ละคร พนมนาคา 2566 พันปีแห่งความรักที่ถูกจองจำ… อนันตชัย พญานาคผู้ครองบาดาล เฝ้ารอคอยคนรักข้ามภพชาติ เอเชีย/อนัญชลี มาเนิ่นนาน ทว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ดุจสายน้ำแห่งชีวิตกลับต้องคำสาปสาหัสจากแรงริษยาของ โสวันนี นางนาคผู้เคียดแค้น เมื่อโชคชะตานำพา เอเชีย นายแพทย์หญิงผู้ไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ มายังหมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ “พนมนาคา” เปลวไฟแห่งรักที่ไม่เคยดับมอดจึงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะทั้งสองต้องต่อสู้กับอุปสรรคจากอดีต คำสาปที่กัดกิน และภัยร้ายในปัจจุบันที่มาในคราบของ ดร.ปรีดา พวกเขาจะใช้พลังแห่งรักต้านทานศัตรูและปกป้องดินแดนแห่งนาคาไว้ได้หรือไม่

ละคร พนมนาคา 2566 ละครแนวโรแมนติกดราม่าแฟนตาซี เรื่องราวเริ่มต้นในอดีตกาลนับพันปี ในดินแดนพนมนาคาริมแม่น้ำโขงอันศักดิ์สิทธิ์ “อนันตชัย” พญานาคผู้ทรงพลังและเป็นผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรนาค ได้พบรักกับ “อนัญชลี” หญิงสาวชาวมนุษย์ที่หลงเข้ามาในดินแดนลี้ลับ ความรักของทั้งคู่บริสุทธิ์ราวสายน้ำ แต่ถูกขัดขวางโดย “โสวันนี” นางนาคผู้อิจฉาที่แอบรักอนันตชัย เธอใช้เวทมนตร์ต้องสาปอนัญชลีให้พลัดพรากจากอนันตชัย และต้องเวียนว่ายตายเกิดด้วยความทุกข์ทรมาน อนันตชัยสาบานว่าจะรอคอยอนัญชลีในทุกชาติภพ โดยยอมสละพลังส่วนหนึ่งเพื่อให้โชคชะตานำพาเธอกลับมาในชาติสุดท้ายของเขา

ปัจจุบัน การกลับมาพบกันของโชคชะตา

ในยุคปัจจุบัน เรื่องราวย้ายมาที่กรุงเทพฯ “เอเชีย” เป็นหมอกุมารเวชสาวสวย ฉลาด และมุ่งมั่น เธอมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบจนกระทั่งถูกชักชวนให้เดินทางไปยังหมู่บ้านพนมนาคาเพื่อรักษาเด็กชาย “วันเนตร” ที่ป่วยด้วย “โรคเกล็ดงู” อาการประหลาดที่ทำให้ผิวหนังเหมือนเกล็ดงู หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยความเชื่อเรื่องพญานาคและพิธีกรรมลึกลับ ซึ่งเอเชียมองว่าเป็นเพียงความงมงาย

ที่พนมนาคา เอเชียได้พบกับ อนันตชัย เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มหล่อลึกลับและผู้นำชุมชน เขาคือพญานาคจากอดีตที่รอคอยการกลับชาติมาเกิดของอนัญชลี ซึ่งก็คือเอเชีย อนันตชัยสัมผัสได้ถึงความผูกพันตั้งแต่แรกพบ แต่เอเชียที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติกลับรู้สึกเพียงความคุ้นเคยแปลกๆ ต่อเขา เธอเริ่มเผชิญเหตุการณ์ลึกลับ เช่น ฝันเห็นงูยักษ์ ฝนตกเป็นสีแดง หรือเสียงกระซิบจากสายน้ำ ซึ่งทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับอดีตชาติของเธอ

อุปสรรคจากอดีตและปัจจุบัน

ละครเพิ่มความเข้มข้นด้วยตัวร้ายและปมขัดแย้งที่ซับซ้อน โสวันนี กลับชาติมาเกิดเป็น “วิว” เพื่อนสนิทของเอเชียที่แสร้งเป็นมิตร แต่แอบวางแผนแย่งอนันตชัยด้วยเล่ห์กล นอกจากนี้ “ดร.ปรีดา” เศรษฐีผู้โลภมาก ต้องการครอบครองที่ดินศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และ “พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราช”  ชายลึกลับที่อาจเป็นมิตรหรือศัตรู ยังเพิ่มความซับซ้อนให้เรื่องราว

เอเชียต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น การปรากฏตัวของงูยักษ์ในยามวิกฤติ หรือพิธีกรรมที่ทำให้เธอเห็นภาพอดีตชาติ อนันตชัยใช้พลังนาคปกป้องเธอ เช่น เรียกพายุฝนหรือแปลงร่างเป็นพญานาคเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคาม แต่ยิ่งใกล้ชิดกัน เอเชียยิ่งถูกกดดันจากครอบครัวและสังคมที่ไม่ยอมรับความสัมพันธ์นี้ รวมถึงคำสาปเก่าที่ยังคงตามหลอกหลอน

สารบัญละคร

พนมนาคา ไม่เพียงเป็นละครแฟนตาซีที่ตื่นตาด้วยภาพพญานาคและฉากพิธีกรรม แต่ยังถ่ายทอดคุณค่าของความรัก ความเสียสละ และความเชื่อในโชคชะตา ละครชวนผู้ชมครุ่นคิดถึงกรรมและการให้อภัย พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมอีสานอย่างมีสีสัน ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในดินแดนที่สายน้ำโขงไหลรินท่ามกลางขุนเขาและป่าที่ยังคงความลึกลับ ละคร พนมนาคา เปิดม่านสู่เรื่องราวรักข้ามกาลเวลาที่ผสานตำนานพญานาคเข้ากับโศกนาฏกรรมและปาฏิหาริย์ 

รักต้องสาปใต้เงาสายน้ำ

ย้อนไปพันปีก่อน ดินแดนพนมนาคาคืออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่พญานาคปกครอง อนันตชัย (ภรภัทร ศรีขจรเดชา) ผู้ทรงพลังและสง่างามราวเทวา เป็นผู้พิทักษ์แห่งสายน้ำโขง วันหนึ่ง เขาพบ อนัญชลี หญิงสาวมนุษย์ผู้มีดวงตาใสราวน้ำค้าง เธอหลงเข้ามาในป่าลึกและถูกช่วยเหลือโดยอนันตชัย ความรักของทั้งคู่ผลิบานดั่งดอกบัวท่ามกลางสายหมอก แต่ความสุขนั้นสั้นนัก โสวันนี (ศรุชา เพชรโรจน์) นางนาคที่หลงรักอนันตชัยอย่างบ้าคลั่ง ไม่อาจยอมรับได้ เธอใช้เวทมนตร์ดำสาปแช่งอนัญชลีให้ตายอย่างน่าสลดและต้องเวียนว่ายตายเกิดด้วยความทุกข์ทรมาน อนันตชัยร่ำไห้ต่อหน้าศพคนรัก สาบานด้วยหัวใจพญานาคว่าจะรอคอยเธอในทุกชาติภพ เขายอมสละพลังส่วนหนึ่งเพื่อผูกโชคชะตาให้อนัญชลีกลับมาในชาติสุดท้ายของเขา

การพบกันใหม่ในโลกสมัยใหม่

ในกรุงเทพฯ ปี 2566 เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) หมอกุมารเวชสาวสวยผู้เปี่ยมด้วยความมั่นใจและความสามารถ มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบทั้งการงานและครอบครัว แต่โชคชะตานำพาเธอสู่จุดเปลี่ยนเมื่อ วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) เพื่อนสนิท ชวนเธอไปรักษา วันเนตร (ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์) เด็กชายที่ป่วยด้วย “โรคเกล็ดงู” อาการประหลาดที่ทำให้ผิวหนังแตกเป็นเกล็ดราวงู ณ หมู่บ้านพนมนาคา ดินแดนลึกลับริมแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยพิธีกรรมบูชานาค เอเชียผู้ไม่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติหัวเราะเยาะความเชื่อของชาวบ้าน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเธอพบ อนันตชัย

