ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568 ละครแนวดราม่าลึกลับตามหาความจริง ศึกสายเลือดที่ซ่อนภัยร้ายในครอบครัว จากความสุขสู่ความหายนะที่ไม่คาดฝัน เรื่องราวของ น้องสาวหายนะ Hide & Sis เริ่มต้นด้วยภาพอันสมบูรณ์แบบของครอบครัวชั้นสูง “บ้านบุปผจินดา” ซึ่งเป็นตระกูลที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าวและความลับที่ถูกฝังลึก ตัวเอกหลักคือ “ฉัตรฟ้า” น้องสาวคนสุดท้องของครอบครัวที่เพิ่งได้รับมรดกก้อนโตจากบิดา ผู้หญิงสาวผู้กำลังจะเข้าพิธีสมรสกับคู่หมั้นในไม่ช้า ท่ามกลางความยินดีของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะพี่สาวทั้งสาม “ใบบัว” , “ชมพู” และ “พิชา” ที่ดูเหมือนจะรักและเอ็นดู “น้องฟ้า” อย่างสุดหัวใจ
แต่แล้ว ทุกอย่างก็พลิกผันในคืนหนึ่งที่บ้านพักตากอากาศสุดหรู ฉัตรฟ้าตกลงมาจากชั้นบนสุดของอาคาร ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของพี่สาวทั้งสามที่อยู่ด้วยกันในขณะนั้น เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ “อุบัติเหตุ” ธรรมดา แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปริศนาอันน่าสะพรึงกลัว มันเป็นการฆาตกรรมหรือการซ่อนเร้นบางอย่าง? ฉัตรฟ้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย สร้างความสับสนและความสงสัยให้กับทุกคน โดยเฉพาะพี่สาวทั้งสามที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในสายตาของตำรวจและสื่อมวลชน จากที่นี่ ผู้ชมจะถูกดึงเข้าสู่การสืบสวนที่เข้มข้น เมื่อพี่สาวทั้งสามต้องรวมตัวกันเพื่อตามหาความจริง ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยน้องสาว แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงและมรดกของครอบครัวที่กำลังถูกคุกคาม
ตัวละครหลัก พี่น้องที่กลายเป็นศัตรู
หนึ่งในเสน่ห์ของเรื่องนี้คือการขุดลึกเข้าไปในตัวละครแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนมี backstory ที่ซับซ้อนและแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น ใบบัว (แจน พลอยชมพู) คือพี่สาวคนโตที่ดูสงบเสงี่ยม แต่ภายในเต็มไปด้วยความอิจฉาและความลับเก่าๆ ที่ถูกฝังไว้ตั้งแต่สมัยเด็ก ชมพู (อ้าย สรัลชนา) พี่สาวคนกลางที่ดูร่าเริงและเป็นที่รักของทุกคน แต่กลับมีด้านมืดที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ต้องห้ามในครอบครัว ส่วนพิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) พี่สาวคนเล็กสุดในบรรดาพี่สาวทั้งสาม มีบุคลิกดื้อรั้นและฉลาดหลักแหลม แต่การสืบคดีครั้งนี้ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลในอดีตที่ไม่เคยหาย
ในขณะเดียวกัน ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) ในฐานะ “น้องสาวหายนะ” ไม่ใช่แค่นางเอกผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้ความขัดแย้งในครอบครัวปะทุขึ้น แม้เธอจะหายตัวไป แต่ผ่านทางแฟลชแบ็คและเบาะแสที่ค่อยๆ เผยออกมา เราจะเห็นว่าเธอคือกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงความลับทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดกที่ไม่เท่าเทียม การทรยศในครอบครัว หรือแม้แต่ความรักต้องห้ามที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของพ่อแม่ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครรองอย่างคู่หมั้นของฉัตรฟ้าและนักสืบที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเพิ่มมิติโรแมนติกและความตึงเครียดให้กับเรื่องราว
น้องสาวหายนะ Hide & Sis ไม่ใช่แค่ละครสืบสวนธรรมดา แต่เป็นการวิพากษ์สังคมผ่านเลนส์ของ “ครอบครัว” ที่ดูเหมือนเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่กลับกลายเป็นสนามรบที่เต็มไปด้วยการทรยศและการซ่อนเร้น คำถามหลักที่เรื่องนี้โยนหาผู้ชมคือ “พี่น้องคือศัตรูที่พ่อแม่มอบให้จริงหรือ?” และ “ความลับในครอบครัวมีมูลค่ามากแค่ไหน?” ต่อไปนี้เนื้อเรื่องสำคัญของละคร
รอยยิ้มที่ซ่อนมีด
คฤหาสน์บุปผจินดายืนตระหง่านราวปราสาทในเทพนิยาย ดอกไม้บานสะพรั่งปกคลุมกำแพง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเงามืดของความลับ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนเล็กสุดที่ทุกคนรักและอิจฉาในเวลาเดียวกัน เตรียมตัวเข้าพิธีหมั้นกับธนา (ลุค อิสรพงศ์) คู่รักหนุ่มหล่อที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบเกินจริง เธอคือทายาทมรดกก้อนโตจากบิดา ผู้ซึ่งเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุปริศนาเมื่อหลายปีก่อน พี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู) ผู้สงบเสงี่ยม, ชมพู (อ้าย สรัลชนา) นางแบบสุดเย่อหยิ่ง, และพิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) นักออกแบบเครื่องประดับผู้เปี่ยมอารมณ์ ยิ้มให้ฉัตรฟ้าด้วยความรัก… หรือนั่นคือสิ่งที่ทุกคนอยากเชื่อ?
คืนหนึ่งในบ้านพักตากอากาศที่ลมฝนโหมกระหน่ำ ฉัตรฟ้าตกลงจากระเบียงชั้นสามต่อหน้าพี่สาวทั้งสาม ร่างของเธอกระแทกพื้นด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจทุกคนหยุดเต้น แต่เมื่อทุกคนวิ่งไปดู ร่างนั้น… หายไป ไม่มีเลือด ไม่มีร่องรอย มีเพียงสายตาตื่นตระหนกของพี่สาวทั้งสามที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที คุณหญิงบุปผา (ลุคกี้ Pepper) แม่ผู้สง่างามแต่เย็นชา พยายามปกป้องชื่อเสียงตระกูลด้วยการกดดันให้ตำรวจปิดคดีว่าเป็น “อุบัติเหตุ” แต่สื่อเริ่มขุดคุ้ย และความจริงเริ่มร้าวฉาน ฉัตรฟ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหญิง แต่เป็นลูกของชู้รักที่บิดานอกใจ
รอยแผลในสายเลือด
เมื่อตำรวจเริ่มสอบสวน พี่สาวทั้งสามตัดสินใจสืบหาความจริงด้วยตัวเอง ใบบัว ผู้ที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว เริ่มสงสัยว่ามีคนในบ้านรู้มากกว่าที่บอก เธอพบจดหมายขู่ที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักของฉัตรฟ้า ซึ่งระบุว่า “มรดกนี้เป็นของข้า และเจ้าจะไม่มีวันได้มัน” ชมพู นางแบบผู้เคยเป็นที่รักของทุกคน ถูกเปิดโปงผ่านแฟลชแบ็คว่าเธอเคยพยายามวางยาฉัตรฟ้าเมื่อสามปีก่อน เพราะฉัตรฟ้าแย่งธนา แฟนเก่าที่เธอรักสุดหัวใจไป ส่วนพิชา ผู้ที่สนิทกับฉัตรฟ้ามากที่สุด เริ่มตั้งคำถามถึงความรักของน้องสาว เมื่อนึกถึงวันที่ฉัตรฟ้าทรยศเธอด้วยการเปิดเผยเรื่องนอกใจของสามีเก่าให้สื่อรู้ จนพิชาเกือบฆ่าตัวตาย
การสืบสวนนำพาไปสู่ “เอก” (ฟลุค เกริกพล) นักสืบหนุ่มที่เข้ามาช่วยด้วยเหตุผลส่วนตัวเขาหลงรักพิชาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ กล้องวงจรปิดเผยเงารางๆ ของชายแปลกหน้าในคืนที่ฉัตรฟ้าหายไป แต่เมื่อพวกเขาค้นห้องใต้ดินของบ้านพักตากอากาศ ความจริงช็อกโลกก็ปรากฏ: ร่างของฉัตรฟ้าในห้องนั้นเป็นเพียงหุ่นจำลอง! มีคนวางแผนให้ทุกคนเชื่อว่าเธอตาย แต่ใคร? และทำไม? ใบบัวเกือบถูกฆ่าด้วยมีดปักที่หลังเมื่อเข้าใกล้ความจริงเกินไป ทำให้ทุกคนตระหนักว่า “ฆาตกร” ยังอยู่ในเงามืด
การทรยศที่โหดร้าย
เมื่อเรื่องราวดำเนินถึงจุดกึ่งกลาง ความลับของครอบครัวเริ่มแตกสลาย ธนา คู่หมั้นของฉัตรฟ้า ถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกชายนอกสมรสของบิดา เขาไม่เคยรักฉัตรฟ้า แต่ใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อล้วงมรดก “สมบัติต้องสาป” ซึ่งซ่อนอยู่ในโฉนดที่ดินลับของตระกูล ชมพูกลายเป็นตัวละครที่ซับซ้อนที่สุด เมื่อธนาแบล็คเมล์เธอด้วยวิดีโอเก่าที่แสดงถึงการพยายามฆ่าน้องสาว เธอเผาเอกสารมรดกเพื่อปกป้องตัวเอง แต่กลับทำให้พิชาต้องถูกจับในข้อหาฆาตกรรมโดยไม่ตั้งใจ
ในคืนพายุฝนครั้งใหม่ พี่สาวทั้งสามและเอกบุกบ้านพักตากอากาศเพื่อตามหาฉัตรฟ้า และนี่คือจุดหักมุมที่เปลี่ยนทุกอย่าง: ฉัตรฟ้าไม่ได้ตาย เธอแกล้งตายเพื่อเปิดโปงความจริง! เธอรู้มาตลอดว่าแม่แท้ๆ ของเธอถูกบิดาฆ่าตายเพื่อปกปิดเรื่องชู้ และมรดกที่เธอได้มากกว่าพี่สาวคือส่วนหนึ่งของแผนที่บิดาต้องการชดเชยให้แม่ของเธอ ฉัตรฟ้าจึงร่วมมือกับธนาเพื่อทดสอบพี่สาวทั้งสามว่าใครรักเธอจริง และใครพร้อมทรยศ
น้องสาวหายนะ Hide & Sis ไม่ใช่แค่ละครสืบสวน แต่เป็นกระจกสะท้อนมุมมืดของ “สายเลือด” –การอิจฉา มรดกที่ไม่เท่าเทียม และความรักที่กลายเป็นพิษ การแสดงของนักแสดงหญิงทั้งสี่โดดเด่น โดยเฉพาะอ้าย สรัลชนาในบทชมพูที่ซับซ้อน และพิพลอย กัญญรัตน์ที่พลิกจากเหยื่อเป็นผู้แก้แค้น ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร
ดราม่าที่เริ่มจากรอยยิ้มและจบด้วยน้ำตา
น้องสาวหายนะ Hide & Sis นำเสนอเรื่องราวของตระกูลบุปผจินดา ครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบจากภายนอก แต่เต็มไปด้วยรอยร้าวจากความลับและการทรยศ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ “ฉัตรฟ้า” (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนเล็กที่ได้รับมรดกก้อนโตจากบิดา หายตัวไปอย่างลึกลับหลังตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศในคืนฝนตกหนัก พี่สาวทั้งสาม—ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และพิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)—กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที การสืบสวนเผยให้เห็นความลับดำมืดของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดกที่ไม่เท่าเทียม การนอกใจของบิดา และความแค้นที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของพี่น้อง
ละครทั้ง 14 ตอนค่อยๆ คลายปมผ่านแฟลชแบ็ค กล้องวงจรปิด และการเผชิญหน้าอันเข้มข้น โดยมีตัวละครรองอย่าง “ธนา” (ชิม่อน วชิรวิชญ์ ) คู่หมั้นของฉัตรฟ้า และ “เข้ม” (ฟลุ๊ค กวิน) นักสืบหนุ่มที่เพิ่มทั้งมิติโรแมนติกและความตึงเครียด หักมุมใหญ่ที่ผู้เขียนชื่นชมคือการพลิกบทบาทของฉัตรฟ้าจากเหยื่อสู่ผู้วางแผน และการเปิดโปงตัวร้ายตัวจริงในตอนท้ายที่ทำให้ผู้ชมอ้าปากค้าง เนื้อเรื่องทำได้ดีในการรักษาความลุ้นระทึก โดยเฉพาะในตอนที่ 9 และ 12 ที่หักมุมซ้อนหักมุมจนเดาทางไม่ถูก
การแสดงนักแสดงหญิงที่ขโมยซีนทุกฉาก
จุดเด่นที่สุดของ Hide & Sis คือการแสดงของสี่นักแสดงนำหญิงที่ถ่ายทอดตัวละครอันซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่ง
พิพลอย กัญญรัตน์ (ฉัตรฟ้า): การพลิกจากน้องสาวแสนหวานสู่ตัวละครที่มีเล่ห์เหลี่ยมในตอนท้ายทำได้ไร้ที่ติ การแสดงสีหน้าและน้ำตาของเธอในฉากเผชิญหน้าทำให้ผู้ชมทั้งสงสารและหวาดกลัว
อ้าย สรัลชนา (ชมพู): ขโมยซีนในฐานะตัวละครที่ซับซ้อนที่สุด อ้ายถ่ายทอดความเย่อหยิ่ง ความแค้น และความเปราะบางได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะฉากดราม่าในตอนที่ 13 ที่เธอร้องไห้ขณะทรยศครอบครัว
แจน พลอยชมพู (ใบบัว): นำเสนอพี่สาวคนโตที่ดูเหมือนเสียสละแต่ซ่อนความเจ็บปวดได้อย่างน่าเห็นใจ แม้บทของเธอจะลดบทบาทในช่วงท้าย แต่การแสดงของแจนก็ยังคงน่าจดจำ
จิงจิง ปริยพิชญ์ (พิชา): เป็นตัวละครที่ผู้เขียนรักที่สุด ด้วยความจริงใจและความเปราะบางที่ถ่ายทอดผ่านสายตาและการแสดงที่เป็นธรรมชาติ คู่เคมีกับฟลุค เกริกพลในบทเอกยังเพิ่มความหวานขมให้เรื่องราว
