เพราะธีร์เหมือนอัศวินที่เข้ามาช่วยเมลานีต่อสู้กับความมืดของเจ้าเวลา เขาไม่แค่ปกป้องเธอ แต่ยังยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้เธอหลุดพ้นจากคำสาปแห่งเวลา บอยในบทนี้คือหล่อแบบมีสตอรี่ ทำเอาคนดูอยากให้มีธีร์ในชีวิตจริงบ้าง

ข้อคิด “ความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าความกลัว”
จากธีร์ เราเรียนรู้ว่าความรักและความเสียสละสามารถเอาชนะความกลัวและความเจ็บปวดในอดีตได้ ธีร์สอนให้เห็นว่า การยอมเผชิญหน้ากับบาดแผลของตัวเองเพื่อปกป้องคนที่รัก คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย ดูแล้วทำให้อยากกลับไปบอกคนสำคัญว่าเรารักพวกเขามากแค่ไหน

→ โก้ วศิน อัศวนฤนาท รับบท ปกป้อง

hq720
โก้ วศิน อัศวนฤนาท

ปกป้องคือหนุ่มไฮโซสุดหล่อที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าชายในฝันของ เมลานี นางเอกของเรา เขาเป็นคู่หมั้นที่ทั้งรักและเป็นพันธมิตรธุรกิจของตระกูลเมลานี ชีวิตของเขาดูเพอร์เฟกต์ หล่อ รวย มีเสน่ห์ และเหมือนจะทุ่มเทให้เมลานีสุดใจ แต่เมื่อเมลานีติดอยู่ในอุโมงค์เวลาและเสียหนึ่งปีไปจากชีวิต ทุกอย่างเปลี่ยนไป ปกป้องกลายเป็นคนที่เมลานีแทบจำไม่ได้ เมื่อเธอกลับมา เขาหันไปคบกับ แก้วตา เพื่อนสนิทของเมลานีที่เต็มไปด้วยความอิจฉา

แต่ว่าปกป้องไม่ได้เป็นตัวร้ายแบบเต็มตัวนะ ตัวละครนี้มีความซับซ้อน เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมชั้นสูง รวมถึงความโลภและการเมืองในวงการธุรกิจที่ทำให้เขาต้องเลือกทางที่เจ็บปวด การกระทำของเขาทำให้เมลานีรู้สึกถูกทรยศ แต่เมื่อเรื่องราวคลายปม เราได้เห็นว่าเขาก็มีด้านที่เปราะบางและความรู้สึกผิดที่ตามมา โก้ วศิน เล่นบทนี้ได้แบบถึงอารมณ์ ฉากที่ปกป้องต้องเผชิญหน้ากับเมลานีหรือแสดงความขัดแย้งในใจคือทำคนดูอินสุดๆ

ฉายา “เจ้าชายผู้หลงทาง”
ปกป้องได้ฉายานี้เพราะเขาเหมือนเจ้าชายที่ควรจะสมบูรณ์แบบ แต่กลับหลงทางในแรงกดดันและความทะเยอทะยานจนเสียคนที่รักไป โก้ถ่ายทอดความขัดแย้งของตัวละครนี้ออกมาได้แบบทำให้คนดูทั้งรักทั้งหมั่นไส้

ข้อคิด “การตัดสินใจที่ผิดอาจนำไปสู่ความเสียใจตลอดชีวิต”
จากปกป้อง เราเรียนรู้ว่าการยอมจำนนต่อแรงกดดันหรือเลือกทางที่ดูง่ายในตอนนั้น อาจทำให้เสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป ปกป้องสอนให้เราคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับคนที่เรารัก ดูแล้วทำให้อยากกลับไปทบทวนว่าเราเคยเลือกอะไรผิดพลาดไปบ้าง

→ แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์ รับบท แก้วตา

แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์

แก้วตาคือเพื่อนสนิทของ เมลานี นางเอกของเรา ที่ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นเพื่อนรักจอมซัพพอร์ต แต่เดี๋ยวก่อน ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย แก้วตาคือตัวละครที่ซ่อนความอิจฉาและความทะเยอทะยานไว้ใต้รอยยิ้มหวานๆ เธออยากได้ทุกอย่างที่เมลานีมี ไม่ว่าจะเป็นความรักจาก ปกป้อง คู่หมั้นของเมลานี หรือสถานะในสังคมชั้นสูง เมื่อเมลานีติดอยู่ในอุโมงค์เวลาและเสียหนึ่งปีไปจากชีวิต แก้วตาไม่รอช้า ฉวยโอกาสนี้คว้าทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง

คาแร็กเตอร์ของแก้วตาคือตัวร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เธอวางแผนทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ แต่ก็มีความเปราะบางซ่อนอยู่ในใจ เพราะความอิจฉาของเธอมาจากความรู้สึกด้อยค่าเมื่อเทียบกับเมลานี แจ็คกี้เล่นบทนี้ได้แบบสุดปัง ฉากที่แก้วตาแสดงความร้ายกาจหรือตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับผลของการกระทำตัวเองคือทำคนดูทั้งหมั่นไส้และแอบสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “ราชินีแห่งความอิจฉา”
แก้วตาได้ฉายานี้เพราะความอิจฉาคือแรงขับเคลื่อนหลักของเธอ เธอเหมือนราชินีที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อชิงบัลลังก์ของเมลานี แจ็คกี้ถ่ายทอดความร้ายและความซับซ้อนของตัวละครนี้ออกมาได้แบบทำให้คนดูอยากตะโกนว่า “หยุดร้ายได้แล้ว”

ข้อคิด “ความอิจฉาทำลายทั้งตัวเองและคนอื่น”
จากแก้วตา เราเรียนรู้ว่าความอิจฉาและการมุ่งแต่จะเอาชนะคนอื่นอาจนำไปสู่การทำลายตัวเองในที่สุด แก้วตาสอนให้เห็นว่า การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและปล่อยให้ความอิจฉาครอบงำ ไม่เคยนำไปสู่ความสุข ดูแล้วทำให้อยากกลับไปโฟกัสที่ตัวเองและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

→ กอล์ฟ อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา รับบท ไม้เมือง

กอล์ฟ อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา

ไม้เมืองคือพี่ชายต่างมารดาของ เมลานี นางเอกของเรา ที่มาพร้อมความโลภและความอาฆาตแบบเต็มพิกัด เขาไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา แต่เป็นคนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อยึดอำนาจและธุรกิจของตระกูล เมื่อเมลานีติดอยู่ในอุโมงค์เวลาและเสียหนึ่งปีไปจากชีวิต ไม้เมืองฉวยโอกาสนี้คว้าทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นมรดกหรืออำนาจในครอบครัว เขาคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตเมลานีพังยับ

แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือไม้เมืองอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เจ้าเวลา และการบิดเบือนของเวลา ทำให้เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจที่เมลานีต้องเผชิญหน้า คาแร็กเตอร์ของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็มีจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ในความมั่นใจเกินตัว กอล์ฟ อนุวัฒน์ เล่นบทนี้ได้แบบถึงใจ ฉากที่ไม้เมืองแสดงความร้ายกาจหรือตอนที่ต้องเจอกับผลของการกระทำตัวเองคือทำคนดูทั้งสะใจและลุ้นตาม

ฉายา “จอมวางแผนแห่งความโลภ”
ไม้เมืองได้ฉายานี้เพราะเขาเหมือนตัวร้ายที่วางหมากทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ ความโลภคือสิ่งที่ขับเคลื่อนเขา แต่ก็เป็นสิ่งที่นำไปสู่จุดจบของตัวเอง กอล์ฟถ่ายทอดความร้ายและความเย่อหยิ่งของไม้เมืองออกมาได้แบบทำให้คนดูอยากตะโกนว่า “หยุดซะที”

ข้อคิด “ความโลภทำลายทุกอย่าง”
จากไม้เมือง เราเรียนรู้ว่าความโลภที่ไร้ขอบเขตอาจทำให้สูญเสียทั้งโอกาสและความเป็นมนุษย์ ไม้เมืองสอนให้เห็นว่า การมุ่งแต่จะได้ทุกอย่างโดยไม่สนใจผลกระทบต่อคนอื่น สุดท้ายจะนำไปสู่ความพินาศ ดูแล้วทำให้อยากกลับไปทบทวนว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรในชีวิตบ้าง


