ละคร นายยิ้มมะยมหวาน 2562 (EP.1-21 ตอนจบ) END เรื่องราวของ ภัสดา ถูกเปิดตัวเป็นทายาทของราชสกุลภทรราชย์ ถูกให้มาเลือกคู่ในงานเปิดตัวโรงแรม แต่ภัสดารู้ทันจึงให้บุรินท์ มือขวา เป็นตัวแทนในงานโดยเขาเองก็ได้ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมที่มีชื่อว่า นายยิ้ม ผู้ชายมอซอธรรมดาเข้าไปร่วมงานด้วย ทำให้เขาได้เจอกับเบญจแขไขที่กำลังสาธิตวิธีทำขนมไทย เรื่องวุ่น ๆ ชุลมุนจึงเกิดขึ้น เมื่อภัสดาซึ่งยังคงปลอมตัวเป็นนายยิ้มและดันเข้าไปสมัครงานในร้านทำขนมของเบญจแขไขอีก เพราะหวังว่าจะได้เจอผู้หญิงที่รักจริงคนนั้นและพร้อมจะมาเป็นคู่ชีวิตตัวจริง

ในสังคมที่เต็มไปด้วยเปลือก…มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนที่สร้างเปลือกสวยงาม ขึ้นมาห่อหุ้มตัวตนที่แท้จริง แทนการสร้างจิตใจที่ดีงาม…เมื่อเป็นเช่นนี้ ปฏิบัติการกะเทาะเปลือกมนุษย์แบบเพี้ยน ๆ เพื่อพิสูจน์ทองเนื้อแท้ของ ภัสดา ภัทรราชย์ จึงเริ่มต้นขึ้น



ละคร นายยิ้มมะยมหวาน 2562

ละคร นายยิ้มมะยมหวาน 2562

ละคร นายยิ้มมะยมหวาน 2562 EP.1-21CH3+

หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ – นายยิ้ม (Ost.นายยิ้มมะยมหวาน)


ละคร นายยิ้มมะยมหวาน 2562

ภัสดา ภัทรราชย์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ผู้เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ ขาดเพียงอย่างเดียวคือศรีภรรยา ทำให้ หม่อมสุภางค์ ผู้เป็นป้ากลัวว่า ราชสกุลภัทรราชย์ของตนจะสูญสิ้น จึงพยายามสรรหาสาว ๆ ในแวดวงไฮโซ ที่มีฐานะทัดเทียมกันมาให้หลานชายเลือก โดยอาศัยงานเปิดตัวโรงแรมเทวฤทธิ์ ซึ่งดัดแปลงมาจากวังเก่าแก่ของตระกูลเป็นสถานที่เลือกคู่ ภัสดารู้ทันแผนการของหม่อมสุภางค์ ดังนั้นวันงานเขาจึงดับฝันผู้เป็นป้า ด้วยการไม่ไปร่วมงาน แต่ส่งบุรินทร์ เพื่อนสนิท ซึ่งเป็นมือขวาในการบริหารโรงแรมไปเป็นตัวแทน

ในงานเดียวกัน…เบญจแขไข เจ้าของร้านขนมไทยประยุกต์วัย 22 ปี ได้รับการว่าจ้างให้มาสาธิตการทำขนมไทยแบบร่วมสมัย โดยใช้มะยมเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนม ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงาน ในระหว่างการสาธิตทำขนมมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นจากบรรดาสาว ๆ ที่หม่อมสุภางค์เชิญมาร่วมงาน ที่เข้าใจผิดคิดว่า หากใครทำขนมได้เด็ดถูกใจหม่อมป้าจะได้รับเลือกให้เป็นหลานสะใภ้ สาว ๆ เหล่านั้นจึงพากันปั่นป่วนการสาธิตทำขนมของเบญจแขไข
หนึ่งในนั้นก็คือ จตุชไม (สี่) พี่สาวแท้ ๆ ของเบญจแขไข ที่ไม่ยอมรับเบญจแขไขเป็นน้อง และสั่งห้ามไม่ให้บอกใครว่าเป็นพี่น้องกัน เพราะอายที่ไฮโซอย่างตนมีน้องเป็นแม่ค้าขายขนม จตุชไมถือว่าตนเป็นลูกรักของพ่อแม่ ส่วนเบญจแขไขเป็นลูกชัง ซึ่งถูกเนรเทศไปให้ ย่าพิศ เลี้ยงที่บ้านสวนตั้งแต่แบเบาะ จตุชไมเกลียดขี้หน้าเบญจแขไขมาก เพราะเบญจแขไขสวยกว่า เก่งกว่าทั้งงานบ้าน งานครัว แถมยังช่วยดูแลกิจการร้านขนมไทยของย่าพิศ จนมีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย

ความโกลาหลที่เกิดขึ้น ทำให้งานของเบญจแขไขเกือบจะพังไม่เป็นท่า แต่ก็โชคดีที่ นายยิ้ม มะยมหวาน ผู้ชายมอซอ ดูแล้วไม่มีออร่าของผู้ดีเลยสักนิด มาช่วยกู้สถานการณ์ไว้ได้ทัน ทุกอย่างจึงผ่านไปด้วยดี เบญจแขไขกล่าวขอบคุณนายยิ้มอย่างจริงใจ ในขณะที่จตุชไมด่านายยิ้มยกใหญ่ ที่มาช่วยเบญจแขไข และขู่ว่าจะไปฟ้องภัสดาเจ้าของโรงแรมให้ไล่นายยิ้มออก นอกจากนี้ยังดูถูกว่านายยิ้มเป็นคนจนต่ำต้อย น่ารังเกียจอีกด้วย เบญจแขไขสงสารนายยิ้มที่ทำดีแต่กลับถูกด่าฟรี จึงออกหน้าปกป้องนายยิ้ม โดยการต่อว่าจตุชไมกลับไปแรง ๆ ทำให้นายยิ้มรู้สึกประทับใจเบญจแขไขมาก ที่ยอมมีเรื่องกับจตุชไมเพื่อคนต่ำต้อยด้อยค่าอย่างตน

หลังจากความโกลาหลผ่านพ้นไป บุรินทร์ก็ได้รับโทรศัพท์จากภัสดาเพื่อถามเรื่องการสาธิตการทำขนมของเบญจแขไข ว่าไปจ้างใคร มาจากไหน พิมพา อาของเบญจแขไขก็เดินผ่านมาได้ยินและเข้าใจผิด คิดว่าภัสดาโทร. มาต่อว่า ที่เบญจแขไขทำให้งานเกือบล่ม พิมพากลัวว่าหลานสาวจะมีความผิด จึงรีบไปบอกหลาน แต่จังหวะนั้นก็เกิดซุ่มซ่ามเดินชนกับพนักงานที่ถือถาดแก้วน้ำที่เดินมาทางเดียวกัน จนเลอะเทอะไปทั้งตัว บุรินทร์เห็นก็รีบเดินเข้าไปตำหนิพนักงานที่ทำงานไม่ระวัง พิมพาบอกไม่ใช่ความผิดของพนักงาน ตนซุ่มซ่ามเองแล้วรีบเดินหนี ส่วนบุรินทร์มองตามยิ้ม ๆ ถูกใจความสวยของพิมพา โดยไม่รู้เลยว่าพิมพาอายุมากกว่าตนเองถึง 5 ปี

พิมพานำเรื่องมาบอกเบญจแขไข พร้อมกันนั้น ธงทิว (ทิว) ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนชายคนพิเศษของเบญจแขไข เจ้าของบริษัทออแกนไนเซอร์ ซึ่งเป็นคนจ้างเบญจแขไขมาทำงานนี้ ก็เอาเงินค่าจ้างมาให้ แต่แอบหักหัวคิวไป 50% มากกว่าทุกครั้ง ธงทิวมักจะเอาเปรียบและกอบโกยผลประโยชน์จากเบญจแขไขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และครั้งนี้ธงทิวก็หลอกเบญจแขไขว่า ภัสดา เจ้าของโรงแรมโกรธมาก ที่เบญจแขไขก่อความวุ่นวาย จนภาพลักษณ์ของโรงแรมเสียหาย จึงจ่ายค่าจ้างเพียงครึ่งเดียว ทำให้เบญจแขไขรู้สึกโกรธภัสดามาก เพราะคิดว่าภัสดาเป็นนักธุรกิจหน้าเลือด เห็นแก่ชื่อเสียงและผลประโยชน์ของตัวเอง แถมยังด่วนตัดสินว่าเธอผิด โดยไม่ให้โอกาสอธิบาย ทั้ง ๆ ที่เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากผู้หญิงที่จ้องจะจับเขาทั้งสิ้น

หลังจากจบงาน จตุชไมก็กลับไปฟ้อง คุณนายสายสวาท ผู้เป็นมารดาว่าตนไม่เจอตัวภัสดาในงานเลี้ยงเพราะเบญจแขไขก่อเหตุวุ่นวาย แถมยังใส่สีตีไข่เกินความจริงอีกมาก ทำให้คุณนายสายสวาทโกรธสุด ๆ และด่าเบญจแขไขว่าเป็นตัวซวยตั้งแต่เกิด เกิดมาก็ทำให้แม่เกือบตาย ทำให้ นายพนัส ผู้เป็นพ่อพลาดโอกาสได้เป็นพระเอกหนัง แถมยังมาขัดขวางการจับผู้ชายของพี่สาวอีก คุณนายสายสวาทปลอบใจลูกสาวคนโปรดว่า ไม่ต้องเสียใจเดี๋ยวตนจะพาไปจับภัสดาใหม่อีกรอบ คราวนี้จะเข้าให้ถึงตัว บุกให้ถึงวังเลย

ทางด้านหม่อมสุภางค์ก็ร้อนใจที่ภัสดาหายตัวไป ตั้งแต่วันงานเปิดตัวโรงแรม จึงเรียกบุรินทร์เข้าไปถามที่วัง แต่บุรินทร์ก็ให้คำตอบไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่เจอตัวภัสดาตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน หม่อมสุภางค์ ออกคำสั่งแบบเด็ดขาดให้บุรินทร์ตามหาตัวภัสดาให้เจอภายใน 3 วัน ไม่เช่นนั้นจะหักเงินเดือน จะไล่ออกจากงาน จะยึดบ้าน ยึดรถคืน และขู่อีกสารพัด จนบุรินทร์เครียดหนัก

