ซีรีส์ 29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568 ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น การกลั่นแกล้งทางออนไลน์หรือ cyberbullying กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนมองข้าม เรื่องเริ่มต้นในช่วงปิดเทอมใหญ่ของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง “อคิระวิทยา” ในจังหวัดลำปาง “ครูวิณณ์” ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ม.6/1 แบบเนิร์ดๆ ที่มักถูกนักเรียนกลั่นแกล้ง นัดนักเรียนทั้ง 29 คนมาถ่ายรูปรุ่นใหม่ เพราะมีนักเรียนคนหนึ่งชื่อ “เรน” เสียชีวิตไปอย่างน่าสงสัย แต่แล้วเหตุการณ์พลิกผัน เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ครูวิณณ์ประกาศจับนักเรียนทั้งหมดเป็นตัวประกัน ปิดทางเข้า-ออกห้องเรียนด้วยระเบิด และตัดขาดจากโลกภายนอก เขาประกาศว่าจะไม่มีใครออกไปได้ จนกว่าจะตอบคำถามได้ว่า “ใครเป็นคนทำให้เรนต้องตาย?”
เรนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย หลังถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์อย่างหนัก คลิปปลอมที่สร้างด้วยเทคโนโลยี Deepfake แพร่กระจายไปทั่ว ทำให้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี ถูกสังคมรุมประณาม จนทนไม่ไหว ครูวิณณ์ใช้ “ชั่วโมงโฮมรูมสุดโหด” นี้เป็นเครื่องมือในการสอบสวน ถามคำถามทีละข้อเพื่อเปิดโปงความลับของนักเรียนแต่ละคน เช่น ใครสร้างบัญชีปลอม ใครสั่งทำคลิป Deepfake และใครเกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้ง หากตอบผิด จะมีคนต้องตายเพื่อแลกกับบทเรียนนี้ เรื่องค่อยๆ เผยว่ามีคนเกี่ยวข้องมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่นักเรียน แต่รวมถึงแก๊งอาชญากร “Blame” ที่รับจ้างทำคลิปเถื่อน นำโดย “เจเจ” และตัวจริงเบื้องหลังคือ “Hunter” ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนเอง
ตลอด 16 ตอน เรื่องราวเต็มไปด้วยพลิกผัน เช่น การไลฟ์สดเปิดเผยความจริง สร้างกระแสบนโซเชียล ตำรวจอย่าง “สันต์” (รับบทโดย หนึ่ง ชลัฏ ณ สงขลา) และ “ธนา” (รับบทโดย พัตเตอร์ ชุติพัฒน์ หยิบโชคอนันต์) เข้ามาสืบสวน ขุดอดีตของครูวิณณ์ที่เกี่ยวโยงกับเหยื่อ Deepfake คนก่อนอย่าง “วีรา” (รับบทโดย ปริม อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร) นักเรียนเริ่มระแวงกันเอง แบ่งฝ่าย
ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องลุ้นระทึก แต่ยังสะท้อนปัญหาสังคมจริงๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนไทย ทำให้ผู้ชมต้องกลับมาคิดถึงพฤติกรรมตัวเองบนโลกออนไลน์ และเข้าใจว่าความผิดพลาดในวัยเยาว์อาจแก้ไขได้ หากมีการให้อภัยและเรียนรู้จากมัน
จุดเด่นแรกคือบทที่ฉลาดและซับซ้อน แต่เข้าใจง่าย ไม่ยืดเยื้อเกินไป แต่ละตอนมี plot twist ที่ช็อคคนดู เช่น การเปิดตัว Hunter หรืออดีตของครูวิณณ์ที่เชื่อมโยงกับแก๊ง Blame ทำให้ดูเพลินจนหยุดไม่ได้ ผู้ชมหลายคนบอกว่าดู Part 1 (EP1-5) แล้วต้องรอ Part 2 แบบใจจดใจจ่อ การกำกับโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ และ วิรดา คูหาวันต์ ทำให้ฉากลุ้นระทึกอย่างการต่อสู้หรือไลฟ์สดดูสมจริง บู๊เล็กน้อยแต่พอดี ไม่เยอะเกิน นักแสดงนำอย่างมิว ศุภศิษฏ์ พลิกบทบาทจากลุคเจ้าชายมาเป็นครูโหดแต่มีชั้นเชิง ได้รับคำชมว่าอินสุดๆ โดยเฉพาะฉากทรุดลงป่วยหรือจิกกล้องไลฟ์สด นักแสดงวัยรุ่นอย่างเจนนิษฐ์, พีค ภีมพล, มิวสิค แพรวา ก็สื่ออารมณ์ได้ดี แม้บางคนหน้าใหม่แต่คาแรกเตอร์ชัด ไม่มีใครกลบใคร
ประเด็นสังคมคือหัวใจของเรื่อง มันไม่ใช่แค่เรื่องจับตัวประกัน แต่สะท้อนการกลั่นแกล้งออนไลน์ที่ส่งผลถึงชีวิตจริง ระบบการศึกษาที่ปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความถูกต้อง และการให้อภัยผิดพลาดในวัยเยาว์ ผู้ชมบนโซเซียลชอบมาก บอกว่าดูแล้วน้ำตาแตก โดยเฉพาะตอนจบที่เจ็บลึกแต่สวยงาม อย่างไรก็ตาม บางคนติงว่าฉากสืบสวนยืดบ้าง นักแสดงหน้าใหม่บางคนยังดูขัดๆ แต่ภาพรวมโอเค ให้กำลังใจพัฒนาต่อ
โดยรวม ซีรีส์นี้สนุก มันส์ ชวนคิด เป็นผลงานคุณภาพที่เข้าชิงรางวัล Asian Television Awards สาขา Best Adaptation ด้วย ถ้าคุณอยากดูอะไรที่มากกว่าแค่บันเทิง ลองเลย ไม่ผิดหวัง
ซีรีส์ 29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568
ซีรีส์ 29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568 EP.1-16 ตอนจบTRUEID
ซีน ซีรีส์ 29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568
ซีรีส์ 29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยคำถามสุดสะเทือนใจ “คุณเคยเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครสักคนต้องตายหรือไม่? แล้วคุณจะอยู่ต่อไปด้วยความรู้สึกแบบไหน?” นี่แหละคือแก่นของเรื่อง ที่ครูวิณณ์ (เล่นโดย มิว ศุภศิษฏ์) อยากสอนบทเรียนให้เหล่านักเรียนตัวแสบทั้ง 29 คน ในห้อง ม.6/1 ของโรงเรียนเอกชนชื่อดัง อคิระวิทยา ในจังหวัดลำปาง ช่วงปิดเทอมใหญ่ ครูนัดเด็กๆ มาถ่ายรูปรุ่นใหม่ เพราะมีนักเรียนคนหนึ่งชื่อ เรน (เจน กุลจิราณัฐ) เสียชีวิตไป แต่เสียงระเบิด “ตูม!” ดังขึ้น ครูวิณณ์ประกาศจับทุกคนเป็นตัวประกัน ปิดทางเข้า-ออกห้องเรียนด้วยระเบิด ตัดขาดจากโลกภายนอกเลย ไม่มีใครออกไปได้ จนกว่าจะตอบได้ว่า “ใครทำให้เรนตาย?”
เรนตายเพราะฆ่าตัวตาย หลังถูกกลั่นแกล้งออนไลน์หนักมาก คลิปปลอมที่ทำด้วย Deepfake แพร่กระจาย ทำให้เธอถูกสังคมรุมด่า จนทนไม่ไหว ครูวิณณ์ใช้ “โฮมรูมสุดโหด” ถามคำถามทีละข้อ เพื่อเปิดโปงความลับ เช่น ใครสร้างบัญชีปลอม ใครสั่งทำคลิป ถ้าตอบผิด… มีคนตาย! อย่างตอนแรก นิทาน (เจนนิษฐ์) ตอบผิด แล้วมีนักเรียนตายจริงๆ ครูไลฟ์สดให้โลกเห็น ผู้ปกครองโวยวาย ตำรวจอย่าง สันต์ (หนึ่ง ชลัฏ) และ ธนา (พัตเตอร์ ชุติพัฒน์) เข้ามาสืบ โลกออนไลน์เดือดพล่าน
คาบบ่าย ครูถามข้อใหม่ เด็กๆ เห็นคลิปสัมภาษณ์เรนที่พร่ำพรูความเจ็บปวด อาร์ตี้ (คิ้ว อนงค์นาถ) ร้องไห้หนักเพราะรู้สึกผิด เช้าวันที่สอง ครูโทรหาสันต์ ให้หาว่าใครสร้างบัญชีปลอมใน 50 นาที ถ้าผิด เด็กตายเพิ่ม สันต์ตอบผิด เด็กๆ ร้องขอชีวิต ลุ้นมากว่าใครโดน ฮ่องเต้ (พร้อม ราชภัทร) สารภาพกับ ธาม (พีค ภีมพล) ว่าอยู่เบื้องหลังตามคำสั่งใครบางคน ครูอธิบายว่าเป็น Deepfake แล้วถามต่อว่าใครสั่งฮ่องเต้ มีนักเรียนสารภาพ สันต์สืบเจอ วีรา (ปริม อัจฉรียา) เหยื่อ Deepfake คนเก่า อาจเกี่ยวกัน
ครูโน้มน้าว คอปเตอร์ (มาร์ค ศิวัช) พูดความจริง แต่คอปเตอร์กลัว ครูป่วยทรุด คอปเตอร์ท้าต่อยตัวต่อตัว นิทานแอบออกไปห้องครู เจอความจริงช็อก ตำรวจจับ เจเจ (พิชญ์พงษ์) หัวหน้าแก๊ง Blame ที่รับจ้างทำคลิปเถื่อน เจอห้องลับ หลักฐานเพียบ ครูหมดสติ เด็กๆ พังห้องหาเพื่อน กดดัน ปริม (ชาลี ชาลีดา) เปิดความจริงเรื่องเจเจแฟนเก่า นิทานช่วยพูด ต้นกล้า (พีเจ มหิดล) ห้ามทุกคนออก และเปิดความจริงเรื่องเรน ปริมให้หลักฐานสำคัญ
โลกออนไลน์ช็อก ครูไลฟ์ว่า Hunter ผู้ว่าจ้าง Blame คือครูในโรงเรียน เด็กๆ เริ่มเชื่อใจครู ช่วยปั่นกระแส บีบี (มิวสิค แพรวา) ไลฟ์แฉครูคนหนึ่ง แต่ทรุดร้องไห้เมื่อความจริงเปิด สันต์สืบเจอครูวิณณ์เคยเป็นสตั๊นท์แมนให้ บรรพต (ธัชกร) พ่อวีรา สันต์ไม่บอกใคร ธนาอึดอัด ผู้ปกครองกดดัน ผอ.ดิเรก (ศิริชัย) รับผิดแทน แต่ไม่มีใครสารภาพ ครูปล่อยคลิปหลักฐาน ชี้ Hunter ตัวจริง โลกออนไลน์สะเทือน
ภาพลักษณ์ดีๆ ของครูคนร้ายถูกวิจารณ์ เด็กๆ บางคนไม่เชื่อ โดยเฉพาะ ตะวัน (ไบรท์ ธนพล) และ นีน่า (มัช มนัสสิตา) ที่ได้ทุนจากครูนั้น ห้องแบ่งฝ่าย ครูเผชิญหน้า Hunter ตลบหลังด้วยหลักฐาน Hunter ปฏิเสธ ปริมอัดคลิปขอเจเจช่วยเปิดหลักฐาน ครูป่วยทรุด ลูกคิด (แซนแวน ปัณณธร) เห็นผิดปกติในคลิป สันต์บุกมา ขอให้เลิก แต่ปะทะกัน ครูเสียท่าเพราะป่วย
ครูไลฟ์สดครั้งสุดท้าย เผยความจริงทั้งหมด เด็กๆ กลัวครูโดดตึก นิทานวิ่งไปดาดฟ้าช่วย ทุกคนตามไป เรื่องจบยังไง ต้องดูเองนะ
เบื้องหลังซีรีส์ “29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568” บน TrueID ถ้าคุณดูเรื่องนี้แล้วอินหนัก อยากรู้ว่าเขาทำยังไงถึงออกมาโหดขนาดนี้
ซีรีส์นี้ดัดแปลงมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นชื่อ “Mr. Hiiragi’s Homeroom” โดย Shogo Muto ลิขสิทธิ์จาก Nippon TV แต่ทีมไทยปรับให้เข้ากับสังคมเรา บทประพันธ์โดย ณัฐิยา ศิรกรวิไล, สิริรัตน์ บัวหิรัญ, และ ภูธิดา หน่อสวรรค์ กำกับโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ และ วิรดา คูหาวันต์ เรื่องตีแผ่ bullying ไซเบอร์ การกลั่นแกล้งในโรงเรียน สะท้อนสังคมโซเชียลที่คนทำลืมง่าย แต่เหยื่อจำไม่ลืม คำพูดในคอมเมนต์อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนแตกสลาย โดยเฉพาะถ้าไม่มีใครเชื่อ
ช่วงแรกดูแล้วงงๆ ว่าทำไมจับเด็กขังตอบคำถาม แต่พอไปเรื่อยๆ ทุกคำถามเปิดเรื่องทีละนิด คนร้ายคือใคร ใครเกี่ยว ลุ้นระทึก สนุก มันส์ มีบู๊นิดๆ ในสังคมจริงก็มีคนหลากหลาย เหมือนห้อง ม.6/1 นักเรียนร้อยพ่อพันแม่ นักแสดงเยอะมาก แต่ทุกคนเล่นดี สื่อคาแรกเตอร์เต็มที่
ตัวละครซับซ้อนสุดคือครูวิณณ์ มีอะไรในใจเยอะ ซื่อตรงยุติธรรม แต่สอนโหดหน่อย เพราะเด็กๆ ลูกคนรวย เอาแต่ใจ ก้าวร้าว ต้องเจอแบบนี้ถึงสำนึก (กำหมัด อินเลย) จุดเริ่มต้นฝันร้าย เสียงระเบิด “ตูม!” วันถ่ายรูปรุ่นกลายเป็นโฮมรูมโหด ครูวิณณ์พลิกจากถูกกลั่นแกล้งเป็นผู้คุมชีวิต เพราะเรนตายจาก bullying ออนไลน์ ใครเบื้องหลังคลิปปลอม
EP.1-5 ลากคนดูติดเก้าอี้ ลุ้นขาเกร็ง หายใจไม่ทั่วทุกคำถาม กดดันสุดๆ ทุกคำถามคือกระสุนเจาะใจ เด็กมีด้านมืด ความลับ การเพิกเฉยมีส่วนในโศกนาฏกรรม บรรยากาศกลัว โกรธ ระแวง
ครูวิณณ์คือวิญญาณไถ่บาปหรือปีศาจ? มิว ศุภศิษฏ์ พลิกบทบาทจากเจ้าชายอ่อนโยนเป็นครูเต็มบาดแผล เจ็บปวดแต่แน่วแน่ แลกทุกอย่างเพื่อความจริง ชั้นเชิงเยอะ อ่อนแอในแต่แข็งนอก เจ็บแต่สู้ รู้เสี่ยงแต่แลก ฉากไลฟ์สด จิกกล้อง ป่วยทรุด อินมาก
Part 1 วางกับดัก Part 2 ระเบิดต่อเนื่อง ใครสั่ง Deepfake? ความสัมพันธ์ลับ? อดีตครูกับแก๊งอาชญากร? Hunter ตัวจริงเปิดยังไง? ทุก EP ช็อก ปริศนา พีค “เฮ้ย ไม่น่า!” เครียดดี โดยเฉพาะ EP.13-16 แบบ Endgame ฮอลลีวูด
แคสติ้งเด็กสุดยอด ปรบมือดังๆ นักแสดงวัยรุ่น (บางคนหน้าใหม่ ขัดนิดแต่โอเค ให้กำลังใจ) คาแรกเตอร์ชัด ไม่กลบใคร มีโมเมนต์แสดงเต็มที่ กลัว บ้าบิ่น ร้องไห้ มิตรภาพเด็กๆ สะท้อนโลกจริง “เพื่อน” บางทีแค่คนแปลกหน้าที่รู้ดีที่สุด
ประเด็นสังคมทิ่มใจ ไม่ใช่แค่ bullying โรงเรียน แต่ cyberbullying ความรุนแรงออนไลน์กระทบจริง ระบบศึกษาปกป้องชื่อเสียงมากกว่าถูกต้อง เด็กคิดว่าผิดไม่มีใครเห็นค่า คำถามใหญ่: “ทำผิดวัยเยาว์ ไม่มีอภัย มีโอกาสใหม่ไหม?”
ตอนจบไม่ปิดทุกแผล แต่เห็นยอมรับผิด ให้อภัย คือทางเยียวยา นิทานยื่นมือช่วยครู เป็นแสงสว่าง สอนไม่ใช่แค่อย่าทำร้าย แต่ “รู้ผิด ยอมรับ สู้เพื่อคนที่เหลือ”
นักแสดง
→ มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ รับบท ครูวิณณ์

