ละคร ก่อนตะวันแลง 2563 ละครแนวรักโรแมนติกดราม่า เรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความริษยา และโศกนาฏกรรมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีฉากหลังเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว ความโลภ และการแก้แค้น
จุดเริ่มต้น (ปี พ.ศ. 2523)
เรื่องเริ่มต้นในงานนมัสการพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม เมื่อ “พิณ” และ “บัวผัน” คู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูก พบทารกเพศหญิงถูกทิ้งไว้ในห่อผ้า พวกเขาตัดสินใจเก็บเด็กมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่า “เรณู” ต่อมาเมื่อเรณูอายุ 1 ขวบ บัวผันตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวชื่อ “ช่อแก้ว” ทำให้ทัศนคติของบัวผันต่อเรณูเปลี่ยนไป เธอเริ่มรู้สึกว่าเรณูเป็นภาระ ขณะที่พิณยังคงรักและปกป้องเรณู โดยห้ามบัวผันบอกความจริงว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม
19 ปีต่อมา ความขัดแย้งและความรัก
เมื่อเรณูและช่อแก้วโตเป็นสาว ทั้งคู่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรณูอ่อนหวาน น้ำใจงาม และอดทน ส่วนช่อแก้วเห็นแก่ตัว ร้ายกาจ และชอบรังแกเรณูราวกับทาส “ปลัดพงษ์ศักดิ์” ปลัดอำเภอคนใหม่ ตกหลุมรักเรณู แต่ช่อแก้วก็หลงรักพงษ์ศักดิ์เช่นกัน ทำให้เกิดความอิจฉารุนแรง ช่อแก้วสั่งให้ “บุญหลาย” คนรักของเธอ ดักฉุดเรณูเพื่อทำร้าย แต่พงษ์ศักดิ์ช่วยไว้ได้ทัน สุดท้ายเรณูและพงษ์ศักดิ์แต่งงานกัน ซึ่งยิ่งทำให้ช่อแก้วแค้นใจถึงขั้นพยายามผูกคอตาย แต่บัวผันช่วยไว้ได้ทัน
บัวผันโกรธเรณูและเผลอบอกว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม พิณยอมรับความจริง ทำให้เรณูเสียใจแต่ยังคงอดทน ต่อมา พงษ์ศักดิ์ถูกบุญหลายฆ่าตายโดยไม่ตั้งใจ หลังจากงานศพ เรณูคลอดลูกชายชื่อ “พนมกร” ขณะที่ช่อแก้วคลอดลูกสาวชื่อ “กัลยา” เรณูรับหน้าที่ดูแลทั้งสองเด็กอย่างดี แต่บัวผันยังคงรังเกียจเรณูและไล่เธอออกจากบ้าน เรณูจึงปลูกบ้านใหม่ในที่ดินที่พิณยกให้ก่อนตาย
โศกนาฏกรรมและการพลัดพราก
เมื่อบัวผันพบปืนที่บุญหลายทิ้งไว้ในบ่อน้ำ เธอรู้ความจริงว่าบุญหลายฆ่าพงษ์ศักดิ์และตั้งใจแจ้งความ แต่เกิดการต่อสู้จนบัวผันพลัดตกบ่อน้ำตาย ด้าน “ดวงใจ” แม่แท้ๆ ของเรณูที่ป่วยเป็นมะเร็งและใกล้ตาย ต้องการตามหาลูกสาวที่เธอทิ้งไว้เมื่อ 40 ปีก่อน ดวงใจมีลูกบุญธรรมชื่อ “กมลชนก” และมอบหมายให้ เรวัติ (จอม ศรุฒ สุวรรณภักดี) คนสนิท จ้างนักสืบตามหาเรณู
ช่อแก้วรู้เรื่องนี้และเกิดความโลภ เธอขโมยแหวนของเรณูเพื่อสวมรอยเป็นลูกสาวของดวงใจ บุญหลายทำร้ายเรณูจนสลบและสูญเสียความทรงจำ เรณูพลัดหลงกับพนมกรหลังออกจากโรงพยาบาลและไปอาศัยอยู่กับแม่ชีที่วัด ส่วนช่อแก้วเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อแสดงตัวต่อดวงใจ ทำให้ดวงใจเชื่อว่าเธอคือลูกสาวแท้ๆ
การตามหาและบทสรุป
พนมกรเติบโตขึ้นและออกตามหาเรณู โดยมีกัลยาคอยช่วยเหลือ ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน แม้จะรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ช่อแก้วรู้ว่าเรณูอาจฟื้นความทรงจำได้ จึงรีบกลับมานครพนมและพบเรณูก่อน ในตอนจบ ช่อแก้วเผชิญหน้ากับบุญหลายและกิ๊ฟ (ตัวละครสมทบ) เมื่อรู้ว่าบุญหลายเป็นฆาตกร เธอพลั้งมือยิงบุญหลายตาย
ดวงใจป่วยหนักและได้พบเรณูที่พระธาตุพนม เธอรู้ความจริงว่าเรณูคือลูกสาวแท้ๆ สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้ก่อนที่ดวงใจจะเสียชีวิตในอ้อมกอดของเรณู พนมกรและกัลยาแต่งงานกัน โดยมีเรณูให้พร เรื่องราวจบลงด้วยเรณูไหว้พระธาตุพนม ขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขและไม่ต้องพลัดพรากอีกต่อไป
ประเด็นหลักของเรื่อง
• ความรักและสายใยครอบครัว เรื่องเน้นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก (เรณู-ดวงใจ, พนมกร-เรณู) และความรักที่เอาชนะอุปสรรค
• ความริษยาและการแก้แค้น ความอิจฉาของช่อแก้วและการกระทำที่เห็นแก่ตัวนำไปสู่โศกนาฏกรรม
• การไถ่บาปและการให้อภัย ตัวละครหลายตัวต้องเผชิญผลจากการกระทำของตน และบางส่วนได้รับโอกาสในการไถ่บาป
ละคร ก่อนตะวันแลง ได้รับความนิยมจากเนื้อหาดราม่าที่เข้มข้นและการแสดงที่ทรงพลัง โดยเคยทำเรตติ้งสูงสุดถึง 8.1 และมีการรีรันในปีต่อๆ มา เนื้อหาต่อไปนี้เป็นเนื้อเรื่องทั้งหมดของละคร รวมถึงจุดสำคัญ
จุดเริ่มต้น ปี พ.ศ. 2523
เรื่องเริ่มที่งานนมัสการพระธาตุพนม จ.นครพนม พิณ และ บัวผัน คู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูก พบทารกถูกทิ้งไว้ในห่อผ้า จึงเก็บมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่า เรณู ต่อมา บัวผันตั้งครรภ์และคลอด ช่อแก้ว ทำให้เธอเริ่มรังเกียจเรณู แต่พิณยังคงรักและปกป้องเรณู โดยสั่งห้ามบอกว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม
19 ปีต่อมา ความรักและความริษยา
เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) เติบโตเป็นสาวสวย อ่อนหวาน และอดทน ส่วนช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) เห็นแก่ตัวและรังแกเรณูเหมือนทาส ปลัดพงษ์ศักดิ์ ปลัดหนุ่มหล่อ ตกหลุมรักเรณู แต่ช่อแก้วก็ชอบพงษ์ศักดิ์เช่นกัน เธอจึงอิจฉาและสั่งให้ บุญหลาย คนรักของเธอ ดักทำร้ายเรณู แต่พงษ์ศักดิ์ช่วยไว้ได้
เรณูและพงษ์ศักดิ์แต่งงานกัน ทำให้ช่อแก้วแค้นหนักถึงขั้นพยายามผูกคอตาย แต่บัวผันช่วยไว้ บัวผันโกรธเรณูจนเผลอบอกว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม พิณยอมรับความจริง เรณูเสียใจแต่ยังคงอดทน ต่อมา บุญหลายฆ่าพงษ์ศักดิ์โดยไม่ตั้งใจในระหว่างการทะเลาะวิวาท
โศกนาฏกรรมครอบครัว
หลังงานศพพงษ์ศักดิ์ เรณูคลอดลูกชายชื่อ พนมกร ส่วนช่อแก้วคลอดลูกสาวชื่อ กัลยา เรณูรับหน้าที่เลี้ยงดูทั้งสองเด็ก แต่บัวผันยังรังเกียจและไล่เรณูออกจากบ้าน เรณูจึงย้ายไปปลูกบ้านในที่ดินที่พิณให้ไว้
ต่อมา บัวผันพบปืนในบ่อน้ำและรู้ว่าบุญหลายฆ่าพงษ์ศักดิ์ เธอจะไปแจ้งความ แต่เกิดการต่อสู้จนบัวผันตกบ่อน้ำตายอย่างน่าสลด
ความลับของเรณูและการสวมรอย
ดวงใจ (กบ ปภัสรา) แม่แท้ๆ ของเรณู ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ต้องการตามหาลูกสาวที่ทิ้งไว้เมื่อ 40 ปีก่อน เธอมอบหมายให้ เรวัติ คนสนิท และ กมลชนก ลูกบุญธรรม จ้างนักสืบตามหาเรณู
ช่อแก้วรู้เรื่องนี้และเกิดความโลภ เธอขโมยแหวนของเรณูและสวมรอยเป็นลูกสาวของดวงใจ ด้านบุญหลายทำร้ายเรณูจนสลบและสูญเสียความทรงจำ เรณูพลัดหลงกับพนมกร และไปอาศัยอยู่กับแม่ชีที่วัด ส่วนช่อแก้วเดินทางไปกรุงเทพฯ และหลอกดวงใจจนได้รับการยอมรับเป็นลูกสาว
การตามหาและโศกนาฏกรรมครั้งสุดท้าย
พนมกร (ภูมิ เกียรติภูมิ) เติบโตเป็นหนุ่มและออกตามหาเรณู โดยมีกัลยา (มะเหมี่ยว พรชดา) คอยช่วยเหลือ ทั้งสองตกหลุมรักกัน แม้จะรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ช่อแก้วกลัวเรณูจะฟื้นความทรงจำ จึงกลับมานครพนมและเผชิญหน้ากับเรณู
ในช่วงท้าย ช่อแก้วเผชิญหน้ากับบุญหลายและรู้ว่าเขาเป็นฆาตกร เธอพลั้งมือยิงบุญหลายตาย ดวงใจที่ป่วยหนักได้พบเรณูที่พระธาตุพนมและรู้ว่าเรณูคือลูกสาวแท้ๆ ทั้งสองกอดกันร่ำไห้ก่อนที่ดวงใจจะเสียชีวิตในอ้อมกอดของเรณู
จุดเด่นและข้อคิด
• ดราม่าเข้มข้น เรื่องราวเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความรัก และการทรยศที่ชวนติดตาม
• ตัวละครที่หลากมิติ เรณูเป็นนางเอกที่อดทน ส่วนช่อแก้วเป็นตัวร้ายที่ขับเคลื่อนเรื่องด้วยความริษยา
• ข้อคิด การให้อภัย ความรักในครอบครัว และผลของกรรมจากการกระทำชั่ว
คะแนน 8.5/10 (จาก sence9.com)
ก่อนตะวันแลง เป็นละครดราม่าที่ครบรส เหมาะสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวเข้มข้นแบบจัดเต็ม ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนุ๊ก สุทธิดา และเมย์ บัณฑิตา ผสมกับพล็อตที่ชวนลุ้นและฉากดราม่าที่เรียกน้ำตา ละครเรื่องนี้สามารถมัดใจผู้ชมได้ดี โดยเฉพาะฉากแม่ลูกพบกันในตอนท้ายที่ทรงพลังมาก ถึงแม้จะมีจุดด้อยในเรื่องความสมจริงและงานภาพบ้าง แต่โดยรวมถือเป็นละครที่สนุกและน่าจดจำ
แนะนำสำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบละครดราม่าเข้มข้น นางเอกน่าสงสาร นางร้ายร้ายสุดขั้ว และเรื่องราวเกี่ยวกับสายใยครอบครัว ไม่แนะนำสำหรับ คนที่ไม่ชอบละครดราม่าหนักหรือฉากรุนแรง
ละครเล่าถึงชีวิตของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดย พิณ และ บัวผัน แต่ถูก ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) ลูกสาวแท้ๆ ของครอบครัวรังแกอย่างหนัก เรื่องราวซับซ้อนด้วยความรักของเรณูและ ปลัดพงษ์ศักดิ์ ความริษยาของช่อแก้ว และปมดราม่าการตามหาแม่แท้ๆ อย่าง ดวงใจ (กบ ปภัสรา) ที่ถูกช่อแก้วสวมรอย
จุดเด่นของพล็อตคือการผสมผสาน ดราม่าชิงรักหักสวาท กับ โศกนาฏกรรมครอบครัว ได้อย่างลงตัว ละครมีการหักมุม เช่น การสูญเสียความทรงจำของเรณู และการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวละครในตอนท้าย ซึ่งชวนให้คนดูติดตาม ความยาว 27 ตอนถือว่ากระชับ ไม่ยืดเยื้อเกินไป อย่างไรก็ตาม บางช่วงอาจรู้สึกว่าดราม่าหนักเกิน เช่น การรังแกเรณูที่ดูโหดร้ายจนเกินจริง และบางปม (เช่น การตายของบัวผัน) คลี่คลายเร็วเกินไป
นักแสดงคือจุดแข็งสำคัญของละคร
– นุ๊ก สุทธิดา (เรณู): ถ่ายทอดความอ่อนหวาน อดทน และน่าสงสารได้ดีมาก โดยเฉพาะฉากดราม่าร้องไห้ที่เรียกน้ำตาคนดูได้
– เมย์ บัณฑิตา (ช่อแก้ว): รับบทนางร้ายได้อย่างถึงพริกถึงขิง ความร้ายกาจและความริษยาของเธอทำให้คนดูหมั่นไส้สุดๆ
– กบ ปภัสรา (ดวงใจ): แม้บทจะปรากฏในช่วงท้าย แต่การแสดงฉากแม่ลูกพบกันเรียกน้ำตาท่วมจอ
– ภูมิ เกียรติภูมิ (พนมกร) และ มะเหมี่ยว พรชดา (กัลยา): คู่รักรุ่นลูกที่เคมีดี แม้บทจะไม่เด่นเท่ารุ่นพ่อแม่
– จุ๊บ อิทธิกร (บุญหลาย): รับบทตัวร้ายที่มีมิติ ทั้งรักช่อแก้วและทำผิดเพราะความหลง
– นักแสดงสมทบ เช่น วรพรต ชะเอม (พิณ) และ นุศรา ประวันณา (บัวผัน) ก็ช่วยเติมเต็มอารมณ์ของเรื่องได้ดี การแสดงโดยรวมไม่มีจุดบกพร่องชัดเจน ทุกคนเข้าถึงบทบาทและถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงใจ
ละครถ่ายทำในจังหวัดนครพนม โดยมีฉากพระธาตุพนมเป็นไฮไลต์ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศท้องถิ่นได้ดี ภาพมุมกว้างของแม่น้ำโขงและวิถีชีวิตริมน้ำเพิ่มเสน่ห์ให้เรื่องราว อย่างไรก็ตาม งานภาพในบางฉาก เช่น ฉากในบ้านหรือฉากดราม่ากลางคืน ดูธรรมดาและแสงค่อนข้างมืด
ด้านดนตรีประกอบทำได้ดี โดยเฉพาะเพลง “ก่อนตะวันแลง” ขับร้องโดย สุวดี เกยรัมย์ ที่ช่วยเสริมอารมณ์โศกนาฏกรรมได้อย่างลงตัว การตัดต่อลื่นไหล ไม่มีปัญหาการเล่าเรื่องสะดุด
ละคร ก่อนตะวันแลง เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ทางความรู้สึก ด้วยเรื่องราวดราม่าเข้มข้นที่ผสมผสานความรัก ความแค้น ความริษยา และสายใยครอบครัว
สงสารและเอาใจช่วยเรณูสุดใจ
ตัวละคร เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) เป็นนางเอกที่ชวนให้รู้สึกเห็นใจตั้งแต่ต้นเรื่อง เธอถูกเลี้ยงมาในฐานะลูกบุญธรรม ถูก บัวผัน และ ช่อแก้ว รังแกทั้งกายและใจอย่างหนัก ฉากที่เรณูต้องทนทุกข์ เช่น ถูกช่อแก้วตบตีหรือถูกไล่ออกจากบ้าน ทำให้รู้สึกอึดอัดและอยากเข้าไปช่วยเธอ การแสดงของนุ๊กที่ถ่ายทอดความอดทนและน้ำตาได้อย่างจริงใจ ยิ่งทำให้รู้สึกผูกพันและอยากให้เรณูได้พบความสุขสักที
หงุดหงิดและหมั่นไส้ช่อแก้วแบบสุดขีด
ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) คือนางร้ายที่ร้ายถึงแก่น การกระทำของเธอ เช่น การแย่งคนรักของเรณู สั่งให้ทำร้ายเรณู หรือแม้แต่สวมรอยเป็นลูกของ ดวงใจ ทำให้รู้สึกโกรธและหมั่นไส้ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เมย์เล่นได้สมบทบาทจนคนดูอยากให้ช่อแก้วได้รับผลกรรมไวๆ แต่ในขณะเดียวกัน ความร้ายของเธอก็เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องให้สนุกและน่าติดตาม
ลุ้นและสะใจกับการหักมุม
ละครมีจุดหักมุมที่ชวนลุ้น เช่น การสูญเสียความทรงจำของเรณู การตายของตัวละครสำคัญอย่าง บัวผัน และ พงษ์ศักดิ์ หรือการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเรณูในตอนท้าย ทุกครั้งที่มีปมใหม่เกิดขึ้น จะรู้สึกอยากดูต่อทันทีเพื่อรู้ว่าเรื่องจะคลี่คลายอย่างไร โดยเฉพาะฉากที่ช่อแก้วต้องเผชิญผลกรรมจากการยิง บุญหลาย ทำให้รู้สึกสะใจที่ความยุติธรรมมาถึง
น้ำตาแตกกับฉากแม่ลูก
ไฮไลต์ทางอารมณ์คือฉากที่ เรณู ได้พบ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) แม่แท้ๆ ที่พระธาตุพนม การแสดงของทั้งคู่ในฉากนี้เต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งความเสียใจจากการพลัดพรากและความดีใจที่ได้พบกันก่อนที่ดวงใจจะจากไป ทำให้รู้สึกน้ำตาคลอและซาบซึ้งในสายใยแม่ลูก ฉากนี้เป็นจุดพีคที่เรียกน้ำตาคนดูได้แน่นอน
ชื่นชมวัฒนธรรมและฉากท้องถิ่น
ฉากที่ถ่ายทำในจังหวัดนครพนม โดยเฉพาะบริเวณพระธาตุพนมและแม่น้ำโขง ทำให้รู้สึกประทับใจในความสวยงามของสถานที่และวัฒนธรรมท้องถิ่น การที่ละครผสมผสานวิถีชีวิตแบบอีสานเข้ากับเรื่องราวดราม่า ทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสบรรยากาศของชุมชนนั้นจริงๆ
อึดอัดกับดราม่าหนักในบางช่วง
บางฉากที่ดราม่าเกินจริง เช่น การรังแกเรณูอย่างโหดร้าย หรือการตายของตัวละครที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป อาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดหรืออึดอัดบ้าง โดยเฉพาะช่วงที่เรณูต้องเจอความอยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อเรื่องเริ่มคลี่คลายในช่วงท้าย ความรู้สึกเหล่านี้ก็ค่อยๆ จางลง
โดยรวมแล้ว ก่อนตะวันแลง เป็นละครที่ทำให้รู้สึกทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งลุ้น และทั้งร้องไห้ การเล่าเรื่องที่กระชับ ผสมกับการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน โดยเฉพาะนุ๊ก สุทธิดา และเมย์ บัณฑิตา ทำให้ละครเรื่องนี้สนุกและน่าจดจำ แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ดราม่าหนักเกินไป แต่ตอนจบที่เรณูได้ความยุติธรรมและครอบครัวกลับมารวมกัน ทำให้รู้สึกอิ่มใจและสมหวัง
ข้อคิดที่ได้ ละครสอนเรื่องการให้อภัย ความรักในครอบครัว และผลของการกระทำ ซึ่งทำให้รู้สึกซาบซึ้งและอยากเห็นคุณค่าของคนรอบตัวมากขึ้น
ละคร ก่อนตะวันแลง 2563
ละคร ก่อนตะวันแลง 2563 EP.1-34CH7+
ฉากเด็ด ก่อนตะวันแลง
ก่อนตะวันแลง Ost.ก่อนตะวันแลง | สุวดี เกยรัมย์ [Official MV]
ละคร ก่อนตะวันแลง 2563
เรื่องราวความรัก ความริษยา และเห็นแก่ตัวจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก ทำให้ชายหนุ่มกำพร้าพ่ออย่างเขาต้องพลัดพรากจากแม่ที่ถูกทำร้ายจนความจำเสื่อมและหายตัวไป เขาออกตามหาแม่ โดยมีเธอผู้เป็นน้องสาวต่างสายเลือดคอยช่วยเหลือจนความรักก่อตัวขึ้น ยิ่งเขาใกล้พบผู้เป็นแม่เท่าไหร่ ความลับต่างๆก็ยิ่งเปิดเผย ทั้งชาติกำเนิดที่แท้จริงของแม่ และฆาตกรที่ฆ่าพ่อกับผู้มีพระคุณ แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับการที่รู้ว่าคนร้ายคือคนใกล้ตัวที่เขาไม่คาดคิด
ปี พ.ศ. 2523 งานนมัสการพระธาตุพนม พบทารกเพศหญิงถูกทิ้งไว้ในห่อผ้า พิณ กับ บัวผัน สองผัวเมียแต่งงานกันมานานไม่มีลูก จึงเก็บเด็กมาเลี้ยง ตั้งชื่อว่า เรณู พอเรณูอายุได้ 1 ขวบ ก็เกิดลูกอิจฉา บัวผันตั้งท้อง คลอดลูกสาวออกมาให้ชื่อว่า ช่อแก้ว จากเคยฟูมฟักทะนุถนอมเรณู บัวผันกลับนึกชัง ไม่น่าเก็บเรณูมาเป็นภาระ ครอบครัวก็ฐานะยากจน หากแต่พิณ ผู้เป็นพ่อ รักสงสารเรณูมาก พิณห้ามบัวผันบอกเรณูว่าเป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยง
19 ปีต่อมา…เรณูกับช่อแก้วเติบโตเป็นสาวสวย ทว่าสองพี่น้องนิสัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรณูอ่อนหวาน น่ารัก น้ำใจงาม ช่อแก้วเห็นแก่ตัว ร้ายกาจ เอาแต่ใจ ช่อแก้วมักรังแก จิกใช้เรณูเยี่ยงทาส ซึ่งเรณูก็ก้มหน้าอดทน
พงษ์ศักดิ์ ปลัดอำเภอหนุ่มรูปหล่อ ถูกย้ายมาอยู่อำเภอเรณูนคร พงษ์ศักดิ์เกิดตกหลุมรักเรณูที่รำในขบวนฟ้อนภูไท งานลมหนาวเรณูนคร โชคชะตาฟ้ากลั่นแกล้งให้ช่อแก้วดันหลงรักพงษ์ศักดิ์ เรณูยอมหลีกทางให้น้องสาว ปลัดพงษ์ศักดิ์ตามตื๊อรักเรณู สร้างความอิจฉาริษยาให้ช่อแก้วมาก
คืนหนึ่ง เรณูถูกคนร้ายดักฉุด พงษ์ศักดิ์มาช่วยไว้ได้ คนที่ดักฉุดเรณูก็คือ บุญหลาย นักเลงประจำหมู่บ้าน ช่อแก้วสั่งให้บุญหลายที่หลงรักตนจับเรณูไปให้ลูกน้องย่ำยี บุญหลายคาดผ้าขาวม้าปิดบังใบหน้า จึงไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือบุญหลาย พงษ์ศักดิ์ห่วงความปลอดภัยเรณูมาก จึงพามาอยู่บ้านพักปลัดอำเภอ ชาวบ้านครหาว่าสองคนได้เสียเป็นเมียผัว
งานดอง พงษ์ศักดิ์กับเรณูแต่งงานเพื่อลบคำครหา เหนือสิ่งอื่นใดสองหนุ่มสาวรักกัน ช่อแก้วช้ำรักจะผูกคอตาย บัวผันผู้เป็นแม่มาตัดเชือกได้ทัน ความที่ลูกสาวแท้ ๆ เกือบตายเพราะนังเรณู นังลูกชัง บัวผันจึงผิดสัญญาที่ให้ไว้กับผัว ที่จะไม่บอกว่าเก็บเรณูมาเลี้ยง บัวผันด่าทอเรณูรุนแรง “นังเรณู แกมันบ่ใช่ลูกอิพ่ออิแม่ แกสิมันเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง” พิณ ผู้เป็นพ่อยอมรับว่าเป็นความจริง เรณูเสียใจมาก พิณปลอบเรณู “แม่แท้ ๆ ของเจ้าสิต้องมีความจำเป็นหลาย ถึงได้ทอดทิ้งเจ้า อย่าไปเคียดแม่แท้ ๆ ของเจ้าเด้อ” (เคียดหมายถึงโกรธ) พิณยังได้มอบของสำคัญให้เรณู แหวนเงินลงยาที่แม่แท้ ๆ ของเรณูทิ้งไว้ในห่อผ้า ตัวแหวนสลักชื่อ ดวงใจ แม่แท้ ๆ ของเรณูชื่อดวงใจ เรณูตามหาผู้หญิงชื่อดวงใจ ที่เอาลูกมาทิ้งในงานพระธาตุพนมเมื่อ 23 ปีก่อน แต่ไม่พบ เรณูไหว้พระธาตุพนม ขอให้ได้เจอแม่
หลังบอกความจริงลูก พิณก็ป่วยตาย เหลือเรณูเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหาเลี้ยงครอบครัว เรณูทอผ้าไหมขาย ฝีมือทอผ้าจัดว่าละเอียดสวยงาม ผ้าไหมของเรณูมีคนมารับซื้อถึงบ้าน เรณูกับพงษ์ศักดิ์ได้ข่าวดี เรณูตั้งท้อง ช่อแก้วยังตามกลั่นแกล้งเรณู ถีบท้องเรณู หมายให้แท้งลูก ถึงเวลาที่เรณูต้องลุกขึ้นสู้ เรณูสั่งช่อแก้วให้ช่วยปั่นเส้นไหม ไม่งั้นจะไม่ให้เงินใช้ ช่อแก้วถูกบังคับให้ทำงาน ยิ่งเกลียดชังเรณู ช่อแก้วประชดรักผิดหวัง อีกทั้งอยากได้คนหาเลี้ยง จึงยอมแต่งงานกับอ้ายบุญหลาย ชีวิตคู่ของช่อแก้วกับบุญหลายหวานอมขมกลืน บุญหลายรู้ว่าช่อแก้วยังรักปลัดพงษ์ศักดิ์
โจรขโมยควายอาละวาด ปลัดพงษ์ศักดิ์ยิงต่อสู้โจร เกิดพลาดท่า ช่อแก้วตามมาช่วย เอาตัวรับกระสุนแทนพงษ์ศักดิ์ ช่อแก้วรอดตาย หากแต่คนที่ตายทั้งเป็นคือบุญหลาย เมียรักยอมเสี่ยงชีวิตช่วยชายอื่น ความแค้นมันสุมอก บุญหลายไปท้าดวลปลัดพงษ์ศักดิ์ยิงปืนหมายให้ตายกันไปข้าง
ปลัดพงษ์ศักดิ์ไม่เอาด้วย บุญหลายเล็งปืนไปที่ปลัด พอจะยิงกลับยิงไม่ลง อ้ายบุญหลายมันไม่ใช่ฆาตกรโดยสันดาน ทว่า… ปืนลั่น ปลัดพงษ์ศักดิ์ตาย บุญหลายกลัวความผิดจึงเอาศพไปทิ้ง หลายวันต่อมาชาวบ้านพบศพ เรณูร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ จู่ ๆ ผัวรักตายจาก หลังงานศพผัว เรณูก็คลอดลูกชาย เรณูตั้งชื่อลูกว่า พนมกร ตามชื่อพระธาตุพนม เนื่องด้วยพงษ์ศักดิ์ผัวรักไหว้พระธาตุพนมขอให้ได้ลูกชาย
ทางด้านคดี ตำรวจสันนิษฐานว่าปลัดพงษ์ศักดิ์โดนโจรขโมยควายยิงตาย แต่จับฆาตกรไม่ได้ บุญหลายเอาปืนที่ยิงปลัดพงษ์ศักดิ์ตายไปทิ้งบ่อน้ำบาดาลหลังบ้าน อ้ายบุญหลาย ฆาตกรตัวจริงลอยนวล
ทางการเอาบ้านพักปลัดอำเภอคืน เรณูจึงหอบลูกวัยแบเบาะกลับมาอยู่บ้านแม่ บัวผันไล่ตะเพิดเรณู “มึงสิบ่ใช่ลูกกู กูบ่ให้มึงอยู่ที่บ้านกู” เรณูยืนกรานสิทธิ์ตัวเอง “ก่อนตาย พ่อสิบอกข้อย พ่อยกที่ดินหลังบ้านให้ข้อย ข้อยจะปลูกเฮือนอยู่ที่นี่” เพื่อนบ้านมาช่วยลงแรงปลูกเรือนหลังเล็กให้เรณูอยู่กับลูก เมื่อเป็นแม่คน เรณูก็ยิ่งนึกถึงแม่แท้ ๆ ของตัวเอง อยากให้แม่ได้อุ้มหลาน พอได้ยินว่าคนบ้านใดชื่อดวงใจ เรณูก็ดั้นด้นไปหา “แม่ดวงใจ แม่อยู่ไส ลูกอยากพ้อแม่หลาย” (พ้อหมายถึงเจอ)
ช่อแก้วตั้งท้อง ได้ลูกสาว บุญหลายรักลูกมาก ผิดกับช่อแก้วที่ไม่อินังขังขอบลูก เพราะลูกเป็นเหตุให้ช่อแก้วทิ้งบุญหลายไม่ได้ เรณูเวทนาหลาน อุ้ม กัลยา ลูกสาวช่อแก้วมาให้นมแทนแม่ตัว
บัวผัน ตกบ่อน้ำบาดาลหลังบ้านตาย ตอนเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้าน ไม่รู้บัวผันพลัดตกบ่อบาดาลได้อย่างไร ? ความจริงก็คือ บัวผันบังเอิญเจอปืนบุญหลายที่ทิ้งไว้ในบ่อน้ำ บุญหลายยอมรับว่าทำปืนลั่นใส่ปลัดพงษ์ศักดิ์ตาย บัวผันจะไปบอกตำรวจ บุญหลายไม่ยอมให้ไป เกิดยื้อยุดแย่งปืนกัน ทำให้บัวผันเสียหลักพลัดตกบ่อบาดาล มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ด้วยกลัวความผิด บุญหลายจึงไม่บอกใคร ปริศนาการตาย 2 ศพถูกปกปิด รอวันกระชากหน้ากากคนเลว
18 ปีต่อมา กรุงเทพฯ… ดวงใจถูกตรวจพบเป็นโรคมะเร็ง มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดวงใจปรารถนาอยากเจอลูกที่ทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อน อดีต..ในขณะนั้นดวงใจอายุ 19 ปี ท้องไม่มีพ่อ กลัวพ่อแม่จะด่าว่า เลยหนีออกจากบ้านไปคลอดลูกที่ต่างจังหวัด ดวงใจไหว้พระธาตุพนมขอให้คุ้มครองลูก แล้วทิ้งลูกแรกเกิดไว้ ส่วนตนเองกลับกรุงเทพฯ กระทั่งเรียนจบ พ่อแม่ตาย ดวงใจจึงมาตามหาลูกที่นครพนมแต่ไม่พบ ต่อมาดวงใจแต่งงาน แต่มีลูกไม่ได้ จึงขอเด็กมาเลี้ยง สามีดวงใจเสียชีวิตแล้ว ทิ้งสมบัติไว้ให้มากมาย ดวงใจร่ำรวยเงินทอง แต่ใจเป็นทุกข์หนักหนา คิดถึงลูกที่ตนทอดทิ้ง
ดวงใจให้ เรวัติ คนสนิท จ้างนักสืบตามหาลูกสาว นักสืบได้เบาะแสตามหาจนเจอบ้านเรณู วันนั้นเรณูไม่อยู่ พอช่อแก้วรู้ว่าแม่ที่แท้จริงของเรณูเป็นถึงเศรษฐีนี ความโลภก็เข้าครอบงำ ช่อแก้วสวมรอยเป็นเรณู ช่อแก้วมาหาดวงใจที่กรุงเทพฯ หลอกว่าเป็นลูก กมลชนก ลูกสาวที่ดวงใจรับอุปการะ กลัวช่อแก้วแย่งสมบัติ เลยจับผิดช่อแก้ว “แม่เคยเล่าว่า ทิ้งแหวนเงินไว้ในห่อผ้าเด็กทารก ไหนล่ะแหวน” พอกมลชนกทักท้วง ดวงใจจึงลังเลว่าช่อแก้วอาจไม่ใช่ลูก
นครพนม… ช่อแก้วกลับบ้านมาขโมยแหวนของเรณู เรณูมาเห็นแย่งแหวนคืน สองสาวตบตีกัน บุญหลายย่องมาข้างหลัง เอาท่อนไม้ฟาดหัวเรณูสลบ ช่อแก้วทิ้งเรณูไว้แล้วรีบกลับกรุงเทพฯ เมื่อเห็นแหวนเงินลงยาสลักชื่อตนเอง ดวงใจจึงเชื่อว่าช่อแก้วคือลูกสาวตนจริง ดวงใจกอดรับขวัญลูก ช่อแก้วเสแสร้งเล่นบทบาทลูกสาวแสนดี ดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่ในใจช่อแก้วแช่งดวงใจให้รีบ ๆ ตายซะ สมบัติจะได้เป็นของตน
เรณูฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล มีอาการสูญเสียความทรงจำ (Amnesia ภาวะสูญเสียความทรงจำเกิดจากสมองกระทบกระเทือน หรือเป็นโรคสมองเสื่อม อาจสูญเสียความจำทั้งหมด หรือบางส่วน) เรณูสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จำไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร จำพนมกรลูกชายไม่ได้
ระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาลมีเหตุให้เรณูพลัดกับพนมกร เรณูกลับบ้านไม่ถูก พนมกรตามหาแม่ แต่ไม่พบ เรณูหลงทางจนหวาดกลัว เลยมาขออาศัยแม่ชีที่วัด
วันแล้ววันเล่า พนมกรออกตระเวนตามหาแม่ สองแม่ลูกคลาดกันไปมา เกือบเจอกันก็หลายหน พนมกรแสนห่วงแม่ “ค่ำคืนนี้ แม่สินอนไส” พนมกรไหว้พระธาตุพนม “ขอให้เจอแม่ก่อนตะวันแลง” (แลงหมายถึงเย็น ก่อนตะวันแลงคือ ก่อนตะวันตกดินยามเย็น) กัลยา ลูกของช่อแก้ว ช่วยพนมกรตามหาป้าเรณู แต่ก็ไม่พบ พนมกรห่วงหาแม่มากหลาย ร้องไห้ กัลยากอดปลอบพนมกร ด้วยรู้ว่าแม่ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ พนมกรกับกัลยาจึงรักกัน
กรุงเทพฯ ช่อแก้วรู้จากกัลยาว่า อาการความจำเสื่อมของเรณูสามารถรักษาหาย ช่อแก้วรีบกลับนครพนม กลายเป็นช่อแก้วที่เจอเรณูก่อนพนมกร ช่อแก้วจะฆ่าเรณู เรณูวิ่งหนีขึ้นรถไฟที่กำลังแล่นออกจากชานชาลาจึงรอดตาย รถไฟขบวนที่เรณูขึ้นมีปลายทางคือกรุงเทพฯ มีคนเห็นเรณูขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพฯ พนมกรกับกัลยาจึงเข้ากรุงเทพฯ มาตามหาเรณู กัลยามาหาช่อแก้วที่บ้านดวงใจ จึงจับได้ว่าแม่สวมรอยเป็นป้าเรณู กัลยาจะบอกความจริงดวงใจ แต่โดนช่อแก้วผู้เป็นแม่ตบหน้า “เจ้าสิจะแฉแม่เหรอนังกัลยา” บุญหลาย พ่อกัลยาติดหนี้พนันหลายล้าน ถ้าดวงใจรู้ว่าช่อแก้วไม่ใช่ลูก ก็ต้องไม่ให้เงิน บุญหลายก็ไม่มีเงินใช้หนี้ ต้องโดนฆ่าตาย กัลยาเห็นแก่พ่อเลยยอมปิดปากเงียบ
ดวงใจได้เจอพนมกร รู้สึกเอ็นดูสงสารเด็กคนนี้มาก จะช่วยจ้างนักสืบตามหาแม่เรณูให้ ช่อแก้วระแวงกลัวดวงใจรู้ว่าพนมกรคือหลานที่แท้จริง ช่อแก้วจึงกีดกันทุกวิถีทางไม่ให้พนมกรเจอดวงใจ เรวัติ คนสนิทของดวงใจ สงสารพนมกรที่ต้องอาศัยนอนวัดระหว่างตามหาแม่ จึงให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เรวัติยังจ้างพนมกรเป็นผู้ช่วย เรวัติมีหน้าที่เก็บค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ ค่าเช่าที่ให้ดวงใจ รวมถึงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดวงใจไหว้วาน เป็นเหตุให้ดวงใจกับพนมกรได้เจอกันบ่อย ๆ กัลยาน้ำท่วมปาก บอกไม่ได้ว่าดวงใจกับพนมกรเป็นยายหลานกัน
วันหนึ่งพนมกรได้มีโอกาสรู้จัก พ.ต.ท.ปรีชา (รับเชิญ) ญาติคุณดวงใจ พนมกรมีเรื่องติดค้างในใจมานาน ใครฆ่าพ่อ ? คดีฆาตกรรมจะหมดอายุความใน 20 ปี นี่ผ่านมา 18 ปี ยังจับฆาตกรมาลงโทษไม่ได้ พนมกรอยากให้คนที่ฆ่าพ่อได้รับกรรม พ.ต.ท.ปรีชา รับปากจะลองช่วยสืบดู กมลชนก ลูกเลี้ยงของดวงใจ โกรธช่อแก้วมากที่ขอเงินดวงใจหลายล้าน จึงด่าช่อแก้ว ว่าใจคอจะผลาญสมบัติแม่ให้หมด ดวงใจเห็นลูกจริงกับลูกเลี้ยงทะเลาะกันเรื่องเงินก็เศร้าใจ ทั้งสองคนต่างหวังสมบัติตน ไม่มีใครรักห่วงใยตนจริง
โรงงานนรกที่เรณูถูกจับมาขายเป็นแรงงานทาส โดนตำรวจทลาย เรณูถูกพาไปโรงพัก อำพล สามีของกมลชนก เจอเรณูก็ประทับใจความสวย เลยจ้างเรณูมาทำงานเป็นแม่บ้านบริษัทตน เรณูยังความจำเสื่อม จำชื่อตัวเองไม่ได้ อำพลจึงเรียกเรณูว่าปริศนา หมายถึงผู้หญิงปริศนาผู้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อำพลชอบหนีเมียมาหาเรณูที่บริษัท กมลชนกทะเลาะหึงหวงอำพลกับนังปริศนา โดยกมลชนกไม่รู้ว่าผู้หญิงปริศนาคนนี้ก็คือเรณู แม่ที่พนมกรตามหา พนมกรมาทำธุระให้เรวัติที่บริษัทอำพลหลายครั้ง เกือบได้เจอแม่เรณู แต่มีเหตุให้แม่ลูกคลาดกัน (การคลาดกันของแม่ลูก จะทำให้มีเหตุผลเป็นไปได้)
นับวันอำพลยิ่งหลงรักเรณู พาเรณูมาหาหมอรักษาอาการสูญเสียความทรงจำ และที่โรงพยาบาลนี้เอง เรณูเกือบเจอดวงใจ แม่บังเกิดเกล้า ดวงใจมาทำคีโม แต่จนแล้วจนรอด แม่และลูกสาวแท้ ๆ ก็ไม่ได้เจอกัน อาการของดวงใจทรุดหนักเนื่องจากแพ้คีโม ช่อแก้วให้ดวงใจทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ตน กมลชนกไม่ยอมให้ ช่อแก้วจึงช่วงชิงสิ่งที่ควรเป็นของตน กมลชนกจ้างคนไปทำร้ายช่อแก้ว หมายขู่ให้กลัว เพื่อจะได้หนีกลับนครพนม คนร้ายมาจับตัวช่อแก้ว กัลยาเข้าช่วยแม่ ทำให้เหตุการณ์บานปลาย คนร้ายยิงกัลยาอาการปางตาย พนมกรมาเฝ้ากัลยาที่โรงพยาบาลทุกวัน ทำให้ช่อแก้วรู้ว่าพนมกรกับกัลยารักกัน ช่อแก้วเกลียดพนมกรมาก ห้ามยุ่งกับกัลยา ลูกสาวตน ตำรวจจับคนร้ายได้และซัดทอดอำพลกับกมลชนก สองสามีภรรยาเป็นผู้จ้างวาน อำพลเสียสละยอมรับผิดคนเดียว อำพลติดคุก เรวัติ คนสนิทของดวงใจมีหลักฐานสาวมาถึงกมลชนก ดวงใจรักกมลชนกเหมือนลูก ไม่มีแม่คนไหนส่งลูกเข้าคุกได้ลงคอ ดวงใจทำลายหลักฐานทิ้ง ทว่าอย่างไรเสีย กมลชนกก็ทำชั่ว ดวงใจตัดแม่ตัดลูกกับกมลชนก !!!
เรณูความทรงจำกลับมา เรณูจำได้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร และใครทำร้ายเธอจนความจำเสื่อม คือช่อแก้ว กมลชนกแสร้งดีกับเรณู จะเอาคืนนังช่อแก้วให้ได้ ขณะที่กมลชนกจะพาเรณูไปกระชากหน้ากากนังช่อแก้ว เรณูก็หายตัวไป เรณูกลับบ้านที่นครพนม เพื่อตามหาพนมกรลูกชาย ช่อแก้วกับบุญหลายรู้ว่าความจำของเรณูกลับมา จึงตามมาจะฆ่าทิ้ง พนมกรมาช่วยแม่ขณะกำลังจะโดนบุญหลายยิง ช่อแก้วสั่งผัว “อ้ายบุญหลาย ยิงมันทั้งแม่ทั้งลูก” พนมกรบอกน้าช่อแก้ว “น้ารู้ไหม คนที่ฆ่าพ่อผม ผู้ชายที่น้ารักที่สุดคือใคร ก็น้าบุญหลาย ผัวน้ายังไงล่ะ” ก่อนหน้านี้ตำรวจที่พนมกรขอให้ช่วยหาตัวฆาตกรฆ่าพ่อ เจอหลักฐานว่าบุญหลายเป็นคนยิงพ่อของพนมกร วันนี้ความจริงปรากฏ ฆาตกรใจโฉดคือผัวตัวเอง ไอ้เลวบุญหลาย ช่อแก้วแค้นบุญหลายมาก ช่อแก้วยิงบุญหลาย ก่อนตายบุญหลายสารภาพว่าเป็นต้นเหตุให้แม่ของช่อแก้วตกบ่อบาดาลตาย ช่อแก้วไม่อโหสิให้ ขอให้วิญญาณมึงตกนรกหมกไหม้ ช่อแก้วสำนึกได้ บอกความจริงกับดวงใจว่า ลูกที่แท้จริงของดวงใจคือเรณู เวลาของดวงใจเหลืออีกไม่นาน เรณูกราบแม่ สองแม่ลูกร่ำไห้กอดกัน แล้วดวงใจก็เสียชีวิตในอ้อมกอดลูกสาวแท้ ๆ ที่พลัดพรากมา 40 ปี
พนมกรกับกัลยาแต่งงานกัน ด้วยความยินดีของเรณู เรณูมาไหว้พระธาตุพนม ขอให้ดวงวิญญาณแม่ไปสู่สุขคติ และขอให้ครอบครัวพบแต่ความสุข อย่าได้พลัดพรากจากกันอีกเลย
บทประพันธ์โดย : ตุณย์
บทโทรทัศน์โดย : ตุณย์
กำกับการแสดงโดย : เสริฐ-ทองสิทธิ์ โสดาโคตร
ผลิตโดย : บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด
นักแสดง
→ ภูมิ-เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์ รับบท พนมกร