บุรินทร์พยายามติดต่อภัสดาทุกเครื่องมือการสื่อสารที่มีในโลก แต่ก็ติดต่อไม่ได้ และในที่สุดภัสดาก็เป็นฝ่ายโทร. มาบอกบุรินทร์เองว่า เขาจะหายตัวไปสักระยะ เพราะต้องการหนีการจับคู่ของหม่อมสุภางค์ ให้บุรินทร์ประจำการดูแลงานที่โรงแรมแทน บุรินทร์พยายามถามว่าภัสดาจะหลบไปอยู่ที่ไหน แต่ภัสดาไม่ยอมบอก และสั่งห้ามไม่ให้บอกหม่อมสุภางค์ว่าเขาติดต่อมา บุรินทร์เครียดยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้ว่าต้องโดนหม่อมสุภางค์เล่นงานหนักแน่นอน หากครบกำหนดแล้วไม่มีคำตอบไปรายงาน

นายยิ้ม มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าร้านขายขนมของเบญจแขไข เด็กชายไข่ วัยประมาณ 8 ปี ลูกสมุนของเบญจแขไขเห็นเข้าก็กลัวว่าจะเป็นโจร จึงไปตามเบญจแขไขมาดู นายยิ้มถามทางไปส่งพิซซ่า เบญจแขไขบอกทางให้แต่โดยดี แต่นายยิ้มกลับโดนวัยรุ่นชายดักตีและแย่งชิงรถมอเตอร์ไซค์ไป

นายยิ้มบอกเบญจแขไขว่าถูกภัสดาไล่ออกจากงาน เพราะช่วยเบญจแขไขเมื่อวันก่อน ไปสมัครงานที่ใหม่มาแล้วหลายที่แต่ก็ไม่มีคนรับ เบญจแขไขสงสาร ประกอบกับคิดว่าเป็นความผิดของตนด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้นายยิ้มตกงาน เลยบอกว่าจะไปขอให้ย่าพิศรับนายยิ้มเข้าทำงานที่ร้าน ทำให้นายยิ้มรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเบญจแขไขมากยิ่งขึ้น

เบญจแขไขเล่าเรื่องที่นายยิ้มถูกภัสดาไล่ออกจากงานให้ย่าพิศฟังด้วยความโกรธเคือง ที่ภัสดาไม่เห็นใจพนักงานระดับรากหญ้าอย่างนายยิ้ม ย่าพิศรับฟังแล้วก็สอนให้เบญจแขไขรู้จักใจเย็น อย่าด่วนตัดสินภัสดาจากคำพูดที่คนอื่นพูดถึงเขา รอให้เจอตัวจริงก่อนค่อยตัดสินว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่เบญจแขไขก็บอกว่าตนตัดสินภัสดา เหมือนที่ภัสดาเคยตัดสินว่าตนผิด โดยไม่ฟังเหตุผลเช่นกัน พิมพาที่นั่งฟังอยู่ด้วยจึงสอนหลานว่า ให้เอาชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่เบญจแขไขบอกว่าโกรธแล้วโกรธเลย และจะไม่มีวันญาติดีกับภัสดาเด็ดขาด

ย่าพิศอนุญาตให้นายยิ้มทำงานที่ร้านขนม แต่ระหว่างที่ทำงานนายยิ้มก็ถูกจับตามองจากคนงานทุกคน โดยเฉพาะเด็กชายไข่ ที่เฝ้าระวังไม่ให้นายยิ้มเข้าใกล้เบญจแขไขง่าย ๆ เพราะนายยิ้มดูลึกลับ และไม่ยอมให้บัตรประชาชนมาตอนสมัครงาน แต่เบญจแขไขก็เชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง ว่านายยิ้มต้องเป็นคนดี และยังบอกอีกว่าเราควรมองคนที่ปัจจุบัน ต่อให้นายยิ้มเคยทำผิดหรือเป็นโจรมาก่อน แต่เราก็ควรให้โอกาสเขาได้แก้ตัว ถ้าสังคมไม่ให้โอกาสคน โลกเราก็คงไม่มีใครอยากกลับตัวเป็นคนดี ทำให้นายยิ้มยิ่งปลื้มและสัญญาว่าจะรักและภักดีต่อเบญจแขไขตลอดไป

ระหว่างที่ช่วยงานในร้านขนม…นายยิ้มก็ได้เห็นว่า เบญจแขไขเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสูตรขนมไทยให้มีความแปลกใหม่ เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่ทิ้งรากความเป็นไทย นายยิ้มชื่นชมแนวคิดของเบญจแขไข จึงเสนอตัวเป็นผู้ช่วยหมายเลขหนึ่ง และช่วยคิดชื่อขนมว่า มะยมยิ้ม เพราะเห็นว่าในสวนของย่าพิศมีต้นมะยมเยอะ น่าจะนำมาแปรรูปได้หลายอย่าง นอกจากนี้นายยิ้มยังให้คำแนะนำที่มีหลักการ มากเกินความรู้แค่ ป. 6 อย่างที่เขาเคยบอกไว้ จนเบญจแขไขสงสัย แต่นายยิ้มก็อ้างว่าตัวเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือเลยรู้เยอะ

ธงทิวพยายามเข้ามาทำคะแนนกับเบญจแขไขและย่าพิศ ด้วยการนำลูกค้าใหม่ที่ทำธุรกิจส่งออกอาหารไปต่างประเทศ ครอบครัวเบญจแขไขดีใจเพราะรายได้จากการทำขนมส่งเป็นเงินก้อนโต แต่กลับมีเรื่องวุ่นย้อนกลับมาเมื่อตำรวจตรวจพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในขนมซึ่งลูกค้าลักลอบนำออกไปต่างประเทศ เบญจแขไขตกเป็นจำเลยขึ้นโรงพัก ในขณะที่ธงทิวหนีหายไปไม่รับผิดชอบ ร้อนถึงยิ้มต้องสั่งให้บุรินทร์ช่วยติดต่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้เร่งติดตามหาคนร้ายตัวจริง

เบญจแขไขตกเป็นข่าวเสียหายไปทั่ว ลูกค้าประจำส่งคืนขนม ทั้งโดนสายสวาทต่อว่าที่สร้างความอับอาย แต่ยิ้มให้กำลังใจเบญจแขไขและนำขนมไปตั้งแผงขายเพื่อหารายได้ประทังครอบครัว

แต่เมื่อวันหนึ่ง ธงทิวรู้ข่าวว่าจะมีทางด่วนตัดผ่านที่ดินแถบบ้านสวนของย่าพิศ และราคาที่ดินแถบนั้นก็จะต้องพุ่งปรี๊ดสูงขึ้นอีกหลายสิบเท่า ดังนั้นธงทิวจึงรบเร้าเบญจแขไขเรื่องการแต่งงานหนักขึ้น เพื่อหวังฮุบที่ดินและสมบัติทั้งหมด แต่เบญจแขไขก็บ่ายเบี่ยงเพราะยังไม่แน่ใจตัวเองว่ารักธงทิวจริงหรือไม่ ทั้งที่เธอคบหาดูใจกับธงทิวมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย

ฉากหน้าที่ทุกคนในสังคมเห็นว่าธงทิวเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของบริษัทออกาไนเซอร์อนาคตไกลนั้น เบญจแขไขรู้ดีว่าเขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่สร้างฐานะมาจากการทำงานหนัก พ่อแม่ของธงทิวเลี้ยงลูกชายคนเดียวแบบไข่ในหิน ประเคนข้าวของเครื่องใช้อย่างดีให้ทุกอย่างจนธงทิวเสียนิสัย เมื่อโตขึ้น เขาจึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล มีเสน่ห์ที่หน้าตาและคารม เจ้าชู้ และใช้เงินเป็นเบี้ย โชคดีที่ธงทิวเป็นคนหัวดี จึงเรียนเก่ง ได้เกรดสูง ๆ มาตลอด

ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ ฟองสบู่แตก ครอบครัวของธงทิวเข้าสู่สภาวะล้มละลาย พ่อของธงทิวติดหนี้สินมากมายหลายสิบล้าน บังเกิดความเครียดจนผูกคอตาย แม่ของธงทิวรับสภาพไม่ไหว ล้มป่วยจนต้องส่งเข้ารับการรักษาทางจิตอยู่พักใหญ่ ก่อนจะออกไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักวิปัสสนาในชนบท

ธงทิว เหมือนตกลงจากหอคอยงาช้าง บ้านช่องที่ดินทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ถูกขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ธงทิวสัญญากับตัวเองว่าเขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อวันหนึ่งเขาจะกลับไปร่ำรวยเหมือนเดิม

เมื่อเปิดบริษัทออกาไนซ์ของตัวเอง แรก ๆ กิจการทำท่าจะไปได้สวยเพราะความเก่งและคารมดีของธงทิว ฐานะเงินทองของธงทิวกลับมาเฟื่องฟู แต่นิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขาพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนหนี้สิน ธงทิวติดหนี้เสี่ยหลักชัยที่กู้ยืมมาหมุนเวียนใช้ในบริษัทหลายล้านบาท

เบญจแขไขเห็นอกเห็นใจธงทิว เธอทราบดีถึงความทะเยอทะยานของธงทิว จึงคอยเป็นกำลังใจและช่วยเหลือธงทิวอยู่เสมอ ธงทิวซาบซึ้งใจดี แม้ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้คอยเอาเปรียบเบญจแขไขทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ลึก ๆ แล้วเขามีความรักให้เบญจแขไข ธงทิวมาหาเบญจแขไขที่ร้านบ่อย ๆ พร้อมทั้งมีของกำนัลมากมายมาฝากย่าพิศและพิมพาเพื่อเอาใจ แต่ก็ถูกนายยิ้มกับเด็กชายไข่ที่หันมาร่วมมือกันปกป้องเบญจแขไขเล่นงานสะบักสะบอมกลับไปทุกครั้ง

ธงทิวเริ่มสังเกตเห็นว่าเบญจแขไขกับนายยิ้มสนิทกันมากเกินเจ้านายกับลูกน้องก็เกิดอาการหึงหวง จึงต่อว่าเบญจแขไขที่ลดตัวลงไปคลุกคลีกับคนงานระดับล่าง เบญจแขไขบอกว่าตนไม่ได้เลือกคบคนที่ฐานะ แต่เลือกคบคนที่จิตใจ และบอกอีกด้วยว่าตนแค่สงสารนายยิ้มที่ถูกคนรวย ๆ อย่างภัสดารังแกจนไม่มีที่ไป แต่ไม่ได้รักเขาอย่างที่ธงทิวกล่าวหา นายยิ้มที่แอบฟังอยู่รู้สึกปลื้มที่เบญจแขไขไม่รังเกียจคนจน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าที่เบญจแขไขบอกว่าไม่ได้รักเขา เพราะตอนนี้นายยิ้มรักเบญจแขไขเต็มหัวใจแล้ว

