ละคร ฟ้าพยับ 2568 ละครแนวโรแมนติกแอ็คชั่นดราม่า เรื่องราวของ “ฟ้าพยับ” เริ่มต้นจากเหตุการณ์ปล้นทองคำครั้งใหญ่บนรถไฟ ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่ความสูญเสียและการแก้แค้นอันดุเดือด การปล้นครั้งนี้ไม่เพียงเป็นข่าวดัง แต่ยังคร่าชีวิต “เสือเพชร” โจรหนุ่มที่ร่วมมือกับเพื่อนรัก “เสือหาญ” ด้วยฝีมือของ “เสือทอง” จอมขมังเวท ผู้ใช้เวทมนตร์และอำนาจมืด เหตุการณ์นี้จุดประกายให้ “ธง” น้องชายฝาแฝดของเสือเพชร ตัดสินใจปลอมตัวเป็นหนุ่มพเนจรเพื่อแทรกซึมเข้าไปทำงานในเหมืองสินสยาม โดยมีเป้าหมายคือสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพี่ชายและตามล่าตัวคนร้าย ธงไม่รู้เลยว่าเหมืองสินสยามที่เขาก้าวเข้าไปนั้นคือรังของโจร โดยมี “แสวง” ผู้จัดการเหมืองที่แท้จริงแล้วคือ เสือทอง จอมโจรผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน “พอตา” ลูกสาวของ “อารี” เจ้าของเหมืองสินสยาม เดินทางกลับมาที่เหมืองเพื่อดูแลพ่อที่ป่วยหนักและสืบหาความจริงเกี่ยวกับการบริหารงานของแสวง ซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัย โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาค้ายาที่ทำให้พ่อของเธอเกือบต้องติดคุก พอตาสงสัยว่าแสวงคือผู้บงการทุกอย่าง แต่เธอยังขาดหลักฐานที่จะเอาผิดเขา
ความขัดแย้งและปมปริศนา
ละครดำเนินเรื่องผ่านการปะทะกันระหว่างตัวละครหลักที่มีเป้าหมายและความลับของตัวเอง ธงต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในเหมืองสินสยาม ขณะที่พยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับเสือทอง โดยไม่รู้ว่าแสวงคือศัตรูตัวฉกาจที่เขาตามหา พอตาเองก็ต้องต่อสู้กับอำนาจมืดของแสวงที่ครอบงำเหมืองและพยายามปกป้องครอบครัวของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างธงและพอตาค่อยๆ พัฒนาขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความระแวงและอันตราย แต่ทั้งคู่ต้องเผชิญกับรักสามเส้าที่ซับซ้อนเมื่อแสวงเองก็มีความรู้สึกต่อพอตา
นอกจากนี้ ละครยังเพิ่มความเข้มข้นด้วยปมการทุจริตและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ตัวละครอย่าง เสือหาญ และลูกน้องของแสวง เช่น เอฉื่อ และ แกว่น ให้เรื่องราวซับซ้อนยิ่งขึ้น การหายไปของทองคำที่แสวงซ่อนไว้กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้งภายในกลุ่มของเขาเอง และนำไปสู่การปะทะที่ดุเดือดระหว่างธงและแสวงในตอนท้ายของเรื่อง
ฟ้าพยับ โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างฉากแอ็กชันที่เข้มข้น การต่อสู้ด้วยอาคมและเวทมนตร์ที่ให้กลิ่นอายพีเรียด รวมถึงปมดราม่าที่ชวนให้ติดตาม ความรักที่ซับซ้อนระหว่างธง พอตา และแสวงเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร
ในยุคที่ควันปืนและกลิ่นคาวเลือดยังลอยอบอวล เรื่องราวของ ฟ้าพยับ ดำเนินไปท่ามกลางความโกลาหลของการปล้นทองคำครั้งใหญ่บนรถไฟ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมและการแก้แค้นที่ชวนให้หัวใจเต้นรัว
จุดเริ่มต้นแห่งเงามืด
ท้องฟ้าสีครามถูกฉีกขาดด้วยเสียงปืนและควันไฟ เมื่อขบวนรถไฟที่บรรทุกทองคำมูลค่ามหาศาลถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรที่นำโดย เสือเพชร (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และเพื่อนรัก เสือหาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) แต่การปล้นครั้งนี้กลับกลายเป็นหายนะ เมื่อ เสือทอง จอมขมังเวทผู้ลึกลับ ใช้พลังอาคมสังหารเสือเพชรอย่างโหดเหี้ยม ทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้ท่ามกลางเปลวเพลิงและความโกลาหล
ธง น้องชายฝาแฝดของเสือเพชร รับรู้ข่าวร้ายด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขาสาบานว่าจะล้างแค้นให้พี่ชาย ด้วยความมุ่งมั่น ธงปลอมตัวเป็นหนุ่มพเนจร เดินทางสู่ เหมืองสินสยาม อันเป็นสถานที่ที่เขาสงสัยว่าเชื่อมโยงกับการตายของพี่ชาย โดยไม่รู้เลยว่าเหมืองแห่งนี้คือรังของงูพิษที่นำโดย แสวง (ชนะพล สัตยา) ผู้จัดการเหมืองที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงในฐานะเสือทอง จอมโจรผู้ครอบครองทั้งอำนาจและเวทมนตร์
หญิงสาวแห่งเหมืองสินสยาม
ในเวลาเดียวกัน พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความกล้าและความเฉลียวฉลาด ลูกสาวของ อารี (วสุ แสงสิงแก้ว) เจ้าของเหมืองสินสยาม เดินทางกลับจากเมืองใหญ่ด้วยใจที่หนักอึ้ง เธอพบว่าพ่อของเธอป่วยหนัก และเหมืองที่ควรเป็นมรดกของครอบครัวกำลังถูกครอบงำโดยแสวง ผู้จัดการที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม พอตาสงสัยว่าแสวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตและข้อกล่าวหาค้ายาที่เกือบทำลายชื่อเสียงของพ่อเธอ เธอจึงเริ่มสืบหาความจริงด้วยตัวเอง โดยไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะพาเธอเข้าไปพัวพันกับอันตรายที่ไม่อาจคาดเดา
การพบกันท่ามกลางพายุ
โชคชะตานำพาให้ธงและพอตาพบกันในเหมืองสินสยาม ความระแวงในใจของทั้งคู่ค่อยๆ กลายเป็นความไว้วางใจเมื่อทั้งสองตระหนักว่าพวกเขามีศัตรูร่วมกันแสวง ธงเริ่มสงสัยตัวตนที่แท้จริงของแสวงเมื่อได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการปล้นทองคำและพบร่องรอยของความลับที่ซ่อนอยู่ในเหมือง ส่วนพอตาก็เริ่มรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าแสวงคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังความฉิบหายของครอบครัวเธอ
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อแสวงเริ่มแสดงความสนใจในตัวพอตา เขาใช้ทั้งเสน่ห์และอำนาจเพื่อหวังครอบครองหัวใจของเธอ ความรักสามเส้าที่เกิดขึ้นท่ามกลางเงามืดของเหมืองกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น ธงต้องปกป้องทั้งหัวใจของตัวเองและชีวิตของพอตา ขณะที่แสวงพร้อมทำทุกอย่างเพื่อกำจัดศัตรูที่ขวางทาง
อำนาจมืดและการทรยศ
แสวง หรือเสือทอง ไม่ใช่แค่โจรธรรมดา เขาคือจอมขมังเวทที่ใช้พลังมืดควบคุมทุกอย่างในเหมืองสินสยาม ทองคำที่ได้จากการปล้นถูกซ่อนไว้ในสถานที่ลับ แต่เมื่อทองคำเหล่านั้นหายไป ความระแวงในใจของแสวงก็พุ่งเป้าไปที่ลูกน้องของเขาเอง รวมถึงธง ผู้ที่เขาเริ่มสงสัยว่าไม่ใช่แค่คนงานธรรมดา เอฉื่อ (อรรถพร สุวรรณ) และ แกว่น (สุรจิต บุญญานนท์) ลูกน้องคนสนิทของแสวง เริ่มเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของเจ้านายเมื่อความโลภและการทรยศเริ่มกัดกินขบวนการของพวกเขา
ในตอนที่ 4 พอตาวางกลอุบายให้แสวงพาเธอเข้าเมืองเพื่อติดต่อ ทนายสมนึก (รณกร สนิทประภัสสร) หวังหาทางจัดการแสวง ขณะที่ ชะล่าจู (พงศนารถ วินศิริ) ส่งเอฉื่อมาทวงหนี้ที่แสวงค้างไว้ ความโกลาหลยิ่งทวีคูณเมื่อแสวงพบว่าทองคำที่ซ่อนไว้หายไป เขาโกรธจัดและเริ่มสงสัยว่าธงคือผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้การปะทะระหว่างทั้งสองฝ่ายทวีความรุนแรง
โค้งสุดท้ายแห่งการล้างแค้น
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึง 4 ตอนสุดท้าย ทุกความลับเริ่มถูกเปิดเผย ธงและพอตาร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อโค่นแสวงและขบวนการของเขา หลักฐานที่ทั้งคู่รวบรวมได้นำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันสุดระทึก ธงต้องใช้ทั้งความกล้าและสติปัญญาในการต่อสู้กับเวทมนตร์ของแสวง ขณะที่ เสือหาญ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจพลิกผันชะตากรรมของทุกคน ตามคำใบ้จากจตุรงค์ โกลิมาศ ผู้รับบทเสือหาญ ที่ระบุว่า “ตอนจบของฟ้าพยับจะมีจุดหักมุมที่ผู้ชมคาดไม่ถึง”
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเต็มไปด้วยความสูญเสีย ธงต้องเผชิญหน้ากับแสวงในสนามรบที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมถอย ความรักระหว่างเขากับพอตาจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของอำนาจมืดได้หรือไม่ และการแก้แค้นของเขาจะสำเร็จหรือต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเกินหยั่งถึง ทุกอย่างจะถูกเฉลยในตอนจบที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น
ฟ้าพยับ โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างแอ็กชันพีเรียดที่เข้มข้น ฉากต่อสู้ที่สมจริง และการใช้เวทมนตร์คาถาที่เพิ่มความตื่นเต้น การปะทะฝีมือระหว่างเข้ม-หัสวีร์ และอ๊อฟ-ชนะพล ซึ่งเคยร่วมงานกันในละคร “เผาขน” ทำให้เคมีของทั้งคู่สร้างความสนุกให้ผู้ชม ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
ฉากแอ็กชันและเวทมนตร์ที่ตื่นตา
“ฟ้าพยับ” โดดเด่นด้วยฉากแอ็กชันที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทั้งการต่อสู้ด้วยอาวุธและการใช้เวทมนตร์คาถาที่ให้กลิ่นอายพีเรียด การปะทะระหว่าง ธง และ แสวง ในฉากไคลแม็กซ์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะการใช้เทคนิคพิเศษที่ทำให้ฉากเวทมนตร์ดูสมจริงและน่าตื่นตา
เคมีนักแสดงที่ลงตัว
เข้ม-หัสวีร์ ในบทธงและเสือเพชร แสดงได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะการถ่ายทอดความแตกต่างของสองตัวละครฝาแฝดที่มีบุคลิกตรงข้ามกัน อ๊อฟ-ชนะพล ในบทแสวง/เสือทอง นำเสนอความร้ายกาจและเล่ห์เหลี่ยมได้อย่างน่าเกรงขาม ส่วน เหม่เหม-ธัญญวีร์ ในบทพอตา แสดงถึงความเข้มแข็งและเปราะบางได้อย่างสมดุล นักแสดงสมทบอย่าง จตุรงค์ โกลิมาศ ในบทเสือหาญ เพิ่มสีสันและความลึกให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะบทบาทที่พลิกผันในตอนท้าย
การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม
ละครมีการวางปมที่รัดกุม ตั้งแต่การสืบหาความจริงของธงและพอตา ไปจนถึงความลับของแสวงที่ค่อยๆ ถูกเปิดเผย การหักมุมในตอนจบที่ จตุรงค์ กล่าวไว้ว่า “จะทำให้ผู้ชมคาดไม่ถึง” เป็นจุดที่ทำให้ละครน่าจดจำ เรื่องราวยังสะท้อนประเด็นการต่อสู้กับการทุจริตและอิทธิพลเถื่อน ซึ่งเชื่อมโยงกับบริบทสังคมได้อย่างแยบยล
งานโปรดักชันที่ยอดเยี่ยม
การออกแบบฉากและเครื่องแต่งกายในยุคพีเรียดทำได้อย่างสมจริง ตั้งแต่เหมืองสินสยามที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ไปจนถึงฉากในเมืองที่สะท้อนบรรยากาศยุคเก่า ดนตรีประกอบช่วยขับเน้นอารมณ์ของฉากแอ็กชันและดราม่าได้อย่างลงตัว
คะแนน 8.5/10 (“ฟ้าพยับ” ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียที่แฟนๆ ชื่นชมเคมีระหว่างเข้มและเหม่เหม รวมถึงฉากแอ็กชันที่สมจริง การกลับมาร่วมงานกันของเข้มและอ๊อฟจากละคร “เผาขน” ก็เป็นจุดขายที่ดึงดูดแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี)
ฟ้าพยับ ปี 2568 เป็นละครที่ครบรสทั้งแอ็กชัน ดราม่า และโรแมนติก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวพีเรียดที่ผสมผสานความลึกลับและการต่อสู้ ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยม งานโปรดักชันที่ประณีต และปมเรื่องที่ชวนติดตาม ละครเรื่องนี้สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานเด่นของช่อง 7HD ในปีนี้ แม้จะมีจุดที่ต้องปรับปรุงบ้าง
ความตื่นเต้นจากฉากแอ็กชันและเวทมนตร์
ตั้งแต่ฉากแรกที่รถไฟถูกปล้นทองคำด้วยความโกลาหล ละคร “ฟ้าพยับ” ทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่รวดเร็วและฉากแอ็กชันที่ออกแบบมาอย่างสมจริง การต่อสู้ระหว่าง ธง (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และ แสวง (ชนะพล สัตยา) หรือที่รู้จักในนาม เสือทอง นั้นชวนให้ลุ้นจนแทบนั่งไม่ติด โดยเฉพาะการใช้เวทมนตร์คาถาที่เพิ่มมิติให้กับฉากต่อสู้ ทุกครั้งที่แสวงใช้พลังอาคม หรือธงต้องเผชิญหน้ากับอันตรายในเหมืองสินสยาม ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวลถึงชะตากรรมของตัวละครทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องติดตามทุกตอน
ฉากแอ็กชันในช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะการปะทะครั้งใหญ่ใน 4 ตอนสุดท้ายที่เรตติ้งพุ่งถึง 3.3 (15+ ทั่วประเทศ) เป็นเหมือนจุดไคลแม็กซ์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มยักษ์ การผสมผสานระหว่างการต่อสู้ด้วยอาวุธและพลังเวทมนตร์ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และน่าตื่นตา โดยเฉพาะสำหรับแฟนละครพีเรียดที่ชื่นชอบความแฟนตาซี
ความซาบซึ้งจากความรักและการเสียสละ
นอกจากความตื่นเต้นแล้ว “ฟ้าพยับ” ยังทำให้หัวใจอ่อนไหวด้วยเรื่องราวความรักระหว่าง ธง และ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เริ่มจากความระแวงและพัฒนากลายเป็นความผูกพันท่ามกลางอันตรายในเหมืองสินสยามนั้นชวนให้รู้สึกอบอุ่นและลุ้นไปพร้อมๆ กัน การเสียสละของธงเพื่อปกป้องพอตา และความกล้าหาญของพอตาที่พยายามปกป้องครอบครัวและต่อสู้กับอำนาจของแสวง ทำให้รู้สึกซาบซึ้งถึงพลังของความรักและความมุ่งมั่น
รักสามเส้าที่เกิดขึ้นเมื่อแสวงเริ่มมีความรู้สึกต่อพอตานั้นยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่องราว การที่แสวง ซึ่งเป็นตัวร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แสดงความอ่อนโยนในบางช่วง ทำให้ผู้ชมรู้สึกขัดแย้งในใจ—ทั้งเกลียดและสงสารตัวละครนี้ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกนี้ถูกขับเน้นด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของอ๊อฟ-ชนะพล ที่ถ่ายทอดความร้ายกาจและความเปราะบางได้อย่างลงตัว
ความสะเทือนใจจากโศกนาฏกรรมและการสูญเสีย
การสูญเสีย เสือเพชร ตั้งแต่ต้นเรื่องเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ และการเดินทางของธงเพื่อล้างแค้นให้พี่ชายฝาแฝดนั้นยิ่งตอกย้ำถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียครอบครัว ฉากที่ธงค้นพบความจริงเกี่ยวกับการตายของพี่ชาย และการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าแสวงคือผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้รู้สึกถึงความโกรธและความเศร้าที่ผสมผสานกัน
ในช่วงท้ายของละคร การเสียสละและการสูญเสียที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายยิ่งทำให้รู้สึกหน่วงในใจ โดยเฉพาะเมื่อตัวละครสมทบอย่าง เสือหาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) เผยบทบาทที่พลิกผัน ซึ่งเป็นจุดหักมุมที่ชวนให้ทั้งประหลาดใจและสะเทือนอารมณ์ การที่ละครเลือกจบด้วยโทนที่สมดุลระหว่างความหวังและความสูญเสียทำให้รู้สึกถึงความสมจริงและลึกซึ้งของเรื่องราว
ละคร ฟ้าพยับ ไม่เพียงมอบความบันเทิงผ่านฉากแอ็กชันและความรัก แต่ยังสะท้อนถึงการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและการยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจมืด ทำให้รู้สึกถึงพลังของความหวังและความมุ่งมั่น การรับชมละครเรื่องนี้เหมือนการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไปจนถึงความซาบซึ้งและสะเทือนใจ แม้บางช่วงอาจรู้สึกว่าจังหวะการเล่าเรื่องช้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ละครเรื่องนี้สามารถครองใจผู้ชมได้ด้วยความเข้มข้นและการเล่าเรื่องที่รัดกุม
ละคร ฟ้าพยับ 2568
ละคร ฟ้าพยับ 2568 EP.1-24 ตอนจบCH7+
ซีน ละคร ฟ้าพยับ 2568
ละคร ฟ้าพยับ 2568
จุดเริ่มต้น การปล้นทองคำที่เปลี่ยนทุกอย่าง
ทุกอย่างเริ่มจากเหตุการณ์ปล้นทองคำครั้งใหญ่บนรถไฟที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่ว เสือเพชร (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) โจรหนุ่มสุดเท่ที่ร่วมปล้นกับเพื่อนซี้ เสือหาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) คิดว่างานนี้จะรอด แต่ดันเจอ เสือทอง จอมขมังเวทที่ใช้พลังอาคมจัดการเสือเพชรจนเสียชีวิต ฉากนี้คือแบบ ดราม่าตั้งแต่ต้นเลย
เหตุการณ์นี้จุดไฟแค้นให้ ธง (หัสวีร์ อีกแล้ว เพราะเล่นสองบทบาทเป็นฝาแฝด) น้องชายของเสือเพชรที่สาบานว่าจะล้างแค้นให้พี่ชาย ธงเลยปลอมตัวเป็นหนุ่มพเนจรแล้วแฝงตัวเข้าไปทำงานใน เหมืองสินสยาม เพื่อสืบหาความจริง แต่เดี๋ยวก่อน เหมืองนี้ไม่ธรรมดานะ เพราะมันคือรังของโจรที่ควบคุมโดย แสวง (ชนะพล สัตยา) ผู้จัดการเหมืองที่แท้จริงแล้วคือ เสือทอง ตัวร้ายของเรื่อง งานนี้ธงเข้าไปอยู่ในปากเหวเลย
พอตา: นางเอกสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้
ในขณะเดียวกัน เราก็ได้เจอกับ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) สาวแกร่งลูกสาวของ อารี (วสุ แสงสิงแก้ว) เจ้าของเหมืองสินสยาม เธอกลับมาที่เหมืองเพื่อดูแลพ่อที่ป่วยหนัก และเริ่มสงสัยว่าแสวงมีอะไรไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาค้ายาที่ทำให้พ่อของเธอเกือบติดคุก พอตาคือสาวฉลาดที่ไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่ายๆ เธอพยายามสืบหาความจริง แต่แสวงนี่ร้ายสุดๆ เพราะเขาควบคุมทั้งตำรวจและธนาคารในพื้นที่ แถมยังส่งคนคอยตามประกบพอตาไม่ให้ขยับตัวง่ายๆ
ความรักและการร่วมมือท่ามกลางอันตราย
ทีนี้ ธงกับพอตาโคจรมาพบกันในเหมืองสินสยาม ความระแวงตอนแรกค่อยๆ กลายเป็นความไว้วางใจเมื่อทั้งคู่รู้ว่ามีศัตรูคนเดียวกันคือแสวง ธงเริ่มรู้สึกชอบพอตาตั้งแต่แรกเห็น (เคมีนี่มาเต็ม) และด้วยความที่ธงชอบหยอดมุกจีบสาว พอตาก็เริ่มหวั่นไหว ฉากโรแมนติกนี่คือแบบ หวานปนลุ้น เพราะทั้งคู่ต้องสู้กับอันตรายรอบตัว
แต่ เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะแสวงเองก็แอบหลงรักพอตามานาน และหวังจะแต่งงานกับเธอ เขาเลยไม่ปลื้มสุดๆ ที่เห็นธงกับพอตาสนิทกัน แสวงเริ่มสร้างปัญหาให้ธง คิดหาทางกำจัดเขา และยิ่งไปกว่านั้น เขายังยึดเหมืองมาเป็นของตัวเองเพื่อกดดันให้พอตายอมจำนน รักสามเส้าบวก
ความขัดแย้งและจุดพลิกผัน
การสืบหาความจริงของธงและพอตาทำให้แสวงเริ่มระแคะระคาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งทำให้แสวงโกรธจัด เขาวางแผนกำจัดธงหลายครั้ง แต่พอตาก็ปกป้องธงทุกครั้ง ทำให้ความรักของแสวงที่มีต่อพอตาค่อยๆ กลายเป็นความแค้น เขาใช้ทั้งอำนาจและเวทมนตร์เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง แต่เรื่องมันดราม่าขึ้นไปอีกเมื่อมีกลุ่มอริของแสวงที่พยายามทำลาย ผีปู่ ที่คุ้มครองแสวง เพื่อล้างหนี้แค้นเก่า ทำให้ทั้งธงและพอตาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้น
แถมยังมีปมลึกลับเกี่ยวกับทองคำที่แสวงซ่อนไว้ในเหมือง เมื่อทองหายไป แสวงเริ่มสงสัยทุกคน รวมถึงธงด้วย งานนี้เลยยิ่งเดือด มีทั้งฉากแอ็กชันสุดมันส์ การต่อสู้ด้วยอาคม และปมดราม่าที่ชวนลุ้นว่าธงจะหาความจริงเรื่องพี่ชายได้มั้ย พอตาจะทวงคืนเหมืองได้รึเปล่า และรักสามเส้านี้จะลงเอยยังไง
บอกเลยว่า “ฟ้าพยับ” คือละครที่ครบทุกอารมณ์ แอ็กชันมันส์ ดราม่าเข้มข้น รักสามเส้าลุ้นจนใจเต้น และฉากพีเรียดที่สวยงาม ดนตรีประกอบก็ช่วยให้ทุกฉากอินสุดๆ การแสดงของเข้ม-หัสวีร์ ในบทฝาแฝดคือสุดยอด เหม่เหมก็นางเอกที่แกร่งและน่ารัก ส่วนอ๊อฟ-ชนะพล ในบทแสวงคือตัวร้ายที่ทั้งน่ากลัวและน่าสงสาร งานโปรดักชันดีมาก ฉากเหมืองสินสยามและเครื่องแต่งกายคือให้ฟีลยุคเก่าแบบจัดเต็ม
เบื้องหลัง ของละคร ฟ้าพยับ ปี 2568 ถ้าพูดถึงละครแอ็กชันพีเรียดที่เดือดจัด ดราม่าจัด รักสามเส้าจัด เรื่องนี้คือตัวท็อปเลย มาดูกันว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังความมันส์นี้บ้าง
บทประพันธ์โดย ชูวงศ์ ฉายะจินดา

