ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562 ละครแนวพีเรียดโรแมนติกคอมเมดี้ เสนอแง่มุม มิตรภาพ ความรักต่างฐานะ เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ณ หมู่บ้านท่าโฉลง หมู่บ้านห่างไกลที่มีความเชื่อเรื่องผีสางและไสยศาสตร์ฝังรากลึก “ทองเอก” เป็นชายหนุ่มรูปงาม ซุกซน และมีใจรักในวิชาการแพทย์แผนไทย เขาเป็นหลานของ “พ่อหมอทองอิน” หมอยาชื่อดังที่เคยถูกเนรเทศจากกรุงเก่าหลังถูกกล่าวหาว่ารักษาเด็กที่ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้าไม่หาย จนต้องย้ายมาอยู่ที่ท่าโฉลงพร้อมทองเอก ซึ่งตอนนั้นยังเด็ก ทองเอกเติบโตขึ้นโดยเรียนรู้วิชาการแพทย์จากปู่ และมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอยาที่ช่วยเหลือชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม เขาต้องเผชิญกับความท้าทายจากความเชื่อเรื่องผีและพิธีกรรมของชาวบ้าน รวมถึงการต่อสู้กับ “แม่หมอมั่น” หมอผีที่ครองอิทธิพลในชุมชนและมองว่าการแพทย์แผนไทยของทองเอกเป็นภัยต่อความศรัทธาของเธอ
ทองเอกได้พบกับ “ชบา” หญิงสาวสวยที่มีความสามารถในการต่อสู้และแตกต่างจากหญิงสาวในยุคนั้น เธอเป็นลูกสาวของขุนนางท้องถิ่นที่มีนิสัยแก่นเซี้ยวและกล้าหาญ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง แต่ค่อยๆ พัฒนาเป็นความรักท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องร่วมกันต่อสู้กับความเชื่อผิดๆ และช่วยเหลือชาวบ้านจากโรคภัย. นอกจากนี้ ยังมีตัวละครอย่าง “ผ่อง” ลูกสาวของแม่หมอมั่น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยป่วยหนักจนถูกเข้าใจว่าเป็นผีปอบ แต่ทองเอกช่วยรักษาจนหาย และกลายเป็นสาวงามที่ทำให้เกิดความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร
ละครเน้นการนำเสนอประเด็นความขัดแย้งระหว่าง การแพทย์แผนไทย และ ไสยศาสตร์ ซึ่งสะท้อนผ่านการปะทะกันระหว่างทองเอกและแม่หมอมั่น ทองเอกใช้ความรู้ทางการแพทย์ที่สืบทอดจากปู่ทองอิน รวมถึงการตรวจชีพจรและการใช้สมุนไพรเพื่อรักษาคนไข้ ในขณะที่แม่หมอมั่นยึดติดกับพิธีกรรมและความเชื่อเรื่องผี ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชน ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร
ในหมู่บ้านท่าโฉลงอันเงียบสงบในสมัยรัชกาลที่ 5 กลิ่นอายของสมุนไพรและควันจากพิธีกรรมลอยอบอวลในอากาศ หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสางและไสยศาสตร์ แต่ท่ามกลางความมืดมิดของความงมงายนั้น ชายหนุ่มนาม ทองเอก ปรากฏตัวดั่งแสงสว่าง ด้วยใจที่มุ่งมั่นและความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย เขาจะเปลี่ยนโฉมหน้าของท่าโฉลงไปตลอดกาล
จุดเริ่มต้นของตำนานหมอยา
ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) เป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และหัวใจที่เปี่ยมด้วยความฝัน เขาเติบโตมากับ พ่อหมอทองอิน ปู่ผู้เป็นหมอยาชื่อดังที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตราหน้าว่าล้มเหลวในการรักษาคนไข้พิษสุนัขบ้า จนต้องหลบหนีจากกรุงเทพฯ มาพำนักที่ท่าโฉลงพร้อมหลานชายตัวน้อย ทองเอกซึมซับวิชาการแพทย์จากปู่ตั้งแต่ยังเด็ก เรียนรู้การใช้สมุนไพร ตรวจชีพจร และรักษาคนไข้ด้วยความรู้ที่สืบทอดมา เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอยาที่ช่วยเหลือชาวบ้านให้พ้นจากความเจ็บป่วยและความเชื่อผิดๆ
แต่ท่าโฉลงไม่ใช่ที่ที่ยอมรับความรู้ใหม่ๆ ได้ง่ายๆ แม่หมอมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) หมอผีผู้ครองอิทธิพลในหมู่บ้าน ใช้พิธีกรรมและความเชื่อเรื่องผีสางควบคุมจิตใจชาวบ้าน เธอมองทองเอกเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของตน และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเขา ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาคนไข้ว่าเป็นผีปอบ หรือปลุกปั่นให้ชาวบ้านหวาดกลัวการรักษาแบบใหม่
ความรักท่ามกลางความขัดแย้ง
วันหนึ่ง ทองเอกได้พบกับ ชบา (คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส) หญิงสาวที่เหมือนดอกไม้ป่าที่งดงามและแข็งแกร่ง เธอเป็นลูกสาวของขุนนางท้องถิ่น มีนิสัยกล้าแกร่งและฝีมือการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เหมือนไฟปะทะลม ชบามองว่าทองเอกเป็นเพียงหมอยาหนุ่มจอมทะเล้น ส่วนทองเอกเห็นชบาเป็นสาวแสบที่พร้อมท้าทายทุกคน แต่โชคชะตานำพาทั้งสองให้ต้องร่วมมือกันเมื่อชาวบ้านป่วยหนัก และความใกล้ชิดนั้นค่อยๆ กลายเป็นสายใยแห่งรัก
ท่ามกลางความวุ่นวาย ยังมี ผ่อง (ภูริตา สุปินชุมภู) ลูกสาวของแม่หมอมั่น ผู้เคยป่วยหนักจนถูกตราหน้าว่าเป็นผีปอบ แต่ทองเอกใช้ความรู้รักษาเธอจนหาย ผ่องกลายเป็นสาวงามที่แอบหลงรักทองเอก ความรู้สึกของเธอทำให้เรื่องราวยิ่งซับซ้อน เมื่อ กล้า (ปั้นจั่น ปรมะ) ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งและหลงรักชบา เข้ามาเป็นคู่แข่งของทองเอก กล้าพยายามใช้ทั้งอำนาจและเงินทองเพื่อเอาชนะใจชบา และไม่ลังเลที่จะสร้างปัญหาให้ทองเอก
การต่อสู้เพื่อความจริง
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเมื่อโรคระบาดร้ายแรงแผ่ปกคลุมท่าโฉลง ชาวบ้านล้มป่วยทีละคน และความหวาดกลัวผีสางยิ่งทวีคูณ แม่หมอมั่นฉวยโอกาสนี้กล่าวหาว่าผีปอบเป็นสาเหตุ และพยายามใช้พิธีกรรมขับไล่เพื่อยึดอำนาจต่อไป แต่ทองเอกยืนหยัดในความเชื่อของเขา เขาใช้สมุนไพรและความรู้ที่สืบทอดจากปู่เพื่อรักษาคนไข้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความไม่เชื่อใจจากชาวบ้านและการขัดขวางจากแม่หมอมั่น
ฉากหนึ่งที่ชวนลุ้นคือเมื่อชบาต้องลงไปช่วยทองเอกเก็บสมุนไพรในหนองน้ำ ทั้งคู่พายเรือไปด้วยกัน ท่ามกลางความวุ่นวายและการปะทะคารมที่กลายเป็นความหวานโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อชบาเองต้องเผชิญกับอาการป่วยจากโรคระบาด ทองเอกต้องเดิมพันทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตเธอ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงเพื่อรักษาคนที่เขารัก แต่ยังเพื่อพิสูจน์ว่าความรู้และความจริงสามารถเอาชนะความงมงายได้
ปมในอดีตและการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเรื่องดำเนินไป ทองเอกค้นพบความจริงเกี่ยวกับอดีตของปู่ทองอิน ซึ่งเกี่ยวพันกับราชสำนักและการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ปมนี้ทำให้เขาต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ ว่าจะเดินตามรอยปู่ต่อไป หรือเลือกเส้นทางใหม่เพื่อปกป้องคนที่เขารักและชาวบ้านท่าโฉลง การรักษาขุนนางสำคัญที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านกลายเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ชื่อเสียงของทองเอกเริ่มเป็นที่รู้จัก แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคจากศัตรูทั้งในและนอกหมู่บ้าน
ความรักระหว่างทองเอกและชบาค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางความยากลำบาก ทั้งสองเรียนรู้ที่จะไว้วางใจและสนับสนุนกัน ขณะที่ผ่องและกล้าต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่สมหวัง แต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในท่าโฉลง
ละครเรื่องนี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานความสนุกสนานจากมุกตลก ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย และความโรแมนติกที่ลงตัว การแสดงของมาริโอ้และคิมเบอร์ลีได้รับคำชื่นชมว่าสามารถถ่ายทอดคาแรคเตอร์ได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ปะทะคารมกัน ละครยังสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับความเชื่อที่ผิด และการยึดมั่นในความรู้และความจริง ซึ่งทำให้เรื่องราวมีมิติมากกว่าแค่ความบันเทิง ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่องและการนำเสนอ
ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง นำเสนอเรื่องราวในหมู่บ้านท่าโฉลง สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสาง ทองเอก หมอยาหนุ่มรูปงามและชาญฉลาด ใช้ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยที่สืบทอดจากปู่เพื่อรักษาชาวบ้าน แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายจาก แม่หมอมั่น หมอผีที่ครองอิทธิพลด้วยพิธีกรรมไสยศาสตร์ การปะทะกันระหว่างความรู้วิทยาศาสตร์และความงมงายเป็นหัวใจของเรื่องราว ผสมผสานกับความรักระหว่างทองเอกและ ชบา หญิงสาวกล้าแกร่งที่มีนิสัยแก่นเซี้ยว และรักสามเส้าที่เพิ่มสีสันด้วยตัวละครอย่าง ผ่อง และ กล้า
จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือการนำเสนอความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยอย่างน่าสนใจ เช่น การใช้บัวบกหรือขมิ้นในการรักษา ซึ่งถ่ายทอดผ่านฉากที่ทั้งสนุกและให้สาระ ละครยังผสมผสานอารมณ์ขันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากปะทะคารมระหว่างทองเอกและชบา ที่ทำให้ผู้ชมอมยิ้มได้ตลอด อย่างไรก็ตาม บางช่วงของละครอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะการเน้นความขัดแย้งซ้ำๆ ระหว่างทองเอกและแม่หมอมั่น ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกว่าจังหวะเรื่องช้าลงในบางตอน
การแสดงและตัวละคร
มาริโอ้ เมาเร่อ ในบททองเอก ถ่ายทอดคาแรคเตอร์หมอยาหนุ่มได้อย่างมีเสน่ห์ ทั้งความทะเล้น ความมุ่งมั่น และความจริงใจในการช่วยเหลือชาวบ้าน การแสดงของเขาทำให้ทองเอกเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าเชื่อถือ คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส ในบทชบา ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เธอนำเสนอภาพหญิงสาวที่ทั้งสวย แข็งแกร่ง และมีจิตใจดีได้อย่างลงตัว เคมีระหว่างทั้งคู่เป็นหนึ่งในจุดแข็งของละคร โดยเฉพาะฉากโรแมนติกที่หวานปนขบขัน เช่น ฉากพายเรือเก็บบัวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและรอยยิ้ม
รัดเกล้า อามระดิษ ในบทแม่หมอมั่น สร้างความน่าจดจำด้วยการแสดงที่ทรงพลัง เธอทำให้ตัวละครนี้ทั้งน่าเกรงขามและน่ารำคาญในเวลาเดียวกัน ซึ่งช่วยขับเน้นความขัดแย้งในเรื่องได้ดี ภูริตา สุปินชุมภู (ผ่อง) และ ปั้นจั่น ปรมะ (กล้า) ก็ทำหน้าที่ได้ดีในบทตัวละครสมทบ โดยเฉพาะผ่องที่พัฒนาจากเด็กสาวป่วยไปสู่หญิงสาวที่มีความสำคัญในเรื่อง อย่างไรก็ตาม บางตัวละครสมทบ เช่น กล้า อาจมีบทบาทที่ค่อนข้างสูตรสำเร็จและไม่ลึกซึ้งเท่าตัวละครหลัก
งานสร้างและบรรยากาศ
งานสร้างของละครได้รับคำชื่นชมอย่างมากในด้านการถ่ายทอดบรรยากาศสมัยรัชกาลที่ 5 ฉากหมู่บ้านท่าโฉลงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่บ้านเรือนไม้ ทุ่งนา ไปจนถึงหนองน้ำที่ใช้ในฉากสำคัญ การแต่งกายของตัวละครสะท้อนวัฒนธรรมไทยได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะชุดผ้าไทยของชบาและผ่องที่ช่วยเสริมความเป็นพีเรียด ดนตรีประกอบก็เข้ากับอารมณ์ของเรื่อง โดยเฉพาะเพลง “ยายายา ,กอด” ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของละคร
คะแนน 8/10 (จาก sence9.com)
ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง เป็นละครที่ผสมผสานความสนุก ความรู้ และความโรแมนติกได้อย่างลงตัว การแสดงที่ยอดเยี่ยมของมาริโอ้และคิมเบอร์ลี ผสานกับงานสร้างที่สวยงามและเนื้อเรื่องที่ให้สาระ ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของปี 2562 แม้จะมีจุดที่เดินเรื่องช้าบ้างหรือตัวละครสมทบที่ยังไม่โดดเด่นเต็มที่ แต่โดยรวมแล้ว ละครเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครพีเรียดที่มีทั้งมุกตลก ความรัก และข้อคิดดีๆ หากคุณกำลังมองหาละครที่ทั้งสนุกและได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยและการแพทย์แผนไทย เรื่องนี้คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด
ความตื่นเต้นจากเรื่องราวที่แปลกใหม่
เมื่อเริ่มดู ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ความรู้สึกแรกคือความตื่นเต้นที่ได้เห็นละครพีเรียดที่แตกต่างจากเรื่องอื่นในยุคเดียวกัน เรื่องราวของ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) หมอยาหนุ่มที่ใช้ความรู้ด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสาง นำเสนอในมุมที่ทั้งสนุกและให้สาระ การปะทะกันระหว่างความรู้วิทยาศาสตร์ของทองเอกและพิธีกรรมไสยศาสตร์ของ แม่หมอมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) ทำให้รู้สึกลุ้นทุกครั้งที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ฉากที่ทองเอกต้องพิสูจน์ว่าอาการป่วยของชาวบ้านไม่ใช่ผีปอบ แต่เป็นโรคที่รักษาได้ด้วยสมุนไพร ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นและอยากติดตามว่าเขาจะเอาชนะความงมงายได้อย่างไร
ความสนุกและรอยยิ้มจากมุกตลก
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้พิเศษคือความสนุกที่มาพร้อมอารมณ์ขัน มุกตลกที่สอดแทรกในบทสนทนา โดยเฉพาะระหว่างทองเอกและ ชบา (คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส) ทำให้อดยิ้มไม่ได้ ฉากที่ทั้งคู่ปะทะคารมกันตั้งแต่แรกพบ หรือฉากพายเรือเก็บบัวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย กลายเป็นช่วงเวลาที่ชวนหัวเราะและรู้สึกผ่อนคลาย ความทะเล้นของทองเอกและความแก่นเซี้ยวของชบาสร้างเคมีที่ลงตัว ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งดูเพื่อนสองคนที่ทั้งรักทั้งแกล้งกัน ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีคูณด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติของมาริโอ้และคิมเบอร์ลี ซึ่งทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวาและน่าติดตาม
ความอบอุ่นจากความรักและมิตรภาพ
เมื่อเรื่องดำเนินไป ความสัมพันธ์ระหว่างทองเอกและชบาค่อยๆ พัฒนาจากการเป็นคู่กัดกลายเป็นความรักที่อบอุ่น ฉากที่ทั้งคู่ช่วยกันดูแลชาวบ้านท่ามกลางโรคระบาด หรือตอนที่ทองเอกต้องทุ่มเทรักษาชบาเมื่อเธอป่วยหนัก ทำให้รู้สึกซาบซึ้งถึงความเสียสละและความผูกพันของทั้งคู่ ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความหวานแบบทั่วไป แต่เป็นความรักที่เติบโตจากการร่วมทุกข์ร่วมสุข ซึ่งชวนให้รู้สึกอินและอยากเอาใจช่วย
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทองเอกและตัวละครสมทบ เช่น ผ่อง (ภูริตา สุปินชุมภู) ที่เปลี่ยนจากเด็กสาวป่วยไปสู่หญิงสาวที่เข้มแข็ง หรือความผูกพันระหว่างทองเอกและปู่ทองอิน ยังเพิ่มความอบอุ่นให้เรื่องราว การได้เห็นตัวละครที่ต่างกันมาร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือชุมชน ทำให้รู้สึกถึงพลังของมิตรภาพและความสามัคคี
ความประทับใจจากสาระและวัฒนธรรม
สิ่งที่ทำให้ ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง โดดเด่นคือการนำเสนอความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยในแบบที่ไม่น่าเบื่อ การได้เห็นทองเอกใช้สมุนไพรอย่างบัวบก ขมิ้น หรือใบมะกรูดในการรักษาคนไข้ ทำให้รู้สึกทึ่งในภูมิปัญญาไทยและอยากเรียนรู้เพิ่มเติม ละครยังถ่ายทอดวัฒนธรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ได้อย่างสวยงาม ตั้งแต่ฉากหมู่บ้านท่าโฉลงที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้และทุ่งนา ไปจนถึงชุดผ้าไทยที่ตัวละครสวมใส่ ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสชีวิตในอดีตทำให้การดูสนุกยิ่งขึ้น
ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง เรื่องราวที่ทั้งสนุก อบอุ่น และให้ข้อคิด ละครทำให้รู้สึกชื่นชมในความรู้และความมุ่งมั่นของทองเอกที่ต่อสู้เพื่อความจริง รวมถึงความรักที่สวยงามระหว่างเขากับชบา การได้เห็นหมู่บ้านท่าโฉลงเปลี่ยนแปลงจากความกลัวไปสู่ความหวัง ทำให้รู้สึกว่าความรู้และความรักสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้จริงๆ
ละครเรื่องนี้เปรียบเสมือนการเดินทางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำตา และความทรงจำที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นฉากตลกที่ชวนหัวเราะ ฉากโรแมนติกที่ทำให้ใจเต้น หรือฉากดราม่าที่ชวนลุ้น ทุกอย่างผสมกันอย่างลงตัว ทำให้รู้สึกว่าการใช้เวลากับละครเรื่องนี้คุ้มค่าทุกนาที สำหรับใครที่ชื่นชอบละครพีเรียดที่มีทั้งสาระ ความสนุก และความรัก ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง จะเป็นหนึ่งในละครที่อยู่ในใจไปอีกนาน
ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562
ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562 EP.1-34 ENDCH3+
ฉากเด็ด ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562
กอด Ost.ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง | กัน นภัทร | Official MV
ยายายา Ost.ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง | มาริโอ้ เมาเร่อ Feat. อยุธยา Cute Boys | Official MV
ละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562
“การเป็นหมอที่ดี คือคำนึงถึงคนไข้ ไม่ว่ายาไทย หรือยาเทศ ถ้าทำให้คนป่วยหายได้รักษาชีวิตไว้ได้ ยานั้นย่อมมีสรรพคุณที่ดี ไม่มีแบ่งแยกว่าอะไรวิเศษไปกว่ากัน”
ทองเอก หมอยาหนุ่มสุดหล่อ
ปี พ.ศ. 2419 สมัยรัชกาลที่ 5 เรื่องราวเกิดที่หมู่บ้านท่าโฉลง หมู่บ้านห่างไกลที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสาง ตัวเอกของเราคือ ทองเอก หรือ เจ้าเอก (มาริโอ้) หมอยาหนุ่มสุดหล่อที่สืบทอดวิชาการแพทย์แผนไทยจากปู่ พ่อหมอทองอิน (รอง เค้ามูลคดี) ซึ่งเคยเป็นหมอยาดังในกรุงเก่า แต่ถูกเนรเทศเพราะรักษาลูกขุนนางที่ป่วยพิษสุนัขบ้าไม่หาย เรื่องนี้มันดราม่าตั้งแต่ต้นเลย เพราะพ่อแม่ของทองเอกตายจากโรคระบาดตั้งแต่เขาอายุ 8 ขวบ ทำให้เขากลายเป็นกำพร้าต้องย้ายมาอยู่กับปู่ที่ท่าโฉลง
ทองเอกนี่ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว เขาซุกซน รักสนุก และจีบสาวเก่ง แต่หัวใจของเขาคือการเป็นหมอยาที่อยากช่วยชาวบ้าน ด้วยคติสุดคูลที่ว่า “ยาไทยหรือยาเทศ ถ้ารักษาคนหายได้คือยาดี ไม่ต้องแบ่งแยก” โอ้โห แค่นี้ก็รู้สึกถึงพลังของหมอยาหนุ่มแล้ว
หมู่บ้านท่าโฉลง ดงผีสางและหมอผีสุดแซ่บ
มาถึงหมู่บ้านท่าโฉลงกันบ้าง ที่นี่คือดงของความเชื่อเรื่องผี ชาวบ้านกลัวผีปอบ กลัววิญญาณ ปิดบ้านเงียบกริบตอนค่ำ และคนที่ครองอิทธิพลคือ แม่หมอมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) หมอผีสุดแซ่บที่ใช้พิธีกรรมขับผีครองใจชาวบ้าน ฉากที่หมอผีมั่นฟาดหวายใส่เด็กสาวที่ป่วยเพราะคิดว่าเป็นผีปอบนี่คือแบบ กรี๊ดดด! โหดมาก แต่ทองเอกไม่ยอม เขาออกมาท้าทายว่า “นี่ไม่ใช่ผี นี่คือไข้สูง” ทำให้หมอผีมั่นโกรธจัด กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของทองเอกไปเลย
ในหมู่บ้านยังมี หลวงตาเพชร ศูนย์รวมใจของชาวบ้านที่คอยสนับสนุนทองเอก และส่ง เปียก กับ ตุ่น ลูกศิษย์วัดมาเรียนวิชาหมอกับปู่ทองอิน คู่นี้คือตัวตบมุกสุดฮา เพิ่มสีสันให้ละครตลอดเวลา
ความรักวุ่นๆ ทองเอก, ชบา, และรักสามเส้า
ความรักในเรื่องนี้วุ่นวายสุดๆ ชบา (คิมเบอร์ลี) ลูกสาวของ ขุนกสิกรรมบำรุง และ คุณนายสายหยุด สาวแซ่บที่ดูเหมือนกุลสตรีเรียบร้อย แต่ลับหลังคือสายลุย! ชบาเกลียดงานฝีมือ ชอบผจญภัย และฉลาดสุดๆ การเจอกันครั้งแรกของชบากับทองเอกคือแบบ ปะทะคารมกันไฟแล่บ! ทองเอกมองชบาเป็นสาวห้าวเกินไป ส่วนชบาก็อยากเรียนวิชาหมอกับปู่ทองอิน แต่แอบปลื้มทองเอกอยู่ในใจ
แต่เดี๋ยวก่อน ยังมี ผ่อง (ภูริตา สุปินชุมภู) ลูกสาวของแม่หมอมั่นที่เคยป่วยหนักจนถูกตราว่าเป็นผีปอบ แต่ทองเอกช่วยรักษาจนหาย กลายเป็นสาวสวยที่ทองเอกแอบชอบตอนแรก! ผ่องเองก็อยากได้ผัวรวยๆ เพราะเข็ดความลำบากตอนป่วย ทำให้เกิดรักสามเส้าสุดปวดหัว
แล้วยังมี กล้า (ปั้นจั่น ปรมะ) ลูกชายเศรษฐินี กิ่งแข หนุ่มหล่อ รวย มั่นใจเกินร้อย ที่หลงรักชบาแบบหัวปักหัวปำ กล้าพยายามจีบชบาด้วยของแพงอย่างจักรยานจากกรุงเทพฯ แต่ชบาก็แค่สนใจจักรยาน ไม่ได้สนใจเขา 555 ละครยังมีคู่รองอย่าง เพิ่ม และ กลิ่น ที่เป็นรักแบบเหนียมๆ น่ารักสุดๆ แต่กว่าจะสมหวังก็ลุ้นเหนื่อย
ดราม่าและการต่อสู้ หมอยา vs หมอผี
เรื่องนี้มันส์ตรงที่ทองเอกต้องต่อสู้กับความเชื่อผิดๆ ของชาวบ้านและแม่หมอมั่น! ฉากที่ทองเอกสืบหาความจริงว่าผีที่ออกอาละวาดเป็นฝีมือคนของหมอผีมั่นคือลุ้นสุดๆ แต่หมอผีมั่นก็ไม่ยอมง่ายๆ ถึงขั้นท้าทายให้หาหลักฐานมาแฉ มีครั้งหนึ่งที่ นางกิ่งแข ป่วย หมอผีมั่นใช้ของขลังแต่ไม่หาย ทองเอกแอบส่งยาให้จนหาย แต่หมอผีมั่นดันแย่งเครดิต! โอ้ยยย ความแค้นนี้ต้องเอาคืน
ละครยังพีคขึ้นเมื่อเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ชบาและทองเอกต้องร่วมมือกันรักษาชาวบ้าน แต่ชบาดันติดไข้จนเกือบตาย ฉากนี้คือน้ำตาแตก ทองเอกต้องทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยคนที่รัก บอกเลยว่าดราม่าสุด
บอกเลยว่าดูเรื่องนี้แล้วได้ทุกอารมณ์ ตลกก็ขำกลิ้งกับมุกของทองเอก เปียก และตุ่น โรแมนติกก็ฟินสุดๆ กับเคมีของมาริโอ้และคิมเบอร์ลี ดราม่าก็ลุ้นจนตัวโก่ง ที่สำคัญคือได้ความรู้เรื่องสมุนไพรแบบไม่น่าเบื่อ เช่น การใช้ อำพันทอง (ขี้วาฬ) ในการรักษา ฉากที่ทองเอกและชบาไปผจญภัยหาตัวยานี่คือมันส์มาก งานสร้างก็ปัง ฉากหมู่บ้านท่าโฉลงสวยเหมือนย้อนยุคจริงๆ ชุดผ้าไทยของชบาและผ่องคือสวยปัง ดนตรีประกอบก็เข้ากับอารมณ์
ถ้าคุณรักละครพีเรียดที่มีทั้งความสนุก ความรัก และสาระ ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง คือต้องดู มันเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนไปสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วเจอเรื่องวุ่นๆ ที่ทั้งขำทั้งซึ้ง อยากรู้ว่าเรื่องราวจะจบยังไง ทองเอกจะสมหวังกับชบามั้ย หรือหมู่บ้านจะรอดจากโรคระบาดรึเปล่า ต้องไปดูเอง
เบื้องหลังละครสุดปัง ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง 2562 มาดูกันว่าใครเป็นคนเนรมิตละครพีเรียดคอมเมดี้ดราม่าเรื่องนี้ให้กลายเป็นที่รักของแฟนๆ กัน
บทประพันธ์โดย จินโจว – ผู้จุดประกายเรื่องราวสุดเจ๋ง
เริ่มที่หัวใจของละครเลย จินโจว คือคนเขียนบทประพันธ์ของ ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง บอกเลยว่าเขาเก่งมาก คิดพล็อตที่ผสมความรู้เรื่องสมุนไพร ความรักวุ่นๆ และการปะทะระหว่างหมอยากับหมอผีในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แบบลงตัวสุดๆ ลองนึกภาพหมู่บ้านท่าโฉลงที่เต็มไปด้วยความเชื่อผีสาง แล้วมีหมอยาหนุ่มอย่างทองเอกมาสู้ด้วยความรู้ แค่คิดก็มันส์แล้ว จินโจวคือคนที่จุดประกายให้เรื่องนี้มีทั้งความสนุกและสาระ ต้องปรบมือรัวๆ ให้เลย
บทโทรทัศน์โดย สร้างสรรค์/นุขหน้าจอ – คนที่ทำให้บทพูดปัง
ต่อมาที่คนเขียนบทโทรทัศน์ สร้างสรรค์ และ นุขหน้าจอ สองคนนี้คือตัวจริงเรื่องการแปลงบทประพันธ์ให้กลายเป็นบทละครที่ดูเพลิน เขาใส่มุกตลกที่ทำให้เราขำกลิ้ง เช่น ฉากปะทะคารมของทองเอกกับชบา หรือความวุ่นวายตอนหนีผี แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือเขาทำให้บทพูดมีความรู้สึก ทั้งฉากหวานๆ ที่ชบากับทองเอกเริ่มมีใจให้กัน และฉากดราม่าตอนโรคระบาดที่ทำเอาน้ำตาซึม บอกเลยว่า สร้างสรรค์ กับ นุขหน้าจอ คือคนที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตและพูดจาได้แบบถึงใจคนดู
กำกับการแสดงโดย ชุดาภา จันทเขตต์ – ผู้กำกับตัวแม่

