ซีรีส์ จอมนางวังต้องห้าม 3 2557 (ตอนที่ 1-53 ตอนจบ) END โชคชะตาที่พลิกผันของสองหนุ่มสาว “เหลียนเฉิง” และ “เหิงไท่”

มิอาจพร่ำบ่น.(不怨) – Yuánshānshān(Thai+PinYin Lyrics) From Palace3:Lost Daughter จอมนางวังต้องห้าม3

ซีรีส์ จอมนางวังต้องห้าม 3 2557

ละครเรื่องนี้กล่าวถึง “เหลียนเฉิง” ผู้หญิงที่โชคชะตาเล่นตลก ถูกแม่ทิ้งแต่เด็ก ด้วยเหุตผลว่าเธอต้องคลอดลูกชายเท่านั้น! เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีจึงนำเด็กชาย (เหิงไท่) มาอ้างว่าเป็นลูกชาย นับแต่นั้นมาโชคชะตาของสองหนุ่มสาวก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

และ “เหลียนเฉิง” หญิงสาวที่เติบโตในหอคณิกา แต่แท้จริงเธอคือลูกสาวแม่ทัพใหญ่ เพราะถูกสลับสับเปลี่ยนตัวกับ เหิงไท่ ซึ่งก็เป็นชายคนรักของเธอ พร้อมทั้งยังเป็นลูกแม่ทัพใหญ่

เหลียนเฉิง ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านแม่ทัพในฐานะเมียรองของเหิงไท่ แต่ชีวิตรักของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบต้องฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อพิสูจน์รักแท้ จนเธอได้ฉายาว่า จอมนางแห่งวังต้องห้าม

“เหลียนเฉิง” เป็นลูกสาวของแม่ทัพใหญ่แห่งสกุล “ฟู่ฉา” (พระญาติของฮ่องเต้) เธอถูกผู้เป็นแม่ทอดทิ้งด้วยความจำใจหลังลืมตาดูโลกได้ไม่นาน แม่ของเธอต้องการคลอดลูกเป็นชายเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและรักษาสถานะในบ้านของตน จึงนำทารกเพศชาย (“เหิงไท่”) มาแอบอ้างว่าเป็นลูกชายของตนแทน นับแต่นั้นโชคชะตาของทั้งคู่ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เหลียนเฉิงถูกนำมาเลี้ยงและเติบโตในหอคณิกา ส่วนเหิงไท่กลายเป็นลูกชายแม่ทัพใหญ่ หลังทั้งคู่ถูกโชคชะตาเล่นตลกให้มาพบรักกัน เหลียนเฉิงก็ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านแม่ทัพ (จริงๆ แล้วก็คือบ้านของเธอเอง) ในฐานะเมียรองของเหิงไท่ อย่างไรก็ตาม ชีวิตรักของทั้งคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซ้ำยังมีอุปสรรคขวากหนามที่ต้องฟันฝ่ามากมาย

เรื่องราวในละครเริ่มต้นขึ้นที่บ้านแม่ทัพ “ฟู่ฉา” ระหว่างที่ “อิงเย่ว” ภรรยาของเขาไปวัดเพื่อสวดมนต์อ้อนวอนพระโพธิสัตว์ให้ลูกน้อยในครรภ์ของเธอเป็นเพศชาย สาวใช้ “หยูเหมย” ก็กำลังปรนนิบัติแม่ทัพอยู่ที่บ้าน เธอเลียบเคียงถามว่า หากเด็กในครรภ์ของฮูหยินเป็นเพศหญิงอีกตามเคยจะว่ายังไง แม่ทัพได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจที่หยูเหมยพูดไม่เป็นมงคล (แช่ง) เพราะเขาอยากได้ลูกชายมากและเฝ้ารอมานาน (เขามีลูกสาว 3 คนแล้ว) หยูเหมยพยายามหว่านล้อมให้แม่ทัพรับเธอเป็นภรรยาอีกคน โดยอ้างว่าใครๆ ต่างพากันบอกว่าเธอจะได้ลูกชาย (เธอกำลังตั้งครรภ์กับแม่ทัพ) เมื่อเห็นแม่ทัพมีท่าทีลังเล หยูเหมยจึงบอกว่า ตอนนี้ฮูหยิน (อิงเย่ว) กำลังขอลูกชายจากพระโพธิสัตว์ พร้อมทั้งบอกว่าพระโพธิสัตว์ที่วัดแห่งนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก แม่ทัพจึงรีบควบม้าไปหาภรรยาที่วัดบนภูเขาทันที

