ห่าก้อม ผีปอบขั้นสูงสุดกินร่างแม่

ห่าก้อม ผีปอบขั้นสูงที่มากอำนาจ

ผีห่าก้อมเป็นผีปอบที่มีความน่ากลัวและมีพลังอำนาจสูงมากในความเชื่อของคนไทย ถือเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและความน่ากลัวที่ถูกนำมาใช้ในการเล่าขานเรื่องราวเพื่อเตือนสติคนในสังคม

ผีห่าก้อม คือ พญาปอบซึ่งฤทธิ์เดชแกร่งกล้ามีวิชาอาคมสูงกว่าปอบทั่วไปมาก ชนิดที่ว่าผีบ้านผีเรือนเทวดาเจ้าที่เจ้าทาง นางผีนางไม้ยังขนหัวลุกกระเจิงไปหมดไม่กล้ายุ่งด้วย ออกล่าหากินทั้งกลางวันและกลางคืนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น จะเดินแฝงกับคนในตลาดกลางวันแสกๆก็ยังได้

ว่ากันว่า ถ้ามันเห็นใครที่จิตอ่อนหรือใกล้ถึงฆาตมันก็จะเดินผ่านแว๊บเดียวก็ดูดพลังชีวิตหรือปราณคนนั้นตายได้ทันทีเลย หรือไม่ก็จะแปลงร่างเป็นหมาดำวิ่งชนแล้วดูดพลังชีวิตจนตายภายในเสี้ยววินาที คนที่จะปราบมันได้ต้องเป็นจอมขมังเวทย์ที่มีฤทธิ์เดชพอๆกันกับห่าก้อมหรือมากกว่า หรือไม่ก็พระที่มีฤทธิ์อภิญญาสูงมากๆ ถึงจะเอามันอยู่

ลักษณะเด่นของผีห่าก้อม
พลังอำนาจสูง มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ สามารถทำร้ายผู้อื่นได้เพียงแค่ปะทะ หรือวิ่งชน ก็สามารถทำให้คนตายได้ทันที
วิชาอาคมแก่กล้า มีความเชี่ยวชาญในวิชาคาถาอาคมเป็นอย่างมาก ทำให้สามารถควบคุมผีอื่นๆ ได้ และยังสามารถแปลงร่างได้อีกด้วย
•  น่ากลัวกว่าผีปอบทั่วไป แม้แต่ผีบ้านผีเรือนหรือผีอื่นๆ ก็ยังกลัวผีห่าก้อม
•  ยากต่อการปราบ เนื่องจากมีพลังอำนาจสูงมาก การปราบผีห่าก้อมจึงเป็นเรื่องยาก และมักต้องอาศัยผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าเท่านั้น

เข้าใจประเภทของผีปอบ
ปกติปอบจะมีการสืบทอดทางสายเลือด เช่น ในสมัยก่อนบ้านนี้เลี้ยงปอบไว้ใช้งาน ช่วยเหลือ เพราะพวกนี้มีอิทธิฤทธิ์ เช่น บางบ้านเป็นสำนักหมอดู ก็เลี้ยงปอบไว้คอยกระซิบความลับของลูกดวง แต่เมื่อเจ้าของร่างตาย ปอบก็ถูกส่งต่อสู่ลูกหลาน ปอบพวกนี้เรียกว่า “ปอบบ้าน”

แต่พอเวลาผ่านไป ลูกหลานไม่มีใครเอา ไม่มีใครอยากได้ คนที่รู้วิธีควบคุมก็ทยอยหายไปหมด จึงเกิดปัญหา เพราะถ้ามีปอบในหมู่บ้าน มันจะค่อยๆสูบพลังชีวิตไปเรื่อยๆ หากไม่สูบของเจ้าของร่าง ก็ต้องสูบเอาสิ่งรอบๆ โดยมักเริ่มจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในหมู่บ้านค่อยๆตายปริศนาไปก่อน แล้วเริ่มมาสัตว์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จาก ไก่ เป็ด มาหมา มาจนถึงวัวควาย แล้วคนในหมู่บ้านก็ค่อยๆทยอยป่วยหรือตายปริศนาไปทีละคน เมื่อคนในหมู่บ้านรู้ว่าใครเป็นปอบ จึงขับไล่ออกจากหมู่บ้าน พวกนี้จึงต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ เรียกว่า “ปอบจร”

แต่มันจะมีปอบอีกชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากคนมีวิชาอาคมแข็งกล้า แต่ทำผิดครูบาอาจารย์บ่อยครั้ง จนคนครูบาอาจารย์เอือมระอาและทิ้งไปในที่สุด พอไม่มีครูบาอาจารย์ ของที่ทำไว้ก็เข้าตัวกลายเป็น ปอบ พวกนี้เรียกว่า “ปอบวิชา”

ปอบวิชา ถือว่าเก่งและจัดการยากที่สุด เพราะก็คือคนที่มีวิชาอาคมดีๆนี่เอง แต่กลายเป็นอสูรกายและหิวกระหายตลอดเวลา คนที่ปราบได้ก็ต้องมีอาคมที่แข็งกล้ากว่าถึงจะเอาอยู่ เมื่อกายเนื้อสลายหายไป แต่ปอบยังคงอยู่ และด้วยอิทธิฤทธิ์ที่มี หากมีคนตั้งศาลบูชา กราบไว้ สักการะเป็นเวลานาน ปอบวิชาจะยิ่งมี่ฤทธิ์ จนกลายเป็นโครตปอบ ที่เรียกว่า “ห่าก่อม” ในที่สุด