มาถึง ชุดาภา จันทเขตต์ ผู้กำกับสุดเจ๋งที่ทำให้ละครเรื่องนี้เป๊ะปังทุกฉาก ชุดาภาคือคนที่คุม mood & tone ของเรื่องให้ครบรส ทั้งตลก โรแมนติก และดราม่า ฉากที่ทองเอกสู้กับหมอผีมั่น หรือฉากหวานๆ ที่ทองเอกกับชบาไปเก็บบัวในหนองน้ำ นี่คือฝีมือชุดาภาทั้งนั้น เธอรู้วิธีดึงการแสดงจากนักแสดงให้ออกมาสุดยอด โดยเฉพาะ มาริโอ้ กับ คิมเบอร์ลี ที่เคมีลงตัวจนคนดูฟินจิกหมอน ชุดาภาคือตัวจริงที่ทำให้ทุกฉากดูสมจริงและน่าติดตาม ต้องยกนิ้วให้เลย
ควบคุมการผลิตโดย ชุดาภา จันทเขตต์ และ ปิยะ เศวตพิกุล – ทีมคุณภาพ

ไม่ใช่แค่กำกับ แต่ ชุดาภา จันทเขตต์ ยังควบคุมการผลิตด้วย ร่วมกับ ปิยะ เศวตพิกุล ทั้งสองคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ทุกอย่างเป๊ะ ตั้งแต่ฉากหมู่บ้านท่าโฉลงที่สวยเหมือนย้อนยุคจริงๆ ชุดผ้าไทยที่ปังทุกตัว ไปจนถึงดนตรีประกอบที่เข้ากับอารมณ์สุดๆ ทีมนี้ใส่ใจทุกรายละเอียด ทำให้ละครมีคุณภาพทั้งภาพ เสียง และการเล่าเรื่อง บอกเลยว่าเป็นงานระดับพรีเมียม
ผลิตโดย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด – ค่ายที่การันตีความปัง
ปิดท้ายด้วย บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด ค่ายที่อยู่เบื้องหลังการผลิตละครเรื่องนี้ ค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องงานคุณภาพ และ ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ก็พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาทำได้ดีแค่ไหน จากการเลือกนักแสดงสุดปังอย่าง มาริโอ้, คิมเบอร์ลี, รัดเกล้า, และคนอื่นๆ ไปจนถึงการสร้างฉากและเรื่องราวที่ผสมความสนุก ความรู้ และความรักได้อย่างลงตัว โซนิกซ์ บูมคือค่ายที่ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงในปี 2562
บอกเลยว่า ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง จะไม่ปังขนาดนี้ถ้าไม่มีทีมงานสุดยอด ตั้งแต่ จินโจว ที่คิดเรื่องราวสุดเจ๋ง, สร้างสรรค์/นุขหน้าจอ ที่เขียนบทพูดให้สนุก, ชุดาภา จันทเขตต์ ที่กำกับและคุมงานให้เป๊ะ, ปิยะ เศวตพิกุล ที่ช่วยควบคุมคุณภาพ และ โซนิกซ์ บูม 2013 ที่ทุ่มสุดตัว ทีมนี้คือสูตรสำเร็จที่ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นที่รักของแฟนๆ
นักแสดง
→ มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท ทองเอก