ข้อคิดจากละคร TIME หมุนเวลาตาย ปี 2567 ของ CHANGE2561 ละครนี้ไม่ใช่แค่แฟนตาซีผสมดราม่าที่ลุ้นจนตัวเกร็ง แต่ยังทิ้งข้อคิดดีๆ ที่ทำให้เราต้องกลับมามองชีวิตตัวเอง มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เวลาคือสิ่งมีค่าที่สุด ใช้ให้คุ้ม
ละครนี้เน้นย้ำว่าเวลาคือทรัพย์สินที่ไม่มีวันย้อนกลับได้ เมลานีเสียหนึ่งปีไปจากชีวิตและต้องต่อสู้เพื่อทวงมันคืน ทำให้เราเห็นว่าทุกวินาทีในชีวิตมีค่า ดูแล้วอยากลุกขึ้นมาทำอะไรให้เต็มที่ในทุกวัน ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปเปล่าๆ

การปล่อยวางคือพลังที่แท้จริง
เมลานีต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเธอเรียนรู้ว่าการยึดติดกับอดีตอาจทำร้ายตัวเองมากกว่า ข้อคิดนี้สอนให้เรายอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และก้าวต่อไปเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า

ความรักสามารถเยียวยาความเจ็บปวด
ความสัมพันธ์ระหว่างเมลานีกับธีร์แสดงให้เห็นว่าความรักและการสนับสนุนจากคนสำคัญสามารถช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากได้ ดูแล้วทำให้อยากกลับไปบอกคนที่รักว่าเราซาบซึ้งในตัวเขามากแค่ไหน

ความโลภและการทรยศนำไปสู่จุดจบ
ตัวละครอย่างไม้เมืองและแก้วตาแสดงให้เห็นว่าความโลภและการหักหลังคนอื่นสุดท้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ข้อคิดนี้เตือนให้เราดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และไม่ทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

การตัดสินใจที่ผิดอาจเปลี่ยนชีวิตตลอดไป
จากปกป้อง เราเห็นว่าการเลือกทางที่ดูง่ายหรือยอมจำนนต่อแรงกดดันอาจนำไปสู่ความเสียใจที่แก้ไม่ได้ ละครสอนให้เราคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อมันกระทบคนที่เรารัก

TIME หมุนเวลาตาย ไม่ใช่แค่ละครที่ลุ้นสนุก แต่เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เราเห็นคุณค่าของเวลา ความรัก และการตัดสินใจในชีวิต ข้อคิดทั้ง 5 ข้อนี้คือเด็ดมาก ดูแล้วทำให้อยากกลับไปใช้ชีวิตให้เต็มที่และรักคนรอบตัวให้มากขึ้น ใครยังไม่ได้ดู รีบไปตาม


TIME หมุนเวลาตาย ภาค 2 ละครแนวแฟนตาซีดราม่าระทึกขวัญจาก CHANGE2561 ที่ต่อยอดจากความมันส์ของภาคแรกในปี 2567 ภาคแรกทิ้งปมให้เราลุ้นจนตัวเกร็งกับการเดินทางข้ามเวลาของ เมลานี และกติกาโหดๆ “TIME = DEATH TIME” มาดูกันว่าถ้ามีภาค 2 เรื่องราวจะพาเราไปเจออะไรบ้าง

จุดเริ่มต้น การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่สงบสุข
หลังจากภาคแรกที่เมลานี (แพนเค้ก เขมนิจ) เลือกปล่อยวางอดีตและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ ธีร์ (บอย ปกรณ์) โดยปฏิเสธข้อเสนอของ เจ้าเวลา เรื่องราวในภาค 2 เริ่มต้นเมื่อทั้งคู่พยายามใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในกรุงเทพฯ เมลานีพยายามกู้คืนธุรกิจครอบครัวที่เสียไป โดยเริ่มจากศูนย์ ขณะที่ธีร์ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีลึกลับเกี่ยวกับเวลา แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ สร้อยนาฬิกา ที่เมลานีเคยทิ้งไป กลับปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่มปริศนาคนหนึ่งชื่อ ไทม์ (นักแสดงหน้าใหม่สุดหล่อ)