ครูประจำชั้นที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เนิร์ด อ่อนโยน ถูกนักเรียนกลั่นแกล้งเป็นประจำ แต่แล้วเขาพลิกบทบาทกลายเป็นผู้คุมสถานการณ์สุดโหด จับนักเรียนทั้ง 29 คนเป็นตัวประกันในห้องเรียน เพื่อเปิดโปงความจริงเบื้องหลังการตายของเรน เพื่อนร่วมห้องที่ถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์จนฆ่าตัวตาย ครูวิณณ์ซ่อนบาดแผลลึกในใจจากอดีต เคยทำงานเป็นสตั๊นท์แมนในบริษัทของบรรพต พ่อของวีรา ซึ่งวีราเองก็เคยเป็นเหยื่อ Deepfake เหมือนเรน ทำให้เขามีแรงจูงใจส่วนตัวในการแก้แค้นและมอบบทเรียน เขาใช้คำถามทีละข้อเพื่อเปิดเผยความลับของนักเรียน หากตอบผิดจะมีคนตาย สร้างบรรยากาศกดดันสุดขีด
แต่เบื้องลึกแล้ว ครูวิณณ์อ่อนแอ มีอาการป่วยรุนแรงที่ทรุดลงเรื่อยๆ จนทรุดกับพื้นในฉากต่อสู้กับคอปเตอร์ หรือตอนไลฟ์สดบนดาดฟ้า เขาแข็งกร้าวภายนอกแต่เจ็บปวดภายใน รู้ว่าตัวเองเสี่ยงชีวิตแต่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม สะท้อนด้านมืดของสังคมการศึกษาและโซเชียลมีเดีย มิวดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ได้หลายชั้น จากครูที่ถูกหัวเราะเยาะกลายเป็นผู้ไถ่บาปที่โหดร้ายแต่มีเหตุผล ทำให้คนดูทั้งเกลียดทั้งสงสาร ตัวละครนี้ไม่ใช่แค่ตัวร้าย แต่เป็นกระจกสะท้อนว่าความเจ็บปวดจาก bullying สามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอะไรก็ได้ มิวถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสายตาและท่าทางได้ลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากทรุดตัวหรือจิกกล้องไลฟ์สด ที่ทำให้คนดูรู้สึกกดดันไปด้วยกัน
ฉายา “ครูผู้ไถ่บาป”
สำหรับครูวิณณ์ เพราะเขาไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่กลายเป็นผู้ที่มาล้างบาปให้สังคมผ่านบทเรียนสุดโหด เขาใช้การจับตัวประกันเพื่อบังคับให้นักเรียนเผชิญหน้ากับความผิดพลาดของตัวเอง โดยเฉพาะการเพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้งที่นำไปสู่การตายของเรน ฉายานี้สะท้อนความขัดแย้งในตัวเขา ที่ดูเหมือนปีศาจแต่จริงๆ แล้วต้องการให้ทุกคนสำนึกและเรียนรู้จากความเจ็บปวด เขาไลฟ์สดเปิดโปง Hunter ผู้บงการเบื้องหลัง Deepfake ทำให้โลกออนไลน์สั่นสะเทือน และแม้จะป่วยหนักแต่ยังยืนหยัดเพื่อมอบบทเรียนสุดท้ายบนดาดฟ้า ฉายานี้ทำให้คนดูเห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นผู้ที่ยอมแลกชีวิตเพื่อไถ่บาปให้เหยื่ออย่างเรนและวีรา สร้างแรงบันดาลใจให้คิดถึงความยุติธรรมในสังคมที่มักปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความถูกต้อง
ข้อคิด “การยอมรับผิดและให้อภัยคือหนทางเยียวยาความผิดพลาด”
จากตัวละครครูวิณณ์ เพราะเขาสอนว่านักเรียนแต่ละคนมีส่วนในโศกนาฏกรรมของเรน ไม่ว่าจะทำโดยตรงหรือเพิกเฉย แต่แทนที่จะลงโทษอย่างเดียว เขาบังคับให้สารภาพเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้และเริ่มใหม่ ข้อคิดนี้เน้นว่าความผิดในวัยเยาว์อย่าง bullying ทางออนไลน์อาจทำลายชีวิต แต่ถ้ายอมรับผิดอย่างจริงใจและให้อภัยกัน ก็สามารถเยียวยาได้ เหมือนตอนจบที่นีทานยื่นมือช่วยครูวิณณ์ เป็นแสงสว่างในความมืดมิด สะท้อนว่าสังคมควรให้โอกาสคนที่สำนึกผิดแทนการตัดสินอย่างเดียว ข้อคิดนี้ชวนคิดถึงชีวิตจริงที่คำพูดบนโซเชียลอาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย แต่การยอมรับและอภัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้
→ เจน กุลจิราณัฐ วรรักษา รับบท เรน

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมดแม้จะเสียชีวิตไปก่อนเหตุการณ์หลักจะเริ่ม เรนเป็นเด็กสาวเปราะบางแต่สดใสเริ่มต้น มีเพื่อนสนิทอย่างอาร์ตี้ และใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติ แต่แล้วเธอถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์อย่างหนักผ่านคลิปปลอมที่สร้างด้วยเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งแพร่กระจายบนโซเชียล ทำให้เธอถูกสังคมรุมประณาม ตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี จนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เจนถ่ายทอดบทนี้ผ่านคลิปสัมภาษณ์และฟุตเทจย้อนอดีตที่พร่ำพรูความรู้สึกเจ็บปวด ความโดดเดี่ยวเมื่อไม่มีใครเชื่อเธอ และความสิ้นหวังที่สะสมจนแตกสลาย คาแรกเตอร์นี้ไม่ใช่แค่เหยื่อธรรมดา แต่สะท้อนด้านมืดของโซเชียลมีเดียที่คำพูดทำร้ายอาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย
เรนปรากฏในเรื่องผ่านการไลฟ์สดและคำถามของครูวิณณ์ ที่เปิดโปงว่ามีคนเกี่ยวข้องมากกว่าที่คิด รวมถึงแก๊ง Blame และ Hunter ผู้บงการ เจนเล่นได้ลึกซึ้ง สื่ออารมณ์ผ่านสายตาและน้ำเสียงที่สั่นเครือ ทำให้คนดูรู้สึกเห็นอกเห็นใจและตระหนักถึงผลกระทบของ cyberbullying เธอเป็นตัวแทนของเหยื่อที่ถูกเพิกเฉยจากสังคม โรงเรียน และเพื่อนๆ ที่เลือกปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความถูกต้อง คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากเด็กสาวไร้เดียงสากลายเป็นสัญลักษณ์ของความอยุติธรรม ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความเจ็บปวดของเธอ เจนดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเศร้าและโกรธ สะท้อนว่าการกลั่นแกล้งแม้แค่ออนไลน์ก็ทำลายชีวิตได้จริง
ฉายา “เหยื่อฟางเส้นสุดท้าย”
สำหรับเรน เพราะเธอเป็นตัวแทนของคนที่ถูกกลั่นแกล้งจนถึงจุดแตกหัก คลิป Deepfake ปลอมที่แพร่กระจายทำให้ชีวิตเธอพังทลาย ถูกสังคมรุมด่าโดยไม่รู้ความจริง ฉายานี้สะท้อนความเปราะบางที่สะสมจากคำพูดทำร้ายบนออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เธอพร่ำพรูความรู้สึกในคลิปสัมภาษณ์ว่าไม่มีใครอยู่ข้างและเชื่อเธอ ทำให้คนดูเห็นว่าการเพิกเฉยจากเพื่อนและโรงเรียนยิ่งซ้ำเติม ฉายานี้ชวนคิดถึงเหยื่อในชีวิตจริงที่ถูก Deepfake หรือ bullying ทางไซเบอร์ทำลาย โดยเฉพาะเมื่อสังคมเลือกตัดสินจากภาพลักษณ์แทนข้อเท็จจริง เจนถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความสิ้นหวังนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “คำพูดบนออนไลน์อาจทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้”
จากตัวละครเรน เพราะการกลั่นแกล้งผ่านคลิปปลอมและคอมเมนต์ทำร้ายทำให้เธอโดดเดี่ยวจนเลือกจบชีวิต ข้อคิดนี้เน้นว่าคนทำอาจลืมง่ายแต่เหยื่อจำไม่ลืม โดยเฉพาะในยุคโซเชียลที่ข้อมูลแพร่เร็วและยากควบคุม เหมือนที่เรนถูกใส่ร้ายจากบัญชีปลอมและ Deepfake จนสังคมรุมประณามโดยไม่ตรวจสอบ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงความรับผิดชอบในการใช้โซเชียล อย่าเพิกเฉยต่อ bullying และควรให้โอกาสเหยื่อในการพิสูจน์ตัวเอง สะท้อนปัญหาสังคมที่ระบบการศึกษาปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความยุติธรรม ทำให้เหยื่ออย่างเรนต้องทุกข์ทรมานคนเดียว
→ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ รับบท นิทาน

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวธรรมดา เปราะบางแต่มีความกล้าหาญซ่อนอยู่ เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์จับขังเพื่อเปิดโปงความจริงเรื่องการตายของเรน นิทานปรากฏตัวเด่นตั้งแต่ช่วงแรก เมื่อเธอตอบคำถามผิดนำไปสู่การเสียชีวิตของนักเรียนคนหนึ่ง ทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบและความกลัว แต่แทนที่จะยอมแพ้ เธอกลับกลายเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องไปข้างหน้า ด้วยการแอบออกจากห้องเรียนเข้าไปในห้องของครูวิณณ์ แล้วค้นพบความจริงช็อกเกี่ยวกับอดีตของครูที่เกี่ยวโยงกับเหยื่อ Deepfake คนก่อนอย่างวีรา เจนนิษฐ์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน สื่อความหวาดกลัวผสมความมุ่งมั่นผ่านสายตาและท่าทาง ทำให้คนดูรู้สึกถึงการเติบโตของตัวละคร
จากเด็กที่ถูกกดดันกลายเป็นผู้ช่วยเหลือ เธอเข้ามาแก้สถานการณ์ตอนเพื่อนๆ กดดันปริมให้เปิดความจริงเรื่องเจเจ โดยช่วยพูดโน้มน้าวและสร้างความเข้าใจ นิทานเป็นตัวแทนของความเห็นอกเห็นใจในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวงและแบ่งฝ่าย เธอไม่ใช่แค่เหยื่อแต่เป็นผู้ที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง โดยเฉพาะตอนจบที่รีบวิ่งขึ้นดาดฟ้าเพื่อช่วยครูวิณณ์จากอาการป่วยและความสิ้นหวัง ทำให้ทุกคนตามไปและนำไปสู่การให้อภัย เจนนิษฐ์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าคนธรรมดาก็สามารถเป็นแสงสว่างได้ในสถานการณ์มืดมิด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความผิดพลาดเริ่มต้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและมิตรภาพที่แท้จริง ทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงด้วยโทนบวกแม้จะเจ็บปวด
ฉายา “แสงสว่างในความมืดมิด”
สำหรับนิทาน เพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวที่ยื่นมือช่วยครูวิณณ์ในตอนสุดท้าย ท่ามกลางห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความกลัว โกรธ และระแวง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่กล้าหาญแอบออกจากห้องเพื่อค้นหาความจริง แล้วนำข้อมูลนั้นมาช่วยแก้สถานการณ์ เช่นตอนพูดโน้มน้าวปริมให้เปิดหลักฐาน เธอกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ กลับมาเชื่อใจกันและช่วยครูวิณณ์ ฉายานี้ชวนคิดถึงคนที่เลือกยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแม้ในสถานการณ์กดดัน สะท้อนปัญหาสังคมที่ต้องการคนแบบนี้เพื่อเยียวยาความผิดพลาด เจนนิษฐ์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความเห็นอกเห็นใจนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความกล้าหาญจากคนธรรมดาสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้”
จากตัวละครนิทาน เพราะเธอเริ่มจากเด็กสาวที่ตอบผิดและทำให้เกิดโศกนาฏกรรม แต่กลับพลิกผันด้วยการแอบค้นหาความจริงและช่วยเหลือผู้อื่น ข้อคิดนี้เน้นว่าคนธรรมดาไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็สามารถเป็นจุดเปลี่ยนได้ เหมือนที่นีทานแก้สถานการณ์กับปริมและวิ่งขึ้นดาดฟ้าเพื่อช่วยครูวิณณ์ ทำให้ทุกคนตามไปและนำไปสู่การยอมรับผิด ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงพลังของการกระทำเล็กๆ ในสังคมที่เต็มไปด้วย bullying และความเพิกเฉย โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่อาจรู้สึกไร้พลัง แต่การเลือกยืนหยัดสามารถเยียวยาและสร้างมิตรภาพใหม่ได้
→ มิวสิค แพรวา สุธรรมพงษ์ รับบท บีบี

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่ซ่อนความแค้นลึกและความกล้าหาญในการเปิดโปงความจริง เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน บีบีปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อเธอไลฟ์สดแฉว่าครูคนหนึ่งคือ Hunter ผู้บงการเบื้องหลังคลิป Deepfake ใส่ร้ายนักเรียน โดยอ้างจากความแค้นส่วนตัวที่ครูคนนั้นเคยทำร้ายเธอ มิวสิคถ่ายทอดบทนี้ผ่านอารมณ์ที่รุนแรง สื่อความโกรธผสมความเจ็บปวดผ่านน้ำเสียงและสีหน้าที่สั่นเครือ ทำให้คนดูรู้สึกถึงบาดแผลในใจจากประสบการณ์ส่วนตัว แต่แล้วความจริงเปิดเผยว่าครูคนนั้นอาจไม่ใช่ Hunter จริง ทำให้บีบีทรุดร้องไห้หนัก สะท้อนความผิดพลาดและความเปราะบาง
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครที่สร้างกระแส แต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่เคยถูกเอารัดเอาเปรียบจากระบบการศึกษาและผู้ใหญ่ บีบีมีส่วนช่วยปั่นกระแสออนไลน์ตามแผนครูวิณณ์ ทำให้โลกภายนอกตื่นตัวกับปัญหา cyberbullying มิวสิคดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความแค้นอาจนำไปสู่การกระทำ impulsively แต่ก็สามารถนำไปสู่การเยียวยาได้ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความโกรธเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ห้องเรียนกลับมาเชื่อใจกัน โดยเฉพาะเมื่อเธอทรุดลงร้องไห้ สร้างโมเมนต์สะเทือนใจที่ชวนคิดถึงผลกระทบของความเข้าใจผิดในสังคมโซเชียล ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังอารมณ์ของเธอ
ฉายา “นักไลฟ์สดผู้จุดประกาย”
สำหรับบีบี เพราะเธอใช้การไลฟ์สดเพื่อแฉ Hunter และปั่นกระแสออนไลน์ ทำให้โลกภายนอกตื่นตัวกับปัญหาในโรงเรียน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่กล้าหาญออกมาเปิดเผยความแค้นส่วนตัวต่อครูคนหนึ่ง แม้สุดท้ายจะทรุดร้องไห้เมื่อความจริงเปิดเผยว่าอาจเข้าใจผิด เธอกลายเป็นจุดประกายที่ช่วยให้ครูวิณณ์ดำเนินแผนต่อ ทำให้เด็กๆ กลับมาเชื่อใจและช่วยเหลือกัน ฉายานี้ชวนคิดถึงพลังของโซเชียลมีเดียที่สามารถจุดประกายการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็เสี่ยงต่อความเข้าใจผิดหากไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง มิวสิคถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังและความเสี่ยงนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความแค้นส่วนตัวอาจนำไปสู่การเปิดเผยความจริงใหญ่กว่า”
จากตัวละครบีบี เพราะเธอไลฟ์สดแฉจากความแค้น แต่กลับช่วยเปิดโปง Hunter ตัวจริงและปัญหา cyberbullying ในโรงเรียน ข้อคิดนี้เน้นว่าความเจ็บปวดส่วนตัวสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากใช้อย่างถูกทาง เหมือนที่บีบีทรุดร้องไห้เมื่อรู้ความจริง แต่การกระทำของเธอทำให้เด็กๆ และโลกออนไลน์ตื่นตัว ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการจัดการอารมณ์ในยุคโซเชียล อย่าให้ความแค้นนำไปสู่ความเข้าใจผิด แต่ใช้มันเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความยุติธรรมและการให้อภัย
→ พีเจ มหิดล พิบูลสงคราม รับบท ต้นกล้า

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เนิร์ด หลงใหลในศาสตร์การถ่ายภาพ ดูสงบเสงี่ยมแต่ซ่อนความฉลาดและความซื่อตรงไว้ลึกๆ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ต้นกล้าสนิทกับเรนและนิทานมาก นับถือและเชื่อใจครูวิณณ์ตั้งแต่แรก ทำให้เขาไม่ค่อยระแวงเหมือนคนอื่น พีเจถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางสงบนิ่ง สื่อความคิดลึกซึ้งผ่านสายตาและการกระทำที่รอบคอบ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือ เขาปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อเด็กๆ พังห้องครูเพื่อหาเพื่อนที่หายไป แล้วต้นกล้าเปิดเผยความจริงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของเรน โดยพยายามห้ามเพื่อนๆ ไม่ให้ออกจากห้องเพื่อความปลอดภัย และต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงทั้งหมดเพื่อเรียนรู้จากมัน
ต้นกล้าไม่ใช่แค่ตัวละครรอง แต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่เลือกยืนหยัดข้างความถูกต้อง แม้ในสถานการณ์กดดัน เขาช่วยสร้างสมดุลในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวง โดยใช้ความหลงใหลในการถ่ายภาพเป็นเครื่องมือบันทึกเหตุการณ์หรือหลักฐาน พีเจดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าคนเนิร์ดก็สามารถเป็นจุดเปลี่ยนได้ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความเงียบเริ่มต้นกลายเป็นผู้เปิดโปงที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงบทเรียนใหญ่ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความซื่อตรงของเขา
ฉายา “นักถ่ายภาพเนิร์ดผู้ซื่อตรง”
สำหรับต้นกล้า เพราะเขาเป็นหนุ่มเนิร์ดที่หลงใหลการถ่ายภาพ แต่ใช้ความสามารถนี้บันทึกและเปิดเผยความจริงในห้องเรียน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่นับถือครูวิณณ์และเชื่อใจกระบวนการสอบสวน ทำให้เขาเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเรนและห้ามเพื่อนออกจากห้องเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้จากความผิดพลาด เขากลายเป็นจุดสมดุลในกลุ่มที่ระแวงกัน สนิทกับเรนและนิทานยิ่งทำให้เขามีแรงจูงใจส่วนตัวในการแสวงหาความยุติธรรม ฉายานี้ชวนคิดถึงคนที่ใช้ความซื่อตรงและงานอดิเรกเป็นเครื่องมือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ พีเจถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความเงียบและการสังเกตนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความซื่อตรงและการสังเกตสามารถนำไปสู่การเปิดเผยความจริง”
จากตัวละครต้นกล้า เพราะเขาใช้ความหลงใหลถ่ายภาพและความเชื่อใจครูวิณณ์ในการเปิดข้อมูลสำคัญ ห้ามเพื่อนออกห้องเพื่อให้ทุกคนรู้ความจริงเรื่องเรน ข้อคิดนี้เน้นว่าคนธรรมดาที่ซื่อตรงก็สามารถเป็นจุดเปลี่ยนได้ แม้ในสถานการณ์กดดัน เหมือนที่ต้นกล้าสนิทกับเหยื่อและเลือกยืนหยัดข้างความถูกต้อง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ทักษะส่วนตัวในการแก้ปัญหาสังคมอย่าง cyberbullying โดยไม่ต้องเป็นฮีโร่ แต่แค่สังเกตและเปิดเผยอย่างกล้าหาญเพื่อนำไปสู่การให้อภัยและเรียนรู้
→ พร้อม ราชภัทร วรสาร รับบท ฮ่องเต้

