ป้ายกำกับ: ละครที่จบแล้ว

ชีวิตของฉันมันช่างสวยงาม ไม่ผิดอะไรกับทะเลที่มันสวยสงบ จนฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่า มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ได้ยังไง และฉันก็ไม่เคยมีความรัก จนกระทั่งได้เจอเขาผู้ชายที่ทำให้โลกทั้งใบอยู่ในมือฉัน เขาทำให้ฉันมั่นใจว่า ชีวิตของฉันจะสวยงามแบบนี้ตลอดไป แต่สุดท้ายทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไป… ท่ามกลางคลื่นลมที่แปรผัน บอกกับตัวเองเอาไว้ จะไม่แพ้แก่โชคชะตา

มหาชาติ (ศิวัฒน์ โชติชัยรินทร์) สารวัตรหนุ่มสูญเสีย ร้อยตำรวจตรีดุจดาว (เอมี่ กลิ่นประทุม) คนรักไปอย่างหมากลางถนนที่ประเทศมาเลเซีย โดยฝีมือของ เมฆิน (โอริเวอร์ บีเวอร์) นักธุรกิจเถื่อนข้ามชาติ จึงเป็นที่มาของการตามล่าตามล้างแค้นกันอย่างถึงที่สุด โดยมี ขวัญตา (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) หญิงสาวผู้ไม่รู้เรื่องราวด้วย เข้ามาอยู่กลางระหว่างความรักครั้งเก่าของมหาชาติ และความแค้นครั้งใหม่ที่เขามีต่อศัตรู กว่าที่เธอจะสามารถฝ่าความเย็นชาในหัวใจชายหนุ่มเข้าไปได้ ทั้งคู่ก็ต้องผ่านการต่อสู้ และการสูญเสียคนรอบกายไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ทั้งสองเพิ่งรู้ในชาตินี้คือ ทุกชีวิตที่ผ่านมาพบเจอกัน ล้วนแล้วแต่มีพันธะผูกพันกันมาตั้งตั้งแต่ชาติปางก่อนภพแล้วภพเล่า หากไม่หยุดความอาฆาตไว้ในชาตินี้ ภาระก็จะวนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น

มงคล (นีโน่ เมทนี) และภรรยาสุดอู้ฟู่ วรกาญจน์ (นุ่น ดารัณ) ต้องขยับขยายไปอยู่บ้านที่หลังเล็กลง นอกจากจะต้องปรับตัวกับการใช้ชีวิตอย่างหนักแล้ว ยังต้องคอยปวดหัวกับครอบครัวดอนเจดีย์ ที่บังเอิญขายที่นาผืนใหญ่ได้ จึงตั้งใจจะมาตั้งรกรากอยู่เมืองกรุง เพื่อให้ลูกๆ ได้มาเรียนหนังสือในเมือง ถึงแม้ว่าครอบครัวเชื้อสุพรรณ ไม่ว่าจะเป็น ตาเทิด (โย่ง เชิญยิ้ม) หรือภรรยาจอมโวยวายอย่าง นงเยาว์ (ตุ๊ก ญาณี) พยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นไปตามวิถีคนเมืองมากแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนวิถีดั้งเดิมที่เกิดและเติบโตมาจากท้องนาที่ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรีได้

เมื่อสองครอบครัวที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงต้องมาอยู่บ้านที่มีรั้วติดกัน ทำให้เกิดปัญหามากมายสร้างความวุ่นวายแบบสุดๆ โดยขณะที่ทั้งสองครอบครัวอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังแลกเปลี่ยนสิ่งที่ดีและวิถีชีวิตของแต่ละฝั่ง จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ภายใต้ความสนุกสนานในแบบ “สาทร – ดอนเจดีย์”