เวลาผ่านไป บุรินทร์เริ่มทนไม่ได้ที่ภัสดาหายตัวไป เพราะตอนนี้เขาต้องรับศึกหนักหลายด้าน ทั้งหม่อมป้าสุภางค์ ทั้งจตุชไม ที่พอตามหาภัสดาไม่เจอก็พากันมารุมเขา และที่สำคัญ ทางโรงแรมกำลังจะจัดงานเทศกาลขนมนานาชาติ ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับเอเชียอาคเนย์ และครั้งนี้ภัสดาจะต้องมาคุมงานด้วยตัวเอง ดังนั้นบุรินทร์จึงร่วมมือกับหม่อมสุภางค์วางแผนล่อให้ภัสดาออกจากถ้ำ ทั้งปล่อยข่าวหลอกว่าหม่อมสุภางค์ป่วยหนัก จ้างนักสืบออกตามหา และอีกสารพัดวิธีแต่ภัสดาก็ไม่หลงกล และแผนเด็ดก๊อกสุดท้ายที่บุรินทร์งัดออกมาใช้ก็คือ ปล่อยข่าวฉาวเรื่องผู้หญิงของภัสดา

หนังสือพิมพ์และนิตยสารแทบทุกฉบับก็พร้อมใจกันลงข่าวซุบซิบว่า เสน่ห์ไฮโซหนุ่มสุดฮอต ภ. แรง !! จนทำงานเปิดตัวโรงแรมเกือบล่ม เหตุทำชีกอใส่เจ้าของร้านขนมสาวสวยนิรนาม จนสาวอื่นอิจฉารุมทึ้งสาวนิรนาม จนเกือบเอาตัวไม่รอด

ภัสดาเห็นข่าวก็โทร. มาด่าบุรินทร์ทันที และสั่งให้บุรินทร์แก้ข่าวให้เร็วที่สุด เพราะข่าวนี้มีผลกระทบต่อชื่อเสียงร้านขนมของเบญจแขไข รวมถึงตัวเบญจแขไขมากด้วย และที่สำคัญภัสดากลัวว่าเบญจแขไขจะมองเขาไม่ดี บุรินทร์เริ่มเอะใจที่ภัสดาแคร์เบญจแขไขมากเป็นพิเศษ และรู้ความเคลื่อนไหวของร้านขนมเป็นอย่างดีอีกด้วย

บุรินทร์สงสัยจึงไปที่ร้านขนมของเบญจแขไข แล้วก็ได้เห็นภัสดาอยู่ที่นั่นในฐานะนายยิ้ม มะยมหวาน ลูกจ้างร้านขนม บุรินทร์ ดีใจที่ตามหาภัสดาเจอ สองคนหลบออกไปคุยกันในที่ลับตาคน ภัสดาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บุรินทร์ฟังโดยไม่ปิดบังอีก และสารภาพว่าเขาคิดจะจีบเบญจแขไขอย่างจริงจัง บุรินทร์ฟันธงว่า เบญจแขไขไม่มีทางหลงรักนายยิ้ม มะยมหวาน ลูกจ้างร้านขนมแน่นอน แต่ภัสดาก็มั่นใจว่าสามารถทำได้ บุรินทร์จึงท้าให้ภัสดาให้จีบเบญจแขไขให้สำเร็จภายใน 3 เดือน ถ้าทำได้บุรินทร์จะยอมกินมะยมจนหมดสวนย่าพิศ ภัสดารับคำท้า เพราะมั่นใจว่ามองคนไม่ผิด

บุรินทร์ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองให้ภัสดากลับไปดูแลงานเทศกาลขนมนานาชาติ ภัสดากลัวความลับเรื่องที่เขาโกหกเบญจแขไขว่าเป็นนายยิ้ม มะยมหวานแตก จึงต้องยอมกลับไปทำงานที่โรงแรมตามเดิม แต่ก็ยื่นเงื่อนไขให้บุรินทร์ติดต่อเบญจแขไขไปเปิดซุ้มขนมไทย ในฐานะตัวแทนของโรงแรมในงานนี้ด้วย บุรินทร์ตอบตกลงทันที

เบญจแขไขรู้สึกเหงาแปลก ๆ เมื่อไม่มีนายยิ้มมาคอยวนเวียนรอบตัว ชวนคุย ชวนหัวเราะเหมือนเคย และในขณะที่เบญจแขไขกำลังคิดถึงนายยิ้มอยู่นั้น บุรินทร์ก็โผล่มาที่ร้าน เพื่อติดต่อให้เบญจแขไขไปช่วยงานเทศกาลขนมนานาชาติที่โรงแรมเทวฤทธิ์ โดยให้โจทย์ที่ภัสดาเป็นคนคิดให้เข้ากับตัวเองว่า ต้องเป็นขนมที่ทำจากมะยม และจะให้ขนมของเบญจแขไขเป็นไฮไลต์ของงาน เบญจแขไขไม่อยากรับงานนี้ เพราะเกลียดภัสดา แต่บุรินทร์ก็หว่านล้อมว่าการทำงานนี้จะช่วยโปรโมตร้านของเบญจแขไขให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติได้ ในที่สุดเบญจแขไขก็ยอมตกลง

ระหว่างที่คุยงานกับเบญจแขไขอยู่นั้น บุรินทร์ก็สมาธิหลุดเมื่อเห็นพิมพาเดินเข้ามาในร้าน และก็ต้องอึ้งกิมกี่ เมื่อรู้ว่าพิมพาเป็นอาของเบญจแขไข วูบแรกบุรินทร์คิดว่าต้องอายุมากกว่าเขาแน่ ๆ แต่เพราะพิมพาเป็นคนหน้าเด็ก บุรินทร์จึงเดาไม่ออกว่าพิมพาอายุเท่าไรกันแน่ แต่ถึงอย่างไรอายุก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับบุรินทร์ถ้าเขาคิดจะรัก บุรินทร์ฉวยโอกาสคะยั้นคะยอให้พิมพาไปช่วยงานเบญจแขไขที่โรงแรมด้วย พิมพางงว่าทำไมบุรินทร์ต้องอยากให้ตนไป แต่ก็ตอบว่าถึงบุรินทร์ไม่ชวนตนก็ต้องไปช่วยงานเบญจแขไขเป็นปกติอยู่แล้ว บุรินทร์ดีใจหน้าบานจนเก็บอาการไม่อยู่ ที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพิมพา

ธงทิวรู้ข่าวว่าเบญจแขไขจะไปออกซุ้มขนมในงานใหญ่ก็ตาลุกวาว หวังจะเบียดเบียนผลประโยชน์จากเบญจแขไขเหมือนเคย ดังนั้นเขาจึงเสนอตัวเป็นออแกนไนเซอร์ช่วยจัดงาน เบญจแขไขปฏิเสธเพราะมีทีมงานของโรงแรมช่วยอยู่แล้วส่วนหนึ่ง แต่ธงทิวก็ยกเอาเหตุความวุ่นวายจากงานเปิดตัวโรงแรมคราวก่อนมาเป็นข้ออ้าง จนเบญจแขไขขาดความมั่นใจ กลัวงานเละเหมือนคราวก่อนอีก จึงยอมให้ธงทิวมาช่วยงาน เมื่อภัสดารู้ก็ไม่พอใจ อารมณ์หึงพุ่งสูงปรี๊ด แต่ก็พยายามข่มจิต

ภัสดาทนคิดถึงเบญจแขไขไม่ไหว จึงขับรถมาแอบดูเบญจแขไขที่หน้าร้านบ้างในวันที่มีเวลาน้อย แวะมาเยี่ยมในคราบของ นายยิ้ม มะยมหวาน บ้างในวันที่มีเวลาว่างมาก ๆ โดยอ้างว่าเป็นวันหยุดเลยอยากมาช่วยงานเบญจแขไข ภัสดาทำตัวไม่ต่างกับพวกโรคจิตที่คอยติดตามว่าวัน ๆ เบญจแขไขไปทำอะไร อย่างไร ที่ไหน กับใคร และยิ่งเห็นเบญจแขไขอยู่กับธงทิวก็ยิ่งร้อนรนแทบทนไม่ไหว ภัสดาเร่งวันเร่งคืนอยากให้ถึงงานเทศกาลขนมนานาชาติเร็ว ๆ เพราะเบญจแขไขจะต้องไปเตรียมงานล่วงหน้า รวมกับระยะเวลาจัดงาน เขาก็จะได้มีโอกาสเจอเบญจแขไขทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนเต็ม ภัสดาไม่รู้ตัวเลยว่างานที่เขาหยิบยื่นให้เบญจแขไขทำนั้นกำลังจะนำภัยมาสู่ตัวเอง

และแล้ว วันที่ภัสดารอคอยก็มาถึง เบญจแขไขต้องมาเตรียมงานล่วงหน้าที่โรงแรมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ภัสดาจึงแอบมาช่วยงานเบญจแขไขในฐานะนายยิ้ม ภัสดาสวมบทนายยิ้มใส่ร้ายบุรินทร์ในทางเสีย ๆ หาย ๆ ด้วยความหมั่นไส้เพื่อน ว่าเป็นเจ้านายจอมโหด ร้อนถึงบุรินทร์ที่กลัวว่าพิมพาจะมองตนไม่ดี จึงเอาคืนโดยการใส่ไฟว่าที่ตนเป็นอย่างนี้เพราะ ภัสดาเจ้าชู้ ขี้งก เป็นเจ้าของโรงแรมมหาโหด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ภัสดาที่อยู่ในฐานะนายยิ้มกับบุรินทร์ใส่ไฟกันไปมา แต่แล้วภัสดาก็ชิ่งหนีไปดื้อ ๆ เมื่อเห็นหม่อมสุภางค์เดินมากับจตุชไม

บุรินทร์แนะนำให้เบญจแขไขและพิมพารู้จักกับหม่อมสุภางค์อย่างเป็นทางการ หม่อมสุภางค์รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูเบญจแขไขมากเป็นพิเศษ เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านจะได้พบกับเด็กรุ่นใหม่ที่มีกิริยาเรียบร้อยงดงามเช่นนี้ จตุชไมแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเบญจแขไขกับพิมพา แต่ก็แอบส่งสายตาอาฆาตให้เบญจแขไขที่ได้คะแนนนิยมจากหม่อมสุภางค์มากกว่าตนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ในขณะที่ตัวเองต้องประจบเอาใจหม่อมสุภางค์สารพัด แต่ท่าทางหม่อมสุภางค์ก็ปลื้มเบญจแขไขมากกว่า