นักแสดงสมทบอย่างลุค อิสรพงศ์และลุคกี้ Pepper ก็ทำได้ดีในบทคู่หมั้นเจ้าเล่ห์และแม่ผู้เย็นชา แต่บางครั้งบทของตัวละครชายดูด้อยมิติเมื่อเทียบกับตัวละครหญิง
งานสร้างบรรยากาศที่ชวนขนลุก
GMM TV ขึ้นชื่อเรื่องงานสร้างที่มีคุณภาพ และ Hide & Sis ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การถ่ายทำในคฤหาสน์บุปผจินดาและบ้านพักตากอากาศสร้างบรรยากาศลึกลับราวกับหนังระทึกขวัญระดับสากล ฉากฝนตกและห้องใต้ดินที่มืดมิดในตอนที่ 8 และ 13 ช่วยเพิ่มความตึงเครียดได้ดีเยี่ยม ดนตรีประกอบโดยเฉพาะเพลงธีมชวนให้รู้สึกหวาดกลัวและเศร้าในเวลาเดียวกัน การตัดต่อแฟลชแบ็คและฉากสืบสวนทำได้ลื่นไหล แม้ว่าบางฉากจะยืดเยื้อเกินความจำเป็น
เครื่องแต่งกายของตัวละครหญิงทั้งสี่สะท้อนบุคลิกได้ชัดเจน เช่น ชุดสีขาวบริสุทธิ์ของฉัตรฟ้า ชุดสีแดงร้อนแรงของชมพู และชุดเรียบง่ายแต่สง่างามของใบบัว อย่างไรก็ตาม ฉากแอ็กชันบางฉาก เช่น การไล่ล่าในตอนที่ 12 ดูขาดความสมจริงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงานสร้างโดยรวม
คะแนนรวม 8.5/10 (แนะนำสำหรับ แฟนละครดราม่าครอบครัว ระทึกขวัญ และผู้ที่ชื่นชอบการหักมุม ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบเนื้อหาหนักหรือฉากรุนแรงในครอบครัว)
น้องสาวหายนะ Hide & Sis เป็นละครที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักดราม่าหนักๆ ปนความระทึกขวัญและปริศนาที่ต้องใช้สมองตาม ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงนำหญิง งานสร้างที่สวยงาม และหักมุมที่ชวนช็อก ละครเรื่องนี้คือหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของ GMM TV ในปี 2568 ถึงแม้จะมีจุดอ่อนเรื่องจังหวะในตอนกลางและบทสรุปที่อาจไม่ถูกใจทุกคน แต่โดยรวมแล้วมันคือประสบการณ์ที่ทั้งสะเทือนใจและน่าจดจำ
เมื่อตอนแรกเริ่มต้นด้วยภาพคฤหาสน์บุปผจินดาที่งดงามราวเทพนิยาย รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่โลกที่ทั้งหรูหราและน่าสงสัย ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ดูเป็นน้องสาวที่ทุกคนรัก แต่สายตาของพี่สาวทั้งสาม ใบบัว, ชมพู, และพิชา ทำให้เริ่มรู้สึกว่า “มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล” ฉากที่ฉัตรฟ้าตกลงจากระเบียงในคืนฝนตกหนัก (ตอนที่ 1) เป็นจุดที่ทำให้ใจเต้นแรง ความรู้สึกแรกคือความตื่นเต้นปนสับสน ร่างของเธอหายไปได้ยังไง? ทำไมพี่สาวทั้งสามถึงดูเหมือนรู้มากกว่าที่พูด? ดนตรีประกอบที่ชวนขนลุกและการตัดต่อที่รวดเร็วทำให้ฉันอยากกดดูตอนต่อไปทันที โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าฉัตรฟ้าเป็นลูกของชู้รัก ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหญิงบุปผา
เมื่อเข้าสู่ตอนที่ 4-9 ละครเริ่มขุดลึกเข้าไปในความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสี่ และนี่คือช่วงที่ความรู้สึกเริ่มซับซ้อน การแสดงของอ้าย สรัลชนาในบทชมพูทำให้ทั้งรักทั้งเกลียด เธอสวยสะดุดตาแต่เต็มไปด้วยความแค้น โดยเฉพาะเมื่อแฟลชแบ็คเผยว่าเธอเคยพยายามวางยาฉัตรฟ้า (ตอนที่ 5) รู้สึกเหมือนถูกทรยศไปพร้อมกับตัวละคร ฉากที่ใบบัว (แจน พลอยชมพู) ถูกแทงในห้องใต้ดิน (ตอนที่ 8) ทำให้ใจหายวูบ เริ่มสงสารพี่สาวคนโตที่ดูเหมือนเสียสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว แต่กลับต้องเจ็บปวดที่สุด
พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) เป็นตัวละครที่รู้สึกผูกพันมากที่สุด การแสดงที่เปี่ยมไปด้วยความเปราะบางของเธอ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับความทรงจำที่ฉัตรฟ้าเคยหักหลัง (ตอนที่ 7) ทำให้น้ำตาคลอ ฉันเริ่มตั้งคำถามว่า ถ้าฉันอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จะเลือกปกป้องครอบครัวหรือตัวเอง? การปรากฏตัวของเอก (ฟลุค เกริกพล) นักสืบที่แอบรักพิชา ช่วยเพิ่มความหวานขมให้เรื่องราว ฉากที่ทั้งสองคุยกันในรถท่ามกลางสายฝน (ตอนที่ 6) เป็นช่วงที่ทำให้ยิ้มได้ท่ามกลางความตึงเครียด แต่ถึงอย่างนั้น จังหวะของตอนที่ 4-7 ก็รู้สึกเนือยเล็กน้อย ทำให้ฉันแอบหงุดหงิดที่ปมบางอย่างคลายช้าเกินไป
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis มีตั้งแต่ความตื่นเต้นในตอนแรก ความสับสนและสงสารในตอนกลาง ไปจนถึงความช็อกและน้ำตาในตอนจบ การแสดงของนักแสดงนำหญิงทั้งสี่ โดยเฉพาะอ้ายและพิพลอย เป็นสิ่งที่ทำให้ทึ่งและอยากปรบมือให้ ดนตรีประกอบและฉากฝนตกที่ชวนขนลุกช่วยเพิ่มอารมณ์ให้เข้มข้น แต่จังหวะที่เนือยในบางตอนและบทสรุปที่รู้สึกเร่งรัดเล็กน้อย ทำให้แอบเสียดายที่เรื่องราวไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100%
ละครเรื่องนี้ทำให้ตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของตัวเอง เรารักกันจริงแค่ไหน? และความลับที่เก็บไว้จะทำร้ายเรามากแค่ไหน? สำหรับ Hide & Sis ไม่ใช่แค่ละคร แต่เป็นกระจกที่สะท้อนมุมมืดของสายเลือดและความรัก ถ้าคุณพร้อมสำหรับการเดินทางที่ทั้งระทึกและสะเทือนใจ ละครเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง แนะนำให้ดูย้อนหลังบน Viu เพื่อสัมผัสทุกหักมุมด้วยตัวเอง
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568 EP.1-8oneD
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568 EP.1-8GMMTV OFFICIAL
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568 EP.1-14 ENDVIU
ซีน ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568
ละคร น้องสาวหายนะ Hide & Sis 2568
คฤหาสน์สุดหรูที่ซ่อนความวายป่วง 🏰😱
คฤหาสน์สวยๆ เต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง แต่ข้างในกลับเหมือนเขาวงกตแห่งความลับ นี่คือตระกูล บุปผจินดา ที่ดูเหมือนครอบครัวในฝัน แต่จริงๆ แล้วเต็มไปด้วยรอยร้าว ตัวเอกของเราคือ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ทั้งสวย น่ารัก และได้มรดกก้อนโตสุดๆ จากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว เธอกำลังจะแต่งงานกับ ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์) คู่หมั้นหนุ่มหล่อที่ดูดีเกินจริงหน่อยๆ แต่แล้วทุกอย่างก็พังในคืนฝนตกหนักที่บ้านพักตากอากาศ เมื่อฉัตรฟ้าดันตกลงจากชั้นสามต่อหน้าพี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)ที่ยืนตาค้าง
แต่ร่างของฉัตรฟ้าดันหายไปซะงั้น 😵 ไม่มีเลือด ไม่มีรอยอะไรเลย เหมือนผีลักไปเลย พี่สาวทั้งสามเลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที สื่อและตำรวจรุมถล่ม ขณะที่ คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) แม่ของทั้งสี่พยายามปกป้องชื่อเสียงตระกูลด้วยการบอกว่าเป็น “อุบัติเหตุ” แต่ยิ่งสืบ ยิ่งเจอความจริงสุดช็อก ฉัตรฟ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณหญิง แต่เป็นลูกของชู้รักที่พ่อแอบคบ และมรดกที่เธอได้มากกว่าพี่ๆ คือจุดเริ่มต้นของดราม่าทั้งหมด😡
ตัวละคร พี่น้องที่รักกัน… หรือแค่แกล้งรัก? 👭🔪
มาทำความรู้จักตัวละครหลักที่ทำให้เรื่องนี้เดือดปุดๆ กันก่อน!
ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์): น้องเล็กสุดแสนหวาน แต่รอยยิ้มของเธอเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างไว้
ใบบัว (แจน พลอยชมพู): พี่สาวคนโตที่ดูใจเย็น เสียสละ แต่ลึกๆ แล้วซ่อนความเจ็บปวดจากอดีต
ชมพู (อ้าย สรัลชนา): พี่สาวคนกลาง นางแบบสวยเริ่ด แต่ใจเต็มไปด้วยความแค้น เพราะฉัตรฟ้าเคยแย่งแฟนเก่าของเธอ
พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์): พี่สาวคนที่สาม นักออกแบบเครื่องประดับที่สนิทกับฉัตรฟ้ามากที่สุด แต่ก็มีแผลในใจจากน้อง
ยังมีตัวละครสมทบสุดปังอย่าง ธนา คู่หมั้นที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยม, เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้) นักสืบหนุ่มที่เข้ามาช่วยสืบคดี, ป่าน (พลอยภัช ภัชธร ธนวัฒน์) สาวลึกลับที่เหมือนรู้บางอย่าง, และ คุณหญิงเรวดี แม่ที่เย็นชาแต่ปกป้องครอบครัวสุดตัว ทุกตัวละครมีปม มีความลับ ทำให้เราลุ้นตลอดว่าใครคือคนที่ทำให้ฉัตรฟ้าหายไป
จุดเริ่มต้นของความวายป่วง
เรื่องเริ่มด้วยงานหมั้นของฉัตรฟ้าที่ดูแฮปปี้สุดๆ แต่คืนนั้นเองที่เธอตกลงจากชั้นสามต่อหน้าพี่สาวทั้งสาม ร่างของเธอหายไป ทำให้ทุกคนช็อก พี่สาวทั้งสาม ใบบัว, ชมพู, พิชา กลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที คุณหญิงเรวดีพยายามกลบเกลื่อนว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่กล้องวงจรปิดจับภาพเงารางๆ ของชายแปลกหน้าได้ 😲 พี่สาวทั้งสามเลยต้องรวมตัวกันสืบหาความจริง แล้วเจอจดหมายขู่ในลิ้นชักของฉัตรฟ้าที่บอกว่า “มรดกนี้เป็นของฉัน” แถมแฟลชแบ็คเผยว่า ชมพู เคยพยายามวางยาน้องสาวมาก่อนเพราะแค้นที่ฉัตรฟ้าแย่งธนา แฟนเก่าของเธอ ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มแตกสลาย ใบบัวที่ดูเป็นพี่สาวแสนดีก็เริ่มมีพิรุธ ส่วนพิชาดูเหมือนจะปกป้องน้อง แต่ก็มีบาดแผลจากอดีตที่ฉัตรฟ้าเคยทรยศ
ความลับที่พังทลาย
เมื่อพี่สาวทั้งสามเริ่มสืบเอง พวกเธอได้ เข้ม นักสืบหนุ่มที่แอบปิ๊งพิชาเข้ามาช่วย 😍 กล้องวงจรปิดและแฟลชแบ็คเริ่มเผยความจริงสุดสะพรึง
ใบบัว ถูกพ่อบังคับให้แต่งงานปลอมเพื่อปกปิดหนี้ตระกูล และฉัตรฟ้าเคย “ขโมย” โอกาสเรียนต่อของเธอ
ชมพู ถูกธนาแบล็คเมล์ด้วยวิดีโอเก่าที่เธอพยายามฆ่าฉัตรฟ้า เธอถึงขั้นเผาเอกสารมรดกเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ทำให้พิชาถูกจับชั่วคราว
พิชา เคยถูกฉัตรฟ้าทรยศด้วยการเปิดเผยเรื่องนอกใจของสามีเก่าให้สื่อรู้ จนเธอเกือบฆ่าตัวตาย
ตอนที่ 8 ช็อกหนักเมื่อใบบัวถูกแทงในห้องใต้ดินที่ซ่อน “ศพปลอม” ของฉัตรฟ้า 😱 ศพนั้นเป็นแค่หุ่นจำลอง ทำให้รู้ว่ามีคนวางแผนให้ทุกคนเชื่อว่าน้องตาย และตอนที่ 9 หักมุมสุด ธนา ไม่ใช่แค่คู่หมั้น แต่เป็นลูกชายนอกสมรสของพ่อที่อยากล้วงมรดก “สมบัติต้องสาป” ที่ซ่อนอยู่ในโฉนดที่ดินลับ เขาคือคนที่ลักพาตัวฉัตรฟ้าไป บอกเลยว่าตอนนี้คือลุ้นจนนั่งไม่ติดเลย
บอกเลยว่า Hide & Sis คือละครที่ทำให้ใจเต้นรัวทุกตอน การแสดงของ อ้าย สรัลชนา ในบทชมพูคือสุดยอดจากนางแบบสวยๆ สู่ตัวร้ายที่ทั้งน่าสงสารและน่ากลัว ส่วน พิพลอย ในบทฉัตรฟ้าก็พลิกจากเหยื่อสู่ตัววางแผนได้เนียนมาก จิงจิง ในบทพิชาคือตัวละครที่ทำให้เราน้ำตาคลอ เพราะความจริงใจของเธอ ส่วน แจน ในบทใบบัวก็สะเทือนใจสุดๆ ดนตรีประกอบและฉากฝนตกคือชวนขนลุก เหมือนดูหนังระทึกขวัญฮอลลีวูดเลย ถ้าคุณรักละครดราม่าหนักๆ ผสมสืบสวนและหักมุม ต้องไปดู น้องสาวหายนะ Hide & Sis ย้อนหลังเลย
เบื้องหลังละครสุดฮอต น้องสาวหายนะ Hide & Sis ละครจากช่อง GMM25 ละครเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายสุดเข้มข้น “เพลิงบุปผา” โดย จินต์นัชชา มณีศรีวงษ์ (นามปากกา ใบสน) และมาพร้อมทีมงานระดับเทพ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยว่าเบื้องหลังความดราม่าจัดเต็มนี้มีอะไรบ้าง
ต้นกำเนิด จากนิยาย “เพลิงบุปผา” สู่จอ GMM25 📚✨