ทองเอกคือหมอยาหนุ่มสุดหล่อในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เติบโตมากับปู่หมอทองอินในหมู่บ้านท่าโฉลง หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสาง เขาเป็นคนที่มีความรู้การแพทย์แผนไทยแบบแน่นปึ้ก สืบทอดวิชาจากปู่ ใช้สมุนไพรอย่างบัวบก ขมิ้น หรืออำพันทองรักษาคนไข้ได้แบบเป๊ะ แต่ที่ทำให้ทองเอกเด่นคือความกล้าที่จะท้าทายความงมงายของชาวบ้านและแม่หมอผีมั่น ที่ชอบใช้พิธีกรรมหลอกคน
ทองเอกไม่ใช่แค่หมอเก่ง เขายังซุกซน รักสนุก และจีบสาวเก่งสุดๆ ตอนแรกเขาแอบชอบผ่อง แต่สุดท้ายหัวใจไปอยู่ที่ชบา สาวแซ่บที่ปะทะคารมกับเขาได้แบบไฟแล่บ ความเจ๋งของทองเอกคือความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นการถูกกล่าวหาว่าหลอกลวง หรือตอนที่ต้องสู้กับโรคระบาด เขายังคงยึดมั่นในความรู้และความดี การแสดงของมาริโอ้ทำให้ทองเอกมีทั้งความทะเล้น ความจริงใจ และความเป็นผู้นำที่ทำให้คนดูหลงรัก
ฉายา หมอยาหนุ่มหัวใจแกร่ง
เพราะเขาไม่แค่รักษาคนด้วยสมุนไพร แต่ยังมีจิตใจที่เข้มแข็ง สู้กับความเชื่อผิดๆ และไม่ยอมให้อะไรมาหยุดความตั้งใจของเขาได้
ข้อคิด ความรู้คือพลังที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง
ข้อคิดจากทองเอกคือ ความรู้คือพลังที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง เขาสอนเราว่าการยึดมั่นในความรู้และความจริงสามารถเอาชนะความกลัวและความงมงายได้ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหนักแค่ไหน ถ้ามีความรู้และใจที่มุ่งมั่น ทุกอย่างก็เป็นไปได้
→ คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ รับบท ชบา

ชบาคือลูกสาวของ ขุนกสิกรรม และ คุณนายสายหยุด สาวสวยที่ดูเหมือนกุลสตรีเรียบร้อยในสายตาพ่อแม่ แต่ลับหลังคือสายลุยตัวจริง เธอเกลียดการนั่งนิ่งทำผ้าพับหรืองานฝีมือ แถมยังฉลาด รักการผจญภัย และมีฝีมือต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา การเจอกับ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) ครั้งแรกคือแบบไฟแล่บ ปะทะคารมกันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ชบาก็แอบปลื้มความเก่งของทองเอกที่เป็นหมอยา และอยากเรียนวิชาการแพทย์จากปู่ทองอิน
ชบาไม่ใช่แค่สาวสวยมีนิสัยแสบ เธอยังมีจิตใจดี กล้าท้าทายความเชื่อผิดๆ ในหมู่บ้านท่าโฉลง และยืนเคียงข้างทองเอกตอนสู้กับแม่หมอผีมั่นหรือโรคระบาด ฉากที่ชบาไปช่วยทองเอกเก็บบัวในหนองน้ำ หรือตอนที่เธอแกล้งป่วยเพื่อหนีการแต่งงานกับกล้า บอกเลยว่าแซ่บและขำมาก คิมเบอร์ลีถ่ายทอดชบาได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้ทั้งมีเสน่ห์ น่ารัก และเข้มแข็งจนคนดูต้องร้องว้าว
ฉายา สาวแซ่บแห่งท่าโฉลง
เพราะชบาคือสาวที่กล้าแกร่ง ฉลาด และมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้น เธอเป็นเหมือนดอกชบาที่ทั้งสวยและแข็งแรง
ข้อคิด ความกล้าที่จะเป็นตัวเองนำไปสู่ความรักที่แท้จริง
ข้อคิดจากชบาคือ ความกล้าที่จะเป็นตัวเองนำไปสู่ความรักที่แท้จริง ชบาสอนเราว่าการยอมรับตัวตนของตัวเอง ไม่ยอมตามกรอบของสังคม และกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่รัก จะทำให้เราเจอคนที่รักเราอย่างที่เราเป็น เหมือนที่ชบาค่อยๆ ชนะใจทองเอก
→ ปรมะ อิ่มอโนทัย รับบท กล้า

กล้าคือหนุ่มหล่อสุดมั่นแห่งหมู่บ้านท่าโฉลง ลูกชายของ กิ่งแข เศรษฐินีเจ้าของโรงสีที่รวยล้นฟ้า เขามีทุกอย่างที่ผู้ชายในยุครัชกาลที่ 5 ใฝ่ฝัน หล่อ รวย เรียนเก่ง นักกีฬาด้วย แถมยังมีของเล่นสุดเท่อย่างจักรยานจากกรุงเทพฯ แต่จุดที่ทำให้กล้าเด่นคือความมั่นใจแบบเกินร้อย บางทีก็ถึงขั้นขี้โอ่ คิดว่ารวยแล้วจะได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะหัวใจของ ชบา (คิมเบอร์ลี) ที่เขาหลงรักแบบหัวปักหัวปำ
กล้าพยายามจีบชบาด้วยของแพงๆ เช่น ซื้อจักรยานให้ แต่ชบาก็แค่สนใจของไม่สนใจเขา 555 ทำให้เกิดโมเมนต์ขำๆ เยอะมาก แต่ต่อมากล้าก็เริ่มหวั่นไหวกับ ผ่อง ลูกสาวแม่หมอผีมั่นที่มาหว่านเสน่ห์ใส่ ความโลเลของเขานี่แหละที่ทำให้เกิดดราม่าในรักสามเส้า ปั้นจั่นถ่ายทอดกล้าได้แบบลงตัว ทั้งความมั่นใจเกินเบอร์ ความหลงรักที่ดูจริงใจ และมุมที่ทำให้เราเห็นว่าเขาไม่ใช่แค่หนุ่มรวยธรรมดา แต่ก็มีจุดอ่อนในใจเหมือนกัน
ฉายา เสือรวยแห่งท่าโฉลง
เพราะกล้าคือหนุ่มที่ทั้งหล่อ รวย และมั่นใจแบบสุดๆ เหมือนเสือที่คิดว่าจะล่าใจสาวได้ทุกคน แต่สุดท้ายก็ต้องเจอดราม่าที่สอนให้รู้จักโตขึ้น
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงต้องมาจากใจ ไม่ใช่แค่เงินหรือหน้าตา
ข้อคิดจากกล้าคือ ความรักที่แท้จริงต้องมาจากใจ ไม่ใช่แค่เงินหรือหน้าตา การที่กล้าพยายามใช้ความรวยจีบชบา แต่สุดท้ายต้องเจอกับบทเรียนจากความโลเลและการตัดสินใจผิดพลาด สอนเราว่าความรักต้องอาศัยความจริงใจและการเคารพอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่หวังครอบครองด้วยทรัพย์สิน
→ ภูริตา สุปินชุมภู รับบท ผ่อง

ผ่องคือลูกสาวของ แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) หมอผีตัวแม่ของหมู่บ้านท่าโฉลง ตอนแรกผ่องป่วยหนักจนถูกตราหน้าว่าเป็นผีปอบ ชาวบ้านกลัวกันสุดๆ แต่ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) ใช้ความรู้การแพทย์แผนไทยรักษาเธอจนหาย กลายเป็นสาวสวยที่ทำให้ทุกคนตะลึง ผ่องมีนิสัยอ่อนโยนแต่ก็มีความทะเยอทะยาน อยากมีชีวิตที่ดีหลังจากเคยลำบากตอนป่วย เธอแอบชอบทองเอกที่ช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เมื่อเจอ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) หนุ่มรวยสุดหล่อ เธอก็หว่านเสน่ห์เต็มที่หวังคว้าใจเขาเพื่ออนาคตที่มั่นคง
ผ่องคือตัวละครที่ทำให้เกิดรักสามเส้าสุดเข้ม กับทองเอกและ ชบา (คิมเบอร์ลี) และต่อมากับกล้า ฉากที่ผ่องใช้เสน่ห์ยั่วกล้าจนเขาหวั่นไหวคือแซ่บมาก แต่ก็มีมุมดราม่าตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงใจของตัวเอง การแสดงของภูริตาทำให้ผ่องเป็นตัวละครที่มีทั้งความสวย ความเปราะบาง และความทะเยอทะยานที่ทำให้คนดูทั้งรักทั้งหมั่นไส้
ฉายา ดอกไม้พิษแห่งท่าโฉลง
เพราะผ่องสวยงามเหมือนดอกไม้ แต่มีเล่ห์เหลี่ยมและความทะเยอทะยานที่เหมือนยาพิษ ทำให้รักสามเส้าในเรื่องวุ่นวายสุดๆ
ข้อคิด ความทะเยอทะยานที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ความผิดพลาด
ข้อคิดจากผ่องคือ ความทะเยอทะยานที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ความผิดพลาด การที่ผ่องมุ่งหวังชีวิตที่ดีและพยายามคว้าโอกาสด้วยเสน่ห์ โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น สอนเราว่าการเลือกทางเดินในชีวิตต้องสมดุลระหว่างความฝันและความจริงใจ เพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลัง
→ ชญานิศ จ่ายเจริญ รับบท กลิ่น

กลิ่นคือสาวน้อยขี้อาย น้องสาวของ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) ลูกเศรษฐินี กิ่งแข ในหมู่บ้านท่าโฉลง เธอเป็นสาวหวานเรียบร้อย ต่างจากพี่ชายที่มั่นใจเกินร้อย กลิ่นมีนิสัยตุ๋มติ๋ม ชอบพูดกลอน และแอบรัก เพิ่ม (สาริน รณเกียรติ) พี่ชายของรำเพยที่จิตใจอ่อนโยนเหมือนกัน เรื่องรักของทั้งคู่คือแบบหวานปนเขินสุดๆ เพราะทั้งสองคนขี้อายเกินกว่าจะสารภาพรักตรงๆ ฉากที่กลิ่นกับเพิ่มพูดกลอนโต้ตอบกันนี่คือฟินมาก ทำคนดูจิกหมอน
กลิ่นอาจจะไม่ใช่ตัวละครหลักที่เด่นเท่าชบาหรือผ่อง แต่เธอมีบทบาทสำคัญในฐานะเพื่อนสนิทของ ชบา และ ชงโค และยังช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องด้วยความน่ารักของเธอ เช่น ตอนที่เธอช่วยแอบส่งยาของทองเอกให้แม่กิ่งแขกินจนหายป่วย ชญานิศถ่ายทอดกลิ่นได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นสาวน้อยที่ทั้งน่ารักและมีหัวใจที่อบอุ่น
ฉายา ดอกไม้หวานแห่งท่าโฉลง
เพราะกลิ่นคือสาวน้อยที่อ่อนหวานเหมือนดอกไม้ มีความน่ารักและความบริสุทธิ์ที่ทำให้ทุกคนเอ็นดู
ข้อคิด ความรักที่แท้จริงไม่ต้องรีบร้อน แค่จริงใจก็เพียงพอ
ข้อคิดจากกลิ่นคือ ความรักที่แท้จริงไม่ต้องรีบร้อน แค่จริงใจก็เพียงพอ ความขี้อายและความจริงใจของกลิ่นที่ค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์กับเพิ่ม สอนเราว่าการรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องหวือหวา แค่ค่อยๆ เปิดใจและแสดงความจริงใจก็สามารถนำไปสู่ความรักที่สวยงามได้
→ สาริน รณเกียรติ รับบท เพิ่ม