อนันตชัย เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มหล่อและผู้นำชุมชน มีรอยยิ้มที่อบอุ่นแต่แฝงความลับ เขาคือพญานาคจากอดีตที่รอคอยการกลับชาติมาเกิดของอนัญชลี ซึ่งก็คือเอเชีย เขาสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเธอตั้งแต่แรกพบ แต่เอเชียจำอดีตไม่ได้ เธอรู้สึกเพียงความคุ้นเคยที่ไม่อาจอธิบายได้ และเริ่มเผชิญเหตุการณ์แปลกประหลาด ฝันเห็นงูยักษ์ไล่ล่า ฝนตกเป็นสีแดง และเสียงกระซิบจากสายน้ำ ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตราย อนันตชัยปรากฏตัวราวปาฏิหาริย์ เขาใช้พลังนาคปกป้องเธออย่างลับๆ เช่น เรียกพายุฝนเพื่อดับไฟป่าหรือแปลงร่างเป็นงูยักษ์เมื่อศัตรูคุกคาม

เงามืดจากอดีต

ความรักที่เริ่มก่อตัวระหว่างอนันตชัยและเอเชียต้องเผชิญอุปสรรคจากทั้งอดีตและปัจจุบัน วิว เพื่อนสนิทของเอเชีย ถูกเปิดเผยว่าเป็นการกลับชาติมาเกิดของ โสวันนี เธอแสร้งเป็นมิตรแต่แอบใช้เวทมนตร์ดำเพื่อแย่งอนันตชัยกลับมา ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) เศรษฐีโลภมาก ต้องการยึดที่ดินศักดิ์สิทธิ์ของพนมนาคาเพื่อขุดหาสมบัติลับที่เชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ของพญานาค ขณะที่ พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราช (วิทยา เทพทิพย์) ชายลึกลับที่มีความผูกพันกับอาณาจักรนาคในอดีต กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจเป็นทั้งมิตรและศัตรู

เอเชียเริ่มเห็นภาพจากอดีตชาติในฝัน เธอเห็นอนัญชลีและโศกนาฏกรรมที่นำไปสู่การตายของเธอ ความทรงจำเหล่านี้ทำให้เธอสับสนและหวาดกลัว ขณะเดียวกัน ครอบครัวของเธอ โดยเฉพาะ ดร.อารี (เบญจศิริ วัฒนา) แม่ของเอเชีย คัดค้านความสัมพันธ์กับอนันตชัย เพราะมองว่าเขาเป็นเพียงคนต่างจังหวัดที่ไร้ฐานะ วันเนตร เด็กชายที่เอเชียรักษา เริ่มแสดงอาการแปลกๆ ที่เชื่อมโยงกับคำสาปเก่า และกลายเป็นเป้าหมายของพลังมืดที่วิวและดร.ปรีดาปลุกขึ้น

พนมนาคา ปิดฉากด้วยชัยชนะของรักแท้เหนือคำสาปและความชั่วร้าย ละครเน้นย้ำถึงพลังของความรัก ความเสียสละ และความเชื่อในโชคชะตา ผ่านการถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสาน เช่น พิธีบูชานาคและความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

เนื้อเรื่อง รักต้องสาปที่ผสานแฟนตาซีและดราม่า
พนมนาคา เล่าเรื่องราวของ อนันตชัย พญานาคผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำโขง ที่ตกหลุมรัก อนัญชลี มนุษย์สาวในอดีตกาล ความรักของทั้งคู่ถูกขัดขวางด้วยคำสาปจาก โสวันนี (ศรุชา เพชรโรจน์) นางนาคผู้อิจฉา ทำให้ทั้งสองต้องพลัดพราก ในยุคปัจจุบัน อนันตชัยกลับมาในร่างของเจ้าของรีสอร์ทหนุ่ม และพบกับ เอเชีย การกลับชาติมาเกิดของอนัญชลี ซึ่งกลายเป็นหมอกุมารเวชที่ไม่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ เรื่องราวดำเนินผ่านการค้นหาความจริงเกี่ยวกับอดีตชาติ การต่อสู้กับพลังมืด และการพิสูจน์พลังของรักแท้