เริ่มจากจุดกำเนิดเลย น้องสาวหายนะ Hide & Sis ดัดแปลงจากนิยายสุดเดือด “เพลิงบุปผา” เขียนโดย จินต์นัชชา มณีศรีวงษ์ หรือที่แฟนๆ รู้จักในชื่อ ใบสน นิยายเรื่องนี้ขึ้นชื่อเรื่องดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น ปมปริศนาการหายตัวของน้องสาว และหักมุมที่ทำให้คนอ่านคอเคล็ด เรื่องราวในนิยายเล่าถึงตระกูลบุปผจินดาที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่ซ่อนความลับมืดดำ โดยเฉพาะเรื่องของ ฉัตรฟ้า น้องสาวคนเล็กที่หายไปอย่างลึกลับ และพี่สาวทั้งสามที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย บอกเลยว่านิยายเล่มนี้คือตำนานของสายดราม่าสืบสวน
เมื่อ GMM TV เห็นนิยายเล่มนี้ ก็ไม่รอช้า รีบจับมาทำเป็นละคร โดยปรับให้เข้ากับสไตล์วัยรุ่นปนระทึกขวัญที่ GMM ถนัด แถมเปลี่ยนชื่อเป็น Hide & Sis เพื่อให้ดูทันสมัยและน่าค้นหา การดัดแปลงครั้งนี้ยังคงกลิ่นอายความเข้มข้นของนิยายไว้ แต่เพิ่มฉากแอ็กชันและความโรแมนติกให้เข้ากับจอทีวี บอกเลยว่าแฟนนิยายที่ได้ดูเวอร์ชันละครถึงกับกรี๊ด เพราะเคารพต้นฉบับสุดๆ แต่ก็มีเซอร์ไพรส์ใหม่ๆ เพียบ 😲
กำกับการแสดงโดย เติ้ล ตะวัน จารุจินดา