เขาเป็นลูกชายของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) และ ปลัดพงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) และมีบทบาทในช่วงครึ่งหลังของเรื่องที่เน้นการตามหาแม่และการคลี่คลายปมดราม่า
ในขณะที่รุ่นพ่อแม่ (เรณู-พงษ์ศักดิ์-ช่อแก้ว) เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม พนมกรและกัลยาคือตัวแทนของรุ่นใหม่ที่นำพาความหวังและการเริ่มต้นใหม่มาสู่ครอบครัว เขาคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เรณูได้พบกับดวงใจ และช่วยคลี่คลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง พนมกรเป็นตัวละครที่ไม่ร้ายและไม่ดีเกินไป ทำให้เขาเป็นจุดสมดุลในเรื่องที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
บุคลิกและลักษณะนิสัย
ซื่อสัตย์และจิตใจดี พนมกรเป็นหนุ่มที่มีจิตใจดีงาม สะท้อนความเป็นลูกของเรณู เขามีความเมตตาและพร้อมช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะในภารกิจตามหาแม่ที่หายตัวไป มุ่งมั่นและอดทน หลังจากพลัดพรากจากเรณู พนมกรเติบโตขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะตามหาแม่ เขาไม่ยอมแพ้แม้จะเจออุปสรรค เช่น การขัดขวางจาก ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) หรือความยากลำบากในการสืบหาความจริง
รักครอบครัว พนมกรมีความผูกพันกับเรณูอย่างลึกซึ้ง และแม้จะเติบโตโดยขาดพ่อ (พงษ์ศักดิ์ที่ถูกฆ่าตาย) เขายังคงรักษาคุณธรรมและความรักต่อครอบครัวไว้ สุภาพและอบอุ่น เขาเป็นตัวละครที่สุภาพเรียบร้อย มีความอ่อนโยนในแบบผู้ชายอบอุ่น ซึ่งทำให้เขาเป็นที่รักของคนรอบข้าง โดยเฉพาะ กัลยา (มะเหมี่ยว พรชดา)
บทบาทในเรื่อง
ตัวแทนของรุ่นลูก พนมกรเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงรุ่นพ่อแม่ (เรณู-พงษ์ศักดิ์) กับรุ่นใหม่ (เขาและกัลยา) บทบาทของเขาในครึ่งหลังของเรื่องคือการขับเคลื่อนปมการตามหาเรณูและเผยความจริงเกี่ยวกับการสวมรอยของช่อแก้ว ความรักกับกัลยา พนมกรและกัลยา (ลูกสาวของช่อแก้ว) พัฒนาความสัมพันธ์จากมิตรภาพสู่ความรัก แม้ในตอนแรกทั้งคู่จะเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้อง (เพราะเติบโตในครอบครัวเดียวกัน) ความรักของทั้งคู่เป็นส่วนที่เพิ่มความหวานและความหวังให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยดราม่า
ผู้คลี่คลายปม พนมกรมีบทบาทสำคัญในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรณู รวมถึงการเผชิญหน้ากับช่อแก้วและบุญหลายในช่วงท้าย ซึ่งนำไปสู่การกลับมาพบกันของเรณูและ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) แม่แท้ๆ ของเรณู
การพัฒนาตัวละคร
จากเด็กสู่วัยหนุ่ม ในช่วงแรก พนมกรปรากฏตัวในฐานะเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากเรณู หลังจากเรณูสูญเสียความทรงจำและพลัดพราก เขาเติบโตเป็นหนุ่มที่เข้มแข็งและรับผิดชอบ การเปลี่ยนผ่านนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากแม่
ความสัมพันธ์ของเขากับกัลยาเริ่มจากความเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือกัน แต่เมื่อรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ความรู้สึกของทั้งคู่พัฒนาเป็นความรัก ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ตัวละครของพนมกรมีมิติมากขึ้น ในตอนท้าย พนมกรกลายเป็นตัวละครที่กล้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อต้องปกป้องเรณูและเผชิญหน้ากับตัวร้ายอย่างช่อแก้วและบุญหลาย
การแสดงของ ภูมิ เกียรติภูมิ
ความเหมาะสมกับบท ภูมิ เกียรติภูมิ ถ่ายทอดบทพนมกรได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยหน้าตาที่ดูอบอุ่นและสุภาพ เขาเหมาะกับคาแร็กเตอร์หนุ่มจิตใจดีที่มีความมุ่งมั่น การแสดงของเขาอาจไม่โดดเด่นเท่านักแสดงรุ่นใหญ่ (เช่น นุ๊ก หรือ เมย์) แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนดูเอาใจช่วย
เคมีกับกัลยา ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิและมะเหมี่ยว (กัลยา) มีเคมีที่ลงตัว ทั้งในฐานะเพื่อนและคู่รัก ฉากที่ทั้งคู่ช่วยกันตามหาเรณูหรือแสดงความห่วงใยต่อกัน ทำให้รู้สึกถึงความน่ารักและจริงใจ
เนื่องจากบทของพนมกรไม่ใช่ตัวละครหลักในช่วงครึ่งแรก และบทในครึ่งหลังเน้นการตามหาความจริงมากกว่าดราม่าหนักๆ ทำให้การแสดงของภูมิอาจดูเรียบๆ เมื่อเทียบกับตัวละครที่มีอารมณ์รุนแรง เช่น ช่อแก้ว หรือเรณู
พนมกรเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและเอาใจช่วย เขาไม่ใช่ตัวละครที่เด่นที่สุดในเรื่อง แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ ความมุ่งมั่นในการตามหาแม่และความรักที่จริงใจต่อกัลยา ทำให้รู้สึกชื่นชมในความดีงามของเขา อย่างไรก็ตาม คนดูบางคนอาจรู้สึกว่าบทของพนมกรค่อนข้างจืดเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีสีสันอย่างช่อแก้วหรือเรณู ซึ่งอาจทำให้เขาดูเป็นตัวละครรองมากกว่าตัวเอก
→ มะเหมี่ยว-พรชดา วราพชระ รับบท กัลยา