หลังขอพรแล้ว อิงเย่วก็ทำการเสี่ยงทายเพศของลูกในครรภ์ เมื่อผลออกมาเป็นเพศหญิงเธอก็รู้สึกผิดหวัง ทันทีที่ไปถึงวัดแม่ทัพก็รีบถามอิงเย่วว่าผลการเสี่ยงทายออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเห็นอิงเย่วได้แต่ยืนอึ้ง แม่นมเกาจึงแก้ตัวว่าฮูหยินของตนยังไม่ได้เริ่มสวดมนต์อ้อนวอน แม่ทัพจึงคุกเข่าขอลูกชายจากพระโพธิสัตว์ ทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่เชื่อเรื่องพระพุทธเจ้า (เขาไม่อาจรักษาศีลด้วยมีหน้าที่เข่นฆ่าศัตรู) มิหนำซ้ำยังขนเงินทอง 2 หีบใหญ่มาเป็นของเซ่นไหว้พระโพธิสัตว์ด้วย อิงเย่วเห็นดังนั้นก็ติงสามีว่าเขากำลังลบหลู่พระโพธิสัตว์

อิงเย่วเห็นสามีตามไปที่วัดก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธออยากได้ลูกชายมาก ยิ่งเขาตั้งความหวังเอาไว้กับเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกกดดัน แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อหยูเหมยเกิดตั้งท้องกับสามีเธอเช่นกัน อิงเย่วรู้สึกว่าตำแหน่งฮูหยินของเธอกำลังถูกสั่นคลอน เนื่องจากสามีของเธอแต่งตั้งหยูเหมยให้เป็นฮูหยินรอง หากหยูเหมยให้กำเนิดบุตรชายขณะที่เธอได้ลูกสาวอีกคนแล้วล่ะก็ หยูเหมยคงขึ้นแท่นเป็นคนโปรด ส่วนเธอคงถูกสามีหมางเมินและอนาคตดับวูบ อิงเย่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคลอดลูกออกมาเป็นชายเท่านั้น

อิงเย่วขอให้แม่นมเกาหาทารกเพศชายมาเตรียมไว้ให้เธอ เพื่อจะได้ทำการสับเปลี่ยนหากเธอได้ลูกสาว และแล้วเธอก็ได้ลูกสาวจริงๆ แม้จะรู้สึกเสียใจที่ต้องพรากจากลูก แต่อิงเย่วจำเป็นต้องนำลูกชายคนอื่นมาสับเปลี่ยนเป็นลูกของเธอแทน ส่วนลูกสาวแท้ๆ ของเธอนั้นถูกนำไปวางทิ้งไว้ที่หอคณิกา (เด็กน้อยมีปานแดงทางด้านหลัง) เมื่อ “ซ่ง หลี่เหนียง” นายหญิงแห่งหอคณิกาเห็นทารกถูกนำมาทิ้งไว้ก็รู้สึกเอ็นดู เธอจึงรับเป็นลูกโดยตั้งชื่อว่า “ซ่ง เหลียนเฉิง”

20 ปีต่อมา “ฟู่ฉา เหิงไท่” กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้เก่งกล้า เขาเป็นถึงรองแม่ทัพที่ใครๆ ต่างพากันชื่นชมและยกย่องในความสามารถด้านการต่อสู้ อิงเย่วเห็นเหิงไท่มีอนาคตอันสดใส จึงอดคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวแท้ๆ ที่ถูกทิ้งไปไม่ได้ แม่นมเกาปลอบใจว่าเธอตัดสินใจถูกแล้ว หากไม่ทำเช่นนั้น (นำเหิงไท่มาแอบอ้างว่าเป็นลูก) เธอคงตกที่นั่งลำบากเพราะหลังจากเธอคลอดไม่นานหยูเหมยก็ให้กำเนิดบุตรชาย (หมิงซ่วน)

อีกด้านหนึ่ง “เจียงอี้เฉิน” ก็กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ยักษ์กลางป่าลึกโดยมี “ไป่เยี่ย” นอนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง หลังถูกอี้เฉินพูดจาตัดรอนและลุกหนีไปดื้อๆ ไป่เยี่ยก็แช่งให้เขาตกหลุมรักใครสักคนอย่างหัวปักหัวปำจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนอย่างเธอ อี้เฉินได้ยินดังนั้นจึงยืนกรานว่าตนไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ปรากฏว่าอี้เฉินเป็นหัวหน้ากองโจร เขาตำหนิ “หวังหูจื้อ” ที่ริอ่านทำตัวเป็นคนพาลเที่ยวออกอาละวาดจนชาวเมืองแตกตื่น เพราะนั่นจะทำพวกตนเสียการใหญ่ (ปล้นบ้านเศรษฐี) และถูกทางการจับตามอง

เหิงไท่ได้ยินกิตติศัพท์ความชั่วร้ายของโจรหวังจึงคิดที่จะตามจับด้วยตนเอง เขาสั่งให้ “เกาเสี่ยว” ไปสืบหาข่าว จากนั้นก็ขี่ม้าตรวจตราความเรียบร้อยเพราะเป็นช่วงที่ประชาชนต่างพากันเฉลิมฉลองเทศกาลโคมไฟ ทันใดนั้นก็มีสาวน้อยคนหนึ่ง (เหลียนเฉิง) วิ่งหน้าตาตื่นพลางร้องไห้ขอความช่วยเหลือมาตลอดทาง เหิงไท่เห็นดังนั้นจึงอุ้มสาวน้อยคนดังกล่าวขึ้นมาแอบอยู่บนหลังม้าโดยใช้เสื้อคลุมทับเธอไว้