ความเชื่อเรื่องผีห่าก้อมนั้นมีมาอย่างยาวนานในสังคมไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความเชื่อเรื่องผีสางเทวดามากมาย การเล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับผีห่าก้อมก็เป็นหนึ่งในวิธีการสอนให้คนในสังคมระมัดระวังและกลัวต่อสิ่งชั่วร้าย

ลองมาฟังเรื่องราวของ “คุณคิงส์” ที่เคยเล่าเรื่อง ผีห่าก้อม กับทาง “รายการสถานีผีดุ” โดยเขาเล่าเรื่องราว ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว จากการเข้าป่าเพื่อหาของป่า แต่กลับได้มาเป็นความตาย  เมื่อคุณแม่เข้าไปหาของป่า แต่กลับพลาดทำหม้อ ห่าก้อม แตก จุดเริ่มต้นความสยองจึงเกิดขึ้น!

แม่ที่ชอบเข้าไปหาของป่าเป็นชีวิตจิตใจ

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่จังหวัดนครพนม แม่ของ “คุณคิงส์” นั้นเป็นคนที่ชอบออกหาของป่า ตามนิสัยของคนสมัยก่อน ซึ่งการหาของป่าแต่ละครั้ง แม่ไม่ได้เก็บไว้กินเฉพาะในบ้านของตัวเอง แต่จะแจกจ่ายชาวบ้านด้วย และแม่มักจะออกหาของป่าเพียงลำพัง ซึ่งหลังๆ “คุณคิงส์” พยายามที่จะห้ามแม่ ไม่ให้เข้าป่าเพราะด้วยอายุของแม่ที่มากขึ้น ช่วงหลังๆ “คุณคิงส์” จึงอาสาที่จะเข้าป่าไปเป็นเพื่อนแม่ด้วย ซึ่งแต่ละครั้งที่เข้าป่าไปก็ไม่มีปัญหาใดๆ 

จนกระทั่ง ถึงครั้งที่มันจะเกิดปัญหา ตอนนั้น แม่ของ “คุณคิงส์” อยู่บ้าน แต่อยู่ๆก็เกิดอยากจะออกไปเข้าป่า โดย”คุณคิงส์”เอง ก็จึงพาแม่เข้าป่า ซึ่งในป่าตอนนั้นเป็นป่าชุมชน มีชาวบ้านหลายคนเก็บของป่าไปจนหมดแล้ว “คุณคิงส์”ก็ดีใจ จึงบอกแม่ว่า “แม่กลับกันเถอะแม่ “

ความดื้อรั้นของแม่ที่จะเข้าไปในป่าช้าโบราณ ซึ่งตัวแม่เองไม่ค่อยได้เข้าไปบ่อยนัก

แต่ปรากฎว่า แม่ปฎิเสธ ที่จะกลับบ้าน ไหนๆก็ออกมาหาของป่าแล้วอย่าให้เสียเที่ยว แม่จึงบอกให้ “คุณคิงส์” พาไปอีกที่หน่อย โดยลักษณะป่าที่นี่ เป็นป่าแบบป่าช้าโบราณซึ่งตัวแม่เองไม่ค่อยได้เข้าไปบ่อยนัก ซึ่ง “คุณคิงส์” เองตอนนั้นเริ่มใจคอไม่ดี เพียงแค่ได้ยินชื่อ ป่าช้าโบราณ

ซึ่งแม่ก็ไม่ได้กลัวอะไร บอกแค่ว่าที่นี่เป็นป่าช้ามานาน มันร้างจนกลายเป็นป่าธรรมชาติแล้ว ตอนนั้น “คุณคิงส์” เอง ปฎิเสธไม่กล้าเข้า บอกแม่ให้กลับเถอะ ส่วนแม่ก็รบเร้าจน”คุณคิงส์”ต้องยอมพาเข้าไป พอเข้าไปสักพัก แม่ก็บอกให้ “คุณคิงส์” ส่งแม่แค่ตรงนี้ และตอนบ่ายให้มารับแม่ตรงจุดนี้ หลังจากนั้น “คุณคิงส์” ก็ขับรถกลับ

การปรากฎตัวของผู้หญิงที่ใส่ผ้าซิ่นสีดำ

พอถึงเวลานัด “คุณคิงส์” ก็ขับรถมารับแม่ พอมาถึงก็เห็นแม่นั่งอยู่ โดยแม่นั่งลักษณะแปลกๆ นั่งใต้ต้นไม้ แม่นั่งกอดเข่าและสั่น “คุณคิงส์” จึงรีบเข้าไปถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเหตุร้ายอะไรหรือป่าว? แม่จึงตอบว่า ไม่ต้องถามไม่ต้องพูด ให้รีบพาแม่กลับ