เธอเป็นลูกสาวของ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) และมีบทบาทในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง โดยเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนปมการตามหา เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) และพัฒนาความสัมพันธ์รักกับ พนมกร (ภูมิ เกียรติภูมิ)
ในขณะที่รุ่นพ่อแม่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม กัลยาคือตัวแทนของรุ่นใหม่ที่นำพาความรักและความดีงามมาสู่ครอบครัว เธอเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงพนมกรกับเรณู และเป็นคนที่ช่วยให้ปมการสวมรอยของช่อแก้วถูกเปิดเผย
ความแตกต่างจากช่อแก้ว การที่กัลยาเป็นลูกสาวของช่อแก้ว แต่เลือกที่จะเดินทางที่แตกต่างจากแม่ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่แสดงถึงพลังของการเลือกทำดี แม้จะมาจากครอบครัวที่มีปัญหา
บุคลิกและลักษณะนิสัย
จิตใจดีและซื่อสัตย์ กัลยาเป็นตัวละครที่มีจิตใจดีงาม แตกต่างจากแม่ของเธอ (ช่อแก้ว) ที่ร้ายกาจและเห็นแก่ตัว เธอมีความเมตตาและมักช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะเรณูและพนมกร กล้าหาญและมุ่งมั่น แม้จะเติบโตในครอบครัวที่มีช่อแก้วเป็นแม่ แต่กัลยามีความกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น การช่วยพนมกรตามหาเรณู แม้ว่าจะต้องขัดใจช่อแก้ว
อ่อนโยนและอบอุ่น กัลยามีบุคลิกอ่อนหวานและเป็นมิตร ทำให้เธอเป็นที่รักของคนรอบข้าง โดยเฉพาะพนมกรที่มองเห็นความดีของเธอ มีความขัดแย้งภายใน ในบางช่วง กัลยารู้สึกสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพนมกร เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพี่น้อง (เนื่องจากเติบโตมาด้วยกัน) แต่เมื่อรู้ความจริง เธอก็แสดงความกล้าในการยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
บทบาทในเรื่อง
ตัวแทนรุ่นลูกกัลยาเป็นหนึ่งในตัวละครรุ่นลูกที่ช่วยเชื่อมโยงเรื่องราวจากรุ่นพ่อแม่ (เรณู-ช่อแก้ว) สู่รุ่นใหม่ เธอเป็นตัวละครที่นำพาความหวังและการเยียวยามาสู่ครอบครัวที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างกัลยากับพนมกรเริ่มจากความเป็นเพื่อนและพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน แต่เมื่อรู้ว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาเป็นความรัก ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มความหวานและความอบอุ่นให้กับเรื่อง
ผู้ช่วยคลี่คลายปม กัลยามีบทบาทสำคัญในการช่วยพนมกรตามหาเรณู และเป็นคนที่เริ่มสงสัยพฤติกรรมของช่อแก้ว ซึ่งนำไปสู่การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการสวมรอยของแม่เธอ สัญลักษณ์ของการหลุดพ้นจากบาปของแม่ แม้ว่าช่อแก้วจะเป็นตัวร้ายที่ก่อกรรมไว้มาก แต่กัลยาคือตัวแทนของความดีที่แสดงให้เห็นว่าเด็กไม่จำเป็นต้องรับผลกรรมจากพ่อแม่
การพัฒนาตัวละคร
จากเด็กสู่หญิงสาวที่เข้มแข็ง ในช่วงแรก กัลยาปรากฏตัวในฐานะเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากเรณู เมื่อเติบโตขึ้น เธอกลายเป็นหญิงสาวที่มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับช่อแก้ว
การเติบโตของความรัก ความสัมพันธ์ของกัลยากับพนมกรพัฒนาจากความผูกพันในวัยเด็กสู่ความรักที่ลึกซึ้ง การที่เธอต้องเผชิญกับความสับสนเรื่องความเป็นพี่น้องและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง แสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางอารมณ์
การยืนหยัดในความถูกต้อง ในตอนท้าย กัลยาแสดงความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความผิดของช่อแก้ว และเลือกที่จะยืนเคียงข้างพนมกรและเรณู แทนที่จะปกป้องแม่ของตัวเอง
การแสดงของ มะเหมี่ยว พรชดา
ความเหมาะสมกับบท มะเหมี่ยว พรชดา ถ่ายทอดบทกัลยาได้อย่างลงตัว ด้วยหน้าตาที่หวานและบุคลิกที่ดูอ่อนโยน เธอเหมาะกับคาแร็กเตอร์หญิงสาวจิตใจดีที่มีความเข้มแข็งซ่อนอยู่ การแสดงของเธอในฉากดราม่า เช่น การเผชิญหน้ากับช่อแก้ว หรือฉากที่แสดงความรักต่อพนมกร ทำได้น่าประทับใจ
เคมีกับพนมกร เคมีระหว่างมะเหมี่ยวและภูมิ เกียรติภูมิ (พนมกร) เป็นจุดเด่นของคู่รักรุ่นลูก ทั้งคู่ดูน่ารักและเป็นธรรมชาติเมื่ออยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะในฉากที่ช่วยกันตามหาเรณู ซึ่งทำให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วย
ข้อจำกัด บทของกัลยาค่อนข้างเป็นตัวละครรองเมื่อเทียบกับตัวหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้ว ทำให้มะเหมี่ยวมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัด ฉากของเธอส่วนใหญ่เน้นการสนับสนุนพนมกรมากกว่าการมีปมเด่นของตัวเอง
กัลยาเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและชื่นชมในความดีของเธอ เธอเป็นเหมือนแสงสว่างในเรื่องที่เต็มไปด้วยดราม่าและความร้ายกาจของช่อแก้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับพนมกรเพิ่มความหวานและความหวังให้กับเรื่องราว อย่างไรก็ตาม บทของกัลยาค่อนข้างจำกัดและไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก ทำให้บางครั้งรู้สึกว่าเธอเป็นเพียงตัวประกอบที่คอยสนับสนุนมากกว่านำเรื่อง แต่โดยรวม เธอเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ
→ นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา รับบท เรณู