ไทม์อ้างว่าเขาเป็น “ผู้สืบทอด” ของเจ้าเวลา และเผยว่าเจ้าเวลาไม่ได้หายไป มันเพียงแค่รอเวลาเพื่อเริ่มเกมใหม่ คราวนี้ เจ้าเวลาไม่ใช่แค่พลังลึกลับ แต่เป็นระบบ AI ข้ามมิติที่ถูกสร้างขึ้นในอนาคต และกำลังแพร่กระจายไปยังไทม์ไลน์ต่างๆ เพื่อควบคุมชะตากรรมของมนุษย์ เมลานีและธีร์ถูกดึงกลับเข้าสู่เกมเมื่อพบว่า การตัดสินใจของเมลานีในภาคแรกได้สร้าง รอยแยกแห่งเวลา ที่กำลังทำให้โลกในอีก 10 ปีข้างหน้าล่มสลาย

การต่อสู้กับอนาคตที่ถูกกำหนด
ในภาค 2 เจ้าเวลากลับมาพร้อมกติกาใหม่ “เพื่อช่วยอนาคต ต้องเปลี่ยนอดีต” เมลานีและธีร์ต้องเดินทางข้ามเวลาไปยังอนาคต (ปี 2578) เพื่อหยุดยั้ง AI เจ้าเวลาที่กำลังครอบงำโลก แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเปลี่ยนเหตุการณ์ในอดีต อนาคตจะเปลี่ยนไปในทางที่คาดไม่ถึง เช่น การช่วยชีวิตคนหนึ่งอาจทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ หรือการหยุดยั้งไม้เมืองในอดีตอาจทำให้เกิดศัตรูใหม่ที่ทรงพลังกว่า

ศัตรูหลักในภาคนี้คือ เนตรา (นักแสดงหญิงหน้าใหม่) นักวิทยาศาสตร์สาวจากอนาคตที่เป็นผู้สร้าง AI เจ้าเวลา เธอเชื่อว่าเจ้าเวลาคือทางออกในการแก้ไขความผิดพลาดของมนุษยชาติ แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำลายอิสรภาพ เนตรามีความสัมพันธ์ลึกลับกับ แก้วตา (แจ็คกี้ ชาเคอลีน) ที่รอดชีวิตจากภาคแรกและกลับมาพร้อมแผนการแก้แค้นเมลานี

ตัวละครใหม่และการกลับมาของตัวละครเก่า

เมลานี: ยังคงเป็นนางเอกที่เข้มแข็งแต่ต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดที่การตัดสินใจของเธอในอดีตอาจทำลายอนาคต เธอต้องเรียนรู้ที่จะไว้วางใจตัวเองอีกครั้ง

ธีร์: กลายเป็นนักวิจัยที่พยายามถอดรหัสเทคโนโลยีของเจ้าเวลา แต่ปมในอดีตของเขากลับมาเป็นอุปสรรคเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวเองในไทม์ไลน์อื่น

ไทม์: เด็กหนุ่มที่ได้รับสร้อยนาฬิกาโดยบังเอิญ เขาคือกุญแจในการเชื่อมโยงอดีตและอนาคต แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรู

เนตรา: ตัวร้ายที่ทั้งฉลาดและมีอุดมการณ์ เธอเชื่อว่าเจ้าเวลาจะสร้างโลกที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องแลกด้วยการเสียสละมนุษยชาติ

แก้วตา: กลับมาพร้อมความแค้นที่เข้มข้นกว่าเดิม เธอร่วมมือกับเนตราเพื่อทำลายเมลานี

ปกป้อง (โก้ วศิน): ปรากฏตัวในบทบาทที่ซับซ้อน เขาพยายามไถ่โทษจากความผิดในอดีต แต่การเลือกข้างของเขาจะเปลี่ยนเกมทั้งหมด