เริ่มที่ต้นกำเนิดของเรื่องนี้เลย ชูวงศ์ ฉายะจินดา คือคนที่เขียนบทประพันธ์ของ “ฟ้าพยับ” ออกมา บอกเลยว่านี่คือผู้เขียนที่เล่าเรื่องได้ครบรสสุดๆ การปล้นทองคำบนรถไฟ การแก้แค้นของฝาแฝด ความรักสามเส้า และพลังเวทมนตร์คาถาแบบจัดเต็ม นี่มันเหมือนเอานิยายสุดเข้มข้นมาใส่จอเลย ชูวงศ์คือคนที่จุดประกายให้เรื่องนี้มีกลิ่นอายพีเรียดผสมแฟนตาซีที่ทำให้เราลุ้นจนนั่งไม่ติด ปรบมือให้เลยยย
บทโทรทัศน์โดย ทีมนักเขียนมังกร
ต่อมาเรามาพูดถึงทีมที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นละครสุดปัง ทีมนักเขียนมังกร คือกลุ่มคนที่หยิบนิยายของชูวงศ์มาปรุงใหม่ให้เข้ากับจอทีวี นี่คือทีมที่ใส่ความดราม่า ฉากแอ็กชัน และมุกจีบสาวของ ธง (เข้ม-หัสวีร์) ที่ทำให้เรากรี๊ดได้ลงตัวสุดๆ การเอาปมการแก้แค้นของธง ปมการทุจริตของ แสวง (อ๊อฟ-ชนะพล) และความสู้ชีวิตของ พอตา (เหม่เหม-ธัญญวีร์) มาผสมกันแบบไม่ให้รู้สึกยืดเยื้อนี่ไม่ใช่งานง่ายเลย ทีมนี้เขียนบทได้แบบ 10 เต็ม 10 เลยนะทุกคน
กำกับการแสดงโดย สพัฌ วิไชยเมธา (สโนวี่)