เมื่อถูกถามว่าวิ่งหนีอะไรมา เหลียนเฉิงก็ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าเธอถูกพี่ชายและพี่สะใภ้นำตัวมาขายให้หอคณิกาเพื่อแลกกับเงินค่าผ้าห่ม แต่เธอไม่อยากเป็นนางรำและคณิกาจึงวิ่งหนีออกมา เหิงไท่ต้องการไถ่ตัวเหลียนเฉิงแต่นำเงินติดตัวมาไม่มาก เขาจึงให้เงินทั้งหมดที่มีแล้วบอกให้เธอรอ โดยบอกว่าจะไปเอาเงินมาให้เพิ่ม พอรู้ตัวว่าโดนสาวสวยหลอกตบทรัพย์ เหิงไท่กลับไม่รู้สึกเจ็บแค้นเลยสักนิด ซ้ำยังหยิบดอกมะลิ (ของเหลียนเฉิง) ที่ติดอยู่บนเสื้อคลุมขึ้นมาดมดอมอย่างพึงพอใจ

วันต่อมา ระหว่างที่เหิงไท่ออกมาเดินตรวจตราความสงบเรียบร้อย เกาเสี่ยวก็มารายงานความเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของโจรหวัง ระหว่างนั้นมีขบวนรถม้าของบ่าวสาวเคลื่อนผ่านมาตามถนนโดยมีประชาชนสองข้างทางร่วมแสดงความยินดี แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีสาวน้อยคนหนึ่งมายึนขวางหน้าขบวนเอาไว้ เหิงไท่จำได้ทันทีว่าสาวน้อยคนดังกล่าวคือเหลียนเฉิง แต่คราวนี้เธอมาพร้อมกับท้องอันกลมโต (สวมบทเป็นหญิงท้อง) โดยมายืนร้องไห้โวยวายและชีหน้าด่าเจ้าบ่าวต่อหน้าประชาชีว่า เจ้าบ่าวเป็นคนโกหกหลอกลวง เขาทำเธอท้องแล้วทอดทิ้ง เจ้าบ่าวหันไปมองเกี้ยวเจ้าสาวทางด้านหลังแล้วรีบลงจากหลังม้าพร้อมทั้งยืนยันว่าตนไม่เคยพบและไม่รู้จักเหลียนเฉิง ทำให้เกิดการทะเลาะตบตีกัน เหิงไท่เห็นเหลียนเฉิงเล่นละครหลอกคนอื่นต่อหน้าต่อตาจึงยืนดูด้วยความรู้สึกทึ่ง (ทำไปได้) และขบขัน

จอมนางวังต้องห้าม 3 (อังกฤษ: Palace 3: The Lost Daughter, จีน: 宫锁连城 หรือ “กงสั่วเหลียนเฉิง”) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2557 เป็นละครภาคที่ 3 ของละครชุด “จอมนางวังต้องห้าม” เป็นภาคต่อจากละครเรื่อง จอมนางวังต้องห้าม 2 โดยละครจะเล่าเรื่องย้อนกลับไปในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง (ชิงเกาจงฮ่องเต้) แห่งราชวงศ์ชิง (หรือแมนจู) เนื้อหากล่าวถึงโชคชะตาที่พลิกผันของสองหนุ่มสาว “เหลียนเฉิง” และ “เหิงไท่” นำแสดงโดย หยวน ซานซาน,ลู่ อี้ ละครเรื่องนี้ออกอากาศทางช่องเหอหนานทีวีในจีน แต่ในไทยจะออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์

ผู้ประพันธ์/ผู้เขียนบท: หยูเจิ้ง (เขียนบททั้ง 3 ซีซั่น)
เขียนโดย ยู่ เจิง
กำกับโดย หลี่ ฮุยสู่,จาง เหว่ยเอิน

นักแสดงนำ
หยวน ซานซาน รับบท ซ่ง เหลียนเฉิง
ลู่ อี้ รับบท ฟูชา เหิงไท่[
กัว ย่านเสียง รับบท เจียง ยี่เฉิน
เชอร์ลีย์ ได รับบท เซียงไท่
หยาง หรง รับบท ถง รูซู่
อลิซซ่า เจีย รับบท ซิงจู่
คิงดอม หยวน รับบท แม่ของหยวน
ทัง เจิ้นเย่ รับบท เฉียนหลงฮ่องเต้

ดนตรีเปิด Lonely ขับร้องโดย หยวน ซานซาน
ดนตรีปิด Won’t Complain โดย หยวน ซาน