ป๋าไม่เคยเข้าใจหรอก

ละคร O-Negative รักออกแบบไม่ได้

อธิบาย=เถียง พอไม่พูดอะไร=ผิด ก็น้อยใจอยู่นะ ใครเป็นเหมือนเราบ้าง

“ไม่ต้องมาชักสีหน้า” คือแบบ คำที่คุ้นเคย…ได้ยินทีร้องไห้ที
 
เอาจริงๆ เรื่องนี้ต้องโทษแม่ด้วย แม่เมินเฉย ความเมินเฉยทำร้ายลูก
 
กินข้าวทั้งน้ำตาตอนโดนพ่อแม่ด่าแม่งโครตเจ็บมันกล่ำกลืนจริงๆกว่าจะกลืนได้แต่ละคำรู้สึกเหมือนเจ็บที่อกมากๆกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลก้มหน้ารีบกินไม่กล้าเงยหน้าขึ้นตักกับข้าวต้องรีบกินข้าวเปล่า?
 
พ่อ:ตัดกางเกงในต้องไปเรียนถึงมหาลัยเลยหรอ!?
คนดู:เก็บกุญเเจรับกุญเเจเเม่งเหี้ยกว่าเรียนสถาปัตย์อีก!
 

ดูแล้วเราก็เข้าใจความรู้สึกนี้เลยย… เราโดนบังคับให้เข้าสายวิทย์-คณิต​ แต่ตอนไปสมัครเราแอบสมัครเข้าสายอังกฤษ-ไทย​ พอแม่เรารู้เข้าก็โดนตีจนตูดลายเลย… ก็เราถนัดแบบนี้เราไม่ได้เก่งแบบนี้อ่ะ

คือแบบตอนที่ครอบครัวเราเอาเราไปเทียบกับคนอื่นมันเจ็บยิ่งกว่าไหนๆอีกนะ.. ไม่อยากเปิดทีวีไม่อยากเปิดช่องที่มีการแข่งขันทักษะความสามารถของเด็กแต่ละคนเลย.. เเล้วก็โดนเปรียบเทียบว่า”มึงทำได้อย่างเค้ามั้ย​ เก่งอย่างเค้ามั้ย​ สมองมึงมีแค่นี้หรอ” เอาตรงๆไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเรานอกจากตัวเองอีกแล้วล่ะ

คำว่า”สร้างปัญหา”แม่งจากปากคนอื่นไม่ค่อยเจ็บแต่จากปาก”พ่อแม่”โคตรจี้จุดเลย

เข้าใจความรู้สึก​ของชมพู่​เลย​ แต่นี่โชคดีที่ถึงแม้จะไม่มีแม่​ แต่ก็มีพ่อที่คอยเป็นทุกอย่าง​ เข้าใจทุกเรื่อง​ พ่อคอยสอนเสมอว่าให้รักกัน​ ดูแลกัน​ รักลูกเท่ากัน​ แต่อาจจะรักคนละแบบ​ เพราะนี่เป็นพี่คนโต​ การแสดงความรักจึงแตกต่างกัน

เหมือนเราเลยตอนนี้เราติดแม่โจ้​ วันนี้จ่ายค่าเทอมวันสุดท้ายไม่จ่ายเค้าจะตัดสิทธิ์​ คนในครอบครัวไม่ให้เรียนครัง้นี้ก็รอบสุดท้ายละมีแต่คนไม่ให้เรียนจะให้เราดรอป​ บอกเรียน4ปีใครจะส่งพี่ชายเราเรียนปริญญาเอกละ​ พี่เราอีกคนอยู่ปี3ปีหน้าจบ​ เงินที่ยายเราขายไร่เพื่อเป็นค่าเทอมเราคนในบ้านแล้วก็ญาติ​เห็นตรงกันว่าจะเก็บตังนั้นให้พี่เราไปต่างประเทศ​และให้พี่อีกคนเราจบไม่มีใครนึกถึงเราเลยย​ ร้องไห้ทั้งวัน