เพิ่มคือพี่ชายของ รำเพย และลูกชายของ แม่เอื้อน เมียน้อยของ ขุนกสิกรรม ในหมู่บ้านท่าโฉลง เขาเป็นหนุ่มหน้าตาคมเข้ม แต่จิตใจอ่อนโยนสุดๆ ต่างจากน้องสาวรำเพยและน้องบุญธรรมอย่าง ชบา ที่แซ่บและซุกซน เพิ่มมีนิสัยนุ่มนวล ชอบพ Speakกลอน และแอบรัก กลิ่น (ชญานิศ จ่ายเจริญ) สาวขี้อายที่เป็นน้องสาวของกล้า ความรักของทั้งคู่คือแบบหวานปนเขินสุดๆ เพราะทั้งสองคนขี้อายเกินกว่าจะบอกรักกันตรงๆ ฉากที่เพิ่มกับกลิ่นพูดกลอนโต้ตอบกันคือฟินมาก ทำคนดูจิกหมอนเลย
ถึงจะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่เพิ่มมีบทบาทสำคัญในฐานะพี่ชายที่คอยดูแลน้องๆ และช่วยสนับสนุนชบาในยามที่ต้องรับมือกับดราม่าในหมู่บ้าน เช่น ตอนที่ชบาต้องแกล้งป่วยเพื่อหนีการแต่งงาน สารินถ่ายทอดเพิ่มได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นหนุ่มอบอุ่นที่ทั้งน่ารักและน่าเชื่อถือ ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นคนที่อยากมีเป็นเพื่อนหรือพี่ชายจริงๆ
ฉายา อัศวินใจดีแห่งท่าโฉลง
เพราะเพิ่มคือหนุ่มที่จิตใจดี ดูแลทุกคนรอบตัวด้วยความอ่อนโยนเหมือนอัศวินที่คอยปกป้องคนที่รัก
ข้อคิด ความอ่อนโยนและความจริงใจคือพลังที่ชนะใจคน
ข้อคิดจากเพิ่มคือ ความอ่อนโยนและความจริงใจคือพลังที่ชนะใจคน การที่เพิ่มค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์กับกลิ่นด้วยความนุ่มนวลและจริงใจ แม้จะขี้อาย สอนเราว่าการแสดงออกด้วยความดีและความเข้าใจสามารถสร้างความรักและมิตรภาพที่ยั่งยืนได้
→ ณปภา ตันตระกูล รับบท ชงโค

ชงโคคือเพื่อนสนิทของ ชบา (คิมเบอร์ลี) และ กลิ่น (ชญานิศ) ในหมู่บ้านท่าโฉลง สาวคนนี้คือตัวแทนของความกล้าและความแซ่บในยุครัชกาลที่ 5 เธอเป็นสาวที่ไม่เหมือนใคร ตรงข้ามกับกรอบหญิงสาวสมัยนั้น ชงโคชอบอ้อล้อผู้ชาย ใจกล้า และยังเป็นกูรูด้านมารยาหญิงที่คอยสอนชบาและกลิ่นให้ใช้เสน่ห์มัดใจหนุ่มๆ ฉากที่ชงโคสอนชบาให้ชะม้ายชายตาเพื่อล่อให้ กล้า (ปรมะ) ซื้อจักรยานให้คือขำมาก บอกเลยว่าเป็นโมเมนต์ที่ชงโคฉายแสง
ถึงจะดูเป็นสาวเปรี้ยว แต่ชงโคมีจิตใจดีและซื่อสัตย์ต่อเพื่อน อย่างตอนที่ชบาต้องแกล้งป่วย ชงโคก็ยอมสวมรอยเป็นชบาเพื่อช่วยเพื่อนหลอกกล้า ณปภาถ่ายทอดชงโคได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้เป็นสาวที่ทั้งสนุก มีเสน่ห์ และเป็นเพื่อนที่ใครๆ ก็อยากมี
ฉายา นางพญาแซ่บแห่งท่าโฉลง
เพราะชงโคคือสาวที่มั่นใจ กล้าแสดงออก และมีพลังที่ทำให้ทุกคนต้องหันมอง เหมือนนางพญาที่ครองใจทุกงาน
ข้อคิด ความเป็นเพื่อนแท้คือการยืนเคียงข้างกันเสมอ
ข้อคิดจากชงโคคือ ความเป็นเพื่อนแท้คือการยืนเคียงข้างกันเสมอ การที่ชงโคคอยช่วยเหลือและสนับสนุนชบาและกลิ่น ไม่ว่าจะในเรื่องความรักหรือการแก้ปัญหา สอนเราว่าเพื่อนที่ดีคือคนที่พร้อมอยู่ข้างเราในทุกสถานการณ์
→ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์ รับบท เปียก

เปียกคือลูกศิษย์วัดที่ถูก หลวงตาเพชร ส่งมาเรียนวิชาการแพทย์แผนไทยกับ ปู่หมอทองอิน คู่กับ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ ตุ่น (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) เขาเป็นหนุ่มบ้านๆ ที่ซุกซน ขี้เล่น และปอดแหกสุดๆ คู่กับตุ่นนี่คือคู่หูตบมุกที่ทำให้คนดูขำกลิ้ง เปียกมักจะตามทองเอกไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการสืบเรื่องผีปอบ หรือตอนที่ต้องช่วยรักษาคนในหมู่บ้านท่าโฉลง ฉากที่เปียกกับตุ่นพยายามใช้น้ำมันพรายเพื่อจีบ ผ่อง (ภูริตา) แล้วเจอผีจนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนคือฮามาก ทำเอาคนดูหัวเราะน้ำตาไหล
ถึงจะดูเป็นตัวละครสายตลก แต่เปียกก็มีมุมที่จริงใจและซื่อสัตย์ต่อเพื่อน อย่างตอนที่เขาช่วยทองเอกสืบว่าแม่หมอผีมั่นแอบอยู่เบื้องหลังเรื่องผี หรือตอนที่ช่วยดูแลคนไข้ในช่วงโรคระบาด ณัฏฐพงษ์ถ่ายทอดเปiaกได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นเพื่อนที่ทั้งสนุกและน่ารัก เป็นสีสันที่ทำให้เรื่องนี้ครบรสยิ่งขึ้น
ฉายา จอมป่วนแห่งท่าโฉลง
เพราะเปียกคือหนุ่มที่พกความวุ่นวายและมุกตลกมาเต็มกระเป๋า ทำให้ทุกฉากที่เขาอยู่ต้องมีเรื่องให้ขำ
ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์
ข้อคิดจากเปียกคือ มิตรภาพที่แท้จริงคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ การที่เปียกคอยติดตามและช่วยเหลือทองเอก ไม่ว่าจะเจอเรื่องผีหรือวิกฤตโรคระบาด สอนเราว่าเพื่อนที่ดีไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แค่พร้อมลุยไปด้วยกันก็พอแล้ว
→ จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม รับบท ตุ่น

ตุ่นคือลูกศิษย์วัดที่ถูก หลวงตาเพชร ส่งมาเรียนวิชาการแพทย์แผนไทยกับ ปู่หมอทองอิน คู่กับ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ เปียก (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) เขาเป็นหนุ่มบ้านๆ ที่ขี้เล่น ขี้กลัว และปอดแหกไม่แพ้เปียก คู่หูคู่นี้คือทีมตบมุกสุดฮา ที่ทำให้ทุกฉากที่ปรากฏตัวต้องมีเรื่องให้หัวเราะ ตุ่นมักจะตามทองเอกไปผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการสืบเรื่องผีปอบ หรือช่วยรักษาคนในหมู่บ้านท่าโฉลง ฉากที่ตุ่นกับเปiaกพยายามใช้น้ำมันพรายเพื่อจีบ ผ่อง (ภูริตา) แล้ววิ่งหนีผีจนวุ่นวายคือขำสุดๆ ทำคนดูน้ำตาไหล
ถึงจะเป็นตัวละครสายตลก แต่ตุ่นก็มีความจริงใจและภักดีต่อเพื่อน อย่างตอนที่เขาช่วยทองเอกสืบเรื่องแม่หมอผีมั่น หรือตอนที่ทุ่มเทช่วยคนไข้ในช่วงโรคระบาด จุ๊บจิ๊บถ่ายทอดตุ่นได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้เป็นเพื่อนซี้ที่ทั้งสนุกและน่าเอ็นดู เป็นสีสันที่ขาดไม่ได้ในเรื่อง
ฉายา นักป่วนคู่หูแห่งท่าโฉลง
เพราะตุ่นคือคู่หูสุดป่วนของเปียก ที่สร้างความวุ่นวายและเสียงหัวเราะให้ทุกคนในหมู่บ้านท่าโฉลง
ข้อคิด ความสนุกและมิตรภาพทำให้ทุกอุปสรรคเบาลง
ข้อคิดจากตุ่นคือ ความสนุกและมิตรภาพทำให้ทุกอุปสรรคเบาลง การที่ตุ่นนำรอยยิ้มและความฮามาให้เพื่อนๆ แม้ในสถานการณ์ยากลำบาก สอนเราว่าการมีเพื่อนที่คอยสร้างความสุขและอยู่เคียงข้างสามารถช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากได้
→ ด.ญ.ภัทรภร มุกโชควัฒนา รับบท รำเพย

รำเพยคือเด็กสาววัย 10 ขวบ ลูกสาวของ แม่เอื้อน เมียน้อยของ ขุนกสิกรรม และเป็นน้องสาวของ เพิ่ม (สาริน รณเกียรติ) เธอยังเป็นน้องบุญธรรมของ ชบา (คิมเบอร์ลี) ซึ่งทั้งคู่สนิทกันมากเหมือนพี่น้องแท้ๆ รำเพยเป็นเด็กที่ก๋ากั่น ซุกซน และกล้าแกร่งไม่แพ้ชบาเลย เธอชอบหนีออกไปเที่ยวและผจญภัยกับพี่ๆ ทำให้เกิดโมเมนต์ฮาๆ เยอะมาก เช่น ตอนที่รำเพยตามชบาไปเจอผีปอบ หรือตอนที่ช่วยชบาวางแผนแกล้งป่วยเพื่อหนีการแต่งงานกับ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) บอกเลยว่าน้องรำเพยคือตัวจี๊ดตัวเล็กที่เพิ่มสีสันให้หมู่บ้านท่าโฉลง
ถึงจะซน แต่รำเพยก็มีจิตใจดีและรักครอบครัว เธอเป็นเหมือนน้องสาวตัวแสบที่คอยสร้างรอยยิ้มให้ทุกคน ภัทรภรถ่ายทอดรำเพยได้แบบน่ารักสุดๆ ทำให้ตัวละครนี้ทั้งขี้เล่นและมีเสน่ห์ เป็นเด็กที่ทำให้คนดูเอ็นดูและอยากมีน้องแบบนี้
ฉายา น้องแสบแห่งท่าโฉลง
เพราะรำเพยคือเด็กน้อยที่ซน แสบ และมีพลังงานล้นเหลือ ทำให้ทุกฉากที่เธออยู่ต้องมีเรื่องให้ขำและสนุก
ข้อคิด ความกล้าและความซื่อสัตย์ทำให้เด็กตัวเล็กก็ยิ่งใหญ่ได้
ข้อคิดจากรำเพยคือ ความกล้าและความซื่อสัตย์ทำให้เด็กตัวเล็กก็ยิ่งใหญ่ได้ การที่รำเพยกล้าตามพี่ชบาไปผจญภัยและช่วยเหลือครอบครัวด้วยใจจริง สอนเราว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ถ้ามีความกล้าและความจริงใจ เราก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
→ รัดเกล้า อามระดิษ รับบท แม่หมอผีมั่น