เนื้อเรื่องโดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างแฟนตาซีและดราม่า ปมขัดแย้งจากคำสาปในอดีตและศัตรูในปัจจุบัน เช่น ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) และ วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) ทำให้เรื่องราวตื่นเต้นและชวนติดตาม การสลับฉากระหว่างอดีตและปัจจุบันช่วยเพิ่มมิติให้ตัวละคร โดยเฉพาะการค่อยๆ เผยความทรงจำของเอเชียที่นำไปสู่จุดไคลแมกซ์อันเข้มข้น อย่างไรก็ตาม บางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อ โดยเฉพาะปมดราม่าครอบครัวที่ซ้ำซาก แต่โดยรวมแล้วพล็อตสามารถรักษาความน่าสนใจได้จนถึงตอนจบ

การแสดง เคมีพระนางและนักแสดงสมทบที่แข็งแกร่ง
ภรภัทร ศรีขจรเดชา ในบทอนันตชัย ถ่ายทอดความเป็นพญานาคได้อย่างน่าเชื่อ ทั้งความสง่างาม ความอบอุ่น และความเสียสละในฐานะผู้พิทักษ์ ฉากที่เขาแปลงร่างเป็นพญานาคนั้นทรงพลังและน่าจดจำ อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ในบทเอเชีย/อนัญชลี แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากหญิงสาวสมัยใหม่ที่สงสัยในสิ่งเหนือธรรมชาติสู่ผู้ยอมรับโชคชะตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เคมีระหว่างทั้งคู่หวานซึ้งและสะเทือนใจ โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับความจริง

นักแสดงสมทบก็ไม่น้อยหน้า ศรุชา เพชรโรจน์ ในบทโสวันนี/วิว สร้างความเกลียดชังได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการแสดงที่ทั้งเจ้าเล่ห์และน่าสงสาร ศรราม เทพพิทักษ์ ในบทดร.ปรีดา นำเสนอตัวร้ายที่มีมิติ ขณะที่ เพชร โบราณินทร์ (อเนกชาติ) และ วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ (ครูบาแก้ว) เพิ่มสีสันด้วยบทบาทที่ทั้งลึกลับและอบอุ่น การแสดงของ ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์ ในบทวันเนตรก็น่ารักและน่าสงสาร ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยตัวละครเด็กนี้อย่างเต็มที่

งานภาพและโปรดักชัน CG อลังการและกลิ่นอายวัฒนธรรมอีสาน
จุดเด่นของ พนมนาคา คืองานภาพ CG ที่สมจริง โดยเฉพาะฉากที่อนันตชัยแปลงร่างเป็นพญานาคยักษ์ เกล็ดสีมรกตและการเคลื่อนไหวของงูยักษ์ท่ามกลางพายุฝนนั้นตื่นตาตื่นใจราวภาพยนตร์ ฉากพิธีกรรมบูชานาคและทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงถ่ายทอดความงดงามของวัฒนธรรมอีสานได้อย่างมีเสน่ห์ ดนตรีประกอบ เสริมอารมณ์ของละครได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากดราม่าและฉากแอ็กชัน

คะแนน 8.5/10 (จุดเด่นงานภาพ CG, การแสดง, การถ่ายทอดวัฒนธรรม)

พนมนาคา เป็นละครที่ผสานความแฟนตาซี ดราม่า และวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว การแสดงที่แข็งแกร่งของนักแสดงนำและสมทบ งานภาพ CG ที่ตื่นตา และการถ่ายทอดเรื่องราวรักข้ามภพทำให้ละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่ไม่ควรพลาดของปี 2566 แม้จะมีจุดที่อาจปรับปรุงได้ แต่โดยรวมแล้วมันมอบประสบการณ์ที่ทั้งสนุกสนานและซาบซึ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครรักที่มีกลิ่นอายลี้ลับและวัฒนธรรมท้องถิ่น