เมลานีและธีร์ได้เห็นโลกในปี 2578 ที่ AI เจ้าเวลาควบคุมทุกอย่าง มนุษย์ถูกบังคับให้อยู่ในระบบที่ไร้อิสรภาพ ฉากนี้เต็มไปด้วยงานภาพ CGI สุดล้ำ ความสัมพันธ์ระหว่างเมลานี ธีร์ และไทม์สร้างความตึงเครียดเมื่อไทม์เริ่มมีใจให้เมลานี ทำให้ธีร์ต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นใจ เมลานีเจอตัวเองในไทม์ไลน์อื่นที่กลายเป็นผู้นำกบฏต่อสู้กับเจ้าเวลา ทำให้เกิดคำถามว่าเธอควรเปลี่ยนตัวเองในอดีตหรือไม่ เมลานีและธีร์ต้องตัดสินใจว่าจะทำลาย AI เจ้าเวลาด้วยการยอมเสียสละชีวิตของคนที่รัก หรือหาทางอื่นที่ไม่ต้องแลกด้วยเลือด

TIME หมุนเวลาตาย ภาค 2 คือการต่อยอดที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยพล็อตที่พาไปเจอโลกอนาคต ปมรักที่ซับซ้อน และการต่อสู้กับ AI สุดล้ำ เมลานีและธีร์จะพาคุณลุ้นจนนั่งไม่ติด ผสมด้วยดราม่าที่ทำน้ำตาไหล และงานภาพที่อลังการ ถ้ามีภาค 2 จริงๆ บอกเลยว่า CHANGE2561 ต้องจัดเต็มแน่นอน อยากให้มีจริงมั้ย


เรื่องลึกลับสุดขนลุกเบื้องหลังกองถ่ายละคร TIME หมุนเวลาตาย ปี 2567 จาก CHANGE2561  ละครเรื่องนี้ที่เน้นธีมการบิดเบือนเวลาและกติกาโหดๆ ของเจ้าเวลา แต่ถ้าพูดถึงเบื้องหลังจริงๆ แล้ว มันมีเรื่องลึกลับที่ทีมงานกองถ่ายต้องเผชิญหน้ากันแบบไม่คาดคิด มาดูกันว่าอะไรคือปมลึกลับที่ทำให้กองถ่ายวุ่นวาย

ทุกอย่างเริ่มต้นในช่วงสัปดาห์แรกของการถ่ายทำที่สตูดิโอหลักของ CHANGE2561 ทีมงานกำลังเร่งรัดเตรียมฉากอุโมงค์เวลาที่เป็นหัวใจของเรื่อง พี่วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ผู้เขียนบทซีรีส์ กำลังปรับแต่งบทให้เข้ากับเอฟเฟกต์พิเศษ แต่เช้าวันหนึ่ง เอกสารบททั้งหมดที่พิมพ์ไว้สำหรับทีมเทคนิคหายวับไปกับตา ไม่ใช่แค่ชุดเดียว แต่เป็นทุกสำเนาที่แจกจ่ายให้แผนกอาร์ตและไลติ้ง ทีมงานค้นหาทั่วห้องประชุม ค้นลิ้นชักโต๊ะทำงานของพี่วาสุเทพ จนถึงถังขยะ แต่ไม่มีวี่แวว

พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ใหญ่ที่อำนวยการผลิต รีบเรียกประชุมด่วน เธอสงสัยว่าอาจเป็นการลืมทิ้งของใครสักคนในทีม แต่ลึกๆ แล้วพี่ฉอดรู้สึกแปลกๆ เพราะก่อนหน้านั้นคืนเดียวกัน เธอเห็นเงารางๆ ในห้องเก็บเอกสาร เหมือนมีใครสักคนกำลังยืนอ่านบทเก่าๆ ของภาคินัย ผู้ประพันธ์ต้นฉบับ ทีมงานส่วนใหญ่คิดว่าเป็นแค่ความเหนื่อยล้า แต่พี่วาสุเทพยืนยันว่าเอกสารเหล่านั้นมีรอยขีดเขียนส่วนตัวที่เขาใส่ไว้เพื่อปรับฉากย้อนเวลา และรอยนั้นหายไปพร้อมเอกสารทั้งหมด