มาถึงหัวเรือใหญ่ที่ควบคุมความเดือดนี้ สพัฌ วิไชยเมธา หรือที่รู้จักกันในชื่อ สโนวี่ คือผู้กำกับที่ทำให้ “ฟ้าพยับ” มีชีวิตขึ้นมา สโนวี่คือคนที่เนรมิตฉากปล้นรถไฟสุดมันส์ ฉากต่อสู้ด้วยอาคมของ เสือทอง และฉากรักหวานๆ ของธงกับพอตาให้ออกมาลงตัวสุดๆ ฉากแอ็กชันที่ทั้งบู๊ ทั้งใช้เวทมนตร์ แล้วยังต้องใส่ดราม่าการแก้แค้นและรักสามเส้าเข้าไป สโนวี่จัดการได้แบบเป๊ะ ฉากเหมืองสินสยามที่ดูสมจริง บวกกับมุมกล้องที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในเรื่องเลย บอกเลยว่าผู้กำกับคนนี้คือตัวพ่อของวงการ
ผลิตโดย บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด
บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ค่ายที่อยู่เบื้องหลังการผลิตละครสุดยิ่งใหญ่เรื่องนี้ ค่ายนี้คือคนที่ลงทุนลงแรงทำให้ “ฟ้าพยับ” ออกมาเป๊ะทั้งงานโปรดักชัน ฉาก เครื่องแต่งกาย และเทคนิคพิเศษ ลองนึกถึงฉากเหมืองสินสยามที่ดูสมจริงสุดๆ หรือเครื่องแต่งกายพีเรียดที่สวยจนอยากใส่ตาม แล้วยังมีเทคนิคพิเศษในฉากเวทมนตร์ที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจ ค่ายนี้คือตัวจริงที่ทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ ขอบคุณที่ทำให้เรามีละครดีๆ ดูนะ
นักแสดง
→ หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล รับบท ธงฉาน/เสือเพชร