ในระหว่างเทศกาลขนมนานาชาติ ภัสดาต้องคอยสับรางตัวเองไม่ให้พวกของเบญจแขไขและหม่อมสุภางค์มาเจอเขาพร้อมกัน จึงทำให้ดูเหมือนเป็นคนลุกลี้ลุกลน จนเบญจแขไขผิดสังเกต โดยเฉพาะตอนที่หม่อมสุภางค์เดินมาที่ซุ้มของเบญจแขไขพร้อมกับจตุชไม นายยิ้มก็รีบชิ่งหลบทันที

ภัสดาสงสัยว่าจตุชไมเป็นใคร ทำไมถึงได้อยู่กับหม่อมสุภางค์ตลอดเวลา บุรินทร์จึงเล่าให้ฟังว่า จตุชไมเป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งหลานสะใภ้ของหม่อมสุภางค์หมายเลขหนึ่ง และบอกอีกว่าจตุชไมเป็นลูกสาวบ้าน เปรียบทอง ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจับผู้ชายรวย ๆ ไปทำสามี โดยมีคุณนายสายสวาทผู้เห็นเงินเป็นพระเจ้าคอยยุยงส่งเสริม และคุณนายสายสวาทก็ขายลูกสาวให้เศรษฐีสำเร็จไปแล้วสองคนคือ หนึ่งฤทัย และตรีวิลัย และเหยื่อรายต่อไปก็คือภัสดา

ภัสดารู้สึกรังเกียจนิสัยมองคนแต่เปลือกของคนบ้านเปรียบทอง และอยากจะให้บทเรียนแก่จตุชไมบ้าง จึงวางแผนสั่งสอนโดยการแกล้งพูดจาให้ความหวังต่าง ๆ นานา จนจตุชไมคิดว่าภัสดามีใจให้ แต่ที่จตุชไมขัดใจมากก็คือ ภัสดามักจะนัดไปพบในสถานที่แปลก ๆ บรรยากาศแปลก ๆ และแต่ละครั้งจตุชไมก็จะไม่เคยได้พบภัสดาเลยสักครั้ง เพราะภัสดาสร้างสถานการณ์ให้คลาดกันตลอด

จตุชไมเกือบจะเจอตัวภัสดาจัง ๆ ในงานเทศกาลขนมฯ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกบุรินทร์สกัดดาวรุ่ง จนต้องล่าถอยกลับไป แต่จังหวะที่กำลังจะออกจากโรงแรมก็เจอกับธงทิวที่มาช่วยงานเบญจแขไข ต่างฝ่ายต่างจ้องกันตาเป็นมัน เพราะบุคลิกภายนอกของทั้งคู่ดูเป็นคนรวยมาก ๆ ธงทิวรีบปราดเข้าไปทำความรู้จักหวังจะคบเพื่อหลอกเอาเงินทอง ส่วนจตุชไมก็อ่อยเหยื่อให้ท่าธงทิว หวังเก็บไว้เป็นผู้ชายเบอร์สอง คบไว้คั่นเวลาระหว่างที่ยังจับภัสดาไม่ติด โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้ธงทิวมีแต่เปลือก เงินในบัญชีติดลบ บริษัทก็กำลังจะเจ๊ง พวกที่มีแต่เปลือกเหมือนกันก็เลยได้มีโอกาสได้จ้องจับกันเอง

ในที่สุดงานเทศกาลขนมนานาชาติก็ผ่านไปด้วยดี เบญจแขไขหน้าบานยิ้มไม่หุบ เพราะขนมสูตรมะยมยิ้ม ที่มีแรงบันดาลใจมาจากนายยิ้ม มะยมหวาน ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนมีออเดอร์เข้ามากมายจนแทบทำไม่ทัน เป็นเหตุให้ ลุงเผือก เจ้าของร้านขนมคู่แข่งเกิดความอิจฉา จ้องจะทำลายล้างร้านของเบญจแขไขให้ได้

ในขณะที่ชีวิตของเบญจแขไขกำลังไปได้สวย คุณนายสายสวาทก็เป็นหนี้การพนัน เสี่ยหลักชัย จำนวน 10 ล้านบาท และเมื่อถูกทวงมาก ๆ แล้วไม่มีเงินใช้หนี้ คุณนายสายสวาทก็โบ้ยให้เสี่ยหลักชัยไปทวงกับย่าพิศและเบญจแขไขที่บ้านสวน โดยอ้างความเป็นแม่กับเบญจแขไขทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจลูกคนนี้เลย

เสี่ยหลักชัยรู้มาว่าที่ดินบริเวณนั้นกำลังจะมีทางด่วนตัดผ่าน และราคาจะสูงมากในอนาคต เสี่ยหลักชัยจึงบุกไปทวงหนี้ถึงที่บ้านสวน และขู่บังคับให้ย่าพิศยกที่ดินผืนนี้ให้ตน เพื่อล้างหนี้ให้คุณนายสายสวาท แต่ย่าพิศก็ไม่ยอมง่าย ๆ เสี่ยหลักชัยจึงส่งลูกน้องไปคุกคามย่าพิศ เบญจแขไข และพิมพาต่าง ๆ นานา ทั้งขู่ว่าจะมาเผาบ้านบ้าง จะจับเบญจแขไขไปขายบ้าง หากไม่มีเงินมาใช้หนี้ภายใน 7 วัน

นายพนัสถูกคุณนายสายสวาทบังคับให้ไปขโมยโฉนดที่ดินบ้านสวนของย่าพิศมาให้หลักชัย เพราะหลักชัยได้ทำสัญญาซื้อขายเตรียมไว้แล้ว คุณพนัสรู้ว่าคุณย่ารักบ้านสวนนี้มาก จึงขอต่อรองเป็นสัญญาจำนองที่ดิน หากตนไม่สามารถหาเงิน 10 ล้านมาคืนได้ภายใน 30 วัน โฉนดที่ดินก็จะตกเป็นของหลักชัย หลักชัยเห็นว่านายพนัสไม่มีทางหาเงินมาทันจึงตอบตกลง และบังคับให้ย่าพิศเซ็นสัญญา ย่าพิศไม่ยอมเซ็นดี ๆ หลักชัยจึงบังคับพิมพ์ลายนิ้วมือไปจนได้ ย่าพิศต่อสู้จนตกบันได ต้องเข้าห้อง ICU อาการหนักมาก หมอสั่งให้ญาติทำใจ ระหว่างที่อยู่ในห้อง ICU ย่าพิศก็เพ้อบอกให้เบญจแขไขเอาที่ดินคืนมาให้ได้

เบญจแขไขกลุ้มใจมาก เพราะทุกอย่างรุมเร้าเข้ามาพร้อม ๆ กันจนตั้งรับแทบไม่ทัน ทั้งย่าป่วย ถูกเจ้าหนี้คุกคาม ร้านขนมก็ถูกคู่แข่งทางธุรกิจกลั่นแกล้ง โดยการปลอมขนมมะยมยิ้ม พอลูกค้าซื้อไปกินก็เกิดท้องร่วงอย่างรุนแรง จนสินค้าถูกตีกลับมาหมด รวมถึงออเดอร์ต่างประเทศก็ถูกยกเลิกทั้งหมด เพราะลูกค้าไม่มั่นใจคุณภาพของขนม

ลุงเผือกเจ้าของร้านคู่แข่ง ได้ทีจึงติดต่อธงทิวให้เป็นนายหน้าไปเจรจาขอซื้อที่ดินบ้านสวนจากเบญจแขไข เพราะที่ดินของคุณย่าพิศทำเลดี แถมวัตถุดิบในการทำขนมก็อุดมสมบูรณ์เต็มสวน ถ้าได้ที่ดินของคุณย่ามาก็เหมือนได้ทั้งแหล่งผลิต แหล่งขาย แถมได้จัดการตัดแขนตัดขาร้านคู่แข่งอีก ถือเป็นการยิ่งปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ลุงเผือกเสนอค่านายหน้าให้ธงทิวสูงกว่าปกติ แต่มีข้อแม้ว่าไม่ให้บอกว่าลุงเผือกเป็นคนมาขอซื้อ เพราะที่ผ่านมาลุงเผือกเป็นเพื่อนที่ดีของย่าพิศมาตลอด ธงทิวก็ตกปากรับทำงานนี้ทันทีเพราะเห็นแก่เงิน

ธงทิวพยายามหว่านล้อมเบญจแขไขให้ขายที่สุดฤทธิ์ บอกว่านายทุนคนนี้ให้ค่าที่สูงถึง 15 ล้าน เอาเงินใช้หนี้ 10 ล้าน แล้วยังเหลือเงินไปใช้รักษาย่าพิศอีกตั้ง 5 ล้าน ดีกว่ายกโฉนดที่ดินให้เจ้าหนี้ไปเปล่า ๆ เบญจแขไขไม่สนใจ แล้วบอกธงทิวว่าตนยอมทำงานเหนื่อย ยอมทำอะไรก็ได้เพื่อแลกเงิน ยอมขายสมบัติอื่น ๆ ทุกอย่างที่มี แต่จะไม่มีวันขายหรือยกที่ดินบ้านสวนของย่าพิศให้ใครเด็ดขาด

ธงทิวรู้ว่าเบญจแขไขเป็นคนดื้อ พูดคำไหนคำนั้น และคิดว่างานนี้เบญจแขไขคงยอมขายทุกอย่างจนเหลือแต่ตัว แต่ก็คงจะรักษาที่ดินของย่าพิศไว้ไม่ได้ ธงทิวเลยคิดจะชิ่ง เพราะเบญจแขไขคงไม่เหลือสมบัติอะไรให้ปอกลอกอีกต่อไป ประกอบกับเสี่ยหลักชัยทวงหนี้ธงทิวอย่างหนักเพื่อบีบให้ธงทิวพยายามตื้อเบญจแขไขให้ได้

ธงทิวหลบหน้าเบญจแขไขและเสี่ยหลักชัยไปต่างจังหวัด พอดีกับแม่ของธงทิวซึ่งปฏิบัติธรรมอยู่สำนักวิปัสสนาต่างจังหวัดล้มป่วย ธงทิวจึงไปเยี่ยม และรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเห็นแม่ที่เคยเป็นเศรษฐีนีมีหน้าตาในสังคม นุ่งขาวห่มขาวใช้ชีวิตสมถะ สอนธรรมะและวิปัสสนาให้แก่ผู้คน แม่ของธงทิวพยายามชี้ให้ธงทิวเห็นถึงความสุขที่แท้จริงของชีวิต คือความสงบและพอเพียง แต่ธงทิวกลับไม่เชื่อ เขาเชื่อว่าเงินเท่านั้นที่จะนำความสุขมาให้เขาได้ เขาจึงต้องมองหาบ่อเงินบ่อทองแห่งใหม่…นั่นคือ จตุชไม ที่เขาหลงเข้าใจว่าเป็นลูกเศรษฐีผู้ดีเก่า

ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของชีวิต ธงทิวก็หายไปจากชีวิตของเบญจแขไขเพราะมีเป้าหมายใหม่คือจตุชไม ส่วน นายยิ้ม มะยมหวาน ก็กลับเข้ามาในชีวิตของเบญจแขไขอีกครั้งหนึ่ง นายยิ้มมาอยู่ช่วยงานและเป็นกำลังใจให้ทุกอย่าง จนเบญจแขไขเข้มแข็งขึ้นและมีแรงฮึดสู้อีกครั้ง ในขณะเดียวกัน เบญจแขไขก็รู้สึกหวั่นไหวและเริ่มหลงรักนายยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

นายยิ้มเป็นห่วงกลัวว่าเบญจแขไขจะได้รับอันตรายจากเสี่ยหลักชัย จึงบอกเบญจแขไขว่าภัสดายินดีจะช่วยเหลือเบญจแขไข โดยจะจ้างเบญจแขไขไปเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ มีหน้าที่คิดสูตรขนมไทยแปลกใหม่ ให้กับโรงแรมเทวฤทธิ์ ถ้าภัสดาถูกใจก็จะให้สูตรละ 1 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขว่าเบญจแขไขต้องพักอยู่ในโรงแรม ห้ามออกไปไหน เพื่อป้องกันสูตรขนมรั่วไหล และภัสดาก็จะส่งบุรินทร์ไปคอยดูแลพิมพาให้ด้วย แม้จะแปลกใจที่ภัสดาให้ค่าจ้างสูงผิดปกติและมีเงื่อนไขแปลก ๆ แต่เบญจแขไขก็ไม่มีเวลาคิด เพราะต้องเร่งคิดสูตรขนมเพื่อเอาเงินไปซื้อที่คืนมาให้ย่าพิศ เบญจแขไขทุ่มเทเวลาในการทำงานแบบไม่ยอมพักผ่อน โดยมีนายยิ้มแอบมาเป็นลูกมือและให้กำลังใจอยู่เสมอ จนเบญจแขไขต้องไล่ให้ไปทำงาน เพราะกลัวว่านายยิ้มจะถูกภัสดาเล่นงานอีก

ธงทิวรู้ว่าเบญจแขไขไปทำงานที่โรงแรมเทวฤทธิ์และได้เงินค่าจ้างสูง และมีแนวโน้มว่าจะรักษาบ้านสวนไว้ได้ ก็หันกลับมาทำดีกับเบญจแขไขอีกครั้ง แต่เบญจแขไขไม่ดีด้วยและบอกเลิกเป็นแฟนกับธงทิว เพราะรู้แล้วว่าธงทิวไม่จริงใจ ธงทิวรู้สึกโกรธที่เบญจแขไขคิดจะตีจาก และคิดว่าเบญจแขไขปฏิเสธตนเพราะจะไปคบกับนายยิ้ม จึงคิดหาทางรวบหัวรวบหางเบญจแขไข

ภัสดาไม่ไว้ใจธงทิว จึงสั่งย้ายเบญจแขไขให้มาอยู่ที่บ้านพักของตนแทน เบญจแขไขเองก็อยากจะหลบหน้าธงทิวที่ตามตอแยไม่เลิกอยู่แล้ว จึงยอมย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของภัสดา ที่นายยิ้มบอกว่าเป็นเซฟเฮาส์ของโรงแรม โดยมีนายยิ้มช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง แต่นายยิ้มก็กำชับเบญจแขไขว่า ถ้าบังเอิญเดินไปเจอภัสดาก็ให้รีบหลบ รีบก้มหน้า ห้ามมองหน้าภัสดาเด็ดขาด เพราะภัสดาเป็นคนแปลกถือว่าตนเองมีศักดิ์มีตระกูลไม่ชอบให้ใครมองหน้า เหมือนสมัยก่อนที่ใครมองแล้วจะโดยประหาร ถ้าเบญจแขไขเผลอไปมองหน้า ภัสดาอาจจะโกรธและไล่ออกจากงานได้

แล้วก็เป็นจริงอย่างที่นายยิ้มบอก เพราะหลายครั้งที่เบญจแขไขบังเอิญเจอภัสดาที่โรงแรมหรือที่บ้านพัก เขาก็มักจะสั่งให้ก้มหน้าบ้าง หันหลังให้เขาบ้าง บางครั้งก็คุยกันผ่านห้องกระจกฝ้า ผ่านม่านกั้น ไม่ยอมให้เห็นหน้าเขาสักครั้ง จนเบญจแขไขหมั่นไส้ปนสงสัยพฤติกรรมแปลก ๆ ของภัสดา

เมื่อนายธงทิวตามหาเบญจแขไขไม่เจอก็เครียด ธงทิวจึงนัดจตุชไมมากินเหล้าที่ผับแห่งหนึ่ง สองคนเมาหนักเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเรื่องกลุ้มใจ ธงทิวหัวเสียเรื่องที่เบญจแขไขกำลังจะตีจากไปหานายยิ้ม ส่วนจตุชไมก็อารมณ์เสียที่จับภัสดาไม่ติดสักที ยิ่งระยะหลังภัสดาก็หายเงียบไป ติดต่อไม่ได้เลย และแล้วพิษแอลกอฮอล์ก็ทำให้ธงทิวและจตุชไมตกเป็นของกันและกันอย่างไม่ตั้งใจ แต่จตุชไมก็ไม่ได้เรียกร้องให้ธงทิวรับผิดชอบ เพราะถือว่าธงทิวเป็นแค่ทางผ่าน ส่วนเป้าหมายใหญ่ของจตุชไมอยู่ที่ภัสดา

จตุชไมบุกไปหาภัสดาที่โรงแรมอีกครั้ง แต่ก็ถูกบุรินทร์กันไว้อีกตามเคย และครั้งนี้จตุชไมก็ได้เจอกับเบญจแขไขด้วย จตุชไมพูดจาประชดเสียดสีว่าเบญจแขไขตกต่ำถึงขนาดต้องมาเป็นพนักงานโรงแรม ระดับล่าง จตุชไมแสดงท่าทางรังเกียจเบญจแขไข พร้อมทั้งสั่งกำชับว่าอย่าได้เที่ยวไปบอกใคร ๆ ว่าเป็นน้องสาวของตน เพราะว่าที่ภรรยาเจ้าของโรงแรมเทวฤทธิ์ไม่นับญาติกับคนจน

ภัสดาบังเอิญผ่านมาได้ยินว่าเบญจแขไขและจตุชไมเป็นพี่น้องกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก จึงให้บุรินทร์ช่วยสืบให้ จนรู้เรื่องราวโดยละเอียด ภัสดารู้สึกสงสารเบญจแขไขมากที่ถูกพ่อแม่แท้ ๆ ผลักไสให้ไปอยู่กับย่าพิศตั้งแต่แบเบาะ แถมยังโยนภาระหนี้ก้อนโตให้อีกต่างห่าง อีกทั้งยังรู้สึกรังเกียจนิสัยดูหมิ่นคนจนของจตุชไมและคุณนายสายสวาทมากขึ้น ภัสดารู้ตัวว่าตัวเองงานเข้าเพราะตนชอบคนน้อง แต่คนพี่ดันชอบตน

ตั้งแต่เบญจแขไขไปทำงานที่โรงแรมเทวฤทธิ์ก็หายเงียบไป ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมย่าพิศที่โรงพยาบาล ได้แต่โทรศัพท์ไปถามข่าวคราว ทำให้พิมพานึกเป็นห่วงหลาน จึงไปเยี่ยมที่โรงแรม และแอบได้ยินบุรินทร์คุยกับภัสดาเรื่องที่ภัสดาหลอกเบญจแขไขว่าเป็น นายยิ้ม มะยมหวาน พิมพาจึงเข้าไปต่อว่าทั้งภัสดาและบุรินทร์ที่มาหลอกลวงครอบครัวตน ภัสดาขอโทษพิมพาและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่าที่ทำไปเพราะรักเบญจแขไข ด้วยความจริงใจ และขอร้องไม่ให้พิมพาบอกเรื่องนี้กับเบญจแขไข เพราะเขาอยากสารภาพเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พิมพายอมยกโทษให้ภัสดา แต่ไม่ยอมยกโทษให้บุรินทร์ บุรินทร์จึงต้องปวดหัวคอยตามง้อขอคืนดีกับพิมพา

จตุชไมไม่วางใจที่เบญจแขไขไปทำงานที่โรงแรมเทวฤทธิ์และได้อยู่ใกล้ชิดกับภัสดา เพราะกลัวภัสดาจะหลงเสน่ห์ความสวยของเบญจแขไขจึงคิดหาทางกำจัด โดยการหลอกมอมยาแล้วพาไปให้ธงทิวปล้ำ ธงทิวตกใจเมื่อรู้ว่าน้องสาวของจตุชไมก็คือเบญจแขไข แต่ใจหนึ่ง ธงทิวรักเบญจแขไขเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเห็นเบญจแขไขให้ความสนิทสนมกับนายยิ้ม ธงทิวก็ยิ่งเจ็บแค้น เขาจึงยอมทำตามแผนของจตุชไม

เบญจแขไขเกือบเสียทีธงทิว แต่นายยิ้มก็มาช่วยไว้ได้ทัน ธงทิวหลบหนี แต่นายยิ้มกับบุรินทร์จับตัวไว้ได้ แล้วพาส่งตำรวจ ธงทิวมาถึงจุดตกต่ำเพราะเขาทำร้ายผู้หญิงที่รักที่สุดอย่างเบญจแขไข และไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยประกันตัว เพราะเขาไม่เคยสร้างความดีและช่วยเหลือใคร จตุชไมเองก็หนีเอาตัวรอด ไม่ช่วยเหลือ ทั้งยังเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่แล้วธงทิวต้องประหลาดใจเพราะคนที่มายื่นประกันตัวให้เขาก็คือแม่ของเขา เบญจแขไขเสียใจมากที่จตุชไมเกลียดตนถึงขนาดวางแผนทำร้ายกันถึงขนาดนี้ แต่นายยิ้มก็ปลอบใจและทำให้เบญจแขไขรู้สึกดีขึ้น และวันนี้เองที่เบญจแขไขรู้ใจตัวเองว่าเธอรัก นายยิ้ม มะยมหวาน