ยอมรับและปรับความเข้าใจให้ได้ อย่าไปคิดว่าพ่อแม่ไม่รักเลย มันจะยิ่งเจ็บปวดใจและเอาไปคิดมากเปล่าๆ วันหนึ่งถ้าเราทำดีกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะเห็นเอง ที่พ่อแม่บังคับให้ไปทางเลือกของเขา เขาวางอนาคตให้เรา ถึงมันจะไม่ถูกใจเรา แต่ถ้าเราเต็มใจที่จะยอมรับ ทุกอย่างมันก็จะราบรื่น

คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด ประโยคนี้ยังคงใช้ได้เสมอไม่ว่าจะในละคร หรือในชีวิตจริงแบบเรา มันท้อนะคะกับการที่พ่อแม่ไม่สนับสนุนเราเหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ ต่อให้เรียนเก่งแค่ไหน ทำดีแทบตายยังไง เราก็ได้แต่รอวันที่เราจะเป็นอิสระก็แค่นั้น ได้แต่รอไปวันๆ ประสาทแดกไปวันๆ

เหมือน พ่อกับแม่ เราเลย ทำอะไรไม่คิดอนาคต ว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปยังไง เอาง่ายๆความคิดโบราณ แต่เข้าใจว่าพ่อแม่เป็นห่วงอย่างให้สบายทำงานดีๆ แต่ว่าจะทำอะไรคิดอะไรต้องคิดถึงอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงบ้าง คำสั่งสอนพ่อแม่ = เป็นห่วง ส่วนเราเป็นคนยุคใหม่ เรียนรู้อะไรใหม่ๆและสอนให้พ่อแม่เข้าใจ ส่วนพ่อแม่ก็คอยตักเตือนว่าสิ่งไหนดีไม่ดี เดียวยาว?

เคยโดนเหมือนกัน พ่อเเม่ไม่เคยใส่ใจหรืออะไรเลย ตอนเย็นกลับบ้านมาก็ต้องทำงานทุกอย่างส่วนน้องนั่งดูการ์ตูน กลับบ้านมาก็จะหกโมงละยังมาทำงานบ้านอีกปาไปทุ่มกว่า เเล้วก็ต้องมานั่งรีดผ้าเเล้วค่อยกินข้าวเป็นเเบบนี้จนไม่ได้ทำการบ้านเลย เเล้ววันนั้นคือมันมีวิชาเลือกก็เลยไปนั่งรอครูเพื่อที่จะขอไปทำงาน ครูก็ยังไม่มาก็เลยฝากเพื่อนบอกครู เเต่มันไม่บอก ครูเลยไปบอกพ่อเเม่ว่าเราโดด พ่อบอกเเบบนี้ไม่ต้องเรียนละทั้งตะคอก ทั้งอะไร ความคิดในหัววันนั้นคืออยากตายอย่าเดียวเลย

ความรู้สึกแบบนี้เลยขนาดสอบได้ทุนไปเรียนต่อแคนาดาพ่อแม่ก็ไม่ให้ไป แต่กับน้องสนับสนุนทุกอย่าง อยากเรียนคณะที่ชอบก็ไม่ให้เรียน มันกดดันเนอะพิสูจน์แค่ไหนก็ไม่ได้ทำเขาภูมิใจ น้องเรียนสายวิทย์ เราสายศิลป์ พ่อมักจะพูดเสมอน้องเก่งกว่าทุกด้าน แต่พ่อไม่เคยเห็นบางอย่างที่เรามี ความสามารถที่มีพ่อก็มองว่า ไม่ได้ใช้สมองเท่าการคิดคำนวณ ….ถ้าในอนาคตมีโอกาสอยากจัดอบรมเกี่ยวกับเรื่องการดูแลบุตรการทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกต้องการ การรับฟัง

จากใจคนเรียนแฟชั่นค่ะ
แฟชั่น มีมากกว่าตัดเย็บเสื้อผ้า มีมากกว่าทำงานเป็นพนักงานในโรงงาน เย็บผ้า
ทั้งสร้างแพทเทิร์น เปิดธุรกิจของตัวเอง เย็บเสื้อผ้าขาย สไตล์ลิส อะไรอีกเยอะแยะรายได้เยอะมาก คนเรียนน้อย ไม่ตกงานแน่นอน