ระหว่างทางกลับ ด้วยสัญชาตญาณคนขับที่ต้องมองกระจกหลัง ข้างๆตรงที่แม่เคยนั่งอยู่ตรงนั้น “คุณคิงส์” เห็นผู้หญิงอยู่คนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตว่า ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาจากป่าตอนไหน ลักษณะผู้หญิงใส่ชุดสีดำเหมือนผ้าซิ่นสีดำ “คุณคิงส์” เองก็สงสัยจึงเรียกแม่ แต่ แม่ก็ตอบมาเหมือนเดิมคือ ไม่ต้องพูด ให้รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้

พอมาถึงบ้าน แม่ก็ไม่พูดอะไร รีบวางของทั้งหมด และเดินขึ้นบ้านไปและเงียบไปสักพัก “คุณคิงส์” สงสัยว่าแม่เป็นอะไรหรือป่าว จึงขึ้นไปดูจึงเห็นว่าแม่กำลังสวดมนต์ไหว้พระชุดใหญ่ กระทั่งแม่สวดมนต์เสร็จ “คุณคิงส์” ก็ถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยตอนนั้นสีหน้าแม่ไม่ค่อยดีนัก และตอบว่า แม่ใจคอไม่ค่อยดี เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่

หม้อดิน ที่มีกรวยดอกไม้ ผ้ายันต์ เศษเลือดแห้งๆ

แม่เล่าให้ “คุณคิงส์” ว่า ในขณะที่แม่แยกย้ายกับ”คุณคิงส์” ไปเรียบร้อยแล้ว แม่ก็เดินเข้าป่าไป โดยแม่ก็หาของป่าไปเรื่อยๆตามปกติ โดยแม่ก็ขุดหาของป่าเรื่อยๆ จนกระทั่งแม่เดินไปถึงบริเวณที่เป็นลักษณะลานต้นไทร ด้านล่างจะเป็นลานโล่งๆ 

ด้วยสัญชาตญาณของคนหาของป่า เจอปุ๊บ ก็รู้เลยว่าตรงนี้แหละขุมทรัพย์ แม่จึงเริ่มขุด ซึ่งตรงนี้อาหารอุดมสมบูรณ์มาก แม่ขุดเพลินๆไปเรื่อยๆ จนไปกระทบอะไรบางอย่างใต้ดิน ดังโพละ แม่ได้ยินเสียงแม่ก็ตกใจ แม่ค่อยๆเขี่ยดินจนปรากฎว่า สิ่งที่เสียมไปกระทบ เป็นลักษณะ หม้อดิน และหม้อดินมันแตกเรียบร้อยแล้ว

แม่ก็เลยเขี่ยๆต่อ ปรากฎว่าในนั้นมี กรวยดอกไม้ ผ้ายันต์ เศษเลือดแห้งๆ แม่ตกใจมาก จึงเอาดินมา กลบๆไว้ แล้วลุกขึ้น ในขณะนั้นแม่ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องดังลั่นป่า แม่ขวัญเสียมากจึงรีบเดินออกจากป่าตามทางที่ตัวเองเดินเข้ามา ในระหว่างทางที่เดินกลับนั้น เหมือนเป็นการเดินวนไปกลับมาจุดเดิมซํ้าๆ 

ขอตามไปอยู่ด้วย

มันเริ่มชักไม่ค่อยดีแล้ว แม่จึงยกมือขึ้นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ว่าลูกมาทำมาหากินเฉยๆ ไม่ได้มารบกวนอะไร ขอทางออกหน่อย แม่ก็เดินไปเรื่อยๆ สักพักแม่เห็นทางเดินเป็นช่องกลางที่ไว้ให้เดิน เป็นถนนดินธรรมชาติ แม่จึงเดินไปตามทางนั้น

ในระหว่างทาง แม่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนกับแม่ บางครั้งก็เห็นยืนอยู่ตามพุ่มไม้ต่างๆ ผู้หญิงคนนั้นใส่ผ้าซิ่นสีดำ ผมยาว หน้าขาว ยืนยิ้ม แม่นึกในใจ นั้นเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้ทัก แค่เดินผ่านไป แล้วก็เจออีกๆ เรื่อยๆ จนแม่บอกว่า ถ้าไม่หยุดกวนกันแม่จะแช่งแล้ว หลังจากนั้นสักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็หายไป

แล้วแม่ก็เดินออกมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ และสักพัก “คุณคิงส์” ก็ขับรถมา แล้วก็มาเจอกับแม่พอดี “คุณคิงส์” ปลอบใจแม่ว่า ตาฝาดหรือป่าว แม่ก็บอกว่าไม่ ลักษณะแบบนี้เหมือนแม่จะเจอของไม่ดีเข้าแล้ว แต่ไม่เป็นไรแค่สวดมนต์ไหว้พระ เดี๋ยวก็จบ

แต่คืนนั้น แม่นอนฝัน ฝันแบบละเมอฝันร้าย จนต้องปลุกแม่ตอนดึก เพราะแม่ร้องลั่นบ้าน “คุณคิงส์” ถามแม่ว่า แม่เป็นอะไร แม่บอกว่า แม่ฝันเห็นผู้หญิงคนเดิมที่เจอในป่า กระโดดขึ้นเกาะคอแม่ และบอกว่า “ขอมาอยู่ด้วย” “คุณคิงส์” กังวลใจเพราะเป็นฝันที่ไม่ดี จึงคิดว่าพรุ่งนี้เช้า จะไปทำบุญดีกว่า