ธงฉาน: หนุ่มพเนจรผู้แบกภาระแก้แค้น
ธงฉานคือหนุ่มพเนจรที่ดูเหมือนธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเขาแบกความเจ็บปวดจากการสูญเสีย เสือเพชร พี่ชายฝาแฝดที่ถูกฆ่าตายจากการปล้นทองคำบนรถไฟ ธงฉานฉลาด ใจเด็ด และมีฝีมือในการต่อสู้ เขาปลอมตัวเข้าไปทำงานในเหมืองสินสยามเพื่อสืบหาความจริงและล้างแค้นให้พี่ชาย ต่อสู้กับ แสวง หรือเสือทอง ตัวร้ายจอมขมังเวท นอกจากความแกร่งแล้ว ธงยังมีมุมน่ารักเวลาเจอ พอตา เขาจะหยอดมุกจีบสาวจนคนดูต้องยิ้มตาม เคมีของเขากับพอตาคือหวานปนลุ้นสุดๆ แต่ก็ต้องเจออุปสรรคจากรักสามเส้าและอันตรายในเหมือง
ฉายา นักล้างแค้นแห่งเงามืด
เพราะธงฉานคือชายหนุ่มที่ก้าวเดินในความมืดของเหมืองเพื่อตามหาความยุติธรรมให้พี่ชาย ด้วยความเด็ดเดี่ยวและกลยุทธ์ที่แยบยล
ข้อคิด ความมุ่งมั่นและความรักต่อครอบครัวสามารถผลักดันให้เราก้าวข้ามทุกอุปสรรคได้
การที่ธงไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจมืดของแสวงและยืนหยัดเพื่อพี่ชายสอนให้เราเห็นว่าความรักและความยุติธรรมคือพลังที่ยิ่งใหญ่
เสือเพชร: โจรหนุ่มผู้กล้าบ้าบิ่น
เสือเพชรคือพี่ชายฝาแฝดของธงฉาน โจรหนุ่มที่ทั้งกล้าได้กล้าเสียและมีหัวใจที่มุ่งมั่น เขาร่วมปล้นทองคำบนรถไฟกับ เสือหาญ เพื่อนรัก แต่ต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของ เสือทอง เสือเพชรมีบุคลิกที่ต่างจากธง เขาเป็นคนใจร้อน ดุดัน และเต็มไปด้วยความกล้า แม้ว่าจะปรากฏตัวในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ แต่ความตายของเขาคือจุดเริ่มต้นที่ขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมด ทำให้ธงต้องออกเดินทางเพื่อแก้แค้น การแสดงของเข้มในบทนี้คือสุดยอด เพราะต้องสลับบุคลิกจากธงที่เยือกเย็นมาเป็นเสือเพชรที่ดิบและเดือด
ฉายา โจรใจเพชร
เสือเพชรคือโจรที่กล้าท้าทายทุกอย่างด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งราวกับเพชร แม้จะต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่โหดร้าย
ข้อคิด ความกล้าหาญต้องมาพร้อมกับความระวัง
เสือเพชรสอนเราว่าการกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องนั้นสำคัญ แต่การขาดความรอบคอบอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่เจ็บปวด
→ ชนะพล สัตยา รับบท แสวง/เสือทอง

จอมโจรขมังเวทผู้ครองอำนาจมืด
แสวงคือผู้จัดการเหมืองสินสยามที่ดูภายนอกเหมือนคนเจ้าเล่ห์แต่มีอำนาจ แต่ที่จริงแล้วเขาคือ เสือทอง จอมโจรขมังเวทที่ใช้พลังอาคมควบคุมทุกอย่างในเงามืด เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังการปล้นทองคำบนรถไฟ และเป็นคนฆ่า เสือเพชร (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ทำให้ ธงฉาน ออกตามล่าเพื่อแก้แค้น แสวงฉลาด ร้ายกาจ และไม่ไว้ใจใคร เขาควบคุมทั้งตำรวจและธนาคารในพื้นที่ แถมยังมีผีปู่คุ้มครองด้วยพลังเวทมนตร์
แต่ที่ทำให้ตัวละครนี้ซับซ้อนคือความรักที่เขามีต่อ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) เขาหลงรักเธอมานานและหวังจะแต่งงานด้วย แต่เมื่อพอตาเริ่มสนิทกับธง ความรักของแสวงก็กลายเป็นความแค้น ทำให้เขายิ่งโหดเหี้ยมขึ้น อ๊อฟ-ชนะพลเล่นบทนี้ได้แบบทั้งน่ากลัวและน่าสงสาร ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดแย้งในใจ
ฉายา ราชันย์แห่งอำนาจมืด
แสวง/เสือทองคือเจ้าแห่งความลับและพลังเวทมนตร์ที่ครองเหมืองสินสยามด้วยความร้ายกาจและเล่ห์เหลี่ยมที่ไม่มีใครเทียบ
ข้อคิด ความโลภและความแค้นนำไปสู่ความพินาศ
แสวงสอนเราว่าการยึดติดกับอำนาจและความรักที่ไม่สมหวังจนกลายเป็นความแค้น สุดท้ายจะนำพาไปสู่จุดจบที่เจ็บปวด
→ ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล รับบท พอตา