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นทั่วไป ดูสนุกสนานแต่ซ่อนความลับมืดมิดและความกดดันจากคำสั่งของใครบางคน เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ฮ่องเต้ปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อเขาสารภาพกับธามว่าอยู่เบื้องหลังคลิป Deepfake ที่ทำร้ายเรน โดยนำรูปไปให้แก๊ง Blame ตามคำสั่งจากผู้บงการ พร้อมถ่ายทอดบทนี้ผ่านอารมณ์ที่ขัดแย้ง สื่อความรู้สึกผิดผสมความกลัวผ่านสีหน้าที่สั่นเครือและท่าทางลังเล ทำให้คนดูรู้สึกถึงแรงกดดันจากสังคมและครอบครัวที่อาจเป็นลูกคนรวยเอาแต่ใจ
เขาไม่ใช่แค่ตัวร้ายแต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่ถูกชักจูงง่าย ตกเป็นเครื่องมือในแผนร้ายโดยไม่รู้ตัว ฮ่องเต้มีส่วนทำให้เด็กๆ ระแวงกันเอง เมื่อความจริงค่อยๆ เปิดเผยผ่านคำถามของครูวิณณ์ ที่อธิบายว่าคลิปเป็นของปลอม แล้วถามต่อว่าใครสั่งเขา ซึ่งนำไปสู่การสารภาพของนักเรียนคนอื่น พร้อมดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งโกรธและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความผิดพลาดจากแรงกดดันอาจเกิดกับใครก็ได้ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสนุกเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบของการกระทำตัวเอง ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกผิดของเขา
ฉายา “เครื่องมือเบื้องหลังที่ถูกชักจูง”
สำหรับฮ่องเต้ เพราะเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างคลิป Deepfake ตามคำสั่งผู้บงการ ทำให้เรนถูกกลั่นแกล้งจนตาย ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่สารภาพกับธามว่าอยู่เบื้องหลังมาตลอด แต่จริงๆ แล้วถูกชักจูงจากแรงกดดันภายนอก ทำให้เด็กๆ ระแวงกันเองและนำไปสู่การเปิดโปง Hunter ฉายานี้ชวนคิดถึงนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อของระบบสังคมที่กดดันให้ทำผิด โดยเฉพาะในกลุ่มลูกคนรวยที่เอาแต่ใจ พร้อมถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายในนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “แรงกดดันจากภายนอกอาจนำไปสู่ความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้”
จากตัวละครฮ่องเต้ เพราะเขาถูกชักจูงให้สร้างคลิป Deepfake จนนำไปสู่การตายของเรน ข้อคิดนี้เน้นว่าคนหนุ่มสาวอาจถูกแรงกดดันจากครอบครัวหรือสังคมชักนำให้ทำผิด โดยไม่คิดถึงผลกระทบ เหมือนที่ฮ่องเต้สารภาพแล้วทำให้เรื่องเดินหน้าไปสู่การเปิดโปง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตัดสินใจอย่างมีสติในยุคโซเชียล อย่าให้แรงกดดันนำไปสู่การกลั่นแกล้ง และควรเรียนรู้จากความผิดเพื่อการให้อภัยและเปลี่ยนแปลง
→ มาร์ค ศิวัช จำลองกุล รับบท คอปเตอร์

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นแข็งกร้าว ดูเป็นนักกีฬาหรือคนที่ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ซ่อนความหวาดกลัวและความลับลึกเกี่ยวกับเบื้องหลังคลิปปลอม เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน คอปเตอร์ปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อครูวิณณ์พยายามโน้มน้าวให้เขาพูดความจริงเกี่ยวกับผู้บงการคลิป Deepfake แต่เขาดูหวาดกลัวอะไรบางอย่างเกินกว่าจะเปิดปาก มาร์คถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ตึงเครียด สื่อความขัดแย้งภายในผ่านสีหน้าที่ลังเลและสายตาที่หลบเลี่ยง ทำให้คนดูรู้สึกถึงแรงกดดันจากความลับที่แบกรับ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครที่ดื้อรั้น แต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่ถูกบังคับให้ปกปิดเพราะกลัวผลกระทบ เมื่อเห็นครูวิณณ์ป่วยทรุดลงกับพื้นจากอาการรุนแรง คอปเตอร์ฉวยโอกาสท้าสู้ตัวต่อตัวเพื่อแลกกับการปล่อยทุกคน สะท้อนความกล้าหาญ impulsively ที่เกิดจากความหวาดกลัวสะสม มาร์คดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งโกรธและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความกลัวอาจทำให้คนเลือกทางผิด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความแข็งกร้าวเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่การเปิดเผย ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยการต่อสู้ภายในของเขา
ฉายา “นักสู้ผู้หวาดกลัว”
สำหรับคอปเตอร์ เพราะเขาแสดงความกล้าหาญโดยท้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับครูวิณณ์เมื่อเห็นโอกาสจากอาการป่วย แต่เบื้องหลังคือความหวาดกลัวลึกที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับคลิปปลอม ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ถูกกดดันจากผู้บงการ ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายโดยไม่เต็มใจ มาร์คถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความกลัวอาจนำไปสู่การกระทำ impulsively แต่การเผชิญหน้าความจริงคือทางออก”
จากตัวละครคอปเตอร์ เพราะเขาท้าสู้เมื่อเห็นครูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วซ่อนความหวาดกลัวที่ทำให้ไม่เปิดปาก ข้อคิดนี้เน้นว่าคนหนุ่มสาวอาจถูกความกลัวชักนำให้เลือกทางผิด แต่การโน้มน้าวจากครูวิณณ์แสดงให้เห็นว่าการเผชิญหน้าจะนำไปสู่การเยียวยา ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการจัดการอารมณ์ในสถานการณ์กดดัน โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่อาจถูกชักจูงง่าย
→ พีค ภีมพล พาณิชย์ธำรง รับบท ธาม

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นทั่วไป ดูสนิทสนมกับเพื่อนๆ แต่ซ่อนความซื่อสัตย์และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ธามปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อฮ่องเต้สารภาพกับเขาว่าอยู่เบื้องหลังคลิป Deepfake ที่ทำร้ายเรน โดยนำรูปไปให้แก๊ง Blame ตามคำสั่งใครบางคน พีคถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบนิ่ง สื่อความเป็นเพื่อนที่รับฟังโดยไม่ตัดสินผ่านสีหน้าที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทผู้เชื่อมโยงในกลุ่มที่ระแวงกันเอง
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครรองแต่เป็นตัวแทนของมิตรภาพที่แท้จริง ในห้องที่เต็มไปด้วยความลับและความกลัว ธามช่วยสร้างความไว้วางใจ โดยรับฟังสารภาพและไม่เปิดเผยทันที สะท้อนความซื่อสัตย์ที่ทำให้เรื่องเดินหน้าไปสู่การเปิดโปง Hunter พีคดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่ามิตรภาพสามารถเป็นจุดยึดในสถานการณ์กดดัน คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความธรรมดาเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดใจ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของความเข้าใจจากเขา
ฉายา “เพื่อนผู้รับฟังสารภาพ”
สำหรับธาม เพราะเขาเป็นคนที่ฮ่องเต้เลือกสารภาพความจริงว่าอยู่เบื้องหลังคลิป Deepfake ตามคำสั่งผู้บงการ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่สร้างความไว้วางใจในกลุ่ม ทำให้เด็กๆ ที่ระแวงกันเองมีจุดยึดในการเปิดใจ เขาไม่ตัดสินแต่รับฟังอย่างเข้าใจ สะท้อนมิตรภาพที่แท้จริงในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความลับ พีคถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของการรับฟังนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “มิตรภาพที่แท้จริงคือการรับฟังโดยไม่ตัดสิน”
จากตัวละครธาม เพราะเขาได้รับสารภาพจากฮ่องเต้แล้วช่วยให้เรื่องเดินหน้าไปสู่การเปิดโปงโดยไม่เปิดเผยทันที ข้อคิดนี้เน้นว่าการรับฟังอย่างเข้าใจสามารถเยียวยาความผิดพลาดและสร้างความไว้วางใจ ในสังคมที่เต็มไปด้วยความระแวงอย่างห้องเรียนนี้ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นเพื่อนที่ดีในยุคโซเชียล โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนตกอยู่ในแรงกดดันจาก bullying
→ เจเจ รัชพล พรพินิต รับบท ลีโอ

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นที่มีความเป็นผู้นำสูง ดูมั่นใจและสามารถนำคนได้ ทำให้เพื่อนๆ ให้ความเกรงใจและเห็นด้วยกับความเห็นของเขาเสมอ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ลีโอปรากฏตัวในฐานะพี่ใหญ่ของห้อง ที่ช่วยสร้างความสงบและนำกลุ่มในสถานการณ์กดดัน เจเจถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่มั่นคง สื่อความเคารพต่อผู้อื่นผ่านสีหน้าที่จริงจัง ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทผู้เชื่อมโยงในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวงและแบ่งฝ่าย
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครที่นำคนแต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่เคารพกฎและผู้อาวุโส โดยเฉพาะเมื่อออกความเห็น เพื่อนๆ มักฟังและเห็นด้วย สะท้อนความสามารถในการนำโดยไม่ใช้แรงกดดัน ลีโอมีส่วนในดราม่ากลุ่ม เมื่อเด็กๆ เริ่มจับผิดกันเอง เขาช่วยรักษาสมดุลโดยใช้ leadership เพื่อให้ทุกคนโฟกัสที่ความจริง เจเจดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าผู้นำที่ดีสามารถเปลี่ยนสถานการณ์มืดมิดได้ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความมั่นใจเริ่มต้นกลายเป็นจุดยึดที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพและฟังกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเขาในฐานะพี่ใหญ่
ฉายา “พี่ใหญ่ผู้นำห้อง”
สำหรับลีโอ เพราะเขาเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง สามารถนำคนได้ เพื่อนๆ ให้ความเกรงใจและเห็นด้วยกับความเห็นของเขาเสมอ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่เคารพผู้อาวุโสและช่วยสร้างสมดุลในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความกดดันจากเหตุการณ์ตัวประกัน เขากลายเป็นจุดยึดที่ทำให้กลุ่มไม่แตกแยก โดยใช้ความมั่นใจในการออกความเห็นที่เพื่อนฟัง ฉายานี้ชวนคิดถึงผู้นำในวัยรุ่นที่ใช้ความเคารพแทนแรงกดดัน เจเจถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของการนำแบบนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “leadership ที่ดีคือการนำด้วยความเคารพและฟังผู้อื่น”
จากตัวละครลีโอ เพราะเขาใช้ความเป็นผู้นำในการทำให้เพื่อนเห็นด้วยโดยไม่บังคับ แต่ด้วยความเกรงใจและเคารพ ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้นำในกลุ่มวัยรุ่นสามารถเปลี่ยนสถานการณ์กดดันได้ หากฟังและออกความเห็นอย่างจริงจัง เหมือนที่ลีโอช่วยรักษาสมดุลในห้อง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นผู้นำในสังคม โดยเฉพาะในปัญหา bullying ที่ต้องการคนนำเพื่อสร้างความเข้าใจและให้อภัย
→ คิ้ว อนงค์นาถ ยูสานนท์ รับบท อาร์ตี้

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวสดใส สนิทสนมกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะเรน เพื่อนร่วมห้องที่เสียชีวิต เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน อาร์ตี้ปรากฏเด่นในช่วงกลางเรื่อง เมื่อเด็กๆ เห็นคลิปสัมภาษณ์เรนที่พร่ำพรูความรู้สึกเจ็บปวดจากคลิป Deepfake ทำให้เธอถึงกับทรุดตัวลงร้องไห้ด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด คิ้วถ่ายทอดบทนี้ผ่านอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน สื่อความรู้สึกผิดผสมความเศร้าผ่านน้ำตาและสีหน้าที่สั่นเครือ ทำให้คนดูรู้สึกถึงบาดแผลในใจจากมิตรภาพที่สูญเสีย
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครที่ร้องไห้แต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่เพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้ง จนนำไปสู่โศกนาฏกรรม อาร์ตี้มีส่วนในดราม่ากลุ่ม เมื่อเด็กๆ เริ่มจับผิดกันเอง เธอช่วยสร้างความเข้าใจโดยแสดงความเสียใจที่จริงใจ สะท้อนความเปราะบางของวัยรุ่นที่อาจไม่รู้ตัวว่าการเพิกเฉยคือส่วนหนึ่งของปัญหา คิ้วดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเห็นอกเห็นใจและตระหนักถึงผลกระทบ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสดใสเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความรู้สึกผิดร่วมกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังอารมณ์ของเธอ
ฉายา “เพื่อนสนิทผู้รู้สึกผิด”
สำหรับอาร์ตี้ เพราะเธอสนิทกับเรนมากแต่เพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้ง จนทรุดร้องไห้เมื่อเห็นคลิปสัมภาษณ์ที่เผยความเจ็บปวดของเรน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่รู้สึกผิดลึกซึ้ง ทำให้เด็กๆ ตระหนักถึงผลกระทบของการเพิกเฉย คิ้วถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความเศร้านี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การเพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้งอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่แก้ไขไม่ได้”
จากตัวละครอาร์ตี้ เพราะเธอสนิทกับเรนแต่ไม่ช่วย จนรู้สึกผิดหนักเมื่อเรนตาย ข้อคิดนี้เน้นว่ามิตรภาพที่แท้จริงต้องไม่เพิกเฉยต่อปัญหา คิ้วถ่ายทอดให้คนดูตระหนักถึงการยืนหยัดเพื่อเพื่อน
→ ชาลี ชาลีดา กิลเบิร์ต รับบท ปริม

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวเงียบขรึม ดูเหมือนไม่ค่อยเปิดใจ แต่ซ่อนอดีตอันเจ็บปวดและความลับเกี่ยวกับคนรักเก่า เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ปริมปรากฏเด่นในช่วงหลังเรื่อง เมื่อเด็กๆ พังห้องครูเพื่อหาเพื่อนที่หายไป แล้วเพื่อนๆ เริ่มกดดันให้เธอพูดความจริงเกี่ยวกับอดีตคนรักอย่างเจเจ หัวหน้าแก๊ง Blame ที่รับจ้างทำคลิป Deepfake ชาลีถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ปิดกั้น สื่อความปฏิเสธและความกลัวผ่านสีหน้าที่ลังเล ทำให้คนดูรู้สึกถึงบาดแผลจากความสัมพันธ์เก่า
เธอปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่สุดท้ายรวบรวมความกล้า อัดคลิปส่งไปให้เจเจเพื่อขอให้ช่วยเปิดเผยหลักฐานว่าใครคือ Hunter ตัวจริง และตัดสินใจมอบหลักฐานชิ้นสำคัญให้ครูวิณณ์เพื่อช่วยชีวิตทุกคน ปริมไม่ใช่แค่ตัวละครที่ปกปิดแต่เป็นตัวแทนของคนที่เคยถูกชักจูงจากความรัก จนมีส่วนในแผนร้ายโดยไม่ตั้งใจ ชาลีดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความรักอาจทำให้คนตาบอดต่อความผิด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความปฏิเสธเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยเปิดโปงความจริงใหญ่ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความกล้าหาญสุดท้ายของเธอ
ฉายา “คนรักเก่าผู้ถือกุญแจหลักฐาน”
สำหรับปริม เพราะเธอมีความสัมพันธ์ลับกับเจเจ หัวหน้าแก๊ง Blame ทำให้เธอรู้ข้อมูลเบื้องหลังคลิป Deepfake แต่เลือกปกปิดในตอนแรก ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ถูกกดดันจากเพื่อนๆ จนรวบรวมความกล้าอัดคลิปขอความช่วยเหลือจากเจเจ และมอบหลักฐานสำคัญให้ครูวิณณ์ ชาลีถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างความรักเก่าและความถูกต้องนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความกล้าที่เกิดจากความผิดพลาดในอดีตสามารถเยียวยาได้”
จากตัวละครปริม เพราะเธอเคยมีส่วนจากความสัมพันธ์กับเจเจ แต่สุดท้ายเลือกเปิดหลักฐานเพื่อช่วยทุกคน ข้อคิดนี้เน้นว่าความผิดในอดีตไม่ใช่จุดจบ หากรวบรวมความกล้าเปิดเผยความจริง เหมือนที่ปริมเปลี่ยนจากปฏิเสธเป็นผู้ช่วยสำคัญ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเรียนรู้จากความรักที่ผิดพลาดและใช้มันเป็นแรงผลักดันเพื่อความยุติธรรม
→ วินเนอร์ ธนทัต คูณอเนกสิน รับบท ซีเกมส์