ขออยู่แต่ในร่างกายไม่พอ แต่จะขอกินภายในร่างกายด้วย

ตอนเช้าจึงพากันไปทำบุญ แต่หลังจากนั้นแม่ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เริ่มมีอาการปวดท้อง “คุณคิงส์” จึงจะพาแม่ไปหาหมอ แต่ลองกินยาสามัญประจำบ้านไปก่อน ปรากฎว่าอาหารปวดท้องหาย หลังจากนั้นไม่กี่วัน แม่ปั่นจักรยานไปซื้อของตามหมู่บ้าน พอปั่นไปเรื่อยๆ ปรากฎว่ามีคนวิ่งตัดหน้ารถ แม่ก็หักหลบจนรถล้มลงข้างทาง

“คุณคิงส์” คิดว่าไหนๆแล้ว จึงอยากพาแม่ไปโรงพยาบาลเลยก็แล้วกัน หมอได้ตรวจร่างกายโดยละเอียด หมอบอกว่า ไม่เป็นอะไร แต่แม่มีอาการปวดท้อง หมอได้ตรวจอีก ก็ไม่มีอะไร ไม่เจอสาเหตุการป่วย จากนั้น “คุณคิงส์” ก็พาแม่กลับบ้าน

แต่ปรากฎว่าพอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็มีอาการปวดท้องขึ้นมาอีก ปวดแบบนอนไม่ได้ทั้งคืน “คุณคิงส์” ก็พาแม่ไปหาหมออีกรอบนึง แล้วก็ให้หมอตรวจและนอนดูอาการที่โรงพยาบาล โดยได้นอนห้องรวม “คุณคิงส์” นอนเฝ้าอยู่ข้างล่างเตียงที่แม่นอน ในขณะที่นอนกำลังเคลิ้มหลับ ด้วยไฟที่ห้องพยาบาลจะออกสลัวๆหน่อย “คุณคิงส์” ได้ยินเสียงคนเดินลากเท้าเข้ามา

ค่อยๆลืมตาขึ้นมา “คุณคิงส์” เห็นลักษณะเหมือนเท้าคน เท้าเปล่า ยืนอยู่ข้างเตียงแม่ ตอนนั้นคิดในใจว่า พยาบาล มาดูหรือป่าว? แต่ทำไมพยาบาลไม่ใส่รองเท้า “คุณคิงส์” จึงรีบลุกขึ้น พอลุกขึ้นปรากฎว่า ไม่มีใคร และ แม่ก็นอนเรียบร้อยสบายๆ

ตอนเช้า “คุณคิงส์” ก็ไปใส่บาตรหน้าโรงพยาบาล และกลับมาดูแลแม่ต่อ และคืนที่สอง คืนนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร คืนนี้ “คุณคิงส์” ค่อนข้างจะเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา ทุกอย่าง พอเสร็จพิธีแล้ว “คุณคิงส์” ก็ออกไปห้องนํ้าซึ่งอยู่ด้านนอก พอเสร็จธุระเรียบร้อยแล้วเดินกลับมา สิ่งที่ “คุณคิงส์” มองเห็นก็คือ มีคนมายืนชะโงกหน้าก้มดูแม่อยู่ข้างเตียง ลักษณะเป็นผู้หญิงชุดสีเข้มๆผมยาวๆ มองไม่ค่อยชัด เพราะแสงไฟสลัว

สงสัยใครเข้ามา ก็เลยรีบเดินเข้าไป แล้วเดินไปถึงประมาณ 15 เมตร ภาพมันก็เลือนไปต่อหน้าต่อตา “คุณคิงส์” ก็เลยขนลุกซู่ คืนก่อนมาแค่ขา คืนนี้มาทั้งตัวเลย ก็เลยถอดพระในคอ ให้แม่เลย

พอถึงตอนเช้า “คุณคิงส์” มาคุยกับคุณหมอ ว่าแม่อาการเป็นอย่างไร หมอตอบว่า หมอดูอาการสองคืนแล้ว ไม่มีอะไรเลย แม่ปกติ ผลเลือดก็ออกแล้ว ปกติทุกอย่าง หมออนุญาตให้กลับบ้าน 

ลองรักษาด้วยวิธีอื่น

พอกลับถึงบ้าน ก็เลยคุยกับคุณพ่อว่า ไหนๆก็ไปรักษาหมอแล้ว เอารักษาทางความเชื่อหน่อยไหม? ลองไปหาพระ ให้พระรดนํ้ามนต์ให้ดีกว่า ตอนนั้น “คุณคิงส์” ยังไม่ได้เล่าเรื่องราวของแม่ให้พ่อฟัง ไปหาหลวงพ่อที่เคารพนับถือซึ่งอยู่ตำบลแถวบ้าน พอไปถึงท่านก็รดนํ้ามนต์ แล้วก็ถามว่าเป็นอะไรยังไงไหม? 

