ละคร นารีสโมสร 2550 ความรักของผู้หญิง 4 คน 4 แบบ ในตระกูลวิริยะพัฒน์ ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิต และทัศนคติในด้านความรักต่างกัน ทั้ง 4 ต้องเผชิญปัญหาความรักและความขัดแย้งในบ้านเดียวกัน ปัญหาและความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

ละคร นารีสโมสร 2550 ละครแนวความรักคอมเมดี้ดราม่า ผลิตโดยค่ายเอ็กแซกท์ ทางช่อง 5 เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและความรักของผู้หญิง 4 คนที่มีบุคลิกและมุมมองต่อความรักแตกต่างกัน แต่ต้องมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังเดียวกันในตระกูล “วิริยะพัฒน์” ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง ความวุ่นวาย และบทเรียนชีวิตที่ทำให้พวกเธอได้เรียนรู้และปรับตัวเพื่อหาความสุขร่วมกัน

“นาง” หญิงสาวที่ยึดมั่นในรักแท้ เธอรอคอย “ศุภเมธ” ชายหนุ่มที่เธอรัก แม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วและมีปัญหาครอบครัวบ่อยครั้ง นางต้องเผชิญความขัดแย้งในใจระหว่างความหวังที่อยากให้เขาทิ้งภรรยา กับศีลธรรมที่ห้ามเธอทำเช่นนั้น แม้จะมี “เชน” ครูสอนว่ายน้ำที่หลงรักเธอเข้ามาในชีวิต เธอก็ไม่สามารถเปิดใจได้ ทำให้คนรอบตัวมองว่าเธออาจจะกลายเป็น “สาวขึ้นคาน”

“ตา” สะใภ้คนโตของบ้าน เป็นภรรยาที่ทุ่มเทให้สามี “โป้ง” และลูกชายวัย 5 ขวบ เธอเชื่อว่าความดีจะชนะใจสามีที่เจ้าชู้ได้ แต่โป้งกลับไม่เคยหยุดนอกใจ ทำให้ตาต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องครอบครัว แม้จะรักสามีและตัดใจจากเขาไม่ได้

“แจน” สะใภ้คนรอง ผู้หญิงเพอร์เฟกต์ที่ฝันถึงครอบครัวสมบูรณ์แบบ เธอรัก “กลาง” สามีของเธอ ซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียว แต่กลางมักยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาให้ แจนรู้สึกน้อยใจ แต่ไม่รู้ว่าทุกอย่างที่กลางทำก็เพื่อเธอเช่นกัน

“ก้อย” น้องสาวคนเล็กของบ้าน สาวโสดที่ซนและแสบ เธอยังค้นหาความรักที่แท้จริง “อาร์ม” เพื่อนหนุ่มในหมู่บ้านแอบชอบเธอ แต่ก้อยมองเขาแค่เพื่อน เมื่อเห็นชีวิตครอบครัวของพี่ๆ เธอจึงลังเลว่าจะเลือกเป็นโสดหรือมีครอบครัวดี

ทั้ง 4 สาวต้องเผชิญปัญหาความสัมพันธ์และความแตกต่างในมุมมองชีวิต แต่ละคนมีเส้นทางรักที่ท้าทายและสะท้อนถึงความหลากหลายของผู้หญิง ละครดำเนินเรื่องด้วยความสนุกครบรส ทั้งดราม่า คอมเมดี้ และการหักมุม โดยเฉพาะตอนจบที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้ชม เมื่อเฉลยว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝันของตัวละคร ซึ่งกลายเป็นจุดพูดถึงอย่างมากในวงการละครไทย

ละครเรื่องนี้เน้นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงที่มีทั้งความเข้มแข็งและเปราะบาง พร้อมสะท้อนแง่คิดเกี่ยวกับความรักและการอยู่ร่วมกันในครอบครัว

จุดหักมุมใหญ่ ตอนจบเผยว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝันของตัวละครหนึ่ง ทำให้ผู้ชมช็อกและตีความกันไปต่างๆ นานา ว่าเรื่องราวอาจสะท้อนจินตนาการหรือความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจของตัวละคร
ละครปิดฉากด้วยการทิ้งคำถามให้ผู้ชมคิดต่อว่า “ความรักและชีวิตจริงๆ เป็นอย่างไร” โดยไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน เป็นที่พูดถึงอย่างมากในยุคนั้น

ละครมีทั้งดราม่า คอมเมดี้ และความโรแมนติก ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินและลุ้นไปกับชีวิตของตัวละครทั้ง 4 สาวที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนและแตกต่างกัน การปะทะอารมณ์ในบ้านเดียวกัน ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและอยากติดตามต่อ

ผู้ชมอาจรู้สึกผูกพันกับ นาง ,ตา ,แจน, และก้อย เพราะแต่ละคนมีปัญหาความรักและชีวิตที่สะท้อนความจริง เช่น ความเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวังของนาง หรือการต่อสู้เพื่อครอบครัวของตา ทำให้รู้สึกเห็นใจหรือบางทีก็หงุดหงิดแทนตัวละคร

ละครนำเสนอมุมมองความรักของผู้หญิงในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการรอคอย การเสียสละ หรือการค้นหาตัวเอง ซึ่งน่าจะทำให้รู้สึกเชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัว และอาจได้แง่คิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ การหักมุมที่เฉลยว่าเรื่องราวเป็นความฝัน ทำให้รู้สึกตกใจ สับสน หรือถึงขั้นโมโหสำหรับบางคน เพราะลงทุนอินไปกับตัวละคร แต่กลับไม่มีบทสรุปชัดเจน บางคนอาจชอบที่มันแปลกใหม่ แต่บางคนอาจรู้สึกเหมือนถูกหลอก