ตัวละครหลักและนางเอกของเรื่อง รับบทโดย นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา เธอเป็นศูนย์กลางของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรัก ความสูญเสีย และโศกนาฏกรรม โดยมีชีวิตที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากและการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
เรณูคือศูนย์กลางที่เชื่อมโยงทุกปมในเรื่อง ตั้งแต่ความรัก ความแค้น ไปจนถึงการค้นหาครอบครัวที่แท้จริง เธอเป็นตัวละครที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นว่าเธอจะได้พบความสุขเมื่อไหร่ การที่เรณูเลือกที่จะให้อภัยช่อแก้วและเลี้ยงดูกัลยาด้วยความรัก แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจิตใจ และเป็นข้อคิดสำคัญของเรื่องเกี่ยวกับการเอาชนะความเกลียดชังด้วยความรัก
ตัวแทนของความหวัง การเดินทางของเรณูจากเด็กกำพร้าสู่การพบครอบครัวที่แท้จริงและการเริ่มต้นใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่ทำให้คนดูรู้สึกสมหวังในตอนจบ
บุคลิกและลักษณะนิสัย
อ่อนหวานและจิตใจดี เรณูเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยน มีน้ำใจ และมองโลกในแง่ดี แม้จะถูกเลี้ยงมาในฐานะลูกบุญธรรมและเผชิญความอยุติธรรม เธอยังคงรักษาความดีและความเมตตาไว้ อดทนและเข้มแข็ง เรณูเป็นตัวอย่างของนางเอกที่อดทนต่อความทุกข์ยาก ไม่ว่าจะเป็นการถูก ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) และ บัวผัน (นุศรา ประวันณา) รังแก หรือการสูญเสียสามีและลูก เธอไม่ยอมแพ้และพยายามต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
รักครอบครัวอย่างสุดใจ เรณูมีความรักที่ยิ่งใหญ่ต่อครอบครัว โดยเฉพาะ พนมกร (ภูมิ เกียรติภูมิ) ลูกชายของเธอ และต่อมาเมื่อได้พบ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) แม่แท้ๆ เธอแสดงให้เห็นถึงความผูกพันที่ลึกซึ้ง เปราะบางแต่ไม่ยอมจำนน แม้ว่าเรณูจะมีช่วงที่เปราะบาง เช่น เมื่อสูญเสียความทรงจำหรือถูกทำร้าย แต่ความเข้มแข็งภายในของเธอทำให้เธอกลับมาลุกขึ้นสู้ได้เสมอ
บทบาทในเรื่อง
ศูนย์กลางของเรื่องราว เรณูคือตัวละครที่ขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่การถูกทิ้งตั้งแต่แรกเกิด การเติบโตในฐานะลูกบุญธรรม ความรักกับ ปลัดพงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) ไปจนถึงการตามหาครอบครัวที่แท้จริง เหยื่อของความริษยา เรณูต้องเผชิญกับความร้ายกาจของช่อแก้ว ซึ่งอิจฉาและพยายามทำร้ายเธอทุกวิถีทาง รวมถึงการถูก บุญหลาย (จุ๊บ อิทธิกร) ทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำ
สัญลักษณ์ของความหวังและการให้อภัย แม้จะเจอความทุกข์มากมาย เรณูยังคงเลือกที่จะให้อภัยและมองไปข้างหน้า เธอเลี้ยงดูทั้งพนมกรและ กัลยา (มะเหมี่ยว พรชดา) ลูกสาวของช่อแก้ว ด้วยความรักราวกับเป็นลูกแท้ๆ การเดินทางสู่การค้นพบตัวเอง ปมสำคัญของเรณูคือการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ ซึ่งนำไปสู่การพบกับดวงใจ และการคลี่คลายปมการสวมรอยของช่อแก้ว
การพัฒนาตัวละคร
จากเด็กกำพร้าสู่หญิงสาวที่เข้มแข็ง ในช่วงแรก เรณูเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงโดย พิณ (วรพรต ชะเอม) และบัวผัน เธอเติบโตท่ามกลางการกดขี่จากช่อแก้วและบัวผัน แต่ยังคงรักษาความดีไว้
การเผชิญความสูญเสีย หลังจากแต่งงานกับพงษ์ศักดิ์และมีพนมกร เรณูต้องสูญเสียสามีจากการถูกฆาตกรรม และต่อมาถูกทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำ การสูญเสียเหล่านี้ทำให้เธอเปราะบาง แต่ก็เป็นจุดที่แสดงถึงความเข้มแข็งเมื่อเธอพยายามเริ่มต้นใหม่
การค้นพบครอบครัวที่แท้จริง ในช่วงท้าย เมื่อเรณูฟื้นความทรงจำและได้พบกับดวงใจ เธอได้เรียนรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริงและพบความสมบูรณ์ในชีวิต การให้พรแก่พนมกรและกัลยาในตอนจบแสดงให้เห็นว่าเธอได้ก้าวข้ามความเจ็บปวดและพบความสงบสุข
การแสดงของ นุ๊ก สุทธิดา
ความสมจริงและทรงพลัง นุ๊ก สุทธิดา ถ่ายทอดบทเรณูได้อย่างยอดเยี่ยม เธอสามารถแสดงทั้งความอ่อนหวาน ความทุกข์ทน และความเข้มแข็งได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ต้องร้องไห้ เช่น ฉากที่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกบุญธรรม หรือฉากที่พบกับดวงใจ ซึ่งเรียกน้ำตาคนดูได้แน่นอน
การถ่ายทอดความน่าสงสาร นุ๊กทำให้คนดูรู้สึกสงสารและเอาใจช่วยเรณูผ่านสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ การแสดงของเธอในฉากที่ถูกช่อแก้วรังแกหรือถูกไล่ออกจากบ้าน ทำให้คนดูรู้สึกอินและอยากให้เรณูได้รับความยุติธรรม
เคมีกับตัวละครอื่น นุ๊กมีเคมีที่ยอดเยี่ยมกับทั้ง เทน (พงษ์ศักดิ์) ในฉากรักหวานซึ้ง และ กบ ปภัสรา (ดวงใจ) ในฉากแม่ลูกที่สะเทือนใจ รวมถึงกับ ภูมิ (พนมกร) ที่แสดงความรักของแม่ลูกได้อย่างอบอุ่น
จุดเด่น การแสดงของนุ๊กเป็นหนึ่งในจุดแข็งหลักของละคร เธอทำให้เรณูเป็นตัวละครที่มีมิติ ไม่ใช่แค่นางเอกน่าสงสารทั่วไป แต่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่
เรณูเป็นตัวละครที่ทำให้คนดูรู้สึกทั้งสงสาร เอาใจช่วย และชื่นชมในความเข้มแข็งของเธอ ความทุกข์ยากที่เธอต้องเผชิญอาจทำให้รู้สึกอึดอัดในบางช่วง แต่เมื่อเธอได้รับความยุติธรรมและพบกับดวงใจในตอนท้าย ความรู้สึกสมหวังและน้ำตาแห่งความดีใจก็ท่วมท้น การแสดงของนุ๊ก สุทธิดาทำให้เรณูเป็นตัวละครที่น่าจดจำและเป็นหัวใจของละครอย่างแท้จริง เธอคือนางเอกที่ทั้งน่าสงสารและน่ายกย่องในเวลาเดียวกัน
→ เทน-พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม รับบท พงษ์ศักดิ์

ตัวละครสำคัญในรุ่นพ่อแม่ รับบทโดย เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม เขาเป็นปลัดอำเภอหนุ่มที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) และเป็นตัวละครที่จุดประกายความรักและความขัดแย้งในเรื่อง
ความรักระหว่างพงษ์ศักดิ์และเรณูเป็นตัวจุดชนวนความริษยาของช่อแก้ว ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงในเรื่อง การตายของเขายิ่งทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น การสูญเสียพงษ์ศักดิ์เป็นแรงผลักดันให้เรณูต้องเข้มแข็งเพื่อเลี้ยงดูลูกและต่อสู้กับความอยุติธรรม ความรักของทั้งคู่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เรณูไม่ยอมแพ้
สัญลักษณ์ของความดีที่ถูกทำลาย พงษ์ศักดิ์เป็นตัวแทนของความดีและความยุติธรรมที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากความชั่วร้ายของตัวละครอย่างช่อแก้วและบุญหลาย การตายของเขาทำให้คนดูรู้สึกสะเทือนใจและอยากเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น
บุคลิกและลักษณะนิสัย
ซื่อสัตย์และยุติธรรม พงษ์ศักดิ์เป็นปลัดอำเภอที่มีอุดมการณ์ เขาทำงานเพื่อชุมชนด้วยความซื่อตรงและมุ่งมั่นในการรักษาความยุติธรรม อบอุ่นและโรแมนติก ในฐานะคู่รักของเรณู พงษ์ศักดิ์เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและรักเรณูอย่างสุดใจ เขาแสดงความรักผ่านการปกป้องและการดูแลอย่างจริงใจ
กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ในฐานะข้าราชการ พงษ์ศักดิ์ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง เช่น การต่อสู้กับ บุญหลาย (จุ๊บ อิทธิกร) ซึ่งนำไปสู่โศกนาฏกรรมในชีวิตของเขา มีเสน่ห์และเป็นที่รัก พงษ์ศักดิ์มีบุคลิกที่สุภาพและมีเสน่ห์ ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของคนในชุมชน และเป็นที่หมายปองของทั้งเรณูและ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา)
บทบาทในเรื่อง
จุดเริ่มต้นของความรักและความขัดแย้ง พงษ์ศักดิ์เป็นตัวละครที่จุดชนวนเรื่องราว เมื่อเขาตกหลุมรักเรณู ความรักของทั้งคู่กลายเป็นสาเหตุของความริษยาของช่อแก้ว ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม สามีและพ่อ พงษ์ศักดิ์เป็นสามีของเรณูและพ่อของ พนมกร (ภูมิ เกียรติภูมิ) แม้ว่าเขาจะอยู่ในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ แต่ความรักที่เขามีต่อครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้เรณูต่อสู้ต่อไปหลังจากสูญเสียเขา
เหยื่อของความร้ายกาจ พงษ์ศักดิ์ถูกบุญหลายฆ่าตายโดยไม่ตั้งใจในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เรณูต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเพียงลำพัง และเป็นจุดเริ่มต้นของปมการแก้แค้นในเรื่อง สัญลักษณ์ของความดีที่สูญเสีย การตายของพงษ์ศักดิ์แสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมของตัวละครที่ยึดมั่นในความดี แต่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากความชั่วร้ายของผู้อื่น
การพัฒนาตัวละคร
จากปลัดหนุ่มสู่คู่รัก ในช่วงแรก พงษ์ศักดิ์ปรากฏตัวในฐานะปลัดอำเภอคนใหม่ที่มาปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดนครพนม เมื่อเขาได้พบและตกหลุมรักเรณู ตัวละครของเขาเริ่มพัฒนาไปสู่บทบาทของชายหนุ่มที่พร้อมปกป้องคนรัก
การเผชิญหน้ากับอันตราย พงษ์ศักดิ์แสดงความกล้าหาญเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุญหลาย ซึ่งเป็นคนรักของช่อแก้ว การต่อสู้ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องเรณูและยึดมั่นในความถูกต้อง
การจากไปที่ทิ้งผลกระทบยาวนาน แม้ว่าพงษ์ศักดิ์จะเสียชีวิตในช่วงต้นของเรื่อง แต่การตายของเขามีผลกระทบต่อตัวละครอื่นๆ โดยเฉพาะเรณูที่ต้องต่อสู้เพื่อเลี้ยงดูลูกชาย และพนมกรที่เติบโตโดยไม่มีพ่อ
การแสดงของ เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์ คชน่วม
ความเหมาะสมกับบท เทน จตุรวิทย์ ถ่ายทอดบทพงษ์ศักดิ์ได้อย่างลงตัว ด้วยบุคลิกที่ดูสุภาพ หล่อเหลา และมีออร่าของข้าราชการหนุ่ม เขาทำให้พงษ์ศักดิ์เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าเชื่อถือในบทบาทปลัดอำเภอ
เคมีกับเรณู เคมีระหว่างเทนและนุ๊ก สุทธิดา (เรณู) เป็นจุดเด่นของคู่รักในเรื่อง ฉากโรแมนติกของทั้งคู่ เช่น ฉากที่พงษ์ศักดิ์ปกป้องเรณูจากช่อแก้ว หรือฉากที่ทั้งคู่สารภาพรัก ทำได้หวานซึ้งและทำให้คนดูรู้สึกอิน
การแสดงในฉากดราม่า ในฉากที่พงษ์ศักดิ์ต้องเผชิญหน้ากับบุญหลายหรือฉากที่เขาแสดงความห่วงใยต่อเรณู เทนสามารถถ่ายทอดความกล้าหาญและความรักได้อย่างน่าประทับใจ
เนื่องจากพงษ์ศักดิ์อยู่ในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ (ก่อนจะเสียชีวิต) ทำให้เทนมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัดเมื่อเทียบกับตัวละครหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้ตัวละครน่าจดจำได้ในระยะเวลาที่จำกัด
พงษ์ศักดิ์เป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกทั้งชื่นชอบและเสียดาย เขาเป็นผู้ชายในอุดมคติที่ทั้งหล่อ ซื่อสัตย์ และรักครอบครัว การที่เขาต้องเสียชีวิตเร็วเกินไปทำให้รู้สึกใจสลาย โดยเฉพาะเมื่อเห็นเรณูต้องเผชิญความทุกข์เพียงลำพังหลังจากนั้น การแสดงของเทนทำให้พงษ์ศักดิ์เป็นตัวละครที่น่าจดจำ แม้ว่าจะอยู่ในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ ความรักที่เขามีต่อเรณูและความกล้าหาญในการปกป้องความถูกต้อง ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันและหวังว่าเขาจะมีบทบาทนานกว่านี้
→ เมย์-บัณฑิตา ฐานวิเศษ รับบท ช่อแก้ว

เธอเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งและดราม่าด้วยความริษยา ความโลภ และการกระทำที่ร้ายกาจ ช่อแก้วเป็นตัวละครที่มีมิติและเป็นที่จดจำจากความร้ายที่ถึงพริกถึงขิง
ช่อแก้วคือตัวละครที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและน่าติดตาม การกระทำร้ายๆ ของเธอเป็นตัวจุดชนวนเหตุการณ์สำคัญทั้งหมดในเรื่อง ช่อแก้วแสดงให้เห็นถึงผลของการปล่อยให้ความริษยาและความโลภครอบงำชีวิต การที่เธอต้องสูญเสียทุกอย่างในตอนท้ายเป็นข้อคิดเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม แม้ว่าจะเป็นนางร้าย แต่ช่อแก้วไม่ใช่ตัวร้ายแบบตื้นเขิน ความเปราะบางและความพยายามฆ่าตัวตายของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอก็มีความเจ็บปวดในใจ ซึ่งทำให้คนดูรู้สึกทั้งเกลียดและสงสารในบางมุม
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เห็นแก่ตัวและริษยา ช่อแก้วเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความอิจฉา โดยเฉพาะต่อ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) ซึ่งเธอมองว่าเป็นเพียงลูกบุญธรรมที่มาแย่งความรักและความสนใจจากครอบครัว เธอไม่ยอมให้ใครได้ดีกว่าเธอ ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ ช่อแก้วมีความฉลาดในการวางแผนและใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแย่ง ปลัดพงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) หรือการสวมรอยเป็นลูกสาวของ ดวงใจ (กบ ปภัสรา)
หลงตัวเอง ช่อแก้วเชื่อว่าเธอสมควรได้รับทุกอย่างที่ดีกว่าเรณู ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความมั่งคั่ง หรือสถานะในสังคม ความหลงตัวเองนี้ทำให้เธอไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำชั่วร้ายของตัวเอง เปราะบางในบางมุม แม้ว่าจะร้ายกาจ แต่ช่อแก้วก็มีช่วงที่แสดงความเปราะบาง เช่น เมื่อเธอพยายามผูกคอตายหลังจากรู้ว่าเรณูได้แต่งงานกับพงษ์ศักดิ์ หรือเมื่อต้องเผชิญผลจากความผิดของตัวเองในตอนท้าย
บทบาทในเรื่อง
ตัวร้ายที่ขับเคลื่อนเรื่อง ช่อแก้วเป็นตัวละครที่สร้างความขัดแย้งหลักในเรื่อง การริษยาเรณูทำให้เธอก่อเหตุร้ายแรงหลายครั้ง เช่น สั่งให้ บุญหลาย (จุ๊บ อิทธิกร) ทำร้ายเรณู หรือขโมยแหวนเพื่อสวมรอยเป็นลูกของดวงใจ คู่ขัดแย้งของเรณู ความสัมพันธ์ระหว่างช่อแก้วและเรณูคือแกนกลางของเรื่อง ช่อแก้วรังแกเรณูตั้งแต่เด็ก และยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อทั้งคู่โตเป็นสาวและตกหลุมรักพงษ์ศักดิ์คนเดียวกัน
แม่ของกัลยา ช่อแก้วเป็นแม่ของ กัลยา (มะเหมี่ยว พรชดา) แต่ความรักที่เธอมีต่อลูกสาวนั้นถูกบดบังด้วยความโลภและความเห็นแก่ตัว การที่กัลยาเติบโตมาเป็นคนดีแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ถ่ายทอดนิสัยร้ายของช่อแก้ว ตัวเร่งโศกนาฏกรรม การกระทำของช่อแก้วนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การตายของพงษ์ศักดิ์ การสูญเสียความทรงจำของเรณู และการตายของ บัวผัน (นุศรา ประวันณา) แม่ของเธอ เธอเป็นตัวละครที่จุดชนวนความสูญเสียในเรื่อง
การพัฒนาตัวละคร
จากเด็กเอาแต่ใจสู่ตัวร้ายเต็มตัว ในวัยเด็ก ช่อแก้วเป็นเด็กที่ได้รับการตามใจจากบัวผัน ทำให้เธอมีนิสัยเห็นแก่ตัวและรังแกเรณู เมื่อโตขึ้น ความริษยาและความโลภของเธอยิ่งทวีคูณจนกลายเป็นตัวร้ายที่ไร้ซึ่งความสำนึกผิด
จุดเปลี่ยนจากความริษยาเป็นความโลภ หลังจากล้มเหลวในการแย่งพงษ์ศักดิ์ ช่อแก้วหันมาโฟกัสที่ความมั่งคั่ง โดยการสวมรอยเป็นลูกสาวของดวงใจเพื่อหวังมรดก การกระทำนี้แสดงถึงการพัฒนาความร้ายของเธอจากเรื่องส่วนตัวไปสู่การทำเพื่อผลประโยชน์
การเผชิญผลกรรม ในตอนท้าย เมื่อช่อแก้วรู้ความจริงว่าบุญหลายเป็นฆาตกรและเผลอยิงเขาตาย เธอต้องเผชิญกับผลจากการกระทำของตัวเอง การสูญเสียทุกอย่างและการถูกเปิดโปงทำให้เธอกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารในแง่ของการรับผลกรรม
การแสดงของ เมย์ บัณฑิตา
ความสมจริงและถึงพริกถึงขิง เมย์ บัณฑิตา ถ่ายทอดบทช่อแก้วได้อย่างยอดเยี่ยม เธอทำให้ช่อแก้วเป็นนางร้ายที่คนดูทั้งเกลียดและหมั่นไส้ ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
ความหลากหลายทางอารมณ์ เมย์สามารถแสดงได้ทั้งความร้ายกาจในฉากที่รังแกเรณู ความเปราะบางในฉากที่พยายามฆ่าตัวตาย และความตื่นตระหนกในฉากที่เผชิญผลกรรม การแสดงของเธอทำให้ช่อแก้วมีมิติ
เคมีกับตัวละครอื่น เมย์มีเคมีที่เข้ากันดีกับนุ๊ก สุทธิดา (เรณู) ในฉากปะทะอารมณ์ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่ดูเข้มข้น นอกจากนี้ การแสดงคู่กับจุ๊บ อิทธิกร (บุญหลาย) ก็แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความรักและการใช้ประโยชน์ได้ดี
จุดเด่นการแสดงของเมย์เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละคร เธอทำให้ช่อแก้วเป็นตัวร้ายที่คนดูจดจำและพูดถึง โดยเฉพาะในฉากที่ร้ายสุดขั้ว เช่น การสั่งทำร้ายเรณู หรือการสวมรอยต่อหน้าดวงใจ
ช่อแก้วเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้และโกรธทุกครั้งที่ปรากฏตัว ความร้ายกาจของเธอ โดยเฉพาะการรังแกเรณูและการสวมรอยเป็นลูกของดวงใจ ทำให้คนดูอยากเห็นเธอได้รับผลกรรมโดยเร็ว การแสดงของเมย์ บัณฑิตาทำให้ช่อแก้วเป็นนางร้ายที่สมบูรณ์แบบ ทั้งน่ากลัวและน่าจดจำ อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงที่เธอแสดงความเปราะบาง เช่น ฉากที่พยายามฆ่าตัวตาย ก็ทำให้รู้สึกสงสารและเห็นว่าเธอเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน โดยรวมแล้ว ช่อแก้วคือตัวร้ายที่ขโมยซีนและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละครน่าติดตาม
→ ต่าย-ชัชฎาภรณ์ ธนันทา รับบท กมลชนก