ก็จึงตอบไปว่า พอดีแม่ประสบอุบัติเหตุแล้วไปโรงพยาบาลมา จึงมาให้หลวงพ่อรดนํ้ามนต์ให้หน่อย ท่านก็ไม่มีอะไรมาก รดนํ้ามนต์เสร็จแล้ว ก็กลับบ้านได้ 

พอมาถึงบ้าน ลูกศิษย์ของหลวงพ่อมาตาม ให้ไปพบอีกครั้งหนึ่ง พอไปถึง  พระท่านก็บอกว่า โยมอาตมาให้ตะกรุดพร้อมสายสิญจน์ เอาไปให้แม่โยมคล้องคอหน่อย หน้าแกดูดำๆหมองๆ บางทีคนเราเจ็บป่วยอาจจะมีอะไรบ้างอย่างมาแฝงก็ได้ เราก็ไม่รู้ พระท่านก็พูดเปรยๆแค่นี้

“คุณคิงส์” ก็กลับมาที่บ้าน ก็เอาตะกรุดสายสิญจน์จะมาคล้องให้แม่ ก็ปรากฎอาการแม่ที่ปวดท้อง ค่อยๆดีขึ้น พอเห็นแบบนี้ “คุณคิงส์” ก็คุยกับพ่อว่า ทำไมพาแม่ไปหาหมอทำไมอาการของแม่ไม่มี แต่ทำไมมารดนํ้ามนต์มาใส่ตะกรุดสายสิญจน์ของหลวงพ่อ อาการแม่ดีขึ้น ถ้าอย่างงั้น เอาอีกซักทางไหมพ่อ?

“คุณคิงส์” กับพ่อ จึงมาหาปู่เล็ก ซึ่ง ปู่เล็ก จะเป็นน้องชายของพ่อของพ่อ “คุณคิงส์” ซึ่งปู่เล็กเป็นหมอธรรมและเป็นหมอยาสมุนไพรด้วย ก็ไปปรึกษาแกว่า จะทำอย่างไร แม่มีอาการปวดท้องแบบแปลกๆ ปู่เล็กพอได้ฟัง แกก็หยิบของบางอย่างมาให้ใส่มือ “คุณคิงส์” ไว้ เป็นลักษณะว่าน เป็นหัวว่านหัวหนึ่ง แกบอกว่าให้เอาไปฝนแล้วก็เอาไปผสมนํ้าให้แม่ดื่ม

ทีนี้ก็คอยดู ถ้าแม่ดื่มไปแล้ว ถ้าไม่มีอาการอะไรก็ถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าดื่มแล้วแม่อ้วกออกมาแล้วเป็นอะไรบางอย่าง แสดงว่าต้องอาภรรพ์ ปู่เล็กพูดมาแบบนั้น จากนั้น”คุณคิงส์”ก็ลากลับบ้านและดำเนินการตามที่ปู่เล็กบอกผสมนํ้าให้แม่ดื่ม

พอแม่ดื่มไปสักพักซัก 10 นาที แม่ก็เฉยๆไม่มีอาการอะไร แล้วสักพักหนึ่ง แม่เริ่มมีอาการจะอ้วก จากนั้น แม่ก็อ้วกออกมาเป็นลักษณะลิ่มเลือด เป็นเลือดสีดำๆเหม็นคละคลุ้ง คุณคิงส์” ก็ตกใจ ว่าแม่ชํ้าในอะไรหรือป่าว จึงพาแม่เข้าโรงพยาบาลจังหวัดกันเลย

ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัด หมอก็จับ CT Scan ทันที ตรวจทุกอย่าง ไม่มีอะไร แต่ “คุณคิงส์” ก็ขอ admit นอนดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน พอไปนอนที่โรงพยาบาลก็ปรากฎว่า คืนแรกที่ไปแม่ก็เริ่มมีอาการปวดท้องกลับมา ก็เลยมาดูตัวแม่ ไม่ได้ตะกรุดสายสิญจน์มาด้วย ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรแค่สวดมนต์ไหว้พระ ก็น่าจะดีขึ้น

ระหว่างนั้นขณะที่ “คุณคิงส์” กำลังนั่งคิดเรื่องอาการป่วยของแม่ ด้วยความที่ห้องที่อยู่เป็นห้องพิเศษอยู่ชั้น 5 ด้านหน้าด้านนอกก็จะเป็นระเบียงสามารถไปชมวิวรับลมอะไรได้ แล้วก็จะมีผ้าม่านปิด “คุณคิงส์”กำลังนั่งมองแม่ที่นอนอยู่บนเตียง และมองวิวเพลินๆไป ขณะที่กำลังมองดูวิวนั้น ดูไปดูมามันเหมือนมีคนนั่งยองๆอยู่บนขอบระเบียง

“คุณคิงส์” ก็ตกใจรีบวิ่งไปแล้วแหวกผ้าม่านออกและเปิดกระจกบานใหญ่ออก พอเปิดออกไป ไม่มีใคร ก็เลยกลับเข้ามาในห้อง ทีนี้ก็เลยเปิดบทสวดมนต์ และปลุกแม่ให้มาสวดมนต์กัน และนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่มา ยังไม่ได้ไปไหว้เจ้าที่เลย หลังจากที่ไหว้เจ้าที่เสร็จก็กลับมานอน สักพักหนึ่ง หมอก็มาบอกว่า แม่ไม่ได้มีอาการอะไร 