สาวแกร่งแห่งเหมืองสินสยาม
พอตาคือลูกสาวของ อารี (วสุ แสงสิงแก้ว) เจ้าของเหมืองสินสยามที่ป่วยหนัก เธอกลับมาจากเมืองใหญ่เพื่อดูแลพ่อและสืบหาความจริงเกี่ยวกับการบริหารเหมืองที่ดูมีเงื่อนงำ โดยเฉพาะพฤติกรรมของ แสวง (ชนะพล สัตยา) ผู้จัดการเหมืองที่เธอสงสัยว่าเป็นตัวการใหญ่เรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาค้ายาที่ทำให้พ่อเกือบติดคุก พอตาคือสาวฉลาดที่ไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่ายๆ เธอวางแผนจัดการแสวงอย่างแยบยล
แม้จะถูกเขาส่งคนตามจ้องเล่นงานก็ไม่หวั่น เธอได้เจอกับ ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) หนุ่มพเนจรที่กลายมาเป็นพันธมิตร และความใกล้ชิดจากมุกจีบสาวของธงก็ทำให้หัวใจเธอหวั่นไหว แต่รักสามเส้ากับแสวงที่หลงรักเธอมานานทำให้เรื่องวุ่นวายสุดๆ พอตาคือตัวละครที่ผสมความเข้มแข็ง ความอ่อนโยน และความกล้าที่ทำให้คนดูหลงรัก เหม่เหมเล่นบทนี้ได้แบบทั้งแกร่งและน่ารักลงตัวสุดๆ
ฉายา ดอกไม้เหล็กแห่งสินสยาม
พอตาคือสาวสวยที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า ต่อสู้เพื่อครอบครัวและความยุติธรรมท่ามกลางอันตรายในเหมือง
ข้อคิด ความกล้าหาญและสติปัญญาคืออาวุธที่ทรงพลัง
พอตาสอนเราว่าการเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมด้วยความฉลาดและหัวใจที่มุ่งมั่นสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เลวร้ายได้
→ อนิสา นูกราฮา รับบท สมร

ผู้หญิงที่เชื่อในความรักสุดหัวใจ
สมรคือผู้หญิงที่หลงรัก แสวง (ชนะพล สัตยา) อย่างหมดหัวใจ เธอเชื่อในความรักมากและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายที่รักมีความสุข ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่มีข้อแม้ สมรกลายเป็นคนที่ยอมทำตามคำสั่งของแสวง แม้จะต้องเผชิญกับอันตรายหรือความขัดแย้งในเหมืองสินสยาม แต่ความรักของเธอก็ทำให้เธอถูกจับตามองและกลายเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายในรักสามเส้า สา-อนิสา เล่นบทนี้ได้แบบเขินๆ แต่จริงจัง ทำให้เรารู้สึกทั้งสงสารและเข้าใจตัวละครที่ยอมเสียสละเพื่อความรัก
ฉายา ดอกไม้ไฟแห่งความรัก
สมรคือผู้หญิงที่สว่างไสวด้วยความรัก แต่ก็พร้อมเผาไหม้ตัวเองเพื่อคนที่เธอรัก
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องไม่ทำให้ตัวเองสูญเสียตัวตน
สมรสอนเราว่าการเชื่อในความรักเป็นเรื่องดี แต่การยอมทำทุกอย่างโดยไม่คิดถึงตัวเองอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดที่ไม่จำเป็น
→ ณวีณัฐ นรทรัพย์ปรีชา รับบท อมรรัตน์

หญิงสาวผู้ซ่อนเงื่อนงำ
อมรรัตน์คือตัวละครที่เต็มไปด้วยความลึกลับ เธอเป็นหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับตัวละครหลักในเหมืองสินสยาม และมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าในเรื่อง เธออาจดูเหมือนผู้หญิงธรรมดา แต่ความลับที่เธอซ่อนไว้ทำให้เธอกลายเป็นกุญแจสำคัญในบางเหตุการณ์ อมรรัตน์มีทั้งความอ่อนโยนและความเด็ดเดี่ยว เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายในเหมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายและการทรยศ การแสดงของณวีณัฐในบทนี้คือดีมาก สามารถถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครได้แบบที่ทำให้คนดูอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ
ฉายา เงาลึกลับแห่งสินสยาม
อมรรัตน์คือหญิงสาวที่เหมือนเงาในเหมืองสินสยาม ซ่อนความลับที่พร้อมเปลี่ยนเกมในเรื่องราว
ข้อคิด ความลับอาจเป็นทั้งอาวุธและภาระ
อมรรัตน์สอนเราว่าการเก็บซ่อนความจริงบางอย่างอาจช่วยปกป้องตัวเองได้ แต่ในบางครั้งมันก็กลายเป็นภาระที่หนักหนา
→ อัครัช จิตตะศิริ รับบท เด่น

มือขวาของอำนาจมืดในเหมือง
เด่นคือลูกน้องคนสนิทของ แสวง (ชนะพล สัตยา) ผู้จัดการเหมืองสินสยามที่ซ่อนตัวตนในฐานะเสือทอง เขาเป็นคนที่ทั้งซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและมีฝีมือในการต่อสู้ เด่นช่วยแสวงดูแลเหมืองที่เต็มไปด้วยความลับและอันตราย รวมถึงการปราบปรามคนที่ขวางทาง เช่น ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ที่แฝงตัวมาเพื่อแก้แค้น เด่นมีบุคลิกที่ดุดันและไม่ลังเลที่จะลงมือ แต่ลึกๆ แล้วเขาก็มีด้านที่ซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งในกลุ่มและปมการทรยศ อัครัชเล่นบทนี้ได้แบบสมจริง ทำให้เด่นกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าติดตาม
ฉายา ดาบเหล็กแห่งสินสยาม
เด่นคือมือขวาที่แข็งแกร่งราวกับดาบเหล็ก คอยปกป้องอำนาจของแสวงท่ามกลางพายุแห่งการแก้แค้น
ข้อคิด ความซื่อสัตย์ที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่การถูกหลอกใช้
เด่นสอนเราว่าการยึดมั่นในความภักดีต่อคนอื่นนั้นดี แต่ต้องมีสติที่จะแยกแยะระหว่างความจริงและการถูกบงการ
→ จตุรงค์ โกลิมาศ รับบท เสือหาญ

เพื่อนรักผู้กล้าในวงการโจร
เสือหาญคือเพื่อนสนิทและคู่หูของ เสือเพชร (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ในขบวนการโจร เขาเป็นคนที่ทั้งกล้าหาญและซื่อสัตย์ ร่วมปล้นทองคำบนรถไฟครั้งใหญ่แต่รอดชีวิตจากพลังอาคมของ เสือทอง หรือแสวง (ชนะพล สัตยา) เสือหาญมีบุคลิกที่ดุดันแต่มีหัวใจที่มั่นคง เขากลายเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในกลุ่มและปมการทรยศ จตุรงค์เล่นบทนี้ได้แบบสมจริง ถ่ายทอดความเป็นนักรบที่ทั้งแกร่งและมีมิติทางอารมณ์ ทำให้คนดูติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา
ฉายา เสือร้ายใจเหล็ก
เสือหาญคือเสือที่กล้าหาญราวกับเหล็กกล้า คอยปกป้องเพื่อนและต่อสู้ท่ามกลางอันตรายในโลกแห่งโจร
ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการยืนเคียงข้างแม้ในยามยาก
เสือหาญสอนเราว่าความซื่อสัตย์ต่อเพื่อนสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้ แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่
→ นทีเทพ บุนนาค รับบท น้อม

ผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์ในเหมือง
น้อมคือผู้ช่วยหรือคนสนิทในเหมืองสินสยามที่ทำงานใกล้ชิดกับตัวละครหลัก เขามีบุคลิกที่อ่อนโยน ซื่อสัตย์ และมักช่วยเหลือคนอื่นในสถานการณ์ยากลำบาก น้อมอาจเกี่ยวข้องกับ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) หรือคนในครอบครัวของเธอ โดยให้ข้อมูลลับหรือช่วยเหลือในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับการทุจริตของ แสวง (ชนะพล สัตยา) เขาไม่ใช่คนกล้าหาญแบบนักรบ แต่ความฉลาดและความจงรักภักดีทำให้เขาเป็นส่วนสำคัญในปมเรื่อง นทีเทพเล่นบทนี้ได้แบบอบอุ่น ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันกับน้อมได้ง่าย
ฉายา ดวงดาวนำทางในความมืด
น้อมคือแสงสว่างที่ช่วยนำทางให้คนอื่นท่ามกลางความมืดมิดของเหมืองและความลับที่ซ่อนไว้
ข้อคิด ความซื่อสัตย์คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
น้อมสอนเราว่าการยืนหยัดในความถูกต้องและช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริงสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้แม้ตัวเองจะอ่อนแอ
→ เชษฐ์ ฮันเตอร์ เบิร์ก รับบท เรียง

ลูกน้องผู้ภักดีต่ออำนาจมืด
เรียงคือลูกน้องคนสนิทของ แสวง (ชนะพล สัตยา) ในเหมืองสินสยาม เขาเป็นคนที่ทั้งโหดและไม่ลังเลในการทำตามคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการตามล่า ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) หรือช่วยปกป้องความลับของเจ้านาย เรียงมีบุคลิกที่ดิบเถื่อนและมุ่งมั่น แต่ลึกๆ แล้วเขาก็มีด้านที่ถูกบงการและขาดทางเลือกในชีวิตที่เต็มไปด้วยความมืดมิด เชษฐ์เล่นบทนี้ได้แบบน่ากลัว ทำให้เรียงกลายเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนฉากแอ็กชันและดราม่าได้ดี
ฉายา เงาโหดแห่งเหมือง
เรียงคือเงาที่คอยตามติดและลงมือแทนเจ้านาย ท่ามกลางความมืดของเหมืองสินสยาม
ข้อคิด การยอมเป็นเครื่องมือของผู้อื่นอาจนำไปสู่การสูญเสียตัวตน
เรียงสอนเราว่าความภักดีที่ไร้เหตุผลสามารถทำให้เรากลายเป็นเพียงเงาของคนอื่น และเสียโอกาสในการเลือกทางของตัวเอง
→ ปัทมา ปานทอง รับบท ป้าชื่น

แม่สื่อใจดีแห่งเหมืองสินสยาม
ป้าชื่นคือตัวละครที่เหมือนป้าใจดีในเหมืองสินสยาม เธอเป็นคนที่คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่ตัวละครหลักอย่าง พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) และบางครั้งก็ช่วย ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ด้วยความรู้และประสบการณ์ของเธอ ป้าชื่นมีบุคลิกที่อบอุ่น อารมณ์ดี และฉลาดในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เธอมักเป็นคนที่รู้ความลับเล็กๆ น้อยๆ ในเหมือง และบางครั้งก็ช่วยเชื่อมโยงตัวละครให้เดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง การแสดงของปัทมาทำให้ป้าชื่นเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าเชื่อถือ ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนมีป้าคนนี้อยู่ในชีวิตจริง
ฉายา แสงสว่างแห่งความอบอุ่น
ป้าชื่นคือแสงสว่างที่มอบความหวังและคำแนะนำในความมืดมิดของเหมืองสินสยาม
ข้อคิด ความเมตตาและคำแนะนำจากใจสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้
ป้าชื่นสอนเราว่าการเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นด้วยความจริงใจและความรู้สามารถสร้างความแตกต่างได้ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
→ สุรจิต บุญญานนท์ รับบท แกว่น

ลูกน้องฉลาดของจอมโจร
แกว่นคือลูกน้องคนสนิทของ แสวง (ชนะพล สัตยา) ในเหมืองสินสยาม เขาเป็นคนที่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ คอยช่วยวางแผนและจัดการปัญหาให้เจ้านาย ไม่ว่าจะเป็นการตามล่า ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) หรือปกป้องความลับของการปล้นทองคำ แกว่นมีบุคลิกที่เจ้าแผนการและไม่ค่อยลงมือต่อสู้โดยตรง แต่ใช้สมองและเล่ห์เหลี่ยมแทน ลึกๆ แล้วเขาก็มีด้านที่กลัวอำนาจและยอมทำตามคำสั่ง สุรจิตเล่นบทนี้ได้แบบน่าจดจำ ทำให้แกว่นกลายเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนปมดราม่าได้ดี
ฉายา สายตาเจ้าเล่ห์แห่งเหมือง
แกว่นคือคนที่มองเห็นทุกอย่างด้วยสายตาที่แหลมคมและวางแผนได้อย่างแยบยลท่ามกลางความมืดของเหมืองสินสยาม
ข้อคิด เล่ห์เหลี่ยมอาจชนะชั่วคราวแต่ไม่ยั่งยืน
แกว่นสอนเราว่าการใช้สมองและเล่ห์เหลี่ยมในการต่อสู้เป็นเรื่องดี แต่ถ้าขาดความยุติธรรม สุดท้ายจะนำไปสู่จุดจบที่ไม่คาดคิด
→ วสุ แสงสิงแก้ว รับบท อารี

เจ้าของเหมืองผู้ป่วยหนักแต่ใจมุ่งมั่น
อารีคือเจ้าของเหมืองสินสยามที่ป่วยติดเตียงและต้องพึ่งพาลูกสาว พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) ในการดูแลธุรกิจ เขาเคยเป็นคนเข้มแข็งที่สร้างเหมืองนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้ถูกใส่ร้ายเรื่องการทุจริตและค้ายาจนเกือบติดคุก โดยมี แสวง (ชนะพล สัตยา) เป็นตัวการหลัก อารีมีบุคลิกที่สงบแต่แฝงด้วยความกังวลและความรักต่อครอบครัว เขาพยายามให้คำแนะนำแก่พอตาและปกป้องมรดกของครอบครัวท่ามกลางอันตราย วสุเล่นบทนี้ได้แบบซึ้งใจ ทำให้อารีกลายเป็นตัวละครที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวทางอารมณ์ของเรื่อง
ฉายา สิงห์ป่วยแห่งสินสยาม
อารีคือสิงห์ที่เคยเกรียงไกรแต่บัดนี้ต้องเผชิญความอ่อนแอ ท่ามกลางพายุแห่งการทรยศในเหมืองของตัวเอง
ข้อคิด ความรักของพ่อแม่คือพลังที่ไม่เคยจางหาย
อารีสอนเราว่าต่อให้ร่างกายอ่อนแอ แต่หัวใจที่รักและปกป้องครอบครัวจะช่วยให้เรายืนหยัดได้เสมอ
→ ศรัทธา ศรัทธาทิพย์ รับบท พยู

คนนำทางผู้ติดอยู่ในความขัดแย้ง
พยูคือตัวละครที่ทำหน้าที่เป็นคนนำทางให้ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) เดินทางไปยังหมู่บ้านจูมะวง เพื่อเจรจาให้หมู่บ้านนี้กลับมาเช่าที่ร่อนทองกับเหมืองสินสยามเหมือนเดิม เขาเป็นคนที่มีเจตนาดี อยากช่วยให้ทุกอย่างลงตัว แต่เรื่องมันพลิกผันเมื่อชาวบ้านจูมะวงเข้าใจผิด คิดว่าพอตาและกลุ่มของเธอเกี่ยวข้องกับ แสวง (ชนะพล สัตยา) หรือคนในเหมืองที่อาจเป็นภัย ทำให้พอตาถูกจับเป็นตัวประกัน
พยูเลยต้องแบกรับผลจากความเข้าใจผิดนี้ เขาไม่ใช่ตัวร้ายหรือมีเจตนาไม่ดี แต่กลับกลายเป็นคนที่พาความวุ่นวายมาโดยไม่ตั้งใจ กลายเป็นตัวละครที่ต้องเผชิญความหนักใจท่ามกลางความขัดแย้ง ศรัทธาเล่นบทนี้ได้แบบทำให้คนดูทั้งสงสารและลุ้นตาม
ฉายา ผู้ประสานใจกลางพายุ
พยูคือคนที่พยายามเชื่อมโยงทุกฝ่าย แต่ต้องเผชิญกับพายุแห่งความเข้าใจผิดในเหมืองสินสยาม
ข้อคิด ความตั้งใจดีอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
พยูสอนเราว่าต่อให้มีเจตนาดี การสื่อสารและความระวังคือสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
→ พงศนารถ วินศิริ รับบท ชะล่าจู