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นนักกีฬา ดูสงบนิ่งและรับผิดชอบสูงในฐานะผู้จัดการชมรมว่ายน้ำ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ซีเกมส์ปรากฏตัวในฐานะคนใจเย็น มีเหตุมีผล เป็นคนเข้าใจชีวิตและสถานการณ์ โดยไม่โทษว่าเป็นความผิดของเรน เมื่อเห็นเรนกำลังจะถูกรถชนจึงช่วยชีวิตเธอไว้ วินเนอร์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุม สื่อความเข้าใจผ่านสีหน้าที่สงบ ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทผู้จัดการที่ดูแลเพื่อนในชมรมอย่างเค้กและคนอื่นๆ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครนักกีฬาแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ใช้เหตุผลแทนอารมณ์ ในห้องที่เต็มไปด้วยความกดดันและระแวงกันเอง ซีเกมส์ช่วยสร้างสมดุลโดยไม่ตัดสินใครง่ายๆ สะท้อนความภักดีต่อกลุ่มนักกีฬาที่ได้รับทุนจากครูคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาไม่เชื่อง่ายๆ ว่าครูนั้นคือ Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake วินเนอร์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าความใจเย็นสามารถเป็นจุดยึดในสถานการณ์วิกฤต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสงบเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เหตุผล ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเขาในฐานะผู้จัดการที่เข้าใจสถานการณ์
ฉายา “ผู้จัดการใจเย็นมีเหตุผล”
สำหรับซีเกมส์ เพราะเขาเป็นผู้จัดการชมรมว่ายน้ำที่ใจเย็น มีเหตุมีผล เข้าใจชีวิตและสถานการณ์ โดยไม่โทษเรนแต่เลือกช่วยชีวิตเธอจากอุบัติเหตุรถชน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ความสงบในการดูแลกลุ่มนักกีฬา และไม่เชื่อง่ายๆ ว่าครูที่ให้ทุนคือ Hunter ทำให้เขาเป็นจุดสมดุลในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวง วินเนอร์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความใจเย็นนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การใช้เหตุผลและใจเย็นสามารถนำทางในสถานการณ์วิกฤต”
จากตัวละครซีเกมส์ เพราะเขาไม่ตัดสินใครง่ายๆ แต่เข้าใจสถานการณ์และช่วยเหลือเรน ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรใช้เหตุผลแทนอารมณ์ โดยเฉพาะในปัญหา cyberbullying ที่ต้องการความเข้าใจ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นผู้นำที่สงบในกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การให้อภัยและเรียนรู้จากความผิดพลาด
→ เทป วรชัย ศิริคงสุวรรณ รับบท ออกัส

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหลังห้อง ไม่ค่อยสนใจการเรียน ดูก้าวร้าวและกล้าแสดงออก แต่ซ่อนความซื่อสัตย์และความห่วงใยเพื่อนไว้ลึกๆ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ออกัสปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่ยอมใครง่ายๆ มักออกหน้าในสถานการณ์ตึงเครียด เช่นตอนเด็กๆ ระแวงกันเอง เขากล้าเผชิญหน้าเพื่อปกป้องกลุ่ม เทปถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ดุดัน สื่อความกล้าหาญผสมความกังวลผ่านสีหน้าที่จริงจัง ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทเด็กหลังห้องที่อาจถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา แต่จริงๆ แล้วมีหัวใจที่ซื่อตรงต่อพวกพ้อง
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครก้าวร้าวแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่กล้าแสดงออกเพื่อความถูกต้อง ในห้องที่เต็มไปด้วยความกลัวและความลับ ออกัสช่วยสร้างพลังให้กลุ่ม โดยใช้ความกล้าหาญในการออกความเห็นหรือปกป้องเพื่อน สะท้อนด้านมืดของวัยรุ่นที่อาจถูกแรงกดดันจากสังคมทำให้ดูก้าวร้าว เทปดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและตระหนักถึงการเติบโต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความไม่สนใจเรียนเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการกล้าพูด ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเขาในฐานะเด็กหลังห้องที่กล้าแสดงออก
ฉายา “เด็กหลังห้องผู้กล้าแสดงออก”
สำหรับออกัส เพราะเขาเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่ค่อยสนใจเรียนแต่กล้าแสดงออกในสถานการณ์กดดัน ทำให้กลุ่มมีพลังและไม่ยอมแพ้ต่อความกลัว ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ออกหน้าเพื่อปกป้องเพื่อนและเผชิญหน้าความจริง เทปถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความดุดันที่ซ่อนความซื่อตรงนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การกล้าแสดงออกสามารถเป็นจุดเปลี่ยนในสถานการณ์วิกฤต”
จากตัวละครออกัส เพราะเขาใช้ความกล้าหาญในการปกป้องกลุ่มและเผชิญหน้าความจริง ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นที่ดูก้าวร้าวอาจมีหัวใจที่ซื่อตรง หากใช้ความกล้าในทางที่ถูกต้อง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการแสดงออกอย่างมีสติเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและเรียนรู้จากความผิดพลาด
→ มัช มนัสสิตา จารุศะศิ รับบท นีน่า

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นนักกีฬา ดูมั่นใจและภักดีต่อกลุ่ม โดยเฉพาะแก๊งนักกีฬาที่ได้รับทุนการศึกษาจากครูคนหนึ่ง เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน นีน่าปรากฏเด่นในช่วงหลังเรื่อง เมื่อครูวิณณ์ปล่อยคลิปหลักฐานชี้ว่าครูคนนั้นคือ Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake ทำให้เธอและตะวันไม่เชื่อเพราะได้รับทุนจากครูคนนั้นโดยตรง มัชถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่มั่นคง สื่อความภักดีผสมความสงสัยผ่านสีหน้าที่จริงจัง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายใน
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครนักกีฬาแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ภักดีต่อผู้ให้โอกาส จนอาจตาบอดต่อความจริง นีน่ามีส่วนในดราม่าห้องเรียน เมื่อเด็กๆ แบ่งฝ่ายเพราะไม่เชื่อครูคนนั้นคือคนร้าย เธอช่วยสร้างความตึงเครียดโดยยืนยันในความเชื่อของตัวเอง สะท้อนด้านมืดของระบบทุนการศึกษาที่อาจปกปิดความผิด มัชดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและตระหนักถึงการตั้งคำถาม คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความภักดีเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเธอในฐานะนักกีฬาที่ภักดี
ฉายา “นักกีฬาผู้ภักดีต่อทุน”
สำหรับนีน่า เพราะเธอได้รับทุนการศึกษาจากครูคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น Hunter ทำให้เธอไม่เชื่อและปกป้องเขา สะท้อนความขัดแย้งในห้องเรียนที่แบ่งฝ่าย ฉายานี้ชวนคิดถึงวัยรุ่นที่ภักดีต่อผู้ให้โอกาสจนอาจมองข้ามความผิด มัชถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความมั่นใจที่ซ่อนความสงสัยนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความภักดีที่ไม่ตั้งคำถามอาจนำไปสู่การปกปิดความผิด”
จากตัวละครนีน่า เพราะเธอปกป้องครูที่ให้ทุนจนไม่เชื่อว่าเขาเป็น Hunter ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรตั้งคำถามต่อระบบที่ให้โอกาส เพื่อไม่ให้ถูกหลอก ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตรวจสอบในสังคม โดยเฉพาะในระบบการศึกษาที่อาจปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความถูกต้อง
→ แอมมาย ทัชชกร คามะเชียงพิณ รับบท เค้ก

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นนักกีฬาว่ายน้ำ ดูเข้มแข็งและมุ่งมั่นทุ่มเทชีวิตให้การว่ายน้ำอย่างหนัก แต่ซ่อนความเปราะบางในจิตใจไว้ลึกๆ เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ซึ่งเรนเคยเป็นคู่แข่งในชมรมว่ายน้ำที่เค้กไม่เคยเอาชนะได้เลย ทำให้เธอผิดหวังมากแต่ไม่เคยย่อท้อ พร้อมสู้ด้วยความสามารถตัวเอง แอมมายถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่แข็งกร้าว สื่อความมุ่งมั่นผสมความเปราะบางผ่านสีหน้าที่แสดงอารมณ์ลึกซึ้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายใน
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครนักกีฬาแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ทุ่มเทแต่ถูกคู่แข่งอย่างเรนบดบัง จนอาจมีส่วนในความอิจฉาระหว่างทาง เค้กมีส่วนในดราม่ากลุ่ม เมื่อเด็กๆ ระแวงกันเอง เธอช่วยสร้างความตึงเครียดโดยยืนยันในความเชื่อของตัวเองเกี่ยวกับทุนการศึกษาจากครูคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอไม่เชื่อง่ายๆ ว่าครูนั้นคือ Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake แอมมายดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความเข้มแข็งภายนอกอาจซ่อนความอ่อนแอ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความมุ่งมั่นเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความเปราะบางของจิตใจ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเธอในฐานะนักว่ายน้ำที่ไม่ยอมแพ้
ฉายา “นักว่ายน้ำจิตใจเปราะบาง”
สำหรับเค้ก เพราะเธอทุ่มเทชีวิตให้การว่ายน้ำอย่างหนัก ดูเข้มแข็งภายนอกแต่จริงๆ แล้วจิตใจเปราะบางมาก โดยเฉพาะเมื่อไม่เคยเอาชนะเรนได้เลย ทำให้ผิดหวังแต่ไม่ย่อท้อ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ซ่อนความอ่อนแอไว้ภายใต้ความมุ่งมั่น ในชมรมว่ายน้ำที่เกี่ยวโยงกับทุนจากครูคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอไม่เชื่อว่าครูนั้นคือ Hunter แอมมายถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความเข้มแข็งภายนอกอาจซ่อนความเปราะบางที่ต้องการการเข้าใจ”
จากตัวละครเค้ก เพราะเธอดูมุ่งมั่นแต่จริงๆ แล้วเปราะบางจากความผิดหวัง ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นที่ทุ่มเทอาจต้องการการสนับสนุนเพื่อไม่ให้แตกสลาย ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเห็นอกเห็นใจคนที่ดูแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในปัญหา competition และ bullying ที่อาจซ้ำเติมความอ่อนแอ
→ น้ำตาล พลอยพรรณ์ แสวงจิตร รับบท ไอริน

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กวัยรุ่นธรรมดา ดูเงียบขรึมแต่มีความเข้าใจสถานการณ์สูง สนิทกับกลุ่มเพื่อนและมักเป็นคนกลางที่ช่วยไกล่เกลี่ย เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ไอรินปรากฏตัวในฐานะคนที่สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวง เช่นตอนเด็กๆ จับผิดกันเอง เธอช่วยสร้างความเข้าใจโดยออกความเห็นที่สมเหตุสมผล น้ำตาลถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุม สื่อความเข้าใจผ่านสีหน้าที่แสดงอารมณ์ลึกซึ้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทผู้เชื่อมโยงในกลุ่ม
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครรองแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ใช้ความเข้าใจแทนการตัดสิน จนอาจมีส่วนในความลับที่เกี่ยวโยงกับคลิป Deepfake ไอรินมีส่วนในดราม่าห้องเรียน เมื่อเด็กๆ แบ่งฝ่าย เธอช่วยลดความตึงเครียดโดยยืนยันในมุมมองที่เป็นกลาง สะท้อนด้านมืดของมิตรภาพที่อาจถูกทดสอบจากแรงกดดัน น้ำตาลดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและตระหนักถึงการสังเกต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความเงียบเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าใจผู้อื่น ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังของเธอในฐานะคนกลางที่สังเกตเห็นรายละเอียด
ฉายา “คนกลางผู้สังเกตเห็นรายละเอียด”
สำหรับไอริน เพราะเธอเป็นคนที่เงียบขรึมแต่สังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ ในสถานการณ์กดดัน ทำให้ช่วยไกล่เกลี่ยและสร้างความเข้าใจในกลุ่มที่ระแวงกันเอง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ใช้ความเข้าใจแทนการตัดสิน จนกลายเป็นจุดยึดในห้องเรียน น้ำตาลถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของการสังเกตนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การสังเกตและเข้าใจสามารถลดความขัดแย้งในกลุ่มได้”
จากตัวละครไอริน เพราะเธอใช้ความเงียบในการสังเกตเพื่อไกล่เกลี่ย ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรใช้การเข้าใจแทนการตัดสิน เพื่อสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่ง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นคนกลางในสังคม โดยเฉพาะในปัญหา bullying ที่ต้องการความเข้าใจเพื่อนำไปสู่การให้อภัย
→ คิราร่า กิรณา จันพรพงษ์ รับบท เกี๊ยก

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวน่ารัก สดใส ดูเป็นมิตรและเข้ากับคนง่าย ทำให้เธอเป็นที่รักในกลุ่มเพื่อน เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน เกี๊ยกปรากฏตัวในฐานะคนที่ช่วยสร้างบรรยากาศเบาๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยมักแสดงความกังวลและความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนๆ คิราร่าถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่น่ารัก สื่อความไร้เดียงสาและความเปราะบางผ่านสีหน้าและน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเอ็นดู
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครรองแต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่ดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับมืด แต่จริงๆ แล้วอาจซ่อนความรู้สึกผิดหรือความกลัวไว้ เมื่อเด็กๆ เริ่มระแวงกันเอง เกี๊ยกช่วยลดความตึงเครียดโดยแสดงความเป็นห่วงเพื่อน สะท้อนด้านสว่างของวัยรุ่นที่ยังคงความบริสุทธิ์ท่ามกลางดราม่า คิราร่าดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งยิ้มและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความน่ารักสามารถเป็นจุดพักใจในสถานการณ์โหด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสดใสเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของมิตรภาพ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความน่ารักของเธอ
ฉายา “เด็กสาวน่ารักประจำห้อง”
สำหรับเกี๊ยก เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่ดูสดใส เข้ากับคนง่าย และช่วยสร้างบรรยากาศเบาๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยความกดดัน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่แสดงความเห็นอกเห็นใจและความกังวลต่อเพื่อน ทำให้กลายเป็นจุดพักใจท่ามกลางความระแวง คิราร่าถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเอ็นดูนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความน่ารักและมิตรภาพสามารถเป็นจุดพักใจในสถานการณ์ยากลำบาก”
จากตัวละครเกี๊ยก เพราะเธอใช้นิสัยสดใสในการช่วยเพื่อนท่ามกลางดราม่า ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรรักษาความเป็นมิตรเพื่อสนับสนุนกัน ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นจุดสว่างในกลุ่ม โดยเฉพาะในปัญหาที่เต็มไปด้วยความลับและความกลัว
→ นัทตี้ ณฐมน จันทราวิภาต รับบท ด้าย

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวเงียบขรึม ดูไม่ค่อยพูดมาก ชอบอยู่มุมตัวเอง แต่จริงๆ แล้วมีความคิดลึกซึ้งและสังเกตเก่ง เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ด้ายปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่ค่อยออกหน้า แต่เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด เธอมักแสดงความเห็นที่ตรงไปตรงมาและมีเหตุผล นัทตี้ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบเสงี่ยม สื่อความคิดภายในผ่านสายตาที่ลึกและสีหน้าที่แสดงความกังวล ทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับและความเปราะบาง
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครเงียบแต่เป็นตัวแทนของนักเรียนที่เก็บความรู้สึกไว้เยอะ อาจเคยเห็นหรือรู้บางอย่างเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งเรนแต่เลือกไม่พูด ด้ายมีส่วนในดราม่าห้องเรียน เมื่อเด็กๆ ระแวงกันเอง เธอช่วยสร้างความตึงเครียดโดยแสดงความสงสัยเงียบๆ หรือออกความเห็นที่ทำให้คนอื่นคิดตาม สะท้อนด้านมืดของคนที่เก็บกดจนอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาโดยไม่ตั้งใจ นัทตี้ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งสงสัยและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความเงียบอาจซ่อนความเจ็บปวด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความเงียบเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดใจ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลึกของเธอ
ฉายา “เด็กเงียบผู้สังเกตเก่ง”
สำหรับด้าย เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่ไม่ค่อยพูดแต่สังเกตเก่ง รู้รายละเอียดเล็กๆ ในห้องที่คนอื่นมองข้าม ทำให้กลายเป็นคนที่อาจรู้ความลับบางอย่างแต่เลือกเก็บไว้ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่สร้างความสงสัยในกลุ่ม โดยใช้ความเงียบเป็นอาวุธ นัทตี้ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความเงียบอาจซ่อนความเจ็บปวดที่ต้องการการเปิดใจ”
จากตัวละครด้าย เพราะเธอเก็บความรู้สึกไว้จนอาจมีส่วนในปัญหาโดยไม่ตั้งใจ ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรเปิดใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ความลับกลายเป็นบาดแผล ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการสื่อสารในมิตรภาพ โดยเฉพาะในปัญหา bullying ที่ความเงียบอาจยิ่งซ้ำเติม
→ คิรีย์ ดีรินดา ตันทีปธรรม รับบท ขิง

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวเผ็ดร้อน มั่นใจ พูดตรง และไม่กลัวใคร ทำให้เธอโดดเด่นในห้องที่เต็มไปด้วยความลับและความกลัว เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ขิงปรากฏตัวในฐานะคนที่กล้าพูดกล้าแสดงออก เมื่อเด็กๆ เริ่มระแวงกันเอง เธอมักออกความเห็นที่ตรงไปตรงมา ทำให้เกิดการถกเถียงและเปิดโปงความลับบางอย่าง คิรีย์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่มั่นใจ สื่อความเผ็ดร้อนผสมความเปราะบางผ่านสีหน้าและน้ำเสียงที่แข็งแต่สั่นเครือ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายใน
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครเผ็ดแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ใช้ความตรงไปตรงมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง แต่จริงๆ แล้วซ่อนความกลัวและความรู้สึกผิดไว้ เมื่อสถานการณ์กดดัน ขิงช่วยสร้างความตื่นตัวในกลุ่ม โดยไม่ยอมให้ใครเพิกเฉยต่อปัญหา สะท้อนด้านมืดของคนที่ดูแข็งแต่จริงๆ แล้วต้องการการเข้าใจ คิรีย์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งชอบและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความเผ็ดร้อนอาจเป็นวิธีรับมือกับความเจ็บปวด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความมั่นใจเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการพูดความจริง ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความตรงของเธอ
ฉายา “เด็กสาวเผ็ดร้อนประจำห้อง”
สำหรับขิง เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่พูดตรง มั่นใจ และกล้าแสดงออก ทำให้ห้องที่เงียบตึงมีสีสันและเกิดการถกเถียง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ใช้ความเผ็ดในการเปิดโปงหรือปกป้องตัวเอง แต่ซ่อนความเปราะบางไว้ คิรีย์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังความตรงนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความตรงไปตรงมาสามารถเปิดโปงความจริงแต่ต้องระวังไม่ทำร้ายกัน”
จากตัวละครขิง เพราะเธอใช้ความเผ็ดในการพูดจนทำให้เกิดการเปิดใจ แต่บางครั้งอาจสร้างความตึงเครียด ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรใช้ความกล้าพูดในทางสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การเข้าใจและให้อภัย ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการสื่อสารในกลุ่ม โดยเฉพาะในปัญหาที่เต็มไปด้วยความลับ
→ ตงตง ธนธัช จุฑาพฤฒิกร รับบท อชิ