เมื่อรู้สาเหตุต้องทำใจ ปล่อยไปตามกรรม

พอกลับมาถึงบ้าน ปรากฎว่า แม่มีอาการปวดท้องหนักขึ้น ถึงขั้นร้องตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง ตี 5 “คุณคิงส์”กับพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจไปหา ปู่เล็ก “คุณคิงส์” ได้เล่าเรื่องราวของแม่ให้ปู่เล็กฟังที่ไปเข้าไปหาของป่าแล้วเจอหม้ออะไรใต้ดิน

หลังจากที่ ปู่เล็ก ได้ฟังเรื่องราว แกบอกให้พาไปดูตรงต้นไทรที่เจอหม้อหน่อย การค้นหาหม้อในป่าช้าโบราณก็เริ่มขึ้น โดย”คุณคิงส์”พาญาติมาด้วย 3-4 คน รวมทั้งอุปกรณ์ จนมาถึงต้นไทรตรงจุดที่ลึกที่สุดของป่า เจอครั้งแรกถึงกับขนลุก จึงช่วยกันลงมือขุดๆกันไป สรุปขุดหายังไงก็ไม่เจอ 

ปู่เล็ก จึงนั่งบริกรรมคาถา จนสุดท้ายแกก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง ปู่ก็ลืมตาแล้วหันมาบอกว่า น่าจะเป็นคราวเคราะห์ของแม่เองนั้นแหละ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกัน เขาซ้อนเขาอำพรางไม่ให้พวกเราเห็น และบอกว่าอย่ายุ่ง ปู่เล็ก บอกว่า สิ่งที่เราจะทำได้คือกลับไปดูแลแม่ให้ดี แล้วปู่เล็กก็บอกให้พากันกลับ แล้วอย่าหันไปมองข้างหลังเด็ดขาด

จะดีใจดีไหม? ที่แม่หิว

อาการของแม่แย่ขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่คืนหนึ่ง “คุณคิงส์”กับพ่อ นอนเฝ้าแม่ ปกติช่วงกลางวันแม่จะอ่อนโรยแรง ไม่มีแรงนอนมอง อาหารก็กินผ่านทางสายยาง ส่วนกลางคืนหลังๆมาเริ่มแปลก แม่ลุกขึ้นมานั่งยิ้มเลียปาก แม่หิวข้าว “คุณคิงส์”ก็ดีใจ แม่ดีขึ้นแน่ๆ ก็เลยเตรียมข้าวต้มให้ ตักคำหนึ่งแม่บอกเหม็นแม่ไม่อยากกิน แม่อยากกินก้อยดิบๆลูก อยากกินแบบเลือดๆ “คุณคิงส์” จึงหลอกล่อแม่ว่า ให้กินข้าวต้มก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้กินก้อยดิบๆ

พอคืนถัดมา แม่ก็ลุกนั่งยิ้ม แม่บอกว่า ถ้าได้กินเลือดซักถ้วย แม่แข็งแรงแน่นอน “คุณคิงส์” ก็มองหน้าพ่อ พ่อก็ส่ายหัว ไม่ใช่แล้ว พ่อจึงถามหาตะกรุดหลวงพ่ออยู่ไหน พ่อก็เอามาคล้องคอแม่ แม่เริ่มรู้สึกร้อน ส่วน”คุณคิงส์” ก็เช็ดตัวให้แม่แล้วก็คืนนั้นก็หลับไป

ในขณะที่แม่หลับ “คุณคิงส์” มารู้สึกตัวกลางดึกได้ยินเสียงกุกกักบนบ้าน ก็เลยลืมตาขึ้นมา แม่นั่งอยู่มุมห้อง นั่งหันหลัง ไม่พูดอะไร “คุณคิงส์” จึงลุกเดินเข้าไปใกล้ๆ และถามแม่ว่า แม่กำลังทำอะไร เห็นแม่ทำมืออะไรยุบยิบๆ จึงเอามือไปแตะบ่าแม่ แม่ก็ค่อยๆหันมา ปรากฎว่า แม่กำลังเคี้ยวตุ๊กแกตัวเท่าแขนสดๆ เลือดอาบปาก แม่บอกว่ามันเป็นยา มันดี แถมยื่นมาให้ “คุณคิงส์” กินด้วย

“คุณคิงส์” จึงตะโกนเรียกพ่อให้ตื่นและรีบวิ่งไปเปิดไฟ พ่อจึงถามว่าเป็นอะไรกัน “คุณคิงส์” จึงบอกพ่อว่า แม่กินตุ๊กแกเลือดท่วมเต็มปากเต็มแขนเลย แต่พอพ่อมาเห็น ปรากฎว่า ไม่มีอะไร ทั้งเลือดทั้งตุ๊กแก ตาฝาดหรือเปล่า?