วันรุ่งขึ้น จตุชไมตั้งใจจะไปเยาะเย้ยเบญจแขไขที่โรงแรมเต็มที่ โดยไม่รู้ว่าเบญจแขไขรอดพ้นมือมารมาได้อย่างหวุดหวิด เบญจแขไขตอบโต้กลับไปแรงกว่าที่เคยด้วยความโกรธและน้อยใจที่จตุชไมไม่เคยมอง ว่าเธอเป็นน้องสาวเลย จตุชไมสู้ไม่ได้เลยต้องถอนทัพกลับ ตอนกลับจตุชไมเห็นภัสดายืนส่งลูกค้าชาวต่างชาติขึ้นรถอยู่ที่หน้าโรงแรม จึงปราดเข้าไปหาแต่บุรินทร์ก็เข้ามาขวางไว้ได้อีกตามเคย ทำให้ภัสดาหลบได้ทัน ก่อนที่จตุชไมจะเห็นหน้าเขาแบบเต็ม ๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเขาแกล้งจตุชไม โดยหลบหลีกไม่ให้จตุชไมเห็นหน้าเขาชัด ๆ สักครั้ง

อาการย่าพิศยังไม่ดีขึ้น เพ้อหาแต่โฉนดที่ดินและเพ้อให้เบญจแขไขเอากลับมาให้ได้ เบญจแขไขคิดว่าหากเอาโฉนดไปคืนให้ย่าพิศได้ ย่าพิศคงจะมีอาการดีขึ้น ดังนั้นเมื่อรวมรวมเงินทั้งจากการคิดสูตรขนม เงินเก็บของตัวเอง ของพิมพา ของทวิไฉไลและนายพนัสที่สำนึกผิดแอบเอาเงินเก็บส่วนตัวมาให้เบญจแขไขไปซื้อที่คืน ส่วนจตุชไมกับคุณนายสายสวาทไม่ต้องพูดถึง สองคนนี้ทำตัวลอยเหนือปัญหาทุกอย่าง ไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนสร้างเรื่อง

เบญจแขไขไปหาหลักชัยที่บ้านเพื่อขอซื้อที่คืน แต่หลักชัยบอกว่า ขายที่ของย่าพิศให้คนอื่นไปแล้ว เบญจแขไขตกใจมาก และคิดว่าเป็นพวกลุงเผือก จึงไปหาลุงเผือกที่บ้าน แต่ลุงเผือกปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็นคนซื้อ การมาบ้านลุงเผือกครั้งนี้ทำให้เบญจแขไขได้เห็นอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกต และคิดว่าคนที่ปลอมขนมมะยมยิ้มน่าจะเป็นร้านลุงเผือก จึงแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับ ๆ โดยมีเด็กชายไข่ ต่วนและตุ่นเป็นผู้ช่วย แล้วในที่สุดเบญจแขไขก็รู้ความจริงว่า ลุงเผือกเพื่อนบ้านร้านใกล้เคียงที่แสนดี ที่แท้ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของร้านขนมย่าพิศ

ทางด้านพิมพาก็ให้บุรินทร์ช่วยสืบว่าใครเป็นนายทุนคนใหม่ที่ซื้อที่ดินบ้านสวนของย่าพิศไป แถมยังใจดีให้ทุกคนอยู่ต่อเหมือนเดิมอีก ตอนแรกภัสดาจะปิดเรื่องที่เขาซื้อที่คืนมาจากเสี่ยหลักชัยไว้เป็นความลับ แต่ก็กลัวว่าอาการของย่าพิศจะทรุดหนักจึงยอมบอกความจริงกับพิมพา และให้พิมพาไปบอกย่าพิศว่าได้ที่ดินกลับคืนมาแล้ว ย่าพิศจะได้สบายใจและหายเร็วขึ้น

พิมพาจะขอซื้อที่ดินคืนเพราะไม่ชอบรับของใครเปล่า ๆ แต่ภัสดาบอกว่าไม่ต้องซื้อ เพราะยังไงเขาก็ต้องคืนให้อยู่แล้ว และถ้าพิมพาไม่สบายใจก็ให้คิดซะว่า ที่ดินผืนนี้เป็นสินสอดล่วงหน้าของเบญจแขไข พิมพาเห็นแก่ย่าพิศจึงยอมตกลงไปบอกย่าพิศว่าซื้อที่ดินคืนมาได้แล้ว ส่วนเรื่องที่ภัสดาจะแต่งงานกับเบญจแขไขเอาไว้คุยกันทีหลัง เพราะถ้าเบญจแขไขรู้ว่าถูกภัสดาหลอกขนาดนี้ต้องโกรธมากแน่ ๆ

ภัสดาตั้งใจจะสารภาพความจริงกับเบญจแขไขที่บ้านสวน พร้อมกับเซอร์ไพรส์เบญจแขไขโดยการปรับลุคส์ร้านขนมของย่าพิศให้ทันสมัยและน่ารักขึ้น ให้สมกับที่ขนมมะยมยิ้มกำลังจะโกอินเตอร์ ภัสดาวางแผนจะขอเบญจแขไขแต่งงาน พร้อมกับมอบโฉนดที่ดินคืนให้เป็นของขวัญในวันนั้นด้วย

หม่อมสุภางค์แปลกใจที่จู่ ๆ ภัสดาก็ซื้อที่ดินบ้านสวนในราคาแพงลิบ แถมวัน ๆ ก็เอาแต่หมกตัวอยู่ที่นั่น เพื่อตกแต่งร้านขนมจนลืมงานที่โรงแรม หม่อมสุภางค์ถามบุรินทร์ แต่บุรินทร์กลับตอบแบบกำกวมว่าภัสดาจะสร้างเรือนหอ หม่อมสุภางค์ดีใจมากที่จะมีหลานสะใภ้แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะกลัวได้คนไม่ดี จึงเรียกภัสดามาซักฟอกเป็นการด่วน ว่าไปแอบรักสาวที่ไหน ภัสดาบอกว่าเขาหลงรักหลานสาวย่าพิศ เจ้าของที่ดินที่เขาซื้อมา แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร หม่อมสุภางค์อยากรู้ใจจะขาด จึงจ้างนักสืบไปสืบว่าผู้หญิงที่ภัสดารักเป็นใครกันแน่ ?

ภัสดาให้คนโทร. นัดเบญจแขไขมารับโฉนดที่ดินคืนที่บ้านสวนย่าพิศ แต่ยังไม่บอกว่าคนซื้อเป็นใคร ระหว่างรอให้ถึงวันนัด ภัสดาก็ยิ้มแย้ม มีความสุขกับการตกแต่งร้าน เพราะมั่นใจว่าเบญจแขไขต้องชอบ แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นดังฝัน เมื่อเบญจแขไขสืบจนรู้ว่าคนที่ซื้อที่ดินบ้านสวนของย่าพิศไปจากเสี่ยหลักชัยก็คือภัสดานั่นเอง เบญจแขไขเข้าใจผิดคิดว่าภัสดาต้องการซื้อที่รวมถึงร้านขนมของตัวเองไปเพื่อจะเอาไปตีตราเป็นแบรนด์ของโรงแรมก็โกรธมาก จึงบุกไปหาภัสดาที่โรงแรมแต่เลขาหลุดปากบอกว่าภัสดาอยู่บ้านสวน เบญจแขไขจึงรีบตามไปที่บ้านสวนทันที

เมื่อไปถึง เบญจแขไขเห็นร้านขนมถูกตกแต่งใหม่สวยงามก็เผลอยิ้มชอบใจ แต่เมื่อนึกได้ว่าภัสดาเป็นคนตกแต่งก็เปลี่ยนอารมณ์เป็นไม่ชอบขึ้นมาทันที แล้วเดินตามหาภัสดา แต่กลับเจอนายยิ้ม มะยมหวานกำลังยืนสั่งงานคนงานอยู่ เบญจแขไขกำลังจะเข้าไปทัก แต่ได้ยินคนงานเรียกนายยิ้มว่า ภัสดา จึงชะงักเท้าแล้วแอบซุ่มฟังอยู่ห่าง ๆ แล้วก็เห็นว่าภัสดาคุยโทรศัพท์กับบุรินทร์ แล้วก็รับสายลูกค้าอีกสาย คุยเป็นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ ต่อด้วยภาษาจีนไฟแล่บ เบญจแขไขตกใจมาก สมองเร่งประมวลผลและสรุปได้ว่า ภัสดากับนายยิ้มต้องเป็นคนเดียวกันแน่นนอนล้านเปอร์เซ็นต์ เบญจแขไขโกรธมากที่ภัสดาหลอกลวงตนหลายเรื่องมาก แต่ก็ทนเงียบเอาไว้ เพราะอยากจะรู้ว่าภัสดาจะมาไม้ไหนอีก

ทางด้านหม่อมสุภางค์ก็สืบจนรู้ว่าหลานสาวของย่าพิศมีหลายคน แต่คนที่เข้าข่ายจะเป็นผู้หญิงของภัสดามากที่สุดก็คือ จตุชไม เพราะสองคนนี้นัดเจอกันบ่อย ๆ แต่หม่อมสุภางค์หารู้ไม่ว่า การเจอกันแต่ละครั้งของทั้งคู่นั้นภัสดาสร้างสถานการณ์พิลึกพิลั่นมากลั่นแกล้งจตุชไมมากขนาดไหน ดังนั้นหม่อมสุภางค์จึงสรุปเอาเองว่า ว่าที่หลานสะใภ้ของตนคือจตุชไม

ด้วยความหวังดี กลัวภัสดาจะหน้าแตกหากไปเซอร์ไพร้ส์ขอจตุชไมแต่งงาน หม่อมสุภางค์จึงไปทาบทามจตุชไมกับคุณนายสายสวาทไว้ล่วงหน้าก่อน และบอกว่าตอนนี้ภัสดากำลังวางแผนจะเซอร์ไพร้ส์ขอจตุชไมแต่งงานที่บ้านสวนของย่าพิศ จตุชไมรู้สึกทะแม่ง ๆ ว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่นอน แต่ก็ตอบตกลงแต่งงานกับภัสดาด้วยความยินดี เพราะไหน ๆ โอกาสก็ลอยมาตรงหน้าแล้ว หากไม่รีบคว้าไว้ก็โง่เต็มที