โดยรวมละครจะผสมผสานระหว่างความบันเทิงจากเรื่องที่เข้มข้น กับความประทับใจในนักแสดงและการเล่าเรื่อง แต่ตอนจบอาจทิ้งความรู้สึกค้างคาและชวนให้ถกเถียง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ “นารีสโมสร” ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนละครไทยยุคนั้น


ละคร นารีสโมสร 2550

ละคร นารีสโมสร 2550

ละคร นารีสโมสร 2550

เรื่องราวความรักของผู้หญิง 4 ึคน 4 แบบ ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตและทัศนคติในด้านความรักต่างกัน

“นาง” ความรักของเธอคือการรอคอย เธอเฝ้ารอ ศุภเมธ ชายหนุ่มที่เธอเชื่อว่าเป็นรักแท้ ความหวังของนางห่างไกลจากความจริง เพราะศุภเมธแต่งงานแล้วแต่เขามักจะมีปัญหากับภรรยาบ่อยๆ ทุกครั้งที่ศุภเมธมีปัญหานางก็มักเกิดความขัดแย้งในใจ เพราะใจหนึ่งเธออยากให้เขาเลิกกัน แต่มนุษยธรรมทำให้เธอคิดอย่างนั้นไม่ได้ นางจึงเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่หวังลมๆ แล้งๆ ถึงแม้จะมี เชน ครูสอนว่ายน้ำที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วไปมาชอบ นางก็ไม่สามารถเปิดใจรับเขาเข้ามาในใจได้ ใครๆ ก็ล้อเธอว่าจะเป็นสาวขึ้นคาน และไม่มีวันจะได้เป็น นาง สมชื่อ

“ตา” ความรักของเธอคือสามีและลูกวัย 5 ขวบ ตาเป็นสะใภ้คนแรกของบ้าน ชีวิตของตาอุทิศได้เพื่อครอบครัว ตาเหมือนเป็นผู้หญิงหลายๆ คนที่คิดว่าความดีจะเอาชนะความกะล่อนของสามีได้แต่ โป้ง สามีของตากลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะโป้งไม่เคยหยุดที่จะมีผู้หญิงอื่น ผู้หญิงอย่างตาจึงจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นมาตามจับตามจิกสามี แต่ทั้งหมดที่เธอทำก็เพราะว่าเธอรักและไม่อาจจะตัดใจเลิกกับเขาได้

“แจน” ความรักของเธอคือการมีครอบครัวที่มีความสุขและสมบูรณ์แบบ เธอเป็นสะใภ้คนรองของบ้าน เป็นต้นแบบของความเพอร์เฟ็คท์ ทุกอย่างที่ผ่านการสแกนของแจนจะต้องไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด สามีของเธอคือ กลาง เขาเป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตของแจน เธอรักเขามากและอยากทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีเวลาสำหรับเธอเลย แจนได้แต่น้อยใจว่ากลางเห็นงานสำคัญกว่าเธอ แต่ทุกอย่างที่กลางทำก็เพราะกลางรักแจนเช่นกัน

“ก้อย” ความรักของเธอคือสิ่งที่เธอกำลังค้นหา ก้อยเป็นน้องสาวคนสุดท้องของบ้าน เป็นที่รักของพี่ๆ เธอเป็นสาวโสดที่ทั้งแสบทั้งซน โดยมี อาร์ม หนุ่มที่อยู่ในหมู่บ้านที่เป็นทั้งเพื่อนและทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาให้กับก้อย ก้อยรู้ว่าอาร์มชอบเธอแต่เธอก็เลือกปฏิบัติต่อเขาแค่เพื่อน เพราะจากที่เห็นตัวอย่างของพี่ๆ แล้ว ก้อยยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่เป็นโสดเหมือนพี่นาง หรือจะมีครอบครัวอย่างพี่ตาและพี่แจนดี บรรดาพี่น้องและสะใภ้ตรกูลวิริยะพัฒน์ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ปัญหาและความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นจากความแตกต่างในหลายด้าน แต่บางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้าย กลับกลายเป็นเรื่องดีและช่วยให้ผู้หญิงทั้งสี่คนสี่แบบได้ปรับตัว และเรียนรู้ที่จะให้ชีวิตให้มีความสุขร่วมกัน

กำกับการแสดง : สิริวิทย์ อุปการ, สุชีวิน แนวสูง
บทโทรทัศน์ : ศุภกร เหรียญสุวรรณ, พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์, จีรณา ทันใจ, วารณี ครองภิญโญ, นลัทพร วิริยะวัฒน์

นักแสดง
จันทร์จิรา จูแจ้ง รับบท นาง
นุสบา ปุณณกันต์ รับบท ตา
โสภิตนภา ชุ่มภาณี รับบท แจน
อรจิรา แหลมวิไล รับบท ก้อย
กนิษฐ์ สารสิน รับบท ศุภเมธ
นัทบดี บุญพราหมณ์ รับบท เชน
ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ รับบท โป้ง
เกริกพล มัสยวานิช รับบท กลาง
วิทวัส สิงห์ลำพอง รับบท อาร์ม