แม่หมอผีมั่นคือตัวแม่แห่งหมู่บ้านท่าโฉลง หมอผีที่ครองอิทธิพลเหนือชาวบ้านด้วยพิธีกรรมขับผีและของขลัง เธอคือศัตรูตัวฉกาจของ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) เพราะความเชื่อเรื่องผีสางของเธอขัดกับความรู้การแพทย์แผนไทยของทองเอก ฉากที่แม่หมอฟาดหวายและสาดน้ำมนต์ใส่คนป่วยที่คิดว่าโดนผีสิงคือพีคมาก ทำเอาคนดูทั้งลุ้นทั้งสะดุ้ง แม่หมอผีมั่นยังเป็นแม่ของ ผ่อง (ภูริตา สุปินชุมภู) และหวังให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนรวยเพื่อยกระดับชีวิต
แม่หมอผีมั่นไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดา เธอมีเล่ห์เหลี่ยมและความมั่นใจที่ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ แม้จะรู้ว่าไสยศาสตร์ของตัวเองรักษาคนไม่ได้ เธอก็ยังยึดมั่นในอำนาจของตัวเอง รัดเกล้าถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบสุดยอด ทำให้แม่หมอผีมั่นเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัว น่าหมั่นไส้ และมีมิติที่ทำให้คนดูอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ
ฉายา ราชินีไสยศาสตร์แห่งท่าโฉลง
เพราะแม่หมอผีมั่นคือตัวแม่ที่ครองใจชาวบ้านด้วยพิธีกรรมและความเชื่อเรื่องผี เปรียบเหมือนราชินีที่ปกครองด้วยอำนาจและเล่ห์เหลี่ยม
ข้อคิด อำนาจที่มาจากการหลอกลวงย่อมไม่ยั่งยืน
ข้อคิดจากแม่หมอผีมั่นคือ อำนาจที่มาจากการหลอกลวงย่อมไม่ยั่งยืน การที่เธอใช้ไสยศาสตร์เพื่อครองอิทธิพล แต่สุดท้ายต้องเผชิญหน้ากับความจริงเมื่อความรู้ของทองเอกพิสูจน์ได้ สอนเราว่าการยึดติดกับสิ่งที่ไม่จริงอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด
→ จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ รับบท ขุนกสิกรรม

ขุนกสิกรรมคือขุนนางใหญ่สุดในตำบลท่าโฉลง สามีของ คุณนายสายหยุด (จินตหรา สุขพัฒน์) และ แม่เอื้อน (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) และเป็นพ่อของ ชบา (คิมเบอร์ลี) และ เพิ่ม (สาริน รณเกียรติ) รวมถึง รำเพย (ภัทรภร มุกโชควัฒนา) เขาดูเป็นคนมีอำนาจ น่าเกรงขาม แต่ลึกๆ แล้วมีจุดอ่อนใหญ่คือติดการพนันจนฐานะย่ำแย่ ต้องพึ่งความหวังจากค่าสินสอดของชบาเพื่อแก้หนี้ ฉากที่ขุนกสิกรรมพยายามจับคู่ชบากับ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) เพื่อผลประโยชน์คือดราม่าสุดๆ ทำให้เห็นความขัดแย้งระหว่างความเป็นพ่อและความเห็นแก่ตัว
ถึงจะมีด้านที่ผิดพลาด ขุนกสิกรรมก็รักครอบครัวในแบบของเขา และสุดท้ายก็ได้เรียนรู้บทเรียนจาก ท่านหญิง ที่สอนให้เป็นข้าราชการที่มีธรรมาภิบาล จักรกฤษณ์ถ่ายทอดขุนกสิกรรมได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้ทั้งดูเข้มแข็งและมีมุมที่เปราะบาง เป็นพ่อที่ทำให้คนดูทั้งเห็นใจและหมั่นไส้ไปพร้อมกัน
ฉายา ขุนนางนักเสี่ยงแห่งท่าโฉลง
เพราะขุนกสิกรรมคือขุนนางที่ดูยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตพลิกผันด้วยการเสี่ยงโชคในบ่อนพนันที่เกือบพาครอบครัวพัง
ข้อคิด ความรับผิดชอบต้องมาก่อนความโลภ
ข้อคิดจากขุนกสิกรรมคือ ความรับผิดชอบต้องมาก่อนความโลภ การที่เขาติดการพนันจนเกือบทำลายครอบครัว สอนเราว่าการตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อคนที่รักอาจนำไปสู่ความสูญเสีย และการแก้ไขตัวเองคือหนทางสู่การเป็นผู้นำที่ดี
→ จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท คุณนายสายหยุด

คุณนายสายหยุดคือภรรยาหลวงของ ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) และแม่ของ ชบา (คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ) ในหมู่บ้านท่าโฉลง เธอเป็นสาวชาววังที่เคยทำงานในราชสำนัก ทำให้มีนิสัยเจ้าระเบียบ จู้จี้ และยึดมั่นในความเป็นกุลสตรี หวังให้ชบาลูกสาวเป็นหญิงเรียบร้อยตามแบบฉบับสมัยรัชกาลที่ 5 แต่หารู้ไม่ว่าชบาคือสาวแซ่บที่แอบหนีไปผจญภัยตลอด ฉากที่คุณนายสายหยุดอบรมชบาให้เป็นกุลสตรีคือทั้งขำและเห็นใจชบา เพราะคุณนายเข้มงวดสุดๆ
คุณนายสายหยุดยังมีมุมดราม่า เช่น ตอนที่เธอป่วยและต้องพึ่งยาของ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) หรือตอนที่รู้ว่าชบาหนีไปผจญภัยกับทองเอก ทำให้เธอเดือดร้อนกลัวลูกสาวเสียชื่อ เธอยังแอบไปให้ แม่หมอผีมั่น ทำเสน่ห์เพื่อมัดใจสามี ซึ่งแสดงถึงความเปราะบางในใจของเธอ จินตหราถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบเป๊ะ ทำให้คุณนายสายหยุดเป็นทั้งคุณแม่ที่เข้มแข็งและมีมุมที่ทำให้คนดูรู้สึกเห็นใจ
ฉายา คุณนายจอมเข้มแห่งท่าโฉลง
เพราะคุณนายสายหยุดคือตัวแทนของความเข้มงวดและความเป็นระเบียบที่ครองใจครอบครัวและหมู่บ้านด้วยความสง่างาม
ข้อคิด ความรักในครอบครัวต้องสมดุลกับการยอมรับตัวตนของคนที่รัก
ข้อคิดจากคุณนายสายหยุดคือ ความรักในครอบครัวต้องสมดุลกับการยอมรับตัวตนของคนที่รัก การที่เธอพยายามบังคับชบาให้เป็นกุลสตรีตามอุดมคติ สอนเราว่าการรักและหวังดีต่อครอบครัวต้องมาพร้อมกับการเข้าใจและยอมรับความเป็นตัวตนของลูกหลาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
→ ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ รับบท แม่เยื้อน

แม่เอื้อนคือเมียน้อยของ ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) และแม่ของ เพิ่ม (สาริน รณเกียรติ) กับ รำเพย (ภัทรภร มุกโชควัฒนา) ในหมู่บ้านท่าโฉลง เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน ใจดี และรักลูกมาก แต่ต้องอยู่ในสถานะเมียน้อยที่ถูกกดทับโดย คุณนายสายหยุด (จินตหรา สุขพัฒน์) ภรรยาหลวง ทำให้ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยความลำบากและความอดทน ถึงอย่างนั้น แม่เอื้อนก็ยังคงเป็นแม่ที่เข้มแข็ง คอยดูแลเพิ่มและรำเพยให้เติบโตอย่างดี และสนับสนุน ชบา (คิมเบอร์ลี) ลูกสาวบุญธรรมของขุนกสิกรรมเหมือนลูกแท้ๆ
แม่เอื้อนมีโมเมนต์ที่ทำให้คนดูน้ำตาซึม เช่น ตอนที่เธอพยายามปกป้องรำเพยจากความวุ่นวายในครอบครัว หรือตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากคุณนายสายหยุด ศรีพรรณถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบถึงใจ ทำให้แม่เอื้อนเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่าชื่นชม เป็นแม่ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูก
ฉายา แม่ใจสู้แห่งท่าโฉลง
เพราะแม่เอื้อนคือผู้หญิงที่แม้จะอยู่ในสถานะเมียน้อยและเจอความยากลำบาก แต่ก็ยังมีหัวใจที่เข้มแข็งและสู้เพื่อครอบครัวอย่างไม่ยอมแพ้
ข้อคิด ความรักของแม่สามารถเอาชนะทุกความยากลำบากได้
ข้อคิดจากแม่เอื้อนคือ ความรักของแม่สามารถเอาชนะทุกความยากลำบากได้ การที่เธอยอมอดทนและเสียสละเพื่อลูกๆ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ สอนเราว่าความรักที่แท้จริงของแม่คือพลังที่ยิ่งใหญ่ ช่วยให้ผ่านพ้นทุกอุปสรรคได้
→ รอง เค้ามูลคดี รับบท ปู่หมอทองอิน

ปู่หมอทองอินคือหมอยาแผนไทยระดับตำนานของหมู่บ้านท่าโฉลง และเป็นปู่ของ ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) เขาเคยเป็นหมอยาดังในกรุงเก่า แต่ถูกเนรเทศเพราะรักษาลูกขุนนางที่ป่วยพิษสุนัขบ้าไม่หาย ทำให้ต้องมาอยู่ที่ท่าโฉลงและเลี้ยงดูทองเอกที่กำพร้าตั้งแต่เด็ก ปู่ทองอินเป็นคนเข้มงวดแต่ใจดี มีความรู้ลึกซึ้งเรื่องสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย อย่างการใช้บัวบก ขมิ้น หรืออำพันทองในการรักษา เขาคือครูที่ถ่ายทอดทั้งวิชาและคติชีวิตให้ทองเอก เช่น “ยาไทยหรือยาเทศ ถ้ารักษาคนหายได้คือยาดี”
ปู่ทองอินยังเป็นเหมือนที่พึ่งของหมู่บ้าน แม้จะไม่ค่อยออกหน้าสู้กับ แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า) โดยตรง แต่เขาคอยสนับสนุนทองเอกให้ต่อสู้กับความงมงายด้วยความรู้ ฉากที่ปู่สอนทองเอกและลูกศิษย์อย่าง เปiaก กับ ตุ่น เรื่องสมุนไพรคือทั้งอบอุ่นและได้ความรู้ รอง เค้ามูลคดีถ่ายทอดปู่ทองอินได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้เป็นทั้งปราชญ์และปู่ที่น่ารักที่คนดูต้องยกนิ้วให้
ฉายา ปราชญ์สมุนไพรแห่งท่าโฉลง
เพราะปู่หมอทองอินคือผู้รู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย และเป็นเหมือนแสงสว่างที่นำทางทองเอกและหมู่บ้าน
ข้อคิด ความรู้และจิตใจดีคือมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ข้อคิดจากปู่หมอทองอินคือ ความรู้และจิตใจดีคือมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การที่ปู่ถ่ายทอดวิชาการแพทย์และคติในการช่วยเหลือผู้อื่นให้ทองเอก สอนเราว่าการมอบความรู้และคุณธรรมให้คนรุ่นต่อไปคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินใดๆ
→ โยธิน มาพบพันธ์ รับบท หลวงตาเพชร