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง รับบทโดย ต่าย ชัชฎาภรณ์ ธนันทา เธอเป็นลูกบุญธรรมของ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) และมีส่วนช่วยในการคลี่คลายปมเกี่ยวกับการตามหา เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ ของดวงใจ
กมลชนกเป็นตัวละครที่ช่วยให้ดวงใจได้พบกับเรณู ซึ่งเป็นปมหลักของเรื่อง การสนับสนุนและการมีส่วนร่วมในการสืบหาความจริงของเธอทำให้เรื่องราวถึงจุดไคลแมกซ์ได้ การที่กมลชนกไม่แสดงความริษยาและยอมรับการตามหาลูกสาวแท้ๆ ของดวงใจ แสดงถึงความเสียสละและความรักที่บริสุทธิ์ต่อแม่บุญธรรม
ตัวละครที่สมดุลในเรื่องที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและตัวละครที่มีอารมณ์รุนแรง (เช่น ช่อแก้ว) กมลชนกเป็นตัวละครที่นำความสงบและความสมเหตุสมผลมาสู่เรื่องราว
บุคลิกและลักษณะนิสัย
จิตใจดีและซื่อสัตย์ กมลชนกเป็นตัวละครที่มีจิตใจดีและมีความภักดีต่อดวงใจ ผู้เป็นแม่บุญธรรม เธอแสดงความรักและความกตัญญูผ่านการดูแลดวงใจในช่วงที่ป่วยหนัก ฉลาดและรอบคอบ ในฐานะคนที่ใกล้ชิดกับดวงใจ กมลชนกมีความรอบคอบและมีส่วนช่วยในการสืบหาความจริงเกี่ยวกับลูกสาวแท้ๆ ของดวงใจ เธอเป็นตัวละครที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
อ่อนโยนแต่เข้มแข็ง กมลชนกมีบุคลิกที่อ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มแข็งภายในเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การสงสัยในตัว ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) ที่สวมรอยเป็นลูกของดวงใจ ไม่เห็นแก่ตัว แม้ว่าจะเป็นลูกบุญธรรมที่อาจรู้สึกกังวลเมื่อดวงใจต้องการตามหาลูกสาวแท้ๆ แต่กมลชนกไม่แสดงความริษยาและสนับสนุนการตัดสินใจของดวงใจอย่างเต็มใจ
บทบาทในเรื่อง
ลูกบุญธรรมของดวงใจ กมลชนกเป็นลูกบุญธรรมที่ดวงใจเลี้ยงดูมา เธอมีบทบาทเป็นผู้ดูแลและเป็นที่ปรึกษาของดวงใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ดวงใจป่วยด้วยโรคมะเร็งและต้องการตามหาลูกสาวแท้ๆ ที่หายไป ผู้ช่วยคลี่คลายปม กมลชนกทำงานร่วมกับ เรวัติ (จอม ศรุฒ สุวรรณภักดี) คนสนิทของดวงใจ ในการสืบหาเรณู เธอมีส่วนในการตรวจสอบข้อมูลและเริ่มสงสัยในตัวช่อแก้วเมื่อพบว่าเรื่องราวบางอย่างไม่สอดคล้องกัน
ตัวเชื่อมโยงครอบครัว กมลชนกเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงดวงใจกับเรณู โดยการสนับสนุนให้ดวงใจได้พบลูกสาวแท้ๆ ก่อนจะจากไป เธอเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปมครอบครัวคลี่คลาย ตัวแทนของความกตัญญู การที่กมลชนกไม่แสดงความอิจฉาและยอมรับการตัดสินใจของดวงใจในการตามหาลูกสาวแท้ๆ ทำให้เธอเป็นตัวอย่างของตัวละครที่กตัญญูและเสียสละ
การพัฒนาตัวละคร
จากตัวละครสมทบสู่ผู้มีบทบาทสำคัญ ในช่วงแรก กมลชนกปรากฏตัวในฐานะตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด เน้นการดูแลดวงใจ เมื่อเรื่องดำเนินไป เธอมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสืบหาความจริงและช่วยคลี่คลายปม ทำให้บทบาทของเธอเด่นชัดขึ้นในช่วงท้าย
การแสดงความเข้มแข็ง แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นคง เช่น การที่ดวงใจให้ความสำคัญกับการตามหาลูกสาวแท้ๆ กมลชนกแสดงความเข้มแข็งด้วยการสนับสนุนและไม่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมาขัดขวาง
การยอมรับความจริง เมื่อความจริงเกี่ยวกับเรณูและการสวมรอยของช่อแก้วถูกเปิดเผย กมลชนกยอมรับสถานการณ์ด้วยความเข้าใจและยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับดวงใจและเรณู
การแสดงของ ต่าย ชัชฎาภรณ์
ความเหมาะสมกับบท ต่าย ชัชฎาภรณ์ ถ่ายทอดบทกมลชนกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยบุคลิกที่ดูอ่อนโยนและสง่างาม เธอเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของหญิงสาวที่จิตใจดีและรอบคอบ การแสดงของเธอทำให้กมลชนกเป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือและน่าชื่นชม
การถ่ายทอดอารมณ์ ในฉากที่กมลชนกต้องดูแลดวงใจหรือแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสืบหาเรณู ต่ายสามารถถ่ายทอดความห่วงใยและความรอบคอบได้ดี ฉากที่เธอสงสัยในตัวช่อแก้วก็แสดงถึงความฉลาดและความระแวดระวังได้อย่างเหมาะสม
เคมีกับตัวละครอื่น ต่ายมีเคมีที่ดีกับกบ ปภัสรา (ดวงใจ) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์แม่ลูกบุญธรรม ซึ่งทำให้คนดูรู้สึกถึงความผูกพันที่แท้จริง นอกจากนี้ การแสดงคู่กับจอม ศรุฒ (เรวัติ) ในฉากที่ร่วมกันสืบหาความจริงก็ดูน่าเชื่อถือ
เนื่องจากกมลชนกเป็นตัวละครสมทบและมีบทบาทจำกัดเมื่อเทียบกับตัวละครหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้ว ทำให้ต่ายมีพื้นที่แสดงศักยภาพไม่มากนัก บทของเธอเน้นการสนับสนุนมากกว่าการมีปมเด่นของตัวเอง
กมลชนกเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกชื่นชมในความดีและความเสียสละของเธอ เธอเป็นตัวละครที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวและคอยสนับสนุนให้เรื่องราวเดินหน้าต่อไป แม้ว่าบทของเธอจะไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของเธอในฐานะลูกบุญธรรมที่กตัญญูและฉลาด ทำให้รู้สึกว่าเธอเป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญของเรื่อง การแสดงของต่าย ชัชฎาภรณ์ช่วยให้กมลชนกเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าเชื่อถือ แม้ว่าคนดูบางคนอาจรู้สึกว่าเธอมีบทบาทน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับตัวละครอื่นๆ
→ หลิน-นุศรา ประวันณา รับบท บัวผัน

เป็นตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในรุ่นพ่อแม่ รับบทโดย หลิน นุศรา ประวันณา เธอเป็นภรรยาของ พิณ (วรพรต ชะเอม) และแม่แท้ๆ ของ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) รวมถึงเป็นแม่บุญธรรมของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) บัวผันเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์และมีส่วนสำคัญในการสร้างความขัดแย้งในครอบครัว
การที่บัวผันรังเกียจเรณูและตามใจช่อแก้วเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในเรื่อง เธอเป็นตัวละครที่ทำให้ครอบครัวแตกแยกและนำไปสู่โศกนาฏกรรม การเผยความจริงว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรมและการตายของบัวผันเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ผลักดันเรื่องราวให้เข้มข้นขึ้น การตายของเธอยังเป็นจุดที่ทำให้ช่อแก้วต้องเผชิญกับความจริงและผลจากการกระทำของตัวเอง
สัญลักษณ์ของความล้มเหลวในบทบาทแม่ บัวผันแสดงให้เห็นถึงผลของการเลี้ยงลูกด้วยความลำเอียงและการขาดความยุติธรรม ซึ่งนำไปสู่ความหายนะทั้งของตัวเธอเองและครอบครัว
บุคลิกและลักษณะนิสัย
รักลูกแท้ๆ อย่างล้นเหลือ บัวผันรักและตามใจ ช่อแก้ว ลูกสาวแท้ๆ ของเธออย่างมาก เธอมักปกป้องและสนับสนุนช่อแก้ว แม้ว่าการกระทำของช่อแก้วจะผิดศีลธรรม เช่น การรังแกเรณู มีอคติและใจแคบ บัวผันมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเรณู ซึ่งเป็นลูกบุญธรรม เธอมองว่าเรณูเป็นภาระและไม่สมควรได้รับความรักหรือโอกาสเท่ากับช่อแก้ว อคติของเธอทำให้เกิดความขัดแย้งในครอบครัว
อารมณ์รุนแรง บัวผันเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนและมักแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกว่าเรณูได้สิ่งที่ดีกว่าช่อแก้ว เช่น เมื่อเรณูได้แต่งงานกับ ปลัดพงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) มีความรู้สึกผิดในบางมุม แม้ว่าจะร้ายต่อเรณู แต่บัวผันก็มีช่วงที่แสดงความรู้สึกผิด เช่น เมื่อเผลอบอกความจริงว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม หรือเมื่อพยายามปกป้องช่อแก้วจากผลกระทบของการกระทำผิด
บทบาทในเรื่อง
แม่ที่สร้างความขัดแย้ง บัวผันเป็นตัวละครที่จุดชนวนความขัดแย้งในครอบครัว การที่เธอรักช่อแก้วมากเกินไปและรังเกียจเรณูทำให้เกิดความไม่ลงรอยในบ้าน เธอมักสนับสนุนพฤติกรรมร้ายๆ ของช่อแก้ว ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ผู้เผยความลับสำคัญ บัวผันเป็นคนที่เผลอบอกเรณูว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมในช่วงที่โกรธจัด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เรณูเสียใจและเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวตนของตัวเอง เหยื่อของโศกนาฏกรรม ในช่วงกลางเรื่อง บัวผันพบปืนที่ บุญหลาย (จุ๊บ อิทธิกร) ทิ้งไว้ในบ่อน้ำและรู้ว่าเขาคือคนฆ่าพงษ์ศักดิ์ เธอตั้งใจจะแจ้งความ แต่เกิดการต่อสู้จนเธอพลัดตกบ่อน้ำและเสียชีวิต การตายของเธอเป็นจุดที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่อง
ตัวแทนของความล้มเหลวในบทบาทแม่ การที่บัวผันล้มเหลวในการเลี้ยงดูช่อแก้วให้เป็นคนดี และการปฏิบัติต่อเรณูอย่างไม่ยุติธรรม ทำให้เธอเป็นตัวอย่างของแม่ที่ถูกความรักและอคติบังตา
การพัฒนาตัวละคร
จากแม่ที่ใจดีสู่ความลำเอียง ในช่วงแรก บัวผันและพิณตัดสินใจรับเรณูมาเลี้ยงด้วยความเห็นใจ แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์และคลอดช่อแก้ว ทัศนคติของเธอต่อเรณูเปลี่ยนไป เธอเริ่มแสดงความลำเอียงและรังเกียจเรณูอย่างชัดเจน
ความขัดแย้งภายในครอบครัว การที่บัวผันสนับสนุนช่อแก้วและต่อต้านเรณูทำให้เกิดความขัดแย้งกับพิณ ซึ่งรักเรณูเหมือนลูกแท้ๆ ความขัดแย้งนี้แสดงถึงความล้มเหลวของเธอในการรักษาความสมดุลในครอบครัว
การเผชิญผลกรรม การตายของบัวผันในบ่อน้ำเป็นผลจากการที่เธอพยายามจัดการกับความผิดของบุญหลาย ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นผลกรรมจากการที่เธอสนับสนุนพฤติกรรมร้ายๆ ของช่อแก้วและบุญหลายโดยทางอ้อม
การแสดงของ หลิน นุศรา
ความสมจริงและทรงพลัง หลิน นุศรา ถ่ายทอดบทบัวผันได้อย่างยอดเยี่ยม เธอสามารถแสดงความรักที่ล้นเกินต่อช่อแก้วและความรังเกียจต่อเรณูได้อย่างสมจริง สายตาและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธทำให้คนดูรู้สึกถึงความลำเอียงของตัวละคร
การถ่ายทอดความซับซ้อน หลินทำให้บัวผันเป็นมากกว่าแค่ตัวละครที่ร้ายหรือใจแคบ ในฉากที่เธอรู้สึกผิดหลังจากเผยความจริงว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม หรือฉากที่ปกป้องช่อแก้ว เธอแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งภายในใจของบัวผันได้ดี
เคมีกับตัวละครอื่น หลินมีเคมีที่เข้ากันดีกับวรพรต ชะเอม (พิณ) ในฉากที่แสดงความขัดแย้งในครอบครัว และกับเมย์ บัณฑิตา (ช่อแก้ว) ในฉากที่แสดงความรักของแม่ลูก นอกจากนี้ การปะทะกับนุ๊ก สุทธิดา (เรณู) ในฉากที่รังเกียจหรือต่อว่า ก็ทำให้ความขัดแย้งดูเข้มข้น
จุดเด่นการแสดงของหลินช่วยให้บัวผันเป็นตัวละครที่มีมิติ ไม่ใช่แค่แม่ที่ร้าย แต่เป็นแม่ที่ถูกครอบงำด้วยความรักที่ผิดทางและอคติ
บัวผันเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกทั้งโกรธและสงสารในเวลาเดียวกัน ความลำเอียงและการรังเกียจเรณูของเธอทำให้คนดูหมั่นไส้และรู้สึกว่าเธอเป็นต้นเหตุของความทุกข์ในครอบครัว อย่างไรก็ตาม การที่เธอรักช่อแก้วอย่างสุดใจและพยายามปกป้องลูกสาวก็แสดงถึงความเป็นแม่ที่ทำให้รู้สึกเห็นใจในบางมุม การตายของเธอในบ่อน้ำเป็นฉากที่สะเทือนใจและทำให้รู้สึกว่าเธอต้องจ่ายราคาจากการกระทำของตัวเอง การแสดงของหลิน นุศราทำให้บัวผันเป็นตัวละครที่สมจริงและน่าจดจำ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวละครหลัก
→ กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ รับบท ดวงใจ

เป็นตัวละครสำคัญในรุ่นพ่อแม่ รับบทโดย กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์ เธอเป็นแม่แท้ๆ ของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) และมีบทบาทสำคัญในปมดราม่าการตามหาลูกสาวที่พลัดพราก ดวงใจเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความรัก ความเสียใจ และความหวัง
ดวงใจเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงปมหลักของเรื่องเกี่ยวกับการพลัดพรากและการกลับมาพบกัน การตามหาเรณูของเธอเป็นแกนกลางที่นำไปสู่การคลี่คลายความจริง ความรักที่ดวงใจมีต่อเรณูและการยอมรับความผิดในอดีตแสดงถึงพลังของความรักของแม่ที่สามารถเอาชนะความเจ็บปวดได้
ตัวเร่งการคลี่คลาย การปรากฏตัวของดวงใจและการสืบหาลูกสาวทำให้ความร้ายกาจของช่อแก้วถูกเปิดโปง และนำไปสู่การพบกันระหว่างแม่ลูกในตอนท้าย
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เปี่ยมด้วยความรักของแม่ ดวงใจเป็นแม่ที่รักลูกอย่างสุดหัวใจ แม้ว่าจะต้องทิ้งเรณูไปตั้งแต่แรกเกิดเพราะสถานการณ์บีบคั้น ความรู้สึกผิดและความปรารถนาที่จะพบลูกสาวเป็นแรงผลักดันหลักของเธอ เข้มแข็งแต่เปราะบาง ดวงใจเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งในการเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เปราะบางเมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการพลัดพรากจากลูกและความรู้สึกผิดในอดีต
ใจกว้างและเมตตา ดวงใจแสดงความเมตตาผ่านการรับ กมลชนก (ต่าย ชัชฎาภรณ์) มาเป็นลูกบุญธรรม และการดูแลคนรอบตัว เธอเป็นตัวละครที่มีจิตใจดีและไม่ยึดติดกับความแค้น มุ่งมั่นและมีความหวัง แม้จะป่วยหนัก ดวงใจยังคงมุ่งมั่นที่จะตามหาเรณู และความหวังที่จะได้พบลูกสาวก่อนตายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีพลังในการต่อสู้กับโรค
บทบาทในเรื่อง
แม่แท้ๆ ของเรณู ดวงใจเป็นแม่ที่ทิ้งเรณูไว้ที่งานนมัสการพระธาตุพนมเมื่อ 40 ปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ในช่วงท้ายของเรื่อง เธอพยายามตามหาลูกสาวเพื่อชดเชยความผิดในอดีต ตัวจุดชนวนปมการสวมรอย การที่ดวงใจต้องการตามหาลูกสาวทำให้ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) ฉวยโอกาสสวมรอยเป็นเรณู ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งและการคลี่คลายปมในตอนท้าย
สัญลักษณ์ของการไถ่บาป การเดินทางของดวงใจเพื่อตามหาเรณูแสดงถึงความพยายามในการไถ่บาปจากความผิดที่ทิ้งลูกไป และการได้พบเรณูก่อนตายเป็นการปิดฉากชีวิตของเธออย่างสมบูรณ์ ผู้เชื่อมโยงครอบครัว ดวงใจเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงเรณูและ พนมกร (ภูมิ เกียรติภูมิ) เข้ากับครอบครัวที่แท้จริง รวมถึงสร้างความสัมพันธ์กับกมลชนกในฐานะแม่บุญธรรม
การพัฒนาตัวละคร
จากความเสียใจสู่วิถีแห่งการไถ่บาป ในช่วงแรก ดวงใจถูกนำเสนอในฐานะผู้หญิงที่ป่วยหนักและแบกรับความรู้สึกผิดจากการทิ้งลูก ความปรารถนาที่จะพบเรณูทำให้เธอเริ่มต้นการเดินทางเพื่อตามหาความจริง
การเผชิญหน้ากับความหลอกลวง เมื่อช่อแก้วสวมรอยเป็นลูกสาว ดวงใจในตอนแรกเชื่อใจช่อแก้ว แต่เมื่อความจริงเริ่มเปิดเผย เธอแสดงความเข้มแข็งในการยอมรับความผิดพลาดและมุ่งมั่นหาลูกสาวตัวจริงต่อไป
การสมหวังก่อนจากไป การได้พบและกอดเรณูที่พระธาตุพนมเป็นจุดสูงสุดของการพัฒนาตัวละคร เธอได้ชดเชยความผิดและจากไปอย่างสงบในอ้อมกอดของลูกสาว
การแสดงของ กบ ปภัสรา
ทรงพลังและสะเทือนใจ กบ ปภัสรา ถ่ายทอดบทดวงใจได้อย่างยอดเยี่ยม เธอสามารถแสดงความรัก ความเสียใจ และความหวังของแม่ที่พลัดพรากจากลูกได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่เรียกน้ำตาคนดู
ฉากไฮไลต์ที่โดดเด่น ฉากที่ดวงใจได้พบเรณูที่พระธาตุพนมและกอดกันร่ำไห้เป็นหนึ่งในฉากที่ทรงพลังที่สุดของละคร กบแสดงอารมณ์ของแม่ที่ทั้งดีใจและเสียใจได้อย่างสมจริง ทำให้คนดูรู้สึกอินและน้ำตาไหลตาม
เคมีกับตัวละครอื่น กบมีเคมีที่ยอดเยี่ยมกับนุ๊ก สุทธิดา (เรณู) ในฉากแม่ลูกที่สะเทือนใจ และกับต่าย ชัชฎาภรณ์ (กมลชนก) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์แม่ลูกบุญธรรมที่อบอุ่น
จุดเด่นการแสดงของกบเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละคร แม้ว่าดวงใจจะปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง แต่เธอสามารถขโมยซีนและสร้างความประทับใจได้ในทุกฉากที่ปรากฏ
ดวงใจเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกทั้งสงสารและซาบซึ้ง ความเจ็บปวดจากการพลัดพรากจากลูกและความพยายามในการตามหาเรณูท่ามกลางอาการป่วย ทำให้คนดูรู้สึกเห็นใจและเอาใจช่วย การที่เธอได้พบเรณูก่อนจากไปเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสะเทือนใจและสมหวัง การแสดงของกบ ปภัสรา ทำให้ดวงใจเป็นตัวละครที่ทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากที่กอดเรณู ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากที่เรียกน้ำตาคนดูได้มากที่สุด ดวงใจเป็นตัวแทนของความรักที่ยิ่งใหญ่และความหวังที่ไม่เคยดับลง
→ เตอร์-ปริยะ วิมลโนช รับบท อำพล