ระหว่างความโกลาหลของราชวงศ์เวสเทิร์นเหว่ยพลเรือนจำนวนมากกลายเป็นทาสในสงครามและชีวิตของพวกเขาก็เหมือนหญ้า หญิงสาวเฉี่ยวเฉียวถูกส่งตัวไปที่ลานล่าสัตว์เพื่อความบันเทิงของชนชั้นสูงเพื่อถ่ายทำ แต่โชคดีที่ Xiliang Shizi Yanxun แอบช่วย ต่อมาเธอถูกนำตัวไปที่ประตูของตระกูล Yuwen ซึ่งมีสิทธิ์ที่จะนั่งยอง ๆ ในถิ่นทุรกันดารเธอเห็นพี่ชายและน้องสาวของเธอตายและสาบานว่าจะพาน้องสาวของเธอออกจากกรง ชูเฉียวเป็นกังวลโดยขุนนางผู้รู้แจ้ง Yu Wenzhao และถูกบังคับให้ต้องรับการฝึกฝนอย่างจริงจังนอกจากนี้เขายังมีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับ Yan Yu ในการต่อสู้ระหว่างเวสเทิร์นไวเหมินกับเกตส์ตระกูลหยานหยานถูกสังหารและอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังชูเฉียวกับชีวิตและความตายของเขาและช่วยให้เขาหนีพ้นจากวิกฤติ อย่างไรก็ตามหลังจากกลับไปที่ Xiliang ความทะเยอทะยานของ Yan Yan ก็เพิ่มขึ้นและเขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมพิธีมอบอำนาจของชาวแมนจู ในความสิ้นหวัง Chu Qiao แยกทางกับ Yan Yan และต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ Yu Wenzhao ผู้ซึ่งพยายามต่อสู้เพื่อ “โลกเพื่อรวมตัวและปลดปล่อยทาสเพื่อหยุด Ge” เขาทำลายแผนการแก้แค้นของ Yan Yan และกลายเป็นนายพลของผ้าพันแผล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน Yu Wentai ยังปล่อยทาสภายใต้คำแนะนำของรัฐมนตรีที่ดีและทรราชของผู้สังหารที่ถูกใส่ร้ายมาหลายร้อยปีก็ละลาย

เหตุการณ์เมื่อ 18 ปีก่อน… ในตอนนั้นสิบผู้อาวุโสแห่งพรรคตะวันจันทรา ได้บุกขึ้นไปบนยอดเขาหัวซาน จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างอาวุโสพรรคมารกับยอดฝีมือฝ่ายธรรมะ ด้วยความที่สิบผู้อาวุโสมีฝีมือสูงส่งกว่า ยอดฝีมือฝ่ายธรรมะจึงบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายธรรมะเห็นท่าไม่ดีเลยจำต้องใช้กลลวงเพื่อล่อให้สิบผู้อาวุโสเข้าไปติดกับภายในถ้ำ ก่อนขังลืมไว้ในนั้นจนเสียชีวิตทั้งหมด ก่อนตายเหล่าผู้อาวุโสได้คิดค้นเคล็ดวิชาใหม่ที่สามารถปราบเพลงกระบี่ของห้าสำนัก จึงจารึกกระบวนท่าต่างๆ ลงบนผนังถ้ำ ซึ่งภายหลัง “ลิ่งหูชง” (หรือ “เล่งฮู้ชง” ในสำเนียงแต้จิ๋ว) ได้มาเห็นเข้าโดยบังเอิญ

แม้เปาพยายามเก็บความรู้สึกที่มีต่อคุณหนูแป้งร่ำไว้ แต่ก็ไม่พ้นสายตาอามุ่ยที่คอยจับจ้องดูเค้าตลอดเวลา ศจีจึงจีบอามุ่ยเป็นพวกอีกคน เพิ่มความโกลาหลยิ่งขึ้นเมื่อชานนท์ก็หลงรักแป้งร่ำ เช่นกัน ถึงกับเอ่ยปากขอเธอแทนส่วนแบ่งทางธุรกิจจากคุณใหญ่ ทำเอาทุกคนอึ้ง! ไปตาม ๆ กัน ใครจะเป็นผู้ชายในดวงใจของ แป้งร่ำ