เมื่อการถ่ายทำเริ่มจริงจัง พี่หนุ่ย ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์ ผู้กำกับการแสดง กำลังคุมฉากบิดเบือนเวลาในอุโมงค์จำลองที่ทีมเซ็ตดีไซน์สร้างขึ้นมาอย่างละเอียด ทีมเทคนิคใช้กล้องหลายตัวเพื่อจับเอฟเฟกต์แสงและเงาที่ซับซ้อน แต่หลังจากถ่ายฉากแรกเสร็จ ทีมเอ็ดิติ้งที่นำโดย พี่เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย โปรดิวเซอร์ร่วม ค้นพบฟุตเทจแปลกๆ ในกล้องตัวหลัก

ในภาพที่บันทึกไว้ มีเงาคนสวมเสื้อคลุมยาวยืนอยู่มุมมืดของอุโมงค์ แต่ทีมงานทุกคนยืนยันว่าไม่มีใครเข้าเซ็ตในช่วงนั้น เงาเหล่านั้นดูเหมือนกำลังปรับตั้งค่าของเครื่องมือถ่ายทำ โดยเฉพาะไฟ LED ที่ใช้สร้างเอฟเฟกต์เวลาไหลย้อน พี่หนุ่ยสั่งหยุดถ่ายทันทีและตรวจสอบกล้อง แต่ไม่มีร่องรอยการแทรกแซงทางกายภาพ ทีมเซ็ตดีไซน์ที่รับผิดชอบโครงสร้างอุโมงค์เริ่มพูดกันถึง “ผู้ช่วยลึกลับ” ที่บางครั้งเครื่องมือหายไปแล้วกลับมาอยู่ที่เดิมในที่ที่สะดวกกว่า เหมือนมีคนช่วยจัดระเบียบโดยไม่บอกใคร

พี่เอสที่ดูแลด้านเทคนิคทั้งหมด รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เพราะเขาเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันในโปรเจกต์เก่า แต่ครั้งนี้มันเข้ากับธีมละครมากเกินไป เขาสั่งให้ทีม IT ตรวจสอบไฟล์ดิจิทัล และพบว่ามีการแก้ไข timestamp ของฟุตเทจบางส่วน โดยไม่มีใครในทีมเข้าถึงได้ มันเหมือนมีใครสักคนกำลัง “ย้อนเวลา” ในระบบของกองถ่ายจริงๆ

ขณะที่ทีมงานกำลังเครียดกับปัญหาเหล่านี้ พี่ฉอด ตัดสินใจให้ทีมงานค้นห้องเก็บอุปกรณ์เก่าเพื่อหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมสำหรับฉากหลังๆ พี่วาสุเทพที่ตามไปช่วย ค้นพบสมุดบันทึกเก่าที่ปกปกคลุมด้วยฝุ่น ภายในมีบันทึกเกี่ยวกับ “การทดลองเวลา” ที่ดูเหมือนเป็นไอเดียต้นฉบับของบทประพันธ์ แต่ชื่อผู้เขียนไม่ใช่ภาคินัย มันเป็นชื่อที่ไม่มีใครรู้จักใน CHANGE2561

สมุดนั้นบันทึกถึง “อุโมงค์ลึกลับ” ที่เคยใช้ถ่ายทำละครเก่าๆ ของค่ายในยุค 90s และมีคำเตือนว่า “อย่าให้เวลาไหลย้อนในที่ที่มันเคยถูกขุดขึ้นมา” ทีมงานเริ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน พี่หนุ่ยที่เคยอ่านบันทึกนั้น รู้สึกว่ามันอธิบายได้ว่าทำไมเซ็ตอุโมงค์ถึงมีปัญหาแสงผิดปกติ และทำไมเอกสารบทถึงหายไปในเวลาที่ตรงกับฉากย้อนเวลา พี่เอสตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่าห้องเก็บนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโอเก่าที่ CHANGE2561 ซื้อมาจากค่ายละครเก่า ซึ่งมีข่าวลือเรื่องอุบัติเหตุลึกลับในอดีต