ทุกคนรู้จัก พี่เติ้ล กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ ผู้กำกับมือทองที่ขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายทอดดราม่าครอบครัวและระทึกขวัญ พี่เติ้ลเคยฝากผลงานสุดปังมาแล้วหลายเรื่อง และใน Hide & Sis เขาก็ใส่เต็มที่เลยค่ะ ฉากฝนตกที่ชวนขนลุก ฉากห้องใต้ดินที่ลุ้นจนใจจะวาย หรือแม้แต่แฟลชแบ็คที่ทำให้เราน้ำตาคลอ ล้วนเป็นฝีมือการกำกับของพี่เติ้ลที่จัดแสง จัดมุมกล้องได้เป๊ะสุด เขายังเล่าว่า “อยากให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่ในคฤหาสน์บุปผจินดาจริงๆ” และบอกเลยว่าเขาทำได้
ผู้จัดละคร สถาพร พานิชรักษาพงศ์

พี่ สถาพร คือหนึ่งในผู้จัดที่คร่ำหวอดในวงการละครไทย และเป็นหัวเรือใหญ่ที่ทำให้ GMM TV ผลิตละครคุณภาพมาเพียบ! ในเรื่องนี้ พี่สถาพรเล็งเห็นว่า Hide & Sis จะเป็นละครที่ผสมดราม่า สืบสวน และจิตวิทยาได้ลงตัว เขาคุมโปรเจกต์นี้ตั้งแต่คัดเลือกนักแสดงจนถึงขั้นตอนสุดท้าย และยังจับมือกับ Snap25 บริษัทโปรดักชันหน้าใหม่ที่ช่วยเพิ่มความทันสมัยให้งานภาพและการตัดต่อ บอกเลยว่าเคมีทีมงานชุดนี้คือปัง
ผลิตโดย จีเอ็มเอ็ม ทีวี ร่วมกับ Snap25
GMM TV คือค่ายที่การันตีความสนุกอยู่แล้ว ส่วน Snap25 เป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาเติมความสดใหม่ให้งานสร้าง ทีมนี้ช่วยกันเนรมิตคฤหาสน์บุปผจินดาให้ดูทั้งสวยและน่ากลัว รวมถึงฉากบ้านพักตากอากาศที่เป็นจุดเริ่มต้นของปริศนา การร่วมมือครั้งนี้ทำให้ Hide & Sis มีกลิ่นอายเหมือนหนังระทึกขวัญระดับสากล แต่ยังคงความเป็นละครไทยที่อัดแน่นด้วยดราม่า
บอกเลยว่าเบื้องหลังของ น้องสาวหายนะ Hide & Sis คือการรวมตัวของทีมงานและนักแสดงที่ทุ่มสุดตัว นิยาย เพลิงบุปผา ของใบสนคือต้นกำเนิดที่แข็งแรงมาก และเมื่อผสมกับฝีมือกำกับของ พี่เติ้ล การบริหารงานของ พี่สถาพร และโปรดักชันจาก GMM TV x Snap25 ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นงานคุณภาพที่ทั้งสวยและเข้มข้น ถ้าคุณรักละครที่ผสมดราม่าครอบครัว ปริศนาสืบสวน และหักมุมที่คาดไม่ถึง ต้องไปดูย้อนหลังเลย
นักแสดง
→ แจน พลอยชมพู ศุภทรัพย์ รับบท ใบบัว

พี่สาวผู้เสียสละที่แบกความลับ
ใบบัว คือพี่สาวคนโตของตระกูลบุปผจินดา ดูภายนอกเหมือนเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ สงบ สุขุม และเสียสละเพื่อครอบครัว เธอเป็นคนที่คอยยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยอมให้ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนเล็กได้มรดกก้อนโตจากพ่อ หรือการยอมแต่งงานปลอมเพื่อปกปิดหนี้สินของตระกูล แต่เบื้องหลังรอยยิ้มอันอบอุ่นของใบบัวคือความเจ็บปวดที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานาน เธอเคยสูญเสียโอกาสเรียนต่อในต่างประเทศเพราะฉัตรฟ้า และต้องแบกความกดดันจาก คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) ผู้เป็นแม่ที่เย็นชา
ในละคร ใบบัวเป็นเหมือนกาวที่ยึดครอบครัวไว้ แต่เมื่อฉัตรฟ้าตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป ใบบัวกลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย การสืบสวนทำให้เราเห็นว่าเธอไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่คิด เธอรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับพ่อและมรดก ซึ่งทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในใจว่า จะปกป้องครอบครัวหรือปกป้องตัวเอง การแสดงของแจน พลอยชมพูในบทนี้คือสุดยอด โดยเฉพาะฉากที่ใบบัวร้องไห้เงียบๆ ในห้องส่วนตัว หรือฉากที่เธอถูกแทงในห้องใต้ดิน ที่ทำให้คนดูใจสลาย
ฉายา เงาแห่งบุปผจินดา
เพราะใบบัวเหมือนเงาที่คอยปกป้องครอบครัว แต่ตัวเองกลับไม่มีใครเห็นคุณค่า เธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่สวยแต่ถูกเหยียบย่ำ
ข้อคิดจากใบบัว “การเสียสละมากเกินไป อาจทำให้เราสูญเสียตัวตน”
บทของใบบัวสอนว่า การยอมทุกอย่างเพื่อคนอื่น โดยเฉพาะครอบครัว อาจทำให้เราลืมความสุขของตัวเอง ใบบัวเลือกที่จะเก็บความเจ็บปวดไว้เงียบ แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำร้ายตัวเธอเอง
→ อ้าย สรัลชนา อภิสมัยมงคล รับบท ชมพู

นางแบบแซ่บที่เต็มไปด้วยความแค้น
ชมพู คือพี่สาวคนกลางของตระกูลบุปผจินดา นางแบบสาวสวยที่ใครๆ ก็หลงใหล เธอเป็นเหมือนดาวเด่นของครอบครัว ด้วยหน้าตาและความมั่นใจที่เฉิดฉาย แต่ข้างในใจของชมพูกลับเต็มไปด้วยความแค้น โดยเฉพาะต่อ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนเล็กที่แย่ง ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์) แฟนเก่าที่เธอรักสุดหัวใจ แถมฉัตรฟ้ายังได้มรดกก้อนโตจากพ่อ ซึ่งทำให้ชมพูรู้สึกว่าเธอถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ในละคร ชมพูคือตัวละครที่ซับซ้อนสุดๆ เธอไม่ใช่แค่นางแบบที่เย่อหยิ่ง แต่เป็นคนที่เก็บความเจ็บปวดจากครอบครัวไว้ลึกๆ การหายตัวไปของฉัตรฟ้าหลังตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ ทำให้ชมพูกลายเป็นผู้ต้องสงสัย และยิ่งสืบ เธอยิ่งเผยด้านมืดที่น่ากลัว แฟลชแบ็คแสดงให้เห็นว่าเธอเคยพยายามวางยาฉัตรฟ้าและในตอนที่ 13 เธอกลายเป็นวายร้ายตัวจริงที่ทำร้ายครอบครัวเพื่อชิงมรดก การแสดงของ อ้าย สรัลชนา ในบทนี้คือระดับเทพ โดยเฉพาะฉากที่ชมพูร้องไห้ขณะถือมีดจ่อ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) พร้อมพูดว่า “ฉันแค่ต้องการสิ่งที่เป็นของฉัน” ฉากนั้นคือทั้งสะเทือนใจและชวนขนลุก
ฉายา ไฟแห่งบุปผจินดา
เพราะชมพูเหมือนไฟที่ทั้งสวยงามและอันตราย ความแค้นของเธอเผาผลาญทุกอย่าง รวมถึงครอบครัวของตัวเอง
ข้อคิดจากชมพู “ความแค้นที่เก็บไว้อาจทำลายทั้งตัวเราและคนที่เรารัก”
บทของชมพูสอนว่า การปล่อยให้ความแค้นครอบงำอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด และทำร้ายคนรอบตัว เธอเลือกทางที่ร้ายแรงเพื่อแก้แค้น แต่สุดท้ายก็สูญเสียทุกอย่าง
→ จิงจิง ปริยพิชญ์ ยู รับบท พิชา

พี่สาวที่รักน้องด้วยใจทั้งดวง
พิชา คือพี่สาวคนที่สามของตระกูลบุปผจินดา นักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสามารถและหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักต่อ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนเล็ก เธอเป็นคนที่สนิทกับฉัตรฟ้ามากที่สุดในบรรดาพี่สาวทั้งสาม ดูเป็นคนอบอุ่น เข้าใจง่าย แต่ลึกๆ แล้วพิชาซ่อนบาดแผลจากอดีต เมื่อฉัตรฟ้าเคยทรยศเธอด้วยการเปิดเผยเรื่องนอกใจของสามีเก่าให้สื่อรู้ จนพิชาเกือบฆ่าตัวตาย ความเจ็บปวดนี้ทำให้พิชาต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ขัดแย้งรักน้องสุดใจ แต่ก็กลัวการถูกหักหลัง
เมื่อฉัตรฟ้าตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป พิชากลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่เธอเลือกที่จะสืบหาความจริงเพื่อปกป้องน้องสาว การเดินทางของพิชาคือการเผชิญหน้ากับความลับของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นมรดกที่ไม่เท่าเทียม หรือการทรยศของ ชมพู (อ้าย สรัลชนา) พี่สาวคนกลาง จิงจิง ปริยพิชญ์ ถ่ายทอดบทพิชาได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะฉากที่เธอร้องไห้เผชิญหน้ากับชมพูในห้องใต้ดิน ที่ทั้งสะเทือนใจและแสดงถึงความแข็งแกร่งของเธอ สายตาของจิงจิงในฉากนี้ทำให้เรารู้สึกถึงความรักและความเสียสละที่พิชามีต่อครอบครัว
ฉายา เพชรแห่งบุปผจินดา
เพราะพิชาเหมือนเพชรที่เจิดจรัสด้วยความจริงใจและแข็งแกร่ง แม้จะผ่านการเจียระไนด้วยความเจ็บปวด
ข้อคิดจากพิชา “ความรักที่แท้จริงคือการให้อภัย แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน”
บทของพิชาสอนว่า การรักใครสักคนไม่ได้หมายถึงการไม่มีบาดแผล แต่คือการเลือกให้อภัยและก้าวต่อไป แม้ว่าฉัตรฟ้าจะเคยทำร้ายเธอ แต่พิชายังคงปกป้องน้องด้วยใจทั้งดวง
→ พิพลอย กัญญรัตน์ เรืองรุ่ง รับบท ฉัตรฟ้า