ผู้ทวงหนี้แห่งเงามืด
ชะล่าจูคือตัวละครที่โผล่มาในฐานะอริของ แสวง (ชนะพล สัตยา) เขาคือคนที่ส่ง เอฉื่อ (อรรถพร สุวรรณ) มาทวงหนี้ที่แสวงค้างไว้ ทำให้เกิดความวุ่นวายในเหมืองสินสยาม ชะล่าจูมีบุคลิกที่ดุดันและเจ้าเล่ห์ เป็นคนที่รู้ความลับของแสวงและพร้อมใช้มันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาไม่ใช่ตัวร้ายหลัก แต่เป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียดให้กับปมทองคำที่หายไปและการต่อสู้ในเรื่อง พงศนารถเล่นบทนี้ได้แบบน่าจดจำ ทำให้ชะล่าจูกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าสนใจในเวลาเดียวกัน
ฉายา เงามืดแห่งการทวงแค้น
ชะล่าจูคือเงาที่คอยตามล่าและทวงหนี้จากแสวง ด้วยความเฉลียวฉลาดและความเด็ดขาดในโลกแห่งอำนาจมืด
ข้อคิด การยึดติดกับหนี้แค้นนำไปสู่ความวุ่นวาย
ชะล่าจูสอนเราว่าการมุ่งมั่นทวงหนี้หรือแก้แค้นอาจทำให้เกิดความขัดแย้งที่ควบคุมไม่ได้ สร้างผลกระทบต่อทุกฝ่าย
→ อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ รับบท พ่อธงฉาน (รับเชิญ)

พ่อผู้ให้คำแนะนำแห่งการสูญเสีย
พ่อธงฉานคือพ่อของ ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และ เสือเพชร พี่ชายฝาแฝดที่เสียชีวิตจากการปล้นทองคำ เขาเป็นตัวละครรับเชิญที่ปรากฏตัวในช่วงต้นเรื่อง เพื่อแสดงความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายและให้คำแนะนำแก่ธงฉานในการเดินทางแก้แค้น พ่อธงฉานมีบุคลิกที่สงบแต่เต็มไปด้วยความเศร้าและความรักต่อลูก เขาพยายามปกป้องธงฉานจากอันตรายและเตือนให้ระวังตัวท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยโจรและอำนาจมืด อนุวัฒน์เล่นบทนี้ได้แบบซึ้งใจ ทำให้พ่อธงฉานกลายเป็นตัวละครที่เป็นจุดเริ่มต้นทางอารมณ์ของเรื่อง
ฉายา ผู้พิทักษ์หัวใจลูกชาย
พ่อธงฉานคือผู้พิทักษ์ที่ให้ทั้งความรักและคำเตือนแก่ลูก ท่ามกลางความมืดมิดของการแก้แค้น
ข้อคิด การสูญเสียสอนให้เราเข้มแข็งยิ่งขึ้น
พ่อธงฉานสอนเราว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียครอบครัวสามารถกลายเป็นพลังที่ผลักดันให้เรายืนหยัดและปกป้องสิ่งที่รัก
→ สุธิตา เกตานนท์ รับบท แม่ธงฉาน (รับเชิญ)