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มมาดกวน ชอบแกล้งเพื่อน ชอบพูดเล่นๆ แต่จริงๆ แล้วมีหัวใจที่อบอุ่นและห่วงใยเพื่อนมาก เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน อชิปรากฏตัวในฐานะคนที่ช่วยสร้างเสียงหัวเราะและคลายความตึงเครียดในห้องที่เต็มไปด้วยความกลัว โดยมักพูดแซวหรือทำตัวกวนๆ เพื่อให้เพื่อนผ่อนคลาย ตงตงถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สบายๆ สื่อความกวนผสมความจริงใจผ่านรอยยิ้มและสายตาที่อบอุ่น ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่ารักแบบเด็กผู้ชาย
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตลกแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ใช้มุกกวนเป็นเกราะป้องกันความกังวลภายใน เมื่อสถานการณ์หนักหน่วง อชิช่วยสร้างสมดุลโดยไม่ยอมให้ห้องเงียบเกินไป สะท้อนด้านสว่างของคนที่ดูไม่จริงจังแต่จริงๆ แล้วสังเกตและห่วงเพื่อนเสมอ ตงตงดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งยิ้มและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความกวนสามารถเป็นจุดพักใจในวิกฤต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความกวนเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการไม่ทิ้งกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความน่ารักแบบกวนๆ ของเขา
ฉายา “เด็กกวนประจำห้อง”
สำหรับอชิ เพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบแกล้งเพื่อน พูดกวนๆ เพื่อคลายเครียด ทำให้ห้องที่ตึงเครียดมีเสียงหัวเราะ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ความกวนเป็นเครื่องมือสร้างความผ่อนคลาย แต่ซ่อนความห่วงใยจริงๆ ไว้ ตงตงถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่ารักแบบนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความกวนและเสียงหัวเราะสามารถช่วยคลายความตึงเครียดในสถานการณ์ยาก”
จากตัวละครอชิ เพราะเขาใช้มุกกวนเพื่อให้เพื่อนผ่อนคลายท่ามกลางความกลัว ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรใช้พลังบวกในการสนับสนุนกัน แทนที่จะยอมให้ความกดดันครอบงำ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นจุดสว่างในกลุ่ม โดยเฉพาะในปัญหาที่หนักหน่วงอย่าง bullying
→ หยาง เพชรเตชินธ์ เพชรศิริพันธุ์ รับบท บีม

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มหล่อเหลา ดูเป็นไอดอลประจำห้อง มีเสน่ห์ดึงดูด ทำให้เพื่อนๆ ชอบเข้าใกล้และมักได้รับความสนใจ แต่จริงๆ แล้วซ่อนความคิดลึกและความรู้สึกผิดบางอย่างไว้ลึกๆ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน บีมปรากฏตัวในฐานะคนที่ดูผิวเผินสบายๆ แต่เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด เขามักแสดงความกังวลและความเห็นอกเห็นใจที่ลึกซึ้ง หยางถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สง่างาม สื่อความหล่อผสมความเปราะบางผ่านสายตาที่ลึกและสีหน้าที่แสดงความคิดภายใน ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้ง
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครหล่อแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ได้รับความสนใจแต่ต้องแบกรับความลับหรือความรู้สึกผิดจากเหตุการณ์ในห้อง เมื่อเด็กๆ ระแวงกันเอง บีมช่วยสร้างสมดุลโดยใช้เสน่ห์ในการไกล่เกลี่ยหรือแสดงความเข้าใจ สะท้อนด้านมืดของคนที่ดูสมบูรณ์แบบแต่จริงๆ แล้วซ่อนบาดแผล หยางดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งหลงและเห็นอกเห็นใจ สะท้อนว่าความหล่ออาจเป็นเกราะป้องกันความอ่อนแอ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความผิวเผินเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดใจ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลึกซึ้งที่ซ่อนในความหล่อของเขา
ฉายา “ไอดอลหล่อประจำห้อง”
สำหรับบีม เพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา มีเสน่ห์ดึงดูด ทำให้กลายเป็นจุดสนใจและช่วยคลายความตึงเครียดในห้องด้วยรอยยิ้มและท่าทางสง่างาม ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ความหล่อเป็นจุดยึดให้เพื่อน แต่ซ่อนความคิดลึกและความเปราะบางไว้ หยางถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงเสน่ห์ที่ซ่อนความลึกนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความหล่อและเสน่ห์อาจซ่อนความเปราะบางที่ต้องการการเข้าใจ”
จากตัวละครบีม เพราะเขาดูสมบูรณ์แบบแต่จริงๆ แล้วแบกรับความรู้สึกผิดหรือความกังวล ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นไม่ควรตัดสินกันจากภายนอก แต่ควรเข้าใจความลึกภายใน ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเห็นอกเห็นใจคนที่ดูแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทุกคนซ่อนความลับ
→ เพชร ณภัทร กลางประพันธ์ รับบท บอมบ์

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มตัวใหญ่ รูปร่างกำยำ ดูน่าเกรงขามเหมือนระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่จริงๆ แล้วมีนิสัยใจดี อ่อนโยน และคอยปกป้องเพื่อนๆ โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน บอมบ์ปรากฏตัวในฐานะคนที่ดูดุแต่เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด เขามักใช้พลังกายและความใจดีในการช่วยเหลือ เช่นตอนเด็กๆ ช่วยกันพังห้องหรือปกป้องเพื่อนจากความกลัว เพชรถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ใหญ่โต สื่อความดุผสมความอ่อนโยนผ่านสีหน้าที่แสดงความห่วงใยและสายตาที่อบอุ่น ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างรูปลักษณ์กับจิตใจ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตัวใหญ่แต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่รูปร่างน่าเกรงแต่ใจดีมาก คอยเป็นกำแพงให้เพื่อนในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวง บอมบ์มีส่วนในดราม่ากลุ่ม เมื่อเกิดการทะเลาะหรือความกลัว เขาช่วยสร้างความปลอดภัยโดยใช้พลังกาย สะท้อนด้านสว่างของคนที่ดูดุแต่จริงๆ แล้วปกป้องคนรอบข้าง เพชรดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเกรงและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความใหญ่โตอาจซ่อนหัวใจที่อ่อนโยน คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความดุเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความใจดีที่ซ่อนในรูปร่างใหญ่ของเขา
ฉายา “ระเบิดใจดีประจำห้อง”
สำหรับบอมบ์ เพราะเขาดูเหมือนระเบิดที่ดุและพร้อมระเบิด แต่จริงๆ แล้วใจดีมาก คอยปกป้องและช่วยเหลือเพื่อนด้วยพลังกายและความอ่อนโยน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่เป็นกำแพงให้กลุ่มในสถานการณ์กดดัน เพชรถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างรูปลักษณ์กับจิตใจนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “รูปลักษณ์ภายนอกอาจหลอกลวง หัวใจที่แท้จริงคือสิ่งสำคัญ”
จากตัวละครบอมบ์ เพราะเขาดูดุแต่จริงๆ แล้วใจดีและปกป้องเพื่อน ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นไม่ควรตัดสินกันจากภายนอก แต่ดูที่การกระทำ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเข้าใจคนที่ดูน่าเกรง โดยเฉพาะในสังคมที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดและความระแวง
→ เฟ่ย ธนารุจิรัตน์ วาจาสุจริต รับบท ณดล

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มเงียบขรึม ดูไม่ค่อยพูดมาก ชอบสังเกตมากกว่าออกหน้า แต่จริงๆ แล้วมีความคิดเป็นของตัวเองและมีความซื่อตรงสูง เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ณดลปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่ค่อยแสดงออก แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องพูด เขามักพูดตรงและมีเหตุผล ทำให้ช่วยสร้างสมดุลในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เฟ่ยถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบเสงี่ยม สื่อความคิดลึกซึ้งผ่านสายตาที่เงียบแต่คม ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครเงียบแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่เลือกฟังและสังเกตก่อนตัดสินใจ อาจเคยเห็นหรือรู้บางอย่างเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งแต่เก็บไว้เพราะไม่ชอบขัดแย้ง เมื่อเด็กๆ เริ่มแบ่งฝ่ายหรือทะเลาะกัน ณดลช่วยลดความรุนแรงโดยแสดงความเห็นที่เป็นกลางและซื่อตรง สะท้อนด้านมืดของคนที่เงียบจนอาจถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบ เฟ่ยดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งสงสัยและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความเงียบสามารถเป็นพลังได้ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความไม่พูดเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการฟังและคิดก่อนพูด ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความสงบของเขา
ฉายา “เด็กเงียบผู้ซื่อตรง”
สำหรับณดล เพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยพูดแต่เมื่อพูดแล้วตรงและมีเหตุผล ทำให้กลายเป็นคนที่เพื่อนเชื่อถือในช่วงวิกฤต ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ความเงียบในการสังเกตและรักษาสมดุลในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวง เฟ่ยถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือที่ซ่อนในความเงียบนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความเงียบและการฟังสามารถเป็นพลังในการแก้ปัญหา”
จากตัวละครณดล เพราะเขาเลือกฟังและสังเกตก่อนแสดงความเห็น ทำให้ช่วยลดความขัดแย้งในกลุ่ม ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นไม่จำเป็นต้องพูดมากแต่ควรคิดให้รอบคอบ เพื่อนำไปสู่การเข้าใจกัน ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ความสงบในสังคมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยเฉพาะในปัญหาที่ต้องการความซื่อตรง
→ แซนแวน ปัณณธร วรัญญูวัฒนา รับบท ลูกคิด

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวเนิร์ดไอที ดูเงียบๆ ชอบเล่นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเทพธิดาไอทีที่เก่งเรื่องเทคโนโลยีและการแฮกข้อมูลสูงมาก เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ลูกคิดปรากฏเด่นในช่วงหลังเรื่อง เมื่ออาการป่วยของครูวิณณ์ทรุดลงและสถานการณ์ซับซ้อน เธอเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติในคลิปของคนร้าย โดยใช้ความรู้ไอทีวิเคราะห์ข้อมูลและหลักฐานดิจิทัล แซนแวนถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบและโฟกัส สื่อความฉลาดผสมความกังวลผ่านสายตาที่จดจ่อกับหน้าจอ ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทสมองของห้อง
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครเนิร์ดแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นยุคใหม่ที่เก่งเทคโนโลยี สามารถถอดรหัสหรือหาช่องโหว่ในคลิป Deepfake และข้อมูลออนไลน์ได้ ลูกคิดมีส่วนสำคัญในการเปิดโปง Hunter โดยสังเกตความผิดปกติที่คนอื่นมองข้าม สะท้อนด้านสว่างของเทคโนโลยีที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้เมื่ออยู่ในมือคนดี แซนแวนดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งทึ่งและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความเงียบและความเนิร์ดอาจซ่อนพลังมหาศาล คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความเงียบเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยพลิกสถานการณ์ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความฉลาดไอทีของเธอ
ฉายา “เทพธิดาไอทีประจำห้อง”
สำหรับลูกคิด เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่เก่งเรื่องเทคโนโลยีสุดๆ สามารถวิเคราะห์คลิปและข้อมูลดิจิทัลได้อย่างแม่นยำ จนเห็นสิ่งผิดปกติในคลิปของคนร้าย ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่กลายเป็นสมองหลักในการเปิดโปงความจริงท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนสับสน แซนแวนถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความรู้ไอทีนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “เทคโนโลยีในมือคนดีสามารถพลิกสถานการณ์และเปิดโปงความจริงได้”
จากตัวละครลูกคิด เพราะเธอใช้ความรู้ไอทีวิเคราะห์คลิปจนเห็นความผิดปกติ ช่วยเปิดโปง Hunter ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นยุคใหม่ควรใช้ความรู้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ เพื่อแก้ปัญหาสังคมอย่าง cyberbullying ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเรียนรู้ไอทีอย่างมีจริยธรรม เพื่อนำไปสู่ความยุติธรรมและการปกป้องผู้อื่น
→ ไบรท์ ธนพล อภิสุทธิไมตรี รับบท ตะวัน

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มนักกีฬา ดูเข้มแข็ง มั่นใจ และเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งนักกีฬาที่ได้รับทุนการศึกษาจากครูคนหนึ่งโดยตรง ทำให้เขามีความภักดีสูงต่อผู้ให้โอกาส เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ตะวันปรากฏเด่นในช่วงหลังเรื่อง เมื่อครูวิณณ์ปล่อยคลิปหลักฐานชี้ตัว Hunter ว่าคือครูคนที่ให้ทุนนักกีฬา ทำให้เขาถึงกับไม่เชื่อและยืนหยัดปกป้องครูคนนั้น เพราะเห็นว่าเป็นผู้มีพระคุณ ไบรท์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่แข็งกร้าว สื่อความภักดีผสมความสับสนผ่านสีหน้าที่จริงจังและสายตาที่แน่วแน่ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายใน
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครนักกีฬาแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับบุญคุณ จนอาจตาบอดต่อความจริงและทำให้ห้องเรียนแบ่งฝ่าย ตะวันมีส่วนสร้างความตึงเครียดโดยไม่ยอมรับหลักฐานง่ายๆ ร่วมกับนีน่า สะท้อนด้านมืดของระบบทุนการศึกษาที่อาจทำให้เด็กภักดีจนปกปิดความผิด ไบรท์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าความภักดีที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความมั่นใจเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกคนตระหนักถึงการตรวจสอบความจริง ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความแน่วแน่ของเขาในฐานะนักกีฬาที่ภักดี
ฉายา “นักกีฬาผู้ภักดีต่อบุญคุณ”
สำหรับตะวัน เพราะเขาได้รับทุนจากครูคนหนึ่งโดยตรง ทำให้ยืนหยัดไม่เชื่อว่าครูคนนั้นคือ Hunter และปกป้องอย่างสุดตัว ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ทำให้ห้องแบ่งฝัยและสร้างความตึงเครียด แต่ก็แสดงถึงความซื่อสัตย์ต่อผู้ให้โอกาส ไบรท์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความแน่วแน่ที่ซ่อนความสับสนนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความภักดีต่อบุญคุณต้องมาพร้อมการตรวจสอบความจริง”
จากตัวละครตะวัน เพราะเขาภักดีจนไม่เชื่อหลักฐาน จนทำให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่ม ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรขอบคุณผู้ให้โอกาสแต่ต้องใช้เหตุผลตรวจสอบ เพื่อไม่ให้ถูกหลอกหรือปกปิดความผิด ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงสมดุลระหว่างความกตัญญูและความยุติธรรม โดยเฉพาะในระบบที่อาจมีด้านมืดซ่อนอยู่
→ มิ้น ณัฐสินี เจริญสิทธิทรัพย์ รับบท หลิน
นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวเงียบขรึม ดูไม่ค่อยพูดมาก ชอบเก็บตัวและสังเกตสถานการณ์รอบตัว แต่จริงๆ แล้วมีความอ่อนไหวและความเห็นอกเห็นใจสูง เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน หลินปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่ค่อยออกหน้า แต่เมื่อเห็นเพื่อนๆ ทะเลาะหรือระแวงกัน เธอมักแสดงความกังวลและพยายามไกล่เกลี่ยด้วยความนุ่มนวล มิ้นถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่อ่อนโยน สื่อความเปราะบางผสมความเข้าใจผ่านสายตาที่เศร้าและสีหน้าที่แสดงความเห็นใจ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความละเอียดอ่อน
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครเงียบแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่เก็บความรู้สึกไว้เยอะ อาจเคยเห็นการกลั่นแกล้งแต่ไม่กล้าพูดเพราะกลัว เมื่อห้องเรียนแบ่งฝ่ายหรือเกิดความตึงเครียด หลินช่วยสร้างความสงบโดยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทุกฝ่าย สะท้อนด้านมืดของคนที่อ่อนไหวจนอาจถูกมองข้าม แต่จริงๆ แล้วมีพลังในการเยียวยา มิ้นดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความเงียบและความอ่อนโยนสามารถเป็นจุดยึดในวิกฤต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความเก็บตัวเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าใจอารมณ์กัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความนุ่มนวลของเธอ
ฉายา “เด็กสาวอ่อนโยนประจำห้อง”
สำหรับหลิน เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่เงียบขรึมแต่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ พยายามไกล่เกลี่ยและเข้าใจทุกฝ่ายในห้องที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ใช้ความอ่อนโยนในการลดความตึงเครียด มิ้นถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความนุ่มนวลนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความอ่อนโยนและการเข้าใจสามารถเยียวยาความขัดแย้งได้”
จากตัวละครหลิน เพราะเธอใช้ความเห็นอกเห็นใจในการไกล่เกลี่ยท่ามกลางความระแวง ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นที่ดูเงียบอาจมีพลังในการสร้างความสงบ หากทุกคนเปิดใจรับฟัง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ความอ่อนโยนในสังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะในปัญหา bullying ที่ต้องการความเข้าใจเพื่อนำไปสู่การให้อภัย
→ บิ๊ก ปรัชญา สุรกิจพิบูลย์ รับบท บิงโก