น้องเล็กที่เป็นปริศนาแห่งครอบครัว
ฉัตรฟ้า คือตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวใน น้องสาวหายนะ Hide & Sis เธอคือน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลบุปผจินดา ดูเหมือนเป็นสาวหวาน บริสุทธิ์ และเป็นที่รักของทุกคน ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนนางฟ้า แถมยังเป็นทายาทที่ได้รับมรดกก้อนโตจากพ่อ ทำให้พี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) ทั้งรักและอิจฉาเธอในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องราวพลิกผันเมื่อฉัตรฟ้าตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศในคืนฝนตกหนัก และร่างของเธอกลับหายไปอย่างลึกลับ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปริศนาที่ทำให้ทุกคนต้องสืบหาความจริง
ทว่า ฉัตรฟ้าไม่ใช่แค่เหยื่ออย่างที่ทุกคนคิด เธอซ่อนความลับและเล่ห์เหลี่ยมที่คาดไม่ถึง การหายตัวไปของเธอเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่เธอวางไว้เพื่อทดสอบพี่สาวทั้งสามว่าใครรักเธอจริง และเพื่อเปิดโปงความลับของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องที่พ่อของเธอฆ่าแม่แท้ๆ ซึ่งเป็นชู้รัก พิพลอย กัญญรัตน์ ถ่ายทอดบทฉัตรฟ้าได้อย่างน่าทึ่ง จากสาวหวานที่ดูไร้เดียงสาในช่วงแรก สู่ตัวละครที่ฉลาดและเย็นชาในช่วงท้าย โดยเฉพาะฉากที่เธอเผยว่าแกล้งตาย และฉากที่เธอให้อภัยพิชาด้วยน้ำตา สายตาของพิพลอยในฉากเหล่านี้คือทั้งสะเทือนใจและชวนให้ขนลุก
ฉายา ดาวตกแห่งบุปผจินดา
เพราะฉัตรฟ้าเหมือนดาวที่สว่างไสวในครอบครัว แต่การ “ตก” ของเธอ (ทั้งตัวจริงและแกล้ง) ทำให้ทุกอย่างพังทลาย เผยความจริงที่ซ่อนอยู่
ข้อคิดจากฉัตรฟ้า “ความจริงที่ซ่อนไว้ อาจเจ็บปวด แต่เป็นหนทางสู่การปลดปล่อย”
บทของฉัตรฟ้าสอนว่า การเผชิญหน้ากับความจริง แม้จะโหดร้ายแค่ไหน ก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้เราเป็นอิสระจากความลับและความเจ็บปวด ฉัตรฟ้าเลือกที่จะเปิดโปงครอบครัวเพื่อค้นหาความรักที่แท้จริง
→ พลอยภัช ภัชธร ธนวัฒน์ รับบท ป่าน

เพื่อนสนิทที่ซ่อนปมลึก
ป่าน คือตัวละครสมทบที่ปรากฏในฐานะเพื่อนสนิทของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลบุปผจินดา เธอเป็นสาวที่ดูร่าเริง สดใส และคอยให้คำปรึกษาฉัตรฟ้าในเรื่องความรักกับ ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์) แต่ป่านไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา เธอมีปมลึกที่เชื่อมโยงกับความลับของครอบครัวบุปผจินดา โดยเฉพาะเรื่องมรดกและการทรยศที่ถูกปกปิด เมื่อฉัตรฟ้าตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป ป่านกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสืบสวน เธอรู้บางอย่างเกี่ยวกับอดีตของฉัตรฟ้าและพ่อของตระกูลที่อาจเปลี่ยนทิศทางของเรื่องทั้งหมด
ป่านเป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียดให้กับเรื่องราว เธอทั้งช่วยเหลือพี่สาวทั้งสาม ใบบัว ชมพู และพิชา ในการตามหาน้องสาว แต่ก็มีด้านที่ลึกลับ ทำให้คนดูสงสัยว่าเธอเป็นเพื่อนแท้หรือมีวาระซ่อนเร้น พลอยภัช ภัชธร ถ่ายทอดบทป่านได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่เธอเผชิญหน้ากับความจริงในช่วงกลางเรื่อง ที่แสดงถึงความขัดแย้งในใจระหว่างมิตรภาพและความลับที่เธอแบกรับ สายตาของพลอยภัชในฉากเหล่านี้คือทั้งอบอุ่นและชวนให้ระแวง
ฉายา เถาวัลย์แห่งบุปผจินดา
เพราะป่านเหมือนเถาวัลย์ที่พันรอบดอกบุปผา ดูเหมือนช่วยประคอง แต่จริงๆ แล้วซ่อนหนามที่อาจทำร้าย
ข้อคิดจากป่าน “มิตรภาพที่แท้จริงต้องเผชิญความลับด้วยกัน ไม่ใช่ปกปิด”
บทของป่านสอนว่า การเป็นเพื่อนไม่ได้หมายถึงการรู้ทุกอย่าง แต่คือการยืนเคียงข้างเมื่อความจริงถูกเปิดโปง ป่านเลือกทางที่ยากลำบากเพื่อปกป้องฉัตรฟ้า แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา
→ ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้ รับบท เข้ม

นักสืบหนุ่มที่ทั้งฉลาดและอบอุ่น
เข้ม คือตัวละครที่เข้ามาในฐานะนักสืบหนุ่มที่รับผิดชอบคดีการหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลบุปผจินดา หลังจากเธอตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศในคืนฝนตกหนัก เข้มดูเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น และมีสกิลสืบสวนที่เฉียบคม เขาช่วยพี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) ในการตามหาเบาะแส โดยค้นพบความลับของครอบครัว เช่น มรดกที่ไม่เท่าเทียมและการทรยศที่ซ่อนไว้
แต่เข้มไม่ใช่แค่นักสืบเย็นชา เขามีด้านอบอุ่นที่แอบปิ๊ง พิชา พี่สาวคนที่สาม ทำให้เรื่องราวเพิ่มความโรแมนติกท่ามกลางความตึงเครียด เขาเลือกที่จะเชื่อในความบริสุทธิ์ของครอบครัว แม้จะเจอหลักฐานที่ชี้ไปทางอื่น ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้ ถ่ายทอดบทเข้มได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่เขาคุยกับพิชาในรถท่ามกลางสายฝน ที่แสดงถึงความอ่อนโยนและความมุ่งมั่นของเขา หรือฉากที่เขาช่วยยิง ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์) ในช่วงท้ายเรื่อง สายตาของฟลุ๊คในฉากเหล่านี้คือทั้งเท่และชวนให้ใจเต้น
ฉายา แสงสว่างแห่งบุปผจินดา
เพราะเข้มเหมือนแสงที่ส่องสว่างปริศนามืดมิดของครอบครัว ช่วยนำทางให้ทุกคนเห็นความจริง
ข้อคิดจากเข้ม “ความยุติธรรมต้องมาก่อน แต่ความรักคือสิ่งที่ทำให้เรายืนหยัด”
บทของเข้มสอนว่า ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับ การยึดมั่นในหลักการสำคัญ แต่การมีคนที่รักคอยหนุนหลังคือพลังที่แท้จริง เข้มเลือกที่จะปกป้องพิชาและครอบครัว แม้จะเสี่ยงอันตราย
→ ลุค อิชิคาว่า พลาวเด้น รับบท อาชว์

ชายลึกลับที่เชื่อมโยงปมครอบครัว
อาชว์ คือตัวละครที่ปรากฏตัวในฐานะบุคคลลึกลับที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลบุปผจินดา เขาไม่ใช่คนในครอบครัวโดยตรง แต่มีบทบาทสำคัญที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์การหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ อาชว์ดูเป็นคนสุขุม เยือกเย็น และมีความรู้เกี่ยวกับอดีตของตระกูล โดยเฉพาะความลับเกี่ยวกับมรดกและการทรยศที่ซ่อนไว้ เขามักปรากฏตัวในช่วงเวลาคับขัน ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาคือพันธมิตรหรือศัตรูของครอบครัวนี้กันแน่
บทบาทของอาชว์เหมือนเงาที่คอยเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ปมใหญ่ของเรื่อง เขามีส่วนช่วยพี่สาวทั้งสาม—ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) ในการสืบหาความจริง แต่ความลึกลับของเขาทำให้เกิดคำถามว่าเขามีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ ลุค อิชิคาว่า ถ่ายทอดบทอาชว์ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยสายตาที่ทั้งนิ่งและเต็มไปด้วยความหมาย โดยเฉพาะฉากที่เขาคุยกับ เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้) เกี่ยวกับเบาะแสสำคัญของคดี การแสดงของลุคทำให้อาชว์เป็นตัวละครที่ทั้งน่าค้นหาและน่าติดตาม
ฉายา เงาลึกลับแห่งบุปผจินดา
เพราะอาชว์เหมือนเงาที่เคลื่อนไหวในความมืดของครอบครัว คอยเผยความจริงแต่ไม่เคยเปิดเผยตัวตนทั้งหมด
ข้อคิดจากอาชว์ “ความลับที่เก็บไว้อาจเป็นทั้งเกราะและโซ่ตรวน”
บทของอาชว์สอนว่า ความลับอาจปกป้องเราในบางครั้ง แต่ก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่รั้งเราไว้จากความจริง อาชว์เลือกที่จะเปิดเผยบางส่วนของความลับเพื่อช่วยครอบครัว แต่ก็ต้องเผชิญผลที่ตามมา
→ ม่อน ธนัชชัย วิจิตรวงศ์ทอง รับบท ณทัต