เป็นกูตัดขาดแล้วไม่อยู่หรอกครอบครัวเลวๆแบบนั้นกดดันบังคับให้เป็นนู่นเป็นนี่แต่ไม่ถามใจกูก่อนเลยว่าอยากเป็นไหม คนเราจะทำอาชีพไรขอให้มันเอาอยู่รอดและประสบความสำเร็จดีก็พอแล้ว ไม่ใช่จ้องคาดหวังให้ลูกทำตามเป็นแบบตัวเองแต่ไม่ดูผลที่ตามมาซึ่งคนพวกนี้ถือว่าเอาแต่ตัวเองไม่ดูว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร

ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง หนึ่งเลยคือ ให้ท้ายน้อง เราก็มีพี่นะ แต่พ่อแม่เราไม่เคยให้ท้ายเราแบบนี้ ดุเรามากว่าพี่เราอีก สองคือเรารู้นะ ว่าพ่อแม่หวังดี อยากให้ลูกเรียนคณะดีๆ จบไปมีอาชีพที่มั่นคง แต่นี่มันยุคไหนแล้ว เลิกคิดได้แล้ว ว่าวงการแพทย์และทหารดีที่สุด อาชีพมีเยอะแยะ และการเป็นดีไซเนอร์คือความฝันของลูก ควรสนับสนุนสิ ทำแบบนี้มันดับความฝันลูกชัดๆ รู้ว่าหวังดี แต่เราเป็นคนที่ต้องอยู่กับอาชีพนี้ตลอด ไม่ใช่พ่อแม่ ฉะนั้น เลือกคณะที่ตัวเองชอบ และคิดว่าสามารถอยู่กับมันได้นานที่สุด หรือจนแก่ตายไปเลย จบค่ะ

เจริญล่ะ ครอบครัวแบบนี้ ไอ้คนเป็นพ่อก็เลี้ยงลูกแบบ2มาตรฐาน ส่วนคนเป็นแม่ก็ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แยกแยะไม่ออกไม่มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจ เหมือนมีแม่ไว้ให้ครบองค์ประกอบครอบครับเท่านั้น เขาพูดอะไรก็เห็นด้วยไปทุกฝ่าย ส่วนคนน้องก็คิดว่าพ่อรักตัวเองมากจนหลงระเริงจนไม่คิดถึงความรู้สึกว่าพี่ตัวเองจะเสียใจมั้ย

เเกรรรร ถ้ามันเรียนไปเเล้วมันไม่ชอบจะไปเรียนทำไม ควรเอาสิ่งที่ชอบสิ ไม่เข้าใจว่าป๊าเป็นอะไร เคยมีครั้งหนึ่งนะ บอกมิ๊ว่า หนูอยากเป็นเชฟ อยากเรียนคหกรรม มิ๊บอกให้เรียน เเล้วป๊าบอกเรียนไปเเล้วได้อะไร คืออีนี่วิ่งขึ้นห้องเลยจ้าไปเอาโทรศัพท์เเล้วเปิดรายได้ของการทำอาหารในโรงเเรม5ดาว มาให้ป๊าดู ป๊าหนีกูเลย

พูดขนาดนี้กูไม่กินละนะข้าว บ้านต้องเป็นความสบายใจของเรา เป็นเซฟโซนให้เราได้ดิ ไม่ใช่ที่ที่ให้แต่ความทุกข์ ความอึดอัด คิดถึงใจลูกบ้างดิ ไม่ใช่เอาแต่ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง ตัดสินอะไรๆที่ตัวเองยังไม่แม้แต่จะเข้าใจ ไม่ยอมเปิดใจหรือทำความเข้าใจ รักลูกแล้วไง ถ้าวิธีการที่ทำแล้วอ้างคำว่าทำไปเพราะรักลูกมันไม่ได้แสดงให้ตัวลูกรู้สึกว่ากำลังถูกรัก แต่มันเหมือนกำลังถูกทรมานให้ค่อยๆตายไป


Copy link
Powered by Social Snap