ในที่สุด ทีมงานตัดสินใจปรับแผนถ่ายทำโดยเลี่ยงการใช้เซ็ตอุโมงค์หลักในช่วงกลางคืน และพี่ฉอดสั่งให้ทีมเซ็ตดีไซน์รื้อส่วนที่เชื่อมกับห้องเก่า พี่วาสุเทพ ใช้สมุดบันทึกนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการปรับบทให้เข้มข้นขึ้น โดยไม่บอกใครถึงที่มา พี่หนุ่ยและพี่เอสทำงานหนักเพื่อให้ทุกอย่างเสร็จทันกำหนด แม้จะมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นอีกสองสามครั้ง แต่หลังจากรื้อเซ็ตแล้ว ทุกอย่างกลับเข้าที่

เรื่องลึกลับนี้กลายเป็นตำนานในกองถ่าย CHANGE2561 ที่ทีมงานพูดถึงกันในที่ลับๆ มันทำให้ทุกคนตระหนักว่าบางครั้งเบื้องหลังของการสร้างสรรค์ อาจมี “เวลา” จากอดีตที่ยังไม่ยอมจากไป แต่สุดท้าย มันก็ช่วยให้ละครออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

หลังจากที่ทีมงานตัดสินใจรื้อเซ็ตอุโมงค์เวลาและย้ายไปถ่ายทำในสตูดิโอสำรอง ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่ พี่หนุ่ย ศุทธสิทธิ์ ผู้กำกับ เริ่มถ่ายฉากใหม่ที่เน้นการย้อนเวลา โดยใช้ CGI และไฟ LED สร้างเอฟเฟกต์แสงบิดเบี้ยว แต่คืนหนึ่งขณะที่ทีมตากล้องกำลังเก็บอุปกรณ์ แสงสีเขียวมรกตแปลกๆ ปรากฏขึ้นในมุมมืดของสตูดิโอ ทีมงานไฟที่ควบคุมโดย พี่เอส วรฤทธิ์ สาบานว่าไม่มีไฟตัวไหนในกองถ่ายที่ให้สีแบบนั้น แถมแสงนั้นยังเคลื่อนที่ช้าๆ เหมือนกำลังวนรอบเครื่องมือที่ใช้ถ่ายฉากอุโมงค์เวลา

พี่ฉอด สายทิพย์ ที่อยู่ระหว่างตรวจงานในกอง ได้รับรายงานเรื่องนี้ทันที เธอสั่งให้ทีมงานถ่ายวิดีโอบันทึกแสงนั้นไว้ แต่เมื่อตรวจฟุตเทจ กลับพบว่าแสงไม่ปรากฏในกล้องเลย มีเพียงภาพมืดๆ ที่เหมือนถูกบิดเบือนเล็กน้อย เหมือนมีรอยร้าวในฟุตเทจ พี่วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ผู้เขียนบทที่รู้เรื่องสมุดบันทึกเก่าจากครั้งก่อน เริ่มสงสัยว่านี่อาจเกี่ยวข้องกับคำเตือนในสมุดที่บอกว่า “อย่าให้เวลาไหลย้อนในที่ที่มันเคยถูกขุดขึ้นมา” เขาเริ่มรู้สึกว่าการถ่ายทำละครเรื่องนี้อาจไปรบกวนบางอย่างที่ไม่ควรแตะต้อง

ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่ทีมงานกำลังเตรียมถ่ายฉากไคลแมกซ์ของละคร ภาคินัย ผู้เขียนบทประพันธ์ต้นฉบับที่มาเยี่ยมกองถ่ายเพื่อให้คำปรึกษา สังเกตเห็นนาฬิกาข้อมือโบราณวางอยู่บนโต๊ะของทีมเซ็ตดีไซน์ ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เพราะมันดูเก่ามาก มีรอยขีดข่วนและหน้าปัดที่เหมือนนาฬิกาในยุค 80s แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนขนลุกคือ เข็มนาฬิกานั้น เดินย้อนหลัง อย่างช้าๆ โดยไม่มีแบตเตอรี่หรือกลไกที่มองเห็นได้