ผู้ชายที่เชื่อมโยงอดีตและปริศนา
ณทัต คือตัวละครสมทบที่เข้ามาในเรื่องราวของตระกูลบุปผจินดาด้วยบทบาทที่ทั้งน่าสงสัยและสำคัญ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับครอบครัวนี้ โดยเฉพาะกับ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป ณทัตดูเป็นคนมีเสน่ห์ นิ่งๆ แต่มีแววตาที่เหมือนรู้มากกว่าที่พูด เขาอาจเชื่อมโยงกับความลับในอดีตของตระกูล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดกที่ไม่เท่าเทียมหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพ่อ
บทบาทของณทัตในเรื่องคือการเป็นตัวเร่งให้ปมต่างๆ เริ่มคลายออก เขามีปฏิสัมพันธ์กับพี่สาวทั้งสาม—ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)—ในแบบที่ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือหรือเพิ่มความวุ่นวาย ม่อน ธนัชชัย ถ่ายทอดบทณทัตได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่ทั้งสุขุมและเต็มไปด้วยปริศนา โดยเฉพาะฉากที่เขาคุยกับ เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้) หรือเผชิญหน้ากับความลับของครอบครัว ม่อนทำให้ณทัตเป็นตัวละครที่คนดูอยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ฉายา ลมพายุแห่งบุปผจินดา
เพราะณทัตเหมือนลมพายุที่พัดเข้ามาในครอบครัว ดูเหมือนเงียบสงบแต่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนและเผยความจริง
ข้อคิดจากณทัต “บางครั้งการเงียบไม่ได้หมายถึงไม่รู้ แต่คือการรอเวลา”
บทของณทัตสอนว่า การเลือกที่จะเงียบและสังเกตอาจเป็นวิธีที่ฉลาดในการเผชิญหน้ากับความลับ การรอจังหวะของณทัตช่วยให้ความจริงปรากฏในเวลาที่เหมาะสม
→ ชิม่อน วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์ รับบท ธนา

คู่หมั้นที่ทั้งรักและอันตราย
ธนา คือคู่หมั้นของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องของตระกูลบุปผจินดา เขาดูเป็นผู้ชายในฝัน หล่อ มีเสน่ห์ และดูเหมือนรักฉัตรฟ้าสุดหัวใจ แต่เมื่อฉัตรฟ้าตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป ธนากลายเป็นตัวละครที่ทำให้คนดูเริ่มสงสัย เพราะเขาไม่ใช่แค่คู่หมั้นธรรมดา ธนาคือลูกชายนอกสมรสของพ่อของตระกูลบุปผจินดา และเข้ามาในครอบครัวด้วยเป้าหมายแอบแฝงชิงมรดกก้อนโตที่ฉัตรฟ้าได้รับ
ธนาเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เขาใช้ความรักเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าใกล้ฉัตรฟ้า และยังแบล็คเมล์ ชมพู (อ้าย สรัลชนา) ด้วยวิดีโอที่แสดงถึงความแค้นของเธอต่อน้องสาว แต่เมื่อความจริงเปิดเผยว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวฉัตรฟ้า ความซับซ้อนของธนายิ่งทำให้คนดูทั้งเกลียดและสงสาร ชิม่อน วชิรวิชญ์ ถ่ายทอดบทธนาได้อย่างน่าทึ่ง จากหนุ่มอบอุ่นในช่วงแรก สู่ตัวร้ายที่เย็นชาในช่วงท้าย โดยเฉพาะฉากที่เขาพยายามหนีจากการถูกจับในตอนท้ายเรื่อง สายตาของชิม่อนในฉากนั้นคือทั้งดุดันและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ฉายา หน้ากากแห่งบุปผจินดา
เพราะธนาเหมือนหน้ากากที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้ ด้านนอกดูสมบูรณ์แบบ แต่ด้านในเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
ข้อคิดจากธนา “ความโลภอาจทำให้เราสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุด”
บทของธนาสอนว่า การปล่อยให้ความโลภครอบงำอาจนำไปสู่การทำลายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ธนาเลือกทางที่ผิดเพื่อมรดก แต่สุดท้ายต้องจ่ายราคาด้วยอิสรภาพ
→ กาย ศิวกร เลิศชูโชติ รับบท เชน

ผู้ชายที่เชื่อมโยงปริศนาและความขัดแย้ง
เชน คือตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในฐานะบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลบุปผจินดา โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ เชนดูเป็นคนมีเสน่ห์ เงียบขรึม และมีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับความลับของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดกที่ไม่เท่าเทียมหรือปมในอดีตที่เกี่ยวข้องกับพ่อของตระกูล เขามีปฏิสัมพันธ์กับพี่สาวทั้งสาม—ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) ในแบบที่ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรู
บทบาทของเชนในเรื่องคือการเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนปริศนา เขาอาจรู้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์) หรือมีส่วนในเหตุการณ์ที่โยงไปถึงการทรยศในครอบครัว การปรากฏตัวของเขาในช่วงสำคัญของเรื่องทำให้เกิดความตึงเครียดและคำถามใหม่ๆ กาย ศิวกร ถ่ายทอดบทเชนได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่ทั้งนิ่งและเต็มไปด้วยความลึกลับ โดยเฉพาะฉากที่เขาคุยกับ เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้) หรือเผชิญหน้ากับตัวละครอื่นๆ การแสดงของกายทำให้เชนเป็นตัวละครที่ชวนให้คนดูอยากรู้ว่าเขาซ่อนอะไรไว้
ฉายา กุญแจแห่งบุปผจินดา
เพราะเชนเหมือนกุญแจที่อาจไขความลับของครอบครัวได้ เขาเข้ามาในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่ถูกซ่อนไว้
ข้อคิดจากเชน “การรู้มากเกินไปอาจทำให้เราต้องเลือกข้าง”
บทของเชนสอนว่า การครอบครองความลับอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ยากลำบาก เชนต้องเลือกว่าจะเปิดเผยความจริงหรือเก็บไว้ ซึ่งส่งผลต่อทั้งตัวเขาและคนรอบข้าง
→ รามาวดี นาคฉัตรีย์ รับบท พิมล

ผู้หญิงที่ซ่อนเงื่อนงำในเงามืด
พิมล คือตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในฐานะบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลบุปผจินดา อาจเป็นคนสนิทหรือผู้ที่รู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับครอบครัวนี้ เธอเข้ามาในเรื่องราวท่ามกลางเหตุการณ์การหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ พิมลดูเป็นคนเงียบขรึม สุขุม แต่สายตาของเธอเหมือนเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่อาจโยงไปถึงมรดกก้อนโตหรือปมในอดีตของตระกูล เธอมีปฏิสัมพันธ์กับพี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)—ในแบบที่ทำให้คนดูสงสัยว่าเธอรู้มากกว่าที่แสดงออก
บทบาทของพิมลในเรื่องคือการเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนปริศนา เธออาจมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ ธนา (ชิม่อน วชิรวิชญ์) หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทรยศในครอบครัว การปรากฏตัวของเธอในช่วงสำคัญของเรื่องทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ รามาวดี นาคฉัตรีย์ ถ่ายทอดบทพิมลได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่ทั้งนิ่งและเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากที่เธอเผชิญหน้ากับตัวละครอื่นๆ หรือให้เบาะแสสำคัญ การแสดงของรามาวดีทำให้พิมลเป็นตัวละครที่ชวนให้คนดูอยากรู้ว่าเธอมีบทบาทอะไรกันแน่
ฉายา เงามืดแห่งบุปผจินดา
เพราะพิมลเหมือนเงาที่เคลื่อนไหวในความมืดของครอบครัว คอยซ่อนตัวแต่มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์สำคัญ
ข้อคิดจากพิมล “ความเงียบอาจเป็นทั้งที่พักพิงและที่ซ่อนความจริง”
บทของพิมลสอนว่า การเลือกที่จะเงียบอาจปกป้องเราในบางครั้ง แต่ก็อาจทำให้ความจริงที่สำคัญถูกมองข้าม พิมลต้องเผชิญกับการตัดสินใจว่าจะเปิดเผยสิ่งที่รู้หรือเก็บไว้ ซึ่งส่งผลต่อครอบครัว
→ ปรเมศร์ น้อยอ่ำ รับบท อโศก

พี่เลี้ยงผู้ภักดีที่ซ่อนความลับ
อโศก คือตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในฐานะอโศกพันธุ์ บุปผจินดา พี่เลี้ยงหรือคนสนิทที่คอยดูแลตระกูลบุปผจินดามาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนที่ดูซื่อสัตย์ เงียบขรึม และทุ่มเทให้ครอบครัวอย่างสุดตัว โดยเฉพาะกับ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป อโศกรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับมรดกและอดีตของตระกูลที่อาจโยงไปถึงการทรยศและความขัดแย้งภายใน เขามีปฏิสัมพันธ์กับพี่สาวทั้งสาม—ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) ในแบบที่เหมือนพ่อหรือผู้พิทักษ์ แต่ความภักดีของเขาก็ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาซ่อนอะไรไว้
ฉายา ผู้พิทักษ์เงียบแห่งบุปผจินดา
เพราะอโศกเหมือนผู้พิทักษ์ที่คอยเฝ้าดูครอบครัวจากเงา ทุ่มเทแต่ไม่เคยเรียกร้อง
ข้อคิดจากอโศก “ความภักดีที่แท้จริงคือการปกป้องโดยไม่หวังผลตอบแทน”
บทของอโศกสอนว่า การยึดมั่นในความภักดีต่อคนที่เรารักอาจต้องแลกด้วยการเก็บความลับ แต่สุดท้ายมันคือสิ่งที่ทำให้เรายืนหยัดได้
→ สุรวุฑ ไหมกัน รับบท ขจร