ในขณะที่พ่อลูกกำลังคุยถกเถียงกันอยู่นั้น ด้านล่างใต้ถุนบ้านก็ได้ยินเสียงหนึ่งเกิดขึ้น เสียงลักษณะเหมือนคนกำลังวิ่งเหยียบผนังบ้านด้านข้างรอบตัวบ้าน พ่อบอกให้ “คุณคิงส์” ไปเอาขวานมาจะเอาไปจามมัน “คุณคิงส์”  ก็บอกอย่าดีกว่าพ่อ แสดงว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อกี้ เขาไม่ได้ตาฝาด สิ่งที่เขาเห็นอาจจะเป็นบางสิ่งบางอย่างแฝงแม่ก็ได้

หลังจากนั้น “คุณคิงส์”และพ่อ ก็เอาแม่มานอนที่เตียง แต่สังเกตเห็น ตะกรุดที่หลวงพ่อให้แม่หายไปไหน ปรากฎว่าตะกรุดหล่นอยู่ใต้เตียงข้างที่แม่นอน “คุณคิงส์” ก็เลยเอาตะกรุดมาใส่ให้แม่ คืนนั้นแม่จึงนอนหลับสบายเลย พอเหตุการณ์เป็นแบบนี้ “คุณคิงส์”จึงปรึกษากับพ่อว่าจะ ต้องหากรรมวิธีอื่น

เชิญ “ปู่เล็ก” ความหวังสุดท้ายแล้ว

ปู่เล็กทำพิธีทุกอย่าง ถึงกับส่ายหัว มันทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว อาการของแม่หนักขึ้น อาการปวดท้องรุนแรงขึ้น ถึงขั้นแม่นอนไม่ได้เลย ชักดิ้นชักงอ ตัวงอเป็นกุ้งทั้งคืน และยิ่งไปกว่านั้น เวลาจะลงมาเข้าห้องนํ้าด้านล่าง “คุณคิงส์” จะเห็น ผู้หญิงใส่ชุดสีดำผมยาว คล้ายๆกับที่เห็นที่โรงพยาบาล ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ ของบ้าน นอกรั้ว 

เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ เมื่อเป็นแบบนี้จึงคิดหากรรมวิธีไหน ที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ “คุณคิงส์” จึงขอร้องให้ “ปู่เล็ก” ช่วยอีกครั้งโดยจะงัดกรรมวิธี พิธีแบบไหนก็ได้ออกมาให้หมด “ปู่เล็ก” เมื่อได้ฟังก็ได้แต่ส่ายหน้า และบอกว่า มันเป็นเรื่องของเวรกรรม เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร

ปอบและแม่ได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง แล้วผมจะทำอะไรเพื่อช่วยแม่ได้บ้าง? 

คืนนั้น “คุณคิงส์” ฝัน เห็นว่ามีหมาดำตัวใหญ่มายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วพยายามจะกระโจนใส่และจะกัดเขาให้ได้ ในความฝัน”คุณคิงส์” ก็สู้กลับและก็สู้ได้ สุดท้ายหมาดำก็หันกลับและบอกว่า เดี๋ยวเจอกัน

“คุณคิงส์” ได้เล่าความฝันให้ “ปู่เล็ก” ฟัง ปู่เล็กบอกว่า “เป็นปอบ” เขาจึงไปหา “หลวงพ่อ” และเล่าเรื่องราวสุดอย่างให้ท่านฟัง พอเล่าเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่า จริงๆมันไม่ใช่กิจของสงฆ์ที่จะให้ไปปราบผีอะไรไม่ได้หรอกโยม พระมีแต่ความเมตตา แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาตมาจะไปเยี่ยมแม่โยมที่บ้าน

พอ “หลวงพ่อ” มาถึงบ้าน ก็ให้กำลังใจและคุยกับแม่พอคุยกันเสร็จ “หลวงพ่อ” ก็เดินเลี่ยงออกมา มาคุยกับ “คุณคิงส์” บอกว่า โยม ตอนนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ไม่น่าจะช่วยได้ เพราะตอนนี้เหมือนเขาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว อะไรก็ไม่สามารถแยกเขาออกจากกันได้ เพราะสิ่งที่อยู่ข้างในแม่ตอนนี้ เรียกว่า “ห่าก้อม” สูงกว่าปอบ เป็นซูเปอร์ปอบ เป็นพญาปอบ เป็นปอบที่เรืองวิทยาคม มีคาถาอาคมมาก

หลวงพ่อ ทำได้แค่รดนํ้ามนต์ให้นิดหน่อย ตอน “หลวงพ่อ” ยื่นไม้ประพรมนํ้ามนต์ แม่ก็นอนมอง “หลวงพ่อ” และเอามือมาจับไม้หลวงพ่อไว้ แล้วก็ยิ้มแล้วก็หัวเราะ “หลวงพ่อ” ก็บอกว่าอย่ามารบกวนเขาให้มันมาก ถึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน ก็ไม่ควรที่จะมาทำกันขนาดนี้ แม่ไม่พูด แล้วก็นอนมองหลวงพ่อ จ้องเขม็งตาแข็ง จน “หลวงพ่อ” บอกให้ปล่อย แม่จึงปล่อย แล้วก็มองจ้องหลวงพ่อตาเขม็ง หลวงพ่อ จึงไม่รดแล้วนํ้ามนต์ ต่างคนต่างอยู่ และหลวงพ่อก็กลับ

6 เดือน แล้ว อย่าฝืนอีกเลยแม่

หลังจากหลวงพ่อหลับ แม่ก็อาการเริ่มทรุดหนักลงเรื่อยๆ “คุณคิงส์” ได้มองว่า แม่ไม่น่าจะไหว เขาก็เลยเข้าไปคุยกับแม่ ไปกอดแม่ และบอกว่าแม่ว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ แม่ไม่ต้องฝืน แม่ขยับปากเหมือนจะพูดอะไร “คุณคิงส์” จึงก้มหูลงเพื่อฟังว่าแม่พูดอะไร “แม่พูดว่า ฆ่ามัน ไทรใหญ่ ใต้ดิน” หลังจากนั้นแม่ก็สิ้นใจ

หลังจากที่แม่เสียไม่ถึงนาที ปรากฎว่าร่างกายแม่เปลี่ยนสภาพไวมาก ผิดปกติจากร่างคนทั่วๆไป ร่างมันแฟบลง และมีกลิ่นเหม็นคลุ้งออกมา เหมือนกับเน่ามานานพอสมควร 

จัดการให้สิ้นซาก

หลังจากที่จัดการงานศพแม่อะไรเรียบร้อยแล้ว “คุณคิงส์” ก็ไปกราบหลวงพ่อ หลังจากที่ทำบุญให้แม่เรียบร้อยแล้ว “คุณคิงส์” ขอนิมนต์หลวงพ่อแบบจริงจัง อาจไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่ญาติโยมเดือดร้อน “คุณคิงส์” อยากจะจัดการเรื่องนี้ หลวงพ่อเคยบอกว่านี้คือ “ห่าก้อม” มันอาจจะส่งผลไปทำร้ายคนอื่นก็ได้ 

“หลวงพ่อ” ก็ไปในจุดที่เราสันนิษฐานว่าน่าจะใช่ พอไปถึงท้องฟ้าจากที่สดใส กลายเป็นมืดครึ้ม พวกเราเดินเข้าไปในบริเวณลานไทร พอไปถึงก็พากันเดินขุดกันไป สักพักก็ไม่เจออะไร “หลวงพ่อ” บอกให้เอาธูปไปปักบอกเจ้าที่เจ้าทางเขาหน่อย เผื่อจะเจอ หลังจากจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางเรียบร้อย 

หลับตาทำใจนิ่งๆ เหมือนมีใครมากระซิบข้างหู “คุณคิงส์” บอกให้เดินไปอีก 4 ก้าว และจัดการขุดตรงนั้น ขุดไปสักพักก็ได้ยินเสียงกระทบ เขี่ยๆดินออกมา ก็พบหม้อดินซึ่งมีลักษณะแตกอยู่แล้ว มีกรวยดอกไม้ มียันต์ ครบเหมือนที่แม่เล่า 

“หลวงพ่อ” ก็บอกเอาสายสิญจน์มา เดี๋ยวอาตมาจะทำพิธีให้ ท่านก็ทำพิธีเหมือนฌาปนกิจให้เขา เสร็จแล้วก็ยกขึ้นมา แล้วท่านก็เอามาเผาแล้วก็ฌาปนกิจให้ ทำเพื่อปลดปล่อยเขา ถ้าเขามีเวรกรรมผูกกับแม่จริงๆ คนอื่นอาจจะเจอก่อนหน้านั้นแล้วเขาไม่โดน แต่พอมาเจอกับแม่จังหวะมันได้ เขาเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน ทางที่ดีที่สุด คือ ทำบุญให้ 

ในระหว่างที่ “หลวงพ่อ” กำลังทำพิธีอยู่นั้น ก็จะมีเสียงกรีดร้องประกอบกับ ลมกรรโชกแรง ท้องฟ้ามืดคริ้ม หลวงพ่อก็บอกว่า อย่าตกใจ อยู่เฉยๆ พอเสร็จพิธี ก็เงียบ ท้องฟ้าสดใส “คุณคิงส์” ถาม หลวงพ่อ ว่าต้องทำอะไรต่ออีกไหม? หลวงพ่อตอบว่าไม่มีอะไร เผาให้เขาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็จบลงแค่นี้ ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว

หลังจากนั้น ผู้คนก็ออกไปใช้พื้นที่ป่าแห่งนี้ตามปกติ ไม่เคยมีใครเจอเหตุการณ์แปลกๆอีกเลย

“คุณคิงส์” ได้มานั่งทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแม่ในระยะเวลา 6 เดือน แม่ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง อยู่ๆก็ป่วยแล้วก็เสียไป โดยที่ทางการแพทย์ตรวจไม่เจออะไรเลย แต่ในด้านความเชื่อทางไสยศาสตร์  ไม่ว่าจะเป็นปู่ เล็ก หลวงพ่อ ที่ได้ให้รายละเอียดต่างๆมา ก็สามารถสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ว่า เป็นเพราะ “ห่าก้อม” ที่ตลอด 6 เดิอนที่ผ่านมา ที่แม่ต้องนอนโอดโอย เพราะเขามานั่งบิดไส้ กินเครื่องในแม่ 


ห่าก้อมกินร่างแม่! ความสูญเสียที่เกิดจากหม้อแตก โดย คุณคิงส์