จตุชไมแปลกใจว่าทำไมภัสดาถึงเลือกใช้บ้านสวนเป็นสถานที่ขอแต่งงาน จึงแอบไปดูที่บ้านสวน เมื่อไปถึงก็เห็น นายยิ้ม มะยมหวาน กำลังทำงานในหน้าที่คนงานอย่างขะมักเขม้น จตุชไมกำลังจะเข้าไปจิกถามหาภัสดา แต่บุรินทร์ก็โผล่มาทักทายนายยิ้มซะก่อน แต่ที่สะดุดหูจตุชไมก็คือ บุรินทร์เรียกนายยิ้มว่าภัสดา แล้วก็ถามถึงเรื่องที่จะเซอร์ไพรส์ขอเบญจแขไขแต่งงานและสารภาพความจริงที่หลอกว่าเป็นนายยิ้ม จตุชไมอึ้ง ทำไมอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าผู้ชายต่ำต้อย ที่ตนดูถูกเหยียดหยามมาตลอดคือ ภัสดา ภัทรราชย์ ไฮโซหนุ่มเจ้าของโรงแรมเทวฤทธิ์ที่เธอไล่ตามมาตลอด จตุชไมทั้งเจ็บใจ ทั้งเสียหน้า อย่างไรก็ตามจตุชไมก็ไม่มีวันปล่อยให้เบญจแขไขได้ภัสดาไปครองง่าย ๆ แน่

เบญจแขไขเล่าเรื่องที่ภัสดาหลอกว่าเป็นนายยิ้มให้พิมพาฟัง พิมพาจึงยอมสารภาพว่าตนรู้ความจริงมาพักหนึ่งแล้ว แถมยังช่วยแก้ตัวแทนภัสดาอีกด้วยว่า ที่ภัสดาทำไปทั้งหมดเพราะรักและต้องการปกป้องเบญจแขไข และที่เตรียมแต่งร้านและนัดเบญจแขไขมาก็เพราะจะสารภาพความจริง และขอโทษสำหรับเรื่องโกหกที่ผ่านมา พิมพายังบอกอีกว่าภัสดาไม่ได้ซื้อที่ดินบ้านสวนและร้านขนมเพื่อไปทำเป็นแบรนด์ของตัวเองอย่างที่เบญจแขไขเข้าใจ แต่เขาซื้อมาคืนให้เบญจแขไขจริง ๆ เบญจแขไขยอมเข้าใจและหายโกรธลงไปนิดหนึ่ง แล้วก็ขอร้องพิมพาว่าไม่ให้บอกภัสดาว่าตนรู้ความจริงแล้ว เพราะอยากจะดัดหลังคนชอบโกหกซะบ้าง

แม้เบญจแขไขจะโกรธที่โดนภัสดาหลอก แต่ก็ไม่คิดจะงอนแล้วให้พระเอกมาง้ออย่างในละคร ผู้หญิงอย่างเบญจแขไขจะต้องแก้เผ็ดภัสดาให้เจ็บยิ่งกว่า เบญจแขไขจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ความจริงต่อไป และหาวิธีเอาคืนภัสดาต่าง ๆ นานา ทั้งใช้งานนายยิ้มให้ทำงานหนักขึ้น เย็นชาขึ้น และพูดจาหลอกด่าภัสดาเป็นระยะ ๆ จนเขาสะอึกไปหลายที ทำให้ภัสดากลัวการสารภาพความจริงขึ้นมา

ทางด้านจตุชไมหลังจากที่รู้ความจริงแล้วก็ยังคงตามจับภัสดาไม่หยุดหย่อน ยิ่งพอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตั้งท้องกับธงทิวก็ยิ่งตามล่าอย่างหนักหน่วงมากขึ้น จนภัสดาต้องพูดกับจตุชไมตรง ๆ ว่าตนชอบเบญจแขไข จตุชไมแทบกรี๊ดแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้

จตุชไมเห็นว่าภัสดารู้ความจริงแล้ว จึงอาศัยจังหวะนี้ใส่ความเบญจแขไขว่า จริง ๆ แล้วเบญจแขไขรู้แต่แรกแล้วว่านายยิ้มเป็นใคร แต่เบญจแขไขคิดจะแข่งจับภัสดากับตน จึงสร้างภาพแกล้งทำดีกับนายยิ้มจนภัสดาตายใจและหลงรักในความดีของเบญจแขไข ทั้งหมดเป็นแผนที่เบญจแขไขวางไว้ตั้งแต่แรก ภัสดาไม่หลงเชื่อง่าย ๆ เพราะเขามั่นใจว่าเบญจแขไขเป็นคนดีจริง ๆ จตุชไมเลยซ้อนแผนด้วยการขอความช่วยเหลือจากธงทิวให้มาช่วยสร้างความร้าวฉานอีกแรง

หลังจากเกิดเรื่องปลุกปล้ำเบญจแขไข จนเป็นคดีความลงหน้าหนังสือพิมพ์ ธงทิวไปเก็บตัวอยู่ที่สำนักวิปัสสนากับแม่ได้พักหนึ่ง เขาจำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบสมถะอย่างอัดอั้นตันใจ ธรรมะที่เขาได้ยินแม่สอนผู้มาปฏิบัติธรรมไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ ธงทิวจึงกลับมาหาจตุชไมอีกครั้ง และได้รู้ว่าจตุชไมตั้งท้องกับเขา ธงทิวจึงเริ่มคิดอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อลูก แต่จตุชไมสารภาพว่าครอบครัวของเธอเหลือแต่เปลือก จำเป็นที่ต้องได้เงินจากภัสดามากู้หน้าในสังคม จตุชไมขอให้ธงทิวร่วมมือหลอกภัสดาให้เข้าใจผิดเบญจแขไข ธงทิวรู้ดีว่าด้วยฐานะย่ำแย่ของเขาไม่สามารถดูแลลูกและจตุชไมได้ดี เขาจึงยอมเป็นเครื่องมือของจตุชไม เพราะจตุชไมหลอกธงทิวว่าเมื่อเธอได้แต่งงานกับภัสดาแล้วเธอจะกอบโกยสมบัติของเทวฤทธิ์ จากนั้นเธอจะหย่าแล้วมาสร้างครอบครัวกับธงทิว

จตุชไมกับธงทิวร่วมกันสร้างสถานการณ์และหลักฐานเท็จตบตาภัสดาว่า เบญจแขไขสมคบกับธงทิวเข้ามาหลอกเอาเงินของภัสดามาตั้งแต่ต้น ด้วยความโมโหหึง ทำให้ภัสดาเกือบจะหลงกลจตุชไมและธงทิว แต่ภัสดาไม่ใช่คนหูเบาเพราะเขาเชื่อว่าเบญจแขไขไม่มีทางรู้ว่านายยิ้มกับภัสดาคือคน ๆ เดียวกัน แต่ภัสดายังไม่มั่นใจว่า เบญจแขไขเป็นผู้หญิงหิวเงิน จ้องแต่จะจับผู้ชายรวย ๆ เหมือนคนบ้านเปรียบทองจริงหรือไม่ เพราะลูกไม้ก็ไม่น่าจะหล่นไกลต้น ภัสดาจึงหาวิธีพิสูจน์เบญจแขไขอีกครั้งหนึ่ง

ภัสดาแกล้งลองใจเบญจแขไขด้วยการให้บุรินทร์ไปยื่นเงื่อนไขกับเบญจแขไขว่า ให้เบญจแขไขแต่งงานกับภัสดา แล้วภัสดาจะคืนที่ดินฝืนนี้ให้เป็นฟรี ๆ เบญจแขไขยอมรับเงื่อนไขง่าย ๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าภัสดาก็คือนายยิ้ม แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ ภัสดาที่ยังไม่รู้ความจริงว่ากำลังถูกเบญจแขไขซ้อนแผน ภัสดาผิดหวังมากที่เบญจแขไขก็เป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จักได้เพื่อเงิน

ภัสดาเสียใจมากจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ทิ้งงานทิ้งการที่โรงแรม เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านเล็ก เพราะเชื่อว่าเขาถูกหลอกเหมือนที่แม่ของเขาโดนพ่อหลอกมาแล้ว จตุชไมฉวยโอกาสเข้าไปดูแลภัสดา หม่อมสุภางค์เกลี้ยกล่อมให้ภัสดาแต่งงานกับจตุชไม เพราะหม่อมสุภางค์ก็หลงเข้าใจผิดว่า เบญจแขไขเป็นหญิงชั่วที่จ้องจับหลานชายของเธอ

การเตรียมงานหมั้นของจตุชไมกับภัสดาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นทุกที เบญจแขไขถูกตามตัวเข้ามาช่วยเตรียมงาน ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว บุรินทร์และพิมพารู้สึกสงสารภัสดาและเบญจแขไขมาก และเห็นว่าทั้งสองรักกันด้วยใจจริง จึงพยายามหาทางช่วย และบอกความจริงให้ภัสดารู้ว่า ที่เบญจแขไขยอมรับเงื่อนไขเรื่องบ้านของภัสดาก็เพราะรู้ความจริงที่ว่าภัสดากับนายยิ้มเป็นคนเดียวกันแล้วนั่นเอง แต่ภัสดายังไม่ยอมเชื่อ

ขณะที่จตุชไมกำลังเริงร่าดีใจที่จะได้ครอบครองภัสดาและเทวฤทธิ์ ธงทิวได้รู้ความจริงว่าเขาเพียงถูกหลอกใช้ เพราะจตุชไมไม่เคยคิดหย่าและกลับมาหาเขาเลย จตุชไมเห็นเขาเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้งานแล้วโยนทิ้งลงถังขยะ ธงทิวแค้นใจ แต่ได้สติเพราะแม่ของเขาชี้ให้เห็นว่าความสุขจากเงินทองเป็นเพียงเปลือกนอก…ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง แต่ความสุขจากการทำความดีต่างหากที่จีรังยั่งยืนและเป็นของจริง

ธงทิวตัดสินใจสารภาพความจริงทั้งหมดให้ภัสดารู้ ภัสดาเสียใจที่มองเบญจแขไขผิดไป ภัสดารีบไปหาเบญจแขไขที่บ้าน เพื่อขอโทษและสารภาพความจริงจากปากของตัวเองอีกครั้ง เบญจแขไขบอกว่าตนหายโกรธเรื่องที่ภัสดาโกหกว่าเป็น นายยิ้ม มะยมหวาน แล้ว เพราะได้เอาคืนอย่างสาสมแล้ว ภัสดาดีใจหน้าบาน แล้วก็ต้องหุบลงทันที เมื่อเบญจแขไขบอกว่ายังไม่หายโกรธเรื่องที่ภัสดาพนันกับบุรินทร์ ภัสดาพยายามอธิบายว่าตนรักเบญจแขไขจริง ๆ แต่เบญจแขไขก็แกล้งภัสดาต่อ โดยการดราม่าใส่ว่า ตนไม่เชื่อว่าภัสดารักตนจริง แต่ที่ทำไปทั้งหมดเพราะต้องการเอาชนะพนันบุรินทร์เท่านั้น ภัสดาพยายามยืนยัน แต่เบญจแขไขก็ยังแกล้งทำเป็นไม่เชื่อ เพราะต้องการให้บทเรียนแก่ภัสดา ว่าการหลอกลวง ไม่จริงใจ สุดท้ายแล้วก็จะไม่มีใครเชื่อเราเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ

ระหว่างที่ตามง้อเบญจแขไขยังไม่สำเร็จ จตุชไมที่ท้องกับธงทิวก็พยายามจะจับภัสดามาเป็นพ่อของลูกให้ได้ จึงแสร้งตีหน้าเศร้าไปหาเบญจแขไขแล้วบอกว่าตนท้องกับภัสดา ขอให้เบญจแขไขเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ปล่อยภัสดามาให้ตน เบญจแขไขหลงเชื่อจตุชไม จึงตีตัวออกห่างภัสดา ร้อนถึงผู้คนรอบข้างที่ต้องพยายามหาทางช่วยเหลือให้คู่รักได้ลงเอยกัน

บุรินทร์กับพิมพาที่เพิ่งฝ่าด่านความรักต่างวัยมาได้ ก็อยากเห็นเบญจแขไขและภัสดามีความสุขเหมือนคู่ตน ก็พยายามหาทางสืบความจริงจนรู้ว่าจริง ๆ แล้วจตุชไมท้องกับธงทิว และเมื่อความจริงเปิดเผยจตุชไมก็อับอายจนต้องยอมแต่งงานจดทะเบียนกับธงทิว เพราะคิดว่าถึงแม้ธงทิวจะไม่รวยเท่าภัสดาแต่ก็ถือว่าเป็นเจ้าของบริษัท มีหน้ามีตาในสังคมระดับหนึ่ง จึงยอมแต่งดีกว่าท้องไม่มีพ่อ แต่หลังจากแต่งงานจึงได้รู้ว่าธงทิวมีแต่เปลือก มิหนำซ้ำจตุชไมยังต้องแบกรับหนี้สินร่วมกับธงทิวอีกมากมาย

ธงทิวได้รับบทเรียนมากมายจากชีวิตของเขา ว่าการตะเกียกตะกายไขว่คว้าเงินทองด้วยวิธีที่ผิดไม่ได้ให้อะไรดีกับชีวิต ธงทิวปิดบริษัทออกาไนเซอร์ ขายบ้านและรถใช้หนี้ แล้วหันมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ใช้ชีวิตเรียบง่ายสมฐานะ แต่จตุชไมยังทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เธอและคุณนายสายสวาทยังพยายามหลอกตัวเองและสร้างเปลือกจอมปลอมให้ตัวเองต่อไป ท่ามกลางสายตาอันเหนื่อยหน่ายของธงทิวและพนัส

เบญจแขไขบอกให้ทุกคนเตรียมเก็บของย้ายออกจากบ้าน และเข้าไปกราบขอโทษย่าพิศที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน เบญจแขไขบอกว่าเสียใจที่ไม่สามารถรักษาสมบัติที่มีค่าที่สุดของย่าพิศไว้ได้ ย่าพิศที่รู้ความจริงทั้งหมดแล้วก็กอดเบญจแขไขเอาไว้แล้วบอกว่า สมบัติที่มีค่าที่สุดของย่าพิศก็คือเบญจแขไข ย่าพิศภูมิใจที่เบญจแขไขเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีแบบนี้ ย่าพิศไม่ยึดติดกับสมบัตินอกกายใด ๆ อีกแล้ว

ในขณะที่ภัสดายังคงตามง้อเบญจแขไขทุกวัน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าสาวเจ้าจะยอมใจอ่อน ภัสดาจึงต้องหันไปออดอ้อนให้หม่อมสุภางค์ช่วย หม่อมสุภางค์จึงจัดงานแถลงข่าวการสร้างโรงเรียนสอนทำขนมไทยครบวงจร ซึ่งจะสร้างบนที่ดินบ้านสวนของย่าพิศ เนื่องจากเบญจแขไขและย่าพิศไม่ยอมรับที่ดินกลับคืนไปเปล่า ๆ ภัสดาและหม่อมสุภางค์ก็เลยคิดว่าต้องคืนให้ทางอ้อม โดยการให้เป็นสินสอดแทน

วันงานแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ของโรงแรมมาเตรียมสถานที่กันแต่เช้า เบญจแขไขกะจะชิ่งหนีออกจากบ้าน แต่พิมพาและบุรินทร์ก็หาข้ออ้างดึงตัวเบญจแขไขไปช่วยงานจนได้ จนกระทั่งถึงเวลาแถลงข่าว มีแขกผู้มีเกียรติและผู้สื่อข่าวมาร่วมงานมากมาย หม่อมสุภางค์ก็แถลงเรื่องโรงเรียนสอนทำขนม และปิดท้ายด้วยการสู่ขอเบญจแขไขจากย่าพิศกลางเวที เบญจแขไขตกใจ รู้สึกเหมือนถูกมัดมือชกแล้วก็ทำท่าจะไม่ยอม แต่ย่าพิศที่อยู่บนเวทีตอบตกลงยกเบญจแขไขให้ภัสดาไปเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ว่าเบญจแขไขก็รักภัสดามาก

จากนั้นภัสดาก็ขอโทษเบญจแขไขต่อหน้าทุกคนสำหรับเรื่องโกหกทั้งหมดที่ผ่านมา แล้วก็บอกรักและขอแต่งงาน อีกทั้งยังสัญญากับเบญจแขไขต่อหน้าทุกคนว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่โกหกเบญจแขไขแม้แต่คำเดียว เบญจแขไขยอมใจอ่อนและยอมแต่งงานด้วย ท่ามกลางความยินดีของทุกคน ที่ในที่สุดคู่รักคู่นี้ก็ลงเลยกันได้เสียที สุดท้ายบุรินทร์ก็เป็นฝ่ายแพ้พนันต้องกินมะยมทั้งสวนของย่าพิศตามที่พนันกันไว้ แต่เบญจแขไขก็สั่งให้ภัสดากินมะยมด้วย ภัสดาและบุรินทร์จึงจำต้องก้มหน้าก้มตากินมะยมทั้งสวนให้สามสมกับความผิดที่ก่อไว้

ด้านคุณนายสายสวาท เมื่อรู้ว่าลูกชังอย่างเบญจแขไขจะแต่งงานกับภัสดาก็รับไม่ได้ มาโวยวายกับย่าพิศ ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกรักอย่างจตุชไมที่ตนเลี้ยงดูมาอย่างดี กลับได้พวกที่มีแต่เปลือกมาเป็นคู่ชีวิต แต่เบญจแขไขกลับได้ดิบได้ดี ได้แต่งงานกับคนมียศมีศักดิ์ คุณนายสายสวาทอยากรู้ว่าคนอย่างเบญจแขไขมีดีอะไร ย่าพิศสอนให้จับผู้ชายยังไง

ย่าพิศบอกว่าตนสอนเบญจแขไขอยู่เสมอว่า บรรดาศักดิ์ เกียรติยศ คือสิ่งที่ติดกับเสื้อผ้า หากอยู่ในห้องอาบน้ำรวมที่ต้องแก้ผ้า ราชา สามัญชนเราก็เทียบเท่ากันหมด สิ่งหนึ่งที่ยังไงก็ติดตัวเราไปตลอดก็คือความดีที่เบญจแขไขมี ความดีที่ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนรัศมีแห่งความดีก็ยังเปล่งประกายให้คนได้รับรู้ได้ ความดีคือสิ่งที่เบญจแขไขใช้จับภัสดาได้อยู่หมัด ความดีที่ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน แต่คุณนายสายสวาทก็ไม่เคยสอนให้จตุชไมมี คุณนายสายสวาทอึ้ง แลเพิ่งสำนึกได้เดี๋ยวนี้เองว่าตนสอนลูกแบบผิด ๆ มาตลอด

ในที่สุดภัสดากับเบญจแขไขก็แต่งงานกัน ภัสดารู้สึกภูมิใจที่เขามองคนไม่ผิด เขากราบขอบคุณคุณย่าพิศที่เลี้ยงเบญจแขไขมาเป็นอย่างดี จึงทำให้เติบโตมาเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม เป็นทองเนื้อแท้ที่แสนบริสุทธิ์ ไม่ใช่มีแต่เปลือกฉาบฉวย หม่อมสุภางค์ยิ้มหน้าบาน ในที่สุดก็ได้หลานสะใภ้สมใจ แต่หม่อมสุภางค์ก็ยังไม่พอใจอยากให้ภัสดามีลูกเยอะ ๆ เป็นมะยมดกอีกด้วย ความรักทองเนื้อแท้ที่แสนบริสุทธิ์ของเบญจแขไข กับ นายยิ้ม มะยมหวาน ก็จบลงด้วยประการฉะนี้ ความรักที่ไม่ได้มากจากการคบกันแค่เปลือกนอก แต่เป็นความรักที่มีแต่เนื้อแท้ของความรักที่บริสุทธิ์ของกันและกัน ติดตามชม

ดัดแปลงจากบทประพันธ์เรื่อง เปลือกทอง
บทประพันธ์โดย : บุษยมาศ
บทโทรทัศน์โดย : คฑาหัสต์ บุษประเกศ, วรรณพร รัฐพิทักษ์สันติ
กำกับการแสดงโดย : ณรงค์ จารุจินดา

นักแสดง
สรวิชญ์ สุบุญ รับบท ภัสดา (นายยิ้ม)
มิเชล เบอร์แมนน์ รับบท เบญจแขไข
ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ รับบท พิมพา
อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล รับบท บุรินทร์
ศิระ แพทย์รัตน์ รับบท ธงทิว
ณิชาวรินทร์ อรุณรุ่งไพศาล รับบท จตุชไม (สี่)
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท สายสวาท
อุทุมพร ศิลาพันธ์ รับบท หม่อมสุภางค์
ชลิต เฟื่องอารมย์ รับบท ปู่เผือก
ปิยะมาศ โมนยะกุล รับบท ย่าพิศ
น้อย โพธิ์งาม รับบท ตุ่น
อาไท กลมกิ๊ก รับบท ไข่
กล้วย เชิญยิ้ม รับบท ต่วน

นักแสดงรับเชิญ
รอน บรรจงสร้าง รับบท มนัส
มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ รับบท แม่ภัสดา