ผู้ชายที่เชื่อมโยงอดีตอันมืดมิด
ขจร คือตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในฐานะบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตของตระกูลบุปผจินดา เขาอาจเป็นคนที่เคยทำงานให้ครอบครัวนี้ หรือมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์สำคัญที่เชื่อมโยงกับการหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ ขจรดูเป็นคนเงียบขรึม มีรอยยิ้มที่เหมือนซ่อนอะไรบางอย่าง และอาจรู้ข้อมูลเกี่ยวกับมรดกก้อนโตหรือความลับที่ คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) พยายามปกปิด เขามีปฏิสัมพันธ์กับพี่สาวทั้งสาม ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), และ พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)—ในแบบที่ชวนสงสัยว่าเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการคลายปมหรือไม่
ฉายา รอยร้าวแห่งบุปผจินดา
เพราะขจรเหมือนรอยร้าวในอดีตของครอบครัว การปรากฏตัวของเขานำความลับที่แตกสลายมาให้เห็นชัดเจน
ข้อคิดจากขจร “อดีตที่ถูกฝังอาจกลับมาทำร้ายในเวลาที่ไม่คาดคิด”
บทของขจรสอนว่า ความลับในอดีตไม่เคยหายไป มันอาจรอวันที่จะถูกขุดขึ้นมา และการเผชิญหน้ากับมันอาจเป็นทางเดียวที่จะก้าวต่อไป
→ ดวงดาว จารุจินดา รับบท คุณหญิงเรวดี

แม่ที่ปกป้องครอบครัวด้วยความลับ
คุณหญิงเรวดี คือแม่ของตระกูลบุปผจินดา ผู้หญิงที่สง่างามแต่เย็นชา เธอเป็นเหมือนเสาหลักที่รักษาชื่อเสียงและเกียรติยศของครอบครัวไว้อย่างเหนียวแน่น คุณหญิงเรวดีดูแลลูกสาวทั้งสี่ ใบบัว (แจน พลอยชมพู), ชมพู (อ้าย สรัลชนา), พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์), และ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) ด้วยความเข้มงวด แต่เมื่อฉัตรฟ้า น้องสาวคนสุดท้อง ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศและหายตัวไป คุณหญิงเรวดีพยายามกลบเกลื่อนว่าเป็นอุบัติเหตุเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูล แต่ความจริงคือ เธอรู้ความลับอันหนักหน่วงเกี่ยวกับการฆาตกรรมแม่แท้ๆ ของฉัตรฟ้า และมรดกก้อนโตที่เป็น “สมบัติต้องสาป”
คุณหญิงเรวดีไม่ใช่แค่แม่ที่เข้มแข็ง เธอเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เธอรักลูกๆ แต่การปกป้องครอบครัวทำให้เธอต้องเก็บซ่อนความจริงที่ทำร้ายทุกคน ดวงดาว จารุจินดา ถ่ายทอดบทคุณหญิงเรวดีได้อย่างทรงพลัง โดยเฉพาะฉากที่เธอสารภาพความจริงในช่วงท้ายเรื่อง ด้วยน้ำตาและน้ำเสียงที่สั่นเครือ สายตาของดวงดาวในฉากนั้นคือทั้งเย็นชาและเปราะบาง ทำให้คนดูทั้งเกลียดและสงสารเธอในเวลาเดียวกัน
ฉายา ราชินีแห่งบุปผจินดา
เพราะคุณหญิงเรวดีเหมือนราชินีที่ปกครองครอบครัวด้วยความยิ่งใหญ่ แต่ซ่อนความเปราะบางและบาดแผลไว้ใต้บัลลังก์
ข้อคิดจากคุณหญิงเรวดี “การปกป้องด้วยความลับอาจนำไปสู่การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่”
บทของคุณหญิงเรวดีสอนว่า การปกป้องครอบครัวด้วยการซ่อนความจริงอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีในตอนแรก แต่สุดท้ายอาจทำลายความสัมพันธ์และความไว้วางใจ
ดวงดาว จารุจินดา ทำให้คุณหญิงเรวดีกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าสงสาร การแสดงที่ผสมความเย็นชากับความเปราะบางทำให้คนดูรู้สึกถึงน้ำหนักของความลับที่เธอแบกรับ โดยเฉพาะฉากที่เธอเผชิญหน้ากับลูกสาวทั้งสามในช่วงท้ายเรื่อง ที่ทั้งสะเทือนใจและชวนให้คิด
→ นัยนา คชแสง รับบท โฉมฉาย

