ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565 บนยอดดอยสูงเสียดฟ้า ที่ซึ่งเมฆหมอกโอบคลุมและเมล็ดกาแฟส่งกลิ่นหอมอบอวล ทอฟ้า นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ สาวนักวางแผนผู้เติบโตในเมืองหลวง กลับต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งครั้งใหญ่ เมื่อสิทธิในการดูแล ตะวัน หลานชายผู้เป็นที่รัก กำลังจะถูกแย่งชิงไปโดย ขุนเขา คณิน ชายหนุ่มแข็งกร้าวผู้เป็นเจ้าของไร่กาแฟ ที่มีชีวิตผูกพันกับผืนป่าแห่งนี้อย่างไม่มีวันแยกจาก การเดินทางขึ้นสู่ดอยเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเองของเธอ ได้นำพาความปั่นป่วนมาสู่ชีวิตที่เรียบง่ายของเขา ขณะที่ทั้งสองต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องตะวันและผืนดินอันเป็นที่รักจากเงื้อมมือของภัยร้าย ความรักที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งและอันตราย

ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ละครเริ่มต้นด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อ เรืออากาศเอกพสุธ ปัญจสิงขร (ผู้กองพสุธ) และ น้ำปิง ภรรยาสาวชาวดอย ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำตกเขาขณะเดินทางจากดอยสูงลงสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ส่งผลให้ทั้งคู่เสียชีวิตทันที ทิ้ง ตะวัน ลูกชายวัย 6 ขวบให้กลายเป็นกำพร้า “ขุนเขา” พี่ชายของน้ำปิง เจ้าของไร่กาแฟที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ในจังหวัดเชียงใหม่ รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งเมื่อทราบข่าว เขาจึงรีบจัดการพิธีศพให้กับน้องสาวและน้องเขย พร้อมแจ้งข่าวร้ายไปยังครอบครัวของผู้กองพสุธในกรุงเทพฯ “อาทิตย์” พ่อของผู้กองพสุธ ช็อกหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วน “ทอฟ้า” น้องสาวของผู้กองพสุธ นักธุรกิจสาวเก่งแห่งเมืองกรุง ตัดสินใจเดินทางขึ้นเหนือเพื่อร่วมพิธีศพและให้คำมั่นกับพ่อว่าจะพาตะวัน หลานชาย กลับมาดูแลที่กรุงเทพฯ

เรื่องราวดำเนินไปสู่การปะทะกันระหว่าง ทอฟ้า คุณอาสาวไฮโซจากเมืองกรุง และ ขุนเขา คุณลุงชาวดอยที่ยึดมั่นในวิถีชีวิตเรียบง่ายบนไร่กาแฟ ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการดูแลตะวัน แต่มีมุมมองและวิถีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขุนเขาไม่เชื่อว่าครอบครัวของทอฟ้า ซึ่งไม่เคยสนใจตะวันมาก่อน จะสามารถเลี้ยงหลานได้ดี ส่วนทอฟ้ามองว่าชีวิตในเมืองจะมอบโอกาสที่ดีกว่าให้ตะวัน “แต๋ง” และ “บัวคำ” พ่อแม่ของขุนเขา เห็นโอกาสที่หลานจะมีอนาคตที่ดีในเมือง แต่ขุนเขายังคงยืนกรานไม่ยอมให้ตะวันไป

ทอฟ้าต้องละทิ้งภาพลักษณ์คุณหนูไฮโซและเดินทางขึ้นดอยเพื่อโน้มน้าวใจครอบครัวของขุนเขา เธอเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตชนบท การทำงานหนักในไร่กาแฟ และการต่อสู้กับความไม่ไว้วางใจจากครอบครัวของขุนเขา โดยเฉพาะ “คะนิ้ง” ที่พยายามกลั่นแกล้งทอฟ้าด้วยวิธีต่าง ๆ รวมถึงการแกล้งเป็นผีน้ำปิงเพื่อข่มขู่

ท่ามกลางความขัดแย้ง ทอฟ้าเริ่มเรียนรู้และซึมซับวิถีชีวิตบนดอย เธอได้ช่วยชาวบ้านแปรรูปกาแฟและทำงานหนักเคียงข้างขุนเขา ความพยายามของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนมุมมองของชาวบ้านและครอบครัวของขุนเขา ขณะเดียวกัน ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างทอฟ้าและขุนเขาเริ่มก่อตัวขึ้น “กวิน” เพื่อนของขุนเขาที่แอบชอบทอฟ้า ทำให้เกิดรักสามเส้าที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่องราว ขุนเขาค่อย ๆ ตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อทอฟ้า และในที่สุดก็สารภาพรักและสัญญาจะดูแลเธอตลอดไป อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องเผชิญกับอุปสรรค เมื่อ อาทิตย์ พ่อของทอฟ้าไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้

นอกจากเรื่องราวความรักและการชิงตัวหลาน ละครยังสอดแทรกปมดราม่าเกี่ยวกับภัยมืดที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของดอย “วัฒน์” และ “สายไหม” มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงและยักยอกเงินบริษัทของทอฟ้า รวมถึงการวางเพลิงยุ้งเก็บกาแฟเพื่อทำลายผลผลิตของชาวบ้าน ทอฟ้าและขุนเขาต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องไร่กาแฟและเปิดโปงความชั่วร้าย ในตอนจบ ขุนเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องทอฟ้าจาก “อารักษ์” ผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด เขาเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนเพื่อช่วยทอฟ้า สร้างความประทับใจให้อาทิตย์ยอมรับความรักของทั้งคู่ในที่สุด

สารบัญละคร

อ้อมฟ้าโอบดิน เป็นละครที่ผสมผสานความสนุก ความโรแมนติก และดราม่าได้อย่างลงตัว เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อหลานชาย ความรักที่ก่อตัวท่ามกลางความขัดแย้ง และการต่อสู้กับภัยร้าย ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร

ลมหนาวแห่งความสูญเสีย
ลมหนาวพัดโชยผ่านทิวเขาของเชียงใหม่ในคืนที่โชคชะตาเล่นตลก เรืออากาศเอกพสุธ ปัญจสิงขร และ น้ำปิง สาวงามแห่งดอย ต้องจบชีวิตลงเมื่อรถยนต์ของทั้งคู่พลิกคว่ำตกเขา เหลือเพียง ตะวัน เด็กชายวัย 6 ขวบ ผู้กลายเป็นกำพร้าในพริบตา ข่าวร้ายนี้สั่นสะเทือนหัวใจของ ขุนเขา (คณิน ชอบประดิถ) พี่ชายของน้ำปิง เจ้าของไร่กาแฟผู้ยึดมั่นในวิถีชีวิตอันเรียบง่าย เขารีบจัดการพิธีศพให้กับน้องสาวและน้องเขยด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด

ในกรุงเทพฯ ทอฟ้า (นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ) นักธุรกิจสาวมั่นแห่งตระกูลปัญจสิงขร ผู้เป็นน้องสาวของผู้กองพสุธ ได้รับข่าวร้ายพร้อมคำขอจาก อาทิตย์ พ่อของเธอที่ล้มป่วยด้วยอาการหัวใจวาย ให้พาตะวัน หลานชายเพียงคนเดียว กลับมาดูแลในเมืองหลวง ทอฟ้าสัญญาด้วยใจที่หนักอึ้ง เธอเดินทางสู่เชียงใหม่ด้วยชุดสูทเรียบหรูและความมุ่งมั่น ทว่าเมื่อมาถึง เธอกลับพบกับกำแพงแห่งความไม่ยอมรับจากขุนเขา

ขุนเขา ผู้ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งราวกับต้นไม้ใหญ่บนดอย มองทอฟ้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ เขาเชื่อว่าครอบครัวของผู้กองพสุธไม่เคยสนใจตะวัน และการพาหลานไปเมืองกรุงจะพรากเด็กชายจากรากเหง้าบนดอย แต๋ง และ บัวคำ พ่อแม่ของขุนเขา เห็นใจทอฟ้าและอยากให้ตะวันมีอนาคตที่ดีในเมือง แต่ขุนเขายืนกรานไม่ยอม ทอฟ้าจึงตัดสินใจก้าวข้ามกำแพงแห่งความแตกต่าง เธอละทิ้งภาพลักษณ์คุณหนูเมืองกรุง เดินทางขึ้นดอยเพื่อพิสูจน์ว่าเธอคู่ควรเป็นผู้ปกครองของตะวัน

ดอกกาแฟและรอยยิ้มแรก
บนไร่กาแฟที่หอมกรุ่น ทอฟ้าต้องเผชิญกับโลกที่ไม่คุ้นเคย เธอสะดุดล้มในโคลนขณะเก็บเมล็ดกาแฟ ถูกยุงกัดจนหน้าบูดบึ้ง และยังต้องรับมือกับ คะนิ้ง (ธิดารัตน์ ปรือทอง) สาวชาวดอยที่แอบรักขุนเขาและมองทอฟ้าเป็นศัตรู คะนิ้งถึงขั้นแกล้งเป็นผีน้ำปิง หลอกหลอนทอฟ้าในยามค่ำคืนจนเธอกรีดร้องด้วยความกลัว แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย ทอฟ้ากลับเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตบนดอย เธอช่วยชาวบ้านแปรรูปกาแฟ ลงแรงในไร่ และค่อย ๆ ชนะใจเด็กชายตะวันด้วยความอบอุ่น

กวิน (ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เพื่อนสนิทของขุนเขา เข้ามาเติมสีสันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และความสนใจในตัวทอฟ้า เขาแซวเธอด้วยความขี้เล่น แต่แววตาของเขากลับซ่อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ขุนเขาเริ่มรู้สึกถึงเงามืดของความหึงหวง แต่เขายังคงปฏิเสธหัวใจตัวเอง ทอฟ้าและขุนเขาต้องทำงานเคียงข้างกันเพื่อปกป้องไร่จากภัยธรรมชาติและปัญหาการเงิน ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่เริ่มมองเห็นด้านที่อ่อนโยนของกันและกัน ขุนเขาเห็นความมุ่งมั่นของทอฟ้า ส่วนเธอเริ่มหลงรักความจริงใจและความทุ่มเทของชายหนุ่มชาวดอย

เงามืดในไร่กาแฟ
เมื่อความรักเริ่มผลิบาน เงามืดแห่งความชั่วร้ายก็คืบคลานเข้ามา วัฒน์ (จักรพันธ์ จันโอ) และ สายไหม (น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย) คู่รักที่ทำงานในบริษัทของทอฟ้าในกรุงเทพฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินและวางแผนทำลายไร่กาแฟของขุนเขา พวกเขาวางเพลิงยุ้งฉางเก็บเมล็ดกาแฟ หวังบีบให้ชาวบ้านยอมขายที่ดินให้กลุ่มนายทุน ทอฟ้าและขุนเขาต้องร่วมมือกันสืบหาความจริง ขณะเดียวกัน อารักษ์ (ปิยะ วิศวบำรุงชัย) ชายลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชน ถูกเปิดเผยว่าเป็นหัวหน้าเครือข่ายค้ายาเสพติด เขาวางแผนกำจัดทุกคนที่ขวางทาง

ท่ามกลางอันตราย ขุนเขาและทอฟ้าต้องปกป้องตะวันและชาวบ้าน ความรักของทั้งคู่ยิ่งแน่นแฟ้นเมื่อขุนเขาสารภาพรักท่ามกลางไร่กาแฟยามค่ำคืน ดวงดาวเป็นพยานในคำสัญญาว่าเขาจะปกป้องเธอตลอดไป อย่างไรก็ตาม อาทิตย์ พ่อของทอฟ้า ยังคงคัดค้านความรักของทั้งคู่ เขามองว่าขุนเขาเป็นเพียงชาวไร่ที่ไม่คู่ควรกับลูกสาว

การเสียสละและแสงสว่างแห่งรัก
ในช่วงสุดท้ายของเรื่องราว อารักษ์เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เขานำทีมอันธพาลบุกไร่เพื่อกำจัดขุนเขาและทอฟ้า ในฉากที่หัวใจเต้นรัว ขุนเขาใช้ร่างกายของตัวเองบังกระสุนเพื่อปกป้องทอฟ้า เขาล้มลงด้วยบาดแผลสาหัส ทอฟ้าร้องไห้กอดเขาไว้แน่น ขอร้องให้เขาอยู่รอด การเสียสละของขุนเขาทำให้อาทิตย์เปลี่ยนใจ เขายอมรับความรักของทั้งคู่และเห็นคุณค่าของชายหนุ่มชาวดอยผู้นี้

วัฒน์และสายไหมถูกจับกุม อารักษ์ได้รับโทษตามกฎหมาย และไร่กาแฟได้รับการฟื้นฟู ทอฟ้าและขุนเขาตัดสินใจใช้ชีวิตทั้งในเมืองและบนดอย เพื่อให้ตะวันเติบโตท่ามกลางความรักจากทั้งสองโลก ไร่กาแฟกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ประสบความสำเร็จ ชาวบ้านกลับมามีรอยยิ้ม และเรื่องราวจบลงด้วยภาพของทอฟ้า ขุนเขา และตะวัน เดินจับมือกันท่ามกลางต้นกาแฟที่ผลิบานภายใต้ท้องฟ้าสีคราม

อ้อมฟ้าโอบดิน ไม่เพียงเป็นเรื่องราวของความรักที่ผลิบานท่ามกลางความขัดแย้ง แต่ยังเป็นการเดินทางของการยอมรับและการเสียสละ ทอฟ้า จากคุณหนูเมืองกรุงกลายเป็นสาวแกร่งที่เข้าใจวิถีชีวิตบนดอย ส่วน ขุนเขา จากชายหนุ่มที่ยึดมั่นในรากเหง้ากลายเป็นคนที่เปิดใจยอมรับโลกที่แตกต่าง ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

เคมีพระนางที่ลงตัว
คณิน ชอบประดิถ และ นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ สร้างเคมีที่เป็นธรรมชาติและน่าประทับใจในบท ขุนเขา และ ทอฟ้า การปะทะคารมในช่วงแรกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ทำให้ผู้ชมลุ้นตาม ฉากโรแมนติก เช่น การสารภาพรักท่ามกลางไร่กาแฟยามค่ำคืน หรือการที่ขุนเขาปกป้องทอฟ้าด้วยชีวิต ถูกถ่ายทอดด้วยอารมณ์ที่ถึงใจ แฟน ๆ ใน Pantip และโซเชียลมีเดียต่างชื่นชมว่าเคมีของทั้งคู่เป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ละครน่าติดตาม

ฉากธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น
ไร่กาแฟในเชียงใหม่และเชียงรายถูกนำเสนออย่างงดงาม ภาพของต้นกาแฟเขียวขจี หมอกลอยปกคลุม และวิถีชีวิตของชาวดอยช่วยสร้างบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและดึงดูดใจ การสอดแทรกวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การแปรรูปกาแฟและวิถีชุมชน ทำให้ละครมีมิติและความสมจริง ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปสัมผัสชีวิตบนดอยด้วยตัวเอง

ความสมดุลของอารมณ์
ละครผสมผสานความตลก ดราม่า และโรแมนติกได้อย่างลงตัว ฉากคอมเมดี้ เช่น การที่ทอฟ้าปรับตัวไม่เข้ากับชีวิตบนดอย หรือการแกล้งหลอกเป็นผีโดย คะนิ้ง สร้างรอยยิ้มได้ดี ขณะที่ปมดราม่า เช่น การต่อสู้เพื่อปกป้องไร่และการเสียสละของขุนเขา เพิ่มน้ำหนักให้เรื่องราว ตะวัน เด็กชายตัวน้อย ยังเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงทุกอารมณ์ ทำให้ละครเหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย

การแสดงของนักแสดงสมทบ
นักแสดงสมทบอย่าง ชนาธิป โพธิ์ทองคำ ในบท กวิน นำเสนอรักสามเส้าที่ไม่หนักหน่วงจนเกินไป แต่เพิ่มความสนุกด้วยคาแรกเตอร์ขี้เล่น ธิดารัตน์ ปรือทอง ในบท คะนิ้ง สร้างสีสันด้วยความเปรี้ยวและการกลั่นแกล้งที่ทำให้ผู้ชมทั้งหมั่นไส้และขำขัน ส่วน ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์ ในบท ตะวัน ขโมยหัวใจผู้ชมด้วยความน่ารักและการแสดงที่เป็นธรรมชาติ

คะแนน 8/10 (จาก sence9.com)

อ้อมฟ้าโอบดิน เป็นละครที่ครบรสและเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวฟีลกู๊ดที่ผสมผสานความรัก ดราม่า และคอมเมดี้ ฉากไร่กาแฟที่สวยงามและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงนำทำให้ละครเรื่องนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนยามเย็น แม้จะมีข้อบกพร่องในเรื่องความซับซ้อนของปมและการพัฒนาตัวละครบางตัว แต่โดยรวมแล้ว ละครสามารถมอบความบันเทิงและข้อคิดดี ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ

บรรยากาศและตัวละครที่น่าจดจำ
ตั้งแต่ฉากแรกที่กล้องแพนไปยังไร่กาแฟที่ปกคลุมด้วยหมอกบาง ๆ และแสงแดดยามเช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกที่ทั้งสงบและมีชีวิตชีวา ภาพของต้นกาแฟเรียงราย วิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวดอย และกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอยากไปเยือนสถานที่จริงทันที การนำเสนอฉากธรรมชาติของเชียงใหม่และเชียงรายเป็นเหมือนของขวัญทางสายตาที่ทำให้ทุกตอนเต็มไปด้วยความสวยงาม

ตัวละครในเรื่องนี้ยิ่งทำให้ฉันตกหลุมรัก ขุนเขา (คณิน ชอบประดิถ) หนุ่มชาวดอยที่แข็งแกร่งแต่มีหัวใจอ่อนโยน ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและความมุ่งมั่นในการปกป้องครอบครัวและชุมชน ส่วน ทอฟ้า (นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ) สาวเมืองกรุงที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์คุณหนูจอมมั่นใจ แต่ค่อย ๆ เผยด้านที่พยายามและไม่ยอมแพ้ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยเธอในทุกย่างก้าว และที่ขาดไม่ได้คือ ตะวัน เด็กชายตัวน้อยที่เป็นเหมือนแสงสว่างของเรื่อง การแสดงที่เป็นธรรมชาติของน้องทำให้ฉันยิ้มและน้ำตาซึมในหลายฉาก โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเผชิญกับการสูญเสียพ่อแม่

อารมณ์ที่หลากหลาย จากหัวเราะถึงน้ำตา
อ้อมฟ้าโอบดิน มีความสามารถพิเศษในการพาผู้ชมอย่างฉันไปสัมผัสอารมณ์ที่หลากหลาย ฉากคอมเมดี้ เช่น ตอนที่ทอฟ้าพยายามปรับตัวกับชีวิตบนดอยแล้วสะดุดล้มในโคลน หรือถูก คะนิ้ง (ธิดารัตน์ ปรือทอง) แกล้งเป็นผีน้ำปิงจนกรีดร้องลั่น ทำให้ฉันหัวเราะออกมาดัง ๆ ความเปิ่น ๆ ของทอฟ้าและความแสบของคะนิ้งเป็นส่วนผสมที่ลงตัว สร้างความบันเทิงได้อย่างดี

แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความขัดแย้งระหว่างทอฟ้าและขุนเขาเกี่ยวกับการดูแลตะวันทำให้ฉันรู้สึกหนักใจแทนทั้งคู่ การที่ทั้งสองต่างยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง แต่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะเข้าใจกัน ทำให้รู้สึกถึงความหวังและการเติบโตของตัวละคร ฉากที่ขุนเขาสารภาพรักท่ามกลางไร่กาแฟยามค่ำคืนเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้ใจเต้นแรง รู้สึกถึงความโรแมนติกที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง

ในช่วงท้าย เมื่อปมดราม่าเกี่ยวกับการทุจริตของ วัฒน์ และ สายไหม รวมถึงการปรากฏตัวของ อารักษ์ ตัวร้ายที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายา ทำให้ฉันลุ้นระทึกจนนั่งไม่ติด ฉากที่ขุนเขาเอาตัวเองบังกระสุนเพื่อปกป้องทอฟ้าเป็นจุดพีคที่ทำให้น้ำตาไหล ความเสียสละของเขาทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งถึงพลังของความรักที่ยิ่งใหญ่

ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เป็นเหมือนการเดินทางไปยังดอยสูงที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและความอบอุ่นของหัวใจ ละครเรื่องนี้ทำให้ฉันหัวเราะ ร้องไห้ และยิ้มไปกับตัวละคร ฉากธรรมชาติที่สวยงาม เคมีที่ลงตัวของ เพื่อน คณิน และ บัว นลินทิพย์ และความน่ารักของน้องตะวัน ทำให้ทุกตอนเต็มไปด้วยพลังบวก รู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบนดอย และเมื่อละครจบลงด้วยตอนจบที่อบอุ่น (Happy Ending)



ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565

ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565

ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565 EP.1-17 ตอนจบCH3+

ซีนละคร ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565

รักได้รึเปล่า Ost.อ้อมฟ้าโอบดิน | ว่าน ธนกฤต | Official MV


ละคร อ้อมฟ้าโอบดิน 2565

โศกนาฏกรรมที่เปลี่ยนทุกอย่าง
เรื่องนี้เริ่มด้วยความเศร้าแบบสุด ๆ เลยนะ รถยนต์คันหนึ่งที่กำลังขับลงจากดอยสูงในจังหวัดเชียงใหม่ แล้วจู่ ๆ ก็เสียหลักพลิกคว่ำตกเขา 😱 นี่คืออุบัติเหตุที่คร่าชีวิต เรืออากาศเอกพสุธ ปัญจสิงขร หรือ ผู้กองพสุธ (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) และ น้ำปิง (บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข) ภรรยาสาวชาวดอยของเขา ทั้งคู่เสียชีวิตคาที่ ทิ้ง ตะวัน (ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์) ลูกชายวัย 6 ขวบไว้เป็นกำพร้า โชคดีที่ตะวันไม่ได้ไปกับพ่อแม่ในวันนั้น ไม่งั้นคงยิ่งเศร้าไปอีก

ข่าวร้ายนี้ทำเอา ขุนเขา (คณิน ชอบประดิถ) พี่ชายของน้ำปิงและเจ้าของไร่กาแฟในเชียงใหม่ ช็อกหนักมาก เขาเป็นหนุ่มชาวดอยที่มีอุดมการณ์แรงกล้า รักครอบครัวและชุมชนสุด ๆ ขุนเขารีบจัดการพิธีศพให้กับน้องสาวและน้องเขย พร้อมแจ้งข่าวไปยังครอบครัวของผู้กองพสุธที่กรุงเทพฯ

ที่กรุงเทพฯ นะทุกคน อาทิตย์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พ่อของผู้กองพสุธ ซึ่งเป็นนักธุรกิจเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังถึงกับช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย แม้ว่าอาทิตย์จะเคยตัดพ่อตัดลูกกับพสุธ เพราะไม่พอใจที่ลูกชายไปแต่งงานกับน้ำปิง สาวชาวดอยที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ลึก ๆ แล้วเขายังรักลูกชายมาก ถึงขั้นป่วยหนักเมื่อรู้ข่าวร้าย ส่วน วดี (คัคกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง) ภรรยาคนใหม่ของอาทิตย์ และ พายุ (ด.ช.ธัณญ์กรณ์ กัลยาวุฒิพงศ์) ลูกชายวัย 10 ขวบของทั้งคู่ ก็อยู่ในครอบครัวนี้ด้วย

ทอฟ้า vs ขุนเขา สงครามชิงหลาน
เข้ามาเลย ตัวละครหลักของเรา ทอฟ้า (นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ) สาวสวยเก่ง ดีกรีปริญญาโทจากเมืองนอก ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของห้างสรรพสินค้าตระกูลปัญจสิงขร เธอเป็นน้องสาวแม่เดียวกับผู้กองพสุธ และเมื่อพ่อของเธอป่วยหนัก เธอสัญญาว่าจะพา ตะวัน หลานชายตัวน้อยกลับมาดูแลที่กรุงเทพฯ เพื่อให้พ่อมีกำลังใจฟื้นตัว แต่ เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะ ขุนเขา ลุงของตะวัน ปฏิเสธแบบเต็ม ๆ เขาไม่เชื่อว่าครอบครัวของทอฟ้า ซึ่งไม่เคยสนใจตะวันมาก่อน จะเลี้ยงหลานได้ดี งานนี้เลยเกิดการปะทะคารมสุดเดือด

ทอฟ้ายืนกรานว่าเธอมีสิทธิ์ในตัวตะวันครึ่งหนึ่ง และชีวิตในเมืองจะให้อนาคตที่ดีกว่ากับเด็กน้อยแน่นอน ขุนเขาก็สวนกลับว่า “ถ้าอยากได้หลาน ไปฟ้องศาลสิ” โอ๊ย ดราม่าสุด 😅 แต๋ง (วิทยา เจตะภัย) และ บัวคำ (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) พ่อแม่ของขุนเขา เห็นด้วยกับทอฟ้าว่าการไปเมืองหลวงอาจดีต่อตะวัน แต่ขุนเขายังคงยึดมั่นว่าเด็กต้องอยู่กับครอบครัวบนดอย งานนี้ทอฟ้าตัดสินใจทิ้งภาพลักษณ์คุณหนูไฮโซ บุกขึ้นดอยไปพิสูจน์ตัวเองว่าเธอคู่ควรกับการดูแลตะวัน

ชีวิตบนดอย ความเปิ่น ความรัก และความวุ่นวาย
สาวเมืองกรุงอย่างทอฟ้า ส้นสูง กระโปรงทันสมัย ต้องไปเจอกับโคลน ฝุ่น และงานหนักในไร่กาแฟ 😂 เธอต้องเรียนรู้การเก็บเมล็ดกาแฟ ทำงานหนัก และปรับตัวกับวิถีชีวิตที่ไม่เคยเจอมาก่อน แถมยังต้องเจอกับ คะนิ้ง (ธิดารัตน์ ปรือทอง) สาวชาวดอยที่แอบชอบขุนเขาและมองทอฟ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจ คะนิ้งถึงขั้นแกล้งเป็นผีน้ำปิง หลอกหลอนทอฟ้าตอนกลางคืน โอ๊ย ฉากนี้ทั้งขำทั้งลุ้น

แต่ท่ามกลางความวุ่นวาย ทอฟ้าเริ่มซึมซับความงดงามของชีวิตบนดอย เธอช่วยชาวบ้านแปรรูปกาแฟ หาตลาดใหม่ และค่อย ๆ ชนะใจ ตะวัน ด้วยความรักและความพยายาม และที่สำคัญ ความใกล้ชิดกับขุนเขาทำให้เกิดโมเมนต์ฟิน ๆ 😍 ขุนเขาเริ่มเห็นความตั้งใจของทอฟ้า ส่วนเธอก็เริ่มหลงรักความจริงใจและความทุ่มเทของหนุ่มชาวดอยคนนี้ แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องมันซับซ้อนขึ้นเมื่อ กวิน (ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เพื่อนสนิทของขุนเขา เข้ามาแซวและแอบชอบทอฟ้า งานนี้รักสามเส้ามาเลยจ้า

ภัยร้ายและความลับที่ซ่อนอยู่
นอกจากเรื่องรัก ๆ และการชิงตัวตะวัน ละครยังมีปมดราม่าสุดระทึก วัฒน์ (จักรพันธ์ จันโอ) และ สายไหม (น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย) สองตัวร้ายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของทอฟ้าในกรุงเทพฯ มีแผนชั่วร้ายยักยอกเงินและวางเพลิงยุ้งฉางกาแฟเพื่อทำลายไร่ของขุนเขา เป้าหมายคือบีบให้ชาวบ้านยอมขายที่ดินให้กลุ่มนายทุน 😈

แต่ที่พีคกว่านั้นคือ อารักษ์ (ปิยะ วิศวบำรุงชัย) ชายลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชน และถูกเปิดเผยว่าเป็นหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติด เขาวางแผนกำจัดทุกคนที่ขวางทาง รวมถึงขุนเขาและทอฟ้า และที่สำคัญ ทอฟ้ายังค้นพบความลับที่พี่ชายของเธอปกปิดไว้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขากับน้ำปิงบนดอย ทอฟ้าและขุนเขาต้องร่วมมือกันปกป้องไร่และตะวันจากภัยร้ายนี้

ไคลแมกซ์ การเสียสละและรักแท้
มาถึงช่วงพีคสุด ๆ ของเรื่อง ในตอนท้าย อารักษ์และพวกบุกไร่กาแฟเพื่อกำจัดขุนเขาและทอฟ้า ฉากนี้ลุ้นจนตัวโก่งเลยทุกคน 😰 ขุนเขาเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนเพื่อปกป้องทอฟ้า ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส โมเมนต์นี้คือน้ำตาแตกเลย 😭 ทอฟ้าร้องไห้กอดขุนเขาแน่น ขอร้องให้เขาอยู่รอด การเสียสละของขุนเขาทำให้ อาทิตย์ พ่อของทอฟ้า ที่เคยคัดค้านความรักของทั้งคู่ เปลี่ยนใจและยอมรับในที่สุด

สุดท้าย วัฒน์และสายไหมถูกจับ อารักษ์ได้รับโทษตามกฎหมาย ไร่กาแฟของขุนเขากลับมาฟื้นฟู และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ประสบความสำเร็จ ทอฟ้า และ ขุนเขา ลงเอยกันด้วยความรัก โดยมี ตะวัน เป็นศูนย์กลางของครอบครัว ทั้งคู่ตัดสินใจใช้ชีวิตทั้งในเมืองและบนดอย เพื่อให้ตะวันได้เติบโตในสองโลก ฉากจบคือภาพครอบครัวสุดอบอุ่นท่ามกลางไร่กาแฟที่เขียวขจี ฟีลกู๊ดสุด ๆ ไปเลย 🥰

เบื้องหลังละครสุดปัง อ้อมฟ้าโอบดิน ปี 2565 มาดูกันว่าใครเป็นคนเนรมิตละครเรื่องนี้ให้กลายเป็นผลงานที่ครองใจแฟน ๆ ด้วยกลิ่นหอมของไร่กาแฟและเรื่องราวสุดฟีลกู๊ด

เริ่มต้นด้วยผู้ให้กำเนิดเรื่องราว คีรี
ทุกอย่างเริ่มจาก คีรี นักเขียนบทประพันธ์ที่เป็นเหมือนหัวใจของ อ้อมฟ้าโอบดิน เลย คีรีคือคนที่รังสรรค์เรื่องราวของ ทอฟ้า และ ขุนเขา ที่ต้องปะทะกันเพื่อชิงตัวหลานชายสุดน่ารัก ตะวัน ท่ามกลางฉากหลังไร่กาแฟสุดสวยในเชียงใหม่-เชียงราย 📖 คีรีเนี่ยเก่งมากในการผสมความโรแมนติก คอมเมดี้ และดราม่าเข้าด้วยกัน จนได้เรื่องราวที่ทั้งอบอุ่นและเข้มข้น ต้องปรบมือให้เลย 👏

คนแปลงเรื่องให้ลงจอ ทีม Goodday
 เมื่อมีบทประพันธ์สุดปังแล้ว ทีม Goodday ก็เข้ามารับไม้ต่อในฐานะผู้เขียน บทโทรทัศน์ ✍️ ทีมนี้คือตัวจริงเรื่องการดัดแปลงเรื่องราวให้เข้ากับจอทีวี เขาเอาบทของคีรีมาปรับให้มีจังหวะที่เหมาะกับละคร มีทั้งมุกตลกที่ทำให้ขำก๊าก ฉากฟิน ๆ ที่ทำใจสั่น และดราม่าที่เรียกน้ำตา ทีม Goodday ใส่ใจทุกรายละเอียด ทำให้เรื่องราวที่เขียนไว้ในหน้ากระดาษกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เราดูแล้วอินสุด ๆ 😍

ผู้กำกับที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว ชัชวาล วิศวบำรุงชัย

559000011831902
ชัชวาล วิศวบำรุงชัย

มาถึงตัวพ่อตัวแม่แห่งการกำกับ ชัชวาล วิศวบำรุงชัย คือผู้กำกับที่เปรียบเสมือนกัปตันเรือของละครเรื่องนี้ 🚢 เขาคือคนที่คอยสั่งการทุกอย่าง ตั้งแต่การถ่ายทำฉากไร่กาแฟที่สวยจนอยากไปเที่ยวเอง ไปจนถึงการดึงอารมณ์นักแสดงให้ออกมาเป๊ะ ฉากที่ ขุนเขา สารภาพรัก ทอฟ้า กลางไร่กาแฟยามค่ำ หรือฉากแอ็กชันที่ลุ้นจนนั่งไม่ติด นั่นแหละฝีมือของพี่ชัชวาล เขาทำให้ทุกฉากมีชีวิตชีวาและสมจริงสุด ๆ ต้องยกนิ้วให้เลย 👍

ผู้คุมเกมการผลิต รัสรินทร์ โภคินจารุรัศมิ์

%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A2 %E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C
รัสรินทร์ โภคินจารุรัศมิ์

และอย่าลืมคนที่คอยควบคุมทุกอย่างให้รันฉลุย รัสรินทร์ โภคินจารุรัศมิ์ คือผู้ควบคุมการผลิตที่เปรียบเหมือนสมองกลหลังฉาก 🧠 เธอคอยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนถ่ายทำ การจัดการงบประมาณ ไปจนถึงการประสานงานทีมงานให้ทุกอย่างเป๊ะปัง ถ้าไม่มีพี่รัสรินทร์ ละครเรื่องนี้อาจจะไม่ลงตัวขนาดนี้ ต้องขอบคุณที่ทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ 🙏

ค่ายที่เนรมิตความปัง Goodday Series
มาถึงค่ายละครที่เป็นหัวเรือใหญ่ Goodday Series จาก บริษัท เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คือทีมที่อยู่เบื้องหลังการผลิตละครเรื่องนี้ 🎬 ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำละครฟีลกู๊ดที่มีคุณภาพอยู่แล้ว และใน อ้อมฟ้าโอบดิน เขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย การเลือกโลเคชันสวย ๆ ในเชียงใหม่-เชียงราย การคัดเลือกนักแสดงที่เคมีลงตัวอย่าง คณิน ชอบประดิถ และ นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ รวมถึงน้อง ตะวัน ที่น่ารักจนขโมยใจคนดู ทุกอย่างคือฝีมือของ Goodday Series ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด

อ้อมฟ้าโอบดิน ไม่ได้เป็นแค่ละครที่เล่าเรื่องความรักและการต่อสู้เพื่อครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานที่เกิดจากความทุ่มเทของทีมงานคุณภาพ! ตั้งแต่ คีรี ที่เขียนบทประพันธ์สุดซึ้ง ทีม Goodday ที่แปลงเรื่องให้ลงจอได้ฟินเวอร์ ชัชวาล วิศวบำรุงชัย ที่กำกับทุกฉากให้สมจริง รัสรินทร์ โภคินจารุรัศมิ์ ที่คุมงานให้เป๊ะ และ Goodday Series จาก เอส แอล เอ็ม คอร์ปอเรชั่น ที่เนรมิตทุกอย่างให้ออกมาปัง ละครเรื่องนี้เลยกลายเป็นงานที่ทั้งสวยงามและครองใจแฟน ๆ ด้วยเรตติ้งตอนจบ 3.5

นักแสดง

→ คณิน ชอบประดิถ รับบท ขุนเขา

คณิน ชอบประดิถ

ขุนเขา คือหนุ่มชาวดอยเจ้าของไร่กาแฟในเชียงใหม่ ที่มาพร้อมอุดมการณ์แรงกล้า รักครอบครัวและชุมชนแบบสุดหัวใจ เขาเป็นพี่ชายของ น้ำปิง และลุงของ ตะวัน เด็กน้อยวัย 6 ขวบที่กลายเป็นกำพร้าจากอุบัติเหตุ ขุนเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในวิถีชีวิตเรียบง่ายบนดอย เชื่อว่าการเลี้ยงตะวันในชุมชนที่อบอุ่นดีกว่าการให้ไปอยู่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เรียกว่าหลักการชัดเจนมาก

ตอนแรก ขุนเขาดูแข็งกร้าวหน่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องปะทะกับ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่อยากพาตะวันไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เขาไม่ยอมง่ายๆ เพราะไม่ไว้ใจครอบครัวของทอฟ้าที่ไม่เคยสนใจตะวันมาก่อน แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป เราได้เห็นด้านที่นุ่มนวลของเขา เขาคอยปกป้องชุมชน ต่อสู้กับตัวร้ายอย่าง อารักษ์ และค่อยๆ เปิดใจให้ทอฟ้า จนเกิดเป็นความรักที่หวานละมุนสุดๆ โดยเฉพาะฉากสารภาพรักท่ามกลางไร่กาแฟยามค่ำ โอ้โห ฟินจนต้องกรี๊ด

ขุนเขาเป็นตัวละครที่มีมิติ ทั้งเข้มแข็งเหมือนภูเขา แต่ก็มีหัวใจที่อ่อนโยนเหมือนสายหมอก การแสดงของ คณิน ทำให้ขุนเขาดูสมจริงมาก ตั้งแต่แววตาที่มุ่งมั่น ไปจนถึงโมเมนต์ที่เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องคนที่รัก บอกเลยว่าเห็นแล้วต้องหลงรักแน่นอน

ฉายา “ภูเขาหัวใจหมอก”
เพราะ ขุนเขา เหมือนภูเขาที่แข็งแกร่ง มั่นคง และปกป้องทุกคนในชุมชน แต่ลึกๆ ในใจเขาก็มีความอ่อนโยนเหมือนหมอกที่ลอยปกคลุมไร่กาแฟ ฉายานี้คือการรวมความแข็งแกร่งและความอบอุ่นของเขาไว้ในชื่อเดียว

ข้อคิด ความรักที่แท้จริงคือการเสียสละ
สิ่งที่ขุนเขาสอนเราคือ ความรักไม่ได้แค่พูดว่ารักแล้วจบ แต่ต้องแสดงออกด้วยการกระทำและการเสียสละ เขาไม่เพียงปกป้องตะวันและชุมชน แต่ยังยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อทอฟ้าในฉากที่บังกระสุน ข้อคิดนี้ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเรารักใครสักคนจริงๆ เราจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาปลอดภัยและมีความสุข แม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

→ นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ รับบท ทอฟ้า

นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ

ทอฟ้า คือสาวเมืองกรุงสุดเป๊ะ ดีกรีปริญญาโทจากต่างประเทศ เป็นผู้บริหารฝ่ายการตลาดของห้างสรรพสินค้าตระกูลปัญจสิงขร เธอเป็นน้องสาวของ ผู้กองพสุธ และเมื่อพี่ชายกับพี่สะใภ้ น้ำปิง เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขา ทอฟ้าต้องรับภารกิจหนักหน่วง นั่นคือการพา ตะวัน หลานชายวัย 6 ขวบ กลับไปเลี้ยงดูที่กรุงเทพฯ เพื่อให้พ่อของเธอ อาทิตย์ ที่ป่วยหนักมีกำลังใจฟื้นตัว

ตอนแรก ทอฟ้ามาในลุคคุณหนูไฮโซ สูทเนี้ยบ ส้นสูง และความมั่นใจเต็มร้อย เธอมองว่าชีวิตในเมืองจะดีกว่าสำหรับตะวัน แต่พอต้องเจอกับ ขุนเขา ลุงของตะวันที่ยึดมั่นในวิถีชาวดอย งานนี้เลยเกิดการปะทะคารมสุดเดือด ทอฟ้าตัดสินใจทิ้งความไฮโซแล้วบุกขึ้นดอยเพื่อพิสูจน์ตัวเอง บอกเลยว่าฉากนี้คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายและความน่ารัก เธอต้องเจอกับโคลน ยุง และงานหนักในไร่กาแฟ แถมยังโดน คะนิ้ง สาวชาวดอยแกล้งเป็นผีหลอกซะจนกรี๊ดลั่น

แต่สิ่งที่ทำให้ทอฟ้าเป็นตัวละครที่น่าจดจำคือการเติบโตของเธอ จากสาวเมืองที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับชีวิตบนดอย เธอค่อยๆ เรียนรู้การแปรรูปกาแฟ ช่วยชาวบ้าน และผูกพันกับตะวัน ความพยายามของเธอทำให้ทุกคน รวมถึงขุนเขา เริ่มยอมรับ และที่สำคัญ ความใกล้ชิดกับขุนเขานำไปสู่โมเมนต์หวานๆ ที่ทำใจฟูสุดๆ เช่น ฉากที่ทั้งคู่ช่วยกันปกป้องไร่กาแฟ หรือตอนที่ขุนเขาสารภาพรัก นลินทิพย์ ถ่ายทอดบททอฟ้าได้แบบครบรส ทั้งความมั่นใจ ความเปิ่นตอนเจอชีวิตชาวดอย และความอ่อนโยนเมื่อตกหลุมรัก ทำให้เราอินและเชียร์เธอสุดใจ

ฉายา “ดาวเมืองที่ส่องแสงบนดอย”
 เพราะ ทอฟ้า เหมือนดวงดาวที่สว่างไสวในเมืองกรุง แต่เมื่อมาถึงดอย เธอก็ปรับตัวและฉายแสงในแบบที่เข้ากับธรรมชาติและชุมชนได้อย่างลงตัว ฉายานี้คือการผสมระหว่างความสง่างามของสาวเมืองและความอบอุ่นที่เธอค้นพบบนดอย

ข้อคิด การเปิดใจนำไปสู่การเติบโต
สิ่งที่ทอฟ้าสอนเราคือ การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ เธอเริ่มจากคนที่มองว่าชีวิตบนดอยไม่เหมาะกับตะวัน แต่เมื่อได้สัมผัสวิถีชีวิตที่นั่น ได้เรียนรู้จากขุนเขาและชาวบ้าน เธอก็ค้นพบความหมายของครอบครัวและความรักที่แท้จริง ข้อคิดนี้ทำให้เรารู้ว่า ถ้าเรากล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone และยอมรับมุมมองที่แตกต่าง ชีวิตเราจะเติบโตและเต็มไปด้วยความสวยงาม

→ ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์ รับบท ตะวัน

hq720
ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์

ตะวัน คือเด็กชายวัย 6 ขวบที่เป็นเหมือนแสงสว่างของเรื่องราวใน อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นลูกชายของ ผู้กองพสุธ และ น้ำปิง ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขา ทำให้ตะวันกลายเป็นกำพร้าอย่างกะทันหัน น้องคือศูนย์กลางของเรื่อง เพราะทั้ง ขุนเขา ลุงของตะวัน และ ทอฟ้า คุณอาจากเมืองกรุง ต่างอยากดูแลเขา แต่ด้วยมุมมองที่แตกต่างกันเลยทำให้เกิดดราม่าชิงตัวหลานสุดเข้มข้น

ตะวันเป็นเด็กที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร เขามีความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ แต่ก็มีความเข้มแข็งในแบบที่ทำให้เราทึ่ง ตอนที่น้องต้องเผชิญกับการสูญเสียพ่อแม่ เราเห็นแววตาที่ทั้งเศร้าและสับสน แต่ในขณะเดียวกัน น้องก็ค่อยๆ ปรับตัวและผูกพันกับทั้งขุนเขาและทอฟ้า ฉากที่ตะวันวิ่งไปกอดขุนเขาหรือยิ้มให้ทอฟ้าตอนที่เธอพยายามเข้าหา คือโมเมนต์ที่ทำใจฟูสุดๆ การแสดงของ น้องพันธ์ชนกชนม์ คือเป็นธรรมชาติมาก เหมือนไม่ได้แสดงเลย น้องถ่ายทอดอารมณ์ของตะวันออกมาได้แบบที่ทำให้เราอยากเข้าไปกอดน้องผ่านจอ

ตะวันยังเป็นตัวเชื่อมให้ทุกคนในเรื่องมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของขุนเขาที่อบอุ่น หรือทอฟ้าที่ค่อยๆ เรียนรู้วิถีชีวิตบนดอย เขาคือเด็กที่ทำให้ทุกคนอยากปกป้องและมอบความรักให้ บอกเลยว่าน้องคือหัวใจของละครเรื่องนี้จริงๆ

ฉายา “แสงน้อยที่สว่างไสว”
เพราะ ตะวัน เหมือนแสงแดดเล็กๆ ที่ถึงจะดูบอบบาง แต่ก็ส่องสว่างและนำความหวังมาให้ทุกคนในเรื่อง เขาคือเด็กที่ผ่านความสูญเสียแต่ยังคงยิ้มได้ และทำให้คนรอบข้างอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเขา ฉายานี้คือการสรุปความน่ารักและพลังบวกของน้องตะวันได้แบบเป๊ะ

ข้อคิด ความบริสุทธิ์ของเด็กสามารถเยียวยาหัวใจ
สิ่งที่ตะวันสอนเราคือ ความบริสุทธิ์และความรักของเด็กสามารถเป็นพลังที่เยียวยาคนรอบข้างได้ แม้ว่าตะวันจะสูญเสียพ่อแม่ แต่รอยยิ้มและความไร้เดียงสาของเขาทำให้ทั้งขุนเขาและทอฟ้ามีเหตุผลที่จะต่อสู้และรวมใจกัน ข้อคิดนี้ทำให้เรารู้ว่า บางครั้งความรักที่เรียบง่ายจากเด็กคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนโลกของผู้ใหญ่ได้เลย

→ ชนาธิป โพธิ์ทองคำ รับบท กวิน

ชนาธิป โพธิ์ทองคำ

กวิน คือหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงที่ทั้งหล่อ รวย และมีสไตล์สุดๆ เขาเป็นเพื่อนสนิทของ ขุนเขา เจ้าของไร่กาแฟ และเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องเมื่อเริ่มตกหลุมรัก ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่บุกขึ้นดอยเพื่อชิงตัวหลานชาย ตะวัน กวินคือสุภาพบุรุษตัวจริง สายเปย์ที่พร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทอฟ้าในงานธุรกิจ หรือจัดเซอร์ไพรส์วันเกิดสุดอลังให้เธอ เรียกว่าหัวใจเต็มร้อยเลย

ในละคร กวินนำความสนุกมาสู่เรื่องด้วยการเป็นคู่แข่งรักของขุนเขา ฉากที่เขากับขุนเขาต้องมาเป็นนายแบบนักมวยในงานเปิดยิมมวยของทอฟ้า (ตอนที่ 18) คือวุ่นวายสุดๆ เพราะทั้งคู่แลกหมัดกันแบบไม่ยั้ง แถมกวินยังบอกขุนเขาตรงๆ ว่าเขาชอบทอฟ้าและจะไม่ยอมแพ้  ความรักสามเส้านี่มันชวนลุ้นจริงๆ การแสดงของ ชนาธิป ในบทกวินนั้นเป๊ะมาก เขาถ่ายทอดความเป็นหนุ่มอบอุ่นแต่ก็มีความมุ่งมั่นออกมาได้ดี ทำให้เราทั้งเชียร์และแอบสงสารกวินในเวลาเดียวกัน เพราะรู้ว่าใจเขานั้นรักทอฟ้าจริงๆ แต่ต้องแข่งกับพระเอกอย่างขุนเขา

ถึงกวินจะไม่ได้สมหวังในความรัก แต่เขาก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นตัวละครที่เพิ่มความฟินให้กับเรื่อง โดยเฉพาะฉากที่เขารุกจีบทอฟ้าด้วยความมั่นใจและความจริงใจ บอกเลยว่าแฟนๆ ต้องกรี๊ดกับความหล่อและความเปย์ของเขา

ฉายา “สุภาพบุรุษสายเปย์”
เพราะ กวิน คือหนุ่มที่ทั้งสุภาพ ใจกว้าง และพร้อมเปย์ทุกอย่างเพื่อทอฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเวลา ความช่วยเหลือ หรือเซอร์ไพรส์สุดอลัง ฉายานี้สรุปความเป็นกวินได้แบบลงตัว ทั้งความเป็นสุภาพบุรุษและความทุ่มเทที่ทำให้สาวๆ ใจละลาย

ข้อคิด ความรักที่แท้จริงไม่ต้องครอบครอง
สิ่งที่กวินสอนเราคือ ความรักที่แท้จริงคือการอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่ได้เลือกเรา กวินทุ่มเทให้ทอฟ้าด้วยใจจริง แต่เมื่อรู้ว่าเธอรักขุนเขา เขาก็ยอมถอยและยังคงเป็นเพื่อนที่ดี ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่าการรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องครอบครองเขา แต่คือการสนับสนุนและเคารพการตัดสินใจของเขา ซึ้งและน่าคิดตามมากๆ

→ ธิดารัตน์ ปรือทอง รับบท คะนิ้ง

ธิดารัตน์ ปรือทอง

คะนิ้ง คือสาวชาวดอยที่เปรี้ยวซ่าและมีพลังงานล้นเหลือ เธอเป็นเพื่อนในชุมชนของ ขุนเขา เจ้าของไร่กาแฟ และแอบมีใจให้เขามาตั้งนานแล้ว พอ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงสุดไฮโซบุกขึ้นดอยเพื่อชิงตัว ตะวัน หลานชายของขุนเขา คะนิ้งก็เลยมองทอฟ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจทันที คะนิ้งคือตัวละครที่นำความวุ่นวายและเสียงหัวเราะมาสู่เรื่อง ด้วยความแสบและความคิดสร้างสรรค์ในการกลั่นแกล้งทอฟ้า อย่างฉากที่แกล้งเป็นผีน้ำปิงหลอกทอฟ้าตอนกลางคืน โอ้โห ขำจนท้องแข็งเลย

คะนิ้งมีนิสัยที่ทั้งขี้เล่นและเจ้าเล่ห์ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ขุนเขาหันมามอง แต่ก็มีโมเมนต์ที่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ใจร้ายจริงๆ แค่หวงขุนเขาและอยากปกป้องชุมชนของตัวเอง การแสดงของ ธิดารัตน์ ในบทนี้คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเปรี้ยว ความแสบ และความน่ารักของคะนิ้งได้แบบลงตัว ทำให้เราทั้งหมั่นไส้และอดขำไม่ได้ ถึงแม้ว่าบทของคะนิ้งในช่วงท้ายเรื่องจะลดลงไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวก็เรียกความสนุกได้เต็มที่

ฉายา “สาวดอยจอมแสบ”
เพราะ คะนิ้ง คือสาวชาวดอยที่มีความแซ่บและความแสบอยู่ในตัว เธอพร้อมออกกลเม็ดเด็ดๆ เพื่อกลั่นแกล้งทอฟ้าและปกป้องสิ่งที่เธอรัก ฉายานี้สรุปความเป็นคะนิ้งได้แบบเป๊ะ ทั้งความขี้เล่นและพลังงานที่ทำให้เรื่องมีชีวิตชีวา

ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องยอมรับความจริง
สิ่งที่คะนิ้งสอนเราคือ การรักใครสักคนต้องมาพร้อมกับการยอมรับความจริง คะนิ้งแอบรักขุนเขามานาน แต่เมื่อรู้ว่าเขามีใจให้ทอฟ้า เธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การรักใครสักคนไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่คือการเคารพความรู้สึกของเขาและยอมให้เขาเลือกทางของตัวเอง แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

→ ภัสธรากรณ์ บุษราคัมวดี รับบท น้ำชา

%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81 %E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99 %E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C %E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97 %E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7 %E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%95 %E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%AD
ภัสธรากรณ์ บุษราคัมวดี

น้ำชา คือสาวน้อยชาวดอยที่เติบโตในชุมชนเดียวกับ ขุนเขา และ คะนิ้ง ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นตัวละครที่นำความสดใสและความอ่อนโยนมาสู่เรื่อง ด้วยบุคลิกที่เป็นมิตร ขี้เล่น และมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังดีต่อคนรอบข้าง น้ำชาเหมือนเป็นเพื่อนสาวที่คอยสนับสนุนทุกคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานในไร่กาแฟหรือเป็นกำลังใจให้คนอื่น

ในเรื่อง น้ำชามักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชุมชน เธอไม่ได้มีบทบาทในดราม่าหลักเหมือน ทอฟ้า หรือ ขุนเขา แต่เป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของความอบอุ่นและความเป็นกันเองของชาวดอย เธอมีโมเมนต์น่ารักๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้ เช่น การแซวขุนเขาหรือช่วยทอฟ้าปรับตัวกับชีวิตบนดอย ภัสธรากรณ์ ถ่ายทอดบทน้ำชาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวละครนี้ดูเหมือนเพื่อนสาวข้างบ้านที่ทุกคนอยากมี เธออาจไม่ได้โดดเด่นเท่าตัวละครหลัก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ทำให้รู้สึกถึงพลังบวกและความสดชื่น

ฉายา “รอยยิ้มแห่งท้องทุ่ง”
เพราะ น้ำชา เหมือนรอยยิ้มที่สว่างไสวท่ามกลางทุ่งกาแฟบนดอย เธอนำความสดใสและความอบอุ่นมาให้ทุกคนในชุมชน ราวกับเป็นลมเย็นที่พัดผ่านท้องทุ่ง ฉายานี้สรุปความน่ารักและพลังบวกของน้ำชาได้แบบลงตัว

ข้อคิด ความสุขอยู่ที่การเป็นตัวของตัวเอง
สิ่งที่น้ำชาสอนเราคือ ความสุขที่แท้จริงมาจากการเป็นตัวของตัวเองและการมอบความดีให้คนรอบข้าง น้ำชาไม่ได้พยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้โดดเด่น แต่เธอใช้ความเป็นมิตรและความจริงใจในการใช้ชีวิต ทำให้ทุกคนรอบตัวรู้สึกดี ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่า การยอมรับตัวเองและทำสิ่งดีๆ ในแบบของเรานั้นเพียงพอที่จะสร้างความสุขให้ตัวเองและผู้อื่น

→ สุขพัฒน์ โล่ห์วัชรินทร์ รับบท อาเช

84135b80 cbf2 11ef 9169 af04d56b8680 webp original
สุขพัฒน์ โล่ห์วัชรินทร์

อาเช คือตัวละครที่เป็นเหมือนรุ่นพี่ในชุมชนชาวดอยของ ขุนเขา ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นคนในหมู่บ้านที่รู้จักทุกคนและเป็นที่รักของทุกคน ด้วยบุคลิกที่ใจดี มีความรู้เรื่องการทำไร่กาแฟ และมักจะคอยให้คำแนะนำดีๆ แก่คนรอบข้าง อาเชเหมือนเป็นพี่ใหญ่ที่คอยดูแลชุมชน ช่วยเหลือ ขุนเขา ในงานไร่ และให้การต้อนรับ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่มาถึงดอยด้วยความเป็นมิตร

ในเรื่อง อาเชมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชุมชน เช่น ช่วยเก็บกาแฟ หรือนั่งคุยกับชาวบ้านเรื่องปัญหาต่างๆ เขาไม่ได้มีส่วนในดราม่าหลักมากนัก แต่เป็นตัวละครที่ช่วยสร้างความรู้สึกของความเป็นชุมชนที่อบอุ่นและเหนียวแน่น การแสดงของ สุขพัฒน์ ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้อาเชดูเป็นคนที่เข้าถึงง่าย มีความจริงใจ และเหมือนเป็นตัวแทนของความมั่นคงในชุมชน ทุกครั้งที่อาเชโผล่มาในฉาก เราเหมือนได้เห็นภาพของความเป็นครอบครัวบนดอยที่ทุกคนช่วยเหลือกัน

ฉายา “พี่ใหญ่ใจดีแห่งดอย”
เพราะ อาเช คือพี่ใหญ่ที่ใจดีและเป็นที่พึ่งของทุกคนในชุมชนบนดอย เขาคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือทุกคนด้วยความจริงใจ ฉายานี้สรุปความเป็นอาเชได้แบบเป๊ะ ทั้งความอบอุ่นและความน่าเชื่อถือที่ทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ

ข้อคิด การช่วยเหลือผู้อื่นสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่อาเชสอนเราคือ การยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริงสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในชุมชนได้ อาเชไม่ได้แสวงหาความโดดเด่น แต่เขาคอยสนับสนุนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นขุนเขาที่ต้องปกป้องไร่ หรือทอฟ้าที่กำลังปรับตัว ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การเป็นคนที่คอยช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนคือสิ่งที่ทำให้ชุมชนเข้มแข็งและอบอุ่น

→ กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช รับบท อิน

c8ab7180 7bb5 11ee 86b7 add049256698 webp original
กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช

อิน คือหนุ่มชาวดอยที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนไร่กาแฟใน อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นตัวละครที่มาพร้อมความขี้เล่น สบายๆ และมีหัวใจที่รักชุมชนของตัวเอง อินมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วย ขุนเขา ในไร่กาแฟ หรือการนั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ อย่าง อาเช และคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เขาเหมือนเป็นตัวแทนของความเป็นกันเองและความสนุกสนานที่ทำให้ชุมชนมีสีสัน

ในเรื่อง อินไม่ได้มีส่วนในดราม่าหลักอย่างการชิงตัว ตะวัน หรือความรักของ ขุนเขา และ ทอฟ้า แต่เขาคือตัวละครที่ช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นครอบครัวบนดอย ด้วยบุคลิกที่ร่าเริงและมักจะโยนมุกตลกเบาๆ อินทำให้ทุกฉากที่เขาอยู่รู้สึกผ่อนคลาย การแสดงของ กฤตกานต์ ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้อินดูเป็นเพื่อนที่ทุกคนอยากมี ด้วยรอยยิ้มและความเป็นธรรมชาติที่ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจริงๆ ถึงบทจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่อินโผล่มา ก็เหมือนได้ลมเย็นๆ ที่พัดมาทำให้ทุกคนยิ้ม

ฉายา “เพื่อนซี้สายชิล”
เพราะ อิน คือหนุ่มที่ชิลสุดๆ ในชุมชน ด้วยความร่าเริงและความเป็นเพื่อนที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกคน ไม่ว่าจะงานหนักหรือตอนพักผ่อน ฉายานี้สรุปความเป็นอินได้แบบลงตัว ทั้งความสบายๆ และความเป็นมิตรที่ทำให้ทุกคนรัก

ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้าง
สิ่งที่อินสอนเราคือ มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ อินอาจไม่ได้มีบทบาทใหญ่ในเรื่อง แต่เขาคอยสนับสนุนชุมชนและเพื่อนๆ อย่างเงียบๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานหรือการสร้างรอยยิ้ม ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การเป็นเพื่อนที่ดีไม่จำเป็นต้องทำอะไรยิ่งใหญ่ แค่การอยู่ข้างกันและให้กำลังใจก็เพียงพอแล้ว

→ ปวิช เวียงนนท์ รับบท จัน

ปวิช เวียงนนท์

จัน คือหนุ่มชาวดอยที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนไร่กาแฟใน อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นตัวละครที่มาพร้อมความขี้เล่น เป็นมิตร และมีพลังบวกที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านรู้สึกสนุกเมื่อมีเขาอยู่ด้วย จันมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวบ้าน เช่น การช่วย ขุนเขา ในงานไร่กาแฟ หรือการนั่งคุยกับเพื่อนๆ อย่าง อาเช และ อิน เขาเหมือนเป็นตัวแทนของความร่าเริงและความเป็นกันเองในชุมชน

ในเรื่อง จันไม่ได้มีบทบาทในดราม่าหลักอย่างการชิงตัว ตะวัน หรือความรักของ ขุนเขา และ ทอฟ้า แต่เขาคือตัวละครที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของความเป็นครอบครัวบนดอย ด้วยบุคลิกที่ชิลๆ และมักจะมีมุกตลกหรือการแซวเบาๆ จันทำให้ฉากต่างๆ ดูผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา การแสดงของ ปวิช เวียงนนท์ ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้จันดูเป็นหนุ่มที่เข้าถึงง่าย มีความจริงใจ และเหมือนเพื่อนในชีวิตจริงที่คอยสร้างรอยยิ้ม ถึงบทจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่จันโผล่มา ก็เหมือนได้พลังงานดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความสุขของชุมชน

ฉายา “หนุ่มยิ้มกว้างแห่งไร่กาแฟ”
เพราะ จัน คือหนุ่มที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างและความร่าเริงที่เหมือนแสงแดดในไร่กาแฟ เขาทำให้ทุกคนรู้สึกดีด้วยความเป็นมิตรและความสนุกสนาน ฉายานี้สรุปความเป็นจันได้แบบลงตัว ทั้งความสดใสและความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน

ข้อคิด รอยยิ้มเล็กๆ สามารถสร้างความสุขให้คนรอบข้าง
สิ่งที่จันสอนเราคือ รอยยิ้มและความร่าเริงเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างความสุขให้กับคนรอบข้างได้ จันอาจไม่ได้มีบทบาทใหญ่ในเรื่อง แต่ความเป็นมิตรและการมอบพลังบวกของเขาทำให้ชุมชนมีสีสัน ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่า การมอบรอยยิ้มและความสุขให้ผู้อื่นในทุกวัน ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้

→ วิทยา เจตะภัย รับบท แต๋ง

338951154 739299671186573 1754903863334579246 n
วิทยา เจตะภัย

แต๋ง คือพ่อของ ขุนเขา และสามีของ บัวคำ ในชุมชนชาวดอยของ อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นตัวละครที่มาพร้อมความเป็นพ่อที่ใจดี อบอุ่น และมีมุมมองที่สมเหตุสมผล แต๋งเป็นคนที่รักลูกชายและหลานชาย ตะวัน มาก แต่ก็เปิดใจรับฟังความเห็นที่แตกต่าง เมื่อเกิดดราม่าชิงตัวตะวันระหว่างขุนเขากับ ทอฟ้า สาวจากเมืองกรุง แต๋งและบัวคำมองเห็นโอกาสที่ตะวันจะได้ชีวิตที่ดีขึ้นในเมืองใหญ่ จึงพยายามโน้มน้าวให้ขุนเขาทบทวนคำตัดสิน โดยถามเขาว่าจะไม่คิดใหม่หรือ แต่ขุนเขายังยืนกรานเพราะเชื่อว่าชีวิตบนดอยเหมาะกับหลานมากกว่า

แต๋งเป็นตัวละครที่แสดงถึงความเป็นพ่อที่เข้าใจลูก แต่ก็กล้าพูดเพื่อประโยชน์ของครอบครัว เขามักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวบนดอย เช่น การสนทนากับขุนเขาเรื่องอนาคตของตะวัน หรือการช่วยเหลือชุมชนในไร่กาแฟ การแสดงของ วิทยา เจตะภัย ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้แต๋งดูเป็นพ่อที่เข้าถึงง่าย มีความจริงใจ และเหมือนเป็นเสาหลักของครอบครัวที่คอยให้คำปรึกษา ถึงบทจะไม่เยอะ แต่ทุกครั้งที่แต๋งโผล่มา ก็ทำให้รู้สึกถึงความมั่นคงและความรักในครอบครัวที่อบอุ่น

ฉายา “พ่อใจดีมองการณ์ไกล”
เพราะ แต๋ง คือพ่อที่ใจดีต่อลูกหลาน แต่ก็มองการณ์ไกลพอที่จะเห็นโอกาสที่ดีสำหรับตะวันในโลกภายนอก เขาพยายามโน้มน้าวด้วยเหตุผลและความห่วงใย ฉายานี้สรุปความเป็นแต๋งได้แบบลงตัว ทั้งความอบอุ่นและความฉลาดในการตัดสินใจ

ข้อคิด การมองการณ์ไกลช่วยให้ครอบครัวเติบโต
สิ่งที่แต๋งสอนเราคือ การมองการณ์ไกลและเปิดใจรับมุมมองใหม่สามารถช่วยให้ครอบครัวเติบโตได้ แม้ว่าแต๋งจะรักวิถีชีวิตบนดอย แต่เขาก็เห็นว่าการให้โอกาสตะวันในเมืองอาจดีกว่า จึงพยายามโน้มน้าวขุนเขา ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การเป็นผู้ปกครองที่ดีคือการคิดถึงอนาคตของลูกหลาน ไม่ใช่แค่ยึดติดกับสิ่งที่คุ้นเคย

→ วราพรรณ หงุ่ยตระกูล รับบท บัวคำ

hq720
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล

บัวคำ คือแม่ของ ขุนเขา และ น้ำปิง และเป็นภรรยาของ แต๋ง ในชุมชนไร่กาแฟของ อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอ่อนโยนแบบแม่ๆ ที่คอยดูแลครอบครัวและหลานชายอย่าง ตะวัน ด้วยหัวใจเต็มร้อย บัวคำเป็นเหมือนศูนย์กลางของครอบครัวที่ให้ความอบอุ่นและความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนขุนเขาในฐานะลูกชาย หรือการต้อนรับ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่มาถึงดอยด้วยความเป็นมิตร

ในเรื่อง บัวคำมักปรากฏตัวในฉากครอบครัวที่อบอุ่น เช่น การพูดคุยกับแต๋งเรื่องอนาคตของตะวัน หรือการให้คำแนะนำขุนเขาเมื่อเกิดดราม่าชิงตัวหลานกับทอฟ้า เธอและแต๋งมองเห็นโอกาสที่ตะวันจะได้ชีวิตที่ดีในเมืองใหญ่ จึงพยายามโน้มน้าวขุนเขาให้ทบทวนการตัดสินใจ แม้ว่าขุนเขาจะยืนกรานว่าชีวิตบนดอยดีที่สุดสำหรับหลานก็ตาม การแสดงของ วราพรรณ หงุ่ยตระกูล ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็งได้อย่างลงตัว ทุกครั้งที่บัวคำยิ้มหรือพูดคำปลอบโยน เราเหมือนได้รู้สึกถึงความรักของแม่ที่โอบกอดทุกคนในครอบครัว

ฉายา “แม่ดอยใจงาม”
เพราะ บัวคำ คือแม่ที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความใจดี เหมือนดอกบัวที่บานงามในท้องทุ่งของดอย เธอคอยโอบกอดครอบครัวด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจ ฉายานี้สรุปความเป็นบัวคำได้แบบเป๊ะ ทั้งความอบอุ่นและความงดงามของจิตใจ

ข้อคิด ความรักของแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่บัวคำสอนเราคือ ความรักของแม่คือพลังที่สามารถโอบกอดและเยียวยาทุกคนในครอบครัวได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหน บัวคำรักและห่วงใยทั้งขุนเขาและตะวัน และยังเปิดใจต้อนรับทอฟ้าเหมือนลูกสาว ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของแม่สามารถเป็นแรงผลักดันให้ครอบครัวเข้มแข็งและก้าวต่อไปได้

→ ทนงศักดิ์ ศุภการ รับบท อาทิตย์

thumbnail IMG 9732
ทนงศักดิ์ ศุภการ

อาทิตย์ คือพ่อของ ผู้กองพสุธ และ ทอฟ้า ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงเทพฯ ด้วยบุคลิกที่ดูเข้มงวดและมุ่งมั่นในธุรกิจ อาทิตย์เหมือนเป็นพ่อที่ต้องการให้ครอบครัวสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับของเขา แต่ลึกๆ แล้ว เขามีความรักที่ซ่อนอยู่ในใจ โดยเฉพาะต่อลูกๆ แม้ว่าจะแสดงออกไม่เก่งก็ตาม

ในเรื่อง อาทิตย์เคยตัดพ่อตัดลูกกับผู้กองพสุธ เพราะไม่เห็นด้วยที่ลูกชายแต่งงานกับ น้ำปิง สาวชาวดอย แต่เมื่อพสุธและน้ำปิงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขา อาทิตย์ถึงกับช็อกหนักจนป่วยด้วยอาการหัวใจวาย เขาขอร้องให้ทอฟ้าพา ตะวัน หลานชายวัย 6 ขวบ กลับมาเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นกำลังใจให้เขา อย่างไรก็ตาม อาทิตย์เริ่มแรกคัดค้านความรักระหว่างทอฟ้ากับ ขุนเขา เพราะมองว่าชายชาวดอยไม่คู่ควรกับลูกสาว แต่เมื่อเขาเห็นการเสียสละของขุนเขาที่ปกป้องทอฟ้าด้วยชีวิต อาทิตย์ก็เปลี่ยนใจและยอมรับในที่สุด การแสดงของ ทนงศักดิ์ ศุภการ ในบทนี้คือสุดยอด เขาถ่ายทอดความเป็นพ่อที่ทั้งเข้มงวดและเปราะบางได้อย่างลงตัว ทำให้เราทั้งเข้าใจและซึ้งไปกับตัวละครนี้

ฉายา “พ่อเมืองใจเปลี่ยนได้”
เพราะ อาทิตย์ คือพ่อจากเมืองกรุงที่เริ่มต้นด้วยความเข้มงวดและยึดติดกับความเชื่อของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยอมเปลี่ยนใจเพื่อความสุขของลูกและหลาน ฉายานี้สรุปความพัฒนาการของเขาได้แบบเป๊ะ ทั้งความเป็นผู้นำครอบครัวและการเติบโตทางใจ

ข้อคิด การยอมรับความผิดพลาดนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี
สิ่งที่อาทิตย์สอนเราคือ การยอมรับความผิดพลาดและเปิดใจให้โอกาสใหม่ๆ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิต อาทิตย์เคยตัดขาดลูกชายและคัดค้านความรักของทอฟ้า แต่เมื่อเขาเห็นความจริงใจและการเสียสละของคนรอบตัว เขาก็ยอมเปลี่ยนใจ ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การกล้าปรับมุมมองและยอมรับสิ่งที่เคยปฏิเสธสามารถเยียวยาความสัมพันธ์และทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งขึ้น

→ คัคกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง รับบท วดี

sbq8t020s397WBz7mNO7c o
คัคกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง

วดี คือภรรยาคนใหม่ของ อาทิตย์ นักธุรกิจเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่ในกรุงเทพฯ และเป็นแม่ของ พายุ ลูกชายวัย 10 ขวบ ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นตัวละครที่มาพร้อมลุคคุณนายสุดเป๊ะ ดูสวยแพงและมั่นใจเต็มร้อย วดีมีบุคลิกที่ดูเป็นสาวสังคม เน้นความสมบูรณ์แบบในชีวิตครอบครัวและภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่ลึกๆ แล้ว เธอก็มีมุมที่ปกป้องครอบครัว โดยเฉพาะลูกชายอย่างพายุ และพยายามรักษาตำแหน่งของตัวเองในฐานะภรรยาของอาทิตย์

ในเรื่อง วดีมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวในเมืองกรุง เธอไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ ทอฟ้า ลูกเลี้ยงของเธอ ทุ่มเทพลังงานไปกับการพา ตะวัน หลานชายของอาทิตย์ กลับมาจากดอย เพราะกลัวว่าตะวันจะมาแย่งความสนใจจากพายุและตัวเธอเอง วดีมีโมเมนต์ที่แสดงถึงความเป็นแม่ที่หวงลูกและห่วงภาพลักษณ์ของครอบครัว แต่ก็มีบางฉากที่ทำให้เราเห็นว่าเธอไม่ได้ร้ายกาจถึงขั้นนางร้ายสุดขั้ว การแสดงของ เมจิ ในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเป็นคุณนายที่มีทั้งความสง่างามและความเปราะบางได้อย่างลงตัว ทำให้วดีเป็นตัวละครที่มีมิติและน่าจดจำ แม้ว่าจะเป็นตัวละครรองก็ตาม

ฉายา “คุณนายเมืองกรุงสุดเป๊ะ”
 เพราะ วดี คือตัวแทนของความเป็นคุณนายในเมืองกรุงที่สวย เป๊ะ และมั่นใจ เธอดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองและครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉายานี้สรุปความเป็นวดีได้แบบปังๆ ทั้งความสง่างามและความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ

ข้อคิด การปกป้องครอบครัวต้องสมดุลกับความเข้าใจผู้อื่น
สิ่งที่วดีสอนเราคือ การปกป้องครอบครัวและคนที่เรารักนั้นสำคัญ แต่ต้องมาพร้อมกับความเข้าใจและการเปิดใจให้ผู้อื่นด้วย วดีห่วงพายุและตำแหน่งของตัวเองในครอบครัวมาก จนบางครั้งมองข้ามความรู้สึกของทอฟ้าและตะวัน ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การรักครอบครัวอย่างสมดุลคือการคำนึงถึงทุกคน ไม่ใช่แค่ปกป้องของตัวเองเท่านั้น

→ ด.ช.ธัณญ์กรณ์ กัลยาวุฒิพงศ์ รับบท พายุ

ID 42037 5d1344f41ac9f
ด.ช.ธัณญ์กรณ์ กัลยาวุฒิพงศ์

พายุ คือเด็กชายวัย 10 ขวบ ลูกชายของ อาทิตย์ นักธุรกิจใหญ่ในกรุงเทพฯ และ วดี คุณนายสุดเป๊ะ ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นน้องชายต่างมารดาของ ผู้กองพสุธ และ ทอฟ้า และเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวในเมือง พายุมีบุคลิกที่สดใส ขี้เล่น และมีความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ แต่ก็มีความรู้สึกเปราะบางเพราะเติบโตในครอบครัวที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อพ่อของเขาเคยตัดขาดพสุธ ทำให้พายุไม่ค่อยได้รู้จักพี่ชายของตัวเอง

ในเรื่อง พายุปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับครอบครัวในกรุงเทพฯ เขามักจะอยู่เคียงข้างวดี คุณแม่ที่ปกป้องเขาสุดๆ และบางครั้งก็แสดงถึงความกังวลเมื่อรู้ว่า ตะวัน ลูกชายของพสุธอาจจะเข้ามาในครอบครัว พายุมีความเป็นเด็กที่อยากได้ความรักและความสนใจจากพ่อและทอฟ้า แต่ก็ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับตะวันในฐานะน้องชาย การแสดงของ น้องธัณญ์กรณ์ ในบทนี้คือดีมาก น้องถ่ายทอดความน่ารักและความเปราะบางของพายุได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เราอยากกอดน้องและเอาใจช่วยให้เขามีความสุข

ฉายา “ลมกรดน้อยแห่งเมืองกรุง”
เพราะ พายุ เหมือนลมกรดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยพลังและความสดใสในครอบครัวเมืองกรุง เขานำความร่าเริงและความเป็นเด็กมาสู่เรื่อง แต่ก็มีความเปราะบางที่ทำให้เรารู้สึกถึงความจริงใจ ฉายานี้สรุปความเป็นพายุได้แบบลงตัวเลย

ข้อคิด การยอมรับคนใหม่ในครอบครัวคือการเติบโต
สิ่งที่พายุสอนเราคือ การยอมรับคนใหม่ในครอบครัว เช่น การยอมรับตะวัน เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต พายุเริ่มจากความกังวลว่าการมีตะวันจะเปลี่ยนความรักที่เขาได้รับ แต่สุดท้ายเขาก็เรียนรู้ที่จะเปิดใจ ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การยอมรับและแบ่งปันความรักในครอบครัวสามารถทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น

→ จักรพันธ์ จันโอ รับบท วัฒน์

a1721a50 7216 11ed 9590 e5e25f19e37e webp original
จักรพันธ์ จันโอ

วัฒน์ คือตัวละครที่รับบทเป็นผู้ช่วยในบริษัทของ ทอฟ้า สาวนักธุรกิจจากเมืองกรุงใน อ้อมฟ้าโอบดิน แต่บอกเลยว่าเขาไม่ใช่ผู้ช่วยธรรมดา เพราะวัฒน์มีความทะเยอทะยานและแอบวางแผนร้ายไว้เพียบ เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง และพยายามหาผลประโยชน์จากทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับ สายไหม ออแกไนซ์เซอร์สาวที่เขามีใจให้ วัฒน์แอบยักยอกเงินบริษัทของทอฟ้ามานาน และยังวางแผนทำร้ายเธอเพื่อแก้แค้นเมื่อถูกจับได้

ในเรื่อง วัฒน์มีโมเมนต์ที่ทำให้คนดูตื่นเต้นสุดๆ เช่น ในตอนที่ 21 เขาโมโหหึงสายไหมเพราะคิดว่าเธอมีอะไรกับ ขุนเขา จนบุกไปจับตัวสายไหมหมายจะขืนใจ แต่โชคดีที่ขุนเขาและทอฟ้ามาช่วยไว้ได้ทัน ต่อมาทอฟ้าพบหลักฐานว่าเขายักยอกเงิน เลยไล่วัฒน์ออกทันที แต่ความแค้นของเขายังไม่จบ เพราะในตอนท้ายๆ เขายังสั่งให้ทอฟ้าเอาเงินมาให้เขาเพียงลำพังเพื่อแก้แค้น โชคดีที่ขุนเขามาช่วยไว้ได้ก่อนที่อะไรจะเลวร้าย การแสดงของ แจ๊ค จักรพันธ์ ในบทนี้คือปังมาก เขาทำให้วัฒน์ดูเป็นตัวร้ายที่มีทั้งความน่ากลัวและความน่าสงสารในเวลาเดียวกัน ทำให้เราเกลียดปนเห็นใจตัวละครนี้ได้อย่างลงตัว

ฉายา “จอมวายร้ายเมืองกรุง”
เพราะ วัฒน์ คือตัวร้ายที่มาพร้อมความเจ้าเล่ห์และแผนการร้ายๆ ในเมืองกรุง เขาคอยหาโอกาสทำกำไรจากความไว้ใจของทอฟ้าและสร้างปัญหาให้ทุกคน ฉายานี้สรุปความเป็นวัฒน์ได้แบบเป๊ะ ทั้งความทะเยอทะยานและความร้ายกาจที่ทำให้เรื่องเข้มข้น

ข้อคิด ความโลภนำพาความพินาศ
สิ่งที่วัฒน์สอนเราคือ ความโลภและการหักหลังผู้อื่นมักนำไปสู่จุดจบที่ไม่ดี วัฒน์พยายามยักยอกเงินและทำร้ายทอฟ้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจับได้และต้องเผชิญผลกรรม ข้อคิดนี้เตือนใจว่า การทำสิ่งที่ผิดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอาจทำให้เสียทุกอย่างในท้ายที่สุด

→ น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย รับบท สายไหม

น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย

สายไหม คือตัวละครที่รับบทเป็นออแกไนซ์เซอร์สาวสวยในเมืองกรุงที่ทำงานในบริษัทของ ทอฟ้า ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นสาวที่มีเสน่ห์ มั่นใจ และรู้วิธีใช้ความสวยของตัวเองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เบื้องหลังความปังนั้น สายไหมคือตัวร้ายตัวแซ่บที่ร่วมมือกับ วัฒน์ ผู้ช่วยของทอฟ้าในการยักยอกเงินบริษัทเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เธอมีบุคลิกที่เจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง และมักจะวางแผนร้ายเพื่อรักษาตำแหน่งและผลประโยชน์ของตัวเอง

ในเรื่อง สายไหมสร้างความปั่นป่วนได้เยอะมาก เช่น การพยายามยั่ว ขุนเขา เพื่อทำให้ทอฟ้าอิจฉา หรือการร่วมมือกับวัฒน์ในแผนชั่วร้ายเพื่อทำร้ายทอฟ้าและไร่กาแฟของขุนเขา ฉากที่พีคสุดคือตอนที่วัฒน์หึงสายไหมเพราะเข้าใจผิดว่าเธอมีใจให้ขุนเขา ทำให้เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดที่สายไหมเกือบถูกทำร้าย การแสดงของ น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย ในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเป็นสาวเจ้าเล่ห์ที่มีทั้งความสวยและความร้ายได้อย่างลงตัว ทำให้สายไหมเป็นตัวละครที่คนดูทั้งเกลียดและอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไป

ฉายา “สาวแซ่บจอมแผนร้าย”
เพราะ สายไหม คือสาวสวยที่แซ่บและเต็มไปด้วยแผนร้าย เธอใช้ความฉลาดและเสน่ห์เพื่อวางหมากในเกมของตัวเอง ฉายานี้สรุปความเป็นสายไหมได้แบบเป๊ะ ทั้งความเย้ายวนและความเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้เข้มข้น

ข้อคิด การใช้เล่ห์เหลี่ยมอาจได้ผลชั่วคราว แต่ไม่ยั่งยืน
สิ่งที่สายไหมสอนเราคือ การใช้เล่ห์เหลี่ยมและการหักหลังผู้อื่นอาจทำให้ได้เปรียบในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สุดท้ายมักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ดี สายไหมวางแผนร้ายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เมื่อถูกจับได้ เธอก็ต้องเผชิญผลกรรม ข้อคิดนี้เตือนใจว่า ความซื่อสัตย์และการทำสิ่งที่ถูกต้องคือหนทางที่ยั่งยืนกว่า

→ ปิยะ วิมุกตายน รับบท อารักษ์

00 A5B405746C2E1280
ปิยะ วิมุกตายน

อารักษ์ คือตัวละครที่ปรากฏตัวในฐานะชายลึกลับในชุมชนชาวดอยของ อ้อมฟ้าโอบดิน แต่ความจริงแล้ว เขาคือหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน อารักษ์มีบุคลิกที่ดูนิ่ง สุขุม และแฝงไปด้วยความอันตราย เขาคอยวางแผนร้ายเพื่อควบคุมชุมชนและกำจัดทุกคนที่ขวางทาง โดยเฉพาะ ขุนเขา เจ้าของไร่กาแฟ และ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่เข้ามาในดอยเพื่อพา ตะวัน หลานชายกลับไป

ในเรื่อง อารักษ์คือตัวร้ายที่สร้างความตื่นเต้นให้กับเนื้อเรื่อง เช่น ฉากในตอนท้ายที่เขานำทีมบุกไร่กาแฟเพื่อจัดการขุนเขาและทอฟ้า ทำให้เกิดโมเมนต์ลุ้นระทึกเมื่อขุนเขาต้องบังกระสุนเพื่อปกป้องทอฟ้า อารักษ์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับของ ผู้กองพสุธ ที่ซ่อนไว้ ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับเรื่อง การแสดงของ ปิยะ วิมุกตายน ในบทนี้คือสุดยอดมาก เขาทำให้อารักษ์ดูเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์แบบวายร้ายตัวจริง ด้วยแววตาและท่าทางที่เยือกเย็น ทำให้คนดูทั้งเกลียดและอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป

ฉายา “เงามืดแห่งดอย”
เพราะ อารักษ์ คือเหมือนเงามืดที่แฝงตัวอยู่ในชุมชนชาวดอย ด้วยความลึกลับและแผนร้ายที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว ฉายานี้สรุปความเป็นอารักษ์ได้แบบเป๊ะ ทั้งความอันตรายและความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา

ข้อคิด ความชั่วร้ายไม่เคยชนะความดี
สิ่งที่อารักษ์สอนเราคือ ความชั่วร้ายอาจดูน่ากลัวและมีพลังในตอนแรก แต่สุดท้ายความดีและความสามัคคีของคนดีจะชนะเสมอ อารักษ์วางแผนร้ายเพื่อครอบครองทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกจับได้และได้รับโทษตามกฎหมาย ข้อคิดนี้เตือนใจว่า การทำสิ่งที่ถูกต้องและยึดมั่นในความดีคือหนทางที่นำไปสู่ชัยชนะที่แท้จริง

→ เตชินท์ ปิ่นชาตรี รับบท หรั่ง

1369585512 1810118898 o
เตชินท์ ปิ่นชาตรี

หรั่ง คือตัวละครที่เป็นลูกน้องคนสนิทของ อารักษ์ หัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดในชุมชนชาวดอยของ อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นหนุ่มที่ดูแสบซ่า เจ้าเล่ห์ และพร้อมทำตามคำสั่งของอารักษ์แบบไม่ลังเล หรั่งมีบุคลิกที่ดูแข็งกร้าวและกวนประสาท แต่ก็มีโมเมนต์ที่ทำให้เราเห็นว่าเขาเป็นแค่ลูกน้องที่ทำตามคำสั่ง ไม่ได้ร้ายถึงขั้นหัวโจก หน้าที่ของเขาในเรื่องคือช่วยอารักษ์วางแผนร้ายและจัดการกับคนที่ขวางทาง โดยเฉพาะ ขุนเขา เจ้าของไร่กาแฟ และ ทอฟ้า สาวเมืองกรุงที่เข้ามาในดอย

ในเรื่อง หรั่งปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับแผนร้ายของอารักษ์ เช่น การแอบสอดแนมขุนเขาหรือช่วยดำเนินการในขบวนการค้ายาเสพติด ฉากที่พีคคือตอนที่เขาร่วมทีมบุกไร่กาแฟในช่วงท้ายของเรื่อง ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่ทำให้คนดูต้องลุ้นว่าขุนเขาและทอฟ้าจะรอดพ้นจากอันตรายได้ยังไง การแสดงของ เตชินท์ ปิ่นชาตรี ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้หรั่งดูเป็นตัวร้ายที่ทั้งน่าหมั่นไส้และมีเสน่ห์แบบแสบๆ ด้วยท่าทางและแววตาที่ดูเจ้าเล่ห์ ทำให้เราอยากรู้ว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไรต่อไป

ฉายา “ลูกน้องแสบแห่งเงามืด”
เพราะ หรั่ง คือลูกน้องที่แสบและเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ทำงานให้อารักษ์เหมือนเงาที่เคลื่อนไหวในความมืดของดอย ฉายานี้สรุปความเป็นหรั่งได้แบบเป๊ะ ทั้งความกวนและบทบาทที่เป็นฟันเฟืองในแผนร้ายของตัวร้ายหลัก

ข้อคิด การเลือกทางผิดอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย
สิ่งที่หรั่งสอนเราคือ การเลือกเดินในทางที่ผิด เช่น การช่วยเหลือขบวนการร้ายของอารักษ์ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายในท้ายที่สุด หรั่งทำตามคำสั่งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผลกรรมเมื่อแผนร้ายถูกเปิดโปง ข้อคิดนี้เตือนใจว่า การตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องและยึดมั่นในความดีจะช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจในภายหลัง

→ เอกพงศ์ จงเกษกรณ์ รับบท พสุธ

487208150790
เอกพงศ์ จงเกษกรณ์

พสุธ หรือ ผู้กองพสุธ คือตัวละครที่เป็นพี่ชายของ ทอฟ้า และเป็นลูกชายของ อาทิตย์ นักธุรกิจใหญ่ในกรุงเทพฯ ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นนายทหารเรืออากาศเอกที่มีความมุ่งมั่นและหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก พสุธเลือกที่จะทิ้งชีวิตในเมืองกรุงเพื่อแต่งงานกับ น้ำปิง สาวชาวดอยที่เขารัก และย้ายไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่กับเธอและลูกชาย ตะวัน วัย 6 ขวบ แต่เรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อพสุธและน้ำปิงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขาในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่าการชิงตัวตะวันระหว่างทอฟ้าและ ขุนเขา

ถึงพสุธจะปรากฏตัวในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ แต่ตัวละครนี้มีความสำคัญมาก เพราะเขาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างครอบครัวในเมืองกรุงและชุมชนบนดอย อดีตของพสุธยังซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องกับขบวนการร้าย ซึ่งถูกเปิดเผยในช่วงท้ายของเรื่อง ทำให้ตัวละครนี้ยิ่งน่าสนใจ การแสดงของ เอกพงศ์ จงเกษกรณ์ ในบทนี้คือดีมาก เขาถ่ายทอดความเป็นทหารที่หนักแน่นและพ่อที่รักครอบครัวได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะมีเวลาในจอน้อย แต่ทุกฉากที่พสุธปรากฏตัวก็ทำให้เรารู้สึกถึงความรักและความเสียสละของเขา

ฉายา “ทหารหัวใจดอย”
เพราะ พสุธ คือทหารที่เลือกทิ้งชีวิตในเมืองเพื่อไปใช้ชีวิตบนดอยด้วยหัวใจที่มอบให้ครอบครัวและความรัก ฉายานี้สรุปความเป็นพสุธได้แบบเป๊ะ ทั้งความเข้มแข็งแบบทหารและความอ่อนโยนที่มอบให้คนที่รัก

ข้อคิด ความรักที่ยิ่งใหญ่คือการเลือกในสิ่งที่ใจต้องการ
สิ่งที่พสุธสอนเราคือ ความรักที่ยิ่งใหญ่คือการกล้าเลือกในสิ่งที่ใจต้องการ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรค พสุธเลือกที่จะแต่งงานกับน้ำปิงและย้ายไปใช้ชีวิตบนดอย แม้ว่าจะต้องตัดขาดกับพ่ออย่างอาทิตย์ ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การยึดมั่นในความรักและความสุขของตัวเองคือสิ่งที่คุ้มค่า แม้ว่าจะต้องเสียสละบางอย่างก็ตาม

→ บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข รับบท น้ำปิง

8aa01b40 28df 11ed acac 35e611b66caf webp original
บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข

น้ำปิง คือสาวชาวดอยที่เป็นน้องสาวของ ขุนเขา และภรรยาของ ผู้กองพสุธ ในละคร อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นแม่ของ ตะวัน เด็กชายวัย 6 ขวบ และเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความรัก และความมุ่งมั่นในครอบครัว น้ำปิงเลือกที่จะแต่งงานกับพสุธ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจาก อาทิตย์ พ่อของพสุธที่ไม่เห็นด้วย เธอย้ายไปใช้ชีวิตกับสามีในเชียงใหม่ ด้วยความรักที่มั่นคงและความฝันที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นบนดอย

แต่น่าเสียดายที่น้ำปิงและพสุธเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขาในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของดราม่าการชิงตัวตะวันระหว่างขุนเขากับ ทอฟ้า ถึงน้ำปิงจะปรากฏตัวในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ แต่ความรักของเธอที่มีต่อครอบครัวและชุมชนยังคงเป็นแรงผลักดันให้ตัวละครอื่นๆ ดำเนินเรื่องต่อไป ผ่านความทรงจำและความผูกพันที่เธอทิ้งไว้ การแสดงของ บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวชาวดอยที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็งได้อย่างลงตัว ทำให้เรารู้สึกถึงความรักและความเสียสละของน้ำปิง แม้ว่าจะมีเวลาในจอน้อย

ฉายา “สายน้ำแห่งความรัก”
เพราะ น้ำปิง เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านชุมชนชาวดอย นำความรักและความอบอุ่นมาให้ทุกคนในครอบครัว เธอเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงทุกคนด้วยหัวใจ ฉายานี้สรุปความเป็นน้ำปิงได้แบบเป๊ะ ทั้งความอ่อนโยนและความสำคัญของเธอในเรื่อง

ข้อคิด ความรักที่มั่นคงสามารถทิ้งมรดกแห่งความดีงาม
สิ่งที่น้ำปิงสอนเราคือ ความรักที่มั่นคงและจริงใจสามารถทิ้งมรดกแห่งความดีงามไว้ให้คนที่เรารัก แม้ว่าน้ำปิงจะจากไปตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ความรักที่เธอมอบให้ตะวันและครอบครัวยังคงเป็นแรงผลักดันให้ขุนเขาและทอฟ้าต่อสู้เพื่อปกป้องตะวันและชุมชน ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า ความรักที่เรามอบให้สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ แม้เราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม

→ ธัญญา รัตนมาลากุล รับบท แจง

555000004859302
ธัญญา รัตนมาลากุล

แจง คือเพื่อนสนิทของ ทอฟ้า สาวนักธุรกิจจากเมืองกรุงใน อ้อมฟ้าโอบดิน เธอเป็นตัวละครที่มาพร้อมความร่าเริง ขี้เล่น และความเป็นเพื่อนที่จริงใจ แจงทำงานในบริษัทของทอฟ้าและมักจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้เธอในเรื่องงานและหัวใจ เธอมีบุคลิกที่สดใส ชอบแซว และมักจะโยนมุกตลกที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย โดยเฉพาะเมื่อทอฟ้าต้องเจอกับสถานการณ์ตึงๆ อย่างการชิงตัว ตะวัน หลานชาย หรือการเผชิญหน้ากับ ขุนเขา หนุ่มชาวดอย

ในเรื่อง แจงปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับชีวิตในเมืองกรุงและบางครั้งก็ตามทอฟ้าไปถึงดอย เธอเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยเชียร์ทอฟ้าในทุกการตัดสินใจ รวมถึงแซวเรื่องความรักของทอฟ้ากับขุนเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถึงจะไม่ได้มีบทบาทในดราม่าหลัก แจงก็ช่วยเติมเต็มความสนุกและความอบอุ่นให้กับเรื่อง การแสดงของ ธัญญา รัตนมาลากุล ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นเพื่อนสาวที่ทั้งสนุกและจริงใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้แจงเหมือนเพื่อนในชีวิตจริงที่ทุกคนอยากมี

ฉายา “เพื่อนสาวสายแซว”
เพราะ แจง คือเพื่อนสาวที่มาพร้อมความร่าเริงและมุกแซวที่ทำให้ทุกคนยิ้มได้ เธอเหมือนแสงแดดที่คอยทำให้บรรยากาศสดใส ไม่ว่าจะในเมืองหรือบนดอย ฉายานี้สรุปความเป็นแจงได้แบบเป๊ะเลย

ข้อคิด เพื่อนที่ดีคือคนที่คอยอยู่เคียงข้าง
สิ่งที่แจงสอนเราคือ เพื่อนที่ดีคือคนที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจในทุกสถานการณ์ แจงอาจไม่ได้มีบทบาทใหญ่ในเรื่อง แต่เธอคอยสนับสนุนทอฟ้าด้วยความจริงใจและรอยยิ้ม ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า การมีเพื่อนที่พร้อมอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ คือสิ่งที่มีค่ามากในชีวิต

→ สมเล็ก ศักดิกุล รับบท ชัย

สมเล็ก ศักดิกุล

ชัย คือผู้นำชุมชนชาวดอยใน อ้อมฟ้าโอบดิน เขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่ทุกคนในหมู่บ้านเคารพและพึ่งพาได้ ชัยมีบุคลิกที่หนักแน่น ใจดี และมีความเป็นผู้นำที่คอยดูแลชาวบ้าน โดยเฉพาะในช่วงที่ชุมชนต้องเผชิญกับปัญหา เช่น การคุกคามจากขบวนการร้ายของ อารักษ์ เขาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ขุนเขา เจ้าของไร่กาแฟ และคอยให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องชุมชนและไร่กาแฟ

ในเรื่อง ชัยมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับการรวมพลังของชาวบ้าน เช่น การประชุมเพื่อหาทางรับมือกับภัยคุกคาม หรือการช่วยเหลือขุนเขาและ ทอฟ้า เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายจากอารักษ์ เขาเป็นตัวละครที่แสดงถึงความสามัคคีและความมุ่งมั่นในการรักษาวิถีชีวิตของชุมชน การแสดงของ สมเล็ก ศักดิกุล ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้ชัยดูเป็นผู้นำที่ทั้งน่าเกรงขามและอบอุ่น ด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทุกครั้งที่ชัยพูดหรือลงมือทำอะไร เราเหมือนได้เห็นความแข็งแกร่งของชุมชนที่ยึดมั่นในความถูกต้อง

ฉายา “ผู้นำดอยใจเด็ด”
เพราะ ชัย คือผู้นำที่เด็ดเดี่ยวและใจกว้างของชุมชนชาวดอย เขาคอยปกป้องและนำพาทุกคนให้ผ่านพ้นอุปสรรคด้วยความกล้าหาญ ฉายานี้สรุปความเป็นชัยได้แบบเป๊ะ ทั้งความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่น

ข้อคิด ความสามัคคีคือพลังที่ยิ่งใหญ่
สิ่งที่ชัยสอนเราคือ ความสามัคคีของชุมชนคือพลังที่สามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้ ชัยนำชาวบ้านและขุนเขาร่วมมือกันปกป้องไร่กาแฟและต่อสู้กับขบวนการร้ายของอารักษ์ ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่า เมื่อคนในชุมชนรวมใจกัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้


ข้อคิดจากละคร อ้อมฟ้าโอบดิน

ความรักที่แท้จริงคือการเสียสละและยอมรับ
เรื่องนี้สอนผ่าน ขุนเขา และ ทอฟ้า ว่าความรักไม่ได้แค่หวานแหวว แต่ต้องมาพร้อมการเสียสละและการยอมรับกันและกัน ขุนเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องทอฟ้า ขณะที่ทอฟ้าเปิดใจเรียนรู้วิถีชีวิตบนดอยเพื่อเข้าใจเขา ข้อคิดนี้บอกเราว่า ถ้าจะรักใครสักคน ต้องพร้อมให้และรับด้วยใจจริง

ครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
การต่อสู้เพื่อ ตะวัน เด็กน้อยที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง แสดงให้เห็นว่าครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจ ไม่ว่า ขุนเขา ที่ปกป้องตะวันเหมือนลูก หรือ ทอฟ้า ที่อยากให้ตะวันมีอนาคตที่ดี ทุกคนทำเพื่อครอบครัว ข้อคิดนี้เตือนใจว่า ไม่ว่าเจออะไร ครอบครัวคือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด

ความสามัคคีคือกุญแจสู่ชัยชนะ
ชุมชนชาวดอยที่นำโดย ชัย และ ขุนเขา รวมพลังกันต่อสู้กับขบวนการร้ายของ อารักษ์ สอนเราว่าการทำงานเป็นทีมและความสามัคคีสามารถเอาชนะอุปสรรคใหญ่ๆ ได้ ข้อคิดนี้เหมาะมากสำหรับการใช้ชีวิตในสังคม ถ้าเราร่วมมือกัน ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

การเปิดใจนำไปสู่การเติบโต
ทอฟ้า จากสาวเมืองกรุงที่ไม่รู้จักชีวิตบนดอย ค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวจนเข้าใจวิถีชาวบ้าน ขณะที่ อาทิตย์ ก็ยอมเปลี่ยนใจยอมรับ ขุนเขา ข้อคิดนี้บอกเราว่า การก้าวออกจากกรอบเดิมและยอมรับสิ่งใหม่ๆ จะทำให้เราเติบโตและเข้าใจโลกมากขึ้น

ความโลภและการหักหลังนำไปสู่จุดจบ
ตัวละครอย่าง วัฒน์ และ สายไหม ที่เลือกทางผิดด้วยการยักยอกเงินและวางแผนร้าย สุดท้ายก็ต้องเผชิญผลกรรม ข้อคิดนี้เตือนใจว่า การทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่สนใจความถูกต้อง มักจบลงด้วยความพินาศ

อ้อมฟ้าโอบดิน ไม่ได้เป็นแค่ละครที่เล่าเรื่องความรักของ ขุนเขา และ ทอฟ้า หรือการต่อสู้เพื่อ ตะวัน เท่านั้น แต่ยังสอนให้เรารู้จักความรัก การเสียสละ ความสามัคคี และการเติบโตจากการเปิดใจ ข้อคิดเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความรัก หรือการอยู่ร่วมกับคนอื่น ใครยังไม่ได้ดู ต้องไปตามย้อนหลังในช่อง 3 หรือ 3Plus