ตัวละครสมทบที่ปรากฏในฐานะตัวละครที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชุมชนและครอบครัวของตัวละครหลัก รับบทโดย เตอร์ ปริยะ วิมลโนช อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอำพลไม่ใช่ตัวละครหลักและมีบทบาทจำกัดเมื่อเทียบกับตัวละครอย่าง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) หรือ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครนี้อาจไม่เด่นชัดเท่าตัวละครอื่นๆ
อำพลช่วยเสริมสร้างความรู้สึกของชุมชนในจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นฉากหลังหลักของละคร การปรากฏตัวของเขาในฉากหมู่บ้านหรืองานประเพณีช่วยให้เรื่องราวดูสมจริง เนื่องจากอำพลไม่ใช่ตัวละครหลัก เขาจึงไม่ได้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนปมดราม่าหรือการคลี่คลายเรื่องราว บทบาทของเขาค่อนข้างเป็นเพียงส่วนเสริม
ตัวแทนของความเป็นพื้นบ้านอำพลเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนธรรมดาในชุมชน ซึ่งช่วยให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงกับบริบทของเรื่อง
บุคลิกและลักษณะนิสัย
ซื่อสัตย์และเป็นมิตร อำพลเป็นตัวละครที่มีบุคลิกเรียบง่ายและเป็นคนในชุมชนที่มักมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครหลัก เขาแสดงถึงความเป็นคนพื้นบ้านที่มีจิตใจดีและไม่ซับซ้อน สนับสนุนชุมชน ในฐานะตัวละครสมทบ อำพลมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในหมู่บ้านหรือชุมชน ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของเขาในฐานะคนที่ช่วยเหลือหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมท้องถิ่น
ไม่มีความขัดแย้งเด่นชัด อำพลไม่ใช่ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าหลักของเรื่อง เช่น ความริษยาของช่อแก้ว หรือการตามหาครอบครัวของเรณู เขาจึงเป็นตัวละครที่ค่อนข้างเป็นกลางและไม่มีบทบาทที่รุนแรง
บทบาทในเรื่อง
ตัวละครสมทบในชุมชน อำพลมีบทบาทเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของชุมชนในจังหวัดนครพนม เขาอาจปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับงานนมัสการพระธาตุพนม หรือเหตุการณ์ที่ตัวละครหลักอย่างเรณูและช่อแก้วมีปฏิสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้าน
ผู้สนับสนุนตัวละครหลัก อำพลอาจมีส่วนช่วยเหลือตัวละครหลักในบางสถานการณ์ เช่น การให้ข้อมูลหรือการเป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญ แต่บทบาทของเขาไม่ใช่จุดศูนย์กลางของเรื่อง ตัวแทนของคนธรรมดา อำพลเป็นตัวละครที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทคงที่ เนื่องจากอำพลเป็นตัวละครสมทบ เขาจึงไม่มีการพัฒนาที่ซับซ้อนเหมือนตัวละครหลัก บทบาทของเขาคงที่ในฐานะตัวละครที่ช่วยสนับสนุนเรื่องราวและเติมเต็มฉาก
ไม่มีปมส่วนตัวเด่นชัด อำพลไม่มีปมส่วนตัวหรือเรื่องราวที่เป็นของตัวเอง เขามักปรากฏเพื่อช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์หรือเพิ่มบริบทให้กับตัวละครอื่น
การแสดงของ เตอร์ ปริยะ วิมลโนช
ความเหมาะสมกับบท เตอร์ ปริยะ ถ่ายทอดบทอำพลได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและเรียบง่าย เขาเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของคนในชุมชนที่ไม่ซับซ้อน การแสดงของเขาเน้นความสมจริงและไม่หวือหวา ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของตัวละคร
การถ่ายทอดอารมณ์ เนื่องจากอำพลไม่มีฉากดราม่าหนักหรือปมที่ซับซ้อน การแสดงของเตอร์จึงเน้นไปที่การเป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เขาสามารถทำให้ตัวละครดูมีชีวิตชีวาในฉากที่ปรากฏ
ข้อจำกัดบทของอำพลมีจำกัดมาก ทำให้เตอร์ไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา ตัวละครของเขาจึงอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีบทบาทเด่น
อำพลเป็นตัวละครที่ไม่เด่นและอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครหลักที่มีปมดราม่าหนักอย่างเรณู ช่อแก้ว หรือดวงใจ เขาเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่เติมเต็มฉากและเพิ่มความสมจริงให้กับชุมชนในเรื่อง การแสดงของเตอร์ ปริยะ ทำให้อำพลดูเป็นคนในชุมชนที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตร แต่เนื่องจากบทบาทของเขามีจำกัด คนดูอาจไม่รู้สึกผูกพันหรือจดจำตัวละครนี้มากนัก โดยรวมแล้ว อำพลเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในฐานะตัวประกอบ แต่ไม่มีจุดเด่นที่ทำให้คนดูจดจำ
→ พรต-วรพรต ชะเอม รับบท พิณ

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในรุ่นพ่อแม่ รับบทโดย พรต วรพรต ชะเอม เขาเป็นสามีของ บัวผัน (หลิน นุศรา ประวันณา) พ่อแท้ๆ ของ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) และพ่อบุญธรรมของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) พิณเป็นตัวละครที่แสดงถึงความรัก ความยุติธรรม และความพยายามในการรักษาความสมดุลในครอบครัว
พิณเป็นตัวละครที่แสดงถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขและความยุติธรรมในครอบครัว การที่เขารักเรณูเหมือนลูกแท้ๆ ต่างจากบัวผัน ทำให้เขาเป็นที่พึ่งสำคัญของเรณู ความขัดแย้งระหว่างพิณและบัวผันเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเรณูเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของดราม่าในเรื่อง การยืนหยัดปกป้องเรณูของเขาทำให้เกิดความตึงเครียดในครอบครัว
ผู้ทิ้งมรดกให้เรณู การมอบที่ดินให้เรณูก่อนเสียชีวิตเป็นการกระทำที่แสดงถึงความรักและความห่วงใย ซึ่งช่วยให้เรณูมีที่พึ่งเมื่อถูกไล่ออกจากบ้าน และเป็นจุดที่แสดงถึงบทบาทของเขาในฐานะพ่อที่ยิ่งใหญ่
บุคลิกและลักษณะนิสัย
จิตใจดีและเมตตา พิณเป็นคนที่มีจิตใจดีและมีความรักต่อครอบครัวอย่างแท้จริง เขารับเรณูมาเลี้ยงด้วยความเต็มใจและรักเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ แม้ว่าจะรู้ว่าเธอเป็นลูกบุญธรรม ยุติธรรมและมีเหตุผล แตกต่างจากบัวผันที่ลำเอียงและรังเกียจเรณู พิณพยายามรักษาความยุติธรรมในครอบครัว เขาคอยปกป้องเรณูจากความรุนแรงของบัวผันและช่อแก้ว และไม่ยอมให้มีการเลือกปฏิบัติ
อ่อนโยนแต่เด็ดเดี่ยว พิณมีบุคลิกที่อ่อนโยนและใจเย็น แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง เช่น การปกป้องเรณูหรือต่อสู้เพื่อครอบครัว เขาก็แสดงความเด็ดเดี่ยวออกมา มีความรับผิดชอบ ในฐานะหัวหน้าครอบครัว พิณพยายามดูแลทั้งภรรยาและลูกๆ อย่างดีที่สุด เขายังมอบที่ดินให้เรณูเพื่อให้เธอมีที่พึ่งในอนาคต ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ
บทบาทในเรื่อง
พ่อบุญธรรมของเรณู พิณและบัวผันพบเรณูที่ถูกทิ้งไว้ในงานนมัสการพระธาตุพนมและตัดสินใจรับมาเลี้ยง พิณรักเรณูอย่างจริงใจและปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกแท้ๆ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เขาขัดแย้งกับบัวผัน ผู้รักษาความลับ พิณสั่งห้ามบัวผันบอกเรณูว่าเธอเป็นลูกบุญธรรม เพื่อปกป้องความรู้สึกของเรณู อย่างไรก็ตาม เมื่อบัวผันเผลอบอกความจริง เขายอมรับและพยายามปลอบใจเรณู
ตัวละครที่สร้างสมดุลในครอบครัว ในขณะที่บัวผันและช่อแก้วเป็นตัวละครที่ก่อความขัดแย้ง พิณเป็นตัวละครที่พยายามสร้างความสมดุลและปกป้องเรณูจากการถูกกดขี่ เขาคอยเป็นที่พึ่งให้เรณูในยามที่เธอถูกบัวผันรังเกียจ ผู้ทิ้งมรดกให้เรณู ก่อนเสียชีวิต (ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงต้นถึงกลางของเรื่อง) พิณมอบที่ดินให้เรณู ซึ่งกลายเป็นที่พึ่งสำคัญเมื่อเธอถูกบัวผันไล่ออกจากบ้าน การกระทำนี้แสดงถึงความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเรณู
การพัฒนาตัวละคร
จากสามีที่อดทนสู่การยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ในช่วงแรก พิณพยายามอดทนต่อความลำเอียงของบัวผันและพฤติกรรมร้ายๆ ของช่อแก้วเพื่อรักษาความสงบในครอบครัว แต่เมื่อความขัดแย้งรุนแรงขึ้น เขาเริ่มแสดงจุดยืนในการปกป้องเรณูอย่างชัดเจน
การเผชิญหน้ากับความขัดแย้งในครอบครัว ความขัดแย้งระหว่างพิณและบัวผันเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเรณูแสดงถึงความแตกต่างในมุมมองของทั้งคู่ พิณพยายามรักษาความยุติธรรม แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจบัวผันได้
การจากไปที่ทิ้งผลกระทบ การเสียชีวิตของพิณ (ซึ่งเกิดขึ้นก่อนบัวผัน) ทำให้เรณูสูญเสียที่พึ่งสำคัญ และเป็นจุดที่ทำให้บัวผันยิ่งรังเกียจเรณูมากขึ้น การจากไปของเขาทิ้งมรดกทางอารมณ์และที่ดินให้เรณู ซึ่งช่วยให้เธอมีจุดเริ่มต้นใหม่
การแสดงของ พรต วรพรต ชะเอม
ความสมจริงและอบอุ่น พรต วรพรต ถ่ายทอดบทพิณได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ ด้วยบุคลิกที่ดูใจดีและเป็นพ่อที่อบอุ่น เขาทำให้พิณเป็นตัวละครที่คนดูรู้สึกผูกพันและชื่นชม
การถ่ายทอดอารมณ์ ในฉากที่พิณปกป้องเรณูหรือเผชิญหน้ากับบัวผัน พรตสามารถแสดงความเด็ดเดี่ยวและความรักของพ่อได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่เขายอมรับว่าเรณูเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งแสดงถึงความรู้สึกผิดและความห่วงใยได้ดี
เคมีกับตัวละครอื่น พรตมีเคมีที่ดีกับนุ๊ก สุทธิดา (เรณู) ในฉากที่แสดงความรักของพ่อลูกบุญธรรม และกับหลิน นุศรา (บัวผัน) ในฉากที่แสดงความขัดแย้งในครอบครัว การปะทะคารมกับบัวผันทำให้เห็นความแตกต่างในทัศนคติของทั้งคู่ได้ชัดเจน
เนื่องจากพิณอยู่ในเรื่องเพียงช่วงต้นถึงกลาง และเสียชีวิตก่อนที่เรื่องราวจะถึงจุดไคลแมกซ์ ทำให้พรตมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัดเมื่อเทียบกับตัวละครหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้พิณเป็นตัวละครที่น่าจดจำในบทบาทของเขา
พิณเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกชื่นชมและอบอุ่นใจในความดีและความรักที่เขามีต่อเรณู เขาเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบในแง่ของการให้ความรักโดยไม่เลือกปฏิบัติ การที่เขาคอยปกป้องเรณูจากบัวผันและช่อแก้วทำให้คนดูรู้สึกเอาใจช่วยและหวังว่าเขาจะมีบทบาทนานกว่านี้ การเสียชีวิตของเขาค่อนข้างน่าเสียดาย เพราะเขาคือตัวละครที่นำความสมดุลมาสู่ครอบครัว การแสดงของพรต วรพรต ทำให้พิณเป็นตัวละครที่น่าจดจำในฐานะพ่อที่ใจดีและยุติธรรม แม้ว่าจะอยู่ในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ
→ จุ๊บ-อิทธิกร สาธุธรรม รับบท บุญหลาย

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวร้ายรองและตัวเร่งโศกนาฏกรรมของเรื่อง รับบทโดย จุ๊บ อิทธิกร สาธุธรรม เขาเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) และมีส่วนในเหตุการณ์ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อตัวละครหลักอย่าง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) และ พงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์)
การกระทำของบุญหลาย เช่น การดักฉุดเรณู การฆ่าพงษ์ศักดิ์ และการตีหัวเรณู เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและนำไปสู่ความทุกข์ของตัวละครหลัก บุญหลายแสดงถึงผลของการปล่อยให้ความรักและความแค้นครอบงำ การที่เขาต้องตายในตอนท้ายเป็นข้อคิดเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม
ตัวละครที่เพิ่มมิติให้ช่อแก้ว ความสัมพันธ์ระหว่างบุญหลายและช่อแก้วช่วยให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวและความเจ้าเล่ห์ของช่อแก้ว ซึ่งใช้ความรักของบุญหลายเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุร้าย
บุคลิกและลักษณะนิสัย
นักเลงและก้าวร้าว บุญหลายเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านที่มีนิสัยก้าวร้าวและพร้อมใช้ความรุนแรง เขามักปรากฏตัวในฐานะคนที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายและมีพฤติกรรมที่ท้าทายอำนาจ เช่น การข่มขู่หรือทำร้ายผู้อื่น หลงรักช่อแก้วอย่างสุดใจ บุญหลายมีความรักที่ลึกซึ้งและยอมทำทุกอย่างเพื่อช่อแก้ว แม้ว่าความรักของเขาจะไม่สมหวังเต็มที่ เพราะช่อแก้วยังคงหลงรักพงษ์ศักดิ์ ความรักนี้เป็นแรงผลักดันให้เขาก่อเหตุร้ายหลายครั้ง
ขาดการควบคุมอารมณ์ บุญหลายเป็นคนที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกถูกหักหลังหรือถูกยั่วยุ เช่น การที่ช่อแก้วยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพงษ์ศักดิ์ ทำให้เขาควบคุมความโกรธไม่ได้ มีความขัดแย้งภายใน แม้ว่าจะเป็นตัวร้าย แต่บุญหลายไม่ใช่ฆาตกรโดยสันดาน เขามีช่วงที่ลังเลและรู้สึกผิด เช่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพงษ์ศักดิ์หรือเมื่อก่อเหตุร้ายโดยไม่ตั้งใจ ความขัดแย้งภายในนี้ทำให้เขาเป็นตัวละครที่มีมิติมากกว่าตัวร้ายทั่วไป
บทบาทในเรื่อง
ตัวเร่งโศกนาฏกรรม บุญหลายเป็นตัวละครที่ก่อเหตุร้ายสำคัญในเรื่อง โดยเฉพาะการฆ่าพงษ์ศักดิ์โดยไม่ตั้งใจในระหว่างการดวลปืน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่ความทุกข์ยากของเรณูและครอบครัว เครื่องมือของช่อแก้ว บุญหลายถูกช่อแก้วใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายเรณู เช่น การดักฉุดเรณูตามคำสั่งของช่อแก้ว หรือการตีหัวเรณูจนสูญเสียความทรงจำ เขายอมทำตามเพราะความรักที่มีต่อช่อแก้ว
สามีของช่อแก้ว หลังจากช่อแก้วผิดหวังในความรักจากพงษ์ศักดิ์ เธอแต่งงานกับบุญหลายเพื่อประชดและหวังให้เขาหาเลี้ยง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยความขมขื่น เพราะช่อแก้วยังคงรักพงษ์ศักดิ์ และบุญหลายรู้สึกเจ็บปวดจากความไม่จริงใจของเธอ
ตัวละครที่นำไปสู่จุดจบของตัวเองในตอนท้าย บุญหลายถูกช่อแก้วยิงตายโดยไม่ตั้งใจในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งเป็นผลจากความรุนแรงและความแค้นที่เขาสะสมไว้ การตายของเขาเป็นส่วนหนึ่งของการรับผลกรรมจากการกระทำในอดีต
การพัฒนาตัวละคร
จากนักเลงสู่นักฆ่าโดยบังเอิญ ในช่วงแรก บุญหลายเป็นเพียงนักเลงที่ก่อกวนและรับใช้ช่อแก้ว แต่เมื่อเขาฆ่าพงษ์ศักดิ์โดยไม่ตั้งใจ เขากลายเป็นฆาตกรที่ต้องหลบหนีและแบกรับความรู้สึกผิด
ความรักที่นำไปสู่ความหายนะ ความรักที่บุญหลายมีต่อช่อแก้วเป็นทั้งแรงผลักดันและจุดอ่อนของเขา การที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ รวมถึงการก่อเหตุร้าย นำไปสู่ความพังพินาศของตัวเองและคนรอบข้าง
การเผชิญผลกรรม การตายของบุญหลายในตอนท้ายเป็นจุดจบที่สะท้อนถึงผลจากการกระทำของเขา ความรุนแรงและการยอมจำนนต่อความแค้นทำให้เขาต้องจ่ายราคาด้วยชีวิต
การแสดงของ จุ๊บ อิทธิกร สาธุธรรม
ความสมจริงและดุดัน จุ๊บ อิทธิกร ถ่ายทอดบทบุญหลายได้อย่างสมจริง ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นนักเลง ดุดัน และเต็มไปด้วยพลัง เขาทำให้บุญหลายเป็นตัวละครที่น่ากลัวแต่ก็มีความเปราะบางในบางมุม
การถ่ายทอดความขัดแย้งภายใน ในฉากที่บุญหลายลังเลที่จะฆ่าพงษ์ศักดิ์หรือแสดงความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าช่อแก้วยังรักพงษ์ศักดิ์ จุ๊บสามารถแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อนได้ดี ทำให้คนดูเห็นถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละคร
เคมีกับตัวละครอื่น จุ๊บมีเคมีที่เข้ากันดีกับเมย์ บัณฑิตา (ช่อแก้ว) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์รักที่ขมขื่น และกับเทน จตุรวิทย์ (พงษ์ศักดิ์) ในฉากปะทะที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
เนื่องจากบุญหลายเป็นตัวละครสมทบและมีบทบาทจำกัดเมื่อเทียบกับตัวละครหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้ว ทำให้จุ๊บมีพื้นที่แสดงศักยภาพไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้บุญหลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำในฐานะตัวร้ายที่มีมิติ
บุญหลายเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกทั้งเกลียดและสงสารในเวลาเดียวกัน ความรุนแรงและการกระทำร้ายๆ ของเขาทำให้คนดูรู้สึกโกรธ โดยเฉพาะเมื่อเขาฆ่าพงษ์ศักดิ์และทำร้ายเรณู อย่างไรก็ตาม ความรักที่เขามีต่อช่อแก้วและความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเธอไม่เคยรักเขาอย่างจริงใจ ทำให้รู้สึกเห็นใจในบางมุม การตายของเขาในตอนท้ายเป็นจุดจบที่สมเหตุสมผลและสะท้อนถึงผลจากการกระทำของตัวเอง การแสดงของจุ๊บ อิทธิกร ทำให้บุญหลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำและมีมิติ
→ บีช-สุกฤษฏิ์ สงแก้ว รับบท วีระพล