หลวงตาเพชรคือพระภิกษุประจำวัดในหมู่บ้านท่าโฉลง เป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านในยุครัชกาลที่ 5 ที่เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องผีสาง เขาเป็นคนใจดี มีเมตตา และฉลาดหลักแหลม คอยให้คำแนะนำและสนับสนุน ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) ในการใช้ความรู้การแพทย์แผนไทยต่อสู้กับความงมงายของ แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) หลวงตายังเป็นคนส่ง เปiaก (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) และ ตุ่น (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) ลูกศิษย์วัดไปเรียนวิชาหมอกับ ปู่หมอทองอิน (รอง เค้ามูลคดี) เพื่อช่วยทองเอกเปลี่ยนหมู่บ้าน
หลวงตาเพชรมีบทบาทเหมือนพ่อของทุกคนในหมู่บ้าน ฉากที่เขานั่งสนทนากับทองเอกเรื่องการช่วยเหลือคนด้วยความรู้ หรือตอนที่ปลอบใจชาวบ้านที่กลัวผีปอบคืออบอุ่นมาก โยธินถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบลงตัว ทำให้หลวงตาเพชรเป็นทั้งผู้ใหญ่ที่น่าเคารพและมีอารมณ์ขันเล็กๆ ที่ทำให้คนดูยิ้มตาม
ฉายา พระใจทองแห่งท่าโฉลง
เพราะหลวงตาเพชรคือพระที่มีจิตใจดีงามเหมือนทองคำ คอยนำทางและให้แสงสว่างแก่ชาวบ้านด้วยความเมตตาและสติปัญญา
ข้อคิด ความเมตตาและสติปัญญาคือแสงสว่างในยามมืดมิด
ข้อคิดจากหลวงตาเพชรคือ ความเมตตาและสติปัญญาคือแสงสว่างในยามมืดมิด การที่หลวงตาคอยให้คำแนะนำและสนับสนุนทองเอกด้วยความเข้าใจและความใจดี สอนเราว่าในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกลัวหรือความสับสน การใช้สติและความเมตตาจะช่วยนำทางไปสู่ทางออกที่ดีได้
→ เจนนิเฟอร์ คิ้ม รับบท กิ่งแข

กิ่งแขคือเศรษฐินีเจ้าของโรงสีที่รวยที่สุดในหมู่บ้านท่าโฉลง และเป็นแม่ของ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) กับ กลิ่น (ชญานิศ จ่ายเจริญ) เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาด มั่นใจ และมีอำนาจในสังคม แต่ก็มีนิสัยขี้เหนียวและรักลูกแบบสุดตัว โดยเฉพาะกล้าที่เธอหวังให้แต่งงานกับ ชบา (คิมเบอร์ลี) เพื่อยกระดับครอบครัว ฉากที่กิ่งแขป่วยแล้ว แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า) ใช้พิธีกรรมหลอก แต่สุดท้าย ทองเอก (มาริโอ้) แอบส่งยามารักษาจนหายคือพีคมาก เพราะกิ่งแขถึงกับเปลี่ยนใจมาเชื่อในสมุนไพรของทองเอก
กิ่งแขยังมีมุมตลกและน่ารัก เช่น ตอนที่เธอพยายามโอ้อวดความรวย หรือตอนที่แอบหวงลูกชายจนกลายเป็นโมเมนต์ขำๆ เจนนิเฟอร์ คิ้มถ่ายทอดกิ่งแขได้แบบเป๊ะ ทำให้ตัวละครนี้ทั้งน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ เป็นแม่ที่ทั้งเข้มแข็งและมีมุมที่ทำให้คนดูยิ้มตาม
ฉายา เศรษฐินีตัวแม่แห่งท่าโฉลง
เพราะกิ่งแขคือผู้หญิงที่ทั้งรวย อำนาจล้น และมีพลังที่ครองใจทุกคนในหมู่บ้านเหมือนตัวแม่ของจริง
ข้อคิด ความรักต่อครอบครัวต้องมาพร้อมกับการเปิดใจรับสิ่งใหม่
ข้อคิดจากกิ่งแขคือ ความรักต่อครอบครัวต้องมาพร้อมกับการเปิดใจรับสิ่งใหม่ การที่กิ่งแขเปลี่ยนจากเชื่อในพิธีกรรมของแม่หมอผีมั่นมาเป็นยอมรับความรู้ของทองเอก สอนเราว่าการหวังดีต่อครอบครัวต้องควบคู่กับการยอมรับความจริงและความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ครอบครัวเติบโตอย่างมั่นคง
→ ธัญญา โสภณ รับบท ท่านหญิง (เสด็จ)

ท่านหญิง (หรือที่ชาวบ้านเรียก “เสด็จ”) คือเจ้านายชั้นสูงจากกรุงเทพฯ ที่มาเป็นประธานในงานแต่งงานสำคัญของหมู่บ้านท่าโฉลงในยุครัชกาลที่ 5 เธอเป็นผู้หญิงที่สง่างาม ฉลาด และมีอำนาจ แต่ไม่ใช่แค่เจ้านายที่มาแบบโชว์ตัวเฉยๆ ท่านหญิงมีบทบาทสำคัญในการสอนบทเรียนให้ ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) เรื่องความซื่อสัตย์และธรรมาภิบาล ฉากที่ท่านหญิงปรากฏตัวในงานแต่งคือพีคมาก เพราะนอกจากจะมาด้วยรัศมีความเป็นเจ้านายแล้ว เธอยังพูดจาฉะฉานและให้คำแนะนำที่ทำให้ทุกคนในงานต้องเงียบกริบ
ถึงจะปรากฏตัวไม่นาน แต่ท่านหญิงคือตัวละครที่ทิ้งความประทับใจด้วยความเฉลียวฉลาดและความยุติธรรม เธอเป็นเหมือนตัวแทนของความถูกต้องที่มาเปลี่ยนมุมมองของตัวละครอย่างขุนกสิกรรม ธัญญา โสภณถ่ายทอดคาแร็คเตอร์นี้ได้แบบเป๊ะ ทำให้ท่านหญิงเป็นทั้งน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ในแบบเจ้านายยุคเก่า
ฉายา เจ้าหญิงแห่งความยุติธรรม
เพราะท่านหญิงคือตัวแทนของความถูกต้องและความสง่างามที่มาพร้อมพลังในการเปลี่ยนแปลงด้วยคำพูดและการกระทำ
ข้อคิด ความยุติธรรมและความรู้สามารถเปลี่ยนใจคนได้
ข้อคิดจากท่านหญิงคือ ความยุติธรรมและความรู้สามารถเปลี่ยนใจคนได้ การที่ท่านหญิงใช้คำพูดและการกระทำที่เต็มไปด้วยเหตุผลในการสอนขุนกสิกรรม สอนเราว่าการยึดมั่นในความถูกต้องและใช้ปัญญานำทางสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ แม้ในเวลาสั้นๆ
→ ภิชาภัช มหาทิตยากุล รับบท เพิ้ง (บ้านแม่หมอ)

เพิ้งคือคนในบ้านของ แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) หมอผีตัวแม่แห่งหมู่บ้านท่าโฉลง และเป็นเพื่อนสนิทของ ผ่อง (ภูริตา สุปินชุมภู) ลูกสาวแม่หมอ เธอเป็นสาวที่มีนิสัยเปรี้ยวซ่า กล้าแสดงออก และซื่อสัตย์ต่อแม่หมอผีมั่นแบบสุดๆ เพิ้งมักจะช่วยแม่หมอในพิธีกรรมขับผี หรือช่วยวางแผนเพื่อรักษาอิทธิพลของบ้านแม่หมอ ฉากที่เพิ้งออกมาในพิธีกรรมของแม่หมอ หรือตอนที่ช่วยผ่องหว่านเสน่ห์ใส่ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) คือแซ่บมาก ทำให้เห็นว่าเธอเป็นตัวละครที่ทั้งขี้เล่นและภักดี
ถึงจะเป็นตัวละครสมทบ แต่เพิ้งมีโมเมนต์ที่ขโมยซีนได้ เช่น ตอนที่เธอช่วยแม่หมอผีมั่นสืบเรื่อง ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) หรือตอนที่แอบป่วนเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้าน ภิชาภัชถ่ายทอดเพิ้งได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นสาวจอมแสบที่ทั้งสนุกและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
ฉายา สาวแซ่บข้างกายแม่หมอ
เพราะเพิ้งคือสาวเปรี้ยวที่คอยเสริมทัพให้แม่หมอผีมั่น ด้วยความกล้าและความจงรักภักดีที่ทำให้บ้านแม่หมอเด่นไม่แพ้ใคร
ข้อคิด ความภักดีต้องมาพร้อมกับการรู้จักผิดชอบชั่วดี
ข้อคิดจากเพิ้งคือ ความภักดีต้องมาพร้อมกับการรู้จักผิดชอบชั่วดี การที่เพิ้งจงรักภักดีต่อแม่หมอผีมั่น แต่บางครั้งก็ช่วยในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สอนเราว่าการยืนเคียงข้างใครสักคนต้องคำนึงถึงความถูกต้อง เพื่อไม่ให้ความภักดีนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด
→ สมัชญ์ เนียมสอาด รับบท ไอ้จิ๋ม (บ้านกิ่งแข)

ไอ้จิ๋มคือคนในบ้านของ กิ่งแข (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) เศรษฐินีตัวแม่แห่งหมู่บ้านท่าโฉลง และเป็นคนสนิทของ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) กับ กลิ่น (ชญานิศ จ่ายเจริญ) เขาเป็นหนุ่มบ้านๆ ที่มีนิสัยขี้เล่น ขี้แกล้ง และชอบยุ่งวุ่นวายในเรื่องของเจ้านาย ไอ้จิ๋มมักจะปรากฏตัวในฉากที่เพิ่มสีสันให้บ้านกิ่งแข เช่น ตอนที่ช่วยกล้าส่งของไปจีบ ชบา (คิมเบอร์ลี) หรือตอนที่แอบนินทากับคนในบ้านเกี่ยวกับเรื่องในหมู่บ้าน ฉากที่ไอ้จิ๋มวิ่งวุ่นตอนกิ่งแขสั่งงานนี่คือขำมาก ทำคนดูยิ้มตาม
ถึงจะเป็นตัวละครสมทบ แต่ไอ้จิ๋มมีบทบาทที่ทำให้เรื่องสนุกขึ้นด้วยความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อครอบครัวกิ่งแข เขาเหมือนเพื่อนคู่คิดที่คอยช่วยเหลือกล้าในภารกิจจีบสาวหรือจัดการงานในบ้าน สมัชญ์ถ่ายทอดไอ้จิ๋มได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นหนุ่มที่ทั้งฮาและมีเสน่ห์ในแบบบ้านๆ ที่คนดูต้องหลงรัก
ฉายา จอมแสบประจำบ้านกิ่งแข
เพราะไอ้จิ๋มคือหนุ่มที่พกความป่วนและความขี้เล่นมาเต็มกระเป๋า คอยสร้างรอยยิ้มให้ทั้งครอบครัวกิ่งแขและคนดู
ข้อคิด ความจงรักภักดีและรอยยิ้มทำให้ทุกงานสนุกขึ้น
ข้อคิดจากไอ้จิ๋มคือ ความจงรักภักดีและรอยยิ้มทำให้ทุกงานสนุกขึ้น การที่ไอ้จิ๋มคอยช่วยเหลือครอบครัวกิ่งแขด้วยความซื่อสัตย์และทัศนคติที่ร่าเริง สอนเราว่าการทำงานด้วยใจและความสนุกสามารถเปลี่ยนงานที่เหนื่อยให้กลายเป็นเรื่องที่เพลิดเพลินได้
→ หน่อย เชิญยิ้ม รับบท ลุงขาว