“เตชัส” ผู้พันคนเก่งแห่งหน่วยรบพิเศษที่ต้องปลอมตัวเพื่อสืบราชการลับกับ “อวัศยา” เซเลบสาวสุดเฮี้ยวที่พร้อมจะเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาอยู่ตลอดเวลา เพียงเพราะความเข้าใจผิดที่เธอคิดเอาเอง เรื่องราวจึงสุดวุ่นเมื่อ เตชัส” พยายามหลบเลี่ยงสาวสวยที่น่ารำคาญคนนี้ที่พร้อมจะทำลายแผนการของเขา แต่ “อวัศยา” กลับเดินหน้าก่อกวนเขาเต็มที่ ยิ่งได้รู้ว่าเขาคือคนที่ผู้ใหญ่แอบหมั้นหมายเอาไว้ให้ แล้วเขาจะทำอย่างไรเมื่ออยู่ๆ ไป ความรักกลับก่อตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเธอจะปฏิเสธหัวใจตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อเขาคอยช่วยชีวิตเธอให้ปลอดภัยอยู่หลายครา!

เมื่ออาถรรพ์แห่งบทเพลงไทยเดิมเริ่มบังเกิด จนมีผู้สังเวยชีวิต นักศึกษาสาวผู้อยู่ในวงดนตรีไทย และชายหนุ่มผู้เป็นทายาทรุ่นล่าสุด จึงต้องสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในบทเพลงนั้น จนตำนานความรักและโศกนาฏกรรมที่นำไปสู่ความตายถูกเปิดเผย การปลดปล่อยวิญญาณอาฆาต คือหนทางสุดท้ายที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ

เนื้อหากล่าวถึงสัจธรรม “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” โดยนำเสนอผ่านประสบการณ์ความรักและการพลัดพรากของ “จื้อจุนเป่า” (หรือ “ซุนหงอคง” ที่กลับชาติไปเกิดเป็นมนุษย์) เมื่อซุนหงอคงตระหนักถึงความทุกข์อันแสนสาหัสที่เกิดจากความรักเลยอยากหลุดพ้นจากความทุกข์และวัฏสงสาร เขาจึงยอมสวมรัดเกล้า (มงคล) แล้วติดตาม “พระถังซำจั๋ง” ไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎก

หนูเล็ก(ยิหวา ปรียากานต์) ลูกสาวคนเล็กของภาณุ(ชาย ชาตโยดม) แห่งตระกูลวัฒนาการ เจ้าของพีเอ็นกรุ๊ป เจ้าพ่อวงการก่อสร้างโครงการยักษ์ใหญ่ หนูเล็กไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของภาณุ ผู้เป็นพ่อ และแก่งแย่ง กับพี่สาว พี่ชาย อย่างเหมือนมาดา(เอ๋ มณีรัตน์) และเช่นชนก(ภาสกร) เธอจึงออกมาเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ Two of US ของตนเอง กับพะแพง (สุทธาทิพย์) เพื่อนสาวคนสนิท โดยมีวาริท(ธัชพล) แฟนหนุ่มตากล้องที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ที่แสนดี จนน่าอิจฉา โดยที่หนูเล็กไม่เคยรู้เลย ว่าเบื้องหลังที่ วาริท เข้าหาเธอนั้น เพราะต้องการสืบเรื่องราวบางอย่างของพ่อหนูเล็ก การทำงานของภาณุ เต็มไปด้วยการแก่งแย่ง ชิงดีจนคู่ต่อสู้ส่งคนมาทำร้าย ภาณุต้องการสร้างภาพครอบครัวพร้อมหน้าในวงสังคม จึงสั่งให้หนูเล็กมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ด้วย คิง(ศรุต) เปิดมูลนิธิดวงใจสีขาว โดยมีเบื้องหลังคือการหาข้อมูลจับตัวคนร้าย ที่สำคัญเขาสงสัยว่าหนูเล็กทายาทเอ็นเคกรุ๊ป ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจในครอบครัวแต่กลับถูกคนติดตามและทำร้ายอยู่เสมอ คิงจึงส่งตัววาริทไปใกล้ชิดกับหนูเล็ก เพื่อค้นหาความจริง ซึ่งนานวัน วาริท ก็มีใจให้กับหนูเล็กมากขึ้น คิงจึงต้องเตือนวาริทเพราะไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับงานที่ทำอยู่