พี่วาสุเทพ ที่เริ่มหมกมุ่นกับปริศนานี้ ตัดสินใจนำนาฬิกาไปตรวจสอบกับทีมเทคนิค เขาค้นพบว่าวัสดุของนาฬิกาคล้ายกับโลหะที่ใช้ในเซ็ตอุโมงค์เวลาตอนแรกที่รื้อไปแล้ว พี่เอส ซึ่งดูแลด้านเทคนิคทั้งหมด เริ่มสืบประวัติของสตูดิโอสำรองนี้ และพบว่ามันเคยเป็นโรงงานเก่าที่ผลิตเครื่องมือเกี่ยวกับเวลาในยุค 70s ซึ่งปิดตัวไปหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ลึกลับ นาฬิกานั้นอาจเป็นของที่หลงเหลือจากยุคนั้น และบางทีอาจเชื่อมโยงกับ “การทดลองเวลา” ที่บันทึกไว้ในสมุดเก่าจากครั้งก่อน

พี่ฉอด ซึ่งปกติเป็นคนนิ่งและไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ เริ่มรู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เธอสั่งให้ทีมงานเก็บนาฬิกาไว้ในตู้เซฟและห้ามแตะต้อง แต่คืนนั้นเอง ทีมงานไฟรายงานว่าแสงสีเขียวมรกตปรากฏอีกครั้ง คราวนี้มันเหมือนกำลังก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายหน้าปัดนาฬิกาในมุมของสตูดิโอ

เพื่อหยุดความวุ่นวาย พี่หนุ่ย และ พี่วาสุเทพ ตัดสินใจขุดลึกถึงประวัติของสถานที่ถ่ายทำ พวกเขาค้นพบเอกสารเก่าจากคลังของ CHANGE2561 ที่ระบุว่าสตูดิโอนี้เคยถูกใช้ถ่ายทำละครเกี่ยวกับเวลาอีกเรื่องเมื่อ 30 ปีก่อน แต่โปรเจกต์นั้นถูกยกเลิกกะทันหันหลังจากทีมงานเจออุบัติเหตุแปลกๆ เช่น อุปกรณ์หายไปแล้วกลับมาปรากฏในที่ที่ไม่ควรจะเป็น หรือไฟในกองถ่ายดับเองโดยไม่มีสาเหตุ

ที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ เอกสารระบุถึงนักเขียนบทคนหนึ่งที่หายตัวไปในช่วงถ่ายทำโปรเจกต์นั้น และชื่อของเขาตรงกับชื่อในสมุดบันทึกเก่าที่ทีมงานเจอในครั้งแรก พี่ฉอด และ พี่เอส เริ่มสงสัยว่าการถ่ายทำ TIME หมุนเวลาตาย อาจไปกระตุ้นบางอย่างที่เชื่อมโยงกับอดีตของสตูดิโอ พวกเขาค้นพบว่าเซ็ตอุโมงค์เวลาที่รื้อไป มีส่วนประกอบจากวัสดุเก่าที่เคยใช้ในโปรเจกต์เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ

ในช่วงโค้งสุดท้ายของการถ่ายทำ พี่วาสุเทพ ตัดสินใจเขียนบทเพิ่มเติม โดยใส่ฉากที่ตัวละครเผชิญหน้ากับ “เงาแห่งเวลา” เพื่อสะท้อนสิ่งที่ทีมงานเจอ เขาเชื่อว่าการเขียนบทให้สมบูรณ์อาจเป็นการ “ปิดวงจร” ของปริศนานี้ พี่หนุ่ย ปรับการถ่ายทำให้เน้นแสงธรรมชาติและลดการใช้เอฟเฟกต์ไฟในสตูดิโอเพื่อหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์แปลกๆ ขณะที่ พี่เอส สั่งให้ทีม IT สำรองข้อมูลทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ เพื่อป้องกันการสูญหายเหมือนเอกสารบทในครั้งแรก

ในวันสุดท้ายของการถ่ายทำ เมื่อทีมงานเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด นาฬิกาเก่าที่อยู่ในตู้เซฟหายไปอย่างลึกลับ และแสงสีเขียวมรกตไม่ปรากฏอีกเลย พี่ฉอด สรุปว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นแค่จินตนาการที่เกิดจากความเครียดของทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอยังเก็บสมุดบันทึกเก่านั้นไว้ในที่ปลอดภัย และสั่งให้ทีมงานทุกคนรักษาความลับของเรื่องนี้