ผู้หญิงที่ซ่อนเงื่อนงำในเงา
โฉมฉาย คือตัวละครสมทบที่ปรากฏตัวในฐานะบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลบุปผจินดา เธออาจเป็นคนสนิทหรือบุคคลที่รู้เรื่องราวในอดีตของครอบครัวนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) น้องสาวคนสุดท้องที่ตกลงจากชั้นสามของบ้านพักตากอากาศ โฉมฉายดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ นิ่งๆ และมีสายตาที่เหมือนรู้มากกว่าที่พูด เธออาจมีข้อมูลเกี่ยวกับมรดกก้อนโตหรือความลับที่ คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) พยายามปกปิด การปรากฏตัวของเธอในเรื่องทำให้เกิดคำถามว่าเธอเป็นมิตรหรือมีวาระซ่อนเร้น
ฉายา หมอกลึกลับแห่งบุปผจินดา
เพราะโฉมฉายเหมือนหมอกที่ปกคลุมครอบครัวนี้ ดูสวยงามแต่ซ่อนความลับที่ยากจะมองทะลุ
ข้อคิดจากโฉมฉาย “บางครั้งการรู้ความลับมากเกินไปอาจทำให้เราต้องเลือกทางที่ยาก”
บทของโฉมฉายสอนว่า การรู้ความจริงอาจนำมาซึ่งภาระ การตัดสินใจว่าจะเปิดเผยหรือเก็บไว้ของโฉมฉายสะท้อนถึงความซับซ้อนของการอยู่ในวงล้อของความลับ
ข้อคิด ที่ได้จากละครสุดเข้มข้น น้องสาวหายนะ Hide & Sis จากช่อง GMM25 ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าสืบสวนที่ลุ้นจนตัวโก่ง แต่ยังเต็มไปด้วยข้อคิดที่ทำให้เราคิดถึงชีวิตและครอบครัวในมุมใหม่ ๆ พร้อมแล้ว ไปดูกันเลยว่าละครนี้สอนอะไรเราบ้าง
1. ความลับทำลายครอบครัวได้มากกว่าที่คิด
ตระกูลบุปผจินดาดูเหมือนครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ความลับที่ซ่อนไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดก การฆาตกรรม หรือการทรยศ กลายเป็นระเบิดที่ทำลายความสัมพันธ์ของทุกคน คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) พยายามปกป้องครอบครัวด้วยการซ่อนความจริง แต่สุดท้ายมันกลับทำร้ายลูก ๆ อย่าง ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) และพี่สาวทั้งสาม
ข้อคิด: การซ่อนความจริงอาจดูเหมือนปกป้องคนที่รัก แต่ถ้ามันถูกเปิดเผย มันอาจทำลายความไว้วางใจและความรักที่มีต่อกัน
2. ความแค้นนำไปสู่โศกนาฏกรรม
ชมพู (อ้าย สรัลชนา) คือตัวอย่างชัดเจนของคนที่ปล่อยให้ความแค้นครอบงำ เธอโกรธที่ฉัตรฟ้าแย่งทั้งมรดกและแฟนเก่า จนลงมือทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย การเลือกทางแห่งความแค้นทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง รวมถึงครอบครัวและอิสรภาพ
ข้อคิด: ความแค้นอาจให้ความรู้สึกสะใจชั่วครู่ แต่สุดท้ายมันจะทำร้ายทั้งตัวเราและคนที่เรารัก การให้อภัยอาจยาก แต่เป็นทางออกที่ดีกว่า
3. ความรักที่แท้จริงคือการให้อภัย
พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) แสดงให้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ แม้ฉัตรฟ้าจะเคยทรยศเธอด้วยการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้สื่อรู้ แต่พิชายังคงปกป้องและให้อภัยน้องสาว ฉากที่ทั้งสองคืนดีกันในช่วงท้ายเรื่องคือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูน้ำตาคลอ
ข้อคิด: ความรักที่แท้จริงไม่ใช่การไม่มีบาดแผล แต่คือการเลือกที่จะให้อภัยและก้าวต่อไป แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน
4. การเสียสละมากเกินไปอาจทำให้สูญเสียตัวตน
ใบบัว (แจน พลอยชมพู) เป็นพี่สาวที่ยอมทุกอย่างเพื่อครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการยอมแต่งงานปลอมหรือเสียโอกาสเรียนต่อ แต่การเสียสละของเธอกลับทำให้เธอต้องแบกความเจ็บปวดเงียบ ๆ และสุดท้ายกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ข้อคิด: การเสียสละเพื่อคนอื่นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่ถ้ามากเกินไปจนลืมตัวเอง อาจทำให้เราสูญเสียความสุขและตัวตน
5. ความจริงคือทางออก แม้จะเจ็บปวด
ฉัตรฟ้า แกล้งตายเพื่อทดสอบพี่สาวและเปิดโปงความลับของครอบครัว แม้ว่าแผนของเธอจะนำไปสู่ความเจ็บปวด แต่สุดท้ายมันทำให้ความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมแม่ของเธอถูกเผย และนำไปสู่การเริ่มต้นใหม่สำหรับเธอและพิชา
ข้อคิด: การเผชิญหน้ากับความจริงอาจเจ็บปวด แต่เป็นหนทางเดียวที่จะปลดปล่อยเราจากความลับและความรู้สึกผิด
น้องสาวหายนะ Hide & Sis ไม่ใช่แค่ละครที่ลุ้นระทึก แต่เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความซับซ้อนของครอบครัว ความรัก ความแค้น และความลับที่ทุกครอบครัวอาจเคยเจอ มันสอนให้เราคิดถึงการตัดสินใจในชีวิตและผลกระทบต่อคนรอบข้าง ถ้าคุณดูแล้ว ข้อคิดไหนที่โดนใจคุณที่สุด?
น้องสาวหายนะ Hide & Sis ภาค 2 ละครสุดเดือดจาก GMM25 ที่ซีซันแรกทิ้งปมไว้ให้เราลุ้นจนตัวโก่ง ถ้าภาค 2 เกิดขึ้นจริง มันจะดราม่าและหักมุมขนาดไหน?
สามปีหลังจากเหตุการณ์ในซีซันแรก ตระกูลบุปผจินดาพยายามเริ่มต้นใหม่หลังความลับของครอบครัวถูกเปิดโปง ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์) รอดชีวิตจากการแกล้งตายและพยายามสร้างชีวิตใหม่ในต่างจังหวัด โดยมี พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์) คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ใบบัว (แจน พลอยชมพู) ตัดสินใจออกจากครอบครัวเพื่อตามหาความสุขของตัวเอง ส่วน ชมพู (อ้าย สรัลชนา) ถูกจำคุกจากความผิดในซีซันแรก แต่มีคนลึกลับช่วยให้เธอได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา) ยังคงปกป้องชื่อเสียงตระกูล แม้ว่าจะสูญเสียอำนาจไปมาก
แต่เมื่อจู่ๆ มีจดหมายลึกลับส่งถึงฉัตรฟ้า อ้างว่ามีมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเธอซ่อนไว้ในคฤหาสน์เก่า มรดกนี้ไม่ใช่แค่เงิน แต่เป็นสมบัติที่เชื่อมโยงกับองค์กรลับที่พ่อของตระกูลเคยทำงานด้วย การค้นหามรดกนำพาทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมกับตัวละครใหม่ มิรา (รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่) หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นญาติห่างๆ ของตระกูล และ ศรันย์ (รับบทโดยนักแสดงหนุ่มชื่อดัง) นักข่าวที่ตามสืบเรื่องราวขององค์กรลับนี้ แต่เมื่อการสืบสวนลึกเข้าไป ทุกคนพบว่ามรดกนี้มาพร้อมกับอันตรายมีคนต้องการกำจัดตระกูลบุปผจินดาให้สิ้นซาก
ตัวละครหลักและพัฒนาการ
ฉัตรฟ้า (พิพลอย กัญญรัตน์)
พัฒนาการจากสาวหวานที่วางแผนแกล้งตายในซีซันแรก ฉัตรฟ้าในภาค 2 พยายามไถ่บาปด้วยการใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่จดหมายลึกลับทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับอดีต เธอเริ่มสงสัยว่าแผนการในอดีตของเธออาจจุดชนวนให้เกิดภัยคุกคามใหม่ บทบาทในภาค 2 ฉัตรฟ้าต้องร่วมมือกับศรันย์เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับมรดก แต่ความลับที่เธอเคยปกปิดจากพิชาทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สั่นคลอน
พิชา (จิงจิง ปริยพิชญ์)
พัฒนาการพิชากลายเป็นพี่สาวที่เข้มแข็งขึ้น เธอเปิดร้านเครื่องประดับเล็กๆ และปกป้องฉัตรฟ้าเหมือนแม่คนที่สอง แต่ความสัมพันธ์กับ เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้) เริ่มซับซ้อนเมื่อเข้มสงสัยว่าเธอยังปกปิดอะไรบางอย่าง บทบาทในภาค 2 พิชาต้องเลือกว่าจะเชื่อใจมิราหรือไม่ เมื่อมีหลักฐานว่ามิราอาจไม่ใช่ญาติที่แท้จริง
ใบบัว (แจน พลอยชมพู)
พัฒนาการ ใบบัวเลือกที่จะออกจากครอบครัวและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่ เธอทำงานเป็นนักเขียนและพยายามรักษาแผลใจจากอดีต แต่การกลับมาของชมพูทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอีกครั้ง บทบาทในภาค 2 ใบบัวถูกดึงกลับมาในเกมมรดกเมื่อพบว่าเธออาจเป็นเป้าหมายขององค์กรลับ
ชมพู (อ้าย สรัลชนา)
พัฒนาการ หลังจากออกจากคุก ชมพูเปลี่ยนไป เธอดูเหมือนจะสำนึกผิด แต่ความแค้นในใจยังคงอยู่ เธอร่วมมือกับมิราเพื่อหามรดก แต่มีวาระซ่อนเร้นที่อาจทรยศทุกคน บทบาทในภาค 2 ชมพูเป็นตัวละครที่สร้างความตึงเครียด เธออาจเป็นทั้งพันธมิตรและศัตรูของครอบครัว
คุณหญิงเรวดี (ดวงดาว จารุจินดา)
พัฒนาการ คุณหญิงเรวดีสูญเสียอำนาจไปมากหลังความลับในซีซันแรกถูกเปิดโปง เธอพยายามกอบกู้ชื่อเสียงตระกูล แต่ป่วยหนักและเริ่มสงสัยว่ามีคนในครอบครัวทรยศเธอ บทบาทในภาค 2 คุณหญิงเรวดีเป็นผู้ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับองค์กรลับ และพยายามปกป้องลูกๆ จากอันตราย
เข้ม (ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้)
พัฒนาการ เข้มเลิกเป็นนักสืบและผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย แต่ถูกดึงกลับเข้าสู่คดีเมื่อศรันย์ขอให้เขาช่วยสืบเรื่ององค์กรลับ บทบาทในภาค 2 เข้มเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงปริศนา และความสัมพันธ์กับพิชาทำให้เขาต้องตัดสินใจระหว่างหน้าที่และหัวใจ
ตัวละครใหม่ มิรา (นักแสดงหน้าใหม่)
คาแร็กเตอร์ หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นญาติห่างๆ ของตระกูล เธอมีเสน่ห์และดูเหมือนอยากช่วย แต่มีพฤติกรรมที่ชวนสงสัยว่าเธออาจทำงานให้องค์กรลับ บทบาทในภาค 2 มิราเป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียด เธออาจเป็นกุญแจในการคลายปมหรือตัวอันตรายที่ซ่อนอยู่
ตัวละครใหม่ ศรันย์ (นักแสดงหนุ่มชื่อดัง)
คาแร็กเตอร์ นักข่าวหนุ่มที่ตามสืบเรื่องราวขององค์กรลับ เขามีความมุ่งมั่นและไม่กลัวอันตราย แต่การเข้าใกล้ตระกูลบุปผจินดาทำให้เขาต้องเผชิญกับอดีตของตัวเอง บทบาทในภาค 2 ศรันย์เป็นตัวเร่งให้เรื่องราวเข้มข้น และอาจพัฒนาความสัมพันธ์กับฉัตรฟ้า
เบื้องหลังความลึกลับของกองถ่ายละครสุดปังแห่งปี 2568 น้องสาวหายนะ Hide & Sis จากช่อง GMM25 มาดูกันว่าปริศนาเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยังไงในกองถ่ายที่ดูปกติแต่ซ่อนความลึกลับไว้เต็มเปี่ยม
ในกองถ่ายที่ตั้งขึ้นในสตูดิโอ GMM TV ย่านสุขุมวิท ทีมตัดต่อนำโดยหัวหน้าทีมตัดต่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์แปลกประหลาด ไฟล์วิดีโอที่บันทึกฉากสำคัญในคฤหาสน์บุปผจินดาหายไปจากฮาร์ดไดรฟ์ทั้งหมด ทีมงานค้นหาทุกเครื่องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์สำรอง แต่ไฟล์เหล่านั้นเหมือนระเหยหายไป ทิ้งไว้เพียงล็อกไฟล์ที่แสดงว่ามีคนเข้าถึงระบบในเวลาดึกดื่น โดยไม่มีร่องรอยใครล็อกอิน หัวหน้าทีมตัดต่อเริ่มสงสัยว่ามีใครในทีมแอบแก้ไขไฟล์เพื่อปกปิดข้อผิดพลาด แต่เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้อง ก็พบว่าห้องว่างเปล่าในเวลานั้น สุดท้ายทีมต้องถ่ายทำฉากนั้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้กำหนดการล่าช้าไปหลายวัน
ทีมเทคนิคและช่างกล้องที่รับผิดชอบฉากกลางคืนในบ้านพักตากอากาศเก่าที่ชลบุรีต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ชวนขนลุก กล้องและขาตั้งที่ตั้งไว้อย่างมั่นคงเคลื่อนที่ไปเองในเวลากลางคืน ทีมช่างกล้องตื่นมาก็พบว่ากล้องหันไปยังมุมที่ไม่มีใครเคยถ่าย ราวกับมีคนแอบปรับมุมกล้อง หัวหน้าทีมเทคนิคตรวจสอบและพบว่าล็อกกล้องไม่มีรอยถูกงัด แต่มีรอยนิ้วมือลึกลับบนตัวกล้องที่ไม่ตรงกับใครในทีม พวกเขาต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น ล็อกอุปกรณ์ทุกชิ้นและตั้งกล้องเฝ้าระวังเพิ่ม แต่เหตุการณ์ยังเกิดซ้ำ จนทีมต้องย้ายสถานที่ถ่ายทำบางส่วนไปยังสตูดิโอสำรอง
ทีมไฟและสปอตไลท์ที่รับผิดชอบการให้แสงในฉากดราม่าครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาไฟสปอตไลท์ที่ดับลงเองในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ระหว่างถ่ายฉากฝนตกหนัก ไฟทั้งหมดดับวูบในทันที ทำให้ทีมต้องหยุดถ่ายและตรวจสอบระบบไฟฟ้า หัวหน้าทีมไฟพบว่าฟิวส์ขาดโดยไม่มีสาเหตุ แต่เมื่อตรวจสอบลึกเข้าไป พวกเขาพบว่าสายไฟในห้องใต้ดินของสถานที่ถ่ายทำมีรอยถูกตัดอย่างละเอียด ราวกับมีคนตั้งใจทำลาย ทีมงานเริ่มสงสัยว่ามีคนในกองถ่ายที่ไม่พอใจกับกำหนดการเร่งรัด และอาจแกล้งสร้างปัญหาเพื่อเลื่อนการถ่ายทำ สุดท้ายต้องเรียกทีมช่างภายนอกมาซ่อมแซม ซึ่งเพิ่มงบประมาณไปไม่น้อย
ทีมศิลป์และโปรดักชันดีไซเนอร์ที่วางแผนเซ็ตฉากต้องงงกับแผนผังสถานที่ที่เปลี่ยนไปเอง ระหว่างประชุมในห้องประชุมกองถ่าย แผนผังคฤหาสน์บุปผจินดาที่วาดไว้อย่างละเอียดมีรอยถูกแก้ไข โดยห้องลับใต้ดินที่ควรอยู่ทางซ้ายถูกย้ายไปทางขวา หัวหน้าทีมศิลป์ตรวจสอบและพบว่าไม่มีใครแตะต้องเอกสารนั้น แต่มีรอยดินสอจางๆ ที่ดูเหมือนถูกเขียนใหม่ พวกเขาต้องทำแผนใหม่ทั้งหมด และเริ่มสงสัยว่ามีคนแอบเข้าไปในห้องประชุมเพื่อแก้ไขข้อมูล สุดท้ายทีมต้องใช้ระบบดิจิทัลแทนกระดาษเพื่อป้องกันปัญหานี้