ลุงขาวคือชาวบ้านท่าโฉลงที่มีนิสัยขี้เล่น ซื่อๆ และเป็นตัวแทนของชาวบ้านทั่วไปในยุครัชกาลที่ 5 เขามักจะปรากฏตัวในฉากที่เพิ่มสีสันให้เรื่อง เช่น ตอนที่ชาวบ้านรวมตัวกลัวผีปอบ หรือตอนที่ช่วย ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) ในงานหมู่บ้าน ลุงขาวมีบทบาทเป็นตัวละครที่สร้างความขบขัน ด้วยความที่เขามักจะพูดหรือทำอะไรที่ดูเปิ่นๆ แต่จริงใจ ฉากที่ลุงขาววิ่งวุ่นตอนเจอเรื่องผีๆ หรือตอนที่เม้าท์มอยเรื่องในหมู่บ้านคือขำมาก ทำคนดูหัวเราะตาม
ถึงจะเป็นตัวละครสมทบ แต่ลุงขาวก็มีเสน่ห์ในความเป็นคนธรรมดาที่จิตใจดีและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เขาเป็นเหมือนตัวเชื่อมที่ทำให้เราเห็นชีวิตของชาวบ้านท่าโฉลงที่ต้องรับมือกับทั้งความเชื่อเรื่องผีและการเปลี่ยนแปลงจากความรู้ของทองเอก หน่อย เชิญยิ้มถ่ายทอดลุงขาวได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นลุงที่ทั้งฮาและน่ารัก เป็นที่รักของคนดู
ฉายา ลุงจอมเปิ่นแห่งท่าโฉลง
เพราะลุงขาวคือลุงที่พกความเปิ่นและความขี้เล่นมาเต็มสูบ คอยสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนในหมู่บ้าน
ข้อคิด ความจริงใจและรอยยิ้มทำให้ทุกคนรักเราได้
ข้อคิดจากลุงขาวคือ ความจริงใจและรอยยิ้มทำให้ทุกคนรักเราได้ การที่ลุงขาวใช้ความซื่อและความร่าเริงในการอยู่ร่วมกับคนในหมู่บ้าน สอนเราว่าไม่ต้องเป็นคนเด่นดัง แค่มีความจริงใจและทัศนคติที่ดีก็สามารถเป็นที่รักของคนรอบข้างได้
→ เจริญสุข นาคสวัสดิ์ รับบท นางอิ่ม
นางอิ่มคือสาวใช้ในบ้านของ ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) และ คุณนายสายหยุด (จินตหรา สุขพัฒน์) ในหมู่บ้านท่าโฉลง เธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ขยัน และคอยดูแลงานบ้านให้ทุกอย่างเป๊ะ โดยเฉพาะการรับใช้ ชบา (คิมเบอร์ลี) ลูกสาวของบ้าน นางอิ่มมีนิสัยน่ารัก ขี้เล่นเล็กๆ และเป็นเหมือนเพื่อนสนิทของชบาในบางโมเมนต์ ฉากที่นางอิ่มช่วยชบาวางแผนแกล้งป่วยเพื่อหนีการแต่งงานกับ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) คือขำมาก เพราะเธอเล่นใหญ่แต่ก็จริงใจสุดๆ
ถึงจะเป็นตัวละครสมทบ แต่การปรากฏตัวของนางอิ่มช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ครอบครัวขุนกสิกรรม เธอมักจะอยู่ในฉากที่แสดงถึงชีวิตประจำวันของบ้าน เช่น ตอนที่ช่วยเตรียมงานเลี้ยงหรือแอบเม้าท์เรื่องในหมู่บ้าน เจริญสุขถ่ายทอดนางอิ่มได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นสาวใช้ที่ทั้งน่ารักและเป็นที่รักของคนดู
ฉายา สาวใช้ใจดีแห่งบ้านขุน
เพราะนางอิ่มคือสาวใช้ที่พกความขยันและความใจดีมาเต็มเปี่ยม คอยดูแลทุกคนในบ้านด้วยรอยยิ้มและความจริงใจ
ข้อคิด ความซื่อสัตย์ในหน้าที่ทำให้เราเป็นที่รัก
ข้อคิดจากนางอิ่มคือ ความซื่อสัตย์ในหน้าที่ทำให้เราเป็นที่รัก การที่นางอิ่มทุ่มเททำงานและช่วยเหลือครอบครัวขุนกสิกรรมด้วยใจ สอนเราว่าการทำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อสัตย์และเต็มใจสามารถสร้างความประทับใจและความรักจากคนรอบข้างได้
→ กิ่งกาญจน์ ไตรยสุทธิ์ รับบท นางฉุย
นางฉุยคือสาวใช้ในบ้านของ ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์ อำมรัตน์) และ คุณนายสายหยุด (จินตหรา สุขพัฒน์) คู่กับ นางอิ่ม (เจริญสุข นาคสวัสดิ์) ในหมู่บ้านท่าโฉลง เธอเป็นสาวบ้านๆ ที่มีนิสัยซื่อตรง ขยัน และมีมุมขี้เล่นที่ทำให้คนดูยิ้มตาม นางฉุยมักจะปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวกับงานบ้านหรือช่วย ชบา (คิมเบอร์ลี) ในภารกิจสุดแซ่บ เช่น ตอนที่ชบาวางแผนแกล้งป่วยเพื่อหนีการแต่งงานกับ กล้า (ปรมะ อิ่มอโนทัย) นางฉุยจะคอยช่วยเหลือแบบเงียบๆ แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ถึงจะเป็นตัวละครสมทบ แต่การปรากฏตัวของนางฉุยช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ครอบครัวขุนกสิกรรม เธอเป็นเหมือนสาวใช้ที่คอยสนับสนุนทุกคนในบ้านด้วยรอยยิ้มและความทุ่มเท กิ่งกาญจน์ถ่ายทอดนางฉุยได้แบบลงตัว ทำให้ตัวละครนี้เป็นสาวใช้ที่ทั้งน่ารักและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
ฉายา สาวใช้ยิ้มหวานแห่งบ้านขุน
เพราะนางฉุยคือสาวใช้ที่พกความน่ารักและรอยยิ้มมาเต็มเปี่ยม คอยทำให้บ้านขุนกสิกรรมมีชีวิตชีวา
ข้อคิด ความขยันและรอยยิ้มทำให้ทุกงานง่ายขึ้น
ข้อคิดจากนางฉุยคือ ความขยันและรอยยิ้มทำให้ทุกงานง่ายขึ้น การที่นางฉุยทำงานด้วยความทุ่มเทและมีทัศนคติที่ดี คอยช่วยเหลือครอบครัวขุนกสิกรรม สอนเราว่าการทำหน้าที่ด้วยใจและความร่าเริงสามารถเปลี่ยนงานที่เหนื่อยให้กลายเป็นเรื่องสนุกได้
ข้อคิดจากละคร ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง
ความรู้คือพลังที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง
จากตัวละครอย่าง ทองเอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ ปู่หมอทองอิน (รอง เค้ามูลคดี) เราเห็นว่าการใช้ความรู้การแพทย์แผนไทยมาสู้กับความเชื่อเรื่องผีสางของ แม่หมอผีมั่น (รัดเกล้า อามระดิษ) สามารถเปลี่ยนใจชาวบ้านท่าโฉลงได้ ข้อคิดนี้สอนเราว่าในโลกที่เต็มไปด้วยความกลัวหรือความเข้าใจผิด ความรู้ที่ถูกต้องคือเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
ความจริงใจคือรากฐานของความรักและมิตรภาพ
ความสัมพันธ์ของ ชบา (คิมเบอร์ลี) กับทองเอก หรือความรักขี้อายของ กลิ่น (ชญานิศ) กับ เพิ่ม (สาริน) แสดงให้เห็นว่าความรักที่แท้จริงต้องมาจากใจ ไม่ใช่แค่หน้าตาหรือทรัพย์สิน ตัวละครอย่าง ชงโค (ณปภา) หรือ เปiaก (ณัฏฐพงษ์) และ ตุ่น (จุ๊บจิ๊บ) ก็สอนว่าเพื่อนแท้คือคนที่ยืนเคียงข้างในทุกสถานการณ์ ข้อคิดนี้เตือนเราว่าความจริงใจคือสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ยั่งยืน
ความกล้าที่จะเป็นตัวเองนำไปสู่ความสำเร็จ
ชบา สอนเราว่าการกล้าที่จะเป็นตัวเอง แม้จะขัดกับกรอบของสังคมอย่างการเป็นกุลสตรีในยุครัชกาลที่ 5 ทำให้เธอได้พบรักแท้และช่วยทองเอกเปลี่ยนหมู่บ้าน ข้อคิดนี้บอกเราว่าการยอมรับตัวตนและกล้าทำตามความฝันจะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จ
ความผิดพลาดคือบทเรียนสู่การเติบโต
ตัวละครอย่าง ขุนกสิกรรม (จักรกฤษณ์) ที่ติดการพนัน หรือ กล้า (ปรมะ) ที่หลงรักผิดคน สอนเราว่าทุกคนมีข้อผิดพลาด แต่การเรียนรู้จากมันและเปลี่ยนแปลงตัวเองคือหนทางสู่การเป็นคนที่ดีขึ้น ข้อคิดนี้ทำให้เราเห็นว่าการยอมรับและแก้ไขข้อผิดพลาดคือส่วนสำคัญของการเติบโต
ความเมตตาและความยุติธรรมสร้างสังคมที่ดี
จาก หลวงตาเพชร (โยธิน) และ ท่านหญิง (เสด็จ) (ธัญญา) เราเห็นว่าการใช้ความเมตตาและความยุติธรรมในการนำทางคนอื่นสามารถสร้างความสงบและความก้าวหน้าให้สังคมได้ ข้อคิดนี้สอนเราว่าการเป็นผู้นำที่ดีต้องมีทั้งใจที่เมตตาและยึดมั่นในความถูกต้อง
ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง ไม่ได้มีแค่ความสนุกจากมุกตลกและรักสามเส้า แต่ยังอัดแน่นไปด้วยข้อคิดที่เอาไปใช้ในชีวิตได้จริง ตั้งแต่เรื่องความรู้ ความจริงใจ ความกล้า ไปจนถึงการเรียนรู้จากความผิดพลาด ถ้าอยากซึมซับข้อคิดดีๆ และความสนุกจากละครเรื่องนี้ ต้องไปดูเลย