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหนุ่มตัวใหญ่ รูปร่างสูงใหญ่ ดูน่ากลัวเหมือนจะดุ แต่จริงๆ แล้วมีนิสัยใจดี อ่อนโยน และคอยห่วงใยเพื่อนๆ อย่างจริงใจ เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน บิงโกปรากฏตัวในฐานะคนที่ดูเหมือนจะน่ากลัวแต่เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด เขามักใช้ความใหญ่โตในการปกป้องเพื่อน โดยเฉพาะตอนเด็กๆ ช่วยกันพังห้องหรือตอนเกิดความวุ่นวายในกลุ่ม บิ๊กถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ใหญ่แต่เบา สื่อความดุผสมความใจดีผ่านรอยยิ้มและสายตาที่อบอุ่น ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเอ็นดู
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตัวใหญ่แต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่รูปลักษณ์น่ากลัวแต่หัวใจอ่อนโยน คอยเป็นที่พึ่งให้เพื่อนในห้องที่เต็มไปด้วยความระแวงและความกลัว บิงโกมีส่วนช่วยสร้างความปลอดภัยทางกายภาพและทางใจ โดยใช้พลังกายในการช่วยเหลือและความใจดีในการปลอบเพื่อน สะท้อนด้านสว่างของคนที่ถูกตัดสินจากภายนอกแต่จริงๆ แล้วเป็นคนดีมาก บิ๊กดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเกรงและรัก สะท้อนว่าความใหญ่โตอาจซ่อนหัวใจที่อบอุ่น คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความดุเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการไม่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความใจดีที่ซ่อนในตัวใหญ่ของเขา
ฉายา “ยักษ์ใจดีประจำห้อง”
สำหรับบิงโก เพราะเขาตัวใหญ่ดูน่ากลัวแต่จริงๆ แล้วใจดีมาก คอยปกป้องและช่วยเหลือเพื่อนด้วยความอ่อนโยน ทำให้กลายเป็นที่พึ่งในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้รูปร่างใหญ่ในการสร้างความปลอดภัย แต่หัวใจอบอุ่นในการดูแลทุกคน บิ๊กถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งระหว่างภายนอกกับภายในนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก เพราะหัวใจที่แท้จริงอาจอบอุ่นกว่าที่เห็น”
จากตัวละครบิงโก เพราะเขาดูใหญ่ดุแต่จริงๆ แล้วใจดีและคอยปกป้องเพื่อน ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรดูที่การกระทำมากกว่ารูปลักษณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเปิดใจให้คนที่ดูน่ากลัว โดยเฉพาะในสังคมที่เต็มไปด้วยการตัดสินจากภายนอก
→ เจด สาธิตา นิลสุวรรณกุล รับบท น้ำมนต์

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวสงบ นุ่มนวล ดูเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกมาก แต่จริงๆ แล้วมีความคิดเป็นผู้ใหญ่และความเห็นอกเห็นใจที่ลึกซึ้ง เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน น้ำมนต์ปรากฏตัวในฐานะคนที่คอยสังเกตและฟังมากกว่าพูด เมื่อห้องเรียนเต็มไปด้วยความระแวงและการทะเลาะกัน เธอมักแสดงความเข้าใจและพยายามไกล่เกลี่ยด้วยความนุ่มนวล เจดถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบเสงี่ยม สื่อความอ่อนโยนผสมความคิดลึกผ่านสายตาที่อบอุ่นและสีหน้าที่แสดงความเห็นใจ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่ในวัยรุ่น
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครรองแต่เป็นตัวแทนของคนที่เลือกฟังและเข้าใจก่อนตัดสิน อาจเคยเห็นหรือรู้สึกถึงการกลั่นแกล้งแต่เลือกเก็บไว้เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง เมื่อเด็กๆ แบ่งฝ่าย น้ำมนต์ช่วยสร้างความสงบโดยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทุกคน สะท้อนด้านสว่างของคนที่ดูเงียบแต่จริงๆ แล้วมีพลังในการเยียวยาจิตใจ เจดดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าความนุ่มนวลสามารถเป็นจุดยึดในความวุ่นวาย คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสงบเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการฟังและเข้าใจกัน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในความเงียบของเธอ
ฉายา “เด็กสาวนุ่มนวลผู้ไกล่เกลี่ย”
สำหรับน้ำมนต์ เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่สงบและนุ่มนวล คอยฟังและไกล่เกลี่ยเมื่อเกิดความขัดแย้งในห้อง ทำให้กลายเป็นจุดสงบในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ใช้ความเข้าใจในการลดความระแวงและสร้างความสมานฉันท์ เจดถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความนุ่มนวลนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความนุ่มนวลและการฟังสามารถเยียวยาความขัดแย้งในกลุ่มได้”
จากตัวละครน้ำมนต์ เพราะเธอใช้ความสงบและความเห็นอกเห็นใจในการไกล่เกลี่ยท่ามกลางความวุ่นวาย ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นที่ดูเงียบอาจมีพลังในการสร้างความเข้าใจ หากทุกคนเปิดใจรับฟัง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ความอ่อนโยนในสังคมที่เต็มไปด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะในปัญหา bullying ที่ต้องการการเข้าใจเพื่อนำไปสู่การสมานฉันท์
→ มิว ศดานันท์ ทิพย์จันทร์ รับบท ใบหม่อน

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวน่ารัก สดใส ดูไร้เดียงสาและเข้ากับคนง่าย ทำให้เธอเป็นที่รักในกลุ่มเพื่อนหญิง แต่จริงๆ แล้วมีนิสัยฉลาด รอบคอบ และคอยสังเกตสถานการณ์รอบตัวโดยไม่ค่อยแสดงออก เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน ใบหม่อนปรากฏตัวในฐานะคนที่ช่วยสร้างบรรยากาศเบาๆ ในห้องที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยมักแสดงความกังวลและให้กำลังใจเพื่อนด้วยรอยยิ้มและคำพูดน่ารัก มิวดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ผ่านท่าทางที่นุ่มนวล สื่อความไร้เดียงสาผสมความฉลาดผ่านสายตาที่สดใสแต่แฝงความคิดลึก ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเอ็นดู
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครน่ารักแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ดูเหมือนไม่มีส่วนในดราม่า แต่จริงๆ แล้วอาจรู้ความลับบางอย่างหรือเคยเพิกเฉยต่อการกลั่นแกล้ง เมื่อเด็กๆ เริ่มระแวงกันเอง ใบหม่อนช่วยไกล่เกลี่ยด้วยความน่ารักและความเข้าใจ สะท้อนด้านสว่างของคนที่ใช้ความสดใสในการเยียวยาจิตใจเพื่อน มิวดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งยิ้มและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความน่ารักสามารถเป็นจุดพักใจในวิกฤต คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความไร้เดียงสาเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงมิตรภาพ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความสดใสที่ซ่อนความฉลาดของเธอ
ฉายา “เด็กสาวน่ารักผู้ให้กำลังใจ”
สำหรับใบหม่อน เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่น่ารัก สดใส และคอยให้กำลังใจเพื่อนด้วยรอยยิ้มและคำพูดนุ่มนวล ทำให้กลายเป็นจุดพักใจในห้องที่เต็มไปด้วยความกลัวและความระแวง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ใช้ความไร้เดียงสาในการเยียวยาและไกล่เกลี่ย มิวถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความน่ารักนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความสดใสและกำลังใจเล็กๆ สามารถเป็นพลังใหญ่ในสถานการณ์มืดมิด”
จากตัวละครใบหม่อน เพราะเธอใช้รอยยิ้มและคำพูดน่ารักในการให้กำลังใจเพื่อนท่ามกลางวิกฤต ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรใช้ความสดใสในการสนับสนุนกัน เพื่อไม่ให้ความกลัวครอบงำ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเป็นจุดสว่างในกลุ่ม โดยเฉพาะในปัญหาที่หนักหน่วงอย่าง bullying ที่ต้องการกำลังใจเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้และให้อภัย
→ จีโน่ แทนปิติ สุภัทรวณิชย์ รับบท อิกคิว

นักเรียนหนุ่ม ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กหน้าห้องเรียนเก่ง ดูนิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูด แต่จริงๆ แล้วมีความฉลาดและถนัดด้านไอทีมาก โดยทำหน้าที่เป็นหนึ่งในแอดมินเว็บบอร์ดของโรงเรียน ทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลออนไลน์และจัดการระบบได้ดี เขาเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน อิกคิวปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่ค่อยออกหน้า แต่เมื่อสถานการณ์เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือข้อมูลดิจิทัล เขามักใช้ความรู้ไอทีในการช่วยวิเคราะห์หรือหาช่องโหว่ จีโน่ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบเสงี่ยม สื่อความนิ่งผสมความฉลาดผ่านสายตาที่จดจ่อและสีหน้าที่แสดงความคิดลึก ทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับและน่าเชื่อถือ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครเรียนเก่งแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่เก่งไอที อาจเคยเห็นหรือจัดการข้อมูลเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งออนไลน์แต่เลือกไม่พูดเพราะนิสัยนิ่ง เมื่อเด็กๆ เริ่มระแวงกันเอง อิกคิวช่วยสร้างสมดุลโดยใช้ความรู้ไอทีในการตรวจสอบข้อมูล สะท้อนด้านสว่างของคนที่เงียบแต่มีพลังในการแก้ปัญหาด้วยสมอง จีโน่ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งสงสัยและทึ่ง สะท้อนว่าความนิ่งอาจซ่อนความเก่งที่เป็นประโยชน์ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความไม่พูดเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยเปิดโปงความจริงด้วยไอที ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความฉลาดที่ซ่อนในความนิ่งของเขา
ฉายา “แอดมินเงียบประจำห้อง”
สำหรับอิกคิว เพราะเขาเป็นเด็กหน้าห้องที่เรียนเก่ง นิ่งไม่ค่อยพูด แต่ถนัดไอทีและเป็นแอดมินเว็บบอร์ดโรงเรียน ทำให้กลายเป็นคนที่รู้ข้อมูลมากแต่เลือกสังเกตมากกว่าพูด ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ความรู้ไอทีช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ในห้องที่เต็มไปด้วยความลับ จีโน่ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังที่ซ่อนในความนิ่งนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความนิ่งและความรู้สามารถเป็นอาวุธที่ทรงพลังในการแก้ปัญหา”
จากตัวละครอิกคิว เพราะเขาใช้ความนิ่งในการสังเกตและความเก่งไอทีในการช่วยเปิดโปง ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นไม่จำเป็นต้องพูดมากแต่ควรใช้สมองและทักษะในการรับมือสถานการณ์ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการพัฒนาทักษะไอทีและการสังเกต เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ
→ ปกป้อง วรัญช์ธิตา วงษ์ขันเมือง รับบท เพลง

นักเรียนสาว ม.6/1 ในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์เด็กสาวรักดนตรี สดใส ร่าเริง ดูเป็นคนที่ใช้เพลงและเสียงร้องในการแสดงออกและคลายเครียด ทำให้เธอกลายเป็นจุดสว่างในห้องที่เต็มไปด้วยความกดดันและความลับ เธอเป็นหนึ่งใน 29 ตัวประกันที่ถูกครูวิณณ์ขังเพื่อสอบสวนเรื่องการตายของเรน เพลงปรากฏตัวในฐานะคนที่มักฮัมเพลงหรือร้องเบาๆ เพื่อให้เพื่อนผ่อนคลาย เมื่อสถานการณ์ตึงเครียด เธอใช้ความร่าเริงในการให้กำลังใจกลุ่ม โดยไม่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำ ปกป้องถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่เบิกบาน สื่อความสดใสผสมความอ่อนไหวผ่านเสียงร้องและสีหน้าที่แสดงอารมณ์ลึก ทำให้คนดูรู้สึกถึงพลังบวก
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครรักเพลงแต่เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ใช้ศิลปะในการรับมือปัญหา อาจเคยใช้เพลงในการหลบหนีจากความจริงที่เจ็บปวดอย่างการกลั่นแกล้ง เมื่อเด็กๆ เริ่มระแวงกันเอง เพลงช่วยสร้างความสมานฉันท์โดยร้องเพลงหรือแบ่งปันเรื่องราวเพื่อคลายเครียด สะท้อนด้านสว่างของคนที่ดูร่าเริงแต่จริงๆ แล้วซ่อนความเข้าใจในความเจ็บปวด ปกป้องดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งยิ้มและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความรักในดนตรีสามารถเป็นเครื่องมือเยียวยา คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสดใสเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เพื่อนๆ ตระหนักถึงพลังของศิลปะ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยความร่าเริงที่ซ่อนความลึกของเธอ
ฉายา “นักร้องสดใสประจำห้อง”
สำหรับเพลง เพราะเธอเป็นเด็กสาวที่รักดนตรีและใช้เสียงร้องในการคลายเครียดให้กลุ่ม ทำให้กลายเป็นจุดสว่างที่ช่วยให้ห้องที่เต็มไปด้วยความกลัวมีพลังบวกและความสมานฉันท์ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่ฮัมเพลงหรือร้องเบาๆ เพื่อให้กำลังใจเพื่อน ปกป้องถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังของความสดใสนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ดนตรีและความสดใสสามารถเป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจในวิกฤต”
จากตัวละครเพลง เพราะเธอใช้เพลงในการคลายเครียดและให้กำลังใจเพื่อนท่ามกลางความกดดัน ข้อคิดนี้เน้นว่าวัยรุ่นควรหาทางออกผ่านศิลปะเพื่อรับมือปัญหา ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ดนตรีในการสร้างพลังบวก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกลัวและความลับ
→ เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ รับบท รอง ผอ.มารุต

รองผู้อำนวยการโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ผู้ใหญ่ในระบบการศึกษา ดูสุขุม น่าเชื่อถือ และมุ่งมั่นในการรักษาชื่อเสียงของโรงเรียน แต่จริงๆ แล้วซ่อนความกดดันจากหน้าที่และความขัดแย้งภายในเกี่ยวกับการจัดการปัญหา เขาเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ต้องรับมือกับวิกฤตตัวประกัน เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปงความจริงเรื่องการตายของเรน มารุตปรากฏตัวในฐานะคนที่ต้องประสานงานกับตำรวจ ผู้ปกครอง และผู้อำนวยการดิเรก โดยพยายามปกป้องภาพลักษณ์ของโรงเรียนมากกว่าการแสวงหาความจริง เอมถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่เคร่งขรึม สื่อความกดดันผสมความลังเลผ่านสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงบทบาทผู้ใหญ่ที่ติดอยู่ในระบบ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครบริหารแต่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่เลือกปกป้องชื่อเสียงมากกว่าความยุติธรรม จนอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทำให้เด็กอย่างเรนถูกเพิกเฉย มารุตมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อผู้ปกครองกระวนกระวายและกดดันให้โรงเรียนรับผิด เขาพยายามหาทางออกที่ไม่กระทบภาพลักษณ์ สะท้อนด้านมืดของระบบการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากกว่าชีวิตเด็ก เอมดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าผู้ใหญ่ในระบบอาจถูกกดดันจนมองข้ามความถูกต้อง คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุขุมเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างหน้าที่และจริยธรรม ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลังเลของเขาในฐานะรองผู้อำนวยการที่ต้องตัดสินใจยาก
ฉายา “รองผอ.ผู้ปกป้องชื่อเสียง”
สำหรับมารุต เพราะเขาเป็นรองผู้อำนวยการที่มุ่งรักษาภาพลักษณ์ของโรงเรียนเหนือสิ่งอื่น โดยประสานกับตำรวจและผู้ปกครองเพื่อหาทางออกที่ไม่กระทบชื่อเสียง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ติดในระบบ จนอาจมองข้ามความยุติธรรมในกรณีเรน เอมถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความกดดันที่ซ่อนในความสุขุมนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การปกป้องชื่อเสียงมากเกินอาจทำให้มองข้ามความยุติธรรมและชีวิตเด็ก”
จากตัวละครมารุต เพราะเขามุ่งรักษาภาพลักษณ์จนเพิกเฉยต่อปัญหาที่แท้จริง ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้ใหญ่ในระบบการศึกษาควรให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่า ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตัดสินใจที่คำนึงถึงเด็กก่อนชื่อเสียง โดยเฉพาะในสังคมที่ระบบอาจปกปิดความผิดเพื่อภาพลักษณ์
→ ปริม อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร รับบท ครูวีรา

ครูในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ครูสาวสวย สุขุม น่าเคารพ ดูเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับนักเรียนและงานสอน แต่จริงๆ แล้วซ่อนบาดแผลลึกจากอดีตที่เคยเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ผ่านคลิปปลอมที่สร้างด้วย Deepfake ทำให้ชีวิตเธอพังทลายและถูกสังคมรุมประณาม เธอปรากฏตัวในฐานะคนที่เชื่อมโยงกับอดีตของครูวิณณ์ เพราะครูวิณณ์เคยทำงานเป็นสตั๊นท์แมนในบริษัทของบรรพต พ่อของเธอ ซึ่งเหตุการณ์ของวีราเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งให้ครูวิณณ์จับตัวประกันเพื่อเปิดโปงความจริง ปริมถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบแต่แฝงความเศร้า สื่อความเจ็บปวดผสมความเข้มแข็งผ่านสายตาที่ลึกและสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเปราะบางภายใต้ภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครครูแต่เป็นตัวแทนของเหยื่อที่รอดชีวิตจาก cyberbullying และพยายามใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ให้อดีตทำลายปัจจุบัน วีรามีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อสันต์สืบพบความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ของเธอกับเรน ทำให้เธอกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจแรงจูงใจของครูวิณณ์ เธอช่วยสร้างความเข้าใจในเรื่องโดยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่ออื่นๆ สะท้อนด้านมืดของสังคมที่เหยื่ออย่างเธอต้องซ่อนบาดแผล ปริมดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเห็นอกเห็นใจและได้รับแรงบันดาลใจ สะท้อนว่าความเข้มแข็งหลังจากถูกทำลายสามารถเป็นแรงผลักดัน คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุขุมเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวของการกลั่นแกล้ง ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความอดทนที่ซ่อนในบาดแผลของเธอ
ฉายา “ครูเหยื่อผู้รอดชีวิต”
สำหรับวีรา เพราะเธอเคยเป็นเหยื่อของ Deepfake ที่ทำให้ชีวิตพัง แต่รอดมาได้และกลายเป็นครูที่ทุ่มเท โดยซ่อนบาดแผลไว้ลึกๆ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่เชื่อมโยงกับอดีตครูวิณณ์ผ่านพ่อ ทำให้กลายเป็นกุญแจเข้าใจแรงจูงใจในการจับตัวประกัน ปริมถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความเข้มแข็งที่ซ่อนความเจ็บปวดนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การรอดชีวิตจากความเจ็บปวดสามารถกลายเป็นแรงผลักดันในการช่วยเหลือผู้อื่น”
จากตัวละครวีรา เพราะเธอใช้ประสบการณ์เหยื่อ Deepfakeในการเป็นครูที่เข้าใจนักเรียน ข้อคิดนี้เน้นว่าคนที่เคยเจ็บปวดสามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังบวก ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเยียวยาและช่วยเหลือกันในสังคมที่เต็มไปด้วยการกลั่นแกล้งทางออนไลน์
→ เพทาย ภูริต พลอยมีค่า รับบท ครูชลทิศ

ครูในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ครูหนุ่มหล่อ สุภาพ น่าเคารพ ดูเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับนักเรียนและให้ทุนการศึกษานักกีฬาโดยตรง ทำให้เด็กอย่างตะวันและนีน่าภักดีมาก แต่จริงๆ แล้วซ่อนด้านมืดลึกเป็น Hunter ผู้บงการเบื้องหลังคลิป Deepfake ที่ใส่ร้ายเรนและวีรา เพื่อเหตุผลส่วนตัวที่เกี่ยวโยงกับอดีตและความแค้น เขาเป็นตัวร้ายหลักที่ถูกเปิดโปงตอนท้าย เมื่อครูวิณณ์ปล่อยคลิปหลักฐานชี้ตัวและเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว เพทายถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุภาพแต่แฝงความเย็นชา สื่อภาพลักษณ์ดีผสมความลึกลับผ่านสายตาที่คมและสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความหลอกลวง
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครครูแต่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ใช้ภาพลักษณ์ปกปิดด้านมืด จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมและการแบ่งฝ่ายในห้องเรียน ครูชลทิศมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์บนออนไลน์หลังเปิดโปง และยังให้การปฏิเสธอย่างต่อเนื่องจนถูกตลบหลังด้วยหลักฐานจากปริมและเจเจ สะท้อนด้านมืดของระบบการศึกษาที่ผู้ใหญ่บางคนใช้ตำแหน่งในการทำร้ายเด็ก เพทายดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งหลงและช็อก สะท้อนว่าความดีภายนอกอาจซ่อนความชั่ว คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุภาพเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกออนไลน์สั่นสะเทือน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลึกลับที่ซ่อนในภาพลักษณ์ดีของเขา
ฉายา “Hunter ผู้ล่าในเงามืด”
สำหรับครูชลทิศ เพราะเขาเป็นผู้บงการเบื้องหลังคลิป Deepfake ที่ใส่ร้ายนักเรียนอย่างเรนและวีรา โดยใช้ภาพลักษณ์ครูที่ดีปกปิด ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ถูกเปิดโปงตอนท้าย ทำให้เด็กๆ ช็อกและห้องแบ่งฝ่าย เพทายถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความเย็นชาที่ซ่อนในความสุภาพนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ภาพลักษณ์ดีอาจซ่อนด้านมืดที่ทำร้ายคนอื่นได้”
จากตัวละครครูชลทิศ เพราะเขาใช้ตำแหน่งครูในการบงการแต่ถูกเปิดโปง ข้อคิดนี้เน้นว่าคนดูควรตรวจสอบและไม่เชื่อภาพลักษณ์ง่ายๆ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการแสวงหาความจริง เพื่อป้องกันการถูกหลอกและนำไปสู่การให้อภัยที่แท้จริง
→ แพรว หัสยา อิสริยะกุล รับบท ครูซอ

ครูในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ครูสาวสุภาพ อ่อนโยน ดูเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับนักเรียนและงานสอน แต่จริงๆ แล้วซ่อนความขัดแย้งจากระบบการศึกษาที่เธอต้องเผชิญ โดยเฉพาะเมื่อต้องปกป้องชื่อเสียงโรงเรียนมากกว่าความยุติธรรม เธอปรากฏตัวในฐานะครูที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตัวประกัน เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปง Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake ครูซอมีส่วนในดราม่าหลัก โดยพยายามไกล่เกลี่ยกับผู้ปกครองและตำรวจแต่ติดอยู่ในกรอบของโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ แพรวถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่นุ่มนวล สื่อความสุภาพผสมความกังวลผ่านสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความลังเลภายใน
เธอไม่ใช่แค่ตัวละครครูแต่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ถูกกดดันจากระบบ จนอาจเพิกเฉยต่อปัญหาของนักเรียนอย่างเรนและวีรา ครูซอช่วยสร้างความเข้าใจในเรื่องโดยแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเด็กแต่ต้องตามนโยบายโรงเรียน สะท้อนด้านมืดของการศึกษาที่ครูบางคนต้องเลือกข้างระหว่างนักเรียนกับภาพลักษณ์ แพรวดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าความสุภาพอาจซ่อนความขัดแย้งจากหน้าที่ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความอ่อนโยนเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความยากลำบากของครูในระบบ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลังเลที่ซ่อนในความสุภาพของเธอ
ฉายา “ครูสุภาพผู้ติดกรอบระบบ”
สำหรับครูซอ เพราะเธอเป็นครูที่ดูสุภาพอ่อนโยนแต่ติดอยู่ในกรอบของโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากกว่าความยุติธรรม ทำให้ต้องไกล่เกลี่ยสถานการณ์ตัวประกันด้วยความลังเล ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเธอที่พยายามปกป้องภาพลักษณ์แต่ซ่อนความขัดแย้งภายใน แพรวถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความสุภาพที่ซ่อนความกดดันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การสุภาพและหน้าที่อาจทำให้เพิกเฉยต่อความยุติธรรมหากไม่ตั้งคำถามระบบ”
จากตัวละครครูซอ เพราะเธอสุภาพแต่ต้องตามระบบที่ปกป้องชื่อเสียงมากกว่าชีวิตนักเรียน ข้อคิดนี้เน้นว่าครูควรตั้งคำถามและเลือกข้างความถูกต้องเพื่อปกป้องเด็ก ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากเกินไป โดยเฉพาะในปัญหาที่กระทบชีวิตจริง
→ หนึ่ง ชลัฏ ณ สงขลา รับบท พ.ต.อ. สันต์

ตำรวจระดับสูงที่นำทีมสืบสวนเหตุการณ์ตัวประกันในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ตำรวจมืออาชีพ สุขุม แต่จริงๆ แล้วมีนิสัยบุ่มบ่าม ดื้อรั้น ไม่ไว้ใจใคร และมักตัดสินใจเด็ดขาดโดยไม่ฟังคนอื่น เขาเป็นตัวแทนของกฎหมายที่ต้องรับมือกับวิกฤต เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปง Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake สันต์ปรากฏตัวในฐานะหัวหน้าทีมที่ขุดคุ้ยอดีตครูวิณณ์อย่างละเอียด ร่วมกับธนา โดยสืบพบว่าครูวิณณ์เคยเป็นสตั๊นท์แมนในบริษัทของบรรพต พ่อของวีรา ซึ่งเป็นเหยื่อ Deepfake คนก่อน หนึ่งถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่เคร่งเครียด สื่อความจริงจังผสมความหุนหันผ่านสายตาที่คมและสีหน้าที่แสดงความไม่ยอมแพ้ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความกดดันภายใน
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตำรวจแต่เป็นตัวแทนของผู้บังคับใช้กฎหมายที่บุ่มบ่าม จนบุกเข้าไปในตึกเพื่อเผชิญหน้ากับครูวิณณ์ ขอให้เลิกแผนทั้งหมดแต่ปะทะกันเพราะไม่ยอม สันต์มีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อต่อสายตรงกับครูวิณณ์ให้หาคำตอบใน 50 นาทีแต่ตอบผิด ทำให้เด็กเสี่ยงตาย และตัดสินใจไม่บอกผู้การนิคมเรื่องบรรพตเพราะไม่ไว้ใจใคร สะท้อนด้านมืดของตำรวจที่จริงจังแต่ขาดความระมัดระวัง หนึ่งดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งชื่นชมและกังวล สะท้อนว่าความดื้อรั้นอาจนำไปสู่ความผิดพลาด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุขุมเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างหน้าที่และความปลอดภัย ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความบุ่มบ่ามที่ซ่อนความจริงจังของเขา
ฉายา “ตำรวจบุ่มบ่ามผู้ขุดลึก”
สำหรับสันต์ เพราะเขาเป็นตำรวจที่จริงจัง ขุดคุ้ยอดีตและข้อมูลอย่างละเอียดแต่มีนิสัยบุ่มบ่าม จนบุกเข้าไปปะทะกับครูวิณณ์โดยไม่รอ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ไม่ไว้ใจใคร ตัดสินใจเด็ดขาดแต่เสี่ยงสูง ทำให้เรื่องเดินหน้าไปสู่การเปิดโปงแต่ก็สร้างความตึงเครียด หนึ่งถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความจริงจังที่ซ่อนความหุนหันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความจริงจังในการทำงานต้องมาพร้อมความระมัดระวังและความไว้วางใจ”
จากตัวละครสันต์ เพราะเขาจริงจังสืบคดีแต่บุ่มบ่ามและไม่ไว้ใจใคร จนอาจนำไปสู่ความผิดพลาด ข้อคิดนี้เน้นว่าตำรวจหรือผู้ใหญ่ควรสมดุลระหว่างความเด็ดขาดและการฟังผู้อื่น เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการทำงานเป็นทีมในสังคมที่เต็มไปด้วยวิกฤต โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับชีวิตคน
→ เอ็ดดี้ สาโรจน์ แจ่มศรีใส รับบท ครูพินิจ

ครูในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ครูหนุ่มสุภาพ อ่อนโยน ดูเป็นคนที่เคารพระบบและทุ่มเทให้กับนักเรียน แต่จริงๆ แล้วซ่อนความขัดแย้งภายในจากหน้าที่ที่ต้องปกป้องชื่อเสียงโรงเรียนมากกว่าความยุติธรรม เขาเป็นตัวแทนของครูที่ติดอยู่ในกรอบ เมื่อครูวิณณ์จับตัวประกันเพื่อเปิดโปง Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake ครูพินิจปรากฏตัวในฐานะคนที่พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์แต่ลังเลเพราะต้องตามนโยบายโรงเรียน เอ็ดดี้ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่นุ่มนวล สื่อความสุภาพผสมความกดดันผ่านสายตาที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความไม่เต็มใจภายใน
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครครูแต่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่เลือกสุภาพแทนการยืนหยัด จนอาจเพิกเฉยต่อปัญหาของนักเรียนอย่างเรนและวีรา ครูพินิจมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อผู้ปกครองกดดันและโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ เขาพยายามหาทางออกที่สุภาพแต่ไม่แก้ปัญหาที่ราก ทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่ม สะท้อนด้านมืดของการศึกษาที่ครูบางคนสุภาพแต่ขาดความกล้าในการต่อสู้เพื่อเด็ก เอ็ดดี้ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าความสุภาพอาจกลายเป็นจุดอ่อนหากไม่คู่กับความยุติธรรม คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความอ่อนโยนเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างสุภาพกับหน้าที่ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลังเลที่ซ่อนในความสุภาพของเขา
ฉายา “ครูสุภาพผู้ลังเล”
สำหรับครูพินิจ เพราะเขาเป็นครูที่ดูสุภาพอ่อนโยนแต่ลังเลในการตัดสินใจเพราะติดกรอบระบบ ทำให้กลายเป็นคนที่ไกล่เกลี่ยสถานการณ์ตัวประกันแต่ไม่สามารถยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมได้เต็มที่ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่พยายามปกป้องชื่อเสียงโรงเรียนแต่ซ่อนความขัดแย้งภายใน เอ็ดดี้ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความสุภาพที่ซ่อนความกดดันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความสุภาพเพียงอย่างเดียวไม่พอ หากไม่กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง”
จากตัวละครครูพินิจ เพราะเขาสุภาพแต่ลังเลในการแก้ปัญหาที่ราก จนอาจเพิกเฉยต่อความอยุติธรรม ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้ใหญ่ควรใช้ความสุภาพคู่กับความกล้าเพื่อปกป้องเด็ก ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการไม่ยอมแพ้ต่อระบบที่ผิด เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
→ รัล นวรัชล์ รับบท โยธิน

ตำรวจในทีมสืบสวนที่นำโดยสันต์ ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์หนุ่มตำรวจรุ่นน้อง ดูจริงจัง สุขุม แต่จริงๆ แล้วมีนิสัยขุดคุ้ยข้อมูลละเอียด อดทน และไม่ยอมแพ้ต่อคดีซับซ้อน เขาเป็นตัวแทนของตำรวจรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยสืบ เมื่อครูวิณณ์จับตัวประกันเพื่อเปิดโปง Hunter ผู้บงการคลิป Deepfake โยธินปรากฏตัวในฐานะผู้ช่วยสันต์ที่ขุดอดีตและข้อมูลออนไลน์ โดยร่วมกับธนาในการสืบพบความเชื่อมโยงระหว่างวีราและเรน รัลถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สงบแต่แฝงความมุ่งมั่น สื่อความจริงจังผสมความฉลาดผ่านสายตาที่จดจ่อกับข้อมูล ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตำรวจแต่เป็นตัวแทนของผู้บังคับใช้กฎหมายรุ่นใหม่ที่อดทน จนบุกเข้าไปในตึกเพื่อช่วยเหลือแต่ต้องเผชิญความขัดแย้ง โยธินมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อสันต์ไม่ไว้ใจใคร เขาช่วยขุดข้อมูลใหม่แต่ต้องตามคำสั่ง ทำให้เกิดความอึดอัด สะท้อนด้านสว่างของตำรวจที่ใช้สมองมากกว่าแรง รัลดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเอาใจช่วยและตระหนักถึงการสืบสวน คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุภาพเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยพลิกคดี ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความอดทนที่ซ่อนในความจริงจังของเขา
ฉายา “นักสืบขุดลึกผู้อดทน”
สำหรับโยธิน เพราะเขาเป็นตำรวจรุ่นน้องที่ขุดคุ้ยข้อมูลละเอียด อดทนไม่ยอมแพ้ต่อคดีซับซ้อน ทำให้กลายเป็นกุญแจในการเปิดโปงความเชื่อมโยงระหว่างเหยื่อ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้เทคโนโลยีและความมุ่งมั่นในการช่วยสันต์ รัลถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงพลังที่ซ่อนในความสุภาพนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “ความอดทนและการขุดคุ้ยละเอียดนำไปสู่ความจริงที่ซ่อนเร้น”
จากตัวละครโยธิน เพราะเขาใช้ความอดทนในการสืบจนพบความเชื่อมโยง ข้อคิดนี้เน้นว่าคนหนุ่มสาวควรไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการใช้ความพยายามในการแสวงหาความยุติธรรม โดยเฉพาะในสังคมที่เต็มไปด้วยข้อมูลซ่อนเร้น
→ พิชญ์พงษ์ นาคะยืนยงสุข รับบท เจเจ

หัวหน้าแก๊งอันธพาลชื่อดัง Blame ที่เบื้องหน้าเปิดร้านเลเซอร์เกมเป็นบังหน้า แต่เบื้องหลังเป็นแก๊งอาชญากรรับจ้างตัดต่อคลิปเถื่อนและสร้างคลิป Deepfake เพื่อใส่ร้ายนักเรียนอย่างเรนและวีรา เขาเป็นอดีตคนรักของปริม นักเรียนในห้อง ม.6/1 ทำให้มีความเชื่อมโยงส่วนตัวกับเหตุการณ์ตัวประกัน เจเจปรากฏตัวในช่วงหลังเรื่อง เมื่อตำรวจนำโดยสันต์บุกเข้าจับกุมที่ร้าน เจอห้องลับและหลักฐานที่ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด พิชญ์พงษ์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่ดุดัน สื่อความเย็นชาผสมความเจ้าเล่ห์ผ่านสายตาที่เย้ยหยันและสีหน้าที่แสดงความมั่นใจ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความน่ากลัว
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครแก๊งแต่เป็นตัวแทนของอาชญากรไซเบอร์ที่ใช้เทคโนโลยีทำร้ายคนอื่นเพื่อเงิน โดยไม่สนผลกระทบต่อชีวิตเหยื่อ เจเจมีส่วนสำคัญในดราม่าหลัก เมื่อปริมรวบรวมความกล้าอัดคลิปขอให้เขาช่วยเปิดเผยหลักฐานว่าใครคือ Hunter ตัวจริง แต่เขากลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายที่ใหญ่กว่า สะท้อนด้านมืดของโลกออนไลน์ที่แก๊งรับจ้างสามารถทำลายชีวิตคนได้ง่ายๆ พิชญ์พงษ์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเกลียดและทึ่ง สะท้อนว่าความเจ้าเล่ห์อาจนำไปสู่จุดจบ คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความมั่นใจเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตำรวจเจอหลักฐานและโลกออนไลน์สั่นสะเทือน ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความชั่วที่ซ่อนในภาพลักษณ์ปกติของเขา
ฉายา “หัวหน้าแก๊ง Deepfake”
สำหรับเจเจ เพราะเขาเป็นหัวหน้า Blame ที่รับจ้างตัดต่อคลิปเถื่อนและสร้าง Deepfake เพื่อใส่ร้ายเหยื่อ ทำให้กลายเป็นส่วนสำคัญในโศกนาฏกรรมของเรน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ใช้ร้านเลเซอร์เกมบังหน้า แต่ถูกตำรวจบุกจับพร้อมหลักฐานในห้องลับ พิชญ์พงษ์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความเย็นชาที่ซ่อนในความเจ้าเล่ห์นี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “อาชญากรรมไซเบอร์ที่ทำเพื่อเงินอาจทำลายชีวิตคนอื่นโดยไม่รู้ตัว”
จากตัวละครเจเจ เพราะเขาและแก๊งรับจ้างสร้างคลิป Deepfake จนนำไปสู่การตายของเรน ข้อคิดนี้เน้นว่าคนที่ใช้เทคโนโลยีในทางผิดควรตระหนักถึงผลกระทบ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงจริยธรรมในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการไม่รับงานที่ทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
→ พัตเตอร์ ชุติพัฒน์ หยิบโชคอนันต์ รับบท ธนา

