ละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558 ละครแนวโรแมนติกดราม่า เล่าถึงเรื่องราวของความแค้นที่สืบเนื่องจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ผสมผสานกับความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางไฟแห่งความพยาบาท เรื่องราวเริ่มต้นด้วยความแค้นฝังลึกของ “ปฐวี” นักธุรกิจหนุ่มรูปงามผู้มั่งคั่งที่มีปมในใจจากอดีตอันเจ็บปวด เมื่อครั้งยังเด็ก เขาต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมที่พ่อของเขาถูก ชิดชงค์ คู่หูทางธุรกิจหักหลังจนต้องสูญเสียทุกอย่างและตัดสินใจจบชีวิตด้วยการผูกคอตายต่อหน้าปฐวี ภาพความสูญเสียและความเจ็บปวดนั้นกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขาตลอดมา ความแค้นนี้ผลักดันให้ปฐวีตั้งปณิธานที่จะแก้แค้นชิดชงค์และครอบครัวของเขาให้ย่อยยับเช่นเดียวกับที่ครอบครัวของเขาเคยเผชิญ
ปฐวีในวัยผู้ใหญ่กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาใช้ความฉลาดและทรัพยากรที่มีวางแผนแก้แค้นอย่างแยบยล โดยเริ่มจากการท้าพนันชิดชงค์ในเกมเดิมพันที่มีเดิมพันสูง ซึ่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของชิดชงค์ ชิดชงค์สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงธุรกิจ เรือสำราญ และคฤหาสน์หลังสุดท้ายที่เป็นมรดกของครอบครัว ความพ่ายแพ้นี้ทำให้ชิดชงค์ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ปล่อยให้ “ชิดชบา” ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบที่ตามมา
ข้อตกลงแห่งความอัปยศ
ชิดชบา ซึ่งเพิ่งกลับจากฝรั่งเศสหลังจากทราบข่าวการตายของพ่อ ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าครอบครัวของเธอสูญเสียทุกอย่าง เธอพยายามปกป้องคฤหาสน์หลังสุดท้ายที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัว ปฐวีฉวยโอกาสนี้ยื่นข้อเสนอที่โหดร้าย เขาจะคืนคฤหาสน์ให้ หากชิดชบายอมเป็น “นางบำเรอ” ของเขาเป็นเวลาหนึ่งปี ข้อเสนอนี้นอกจากจะย่ำยีศักดิ์ศรีของชิดชบาแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแก้แค้นของปฐวีที่ต้องการให้ครอบครัวของชิดชงค์ต้องทนทุกข์เช่นเดียวกับที่เขาต้องเผชิญ
ชิดชบา ซึ่งไม่มีทางเลือกและต้องการรักษามรดกของครอบครัว ต้องยอมรับข้อตกลงนี้ด้วยความขมขื่น เธอต้องทนรับการปฏิบัติที่รุนแรงจากปฐวี ซึ่งใช้ร่างกายของเธอเป็นเครื่องมือในการระบายความแค้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความเกลียดชังและความเจ็บปวด แต่ในเวลาเดียวกัน ความใกล้ชิดนี้ก็ค่อยๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้นในใจของทั้งสองฝ่าย
ความรักท่ามกลางไฟแค้น
ในขณะที่ปฐวีใช้ชิดชบาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น เขาก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) หญิงสาวที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ โสมสุภางค์ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าปฐวีมีความสัมพันธ์กับชิดชบา เธอพยายามยึดมั่นในความรักที่มีต่อปฐวี แต่ความอิจฉาและความเสียใจทำให้สุขภาพจิตและร่างกายของเธอทรุดโทรมลง โดยเฉพาะเมื่อเธอประสบอุบัติเหตุตกบันได ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียความสามารถในการเดินและพูดได้
ในระหว่างนี้ ชิดชบาต้องเผชิญกับการถูกใส่ร้ายในคดีพยายามฆ่าโสมสุภางค์และการฆ่าคนใช้ ทำให้เธอต้องติดคุกและเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย รวมถึงการถูกคุกคามในเรือนจำ ขณะเดียวกัน เธอพบว่าเธอตั้งครรภ์กับลูกของปฐวี ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางอารมณ์ ปฐวีเริ่มสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เมื่อความแค้นที่เคยฝังแน่นเริ่มถูกแทนที่ด้วยความรักที่เขามีต่อชิดชบาโดยไม่รู้ตัว
การไถ่บาปและการให้อภัย
เมื่อความจริงเริ่มเปิดเผย ปฐวีค้นพบว่าโสมสุภางค์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความขัดแย้งกับ เถาว์เครือ (แม่ของโสมสุภางค์) ไม่ใช่การกระทำของชิดชบา เขาเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองที่ทำให้ชิดชบาต้องทนทุกข์โดยไม่ยุติธรรม ปฐวีพยายามไถ่โทษด้วยการช่วยเหลือชิดชบาให้พ้นจากข้อกล่าวหาและปกป้องเธอจากอันตราย เขายอมรับความรักที่มีต่อชิดชบาและขอโอกาสจากเธอเพื่อเริ่มต้นใหม่ พร้อมกับสัญญาว่าจะดูแลเธอและลูกในท้องของเธอ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท นำเสนอประเด็นที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวงจรของความแค้นที่ไม่รู้จบ ซึ่งสามารถทำลายทั้งผู้ที่แค้นและผู้ที่ถูกแค้นได้ ละครสะท้อนให้เห็นว่าความรักและการให้อภัยสามารถเป็นพลังที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดและนำพาความสงบสุขกลับคืนมา ต่อไปนี้คือเนื้อหาสำคัญของละคร
เงามืดแห่งอดีต
ในเมืองอันศิวิไลซ์ที่เต็มไปด้วยแสงสี ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) นักธุรกิจหนุ่มรูปงามผู้มั่งคั่ง ซ่อนความมืดมิดไว้ในดวงตาคู่คม ดวงใจของเขาถูกบดขยี้ตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อพ่อของเขาถูก ชิดชงค์ คู่หูทางธุรกิจหักหลังจนครอบครัวล่มสลาย ภาพพ่อที่ผูกคอตายต่อหน้าต่อตาเด็กชายปฐวียังคงหลอกหลอนเขาไม่เคยจาง ความแค้นนี้กลายเป็นเชื้อไฟที่ลุกโชนในใจ เขาสาบานว่าจะทำให้ครอบครัวของชิดชงค์ต้องชดใช้ด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ปฐวีกลายเป็นชายหนุ่มที่ทั้งฉลาดและเย็นชา เขาวางหมากแก้แค้นอย่างแยบยล โดยท้าชิดชงค์ในเกมเดิมพันที่มีทุกอย่างเป็นเดิมพัน ชิดชงค์พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ สูญเสียธุรกิจ เรือสำราญ และคฤหาสน์มรดกของครอบครัว ความสิ้นหวังบีบคั้นจนชิดชงค์เลือกจบชีวิตตัวเอง ทิ้ง ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ลูกสาวคนเดียวของเขาให้เผชิญหน้ากับโชคชะตาอันโหดร้ายเพียงลำพัง
ข้อตกลงแห่งความอัปยศชิดชบา
หญิงสาวงดงามที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส ต้องเผชิญกับความจริงอันแสนเจ็บปวดเมื่อพบว่าพ่อของเธอจากไป และครอบครัวสูญสิ้นทุกอย่าง คฤหาสน์หลังสุดท้ายที่เป็นมรดกของตระกูลคือสิ่งเดียวที่หลงเหลือ เธอตั้งใจจะปกป้องมันด้วยทุกวิถีทาง แต่ปฐวี ผู้มีรอยยิ้มเย็นเยียบราวปีศาจ ยื่นข้อเสนอที่เหมือนมีดกรีดหัวใจ: เขาจะคืนคฤหาสน์ให้ หากชิดชบายอมเป็น “นางบำเรอ” ของเขาเป็นเวลาหนึ่งปี
ด้วยความจำยอมและเพื่อรักษาสมบัติสุดท้ายของครอบครัว ชิดชบากัดฟันยอมรับข้อตกลงที่ย่ำยีศักดิ์ศรี เธอต้องทนรับการปฏิบัติอันโหดร้ายจากปฐวี ผู้ใช้ร่างกายของเธอเป็นเครื่องมือในการระบายความแค้น แต่ในทุกสัมผัสที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ประกายแห่งความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของทั้งคู่ ราวกับไฟรักที่ลุกไหม้ท่ามกลางกองเพลิงแห่งความแค้น
รักสามเส้าและโศกนาฏกรรม
ขณะที่ปฐวีดำเนินแผนแก้แค้น เขายังคงรักษาภาพลักษณ์ของคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบต่อ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) หญิงสาวที่รักเขาด้วยหัวใจทั้งดวง โสมสุภางค์เปรียบดั่งดอกไม้ที่เปราะบาง เธอไม่เคยรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของปฐวีหรือความสัมพันธ์ลับระหว่างเขากับชิดชบา เมื่อความจริงเริ่มเผยออกมา หัวใจของโสมสุภางค์แตกสลาย ความอิจฉาริษยาและความเสียใจกัดกินเธอจนร่างกายและจิตใจเริ่มโทรมลง
โศกนาฏกรรมยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อโสมสุภางค์ประสบอุบัติเหตุตกบันได หลังการขัดแย้งกับ เถาว์เครือ (แม่ของเถาว์นาง) ซึ่งเป็นผู้วางแผนร้ายเพื่อกำจัดชิดชบา อุบัติเหตุนี้ทำให้โสมสุภางค์สูญเสียความสามารถในการเดินและพูด เธอกลายเป็นเพียงเงาของหญิงสาวที่เคยร่าเริง ขณะที่ชิดชบาถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เธอต้องเผชิญข้อหาพยายามฆ่าและถูกจองจำในคุกที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย
ในเรือนจำ ชิดชบาถูกคุกคามและต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เธอยังค้นพบว่าเธอตั้งครรภ์ลูกของปฐวี ซึ่งเป็นทั้งความหวังและภาระในเวลาเดียวกัน ความทุกข์ยากของชิดชบาทำให้ปฐวีเริ่มสั่นคลอน เขาเริ่มตั้งคำถามถึงความแค้นที่ครอบงำหัวใจ เมื่อร่องรอยของความรักเริ่มแทรกซึมเข้ามาในจิตใจที่เคยเย็นชาของเขา
การไถ่บาปและรักแท้
เมื่อความจริงเริ่มคลายปม ปฐวีค้นพบว่าโสมสุภางค์เสียชีวิตจากความขัดแย้งกับเถาว์เครือ ไม่ใช่ฝีมือของชิดชบา ความรู้สึกผิดท่วมท้นหัวใจของเขา เขาตระหนักว่าเขาได้ทำร้ายชิดชบาด้วยความเข้าใจผิดและความแค้นที่ไร้เหตุผล ปฐวีจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยชิดชบาให้พ้นจากข้อกล่าวหา เขายืนหยัดปกป้องเธอจากอันตรายและพยายามไถ่โทษด้วยการดูแลเธอและลูกในท้อง
ชิดชบา หญิงสาวที่ผ่านความเจ็บปวดมานับไม่ถ้วน ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญ: เธอจะยอมให้อภัยชายที่เคยทำร้ายเธอ หรือจะเลือกเดินจากไปพร้อมบาดแผลในใจ? ในตอนจบของเรื่องราว (ตอนที่ 16) ปฐวีสารภาพรักต่อชิดชบาด้วยความจริงใจ เขาขอโอกาสเพื่อชดเชยความผิดและสัญญาจะปกป้องเธอและลูกของทั้งคู่ ชิดชบา ซึ่งหัวใจเริ่มอ่อนโยนลงจากความรักที่ค่อยๆ เบ่งบาน ตัดสินใจให้โอกาสเขา เรื่องราวจบลงด้วยภาพครอบครัวใหม่ที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพังของอดีต ลูกในท้องของชิดชบาคือสัญลักษณ์ของความหวังและการเริ่มต้นใหม่
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับวงจรของความแค้นที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้หากไม่ถูกหยุดยั้ง ละครแสดงให้เห็นว่าความรักและการให้อภัยเป็นพลังที่สามารถเยียวยาความเจ็บปวดและนำพาความสงบสุขกลับคืนมา ตัวละครแต่ละตัวสะท้อนถึงผลกระทบของการตัดสินใจที่ผิดพลาดและโอกาสในการไถ่บาป ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
เนื้อเรื่องไฟแค้นที่จุดประกายรัก
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท เล่าถึง ปฐวี นักธุรกิจหนุ่มที่ถูกครอบงำด้วยความแค้นจากอดีต เมื่อพ่อของเขาถูก ชิดชงค์ คู่หูทางธุรกิจหักหลังจนครอบครัวล่มสลายและพ่อฆ่าตัวตาย ปฐวีจึงวางแผนแก้แค้นอย่างแยบยล ด้วยการเอาชนะชิดชงค์ในเกมเดิมพันจนเขาสูญเสียทุกอย่างและฆ่าตัวตาย ทิ้ง ชิดชบา ลูกสาวให้เผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย ปฐวียื่นข้อเสนอให้ชิดชบายอมเป็น “นางบำเรอ” เพื่อแลกกับคฤหาสน์มรดกของครอบครัว ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยความเกลียดชัง แต่ค่อยๆ กลายเป็นรักต้องห้ามท่ามกลางโศกนาฏกรรมของ โสมสุภางค์ คู่หมั้นของปฐวี และการใส่ร้ายที่พัวพันกับความตายและความอยุติธรรม
จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือความเข้มข้นที่ผสมผสานดราม่า ความแค้น และความรักได้อย่างลงตัว ละครนำเสนอวงจรของความเกลียดชังที่สามารถทำลายทุกสิ่ง และพลังของการให้อภัยที่ช่วยเยียวยาบาดแผล เนื้อหาเต็มไปด้วยจุดพลิกผันที่คาดเดาไม่ได้ เช่น การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุของโสมสุภางค์ และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างปฐวีและชิดชบาที่เปลี่ยนจากความเกลียดเป็นความรัก อย่างไรก็ตาม บางช่วงของเรื่องอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะฉากดราม่าในเรือนจำของชิดชบาที่บางครั้งดูเกินจริงไปบ้าง
การแสดง นักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงใจ
หนึ่งในจุดแข็งของ ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท คือการแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงนำ
→ ธีรภัทร์ สัจจกุล (ปฐวี): ธีรภัทร์ถ่ายทอดบทชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความแค้นได้อย่างน่าประทับใจ สายตาที่เย็นชาและรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ็บปวดทำให้ตัวละครปฐวีมีมิติ การเปลี่ยนผ่านจากความเกลียดชังสู่ความรักและความรู้สึกผิดของเขาดูสมจริงและน่าสนใจ
→ อุษามณี ไวทยานนท์ (ชิดชบา): อุษามณีสวมบทหญิงสาวที่แข็งแกร่งแต่เปราะบางได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉากที่เธอต้องเผชิญความอัปยศและความอยุติธรรมในเรือนจำแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ลึกซึ้ง
→ ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล (โสมสุภางค์): บทโสมสุภางค์เป็นตัวละครที่น่าสงสาร และณัฏฐพัชรสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นใจและสะเทือนใจกับชะตากรรมของเธอได้อย่างดี
→ ชานนท์ ทิพกนก (นรุตม์): ในฐานะเพื่อนของปฐวี ชานนท์เพิ่มความสมดุลให้กับเรื่องด้วยบทที่เป็นทั้งที่ปรึกษาและตัวละครที่ช่วยคลายปม
นักแสดงสมทบ เช่น ตัวละครเถาว์เครือและตัวร้ายอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีในการขับเคลื่อนความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม บางตัวละครสมทบมีบทที่ค่อนข้างสูตรสำเร็จ ทำให้ขาดความแปลกใหม่ในบางฉาก
การกำกับและงานสร้าง ความยิ่งใหญ่ที่ผสมผสานความสมจริง
การกำกับของ สยาม สังวริบุตร ทำให้ละครเรื่องนี้มีจังหวะที่กระชับและน่าติดตาม ฉากดราม่าถูกนำเสนอด้วยความเข้มข้น โดยเฉพาะฉากที่ปฐวีและชิดชบาต้องเผชิญหน้ากันในสถานการณ์ตึงเครียด การใช้มุมกล้องและแสงช่วยเสริมอารมณ์ของเรื่องได้ดี ฉากที่ถ่ายทำในกรุงปารีสเพิ่มความยิ่งใหญ่และความรู้สึกสมจริงให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะฉากที่ชิดชบาอยู่ในฝรั่งเศสช่วงต้นเรื่อง
งานสร้างโดยบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานช่อง 7 สี เครื่องแต่งกายและฉากคฤหาสน์ช่วยสะท้อนความมั่งคั่งและความล่มสลายของตัวละครได้ดี ดนตรีประกอบก็เข้ากับอารมณ์ของละคร โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่เร่งเร้าความรู้สึก อย่างไรก็ตาม บางฉากในเรือนจำและการต่อสู้ดูเกินจริงไปบ้าง ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกขาดความสมจริงในบางช่วง
คะแนนรวม 8.5/10 (จาก sence9.com แนะนำสำหรับผู้ที่รักละครดราม่าเข้มข้นที่เต็มไปด้วยอารมณ์และการพลิกผันของโชคชะตา)
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558 เป็นละครที่ประสบความสำเร็จในการนำเสนอดราม่าเข้มข้นที่ผสมผสานความแค้น ความรัก และการไถ่บาปได้อย่างลงตัว การแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงนำ งานกำกับที่ประณีต และข้อคิดที่ลึกซึ้งทำให้ละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของช่อง 7 สี แม้ว่าจะมีจุดด้อยในบางฉากที่ดูเกินจริงหรือยืดเยื้อ แต่โดยรวมแล้ว ละครเรื่องนี้ยังคงครองใจผู้ชมที่ชื่นชอบดราม่าเข้มข้นและเรื่องราวรักต้องห้าม
เมื่อละครเริ่มต้นด้วยฉากฝันร้ายของปฐวี ที่เห็นภาพพ่อผูกคอตายต่อหน้าในวัยเด็ก ความรู้สึกแรกที่ผู้ชมสัมผัสได้คือความหนักอึ้งและความเห็นใจ ความเจ็บปวดจากอดีตของปฐวีที่ถูกชิดชงค์หักหลังกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดความแค้นอันร้อนแรง ฉากที่ถ่ายทำในกรุงปารีสช่วงต้นเรื่องเพิ่มความตื่นเต้นด้วยภาพที่สวยงามและบรรยากาศที่หรูหรา แต่เมื่อปฐวีเริ่มวางแผนแก้แค้นด้วยการท้าพนันชิดชงค์จนนำไปสู่โศกนาฏกรรม ความรู้สึกสะเทือนใจก็เริ่มก่อตัว ผู้ชมอย่างฉันรู้สึกถึงความรุนแรงของความแค้นที่สามารถทำลายทุกสิ่งได้ และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าปฐวีจะเดินไปในเส้นทางแห่งความมืดนี้ได้ไกลแค่ไหน
การปรากฏตัวของชิดชบา หญิงสาวที่กลับจากฝรั่งเศสและต้องเผชิญกับการสูญเสียพ่อและสมบัติของครอบครัว เรียกน้ำตาแรกจากความรู้สึกเห็นใจอย่างลึกซึ้ง เธอเปรียบเสมือนนางเอกที่ต้องเผชิญพายุแห่งโชคชะตาโดยไม่มีทางเลือก ความรู้สึกหน่วงในใจยิ่งทวีคูณเมื่อปฐวียื่นข้อเสนอสุดโหดร้ายให้เธอยอมเป็นนางบำเรอเพื่อแลกคฤหาสน์มรดก ฉากนี้ทำให้รู้สึกทั้งโกรธและเจ็บปวดแทนชิดชบา พร้อมกับความตื่นเต้นที่อยากรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร
ความเกลียดชังปนเปรื้อนด้วยรัก เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ความสัมพันธ์ระหว่างปฐวีและชิดชบากลายเป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนและขัดแย้งในใจ การที่ปฐวีปฏิบัติต่อชิดชบาด้วยความโหดร้ายในฐานะเครื่องมือแก้แค้น ทำให้รู้สึกไม่ชอบตัวละครนี้ในตอนแรก แต่การแสดงของธีรภัทร์ สัจจกุลที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในแววตา ทำให้เริ่มเข้าใจว่าปฐวีเองก็เป็นเหยื่อของความแค้นเช่นกัน ส่วนชิดชบาที่รับบทโดยอุษามณี ไวทยานนท์ สร้างความรู้สึกชื่นชมในความแข็งแกร่งของเธอ แม้จะถูกย่ำยีศักดิ์ศรี เธอก็ยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องสิ่งที่รัก
ฉากที่ทั้งคู่เริ่มมีความรู้สึกต่อกันเป็นช่วงที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ความรักต้องห้ามที่ค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางความเกลียดชังเหมือนไฟที่ลุกโชนในความมืด ผู้ชมอย่างฉันรู้สึกถึงเคมีที่เข้ากันของคู่พระนาง ซึ่งทำให้อยากเอาใจช่วยทั้งคู่ แม้ว่าจะรู้ว่าเส้นทางรักนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค ความรู้สึกขัดแย้งนี้ยิ่งเข้มข้นเมื่อโสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) คู่หมั้นของปฐวี ปรากฏตัวในฐานะหญิงสาวที่รักเขาด้วยหัวใจทั้งดวง การที่เธอต้องเจ็บปวดจากความสัมพันธ์ของปฐวีและชิดชบาทำให้รู้สึกสงสารและเสียใจตามไปด้วย
ความตึงเครียดและน้ำตาแห่งโศกนาฏกรรม ช่วงกลางเรื่องเป็นจุดที่ความรู้สึกตึงเครียดถึงขีดสุด ฉากที่ชิดชบาถูกใส่ร้ายในคดีพยายามฆ่าโสมสุภางค์และถูกจองจำในคุก ทำให้รู้สึกทั้งโกรธและหดหู่ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกคุกคามในเรือนจำและค้นพบว่าตั้งครรภ์ลูกของปฐวี ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจ ฉากในคุกที่ชิดชบาต้องต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองและลูกในท้องเรียกน้ำตาได้อย่างท่วมท้น ผู้ชมอย่างฉันอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามและรู้สึกถึงความอยุติธรรมที่เธอต้องเผชิญ
ในขณะเดียวกัน การที่โสมสุภางค์ประสบอุบัติเหตุตกบันไดและสูญเสียความสามารถในการเดินและพูด ทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายของโชคชะตา การแสดงของณัฏฐพัชรในบทนี้ถ่ายทอดความเปราะบางและความเจ็บปวดได้อย่างน่าสะเทือนใจ ทำให้รู้สึกเห็นใจเธออย่างสุดซึ้ง ความรู้สึกตึงเครียดนี้ถูกขับเน้นด้วยเพลงประกอบที่ไพเราะและฉากที่กำกับอย่างประณีต ซึ่งทำให้ทุกอารมณ์ถูกขยายออกมาจนแทบจะทนดูต่อไม่ไหว
การปลดปล่อยและน้ำตาแห่งการให้อภัย เมื่อความจริงเริ่มเปิดเผยว่าอุบัติเหตุของโสมสุภางค์เกิดจากความขัดแย้งกับเถาว์เครือ ไม่ใช่ฝีมือของชิดชบา ความรู้สึกโล่งใจเริ่มเข้ามาแทนที่ แต่ก็มาพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งเมื่อปฐวีตระหนักถึงความผิดพลาดของเขา การที่เขาเริ่มไถ่โทษด้วยการช่วยเหลือชิดชบาและปกป้องเธอจากอันตราย ทำให้รู้สึกถึงความหวังว่าความรักอาจจะเยียวยาความเจ็บปวดได้ ฉากที่ปฐวีสารภาพรักและขอโอกาสจากชิดชบาในตอนท้าย (ตอนที่ 16) เป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง การแสดงน้ำตาลูกผู้ชายของธีรภัทร์และความอ่อนโยนของอุษามณีในฉากนี้ ทำให้รู้สึกถึงพลังของการให้อภัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
ละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558 เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความโกรธต่อความอยุติธรรม ความเห็นใจต่อตัวละครที่ต้องเผชิญโศกนาฏกรรม ความตื่นเต้นจากความรักต้องห้าม ไปจนถึงความอบอุ่นใจเมื่อเห็นการให้อภัยและการเริ่มต้นใหม่ ละครเรื่องนี้ทำให้หัวใจเต้นรัว น้ำตาไหล และหัวเราะออกมาด้วยความหวังในตอนท้าย สำหรับแฟนละครดราม่าที่ชื่นชอบเรื่องราวเข้มข้นและการแสดงที่ถึงอารมณ์ นี่คือละครที่ไม่ควรพลาด และความรู้สึกที่ได้จากการดูจะยังคงตราตรึงในใจไปอีกนาน
ละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558
ละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558
จุดเริ่มต้น ไฟแค้นที่ลุกโชนในใจปฐวี
ละครเปิดเรื่องมาก็หนักหน่วงเลย ปฐวี (ตุ้ย-ธีรภัทร์) หนุ่มหล่อสุดเนี๊ยบ นักธุรกิจตัวท็อป แต่ในใจเต็มไปด้วยแผลจากอดีต ตอนเด็ก ๆ เขาต้องเห็นพ่อตัวเองถูก ชิดชงค์ (ตฤณ เศรษฐโชค) คู่หูธุรกิจสุดเลวหักหลังจนครอบครัวพังพินาศ พ่อของปฐวีสุดท้ายเลือกจบชีวิตด้วยการผูกคอตายต่อหน้าลูกชาย ฉากนี้คือสะเทือนใจมาก น้ำตาแตกเลย ความแค้นนี้ฝังลึกในใจปฐวี เขาสาบานว่าจะล้างแค้นให้สาสม ทำลายครอบครัวชิดชงค์ให้ย่อยยับเหมือนที่เขาเคยเจอ
ปฐวีในวัยผู้ใหญ่กลายเป็นนักธุรกิจสุดแซ่บ เขาวางแผนโหดสุด ๆ ด้วยการท้าชิดชงค์เล่นเกมพนันที่มีทุกอย่างเป็นเดิมพัน ผลลัพธ์? ชิดชงค์พ่ายแพ้แบบราบคาบ สูญเสียธุรกิจ เรือสำราญ คฤหาสน์ ทุกอย่าง ความพ่ายแพ้นี้หนักจนชิดชงค์ทนไม่ไหว ฆ่าตัวตายไปเลย ดราม่าตั้งแต่ตอนแรกเลยนะ
ข้อตกลงสุดช็อก ชิดชบากับสัญญานางบำเรอ
ตัดมาที่ ชิดชบา (ขวัญ-อุษามณี) สาวสวยสุดแกร่งที่เพิ่งบินกลับจากฝรั่งเศสเมื่อรู้ข่าวพ่อตาย เธอต้องเจอความจริงสุดโหดว่าครอบครัวล้มละลาย ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากคฤหาสน์มรดกชิ้นสุดท้าย และแล้ว ปฐวีก็โยนข้อเสนอสุดช็อกใส่หน้า “ถ้าอยากได้คฤหาสน์คืน มาเป็นนางบำเรอของฉัน 1 ปี” ฉากนี้คือใจสลายเลย ชิดชบาแค้นจนตัวสั่น แต่ไม่มีทางเลือก เธอยอมเซ็นสัญญากับปฐวี โดยให้ เฉวียง (อาเต๊ะ-โชคดี ฟักภู่) ทนายคนสนิทจัดการเอกสาร
ชิดชบาต้องทนให้ปฐวีใช้ร่างกายเธอเป็นเครื่องมือระบายความแค้น ฉากพวกนี้หนักหน่วงมาก แต่การแสดงของขวัญคือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเจ็บปวดและความแกร่งได้แบบถึงใจ ส่วนปฐวีที่เล่นโดยตุ้ยก็โหดสุด ๆ แต่แววตาเขามีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ ทำเอาเราคนดูเริ่มรู้สึกสับสนว่าเกลียดหรือสงสารดี
รักสามเส้าและตัวร้ายที่มาเสริมทัพ
เรื่องมันยิ่งซับซ้อนเมื่อมี โสมสุภางค์ (ปุยฝ้าย-ณัฎฐพัชร) คู่หมั้นของปฐวีที่รักเขาหมดหัวใจ เธอรู้ว่าปฐวีพาชิดชบามาอยู่ด้วยในฐานะนางบำเรอ โสมสุภางค์ทั้งเจ็บทั้งแค้น แต่ก็ยอมเพราะรักปฐวีสุด ๆ ฉากที่เธอพยายามรักษาความรักไว้คือน้ำตาซึมเลย ปุยฝ้ายเล่นได้น่าสงสารมาก
แต่ ยังมีตัวร้ายเพิ่มความเดือดอีก! ชัยยงค์ (บี๋-ธีรพงศ์) นักพนันตัวเก๋าที่อยากครอบครองคฤหาสน์ของชิดชงค์ ร่วมมือกับ ชัยญา (เชน-ณัฐวัฒน์) ลูกชาย และ ถกล (หนุ่ม-ชมวิชัย) สมุนคู่ใจ วางแผนโค่นปฐวีด้วยเกมพนัน ตัวร้ายพวกนี้คือเพิ่มความตื่นเต้นให้ละครแบบสุด
ในขณะเดียวกัน ปฐวีต้องเผชิญฝันร้ายจากอดีตจนนอนไม่หลับ เขาเลยไปรักษากับ แพรวา (น้ำหวาน-กรรณาภรณ์) จิตแพทย์สาวที่แอบตกหลุมรักเขา อีกด้าน ธวัชพงศ์ (เอ-เอกราช) นักข่าวไฟแรงที่อยากทำสกู๊ปเกี่ยวกับพิษภัยการพนัน ก็เข้ามาสนิทกับชิดชบาและเริ่มรักเธอ แม้รู้ว่าเธอเป็นนางบำเรอของปฐวี โอ้ย ละครเรื่องนี้รักสามเส้าสี่เส้าซับซ้อนมาก
ทริปยุโรปและดราม่าที่พีคยิ่งขึ้น
ปฐวีตัดสินใจพาโสมสุภางค์ไปทัวร์ยุโรปเพื่อกลบเกลื่อนความผิด แต่ดันพาชิดชบาไปด้วย ที่นั่นชิดชบาได้เจอ ม.ร.ว.อรุณณรงค์ หรือ คุณชายเอี่ยว (แอมป์-พีรวัศ) นักการทูตสุดหล่อที่สุภาพและทำให้เธอยิ้มได้อีกครั้ง ฉากนี้คือดีต่อใจมาก แต่ปฐวีดันหึง อิจฉาแบบเงียบ ๆ แต่แววตาคือบอกทุกอย่าง ตุ้ยเล่นดีมาก
กลับจากยุโรป ดราม่ามาเต็ม โสมสุภางค์ป่วยเป็นโรคหัวใจ คุณนายเถาว์เครือ (ฮันนี่-ภัสสร) แม่ของโสมสุภางค์โกรธปฐวีสุด ๆ ที่ทำให้ลูกสาวป่วย ปฐวีเลยรีบจัดงานแต่งงานกับโสมสุภางค์แบบยิ่งใหญ่ แต่ชิดชบาดันใส่ชุดดำมางาน ฉากนี้คือระเบิดอารมณ์ โสมสุภางค์ช็อกเป็นลมเข้าโรงพยาบาล ชิดชบาสะใจสุด ๆ ที่ได้ฉีกหน้าปฐวี
โศกนาฏกรรมและจุดเปลี่ยนใหญ่
เรื่องยิ่งพีคเมื่อโสมสุภางค์พยายามกำจัดชิดชบา แต่ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เธอบังเอิญเห็นปฐวีจูบกับชิดชบา ช็อกจนหมดสติและตกบันได ฉากนี้คือน้ำตาท่วมเลย โสมสุภางค์เสียชีวิต ปฐวีเสียใจหนักมาก เขาโทษชิดชบาว่าเป็นสาเหตุ ทำให้ชิดชบาต้องเผชิญความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น
และแล้ว ดราม่าชุดใหญ่ ชิดชบาค้นพบว่าตัวเองตั้งท้องลูกของปฐวี เธอเกลียดปฐวีสุดใจ เลยตัดสินใจจะทำแท้งเพื่อแก้แค้นเขา ฉากที่ชิดชบาพยายามใช้ไม้แขวนเสื้อทำแท้งด้วยตัวเองคือหน่วงสุด ๆ ตลับนาค (เจี๊ยบ-กาญจนา) ป้าของชิดชบา และเฉวียงพยายามห้าม แต่เธอไม่ฟัง ปฐวีที่เริ่มใจอ่อนกลับมาพบภาพนี้ เขารีบพาชิดชบาไปโรงพยาบาล โชคดีที่ทั้งแม่และลูกปลอดภัย
การไถ่บาปและรักแท้
ในวินาทีสุดท้าย ปฐวีสำนึกผิดในทุกสิ่งที่ทำร้ายชิดชบา เขาขอโทษด้วยน้ำตาและสารภาพรัก พร้อมขอโอกาสเริ่มต้นใหม่ ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลย ตุ้ยกับขวัญเล่นดีมาก แววตาของทั้งคู่คือบอกถึงความเจ็บปวดและความหวังได้สุดยอด ชิดชบา ซึ่งผ่านความเจ็บปวดมามาก ต้องตัดสินใจว่าจะให้อภัยหรือไม่ เรื่องจบด้วยการที่ทั้งคู่เลือกก้าวข้ามอดีต ลูกในท้องของชิดชบาคือสัญลักษณ์ของความหวังและการเริ่มต้นใหม่
ละครเรื่องนี้มีตั้งแต่ความแค้นที่ลุกโชน ความรักที่ซับซ้อน ไปจนถึงน้ำตาแห่งการให้อภัย การแสดงของตุ้ยและขวัญคือสุดยอด เคมีเข้ากันแบบไฟลุก ฉากที่ถ่ายในปารีสคือสวยมาก เพลงประกอบก็ตราตรึงใจ
เบื้องหลังละครดราม่าสุดเดือด ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ปี 2558 ที่ทำเอาเราน้ำตาแตก หัวใจเต้นรัว ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวที่เข้มข้น แต่ทีมงานเบื้องหลังคือสุดยอดฝีมือที่ทำให้ทุกฉากมันปังแบบตะโกน
บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน – แม่ใหญ่แห่งดราม่า

นันทนา วีระชน คือคนที่ให้กำเนิดเรื่องราวสุดเข้มข้นนี้ เธอคือสุดยอดนักเขียนบทประพันธ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องพล็อตดราม่าจัดเต็ม ความแค้น ความรักต้องห้าม การไถ่บาป นันทนาคือคนที่โยนปฐวีและชิดชบาเข้าไปในพายุแห่งอารมณ์ ถ้าไม่มีบทต้นฉบับที่เป๊ะปังขนาดนี้ ละครคงไม่พาคนดูร้องไห้หนักขนาดนั้นแน่นอน ในวงการละครไทย บอกเลยว่านันทนาคือตำนานที่สร้างเรื่องราวให้เราติดงอมแงม! ปรบมือให้เลย
บทโทรทัศน์โดย ปลายปากกา – ปลายปากกาที่เขียนถึงใจ
ต่อมาเรามี ปลายปากกา คนเขียนบทโทรทัศน์ที่เอาเรื่องราวของนันทนามาดัดแปลงให้กลายเป็นละครสุดปัง บทของปลายปากกาคือสุดยอดมาก เขาเอาเรื่องแค้นของปฐวี ความเจ็บปวดของชิดชบา และดราม่าของโสมสุภางค์ มาถ่ายทอดให้เข้ากับจอทีวีได้แบบลงตัวสุด ๆ ฉากที่ชิดชบาต้องยอมเป็นนางบำเรอ หรือฉากที่ปฐวีสำนึกผิดน้ำตาไหล คือบทที่ปลายปากกาเขียนออกมาได้ถึงอารมณ์มาก ชาวเน็ตถึงกับบอกว่า “บทดีจนน้ำตาไหลตาม” ต้องยกนิ้วให้ปลายปากกาที่ทำให้ทุกตัวละครมีชีวิตชีวาและพาคนดูดำดิ่งไปด้วย
กำกับการแสดงโดย สยาม สังวริบุตร – ผู้กำกับที่เนรมิตทุกฉากให้เดือด

มาถึงตัวพ่อแห่งกองถ่าย สยาม สังวริบุตร ผู้กำกับที่ทำให้ ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท กลายเป็นละครที่ทุกคนต้องพูดถึง สยามคือคนที่กำกับทุกฉากให้ออกมาสมจริงและอารมณ์ถึงขีดสุด ฉากฝันร้ายของปฐวีที่เห็นพ่อผูกคอตาย หรือฉากที่ชิดชบาต้องเผชิญความเจ็บปวดในคุก คือกำกับได้แบบสะเทือนใจสุด ๆ โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายในปารีส สวยมาก มุมกล้อง แสงสี คือให้ฟีลเหมือนดูหนังฟอร์มยักษ์ ชาวยูทูบที่ดูคลิปรีวิวละครในช่อง 7 บอกว่า “งานกำกับคือระดับพรีเมียม” สยามคือคนที่ทำให้ทุกอารมณ์ของนักแสดงพุ่งออกจากจอมาถึงใจเราเลย
ควบคุมการผลิตโดย สยาม สังวริบุตร – คุมทุกอย่างให้เป๊ะ
สยาม สังวริบุตร ไม่ได้แค่กำกับนะ เขายังเป็นคน ควบคุมการผลิต อีกด้วย เรียกว่าเป็นหัวเรือใหญ่ที่ดูแลทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การเลือกนักแสดงอย่างตุ้ย-ธีรภัทร์ และขวัญ-อุษามณี ที่เคมีเข้ากันสุด ๆ ไปจนถึงการเลือกโลเคชั่นสวย ๆ ในปารีส สยามคือคนที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว เขาควบคุมให้ละครมีทั้งความดราม่า ความโรแมนติก และความตื่นเต้นแบบครบรส มีข่าวลือจากกองถ่ายว่าเขายังจัดเซอร์ไพรส์วันเกิดให้ทีมงานด้วยนะ งานนี้เลยได้ทั้งงานดีและบรรยากาศกองถ่ายสุดอบอุ่น
ผลิตโดย บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด – โปรดักชั่นตัวแม่ของวงการ
ปิดท้ายด้วย บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด โปรดักชั่นเฮาส์ที่ขึ้นชื่อเรื่องละครคุณภาพ ทุกคนรู้มั้ยว่า ดาราวิดีโอคือตัวพ่อตัวแม่ที่ปั้นละครดัง ๆ มาหลายเรื่อง และ ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่พิสูจน์ฝีมือของพวกเขา จากการคัดเลือกนักแสดงระดับท็อป การถ่ายทำในต่างประเทศ ไปจนถึงงานโปรดักชั่นที่เนี๊ยบทุกเม็ด ไม่ว่าจะเป็นฉากคฤหาสน์สุดหรู หรือฉากในคุกที่ดิบและสมจริง ดาราวิดีโอใส่ใจทุกรายละเอียดเลย แฟน ๆ ชมเปาะว่างานโปรดักชั่นคือ “สุดยอด ไม่แพ้หนังใหญ่” บอกเลยว่าทีมนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ละครเรื่องนี้ปังสุด ๆ
บอกเลยว่า ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ไม่ได้ปังแค่หน้าจอ แต่ทีมงานเบื้องหลังคือ MVP ที่ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นตำนาน นันทนาคือคนจุดไฟให้เรื่องราว ปลายปากกาเติมเชื้อให้ดราม่าเดือด สยาม สังวริบุตรกำกับและคุมงานให้ทุกอย่างเป๊ะ และดาราวิดีโอคือผู้อยู่เบื้องหลังความสมบูรณ์แบบ ถ้าคุณเคยดูและร้องไห้หนักเหมือนเรา หรือยังไม่ได้ดู ต้องไปหาดูย้อนหลังใน Bugaboo.tv หรือแพลตฟอร์มที่ยังมีลิขสิทธิ์อยู่นะ
นักแสดง
→ ธีรภัทร์ สัจจกุล รับบท ปฐวี

ปฐวีคือหนุ่มนักธุรกิจสุดหล่อ ฉลาดปราดเปรื่อง แต่ในใจเต็มไปด้วยความแค้นที่ลุกโชน เรื่องมันเริ่มจากตอนเด็ก ๆ ที่เขาต้องเห็นพ่อตัวเองถูกชิดชงค์หักหลังจนครอบครัวพัง พ่อผูกคอตายต่อหน้าต่อตา ภาพนั้นฝังลึกในใจปฐวีจนกลายเป็นแผลใหญ่ที่ทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชา โหดร้าย และมุ่งมั่นแก้แค้นแบบไม่ยอมให้ใครมาขวาง เขาวางแผนเอาคืนชิดชงค์ด้วยการท้าพนันจนชิดชงค์แพ้ยับ ฆ่าตัวตาย และทิ้งชิดชบา ลูกสาวให้เผชิญชะตากรรม
ปฐวีไม่ได้หยุดแค่นั้น เขายื่นข้อเสนอสุดโหดให้ชิดชบายอมเป็นนางบำเรอ 1 ปีเพื่อแลกคฤหาสน์มรดก โห บอกเลยว่าตอนนี้ปฐวีคือตัวร้ายในสายตาคนดูสุด ๆ แต่เดี๋ยวก่อน การแสดงของตุ้ยทำให้เราเห็นว่าปฐวีไม่ใช่แค่คนใจดำนะ เขามีด้านที่เปราะบาง ฝันร้ายจากอดีตทำให้เขานอนไม่หลับ ต้องไปหาจิตแพทย์เลยล่ะ และยิ่งเรื่องดำเนินไป ความรักที่เริ่มก่อตัวกับชิดชบาทำให้เขาเริ่มสับสน ใจเริ่มอ่อนลง จากความแค้นกลายเป็นความรัก จนสุดท้ายเขาต้องสำนึกผิดและขอไถ่โทษ ตัวละครนี้คือมีมิติสุด ๆ จากหนุ่มแค้นจัด สู่คนที่เรียนรู้ที่จะรักและให้อภัย การแสดงของตุ้ยคือสุดยอด แววตาเขาคือบอกทุกอารมณ์เลย
ฉายา อัศวินแห่งความแค้น
ทำไมถึงเรียกแบบนี้ เพราะปฐวีเหมือนอัศวินที่สู้เพื่อแก้แค้น ทุกการกระทำของเขาคือการต่อสู้เพื่อล้างแค้นให้พ่อ แต่เกราะแห่งความแค้นนี้ก็ค่อย ๆ ถูกความรักละลายลง บอกเลยว่าฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับความดราม่าของเขา
ข้อคิด ความแค้นทำลายทุกสิ่ง แต่รักและการให้อภัยเยียวยาได้
จากปฐวี เราเห็นว่าความแค้นที่ฝังลึกมันทำร้ายทั้งตัวเขาและคนรอบข้าง โสมสุภางค์ต้องตาย ชิดชบาต้องเจ็บปวด แต่เมื่อเขาเลือกที่จะให้อภัยตัวเองและขอโทษชิดชบา มันคือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา ข้อคิดนี้คือแรงมาก ทำให้เราคิดได้ว่าการปล่อยวางคือทางออกที่ดีกว่าเก็บแค้นไว้ในใจ
→ อุษามณี ไวทยานนท์ รับบท ชิดชบา

ชิดชบาคือสาวสวยสุดแกร่งที่ชีวิตเหมือนโดนพายุซัดเข้าเต็ม ๆ เธอเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส แล้วต้องมาเจอข่าวร้ายว่าพ่อตัวเอง ชิดชงค์ ฆ่าตัวตายหลังแพ้พนันให้ ปฐวี จนครอบครัวล่มสลาย สมบัติทุกอย่างหายไป เหลือแค่คฤหาสน์มรดกชิ้นสุดท้าย แต่ปฐวีดันโยนข้อเสนอสุดโหดใส่หน้า ถ้าอยากได้คฤหาสน์คืน เธอต้องยอมเป็นนางบำเรอของเขา 1 ปี โอ้โห ฉากนี้คือใจสลายมาก ชิดชบาแค้นจนตัวสั่น แต่เพื่อรักษามรดก เธอกัดฟันยอมเซ็นสัญญา ต้องทนให้ปฐวีใช้ร่างกายเธอเป็นเครื่องมือระบายความแค้น
แต่ชิดชบาไม่ใช่แค่นางเอกที่ยอมจำนนนะ เธอแข็งแกร่งสุด ๆ ถึงจะเจ็บปวด เธอก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ยกเว้น ตลับนาค ป้าที่เป็นที่พึ่งทางใจของเธอ ระหว่างที่ต้องเผชิญความอัปยศ เธอยังต้องเจอกับการใส่ร้ายจาก โสมสุภางค์ คู่หมั้นของปฐวี และดราม่าหนักเมื่อถูกจับเข้าคุกเพราะข้อหาที่ไม่ได้ก่อ สุดพีคคือตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งท้องลูกของปฐวี เธอถึงขั้นคิดทำแท้งเพื่อแก้แค้น แต่สุดท้าย ความเป็นแม่และความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวกับปฐวีทำให้เธอเลือกเก็บลูกไว้ การแสดงของขวัญในบทนี้คือสุดยอดมาก แววตาเธอคือทั้งเจ็บปวดและแกร่งในเวลาเดียวกัน ฉากในคุกหรือตอนที่เผชิญหน้ากับปฐวีคือน้ำตาไหลเลย
ฉายา ดอกไม้เหล็ก
เพราะชิดชบาคือเหมือนดอกไม้ที่สวยงามแต่แกร่งราวเหล็กกล้า เธอผ่านพายุแห่งความเจ็บปวด ถูกย่ำยีศักดิ์ศรี แต่ยังยืนหยัดและต่อสู้เพื่อตัวเองและคนที่รัก ฉายานี้คือเป๊ะสุด ๆ กับความแข็งแกร่งของเธอ
ข้อคิด ความเข้มแข็งคือพลังที่พาเราผ่านทุกความยากลำบาก
จากชิดชบา เราเห็นว่าต่อให้ชีวิตโยนความโหดร้ายมาแค่ไหน ความเข้มแข็งในใจคือสิ่งที่ทำให้เรายังก้าวต่อไปได้ เธอไม่ยอมให้ความเจ็บปวดมาทำลายจิตวิญญาณ และยังเลือกที่จะให้อภัยในตอนท้าย ข้อคิดนี้คือสอนให้เรามองเห็นพลังในตัวเอง แม้จะเจออะไรหนัก ๆ ก็ตาม
→ ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล รับบท โสมสุภางค์

โสมสุภางค์คือสาวสวยหวานใจของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) คู่หมั้นที่รักเขาด้วยหัวใจทั้งดวง เธอเปรียบเหมือนดอกไม้ที่เปราะบาง บริสุทธิ์ และทุ่มเทให้ความรักสุด ๆ แต่ชีวิตของเธอกลับต้องเจอดราม่าหนักมากเมื่อรู้ว่าปฐวีพา ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) มาเป็นนางบำเรอในบ้าน โสมสุภางค์เจ็บปวดสุด ๆ แต่เพราะรักปฐวีมาก เธอเลือกยอมรับสถานการณ์ แม้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า การแสดงของปุยฝ้ายในบทนี้คือสุดยอดมาก แววตาเธอเต็มไปด้วยความรักและความเสียใจ ทำให้คนดูอย่างเราอยากเข้าไปกอดปลอบเลย
เรื่องยิ่งพีคเมื่อโสมสุภางค์ป่วยเป็นโรคหัวใจจากความเครียดและความเจ็บปวด เธอพยายามต่อสู้เพื่อรักษาความรักไว้ แต่ทุกอย่างพังทลายเมื่อเธอบังเอิญเห็นปฐวีจูบกับชิดชบา ความช็อกทำให้เธอหมดสติและตกบันได ซึ่งนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ทำให้เธอเสียชีวิต ฉากนี้คือหน่วงสุด ๆ น้ำตาไหลพรากเลย โสมสุภางค์คือตัวละครที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเปราะบางของคนที่รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ก็ต้องจบลงด้วยความเจ็บปวด การแสดงของปุยฝ้ายทำให้ทุกฉากของโสมสุภางค์คือสะเทือนใจสุด ๆ โดยเฉพาะตอนที่เธอพยายามยิ้มทั้งน้ำตา
ฉายา ดอกไม้ที่ร่วงโรย
เพราะโสมสุภางค์เหมือนดอกไม้ที่สวยงามแต่เปราะบาง เธอเต็มไปด้วยความรักและความหวัง แต่สุดท้ายต้องร่วงโรยจากความเจ็บปวดและโชคชะตาที่โหดร้าย ฉายานี้คือเหมาะสุด ๆ กับความน่าสงสารของเธอ
ข้อคิด ความรักที่มากเกินไปอาจทำร้ายตัวเอง
จากโสมสุภางค์ เราเห็นว่าการรักใครสักคนโดยไม่เห็นคุณค่าในตัวเองอาจนำไปสู่ความเจ็บปวด เธอยอมทนทุกอย่างเพื่อปฐวี แต่สุดท้ายมันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ข้อคิดนี้สอนให้เรารักตัวเองให้มากพอ และรู้จักวางขอบเขตในความรัก เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บเหมือนโสมสุภางค์
→ พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ รับบท ม.ร.ว.อรุณณรงค์

ม.ร.ว.อรุณณรงค์ หรือที่เรียกกันว่า คุณชายเอี่ยว คือหนุ่มหล่อสุดสุภาพ เป็นนักการทูตที่ทั้งมีสเน่ห์และอบอุ่น เขาโผล่เข้ามาในเรื่องตอนที่ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) พา ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) และ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) ไปทริปยุโรป คุณชายเอี่ยวเจอกับชิดชบา ซึ่งตอนนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์สุดลำบากเพราะต้องเป็นนางบำเรอของปฐวี ความสุภาพและความใจดีของเขาทำให้ชิดชบากลับมายิ้มและหัวเราะได้อีกครั้ง โห ฉากนี้คือดีต่อใจมาก ราวกับแสงสว่างส่องลงมาในชีวิตที่มืดมิดของชิดชบา
แต่ ความใกล้ชิดของเขากับชิดชบาทำให้ปฐวีหึงเงียบ ๆ และกลายเป็นจุดที่เพิ่มดราม่าให้เรื่องเลยล่ะ แถม หม่อมจรัสเรือง (กาญจนา จินดาวัฒน์) แม่ของม.ร.ว.อรุณณรงค์ ยังไม่ปลื้มที่ลูกชายไปสนิทกับชิดชบา เพราะรู้สถานะของเธอ เลยจับเขาไปหมั้นกับ หม่อมเจ้าอุราศรี (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) เพื่อตัดปัญหา คุณชายเอี่ยวเลยกลายเป็นตัวละครที่เหมือนลมโชยที่พัดผ่าน มาสร้างความหวังให้ชิดชบาแต่ก็ต้องจากไป การแสดงของแอมป์ในบทนี้คือดีมาก เล่นได้เนียน สุภาพ และมีสเน่ห์แบบที่ทำให้คนดูแอบหลงรักได้เลย
ฉายา อัศวินแห่งรอยยิ้ม
เพราะม.ร.ว.อรุณณรงค์เหมือนอัศวินที่เข้ามานำรอยยิ้มและความหวังมาสู่ชิดชบาในช่วงเวลาที่เธอต้องเผชิญความเจ็บปวด ความใจดีและความสุภาพของเขาคือจุดเด่นที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ
ข้อคิด ความเมตตาเล็ก ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงหัวใจคนได้
จากม.ร.ว.อรุณณรงค์ เราเห็นว่าการแสดงความเมตตาและความใจดี แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็สามารถสร้างความหวังให้คนที่กำลังทุกข์ได้ คุณชายเอี่ยวอาจไม่ได้เปลี่ยนชะตากรรมของชิดชบา แต่รอยยิ้มและความอบอุ่นของเขาทำให้เธอมีแรงก้าวต่อไป ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการเป็นแสงสว่างให้คนอื่นไม่ต้องยิ่งใหญ่ แค่ความใจดีก็เพียงพอแล้ว
→ พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์ รับบท หม่อมเจ้าอุราศรี

หม่อมเจ้าอุราศรีคือสาวสูงศักดิ์จากตระกูลขุนนาง ปรากฏตัวในฐานะคู่หมั้นของ ม.ร.ว.อรุณณรงค์ หรือ คุณชายเอี่ยว (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) เธอเป็นตัวละครที่ถูก หม่อมจรัสเรือง (กาญจนา จินดาวัฒน์) แม่ของม.ร.ว.อรุณณรงค์ จับให้หมั้นกับลูกชายเพื่อตัดปัญหาความสัมพันธ์ของเขากับ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ที่แม่ไม่ปลื้มเพราะสถานะนางบำเรอของชิดชบา โอ้โห ทุกคน ตัวละครนี้คือเหมือนตัวแทนของความสมบูรณ์แบบในสายตาครอบครัวขุนนาง มีทั้งความสง่างาม ความเรียบร้อย และศักดิ์ศรีที่เหมาะสมกับตระกูล
ถึงบทของหม่อมเจ้าอุราศรีจะไม่เยอะ แต่เธอก็มีบทบาทสำคัญในการเป็นอุปสรรคที่ทำให้ความสัมพันธ์ของม.ร.ว.อรุณณรงค์และชิดชบาต้องสะดุด เธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในกรอบของสังคมชั้นสูง ทำตามหน้าที่ที่ครอบครัววางไว้ การแสดงของตูน-พิมพ์ปวีณ์ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความสง่างามและความเป็นสาวสูงศักดิ์ได้แบบเนียนสุด ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเธอคือตัวละครที่เหมาะกับบทนี้เป๊ะ แม้จะไม่ได้มีซีนดราม่าหนัก ๆ แต่แววตาและท่าทางของเธอก็ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเป็น “หม่อมเจ้า” จริง ๆ
ฉายา เจ้าหญิงแห่งกรอบศักดิ์ศรี
เพราะหม่อมเจ้าอุราศรีเหมือนเจ้าหญิงที่ถูกขังอยู่ในกรอบของศักดิ์ศรีและหน้าที่ของตระกูล เธอเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์แบบที่ถูกจัดวางโดยครอบครัว แต่ก็ไม่มีอิสระในการเลือกทางเดินของตัวเอง ฉายานี้คือเหมาะสุด ๆ กับบทบาทของเธอ
ข้อคิด การทำตามหน้าที่ไม่ควรเสียสละความสุขของตัวเอง
จากหม่อมเจ้าอุราศรี เราเห็นว่าการยอมทำตามความคาดหวังของครอบครัวหรือสังคมบางครั้งอาจทำให้เราต้องเสียสละความรู้สึกของตัวเอง เธอถูกจับหมั้นโดยไม่มีโอกาสเลือก ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการรักษาสมดุลระหว่างหน้าที่และความสุขส่วนตัวคือสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้ชีวิตต้องเสียใจในภายหลัง
→ ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ รับบท ชัยญา

ชัยญาคือลูกชายของ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) นักพนันตัวเก๋าที่เคยอยากครอบครองคฤหาสน์ของชิดชงค์ แต่เมื่อคฤหาสน์ตกไปอยู่ในมือของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ชัยญาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายเพื่อโค่นปฐวี ตัวละครนี้คือหนุ่มเจ้าเล่ห์ ฉลาด และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน เขาร่วมมือกับพ่อและ ถกล (ชมวิชัย เมฆสุวรรณ) สมุนคู่ใจ วางแผนใช้เกมพนันเพื่อกำจัดปฐวีและช่วงชิงทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง โห บอกเลยว่าชัยญาคือตัวร้ายที่ทำให้คนดูรู้สึกหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีสเน่ห์แบบร้าย ๆ
ชัยญาไม่ใช่แค่ตัวร้ายธรรมดานะ เขามีความเป็นนักวางแผนที่ทำให้เรื่องราวตื่นเต้นขึ้น การแสดงของเชน-ณัฐวัฒน์ในบทนี้คือดีมาก ถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์และความมุ่งมั่นได้แบบถึงพริกถึงขิง ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว กลิ่นของความวายร้ายมันฟุ้งเลย ทำให้คนดูอย่างเราอยากรู้ว่าแผนของเขาจะสำเร็จหรือปฐวีจะเอาคืนได้ยังไง ถึงบทจะไม่เยอะเท่าตัวหลัก แต่ชัยญาคือตัวละครที่เพิ่มสีสันให้ดราม่าของเรื่องนี้เดือดยิ่งขึ้น
ฉายา หมาป่าเจ้าเล่ห์
เพราะชัยญาคือเหมือนหมาป่าที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์ คอยซุ่มรอโอกาสเพื่อเหยียบคู่ต่อสู้อย่างปฐวีให้จมดิน ความทะเยอทะยานและเล่ห์เหลี่ยมของเขาคือจุดเด่นที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ
ข้อคิด ความโลภนำพาไปสู่ความพินาศ
จากชัยญา เราเห็นว่าความโลภและความทะเยอทะยานที่ไร้ขอบเขตสามารถนำไปสู่หายนะได้ แผนร้ายของเขาอาจดูฉลาด แต่สุดท้ายความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะทุกอย่างโดยไม่สนใจผลกระทบมักจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักควบคุมความปรารถนาและเล่นตามกติกาที่ถูกต้อง
→ เอกราช กฤตสิริทิตย์ รับบท ธวัชพงษ์

ธวัชพงษ์คือนักข่าวหนุ่มไฟแรงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเข้ามาในเรื่องด้วยภารกิจทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับการตายของ ชิดชงค์ (เศรษฐ โชค) พ่อของ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) เพื่อตีแผ่พิษภัยของการพนัน ระหว่างที่สืบเรื่องนี้ เขาได้ใกล้ชิดกับชิดชบา ซึ่งตอนนั้นกำลังอยู่ในสถานการณ์สุดลำบากเพราะต้องเป็นนางบำเรอของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ตามข้อตกลงสุดโหด ธวัชพงษ์คือคนที่มองเห็นความเจ็บปวดของชิดชบาและเริ่มตกหลุมรักเธอ แม้ว่าจะรู้ว่าเธอติดอยู่ในเงื่อนไขของปฐวี โห บอกเลยว่าความใจดีและความจริงใจของเขาคือจุดที่ทำให้คนดูอย่างเราแอบเชียร์ให้เขาช่วยชิดชบาได้
ถึงแม้ว่าธวัชพงษ์จะพยายามช่วยชิดชบา แต่เขาก็ต้องเผชิญกับข้อจำกัด เพราะปฐวีคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไป เขาเลยกลายเป็นเหมือนแสงสว่างเล็ก ๆ ที่พยายามส่องทางให้ชิดชบาในช่วงเวลาที่มืดมิด การแสดงของเอกราชในบทนี้คือดีมาก ถ่ายทอดความเป็นหนุ่มนักข่าวที่ทั้งฉลาดและมีหัวใจได้แบบเนียนสุด ๆ ทำให้ธวัชพงษ์เป็นตัวละครที่คนดูรู้สึกเอาใจช่วย แม้ว่าจะเป็นบทสมทบที่ไม่ได้มีซีนเยอะเท่าตัวหลัก
ฉายา นักข่าวหัวใจทอง
เพราะธวัชพงษ์คือเหมือนนักข่าวที่มีหัวใจทองคำ เต็มไปด้วยความจริงใจและความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งในแง่ของการทำหน้าที่นักข่าวและการพยายามปกป้องชิดชบา ฉายานี้คือเหมาะสุด ๆ กับความดีงามของเขา
ข้อคิด ความจริงใจคือพลังที่สร้างความหวัง
จากธวัชพงษ์ เราเห็นว่าการแสดงความจริงใจและความพยายามช่วยเหลือคนอื่น แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ แต่ก็สามารถสร้างความหวังและกำลังใจให้กับคนที่กำลังทุกข์ยากได้ ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าแค่การยื่นมือช่วยด้วยใจจริงก็มีค่าไม่น้อยเลย
→ กรรณาภรณ์ พวงทอง รับบท แพรวา

แพรวาคือจิตแพทย์สาวสวยสุดสมาร์ทที่เข้ามาในชีวิตของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ในตอนที่เขากำลังจมอยู่กับฝันร้ายจากอดีต ปฐวีต้องทนทุกข์จากภาพพ่อที่ผูกคอตายต่อหน้าในวัยเด็ก ทำให้เขานอนไม่หลับและต้องมาพบแพรวาเพื่อรับการรักษา เธอคือคนที่ทั้งฉลาดและมีความเป็นมืออาชีพ ใช้ความรู้ด้านจิตวิทยาพยายามช่วยปฐวีเยียวยาบาดแผลในใจ แต่เดี๋ยวก่อน ความใกล้ชิดจากการรักษานี่แหละที่ทำให้แพรวาค่อย ๆ ตกหลุมรักปฐวี โห บอกเลยว่าเป็นรักข้างเดียวที่ทั้งหวานและขมในเวลาเดียวกัน
แพรวาคือตัวละครที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ความรู้สึกส่วนตัวที่เริ่มก่อตัวทำให้เธอต้องเผชิญกับความขัดแย้งในใจ เธอรู้ว่าปฐวีมี โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) เป็นคู่หมั้น และมี ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) เป็นนางบำเรอ ทำให้รักของเธอไม่มีทางเป็นไปได้ การแสดงของน้ำหวานในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นมืออาชีพและความเปราะบางทางอารมณ์ได้แบบลงตัว ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าสงสารของแพรวาที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจ ถึงบทจะไม่เยอะ แต่แพรวาก็เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับความซับซ้อนของเรื่องราว
ฉายา นางฟ้าแห่งการเยียวยา
เพราะแพรวาคือเหมือนนางฟ้าที่พยายามเยียวยาจิตใจของปฐวีด้วยความรู้และความห่วงใย แม้ว่าสุดท้ายเธอจะต้องเจ็บปวดจากรักที่ไปไม่ถึง ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับบทบาทที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งแกร่งของเธอ
ข้อคิด การรักตัวเองสำคัญกว่าการรักที่ไม่สมหวัง
จากแพรวา เราเห็นว่าการทุ่มเทความรักให้คนที่ไม่เห็นคุณค่าอาจนำไปสู่ความเจ็บปวด เธอพยายามช่วยปฐวีทั้งในฐานะจิตแพทย์และคนที่รักเขา แต่สุดท้ายต้องยอมรับความจริง ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักรักตัวเองและรู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อยวาง เพื่อไม่ให้หัวใจต้องบอบช้ำ
→ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ รับบท ชัยยงค์

ชัยยงค์คืออดีตนักพนันตัวฉกาจที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความโลภ เขาคือตัวละครที่อยากครอบครองทุกอย่าง โดยเฉพาะคฤหาสน์มรดกของ ชิดชงค์ (เศรษฐ โชค) แต่เมื่อชิดชงค์แพ้พนันให้ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) และคฤหาสน์ตกไปอยู่ในมือของปฐวี ชัยยงค์ถึงกับเดือดเลย เขาวางแผนร้ายร่วมกับ ชัยญา (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) ลูกชายของเขา และ ถกล (ชมวิชัย เมฆสุวรรณ) สมุนคู่ใจ เพื่อโค่นปฐวีด้วยเกมพนันสุดเข้มข้น โห บอกเลยว่าชัยยงค์คือตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และโหดสุด ๆ คิดการณ์ใหญ่แบบไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน
ตัวละครนี้คือตัวแทนของความโลภและความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะโดยไม่เลือกวิธี การแสดงของบี๋-ธีรพงศ์คือดีมาก เขาทำให้ชัยยงค์ดูน่าเกรงขามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีกลิ่นของแผนร้ายฟุ้งกระจายเลย ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่การแสดงของบี๋ทำให้คนดูอย่างเราแอบตื่นเต้นอยากรู้ว่าแผนของเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน แม้ว่าบทจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ชัยยงค์คือตัวละครที่ช่วยจุดไฟให้ดราม่าในเรื่องนี้ลุกโชนยิ่งขึ้น
ฉายา จอมวางแผนแห่งความโลภ
เพราะชัยยงค์คือเหมือนจอมวางแผนที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความโลภ เขาคิดหาวิธีทุกทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะต้องทำลายใครก็ตาม ฉายานี้คือเหมาะสุด ๆ กับความเจ้าเล่ห์และความทะเยอทะยานของเขา
ข้อคิด ความโลภที่ไร้ขอบเขตนำไปสู่ความล้มเหลว
จากชัยยงค์ เราเห็นว่าความโลภที่ไม่รู้จักพอสามารถทำให้คนหลงทางและพังพินาศได้ แผนการของเขาในการโค่นปฐวีอาจดูฉลาด แต่สุดท้ายความโลภนี้มักย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักควบคุมความต้องการและไม่ปล่อยให้ความโลภครอบงำจนเสียทุกอย่าง
→ ชมวิชัย เมฆสุวรรณ รับบท ถกล
ถกลคือสมุนมือขวาของ ชัยญา (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) ลูกชายของ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) นักพนันตัวยงที่อยากครอบครองคฤหาสน์ของชิดชงค์ เขาเป็นเหมือนลูกน้องสุดภักดีที่พร้อมทำทุกอย่างตามคำสั่งของชัยญา ไม่ว่าจะเป็นแผนร้ายอะไรก็ตาม ถกลคือคนที่คอยลงมือทำสิ่งสกปรกในเงามืด ช่วยวางแผนและสนับสนุนชัยญาในการโค่น ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) เพื่อชิงคฤหาสน์มรดกมาให้ได้ โห บอกเลยว่าถกลคือตัวละครที่ทำให้คนดูรู้สึกหมั่นไส้ เพราะเขาเหมือนสุนัขรับใช้ที่พร้อมทำตามคำสั่งแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
ถึงจะเป็นตัวร้าย แต่ถกลก็มีเสน่ห์แบบตัวละครสมทบที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น การแสดงของหนุ่ม-ชมวิชัยคือดีมาก เขาทำให้ถกลดูเป็นคนเจ้าเล่ห์และน่ากลัวในแบบที่สมุนตัวร้ายควรจะเป็น ทุกครั้งที่ถกลโผล่มา มันเหมือนสัญญาณว่าดราม่ากำลังจะเดือดขึ้นอีก การแสดงของเขาทำให้ตัวละครนี้มีสีสันและช่วยขับเน้นความวายร้ายของทีมชัยยงค์-ชัยญาได้แบบลงตัว
ฉายา สมุนเงาร้าย
เพราะถกลคือเหมือนเงาที่คอยตามและทำตามคำสั่งของชัยญาแบบไม่ถามอะไร ความภักดีและความเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับบทบาทที่เหมือนสมุนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด
ข้อคิด ความภักดีที่ผิดทางอาจนำไปสู่หายนะ
จากถกล เราเห็นว่าการภักดีต่อคนหรือเป้าหมายที่ผิดศีลธรรมอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย ถกลทำตามคำสั่งของชัยญาโดยไม่ตั้งคำถาม สุดท้ายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายที่อาจทำร้ายตัวเขาเอง ข้อคิดนี้สอนให้เราเลือกที่จะภักดีต่อสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่า เพื่อไม่ให้ชีวิตต้องหลงทาง
→ กาญจนาพร ปลอดภัย รับบท ตลับนาค

ตลับนาคคือป้าของ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ที่เปรียบเหมือนที่พึ่งสุดท้ายของนางเอกในวันที่ชีวิตพังทลาย หลังจากที่ชิดชบาต้องสูญเสียพ่อและสมบัติทุกอย่างจากน้ำมือของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ตลับนาคคือคนที่คอยอยู่เคียงข้างชิดชบา รับฟังความเจ็บปวด และให้กำลังใจในทุกย่างก้าว เธอเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเมตตาและความรักแบบไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าชิดชบาจะต้องเผชิญความอัปยศจากการเป็นนางบำเรอ หรือถูกใส่ร้ายจนติดคุก ตลับนาคก็ยังคงเป็นคนที่ยืนหยัดปกป้องและพยายามโน้มน้าวให้ชิดชบาให้อภัยปฐวีในตอนท้าย โห บอกเลยว่าฉากที่ตลับนาคปลอบชิดชบาคือน้ำตาซึมมาก
การแสดงของเจี๊ยบ-กาญจนาพรในบทนี้คือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเป็นป้าที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็งได้แบบลงตัว ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนมีป้าคนนี้อยู่ในชีวิตจริง ทุกครั้งที่ตลับนาคปรากฏตัว มันเหมือนมีแสงแห่งความหวังส่องเข้ามาในเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความดราม่า ถึงจะเป็นบทสมทบ แต่ตลับนาคคือตัวละครที่ทำให้คนดูรู้สึกอบอุ่นและอยากเอาใจช่วยชิดชบาไปด้วย
ฉายา แม่พระแห่งความเมตตา
เพราะตลับนาคคือเหมือนแม่พระที่คอยโอบกอดชิดชบาด้วยความรักและความเมตตา เธอเป็นคนที่ไม่เคยตัดสินหรือทิ้งหลานสาว แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับความใจดีและความเสียสละของเธอ
ข้อคิด ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขคือพลังที่เยียวยาทุกอย่าง
จากตลับนาค เราเห็นว่าความรักที่แท้จริงและการให้กำลังใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนสามารถเป็นแสงสว่างในวันที่มืดมิดได้ เธอคอยอยู่เคียงข้างชิดชบาในทุกช่วงเวลาที่ยากลำบาก ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการเป็นที่พึ่งให้คนอื่นด้วยใจจริงคือสิ่งที่มีคุณค่ามาก
→ ภัสสร บุญยเกียรติ รับบท คุณหญิงเถาว์เครือ

คุณหญิงเถาว์เครือคือแม่ของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) คู่หมั้นของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) เธอเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีความสง่างามและความเข้มแข็งแบบฉบับคุณหญิง เธอรักลูกสาวสุดหัวใจและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโสมสุภางค์ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่า ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) กลายเป็นนางบำเรอของปฐวี คุณหญิงโกรธมากและมองว่าชิดชบาคือตัวปัญหาที่รบกวนความสัมพันธ์ของลูกสาวกับปฐวี โห บอกเลยว่าความรักของเธอที่มีต่อโสมสุภางค์มันแรงมาก จนบางครั้งกลายเป็นความโกรธที่รุนแรง
เมื่อโสมสุภางค์ป่วยเป็นโรคหัวใจจากความเครียด คุณหญิงยิ่งโทษปฐวีและชิดชบา เธอพยายามผลักดันให้งานแต่งของปฐวีกับโสมสุภางค์เกิดขึ้นเร็วที่สุด แต่เมื่อโสมสุภางค์ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมจากการตกบันไดและเสียชีวิต คุณหญิงกลายเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ การแสดงของฮันนี่-ภัสสรคือสุดยอด เธอถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งรักลูกและปกป้องได้อย่างน่าเกรงขาม ทุกฉากที่เธอปรากฏตัวคือเต็มไปด้วยพลัง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเข้มแข็งและความเสียใจของตัวละครนี้ได้ชัดเจน
ฉายา แม่เสือปกป้องลูก
เพราะคุณหญิงเถาว์เครือเหมือนเสือที่พร้อมขย้ำทุกคนที่ทำร้ายลูกสาวของเธอ ความรักและความปกป้องที่ดุเดือดของเธอคือจุดเด่นที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ
ข้อคิด ความรักที่มากเกินไปอาจทำให้ขาดสติ
จากคุณหญิงเถาว์เครือ เราเห็นว่าความรักที่มีต่อลูกมากเกินไปจนไม่มองเหตุผลอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ เธอปกป้องโสมสุภางค์ด้วยทุกอย่าง แต่ความโกรธและการตัดสินชิดชบาทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักควบคุมอารมณ์และใช้เหตุผลในการตัดสินใจ แม้ในสถานการณ์ที่เกี่ยวกับคนที่เรารัก
→ กาญจนา จินดาวัฒน์ รับบท หม่อมจรัสเรือง

หม่อมจรัสเรืองคือแม่ของ ม.ร.ว.อรุณณรงค์ หรือ คุณชายเอี่ยว (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) นักการทูตหนุ่มหล่อ เธอเป็นสตรีชั้นสูงที่เต็มไปด้วยความสง่างามและยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตระกูล เธอปรากฏตัวในช่วงที่คุณชายเอี่ยวเริ่มสนิทกับ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ซึ่งเป็นนางบำเรอของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) หม่อมจรัสเรืองไม่ปลื้มสุด ๆ เพราะมองว่าชิดชบามีสถานะต่ำเกินไป ไม่คู่ควรกับลูกชายของเธอ โห บอกเลยว่าความเป็นแม่และความยึดมั่นในเกียรติยศของตระกูลทำให้เธอดูเข้มงวดมาก
เพื่อตัดปัญหา เธอเลยจับคุณชายเอี่ยวไปหมั้นกับ หม่อมเจ้าอุราศรี (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) สาวสูงศักดิ์ที่เหมาะสมกับตระกูล ตัวละครนี้ถึงจะมีบทไม่เยอะ แต่ก็เป็นเหมือนตัวแทนของสังคมชั้นสูงที่ยึดติดกับกรอบศักดิ์ศรี การแสดงของอ้อย-กาญจนาคือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นคุณแม่ขุนนางที่ทั้งสง่างามและเข้มงวดได้แบบเป๊ะ ทำให้คนดูรู้สึกถึงน้ำหนักของตัวละครนี้ ทุกฉากที่เธอออกมาคือเต็มไปด้วยพลังของความเป็นผู้นำตระกูล
ฉายา ผู้พิทักษ์ศักดิ์ศรีตระกูล
เพราะหม่อมจรัสเรืองคือเหมือนผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องเกียรติยศและชื่อเสียงของตระกูล ทุกการตัดสินใจของเธอเพื่อรักษามาตรฐานของความเป็นขุนนาง ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับความเข้มงวดและความสง่างามของเธอ
ข้อคิด: การยึดติดกับกรอบอาจทำให้มองข้ามความรู้สึกของคนที่รัก
จากหม่อมจรัสเรือง เราเห็นว่าการยึดมั่นในศักดิ์ศรีหรือกรอบของสังคมมากเกินไปอาจทำให้มองข้ามความรู้สึกของคนในครอบครัว การจับลูกชายหมั้นเพื่อรักษาหน้าตาทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับชิดชบาต้องสะดุด ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักสมดุลระหว่างหน้าที่และความรัก เพื่อไม่ให้ทำร้ายคนที่เราห่วงใย
→ โชคดี ฟักภู่ รับบท เฉวียง

เฉวียงคือทนายความคนสนิทของครอบครัว ชิดชงค์ (ตฤณ เศรษฐโชค) และเป็นคนที่ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ไว้วางใจในช่วงที่ชีวิตของเธอพังทลาย หลังจากที่ชิดชงค์พ่ายแพ้การพนันให้ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) และฆ่าตัวตาย เฉวียงกลายเป็นคนจัดการเอกสารและสัญญาต่าง ๆ รวมถึงสัญญาสุดโหดที่ชิดชบาต้องยอมเป็นนางบำเรอของปฐวีเพื่อแลกกับคฤหาสน์มรดก โห บอกเลยว่าเฉวียงคือคนที่อยู่ในเงามืด คอยช่วยจัดการเรื่องสำคัญให้ครอบครัวนี้ เขาเป็นคนที่เงียบขรึม ซื่อสัตย์ และทำงานอย่างมืออาชีพ แม้ว่าจะรู้ว่าเรื่องที่เขาต้องจัดการมันหนักหนาและเต็มไปด้วยดราม่า
เฉวียงปรากฏตัวในหลายฉากที่ต้องสื่อสารกับ ตลับนาค (กาญจนาพร ปลอดภัย) หรือชิดชบา โดยเฉพาะตอนที่เขาต้องแจ้งข่าวร้ายหรือจัดการเอกสารสำคัญ การแสดงของอาเต๊ะ-โชคดีคือดีมาก เขาทำให้เฉวียงดูเป็นทนายที่สุขุม น่าเชื่อถือ แต่ก็มีความลับในแววตาที่ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาจะรู้หรือมีส่วนอะไรในเกมพนันของชิดชงค์บ้างรึเปล่า ถึงบทจะไม่เยอะ แต่เฉวียงคือตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ไปต่อได้ในช่วงเวลาวิกฤต
ฉายา ทนายเงามืด
เพราะเฉวียงคือเหมือนเงาที่คอยทำงานอยู่ในมุมมืดของเรื่อง ด้วยความสุขุมและความเป็นมืออาชีพ เขาจัดการทุกอย่างด้วยความเงียบแต่เปี่ยมด้วยความหมาย ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับบทบาทที่ทั้งลึกลับและน่าเชื่อถือของเขา
ข้อคิด ความซื่อสัตย์ในหน้าที่คือสิ่งที่สร้างความไว้วางใจ
จากเฉวียง เราเห็นว่าการทำหน้าที่ของตัวเองด้วยความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สามารถสร้างความไว้วางใจจากคนรอบข้างได้ เขาคอยช่วยชิดชบาและครอบครัวในยามที่ทุกอย่างพังทลาย ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการยึดมั่นในหน้าที่คือสิ่งที่ทำให้เรามีค่าในสายตาคนอื่น
→ เศรษฐ โชค รับบท ชิดชงค์

ชิดชงค์คือพ่อของ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) และเป็นนักธุรกิจที่ดูเหมือนประสบความสำเร็จ มีคฤหาสน์สุดหรูและฐานะร่ำรวย แต่เบื้องหลังคือคนที่ติดการพนันหนักมาก เขาคือตัวละครที่จุดชนวนทุกอย่างในเรื่องนี้ เมื่อเขาไปมีเรื่องขัดแย้งกับพ่อของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) และหักหลังจนทำให้ครอบครัวของปฐวีล่มสลาย พ่อของปฐวีฆ่าตัวตายต่อหน้าลูกชาย กลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึกในใจปฐวี โห บอกเลยว่าชิดชงค์คือต้นตอของไฟแค้นที่ลุกโชนในเรื่องนี้
ในเรื่อง ชิดชงค์ถูกปฐวีท้าพนันในเกมที่เดิมพันทุกอย่าง ผลคือเขาแพ้ยับ สูญเสียทั้งธุรกิจ คฤหาสน์ และทุกสิ่งที่เขามี ความพ่ายแพ้ครั้งนี้หนักจนชิดชงค์ทนไม่ได้ ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทิ้งชิดชบาลูกสาวให้ต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย การแสดงของตฤณ เศรษฐ โชคในบทนี้คือดีมาก ถึงบทจะสั้น แต่เขาทำให้ชิดชงค์ดูเป็นทั้งนักธุรกิจที่หยิ่งผยองและคนที่เปราะบางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ ฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับปฐวีคือเต็มไปด้วยความกดดัน ทำให้คนดูรู้สึกถึงน้ำหนักของความผิดพลาดที่เขาก่อไว้
ฉายา นักพนันผู้จุดไฟแค้น
เพราะชิดชงค์คือคนที่จุดไฟแห่งความแค้นให้ลุกโชนในใจปฐวี ด้วยความหลงใหลในการพนันและการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาทำให้ครอบครัวของทั้งตัวเองและคนอื่นพังทลาย ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับบทบาทที่เป็นจุดเริ่มต้นของดราม่าทั้งเรื่อง
ข้อคิด การตัดสินใจที่ผิดอาจส่งผลกระทบยาวนาน
จากชิดชงค์ เราเห็นว่าการตัดสินใจที่ขาดสติ เช่น การติดการพนันหรือการหักหลังคนอื่น สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ทำลายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ชิดชงค์ทิ้งมรดกแห่งความเจ็บปวดให้ลูกสาวและจุดชนวนความแค้นให้ปฐวี ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไรที่อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
→ มนตะกานต์ ทองขาว รับบท ระริน
ระรินคือตัวละครที่เปรียบเหมือนตัวจุดชนวนความวุ่นวายในเรื่อง เธอเป็นสาวที่มีความสัมพันธ์กับ ชัยญา (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) ลูกชายของ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) และมีบทบาทในการช่วยเหลือแผนร้ายของฝั่งตัวร้าย ระรินเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ ชอบยุแยง และดูเหมือนจะสนุกกับการสร้างปัญหาให้คนอื่น โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้เรื่องดราม่าของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) ที่ตกบันไดจนเสียชีวิต เธอและ ยุวดี (ณัทกัญญา โควสุวรรณ) รีบไปประณาม ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ว่าเป็นคนผลักโสมสุภางค์ ทั้งที่ความจริงยังไม่ชัดเจน โห บอกเลยว่าฉากนี้ระรินคือตัวจุดไฟให้ดราม่าเดือดขึ้นไปอีก
ระรินยังมีโมเมนต์ที่ทำให้ชัยญาหึง เมื่อเธอไปควงนักธุรกิจจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ชอบใช้เสน่ห์และความฉลาดในการเอาตัวรอด การแสดงของโก๊ะ-มนตะกานต์ในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์และความเป็นสาวเปรี้ยวได้แบบถึงพริกถึงขิง ทำให้ระรินเป็นตัวละครที่คนดูอาจจะหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเพิ่มความสนุกให้กับเรื่องได้เยอะ ถึงบทจะไม่เยอะ แต่ระรินคือตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนความวายป่วงในเรื่องนี้
ฉายา สาวเปรี้ยวผู้จุดไฟดราม่า
เพราะระรินคือเหมือนสาวเปรี้ยวที่คอยจุดไฟให้ดราม่าลุกโชน ด้วยความเจ้าเล่ห์และการยุแยงของเธอ เธอทำให้สถานการณ์ในเรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้น ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับความแซ่บและความป่วนของเธอ
ข้อคิด การยุแยงและตัดสินคนอื่นโดยไม่รู้ความจริงนำไปสู่ความเสียหาย
จากระริน เราเห็นว่าการรีบตัดสินคนอื่นหรือยุแยงโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงสามารถสร้างความเสียหายได้ อย่างการที่เธอไปกล่าวหาชิดชบาว่าผลักโสมสุภางค์ ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดก่อนพูดและตรวจสอบความจริงก่อนที่จะสร้างปัญหาให้คนอื่น
→ ณัทกัญญา โควสุวรรณ รับบท ยุวดี
ยุวดีคือสาวที่อยู่ในกลุ่มตัวร้ายของเรื่อง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ระริน (มนตะกานต์ ทองขาว) และอยู่ในวงโคจรของ ชัยญา (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) กับ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) เธอเป็นตัวละครที่เจ้าเล่ห์ ชอบซุบซิบนินทา และพร้อมช่วยเหลือแผนร้ายของฝั่งชัยญาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) ที่ตกบันไดจนเสียชีวิต ยุวดีและระรินรีบกระพือข่าวลือว่าสาเหตุคือ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ผลักโสมสุภางค์ โห บอกเลยว่าการกระทำของเธอคือเหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟ ทำให้ดราม่าในเรื่องยิ่งทวีคูณ
ยุวดีเป็นตัวละครที่เหมือนตัวประกอบที่คอยเสริมความวายป่วง เธออาจไม่ได้มีบทบาทใหญ่โตเหมือนตัวร้ายหลัก แต่การยุแยงและความมุ่งร้ายของเธอก็ช่วยขับเคลื่อนความขัดแย้งในเรื่องได้ดี การแสดงของณัทกัญญาคือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวเจ้าเล่ห์ที่ชอบยุให้เรื่องราววุ่นวายได้แบบถึงพริกถึงขิง ทำให้คนดูรู้สึกหมั่นไส้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเพิ่มสีสันให้เรื่องได้เยอะเลย
ฉายา นักยุแหย่แห่งวงนินทา
เพราะยุวดีคือเหมือนนักยุที่คอยกระพือข่าวลือและสร้างความวุ่นวายในวงสังคมของเรื่อง ด้วยความชอบซุบซิบและการนินทาของเธอ ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับบทบาทที่ปั่นป่วนของเธอ
ข้อคิด การนินทาและกระพือข่าวลืออาจทำร้ายผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
จากยุวดี เราเห็นว่าการนินทาหรือกระจายข่าวลือโดยไม่รู้ความจริงสามารถสร้างความเสียหายให้คนอื่นได้ การที่เธอไปกล่าวหาชิดชบาโดยไม่มีหลักฐานคือตัวอย่างของการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดก่อนพูดและหลีกเลี่ยงการนินทาที่อาจทำร้ายผู้อื่น
→ จารุคิริ ภูวนัย รับบท จำเรียง

จำเรียงคือสาวใช้ประจำตัวของ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ที่เปรียบเหมือนเพื่อนสนิทและคนที่คอยรับใช้ด้วยความจงรักภักดี เธออยู่เคียงข้างชิดชบาในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยเฉพาะตอนที่ชิดชบาต้องเผชิญความโหดร้ายจากการเป็นนางบำเรอของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) หลังจากที่พ่อของเธอแพ้พนันจนครอบครัวล่มสลาย จำเรียงเป็นคนที่รักและเทิดทูนชิดชบามาก คอยดูแลและให้กำลังใจในยามที่ชิดชบาต้องเจอกับความอัปยศและดราม่าหนัก ๆ โห บอกเลยว่าฉากที่จำเรียงคอยปลอบชิดชบาคืออบอุ่นมาก ทำให้คนดูรู้สึกถึงความผูกพันของทั้งคู่
หนึ่งในโมเมนต์สำคัญของจำเรียงคือตอนที่เธอเห็นชิดชบามีอาการเวียนหัว แล้วรีบไปพูดต่อว่าชิดชบาอาจจะตั้งท้อง ซึ่งกลายเป็นการจุดชนวนให้เกิดดราม่าในเรื่อง เพราะข่าวนี้ไปถึงหูคนอื่นอย่าง คุณหญิงเถาว์เครือ (ภัสสร บุญยเกียรติ) การแสดงของตู่-จารุศิริในบทนี้คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวใช้ที่ทั้งซื่อสัตย์และเปี่ยมด้วยความห่วงใยได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้จำเรียงเป็นตัวละครที่คนดูรู้สึกผูกพันและอยากเอาใจช่วยไปพร้อมกับชิดชบา ถึงบทจะไม่เยอะ แต่จำเรียงคือคนที่ช่วยให้เรื่องราวมีมิติแห่งความอบอุ่น
ฉายา เพื่อนแท้แห่งความภักดี
เพราะจำเรียงคือเพื่อนแท้ที่อยู่เคียงข้างชิดชบาด้วยความภักดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็พร้อมปกป้องและสนับสนุนเจ้านายของตัวเอง ฉายานี้เหมาะสุด ๆ กับความจงรักภักดีของเธอ
ข้อคิด ความภักดีและความห่วงใยคือสิ่งที่สร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
จากจำเรียง เราเห็นว่าการยืนหยัดเคียงข้างคนที่เรารักด้วยความจริงใจสามารถสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งได้ เธอไม่เคยทิ้งชิดชบาแม้ในยามยากลำบาก ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการเป็นเพื่อนแท้หรือคนที่คอยสนับสนุนด้วยใจคือสิ่งที่มีคุณค่ามาก
→ ทัศนีย์ สีดาสมุทร์ รับบท บุญถิ่น

บุญถิ่นคือสาวใช้ในบ้านของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) และ คุณหญิงเถาว์เครือ (ภัสสร บุญยเกียรติ) เธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับครอบครัวนี้สุด ๆ คอยดูแลโสมสุภางค์ด้วยความรักและความห่วงใยราวกับเป็นคนในครอบครัว ในช่วงที่โสมสุภางค์ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) และการปรากฏตัวของ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ในฐานะนางบำเรอ บุญถิ่นคือคนที่อยู่เคียงข้าง ช่วยเหลือและให้กำลังใจโสมสุภางค์ในทุกสถานการณ์ โห บอกเลยว่าบุญถิ่นคือตัวละครที่เหมือนเงียบ ๆ แต่มีความสำคัญในการเป็นที่พึ่งของเจ้านาย
ถึงบทของบุญถิ่นจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่เธอก็มีโมเมนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความภักดีและความเมตตา โดยเฉพาะในช่วงที่โสมสุภางค์ต้องเจอกับความเจ็บป่วยและโศกนาฏกรรม บุญถิ่นคอยเป็นคนที่ช่วยประคับประคอง การแสดงของทัศนีย์คือดีมาก เธอถ่ายทอดความเป็นสาวใช้ที่ทั้งอ่อนโยนและมุ่งมั่นได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความอบอุ่นและความจริงใจของตัวละครนี้ ถึงจะออกมาไม่เยอะ แต่บุญถิ่นคือตัวละครที่ช่วยให้ครอบครัวของโสมสุภางค์มีมิติมากขึ้น
ฉายา ผู้พิทักษ์เงียบแห่งความภักดี
เพราะบุญถิ่นคือเหมือนผู้พิทักษ์ที่เงียบ ๆ คอยดูแลและปกป้องโสมสุภางค์ด้วยความภักดีโดยไม่ต้องพูดมาก ความทุ่มเทและความจริงใจของเธอคือจุดเด่นที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ
ข้อคิด ความทุ่มเทที่เงียบ ๆ มีพลังยิ่งใหญ่
จากบุญถิ่น เราเห็นว่าการทำหน้าที่ด้วยความทุ่มเทและความจริงใจ แม้จะเป็นในบทบาทเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้ เธอคอยเป็นกำลังใจให้โสมสุภางค์ในยามยาก ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าการทำดีอย่างเงียบ ๆ แต่สม่ำเสมอคือสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถส่งผลดีต่อคนรอบข้างได้
→ ธรรมศักดิ์ สุริยน รับบท สมควร

สมควรคือคนขับรถและคนสนิทของ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) เจ้าของคฤหาสน์และนักธุรกิจที่เต็มไปด้วยความแค้น เขาคอยรับใช้ปฐวีด้วยความภักดี ช่วยจัดการทุกอย่างตั้งแต่ขับรถไปส่งเจ้านาย ไปจนถึงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้าน แต่ที่เด็ดคือสมควรไม่ใช่แค่คนขับรถธรรมดา เขายังเป็นคนที่อยู่ในวงโคจรของดราม่าหนัก ๆ โดยเฉพาะตอนที่ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) เสียชีวิตจากการตกบันได สมควรเริ่มสงสัยว่า ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) เป็นคนทำร้ายโสมสุภางค์ ทำให้เขาเริ่มมองชิดชบาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดี โห บอกเลยว่าทัศนคติของเขาคือช่วยเพิ่มความตึงเครียดให้เรื่องนี้
ในบางฉาก สมควรยังมีโมเมนต์ที่คุยกับ บุญถิ่น (ทัศนีย์ สีดาสมุทร์) และ จำเรียง (จารุศิริ ภูวนัย) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่จงรักภักดีต่อเจ้านาย แต่ก็มีมุมที่ลังเลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงในเรื่อง การแสดงของธรรมศักดิ์ในบทนี้คือดีมาก เขาทำให้สมควรดูเป็นคนขับรถที่ทั้งซื่อสัตย์และมีความซับซ้อนในความรู้สึก ทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาไม่ใช่แค่ตัวประกอบธรรมดา ถึงบทจะไม่เยอะ แต่สมควรคือตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนความดราม่าในบ้านของปฐวีให้เข้มข้นขึ้น
ฉายา คนขับรถผู้ซ่อนความลับ
เพราะสมควรเหมือนคนขับรถที่ไม่ใช่แค่ขับรถ แต่ยังซ่อนความรู้สึกและความสงสัยในใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในบ้าน ความภักดีผสมความลังเลของเขาคือจุดเด่นที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสุด ๆ
ข้อคิด ความภักดีต้องมาพร้อมการตัดสินใจที่ถูกต้อง
จากสมควร เราเห็นว่าการภักดีต่อเจ้านายเป็นสิ่งที่ดี แต่การรีบตัดสินคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานชัดเจนอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด อย่างที่เขาสงสัยชิดชบาโดยไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้จักใช้เหตุผลควบคู่ไปกับความจงรักภักดี เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่อาจทำร้ายคนอื่น
ข้อคิดจากละคร ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ที่เต็มไปด้วยความแค้น รักต้องห้าม และการให้อภัย บอกเลยว่าละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าน้ำตาท่วม แต่ยังมีข้อคิดที่ทำให้เราคิดตามได้เยอะมาก
ความแค้นทำลายทุกสิ่ง แต่การให้อภัยเยียวยาได้
จากตัวละครอย่าง ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) เราเห็นว่าไฟแค้นที่ฝังใจจากอดีตทำให้เขาทำร้าย ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) และคนรอบข้าง แต่เมื่อเขาสำนึกผิดและขอโทษ มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยา ข้อคิดนี้สอนให้เรารู้ว่าเก็บความแค้นไว้ในใจอาจทำลายทั้งตัวเราและคนอื่น แต่การให้อภัยคือทางออกที่ทำให้ชีวิตเดินต่อไปได้
ความเข้มแข็งคือพลังที่พาเราผ่านทุกความยากลำบาก
ชิดชบา คือตัวอย่างของความแกร่ง เธอเผชิญกับความอัปยศ การสูญเสีย และความอยุติธรรม แต่ไม่เคยยอมแพ้ ข้อคิดนี้บอกเราว่าไม่ว่าชีวิตจะโยนอะไรมาหา ความเข้มแข็งในใจจะช่วยให้เราก้าวข้ามมันไปได้
ความรักที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ความเจ็บปวด
โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) รักปฐวีจนยอมทนทุกอย่าง แม้จะเจ็บปวด ขณะที่ คุณหญิงเถาว์เครือ (ภัสสร บุญยเกียรติ) รักลูกสาวจนขาดสติ ข้อคิดนี้สอนให้เรารักตัวเองและรู้จักวางขอบเขตในความรัก เพื่อไม่ให้ต้องเสียใจในภายหลัง
ความโลภและการตัดสินใจที่ผิดอาจนำไปสู่หายนะ
ชิดชงค์ (ตฤณ เศรษฐโชค) และ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) แสดงให้เห็นว่าการติดการพนันและความโลภนำไปสู่การสูญเสียทุกอย่าง ข้อคิดนี้เตือนให้เราคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำอะไรที่อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
ความภักดีและความเมตตาคือสิ่งที่มีคุณค่า
ตัวละครอย่าง ตลับนาค (กาญจนาพร ปลอดภัย) และ จำเรียง (จารุศิริ ภูวนัย) คอยสนับสนุนชิดชบาด้วยความจริงใจ ขณะที่ ม.ร.ว.อรุณณรงค์ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) มอบความเมตตาให้เธอ ข้อคิดนี้สอนว่าแค่การเป็นที่พึ่งให้คนอื่นด้วยใจจริงก็สามารถสร้างความแตกต่างได้
การนินทาและตัดสินโดยไม่รู้ความจริงสร้างความเสียหาย
ระริน (มนตะกานต์ ทองขาว) และ ยุวดี (ณัทกัญญา โควสุวรรณ) ที่ชอบยุแยงและกระจายข่าวลือ ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ข้อคิดนี้สอนให้เราคิดก่อนพูดและตรวจสอบความจริงก่อนตัดสินใคร
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ไม่ได้เป็นแค่ละครที่เต็มไปด้วยความดราม่า แต่ยังอัดแน่นไปด้วยข้อคิดที่ทำให้เรานำไปใช้ในชีวิตได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้อภัย ความเข้มแข็ง หรือการรู้จักควบคุมตัวเอง ละครเรื่องนี้สอนให้เราเห็นว่าทุกการกระทำมีผลตามมา และการเลือกทางที่ถูกต้องคือสิ่งที่กำหนดอนาคตของเรา
ถ้าละครดราม่าสุดเข้ม ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ปี 2558 มีภาค 2 จะเป็นยังไง บอกเลยว่าเรื่องนี้จะต้องเดือดกว่าเดิม มีทั้งความแค้นใหม่ รักใหม่ และดราม่าที่เข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ภาค 2 – ไฟแค้นรุ่นใหม่
จุดเริ่มต้น อดีตที่ยังไม่จบ
เรื่องราวในภาค 2 เริ่มต้น 10 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) และ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในคฤหาสน์มรดก พร้อมลูกชายวัย 10 ขวบชื่อ ภวิน เด็กน้อยที่ฉลาดและเปี่ยมด้วยความฝัน แต่ความสงบนี้ต้องสั่นคลอนเมื่อ ชัยภัทร ลูกชายของ ชัยยงค์ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) และพี่ชายของ ชัยญา (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) กลับมาจากต่างประเทศ เขาคือตัวละครใหม่ที่เต็มไปด้วยความแค้น ต้องการล้างแค้นปฐวีที่เคยทำลายครอบครัวของเขาในอดีต โห บอกเลยว่าไฟแค้นรุ่นใหม่นี้พร้อมจุดระเบิดทุกอย่าง
ชัยภัทรไม่ใช่แค่นักพนันเหมือนพ่อและน้องชาย เขาเป็นนักธุรกิจที่โหดเหี้ยมและฉลาดสุด ๆ วางแผนซื้อหุ้นบริษัทของปฐวีเพื่อยึดอำนาจ และยังจ้องทำลายชีวิตครอบครัวของปฐวีโดยใช้ ภวิน ลูกชายเป็นเครื่องมือ เขาแฝงตัวเข้าไปในชีวิตของภวินโดยปลอมตัวเป็นครูสอนศิลปะที่โรงเรียน ทำให้ภวินเริ่มไว้วางใจเขาโดยที่ปฐวีและชิดชบาไม่รู้ตัว
ความรักและดราม่ารุ่นใหม่
ในขณะเดียวกัน ตัวละครใหม่ ศิรินทร์ สาวนักข่าวสาวสวยและไฟแรง เข้ามาสืบเรื่องอดีตของปฐวีและชิดชบาเพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับพิษภัยของการพนัน เธอเริ่มตกหลุมรัก ม.ร.ว.อรุณณรงค์ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) ที่ตอนนี้เป็นนักการทูตชื่อดัง แต่การกลับมาของเขาในฐานะโสด (หลังจากการหมั้นกับ หม่อมเจ้าอุราศรี ล่มไป) ทำให้เกิดรักสามเส้าเมื่อ แพรวา (กรรณาภรณ์ พวงทอง) จิตแพทย์ที่ยังรักปฐวีอยู่ กลับเข้ามาในชีวิตของเขาเพื่อขอโอกาสครั้งที่สอง โอ้โห รักสามเส้านี้คือเดือดแน่นอน
ด้านชิดชบา เธอเริ่มสงสัยในตัวชัยภัทรเมื่อพบว่าเขามีความเชื่อมโยงกับครอบครัวชัยยงค์ เธอต้องเผชิญหน้ากับความกลัวว่าอดีตจะย้อนกลับมาทำร้ายครอบครัวของเธออีกครั้ง ขณะที่ปฐวีพยายามปกป้องครอบครัว แต่บาดแผลในใจจากฝันร้ายเก่ายังทำให้เขาต้องต่อสู้กับตัวเอง
จุดพีค การแก้แค้นและการไถ่บาป
ชัยภัทรใช้ภวินเป็นเครื่องมือโดยหลอกให้เด็กน้อยขโมยเอกสารสำคัญจากบริษัทของปฐวี ทำให้บริษัทของปฐวีเกือบล้มละลาย เมื่อความจริงเปิดเผย ชิดชบาต้องตัดสินใจว่าจะปกป้องลูกชายหรือเผชิญหน้ากับชัยภัทร ในขณะเดียวกัน ตลับนาค (กาญจนาพร ปลอดภัย) และ จำเรียง (จารุศิริ ภูวนัย) กลับมาร่วมมือกับชิดชบาเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับชัยภัทร และค้นพบว่าเขามีความลับที่เชื่อมโยงกับ เฉวียง (โชคดี ฟักภู่) ทนายที่เคยทำงานให้ชิดชงค์ ซึ่งอาจรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับการพนันในอดีต
จุดพีคของเรื่องคือการเผชิญหน้าระหว่างปฐวีและชัยภัทรในเกมพนันครั้งใหม่ที่เดิมพันด้วยชีวิตของภวิน ชัยภัทรพยายามใช้ความแค้นเป็นตัวขับเคลื่อน แต่ปฐวีที่เรียนรู้จากอดีตเลือกที่จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้สติและความรักครอบครัวในการแก้ปัญหา ศิรินทร์ นักข่าวสาว กลายเป็นกุญแจสำคัญเมื่อเธอเผยแพร่สารคดีที่ตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับชัยภัทร ทำให้แผนร้ายของเขาพังทลาย
การเยียวยาและเริ่มต้นใหม่
ในตอนท้าย ชัยภัทรต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้และเลือกที่จะปล่อยวางความแค้นหลังจากได้เห็นว่าความรักของปฐวีและชิดชบาที่มีต่อภวินนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะทำลายได้ ปฐวีและชิดชบาตัดสินใจบริจาคคฤหาสน์มรดกเพื่อสร้างมูลนิธิช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพนัน เป็นการไถ่บาปจากอดีตของทั้งสองฝ่าย ส่วนศิรินทร์และม.ร.ว.อรุณณรงค์เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ขณะที่แพรวายอมรับความจริงและเลือกเดินหน้าต่อไป เรื่องจบด้วยภาพครอบครัวของปฐวีและชิดชบาที่กอดกันท่ามกลางแสงตะวัน เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวัง
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ภาค 2 คือการต่อยอดความดราม่าจากภาคแรก ผสมผสานความแค้นรุ่นใหม่ ความรักที่ซับซ้อน และการไถ่บาปที่อบอุ่นหัวใจ บอกเลยว่าเรื่องนี้จะต้องพาคนดูร้องไห้ ลุ้น และยิ้มตามแน่นอน ทุกคนอยากเห็นภาค 2 แบบนี้มั้ย
เรื่องลึกลับในกองถ่าย ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท 2558 ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าบนจอ แต่เบื้องหลังกองถ่ายก็มีเรื่องชวนขนลุกและปริศนาที่ทำให้คนในกองพูดถึงกันหนาหู บอกเลยว่างานนี้มีอะไรให้เม้าท์เพียบ
เสียงลึกลับในคฤหาสน์ยามค่ำคืน
ละครเรื่องนี้ถ่ายทำในคฤหาสน์เก่าแก่ที่ใช้เป็นฉากหลักของเรื่อง ซึ่งเล่ากันว่านักแสดงและทีมงานบางคนได้ยินเสียงแปลก ๆ ระหว่างถ่ายทำตอนกลางคืน เช่น เสียงฝีเท้าเดินในโถงทางเดิน หรือเสียงเหมือนคนกระซิบในห้องที่ไม่มีคนอยู่ บางคนบอกว่าเป็นเพราะคฤหาสน์นี้มีอายุเกือบร้อยปี และอาจมี “พลังงาน” บางอย่างจากอดีตที่ยังวนเวียนอยู่ บอกเลยว่าฉากที่ ชิดชบา (อุษามณี ไวทยานนท์) ต้องอยู่ในคฤหาสน์ตอนดึก ๆ อาจไม่ได้หลอนแค่ในจอ แต่หลอนถึงเบื้องหลังด้วย
เงาลางร้ายในฉากฆ่าตัวตาย
หนึ่งในฉากสำคัญของเรื่องคือตอนที่ ชิดชงค์ (ตฤณ เศรษฐโชค) ฆ่าตัวตายหลังแพ้พนัน ทีมงานเล่าว่าตอนถ่ายฉากนี้ กล้องถ่ายทำเกิดขัดข้องแบบไม่มีสาเหตุหลายครั้ง บางครั้งไฟในกองก็กะพริบเองทั้งที่ไม่มีปัญหาไฟฟ้า มีทีมงานคนหนึ่งถึงกับรู้สึกเหมือนมีเงาคนยืนอยู่ตรงมุมห้องขณะถ่ายทำ แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น บางคนเชื่อว่าเป็นเพราะฉากนี้หนักหน่วงและเต็มไปด้วยพลังงานด้านลบจากเนื้อเรื่อง ทำให้เหมือนมี “อะไรบางอย่าง” มาสร้างบรรยากาศชวนขนลุก
ของหายในกองถ่าย
ระหว่างการถ่ายทำ มีเรื่องเล่าจากทีมงานว่าอุปกรณ์บางอย่าง เช่น เครื่องประดับที่ใช้ในฉากของ โสมสุภางค์ (ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล) หรือของใช้ส่วนตัวของนักแสดง มักจะหายไปอย่างลึกลับ แล้วไปโผล่ในที่ที่ไม่มีใครคาดคิด เช่น ในห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้ หรือใต้เก้าอี้ในฉากที่ไม่ได้ถ่าย บางคนแซวว่าเป็น “ผีเจ้าของคฤหาสน์” ที่แกล้ง หรืออาจเป็นเพราะความวุ่นวายในกองถ่ายที่ทำให้ของหล่นหาย แต่ก็ยังเป็นปริศนาที่คนในกองพูดถึงกัน
ความฝันแปลก ๆ ของนักแสดง
มีนักแสดงสมทบคนหนึ่ง (ไม่ระบุชื่อ) เล่าว่าหลังจากถ่ายฉากดราม่าในคฤหาสน์ เช่น ฉากที่ ปฐวี (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ทวงแค้นชิดชงค์ หรือฉากโศกนาฏกรรมของโสมสุภางค์ เขาฝันเห็นภาพของตัวละครในเรื่องยืนมองเขาอยู่ในความมืด บางครั้งฝันถึงฉากที่ถ่ายไปแล้วแต่เหมือนมี “ตัวละครพิเศษ” เพิ่มเข้ามาในฝัน เรื่องนี้ทำให้กองถ่ายมีบรรยากาศลึกลับขึ้นไปอีก เพราะหลายคนเริ่มแชร์ประสบการณ์คล้าย ๆ กัน
กองถ่าย ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ไม่ได้มีแค่ดราม่าบนจอ แต่เบื้องหลังยังเต็มไปด้วยเรื่องลึกลับที่ทำให้คนในกองต้องขนลุก ไม่ว่าจะเป็นเสียงแปลก ๆ เงาลางร้าย หรือของที่หายไปแบบงง ๆ เรื่องเหล่านี้กลายเป็นตำนานที่ทีมงานยังพูดถึง บอกเลยว่าเรื่องนี้มันเดือดทั้งในจอและนอกจอ