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด รับบทโดย บีช สุกฤษฏิ์ สงแก้ว เนื่องจากวีระพลไม่ใช่ตัวละครหลักและไม่มีบทบาทเด่นเมื่อเทียบกับตัวละครอย่าง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา), ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา), หรือ พงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครนี้อาจมีจำกัดและไม่ชัดเจนเท่าตัวละครที่มีปมสำคัญ อย่างไรก็ตาม
วีระพลช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในจังหวัดนครพนม การปรากฏตัวของเขาในฉากหมู่บ้านหรืองานประเพณีช่วยให้คนดูรู้สึกถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เนื่องจากวีระพลไม่ใช่ตัวละครหลัก เขาจึงไม่ได้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนปมดราม่าหรือการคลี่คลายเรื่องราว บทบาทของเขาค่อนข้างเป็นเพียงส่วนเสริม
ตัวแทนของคนธรรมดา วีระพลจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงชีวิตของคนทั่วไปในชุมชน ซึ่งช่วยให้เรื่องราวมีมิติของความเป็นพื้นบ้านมากขึ้น
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เป็นมิตรและเรียบง่าย วีระพลจะเป็นตัวละครที่มีบุคลิกพื้นฐานของคนในชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดนครพนม เขามีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่เป็นมิตรและไม่ซับซ้อน คล้ายกับตัวละครสมทบอื่นๆ ที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของเรื่อง ซื่อสัตย์และมีน้ำใจ ในฐานะตัวละครสมทบ วีระพลมีลักษณะของคนที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักหรือเหตุการณ์ในชุมชน
ไม่มีบทบาทขัดแย้ง วีระพลจะเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าหลัก เช่น ความริษยาของช่อแก้วหรือการตามหาครอบครัวของเรณู เขาจะเป็นตัวละครที่เป็นกลางและไม่มีส่วนในความขัดแย้งใหญ่ของเรื่อง
บทบาทในเรื่อง
ตัวละครประกอบในชุมชน วีระพลจะปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในหมู่บ้านหรือเหตุการณ์สำคัญในชุมชน เช่น งานนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งเป็นฉากหลังหลักของละคร เขาอาจเป็นตัวละครที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศท้องถิ่น ผู้สนับสนุนตัวละครหลัก วีระพลมีบทบาทเล็กๆ ในการช่วยเหลือตัวละครหลักในบางสถานการณ์ เช่น การให้ข้อมูล การเป็นพยานในเหตุการณ์ หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชนที่เกี่ยวข้องกับตัวละครอย่างเรณูหรือพงษ์ศักดิ์
ตัวแทนของวิถีชีวิตพื้นบ้าน คล้ายกับตัวละครสมทบอื่นๆ เช่น อำพล (เตอร์ ปริยะ) วีระพลน่าจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนริมแม่น้ำโขง ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของเรื่อง
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทคงที่ เนื่องจากวีระพลเป็นตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด เขาจะไม่มีพัฒนาการที่ซับซ้อนหรือปมส่วนตัวที่เด่นชัด บทบาทของเขาคงที่ในฐานะตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราว
ไม่มีปมส่วนตัว วีระพลไม่น่าจะมีเรื่องราวหรือความขัดแย้งเป็นของตัวเอง เขามักปรากฏเพื่อสนับสนุนการดำเนินเรื่องหรือเพิ่มบริบทให้กับฉากที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลัก
การแสดงของ บีช สุกฤษฏิ์ สงแก้ว
ความเหมาะสมกับบท บีช สุกฤษฏิ์ จะถ่ายทอดบทวีระพลได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เขาจะเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่เป็นคนในชุมชนทั่วไป การแสดงของเขาจะเน้นความสมจริงและไม่หวือหวา เพื่อให้เข้ากับบทบาทที่ไม่โดดเด่น
การถ่ายทอดอารมณ์ เนื่องจากวีระพลไม่มีฉากดราม่าหรือปมที่ซับซ้อน การแสดงของบีชอาจเน้นไปที่การเป็นตัวละครที่ดูเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดยอาจแสดงออกผ่านการพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์ที่เรียบง่าย
บทของวีระพลมีจำกัดมาก ทำให้บีชไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา ตัวละครของเขาจึงอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีบทบาทเด่น
วีระพลเป็นตัวละครที่ไม่เด่นและอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครหลักที่มีปมดราม่าหนักอย่างเรณู ช่อแก้ว หรือดวงใจ เขาจะเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่เติมเต็มฉากและเพิ่มความสมจริงให้กับชุมชนในเรื่อง การแสดงของบีช สุกฤษฏิ์ จะทำให้วีระพลดูเป็นคนในชุมชนที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตร แต่เนื่องจากบทบาทของเขามีจำกัด คนดูอาจไม่รู้สึกผูกพันหรือจดจำตัวละครนี้มากนัก โดยรวมแล้ว วีระพลเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในฐานะตัวประกอบ แต่ไม่มีจุดเด่นที่ทำให้คนดูจดจำ
→ จอม-ศรุฒ สุวรรณภักดี รับบท เรวัติ

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง รับบทโดย จอม ศรุฒ สุวรรณภักดี เขาเป็นคนสนิทของ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) และมีส่วนช่วยในการตามหา เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ ของดวงใจ เรวัติเป็นตัวละครที่แสดงถึงความภักดีและความรับผิดชอบ
เรวัติมีบทบาทสำคัญในการช่วยดวงใจตามหาเรณู ซึ่งเป็นปมหลักของเรื่อง การทำงานของเขาเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การคลี่คลายความจริงและการพบกันของแม่ลูก ในขณะที่ตัวละครอย่างช่อแก้วและบุญหลายแสดงถึงความโลภและการทรยศ เรวัติเป็นตัวละครที่แสดงถึงความซื่อสัตย์และการทำหน้าที่อย่างเต็มใจ
ตัวละครที่เสริมความสมจริง การที่เรวัติรับหน้าที่ประสานงานและสืบหาความจริงช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับปมการตามหาลูกสาวของดวงใจ เขาเป็นตัวละครที่ทำให้กระบวนการนี้ดูน่าเชื่อถือ
บุคลิกและลักษณะนิสัย
ภักดีและซื่อสัตย์ เรวัติเป็นคนสนิทที่ดวงใจไว้วางใจ เขามีความภักดีและทุ่มเทในการปฏิบัติตามคำสั่งของดวงใจ โดยเฉพาะภารกิจในการตามหาลูกสาวของเธอ รอบคอบและมีเหตุผล เรวัติเป็นตัวละครที่มีความรอบคอบและใช้เหตุผลในการทำงาน เขาคอยประสานงานและตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่าการสืบหาเรณูจะสำเร็จ
น่าเชื่อถือและสุภาพ เรวัติมีบุคลิกที่สุภาพและน่าเชื่อถือ ทำให้เขาเป็นที่พึ่งของดวงใจและ กมลชนก (ต่าย ชัชฎาภรณ์) ในช่วงที่ต้องจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การสงสัยในตัว ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา) ไม่มีความเห็นแก่ตัว เรวัติทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อช่วยดวงใจ โดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว เขาแสดงถึงความเสียสละและความจงรักภักดีต่อผู้ที่เขาเคารพ
บทบาทในเรื่อง
คนสนิทของดวงใจ เรวัติเป็นผู้ช่วยใกล้ชิดของดวงใจ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและดำเนินการตามความปรารถนาของดวงใจในการตามหาลูกสาวที่พลัดพราก ผู้สืบหาความจริง เรวัติทำงานร่วมกับกมลชนกในการสืบหาเรณู เขามีส่วนในการจ้างนักสืบและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเริ่มสงสัยในตัวช่อแก้วเมื่อพบว่าเธออาจสวมรอยเป็นลูกสาวของดวงใจ
ตัวเชื่อมโยงปมครอบครัว เรวัติเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงดวงใจกับเรณู การทำงานของเขานำไปสู่การเปิดเผยความจริงและการพบกันของแม่ลูกในตอนท้าย ตัวแทนของความภักดี ในเรื่องที่เต็มไปด้วยตัวละครที่มีความริษยาและการทรยศ เช่น ช่อแก้วและ บุญหลาย (จุ๊บ อิทธิกร) เรวัติเป็นตัวละครที่แสดงถึงความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ
การพัฒนาตัวละคร
จากผู้ช่วยสู่ผู้มีบทบาทสำคัญ ในช่วงแรก เรวัติปรากฏตัวในฐานะผู้ช่วยของดวงใจที่มีบทบาทจำกัด แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป เขามีส่วนร่วมมากขึ้นในการสืบหาความจริง ทำให้บทบาทของเขาเด่นชัดขึ้นในช่วงท้าย
การแสดงความรับผิดชอบ เรวัติแสดงความมุ่งมั่นในการทำตามคำสั่งของดวงใจ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การหลอกลวงของช่อแก้ว ความรับผิดชอบของเขาทำให้เขาเป็นตัวละครที่คงเส้นคงวา
การมีส่วนในการคลี่คลายปม การที่เรวัติช่วยสืบหาความจริงและสงสัยในตัวช่อแก้วเป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่การพบกันระหว่างดวงใจและเรณู ซึ่งเป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง
การแสดงของ จอม ศรุฒ สุวรรณภักดี
ความเหมาะสมกับบท จอม ศรุฒ ถ่ายทอดบทเรวัติได้อย่างเหมาะสม ด้วยบุคลิกที่ดูน่าเชื่อถือและสุภาพ เขาทำให้เรวัติเป็นตัวละครที่มีความน่าไว้วางใจและเข้ากับบทบาทของผู้ช่วยที่ภักดี
การถ่ายทอดอารมณ์ ในฉากที่เรวัติต้องประสานงานหรือแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสืบหาเรณู จอมสามารถถ่ายทอดความรอบคอบและความทุ่มเทได้ดี ฉากที่เขาสงสัยในตัวช่อแก้วก็แสดงถึงความเฉลียวฉลาดของตัวละครได้อย่างลงตัว
เคมีกับตัวละครอื่น จอมมีเคมีที่ดีกับกบ ปภัสรา (ดวงใจ) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและผู้ช่วยที่ไว้วางใจกัน และกับต่าย ชัชฎาภรณ์ (กมลชนก) ในฉากที่ร่วมกันสืบหาความจริง การแสดงของเขาเสริมให้ตัวละครอื่นๆ เด่นขึ้น
เนื่องจากเรวัติเป็นตัวละครสมทบและไม่มีปมส่วนตัวที่ซับซ้อน ทำให้จอมมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัดเมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้เรวัติเป็นตัวละครที่สมบูรณ์ในบทบาทของเขา
เรวัติเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกชื่นชมในความภักดีและความรับผิดชอบของเขา เขาเป็นตัวละครที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวและคอยสนับสนุนให้เรื่องราวเดินหน้าต่อไป แม้ว่าบทของเขาจะไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก แต่การที่เขามีส่วนช่วยให้ดวงใจได้พบเรณูทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นส่วนสำคัญของการคลี่คลายปม การแสดงของจอม ศรุฒ ทำให้เรวัติเป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือและเป็นที่พึ่งได้ แม้ว่าคนดูบางคนอาจรู้สึกว่าเขามีบทบาทน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีดราม่าเข้มข้น
→ ต่อ-สมิท ธนโชติ รับบท ปรีชา

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด รับบทโดย ต่อ สมิท ธนโชติ เนื่องจากปรีชาไม่ใช่ตัวละครหลักและไม่มีบทบาทเด่นเมื่อเทียบกับตัวละครอย่าง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา), ช่อแก้ว (เมย์ บุณทิตา), หรือ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครนี้อาจมีจำกัดและไม่ชัดเจนเท่าตัวละครที่มีปมสำคัญ
ปรีชาช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในจังหวัดนครพนม การปรากฏตัวของเขาในฉากหมู่บ้านหรืองานประเพณีช่วยให้คนดูรู้สึกถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เนื่องจากปรีชาไม่ใช่ตัวละครหลัก เขาจึงไม่ได้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนปมดราม่าหรือการคลี่คลายเรื่องราว บทบาทของเขาค่อนข้างเป็นเพียงส่วนเสริม
ตัวแทนของคนธรรมดา ปรีชาจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงชีวิตของคนทั่วไปในชุมชน ซึ่งช่วยให้เรื่องราวมีมิติของความเป็นพื้นบ้านมากขึ้น
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เป็นมิตรและพื้นฐาน ปรีชาจะเป็นตัวละครที่มีบุคลิกเรียบง่ายและเป็นมิตร คล้ายกับตัวละครสมทบอื่นๆ ที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศของชุมชนในจังหวัดนครพนม เขาน่าจะเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาและไม่ซับซ้อน มีน้ำใจและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ในฐานะตัวละครสมทบ ปรีชามีลักษณะของคนที่พร้อมช่วยเหลือผู้อื่นหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน เช่น งานนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งเป็นฉากหลังสำคัญของละคร
ไม่มีบทบาทขัดแย้ง ปรีชาไม่น่าจะเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าหลักของเรื่อง เช่น ความริษยาของช่อแก้ว การตามหาครอบครัวของเรณู หรือการฆาตกรรมของ พงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) เขาจะเป็นตัวละครที่เป็นกลางและไม่มีส่วนในความขัดแย้งใหญ่
บทบาทในเรื่อง
ตัวละครประกอบในชุมชน ปรีชาจะปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในหมู่บ้านหรือเหตุการณ์สำคัญในชุมชน เช่น งานประเพณี หรือฉากที่ตัวละครหลักอย่างเรณูหรือช่อแก้วมีปฏิสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่น เขาช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของชุมชนริมแม่น้ำโขง
ผู้สนับสนุนตัวละครหลัก ปรีชามีบทบาทเล็กๆ ในการช่วยเหลือตัวละครหลักในบางสถานการณ์ เช่น การให้ข้อมูล การเป็นพยานในเหตุการณ์ หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว อย่างไรก็ตาม บทบาทของเขาไม่น่าจะเด่นชัดหรือมีผลกระทบต่อปมหลัก
ตัวแทนของวิถีชีวิตท้องถิ่น คล้ายกับตัวละครสมทบอื่นๆ เช่น อำพล (เตอร์ ปริยะ) หรือ วีระพล (บีช สุกฤษฏิ์) ปรีชาจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนธรรมดาในชุมชน ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทคงที่ เนื่องจากปรีชาเป็นตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด เขาน่าจะไม่มีพัฒนาการที่ซับซ้อนหรือปมส่วนตัวที่เด่นชัด บทบาทของเขาคงที่ในฐานะตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวและสนับสนุนฉาก
ไม่มีปมส่วนตัว ปรีชาไม่น่าจะมีเรื่องราวหรือความขัดแย้งเป็นของตัวเอง เขามักปรากฏเพื่อช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์หรือเพิ่มบริบทให้กับตัวละครอื่น
การแสดงของ ต่อ สมิท ธนโชติ
ความเหมาะสมกับบท ต่อ สมิท น่าจะถ่ายทอดบทปรีชาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เขาจะเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่เป็นคนในชุมชนทั่วไป การแสดงของเขาจะเน้นความสมจริงและไม่หวือหวา เพื่อให้เข้ากับบทบาทที่ไม่โดดเด่น
การถ่ายทอดอารมณ์ เนื่องจากปรีชาไม่มีฉากดราม่าหรือปมที่ซับซ้อน การแสดงของต่ออาจเน้นไปที่การเป็นตัวละครที่ดูเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดยอาจแสดงออกผ่านการพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์ที่เรียบง่าย
ข้อจำกัด บทของปรีชามีจำกัดมาก ทำให้ต่อไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา ตัวละครของเขาจึงอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีบทบาทเด่น
ปรีชาเป็นตัวละครที่ไม่เด่นและอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครหลักที่มีปมดราม่าหนักอย่างเรณู ช่อแก้ว หรือดวงใจ เขาจะเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่เติมเต็มฉากและเพิ่มความสมจริงให้กับชุมชนในเรื่อง การแสดงของต่อ สมิท จะทำให้ปรีชาดูเป็นคนในชุมชนที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตร แต่เนื่องจากบทบาทของเขามีจำกัด คนดูอาจไม่รู้สึกผูกพันหรือจดจำตัวละครนี้มากนัก โดยรวมแล้ว ปรีชาเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในฐานะตัวประกอบ แต่ไม่มีจุดเด่นที่ทำให้คนดูจดจำ
→ โอ๋-จณิสตา อยู่สุภาพ รับบท สมพร