แม่ผู้แบกความเจ็บปวดและความรัก
แม่ธงฉานคือแม่ของ ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และ เสือเพชร พี่ชายฝาแฝดที่เสียชีวิตจากการปล้นทองคำ เธอเป็นตัวละครรับเชิญที่ปรากฏตัวในช่วงต้นเรื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายและความรักที่มอบให้ธงฉานในการเดินทางแก้แค้น แม่ธงฉานมีบุคลิกที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความเข้มแข็งภายใน เธอพยายามเตือนธงฉานให้ระวังตัวในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและอำนาจมืด สุธิตาเล่นบทนี้ได้แบบน้ำตาคลอ ทำให้แม่ธงฉานกลายเป็นตัวละครที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวทางใจของทั้งตัวละครและคนดู
ฉายา ดวงใจแห่งความหวัง
แม่ธงฉานคือดวงใจที่มอบความรักและความหวังให้ลูกท่ามกลางความสูญเสียและความมืดมิดของเรื่องราว
ข้อคิด ความรักของแม่คือพลังที่อยู่เคียงข้างเสมอ
แม่ธงฉานสอนเราว่าความรักและคำอวยพรจากแม่สามารถเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวผ่านความยากลำบากได้ แม้ในวันที่ทุกอย่างดูมืดมน
ข้อคิดเด็ดๆ จากละคร ฟ้าพยับ ปี 2568 ที่ไม่ใช่แค่ละครแอ็กชันพีเรียดสุดมันส์ แต่ยังแฝงไปด้วยแง่คิดดีๆ ที่เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยการแก้แค้น ความรัก และการต่อสู้ท่ามกลางอำนาจมืด มาดูกันว่ามีข้อคิดอะไรบ้างที่เราสามารถหยิบมาปรับใช้ได้
1. ความมุ่งมั่นและความรักต่อครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
จากตัวละคร ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) ที่ออกเดินทางเพื่อแก้แค้นให้ เสือเพชร พี่ชายฝาแฝด และจาก พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) ที่สู้เพื่อปกป้องมรดกของพ่อ เรื่องนี้สอนว่าไม่ว่าเราจะเจออุปสรรคหนักแค่ไหน ความรักต่อครอบครัวและความมุ่งมั่นจะช่วยให้เราก้าวผ่านได้ ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เรายืนหยัดเพื่อคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม
2. ความโลภและความแค้นนำไปสู่จุดจบที่เจ็บปวด
แสวง หรือ เสือทอง (ชนะพล สัตยา) เป็นตัวอย่างชัดๆ ของคนที่ถูกความโลภในอำนาจและความแค้นครอบงำ เขาควบคุมเหมืองด้วยเล่ห์เหลี่ยมและพลังอาคม แต่สุดท้ายก็ต้องเผชิญผลจากความเห็นแก่ตัว ข้อคิดนี้เตือนเราว่าการยึดติดกับความโลภหรือความแค้นจะทำให้เราสูญเสียมากกว่าที่ได้
3. ความกล้าหาญต้องมาพร้อมกับความรอบคอบ
จาก เสือเพชร และ เสือหาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) ที่กล้าเสี่ยงในการปล้นทองคำ แต่ต้องเผชิญชะตากรรมจากความประมาท เรื่องนี้สอนว่าเราควรกล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องมีสติและวางแผนให้ดี เพราะความกล้าที่ขาดความระวังอาจนำไปสู่ความสูญเสีย
4. ความรักที่แท้จริงต้องเคารพตัวเองและผู้อื่น
ความรักสามเส้าระหว่าง ธงฉาน, พอตา, และ แสวง แสดงให้เห็นว่า ความรักของธงและพอตาคือการสนับสนุนและปกป้องกัน ขณะที่ความรักของแสวงกลายเป็นความแค้นเพราะไม่สมหวัง ข้อคิดนี้บอกเราว่าความรักที่ดีต้องเคารพตัวเองและไม่ทำร้ายผู้อื่น
5. ความซื่อสัตย์และการสื่อสารป้องกันความขัดแย้ง
จากตัวละครอย่าง พยู (ศรัทธา ศรัทธาทิพย์) ที่นำพอตาไปหมู่บ้านจูมะวงแต่เกิดความเข้าใจผิดจนกลายเป็นปัญหา เรื่องนี้สอนว่าการสื่อสารที่ชัดเจนและความซื่อสัตย์ต่อเจตนาดีจะช่วยลดความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
ฟ้าพยับ ไม่ได้ให้แค่ความสนุกจากฉากแอ็กชันและรักสามเส้า แต่ยังมีข้อคิดที่ทำให้เราคิดถึงชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เพื่อครอบครัว การควบคุมความโลภ หรือการรักอย่างมีสติ ข้อคิดเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ยิ่งน่าจดจำ ใครยังไม่ดู ต้องไปตามเลย
ถ้าละคร ฟ้าพยับ ปี 2568 มี ภาค 2 มันจะเป็นยังไง บอกเลยว่าเรื่องนี้จะต่อยอดจากความเดือดของภาคแรก ผสมแอ็กชัน ดราม่า ความรัก และพลังเวทมนตร์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ฟ้าพยับ ภาค 2 มรดกแห่งเงามืด
หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกที่ ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) ร่วมมือกันโค่น แสวง หรือ เสือทอง (ชนะพล สัตยา) และทวงคืนเหมืองสินสยาม เหมืองกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ สมร (อนิสา นูกราฮา) อดีตคนรักของแสวงที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งสุดท้าย กลับมาพร้อมความแค้นและพลังอาคมใหม่ที่ได้จาก ผีปู่เงามืด ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังของแสวง สมรตั้งใจจะยึดเหมืองสินสยามคืนเพื่อสานต่อมรดกของแสวง และแก้แค้นธงฉานที่ทำลายทุกอย่างของเธอ
ในขณะเดียวกัน ธงฉานและพอตาที่กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันต้องเผชิญกับความลับใหม่ มรดกแห่งเงามืด ทองคำที่ถูกซ่อนไว้ในเหมืองตั้งแต่สมัย เสือเพชร มีพลังลึกลับที่เชื่อมโยงกับอาคมโบราณ ทำให้เหมืองกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มโจรใหม่ที่นำโดย จันทร์หาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) อดีตเพื่อนของเสือหาญที่หวนคืนสู่โลกแห่งโจรเพื่อตามหาทองคำนี้ จันทร์หาญมีทั้งฝีมือและความแค้นเก่าที่เชื่อมโยงกับอดีตของธงฉาน
พอตา ต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่เมื่อรู้ว่า อารี (วสุ แสงสิงแก้ว) พ่อของเธอรู้เรื่องมรดกนี้มานานแต่เก็บเงียบ เธอต้องร่วมมือกับ ป้าชื่น (ปัทมา ปานทอง) และ น้อม (นทีเทพ บุนนาค) เพื่อปกป้องเหมือง ขณะที่ พยู (ศรัทธา ศรัทธาทิพย์) กลายเป็นตัวกลางที่พยายามเจรจากับหมู่บ้านจูมะวงที่เริ่มต่อต้านเหมืองอีกครั้งจากการถูกยั่วยุโดยสมร
ในโค้งสุดท้าย ธงฉานและพอตาต้องร่วมมือกับ พยู และชาวบ้านจูมะวงเพื่อหยุดยั้งสมรและจันทร์หาญ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในถ้ำลับใต้เหมืองที่ซ่อนทองคำคำสาป ธงฉานต้องเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับพลังของเสือเพชรที่อาจเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเหมือนแสวง ส่วนพอตาต้องตัดสินใจว่าจะทำลายทองคำเพื่อยุติคำสาปหรือรักษามันไว้เพื่ออนาคตของเหมือง เรื่องราวจบลงด้วยการเสียสละครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสองได้เรียนรู้ถึงพลังของความรักและความสามัคคี
เรื่องลึกลับสุดหลอนที่เกิดขึ้นในกองถ่ายละคร ฟ้าพยับ ปี 2568 ละครแอ็กชันพีเรียดที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และปมดราม่า แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังกองถ่ายมีเรื่องราวชวนขนลุกที่ทีมงานและนักแสดงพูดถึงกันแบบกระซิบกระซาบ มาดูกันว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นในกองถ่ายแห่งนี้บ้าง
กองถ่าย “ฟ้าพยับ” ถ่ายทำในสถานที่จริงที่เลียนแบบเหมืองสินสยาม ซึ่งเป็นเหมืองร้างเก่าแก่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย สถานที่นี้ถูกเลือกเพราะให้บรรยากาศสมจริงสุดๆ ด้วยถ้ำหินเก่าและโครงสร้างไม้โบราณ แต่ทีมงานกลับเจอเรื่องแปลกตั้งแต่วันแรกของการถ่ายทำ
ในฉากที่ ธงฉาน (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล) และ พอตา (ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล) ต้องเผชิญหน้ากับ แสวง (ชนะพล สัตยา) ในถ้ำลึกของเหมือง ทีมงานถ่ายทำตอนดึกเพื่อให้ได้แสงเงาที่สมจริง แต่ระหว่างถ่าย มีทีมไฟได้ยิน เสียงกระซิบ คล้ายคนพูดชื่อ “สินสยาม” ซ้ำๆ มาจากมุมมืดของถ้ำ สิ่งที่น่าขนลุกคือ ทีมงานตรวจดูรอบๆ แล้วไม่พบใครเลย แถมไมโครโฟนในกองยังจับเสียงนี้ได้ชัดเจนตอนตีสอง ผู้กำกับ สพัฌ วิไชยเมธา ถึงกับสั่งให้ทีมทำพิธีขอขมาก่อนถ่ายต่อ เพราะกลัวว่าจะรบกวนอะไรบางอย่างในเหมือง
ระหว่างถ่ายฉากที่ เสือหาญ (จตุรงค์ โกลิมาศ) เดินสำรวจเหมืองตอนกลางคืน ทีมตากล้องสังเกตเห็น เงาดำสูงใหญ่ เคลื่อนผ่านหน้ากล้องในช็อตที่ไม่มีนักแสดงอยู่ในเฟรม เมื่อย้อนดูฟุตเทจ เงานั้นเหมือนมนุษย์สวมชุดโบราณ แต่ไม่มีหน้า ทีมงานบางคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณของคนงานเหมืองเก่าที่เคยเสียชีวิตในสถานที่นี้ ส่วน จตุรงค์ ที่อยู่ในฉากเล่าว่าเขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ตอนถ่าย แม้ว่าอากาศจะเย็นสบาย งานนี้ทีมงานต้องพักกองครึ่งวันเพื่อตั้งศาลเล็กๆ ขอพรให้ทุกอย่างราบรื่น
ในวันถ่ายฉากต่อสู้ใหญ่ที่ ธงฉาน ปะทะกับ แสวง ซึ่งใช้พลังอาคม ทีมงานพบว่า ของประกอบฉาก เช่น ตะเกียงเก่าและเครื่องมือร่อนทอง ถูกขยับตำแหน่งเองทั้งที่ไม่มีใครแตะต้อง สิ่งที่น่าขนลุกกว่านั้นคือ หัสวีร์ เล่าว่าเขารู้สึกเหมือนมีคนจ้องจากด้านหลังระหว่างถ่ายฉากนี้ และเมื่อหันไปก็ไม่มีอะไรเลย ทีมงานบางคนถึงกับบอกว่า “ผีปู่” ที่เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องอาจจะตามมาสิงในกองถ่ายจริงๆ ทีม มีเดีย สตูดิโอ ผู้ผลิตเลยต้องเชิญพระมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ก่อนถ่ายฉากใหญ่ต่อ
ธัญญวีร์ ในบทพอตาเล่าว่าเธอฝันเห็นหญิงชราสวมชุดโบราณมาบอกว่า “อย่าขุดลึกเกินไป” ในคืนที่ถ่ายฉากในถ้ำลึกของเหมือง ฝันนี้เกิดขึ้นหลังจากวันที่ทีมงานเจอปัญหาไฟดับทั้งกองโดยไม่มีสาเหตุ แถม ชนะพล ก็เล่าว่าเขาฝันเห็นชายในชุดโจรที่เหมือน เสือทอง เดินวนรอบกองถ่าย สิ่งนี้ทำให้ทีมงานเริ่มสงสัยว่าสถานที่ถ่ายทำอาจมีพลังงานบางอย่างที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวในละคร