เมื่อกล่าวถึงลานเท อยุธยา เรื่องที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้นลำตัดและแม่เพลงชื่อดังกระฉ่อนในทุ่งลานเท เห็นจะไม่มีใครเกิน แม่ศรีนวล (บูม สุภาพร) ลูกสาวคนเดียวของ กำนันธง (จิ๊บ วสุ) ความงามของเธอระบือไปไกลทั่วเจ็ดคุ้งน้ำไม่แพ้ความแก่น ห้าวและแม่นปืน ศรีนวลเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ โดยเฉพาะ สมิง (อ้วน เด่นคุณ) หนุ่มเรือโยงที่รักและภักดีต่อศรีนวลมาตั้งแต่เล็กจนโต ลานเทพื้นที่ห่างไกลความเจริญ กฎหมายแทบไม่มีความหมาย อำนาจเถื่อนเป็นสิ่งที่พบเจอเป็นปกติ ชาวบ้านต้องทนต่อการถูกโจรบุกปล้นเสมอ และชื่อที่ชาวบ้านหวาดผวามากที่สุดก็คือ มเหศักดิ์ (ตั๊ก นภัสกร) ขุนโจรมหาเวทย์ที่พิสมัยการปล้นฆ่าอย่างไร้ปรานี
หมวดหมู่: ละครแนวพีเรียด
วงล้อกาลเวลาหมุนวน พัดพาปาฏิหาริย์นำพา 2 ชีวิต นักเรียนหมอต่างขั้วจากสองยุค ให้ได้มาร่วมสุขร่วมทุกข์กัน
เรื่องราวของ “บัว” นักศึกษาแพทย์จากยุค5G โดนพายุหอบทะลุมิติข้ามภพมาพบกับนักเรียนหมอในอดีต อย่าง “ทองอ้น” ลูกชายไม่เอาถ่าน แกะดำของตระกูลหมอหลวง ท่ามกลางสถานการณ์ความอลหม่านในโรงเรียนแพทย์ ความเป็นความตาย ความรัก สงครามโรค โดยมียาไทย และการรักษาแพทย์แผนไทย เชื่อมทั้งคู่ไว้ด้วยกัน
ละคร ลายกินรี 2565 ความตายของกปิตันฌองที่มีผ้าลายอย่างของชนชั้นสูงมาเกี่ยวพัน อาจทำให้อโยธยาลุกเป็นไฟ เขาและเธอจึงต้องร่วมมือกันสืบสวนหาสาเหตุนั้น เพื่อความอยู่รอดของแผ่นดินสยาม
เรื่องราวของออกหลวงอินทราชภักดี (ณเดชน์ คูกิมิยะ) ขุนนางหนุ่มแห่งกรมพระตำรวจที่ต้องร่วมมือกับหมอพุดซ้อน (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ในการสืบหาฆาตกรตัวจริงในคดีฆาตกรรมกัปตันฌอง (เดวิด อัศวนนท์) กัปตันเดินเรือชาวฝรั่งเศสที่มีผ้าลายกินรีซึ่งมีเฉพาะในราชสำนักเข้ามาเกี่ยวข้องอันจะส่งผลต่อความอยู่รอดของ อาณาจักรอยุธยา โดยมีมองสิเออร์โรแบร์ (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) เลขานุการของนายพลฟอบัง เข้ามาร่วมสืบคดีจนเกิดเป็นรักสามเส้า
ละคร ลิขิตแห่งจันทร์ 2562 เรื่องราวความรักข้ามภพ 2 ยุคสมัยด้วยลิขิตแห่งจันทร์ทำให้ภาพวาดโบราณกับคำอธิฐานก่อนสิ้นลมของทหารผู้กล้าแห่งกรุงศรีอยุธยาสำแดงฤทธิ์ ส่งให้สองสาวสลับขั้วข้ามภพมารับหน้าที่ที่ตัวเองไม่ถนัด
ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อ โอปอล ผู้หมวดสาวห้าวฝีมือฉกาจแห่งกองปราบปรามต้องพลัดภพไปก่อความชุลมุนในกรุงศรีอยุธยา และ ดวงแก้ว แม่หญิงงามแห่งกรุงศรีอยุธยา นางในแห่งวังหลวงที่เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ กลับต้องมาสวมบทผู้หมวดสาวบู๊ห้าวก๋ากั่นปราบโจรยุค 2562 ความวุ่นวายที่อิ่มเอมไปด้วยความรักจึงได้เริ่มขึ้น
ชีวิตของต้องพลิกผันเมื่อเธอถูกฆาตกรรมอำพรางเพื่อหวังจะครอบครองสมบัติ วิญญาณของเธอไม่สงบสุขเธอตามอาฆาตคนที่ฆ่าเธอชั่วลูกชั่วหลาน
เมื่อครอบครัวของศามนย้ายมาอยู่เรือนหลังเล็ก รัมภาไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน เธอได้ยินแต่เสียงหัวเราะเย้ยหยันของหญิงคนหนึ่งแว่วเข้าหูตลอดคืน อีกทั้งมักฝันเห็นผู้หญิงนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเสื้อคอกว้างแขนกุดเสมอไหล่ ผมยาวระต้นคอรุ่มร่าม ดูเหมือนผู้หญิงในฝันจะยิ้ม แต่รอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ความฝันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ถึงหญิงชราคนนี้ทำให้เธอผวาตื่นยามดึกอยู่บ่อย ๆ เธอตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับศามนและขอย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ศามนกลับคิดว่าเธอหูฝาดและคิดมากไปเอง รัมภาจึงนำความฝันประหลาดนี้ไปเล่าให้ยายคำฟัง เพราะเธอนึกว่าผู้หญิงที่ฝันเห็นเป็นคุณทวด ยายคำกลับบอกว่าลักษณะแบบนั้นตามที่เธอเล่าให้ฟังไม่ใช่คุณทวดอย่างแน่นอน เพราะคุณทวดไม่เคยไว้ผมยาวรุ่มร่าม ท่านจะตัดผมทรงพุ่ม ๆ และเกล้ามวยเท่านั้น กลายเป็นความสงสัยของรัมภาว่าคนที่เธอฝันเจอคือใคร
กำไลขวัญหล้า สิ่งของลํ้าค่าที่ผู้ใดได้ครอบครองจะได้พบคู่ครองและขึ้นครองบัลลังก์ แต่เธอต้องเลือกระหว่างเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ หรือใช้ชีวิตกับคนที่เธอรัก
เรื่องราวของ “ปานแก้ว” เด็กสาวผู้อาภัพที่ถูกป้าขายเพื่อใช้หนี้ ได้พบกับชายสูงอายุผู้น่าสงสาร ที่มอบภารกิจสำคัญให้กับเธอ นั่นคือการตามหาเจ้าของ “กำไลขวัญหล้า” ตัวจริง ! ปานแก้วได้รับการช่วยเหลือจาก “สูรย์” หนุ่มแปลกหน้าที่มีความลับเรื่องชาติกำเนิด จากความใกล้ชิด ก่อเกิดเป็นความรัก ที่จะพาพวกเขาก้าวผ่านอุปสรรคจนพบกับรักแท้
ดอกไม้งามแห่งราตรี ที่ชวนให้ดอมดมเพียงชั่วคราว ทั้งถูกตีตราและถูกด้อยค่าจากสังคม พวกเธอจะไม่ยอมทนเป็นโสเภณีอีก
เรื่องราวของสามดอกไม้งามแห่งหอบุปผชาติ ได้แก่ “กุหลาบ” , “โบตั๋น”, และ “เทียนหยด” ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ “แม่ราตรี” แม่เล้าผู้ทรงอิทธิพล แต่ชีวิตในหอบุปผชาติไม่ใช่ความปรารถนาของสามสาว พวกเธออยากจะโบยบินเป็นอิสระ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง ทั้งสามคนจึงต้องพยายามหาเงินเพื่อมาไถ่ถอนตัวเองออกจากการเป็น “นางคณิกา” อาชีพที่โดนเหยียดศักดิ์ศรีความเป็นคน ความพยายามต่อสู้เพื่อปลดแอกและกอบกู้ศักดิ์ศรีของพวกเธอจึงเริ่มต้นขึ้น
เรื่องราวรักข้ามเวลา เมื่อลูกชายของขุนเดชและเกศสุรางค์มาพบสาวห้าวจากอนาคต ที่โชคชะตาพาเธอย้อนเวลากลับมาในอดีต
วันหนึ่งขณะที่พุดตานกำลังคุมงานจัดสวนที่ จ.อยุธยา เธอได้ขุดเจอหีบโบราณใบหนึ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ภายในมีสมุดข่อยโบราณเก่าแก่เล่มหนึ่ง เพียงแค่เธอสัมผัสกับสมุดข่อยเล่มนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดคล้ายจะเป็นลม เกิดแสงสีทองสว่างจ้าและร่างของพุดตานก็หายวับไปพร้อมกับสมุดข่อย เมื่อพุดตานลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบเห็นชายหนุ่มรูปงาม แต่งตัวแปลกตาอยู่ตรงหน้า เขาคือหมื่นมหาฤทธิ์ ลูกชายฝาแฝดคนเล็กของออกญาวิสูตรสาครและเกศสุรางค์ สองคนยื้อแย่งคัมภีร์กฤษณะกาลีที่ต่างจับกันอยู่ พุดตานเชื่อว่าสมุดข่อยจะต้องพาเธอกลับบ้าน ในขณะที่หมื่นมหาฤทธิ์ไม่ยอมเพราะคัมภีร์กฤษณะกาลีคือสมบัติล้ำค่าของตระกูลที่ถูกพ่อของเขานำมาฝังเอาไว้นานแล้ว หมื่นมหาฤทธิ์แปลกใจที่พุดตานมีใบหน้าที่ละม้ายคุณแม่ของเขามาก ส่วนพุดตานจะใช้ชีวิตอย่างไรในสถานที่ที่เธอไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย คนแปลกหน้าสองคนที่เพิ่งพบเจอกัน…แต่กลับรู้สึกผูกพันกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฤๅจะเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขาและเธอได้กลับมาพบกันและจะไม่มีวันพรากจากกันอีกชั่วนิรันดร์
คฤหาสน์เก่าแก่ที่มีแต่ความอาถรรพ์ พร้อมภาพในอดีตที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง
ภาพอาถรรพณ์” เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ความแค้นจากอดีตชาติที่เกิดจากความรักของ “วิญญาณคุณประยงค์” จึงทำให้วิญญาณที่เฮี้ยนของคุณประยงค์ สิงสถิตย์อยู่ในรูปถ่าย
ไฟแห่งรัก ไฟแห่งความริษยา และความแค้นอย่างแรงกล้าในอดีตชาติของเทียนคำ ทำให้กลินท์ย้อนมิติกลับสู่อดีตอีกครั้ง อดีตที่เธออ่อนแอและถูกความรักเผาผลาญจนตัวตาย แต่ครั้งนี้กลินท์จะไม่ยอมอีกต่อไป เธอจะเป็นไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาทุกคน ให้มอดไหม้แม้กระทั่งตัวเอง
ยิ่งเมื่อมีงานอีเว้นต์ที่เชียงใหม่ ณ ขณะที่ทำการแสดง กลินท์ได้หลุดเข้าไปในอดีต และได้เห็นเรื่องราวความรักของเจ้าน้อยและเทียนคำ ที่มีหน้าตาเหมือนอินทร์กับกลินท์ ทำให้กลินท์ยิ่งปักใจเชื่อว่าตัวเองกับอินทร์เป็นเนื้อคู่กัน โดยเฉพาะเมื่ออินทร์ให้ปิ่นทองกับกลินท์ เหมือนกับที่เจ้าน้อยเคยให้ปิ่นทองกับเทียนคำ กลินท์ก็เชื่อแบบไม่มีข้อสงสัย เธอกับอินทร์คือเนื้อคู่กันจริง ๆ ซึ่งเมื่อกลินท์เล่าให้อินทร์ฟัง อินทร์ก็ทำทีเป็นคล้อยตาม เชื่อมั่นอย่างที่กลินท์เล่า ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นแค่แผนหลอกผู้หญิงให้ตายใจของอินทร์เท่านั้น ศ.อ