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด รับบทโดย โอ๋ จณิสตา อยู่สุภาพ เนื่องจากสมพรไม่ใช่ตัวละครหลักและไม่มีบทบาทเด่นเมื่อเทียบกับตัวละครอย่าง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา), ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา), หรือ ดวงใจ (กบ ปภัสรา) ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครนี้อาจมีจำกัดและไม่ชัดเจนเท่าตัวละครที่มีปมสำคัญ
สมพรช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร โดยเฉพาะฉากที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในจังหวัดนครพนม การปรากฏตัวของเธอในฉากหมู่บ้านหรืองานประเพณีช่วยให้คนดูรู้สึกถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เนื่องจากสมพรไม่ใช่ตัวละครหลัก เธอจึงไม่ได้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนปมดราม่าหรือการคลี่คลายเรื่องราว บทบาทของเธอค่อนข้างเป็นเพียงส่วนเสริม
ตัวแทนของคนธรรมดา สมพรจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงชีวิตของคนทั่วไปในชุมชน ซึ่งช่วยให้เรื่องราวมีมิติของความเป็นพื้นบ้านมากขึ้น
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เป็นมิตรและเรียบง่าย สมพรจะเป็นตัวละครที่มีบุคลิกพื้นฐานของคนในชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดนครพนม เธอจะมีนิสัยที่เป็นมิตร ตรงไปตรงมา และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในหมู่บ้าน มีน้ำใจและเป็นที่พึ่งได้ ในฐานะตัวละครสมทบ สมพรมีลักษณะของคนที่มีน้ำใจและพร้อมช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักหรือเหตุการณ์ในชุมชน
ไม่มีบทบาทขัดแย้ง สมพรไม่น่าจะเป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับปมดราม่าหลักของเรื่อง เช่น ความริษยาของช่อแก้ว การตามหาครอบครัวของเรณู หรือการฆาตกรรมของ พงษ์ศักดิ์ (เทน พ.ต.อ.จตุรวิทย์) เธอจะเป็นตัวละครที่เป็นกลางและไม่มีส่วนในความขัดแย้งใหญ่
บทบาทในเรื่อง
ตัวละครประกอบในชุมชน สมพรจะปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันในหมู่บ้านหรือเหตุการณ์สำคัญในชุมชน เช่น งานนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งเป็นฉากหลังสำคัญของละคร เธอเป็นตัวละครที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศท้องถิ่น ผู้สนับสนุนตัวละครหลัก สมพรมีบทบาทเล็กๆ ในการช่วยเหลือตัวละครหลักในบางสถานการณ์ เช่น การให้ข้อมูล การเป็นพยานในเหตุการณ์ หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราว อย่างไรก็ตาม บทบาทของเธอน่าจะไม่เด่นชัดหรือมีผลกระทบต่อปมหลัก
ตัวแทนของวิถีชีวิตพื้นบ้าน คล้ายกับตัวละครสมทบอื่นๆ เช่น อำพล (เตอร์ ปริยะ) หรือ วีระพล (บีช สุกฤษฏิ์) สมพรจะเป็นตัวละครที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนธรรมดาในชุมชน ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับฉากหลังของละคร
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทคงที่ เนื่องจากสมพรเป็นตัวละครสมทบที่มีบทบาทจำกัด เธอจะไม่มีพัฒนาการที่ซับซ้อนหรือปมส่วนตัวที่เด่นชัด บทบาทของเธอคงที่ในฐานะตัวละครที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวและสนับสนุนฉาก
ไม่มีปมส่วนตัว สมพรไม่น่าจะมีเรื่องราวหรือความขัดแย้งเป็นของตัวเอง เธอมักปรากฏเพื่อช่วยขับเคลื่อนเหตุการณ์หรือเพิ่มบริบทให้กับตัวละครอื่น
การแสดงของ โอ๋ จณิสตา อยู่สุภาพ
ความเหมาะสมกับบท โอ๋ จณิสตา จะถ่ายทอดบทสมพรได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เธอจะเหมาะกับคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่เป็นคนในชุมชนทั่วไป การแสดงของเธอจะเน้นความสมจริงและไม่หวือหวา เพื่อให้เข้ากับบทบาทที่ไม่โดดเด่น
การถ่ายทอดอารมณ์ เนื่องจากสมพรไม่มีฉากดราม่าหรือปมที่ซับซ้อน การแสดงของโอ๋เน้นไปที่การเป็นตัวละครที่ดูเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดยอาจแสดงออกผ่านการพูดคุยหรือปฏิสัมพันธ์ที่เรียบง่าย
บทของสมพรมีจำกัดมาก ทำให้โอ๋ไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา ตัวละครของเธอจึงอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครที่มีบทบาทเด่น
สมพรเป็นตัวละครที่ไม่เด่นและอาจถูกลืมได้ง่ายเมื่อเทียบกับตัวละครหลักที่มีปมดราม่าหนักอย่างเรณู ช่อแก้ว หรือดวงใจ เธอจะเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่เติมเต็มฉากและเพิ่มความสมจริงให้กับชุมชนในเรื่อง การแสดงของโอ๋ จณิสตา จะทำให้สมพดูเป็นคนในชุมชนที่น่าเชื่อถือและเป็นมิตร แต่เนื่องจากบทบาทของเธอมีจำกัด คนดูอาจไม่รู้สึกผูกพันหรือจดจำตัวละครนี้มากนัก โดยรวมแล้ว สมพรเป็นตัวละครที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในฐานะตัวประกอบ แต่ไม่มีจุดเด่นที่ทำให้คนดูจดจำ
นักแสดงรับเชิญ
→ อั๋น-สิรคุปต์ มทะนี รับบท ดำรง

ตัวละครสมทบที่มีบทบาทสำคัญในรุ่นพ่อแม่ รับบทโดย อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี เขาเป็นสามีของ ดวงใจ (กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์) และเป็นพ่อบุญธรรมของ กมลชนก (ต่าย ชัชฎาภรณ์) ดำรงเป็นตัวละครที่แสดงถึงความรัก ความรับผิดชอบ และความเสียสละในฐานะหัวหน้าครอบครัว
ดำรงเป็นตัวละครที่แสดงถึงความรักที่มั่นคงและการสนับสนุนครอบครัว การที่เขาเข้าใจและยอมรับอดีตของดวงใจทำให้เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับปมครอบครัว การที่ดำรงสนับสนุนให้ดวงใจตามหาเรณูและมอบหมายให้เรวัติและกมลชนกช่วยสืบหาความจริง เป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่การคลี่คลายปมการพลัดพรากของแม่ลูก
ตัวละครที่เพิ่มความสมจริง ดำรงช่วยให้เรื่องราวของดวงใจดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยแสดงให้เห็นว่าเธอมีครอบครัวที่รักและคอยสนับสนุน ซึ่งตัดกับความรู้สึกผิดในอดีตของเธอ
บุคลิกและลักษณะนิสัย
อบอุ่นและรักครอบครัว ดำรงเป็นสามีที่รักและห่วงใยดวงใจอย่างสุดหัวใจ เขายังเป็นพ่อบุญธรรมที่เมตตาต่อกมลชนก ปฏิบัติต่อเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ แสดงถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไข รับผิดชอบและหนักแน่น ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ดำรงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขาคอยสนับสนุนดวงใจทั้งในด้านอารมณ์และการตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อดวงใจป่วยด้วยโรคมะเร็งและต้องการตามหาลูกสาวที่พลัดพราก
เสียสละและเข้าใจ ดำรงรู้ถึงความรู้สึกผิดของดวงใจที่ทิ้ง เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) ไว้ตั้งแต่แรกเกิด เขาไม่เคยตำหนิดวงใจและสนับสนุนให้เธอตามหาลูกสาวเพื่อชดเชยความผิดในอดีต แสดงถึงความเข้าใจและความเสียสละ สุภาพและใจเย็น ดำรงมีบุคลิกที่สุภาพและใจเย็น เขาเป็นตัวละครที่ไม่ก้าวร้าวและมักใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา ทำให้เขาเป็นที่พึ่งของครอบครัว
บทบาทในเรื่อง
สามีของดวงใจ ดำรงเป็นคู่ชีวิตของดวงใจที่คอยอยู่เคียงข้างเธอในช่วงที่ป่วยหนัก เขาให้กำลังใจและสนับสนุนความปรารถนาของดวงใจในการตามหาเรณู ซึ่งเป็นลูกสาวที่เธอทิ้งไว้ที่งานนมัสการพระธาตุพนมเมื่อ 40 ปีก่อน พ่อบุญธรรมของกมลชนก ดำรงและดวงใจรับกมลชนกมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เขารักและดูแลกมลชนกอย่างดี ทำให้เธอเติบโตมาเป็นคนที่มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ต่อครอบครัว
ผู้สนับสนุนการตามหาเรณู ดำรงมีส่วนช่วยในการสนับสนุนภารกิจของดวงใจ โดยมอบหมายให้ เรวัติ (จอม ศรุฒ) และกมลชนกช่วยสืบหาเรณู เขายังคอยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้ดวงใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ตัวละครที่เพิ่มมิติให้ดวงใจ การที่ดำรงเข้าใจและสนับสนุนดวงใจทำให้เห็นถึงความรักที่ลึกซึ้งและความสัมพันธ์ที่มั่นคงของทั้งคู่ ซึ่งช่วยให้ตัวละครดวงใจมีมิติมากขึ้นในฐานะผู้หญิงที่พยายามไถ่บาปจากอดีต
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทคงที่แต่ทรงพลัง ดำรงเป็นตัวละครที่ไม่มีพัฒนาการที่ซับซ้อน เนื่องจากเขาเป็นตัวละครที่สมบูรณ์ในตัวเองตั้งแต่ต้น เขาคงความเป็นสามีและพ่อที่รักครอบครัวตลอดทั้งเรื่อง
การเผชิญหน้ากับความสูญเสีย เมื่อดวงใจป่วยหนักและใกล้เสียชีวิต ดำรงแสดงถึงความเข้มแข็งในการยอมรับความจริงและสนับสนุนให้เธอได้พบเรณูก่อนจากไป การที่เขาคอยอยู่เคียงข้างดวงใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตแสดงถึงความรักที่มั่นคง
บทบาทในตอนท้าย ดำรงอาจไม่ได้ปรากฏในฉากสุดท้ายของการพบกันระหว่างดวงใจและเรณู เนื่องจากละครเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของแม่ลูก แต่การสนับสนุนของเขาตลอดเรื่องมีส่วนสำคัญที่ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จ
การแสดงของ อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี
ความสมจริงและอบอุ่น อั๋น สิรคุปต์ ถ่ายทอดบทดำรงได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยบุคลิกที่ดูอบอุ่นและน่าเชื่อถือ เขาทำให้ดำรงเป็นสามีและพ่อที่น่าชื่นชม การแสดงของเขาเน้นความสุภาพและความใจเย็น ซึ่งเหมาะสมกับคาแร็กเตอร์
การถ่ายทอดอารมณ์ ในฉากที่ดำรงให้กำลังใจดวงใจหรือแสดงความห่วงใยต่อครอบครัว อั๋นสามารถถ่ายทอดความรักและความเสียสละได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในฉากที่เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการเห็นดวงใจป่วยหนัก
เคมีกับตัวละครอื่น อั๋นมีเคมีที่ยอดเยี่ยมกับกบ ปภัสรา (ดวงใจ) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์ของสามีภรรยาที่รักและเข้าใจกัน และกับต่าย ชัชฎาภรณ์ (กมลชนก) ในฉากที่แสดงความสัมพันธ์พ่อลูกบุญธรรมที่อบอุ่น การแสดงของเขาช่วยเสริมให้ตัวละครอื่นๆ เด่นขึ้น
เนื่องจากดำรงเป็นตัวละครสมทบและปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง (ในฐานะตัวละครรับเชิญ) อั๋นจึงมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัดเมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือเมย์ บัณฑิตา อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้ดำรงเป็นตัวละครที่น่าจดจำในบทบาทของเขา
ดำรงเป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและชื่นชมในความรักและความเสียสละของเขา เขาเป็นสามีและพ่อที่สมบูรณ์แบบในแง่ของการให้การสนับสนุนและความเข้าใจ การที่เขาคอยอยู่เคียงข้างดวงใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากและสนับสนุนให้เธอได้ชดเชยความผิดในอดีต ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันและเห็นใจ การแสดงของอั๋น สิรคุปต์ ทำให้ดำรงเป็นตัวละครที่น่าเชื่อถือและน่าประทับใจ แม้ว่าจะเป็นบทรับเชิญที่มีเวลาในเรื่องจำกัด ดำรงเป็นตัวละครที่เสริมความสมบูรณ์ให้กับปมครอบครัวและทิ้งความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้ชม
→ คุกกี้-ญดา สุวรรณปัฏนะ รับบท ดวงใจ (วัยรุ่น)

ตัวละครสมทบที่ปรากฏในฉากย้อนอดีต รับบทโดย คุกกี้ ญดา สุวรรณปัฏนะ เธอเป็นตัวละครที่แสดงถึงวัยสาวของ ดวงใจ (รับบทในวัยผู้ใหญ่โดย กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์) ซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ของ เรณู (นุ๊ก สุทธิดา) ดวงใจ (วัยรุ่น) มีบทบาทสำคัญในการเล่าถึงจุดเริ่มต้นของปมการพลัดพรากระหว่างแม่ลูก ซึ่งเป็นแกนหลักของเรื่อง
การที่ดวงใจ (วัยรุ่น) ทิ้งเรณูเป็นจุดเริ่มต้นของปมการพลัดพราก ซึ่งเป็นแกนกลางของเรื่อง การกระทำของเธอส่งผลต่อชีวิตของเรณูและดวงใจ (วัยผู้ใหญ่) รวมถึงนำไปสู่การสวมรอยของช่อแก้ว ดวงใจ (วัยรุ่น) แสดงถึงความเจ็บปวดของแม่ที่ต้องเสียสละลูกเพื่อหวังให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่า การตัดสินใจของเธอเป็นจุดที่ทำให้คนดูเข้าใจและเห็นใจดวงใจในวัยผู้ใหญ่
ตัวเชื่อมโยงปมครอบครัว แหวนที่ดวงใจ (วัยรุ่น) ทิ้งไว้เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ช่วยให้เรณูและดวงใจกลับมาพบกันในตอนท้าย ฉากย้อนอดีตของเธอจึงเป็นส่วนสำคัญในการคลี่คลายปม
บุคลิกและลักษณะนิสัย
เปราะบางและมีภาระหนัก ดวงใจในวัยรุ่นเป็นหญิงสาวที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก เธอตั้งครรภ์ในวัยที่ยังไม่พร้อมและไม่มีที่พึ่ง ทำให้เธอรู้สึกเปราะบางและสิ้นหวัง รักลูกอย่างสุดใจ แม้ว่าจะต้องตัดสินใจทิ้งเรณูไว้ที่งานนมัสการพระธาตุพนม ดวงใจแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งต่อลูก เธอเลือกทิ้งลูกด้วยความจำใจ เพราะหวังว่าเรณูจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าการอยู่กับเธอ
มีความรู้สึกผิด การตัดสินใจทิ้งลูกทำให้ดวงใจ (วัยรุ่น) แบกรับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปมในชีวิตของเธอที่ต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ อ่อนโยนแต่ขาดที่พึ่ง ดวงใจในวัยนี้มีบุคลิกที่อ่อนโยนและต้องการความช่วยเหลือ แต่สถานการณ์ในชีวิตทำให้เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงลำพัง
บทบาทในเรื่อง
จุดเริ่มต้นของปมการพลัดพราก ดวงใจ (วัยรุ่น) ปรากฏในฉากย้อนอดีตที่เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 40 ปีก่อน เธอตั้งครรภ์และไม่สามารถเลี้ยงดูเรณูได้ จึงตัดสินใจทิ้งลูกไว้ที่งานนมัสการพระธาตุพนม โดยหวังว่าลูกจะได้รับการเลี้ยงดูจากคนที่มีฐานะดีกว่า
ตัวแทนของความเจ็บปวดในอดีต การกระทำของดวงใจ (วัยรุ่น) เป็นจุดกำเนิดของความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดที่ดวงใจ (วัยผู้ใหญ่) แบกรับตลอดชีวิต การทิ้งเรณูเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ปมครอบครัวและการตามหาลูกในตอนท้ายของเรื่อง
ตัวเชื่อมโยงกับเรณู ฉากที่ดวงใจ (วัยรุ่น) ทิ้งเรณูและทิ้งแหวนไว้เป็นสัญลักษณ์ เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญที่ทำให้เรณูและดวงใจสามารถกลับมาพบกันได้ในอนาคต แหวนนี้กลายเป็นกุญแจในการคลี่คลายปมการสวมรอยของ ช่อแก้ว (เมย์ บัณฑิตา)
ตัวละครที่เพิ่มมิติให้ดวงใจ การแสดงถึงวัยรุ่นของดวงใจช่วยให้คนดูเข้าใจที่มาของความรู้สึกผิดและความมุ่งมั่นของดวงใจ (วัยผู้ใหญ่) ในการตามหาลูกสาว
การพัฒนาตัวละคร
บทบาทจำกัดในฉากย้อนอดีต ดวงใจ (วัยรุ่น) ปรากฏในช่วงสั้นๆ ในฉากย้อนอดีตเท่านั้น จึงไม่มีพัฒนาการที่ซับซ้อน เธอเป็นตัวละครที่ถูกนำเสนอเพื่ออธิบายบริบทของการทิ้งเรณูและความเจ็บปวดในอดีต
การตัดสินใจที่ส่งผลยาวนาน การตัดสินใจทิ้งลูกของดวงใจ (วัยรุ่น) เป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อเรื่องราวทั้งหมด แม้ว่าเธอจะอยู่ในเรื่องเพียงชั่วครู่ แต่การกระทำของเธอเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมและการไถ่บาปในภายหลัง
สะท้อนความเปราะบางของวัยรุ่น ดวงใจ (วัยรุ่น) แสดงถึงความเปราะบางของหญิงสาวที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เกินตัว ซึ่งช่วยให้คนดูเข้าใจและเห็นใจตัวละครดวงใจในวัยผู้ใหญ่
การแสดงของ คุกกี้ ญดา สุวรรณปัฏนะ
ความสมจริงและสะเทือนใจ คุกกี้ ญดา ถ่ายทอดบทดวงใจ (วัยรุ่น) ได้อย่างน่าประทับใจ เธอสามารถแสดงความเปราะบาง ความสิ้นหวัง และความรักของแม่ที่ต้องตัดสินใจทิ้งลูกได้อย่างสมจริง การแสดงของเธอในฉากที่ร่ำไห้ขณะทิ้งเรณูเป็นจุดที่เรียกน้ำตาคนดูได้
การถ่ายทอดอารมณ์ ฉากที่ดวงใจ (วัยรุ่น) ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก เช่น การทิ้งลูกและทิ้งแหวนไว้ คุกกี้สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้คนดูรู้สึกถึงน้ำหนักของการกระทำของตัวละคร
เคมีกับบริบท แม้ว่าดวงใจ (วัยรุ่น) จะปรากฏในฉากสั้นๆ และไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับตัวละครหลักอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น การแสดงของคุกกี้ช่วยให้ฉากย้อนอดีตมีความสมจริงและเชื่อมโยงกับตัวละครดวงใจ (วัยผู้ใหญ่) ได้อย่างลงตัว
เนื่องจากดวงใจ (วัยรุ่น) ปรากฏในฉากย้อนอดีตเพียงช่วงสั้นๆ คุกกี้จึงมีพื้นที่แสดงศักยภาพจำกัดเมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างนุ๊ก สุทธิดา หรือกบ ปภัสรา อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถทำให้ตัวละครน่าจดจำในช่วงเวลาที่ปรากฏ
ดวงใจ (วัยรุ่น) เป็นตัวละครที่ทำให้รู้สึกสงสารและสะเทือนใจอย่างมาก การที่เธอต้องตัดสินใจทิ้งลูกด้วยความจำใจและแบกรับความรู้สึกผิดในวัยที่ยังเด็ก ทำให้คนดูรู้สึกเห็นใจและเข้าใจความเจ็บปวดของเธอ การแสดงของคุกกี้ ญดา ในฉากย้อนอดีตช่วยให้ตัวละครนี้มีพลังและทิ้งความประทับใจ แม้ว่าจะปรากฏเพียงช่วงสั้นๆ ฉากที่เธอร่ำไห้ขณะทิ้งเรณูเป็นหนึ่งในฉากที่เรียกน้ำตาและทำให้คนดูรู้สึกถึงน้ำหนักของการตัดสินใจนั้น ดวงใจ (วัยรุ่น) เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับเรื่องราวและช่วยให้ปมครอบครัวมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น