ตำรวจรุ่นน้องในทีมสืบสวนที่นำโดยสันต์ ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์หนุ่มตำรวจจริงจัง ทุ่มเท แต่จริงๆ แล้วมีความรู้สึกอึดอัดและขัดแย้งภายในเมื่อหัวหน้าอย่างสันต์ไม่ไว้ใจใครและตัดสินใจบุ่มบ่าม เขาเป็นคู่หูที่ช่วยขุดคุ้ยข้อมูลและอดีตของครูวิณณ์ โดยร่วมสืบพบความเชื่อมโยงกับวีราและแก๊ง Blame พัตเตอร์ถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุภาพ สื่อความจริงใจผสมความอึดอัดผ่านสีหน้าที่แสดงความลังเลและสายตาที่กังวล ทำให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งภายใน
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครตำรวจรองแต่เป็นตัวแทนของรุ่นน้องที่ต้องการทำงานเป็นทีม แต่ถูกหัวหน้าที่ดื้อรั้นกดดัน จนเริ่มมีความรู้สึกอึดอัดกับสันต์มากขึ้นเรื่อยๆ ธนามีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อสันต์ตัดสินใจไม่บอกเรื่องบรรพตกับผู้การนิคมเพราะไม่ไว้ใจใคร ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและเกิดความขัดแย้งในทีม สะท้อนด้านมืดของระบบตำรวจที่หัวหน้าบุ่มบ่ามอาจทำให้ลูกน้องอึดอัด พัตเตอร์ดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วย สะท้อนว่าความจริงใจอาจถูกทดสอบจากหัวหน้า คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความทุ่มเทเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความอึดอัดที่ซ่อนในความจริงใจของเขา
ฉายา “ตำรวจรุ่นน้องผู้จริงใจ”
สำหรับธนา เพราะเขาเป็นคู่หูสันต์ที่ทุ่มเทสืบคดีแต่เริ่มอึดอัดกับการตัดสินใจบุ่มบ่ามและไม่ไว้ใจใครของหัวหน้า ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ช่วยขุดข้อมูลแต่ซ่อนความขัดแย้งภายในเมื่อทีมไม่เป็นหนึ่งเดียว พัตเตอร์ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความจริงใจที่ซ่อนความกังวลนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การทำงานเป็นทีมต้องอาศัยความไว้วางใจและการฟังกัน”
จากตัวละครธนา เพราะเขาอึดอัดกับสันต์ที่ไม่ไว้ใจใครและบุ่มบ่าม ข้อคิดนี้เน้นว่าตำรวจหรือคนทำงานควรฟังลูกน้องเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในทีม โดยเฉพาะในงานที่เสี่ยงและซับซ้อนอย่างการสืบสวน
→ สินชัย เอื้ออัครวษ์ รับบท นิคม
.jpg)
ผู้การตำรวจระดับสูงที่ดูแลคดีตัวประกันในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ผู้บังคับบัญชาตำรวจที่น่าเคารพ สุภาพ มีประสบการณ์ และพยายามควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามระเบียบ แต่จริงๆ แล้วซ่อนความกดดันจากสื่อ ผู้ปกครอง และโลกออนไลน์ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ เขาเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ในระบบราชการที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างกฎหมายกับความรู้สึกสังคม เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปง Hunter นิคมปรากฏตัวในฐานะคนที่สั่งการทีมสันต์และธนา โดยพยายามเจรจาและหาทางออกที่สงบ แต่เมื่อสันต์บุ่มบ่ามและไม่ไว้ใจใคร รวมถึงไม่บอกเรื่องบรรพตกับเขาเพราะสงสัยทุกคน นิคมต้องเผชิญความขัดแย้งในทีมและแรงกดดันจากภายนอก
สินชัยถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุม สื่อความน่าเชื่อถือผสมความกังวลผ่านสีหน้าที่แสดงความหนักใจ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความยากลำบากของตำรวจระดับสูง เขาไม่ใช่แค่ตัวละครผู้การแต่เป็นตัวแทนของระบบที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด จนอาจมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ ที่สันต์ขุดได้ นิคมมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อโลกออนไลน์วิจารณ์การทำงานช้าและจรรยาบรรณ ทำให้เขาต้องเร่งรัดทีมแต่ก็เสี่ยง สะท้อนด้านมืดของผู้บังคับบัญชาที่ถูกกดดันจากหลายฝ่าย สินชัยดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าความสุขุมอาจซ่อนความกดดันมหาศาล คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความน่าเชื่อถือเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความซับซ้อนของการสั่งการ ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความรับผิดชอบที่ซ่อนในความสุขุมของเขา
ฉายา “ผู้การน่าเชื่อถือผู้กดดัน”
สำหรับนิคม เพราะเขาเป็นผู้การตำรวจที่ดูสุขุมน่าเคารพแต่ต้องแบกรับแรงกดดันจากสื่อและผู้ปกครอง ทำให้การสั่งการทีมสันต์เต็มไปด้วยความหนักใจ ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่พยายามควบคุมสถานการณ์แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโลกออนไลน์ สินชัยถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือที่ซ่อนความกดดันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การเป็นผู้นำต้องรับมือแรงกดดันจากทุกฝ่ายโดยไม่สูญเสียความยุติธรรม”
จากตัวละครนิคม เพราะเขาถูกกดดันจากสื่อและสังคมแต่ยังพยายามสั่งการตามระเบียบ ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้บังคับบัญชาควรสมดุลระหว่างกฎหมายกับความรู้สึกสังคม ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงความยากของการตัดสินใจในวิกฤต โดยเฉพาะเมื่อทุกฝ่ายคาดหวังต่างกัน
→ ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย รับบท ชูชาติ

ผู้บริหารระดับสูงในโรงเรียนอคิระวิทยา ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ผู้ใหญ่ที่น่าเกรงขาม สุภาพ มีอำนาจ และมุ่งรักษาชื่อเสียงของสถาบันเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วซ่อนความกดดันจากวิกฤตตัวประกันและแรงกดดันจากผู้ปกครองกับโลกออนไลน์ เขาเป็นตัวแทนของระบบการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากกว่าความจริง เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปง Hunter ชูชาติปรากฏตัวในฐานะคนที่ต้องตัดสินใจแทนโรงเรียน โดยพยายามหาทางออกที่ไม่กระทบชื่อเสียง เช่นกดดันให้ผอ.ดิเรกรับผิดแทนเพื่อปกป้องเด็กและสถาบัน
ศรชัยถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุมแต่แฝงอำนาจ สื่อความน่าเกรงขามผสมความหนักใจผ่านสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความกดดันของผู้บริหาร เขาไม่ใช่แค่ตัวละครผู้ใหญ่แต่เป็นตัวแทนของระบบที่เลือกปกป้องชื่อเสียง จนอาจเพิกเฉยต่อปัญหาที่รากอย่าง cyberbullying ชูชาติมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อผู้ปกครองกระวนกระวายและโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ เขาพยายามควบคุมสถานการณ์แต่สุดท้ายต้องเผชิญความจริงที่เปิดโปง สะท้อนด้านมืดของผู้บริหารที่ติดกรอบจนไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ศรชัยดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเกรงและตั้งคำถาม สะท้อนว่าอำนาจอาจซ่อนความลังเล คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความน่าเกรงขามเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างชื่อเสียงกับความยุติธรรม ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความกดดันที่ซ่อนในความสุขุมของเขา
ฉายา “ผู้บริหารน่าเกรงขามผู้ปกป้องชื่อเสียง”
สำหรับชูชาติ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ระดับสูงที่ดูสุขุมมีอำนาจ พยายามหาทางออกให้โรงเรียนโดยไม่ให้ชื่อเสียงเสียหาย เช่นกดดันผอ.รับผิดแทน ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ติดกรอบระบบจนอาจมองข้ามความจริงที่เจ็บปวด ศรชัยถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเกรงขามที่ซ่อนความกดดันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การปกป้องชื่อเสียงมากเกินไปอาจทำให้เพิกเฉยต่อความจริงและความเจ็บปวดของเด็ก”
จากตัวละครชูชาติ เพราะเขามุ่งรักษาภาพลักษณ์จนกดดันให้คนอื่นรับผิดแทน ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับความยุติธรรมมากกว่าชื่อเสียง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตัดสินใจที่คำนึงถึงเด็กก่อนสถาบัน โดยเฉพาะในวิกฤตที่กระทบชีวิตจริง
→ ธัชกร จุณณะปิยะ รับบท บรรพต
พ่อของวีรา และเจ้าของบริษัทสตั๊นท์แมนชื่อดัง ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ดูสุขุม มีอำนาจ และให้ความสำคัญกับชื่อเสียงครอบครัว แต่จริงๆ แล้วซ่อนความลับเกี่ยวกับอดีตที่เกี่ยวข้องกับครูวิณณ์ ซึ่งเคยทำงานเป็นสตั๊นท์แมนในบริษัทของเขา บรรพตปรากฏตัวในฐานะผู้ใหญ่ที่ถูกสันต์สืบจนพบความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ Deepfake ของวีรา ลูกสาวที่เคยเป็นเหยื่อเช่นเดียวกับเรน ทำให้เขากลายเป็นจุดที่สันต์สงสัยและตัดสินใจไม่บอกผู้การนิคมเพราะไม่ไว้ใจใคร ธัชกรถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุมแต่แฝงความหนักแน่น สื่อความมีอำนาจผสมความกังวลผ่านสีหน้าที่แสดงความขัดแย้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับ
เขาไม่ใช่แค่ตัวละครพ่อแต่เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพล ซึ่งอาจปกปิดความจริงเพื่อชื่อเสียงครอบครัวและธุรกิจ บรรพตมีส่วนในดราม่าหลัก โดยเป็นจุดเชื่อมโยงที่ทำให้สันต์ขุดลึกถึงอดีตครูวิณณ์และเหตุการณ์เก่า สะท้อนด้านมืดของคนมีอำนาจที่อาจเลือกปกป้องตัวเองมากกว่าความยุติธรรม ธัชกรดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งสงสัยและตั้งคำถาม สะท้อนว่าอำนาจและชื่อเสียงอาจซ่อนความลับที่เจ็บปวด คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุขุมเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมตำรวจขุดลึกและเรื่องเดินหน้า ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความลึกลับที่ซ่อนในภาพลักษณ์นักธุรกิจของเขา
ฉายา “เจ้าของบริษัทผู้ซ่อนความลับ”
สำหรับบรรพต เพราะเขาเป็นพ่อวีราและเจ้าของบริษัทสตั๊นท์แมนที่ครูวิณณ์เคยทำงาน ทำให้กลายเป็นจุดเชื่อมโยงอดีตที่สันต์ขุดพบและสงสัย ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ดูสุขุมมีอำนาจแต่ซ่อนความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ Deepfake ของลูกสาว ธัชกรถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความลึกลับที่ซ่อนในความน่าเชื่อถือนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “อำนาจและชื่อเสียงอาจทำให้ปกปิดความจริงเพื่อปกป้องตัวเอง”
จากตัวละครบรรพต เพราะเขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่อาจซ่อนความลับเกี่ยวกับเหตุการณ์ลูกสาว ข้อคิดนี้เน้นว่าคนมีอำนาจควรใช้มันเพื่อความยุติธรรมแทนการปกป้องภาพลักษณ์ ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตรวจสอบผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพล โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดของเด็ก
→ ศิริชัย พงศ์ศิริถาวร รับบท ผอ.ดิเรก
ผู้อำนวยการโรงเรียนอคิระวิทยา โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ที่เริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ผู้บริหารที่น่าเคารพ สุภาพ มีวิสัยทัศน์ และทุ่มเทให้กับชื่อเสียงของโรงเรียน แต่จริงๆ แล้วซ่อนความกดดันมหาศาลจากวิกฤตตัวประกันและแรงกดดันจากผู้ปกครอง สื่อ และโลกออนไลน์ที่วิพากษ์วิจารณ์โรงเรียนอย่างหนัก เขาเป็นตัวแทนของผู้บริหารการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และชื่อเสียงมากกว่าการแก้ปัญหาที่ราก เมื่อครูวิณณ์จับนักเรียนขังเพื่อเปิดโปง Hunter ผอ.ดิเรกปรากฏตัวในฐานะคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด โดยถูกผู้ปกครองกระวนกระวายใจกดดันให้รับผิดไปซะเพื่อปกป้องเด็กและโรงเรียน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยและไม่มีครูคนไหนยอมสารภาพ เขาต้องเผชิญความจริงที่ถูกเปิดโปง
ศิริชัยถ่ายทอดบทนี้ผ่านท่าทางที่สุขุมแต่แฝงความหนักใจ สื่อความน่าเคารพผสมความขัดแย้งผ่านสีหน้าที่แสดงความกดดัน ทำให้คนดูรู้สึกถึงความยากลำบากของผู้นำสถาบัน เขาไม่ใช่แค่ตัวละครผอ.แต่เป็นตัวแทนของระบบการศึกษาที่เลือกปกป้องชื่อเสียง จนอาจเพิกเฉยต่อปัญหา cyberbullying และความเจ็บปวดของนักเรียนอย่างเรน ผอ.ดิเรกมีส่วนในดราม่าหลัก เมื่อถูกกดดันให้รับผิดแทนแต่สุดท้ายหลักฐานชี้ชัดไปที่ Hunter ตัวจริง ทำให้ชื่อเสียงโรงเรียนสั่นสะเทือน สะท้อนด้านมืดของผู้บริหารที่ติดกรอบจนไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ศิริชัยดึงเสน่ห์ตัวละครนี้ให้คนดูทั้งเข้าใจและตั้งคำถาม สะท้อนว่าความน่าเคารพอาจซ่อนความกลัวเสียชื่อเสียง คาแรกเตอร์นี้มีชั้นเชิง จากความสุขุมเริ่มต้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนดูตระหนักถึงความขัดแย้งระหว่างชื่อเสียงกับความถูกต้อง ทำให้เรื่องทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยพลังความกดดันที่ซ่อนในความสุภาพของเขา
ฉายา “ผอ.ผู้ปกป้องชื่อเสียง”
สำหรับผอ.ดิเรก เพราะเขาเป็นผู้อำนวยการที่มุ่งรักษาภาพลักษณ์โรงเรียนเหนือสิ่งอื่น โดยถูกกดดันให้รับผิดแทนเพื่อปกป้องเด็กและสถาบัน แต่สุดท้ายต้องเผชิญความจริงที่เปิดโปง ฉายานี้สะท้อนบทบาทของเขาที่ติดกรอบระบบจนอาจมองข้ามความเจ็บปวดของนักเรียน ศิริชัยถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกถึงความน่าเคารพที่ซ่อนความกดดันนี้ได้ชัดเจน
ข้อคิด “การปกป้องชื่อเสียงมากเกินไปอาจทำให้เพิกเฉยต่อความถูกต้องและชีวิตเด็ก”
จากตัวละครผอ.ดิเรก เพราะเขาถูกกดดันให้รับผิดแทนเพื่อภาพลักษณ์ แต่สุดท้ายความจริงเปิดโปง ข้อคิดนี้เน้นว่าผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับความยุติธรรมมากกว่าชื่อเสียง ข้อคิดนี้ชวนให้คนดูตระหนักถึงการตัดสินใจที่คำนึงถึงเด็กก่อนสถาบัน โดยเฉพาะในวิกฤตที่กระทบจิตใจและชีวิต
หลังจากที่ซีรีส์ “29 ตัวประกัน HOMEROOM 2568” จบลงแบบเจ็บลึกแต่สวยงาม หลายคนคงยังอินและถามกันหนักมากว่าถ้ามีภาค 2 จะเป็นยังไง ลองคิดดูว่าถ้าทีมงานตัดสินใจทำภาค 2 จะต่อยอดจากตอนจบยังไงให้ยังคงความเข้มข้น ลุ้นระทึก และสะท้อนสังคมได้เหมือนเดิม
หลังจากเหตุการณ์ตัวประกันในห้อง ม.6/1 สิ้นสุดลงด้วยการเปิดโปง Hunter ตัวจริงและการให้อภัยที่เจ็บปวด โรงเรียนอคิระวิทยากลับมาเปิดอีกครั้งในปีการศึกษาใหม่ แต่บาดแผลจากเหตุการณ์เก่ายังไม่หายสนิท นักเรียนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเรียนในห้องเดียวกันเริ่มได้ยินเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับ “ชั่วโมงโฮมรูมสุดโหด” และคลิปเก่าๆ ของเรนที่ยังหลงเหลือในโลกออนไลน์ บางคนเริ่มถูกกลั่นแกล้งแบบใหม่ผ่าน AI Deepfake รุ่นอัพเกรดที่ตรวจจับยากกว่าเดิม
ตัวเอกภาค 2 อาจเป็นกลุ่มนักเรียนรุ่นน้องที่นำโดยเด็กสาวคนใหม่ชื่อ “แพร” (สมมติตัวละครใหม่) ลูกสาวของครูวีรา ที่ย้ายมาเรียนที่นี่เพื่อเริ่มต้นใหม่หลังจากอดีตแม่ถูกเปิดโปง แพรเก่งเรื่องเทคโนโลยีเหมือนลูกคิดรุ่นก่อน แต่เธอซ่อนความแค้นต่อสังคมที่เคยทำร้ายแม่ไว้ลึกๆ ขณะเดียวกัน นิทานที่ตอนนี้ขึ้น ม.ปลายแล้ว กลับมาเป็นรุ่นพี่อาสาแนะแนวให้รุ่นน้อง แต่เริ่มสงสัยเมื่อมีคลิปปลอมใหม่แพร่กระจายในโรงเรียนอีกครั้ง คราวนี้เหยื่อคือเด็กทุนยากจนที่เพิ่งได้ทุนจากมูลนิธิใหม่
ครูวิณณ์ที่รอดชีวิตแต่ป่วยหนัก อาจกลับมาในบทบาทที่ปรึกษานอกโรงเรียน หรือส่งข้อความลับๆ ช่วยเด็กๆ จากภายนอก ส่วนตำรวจสันต์และธนากลับมาสืบคดีใหม่ที่เชื่อมโยงกับแก๊ง Deepfake รุ่นอัพเกรด ซึ่งมีผู้บงการใหม่ที่อาจเป็นคนใกล้ตัวในโรงเรียนอีกครั้ง ภาคนี้จะขยายไปสู่ปัญหา AI ผิดจริยธรรม การแก้แค้นข้ามรุ่น และการเยียวยาจิตใจที่ยังไม่สมบูรณ์จากภาคแรก
จุดพีคอาจอยู่ที่การจับตัวประกันรอบใหม่ แต่คราวนี้เป็นเด็กๆ รุ่นน้องที่ล็อกตัวเองในห้องเพื่อเปิดโปงผู้บงการ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของรุ่นพี่ ทำให้เกิดคำถามว่า “บทเรียนจากภาคแรกถูกส่งต่อจริงหรือไม่ หรือสังคมยังคงเพิกเฉยเหมือนเดิม”