ตั้งแต่ฉากแรกที่พาเราไปยังดินแดนพนมนาคาริมแม่น้ำโขงเมื่อพันปีก่อน ความรู้สึกแรกคือความตื่นตาตื่นใจ ภาพ CG ของพญานาคที่อนันตชัยแปลงร่างนั้นงดงามและทรงพลัง เกล็ดสีมรกตที่ส่องประกายท่ามกลางสายน้ำและพายุฝน ทำให้รู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งตำนาน ฉากพิธีกรรมบูชานาคและทิวทัศน์ของภาคอีสานที่ถ่ายทอดผ่านมุมกล้องกว้าง ทำให้รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นจริงๆ ดนตรีประกอบ เสริมสร้างบรรยากาศลึกลับและขลังได้อย่างลงตัว ทุกครั้งที่อนันตชัยใช้พลังนาค เช่น การเรียกสายฟ้าหรือควบคุมสายน้ำ หัวใจของผู้ชมอย่างเราก็เต้นแรงไปกับความยิ่งใหญ่ของฉากนั้น

หัวใจของ พนมนาคา คือเรื่องราวความรักระหว่างอนันตชัยและเอเชีย/อนัญชลี การได้เห็นอนันตชัยรอคอยคนรักมานานนับพันปีด้วยความมั่นคงนั้นชวนให้รู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจ ฉากที่เขามองเอเชียด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวัง แต่ต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้ ทำให้รู้สึกเห็นใจในความเสียสละของเขา ส่วนเอเชีย จากหญิงสาวสมัยใหม่ที่ไม่เชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ ค่อยๆ เปิดใจและยอมรับโชคชะตาของตัวเอง การเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ โดยเฉพาะฉากที่ความทรงจำจากอดีตชาติผุดขึ้น ทำให้น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว ความรักของทั้งคู่ที่ต้องฝ่าฟันทั้งคำสาป อุปสรรคจากครอบครัว และพลังมืด ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเอาใจช่วยคนรักคู่หนึ่งที่ต่อสู้เพื่อกันและกัน

ละครไม่ได้มีเพียงความหวานของรักแท้ แต่ยังเต็มไปด้วยความตึงเครียดจากตัวร้ายอย่าง โสวันนี/วิว (ศรุชา เพชรโรจน์) และ ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) การแสดงของศรุชาในบทวิวทำให้รู้สึกทั้งหมั่นไส้และสงสาร เธอถ่ายทอดความอิจฉาและความเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวังได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนดร.ปรีดานั้นเป็นตัวร้ายที่ชวนให้ลุ้นว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ฉากที่วิวใช้เวทมนตร์ดำหรือเมื่อดร.ปรีดาวางแผนยึดที่ดินศักดิ์สิทธิ์ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังดูเกมแมวไล่หนูที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ปมของ วันเนตร (ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์) เด็กชายที่ป่วยด้วยโรคเกล็ดงู ยังเพิ่มความรู้สึกห่วงใยและอยากให้ตัวละครนี้รอดพ้นจากอันตราย

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ พนมนาคา โดดเด่นคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมอีสานผ่านพิธีกรรมบูชานาค ความเชื่อในพญานาค และวิถีชีวิตของชาวบ้าน การได้เห็นฉากเหล่านี้ทำให้รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้และเคารพในความศรัทธาของผู้คนในท้องถิ่น ละครยังสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับกรรม การให้อภัย และพลังของความรักที่สามารถเอาชนะทุกอุปสรรคได้ ฉากที่อนันตชัยและเอเชียรวมพลังเพื่อทำลายคำสาปในตอนท้ายนั้นชวนให้รู้สึกถึงชัยชนะของความดีและความหวัง ทำให้ออกจากละครด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ

ละคร พนมนาคา จะพาไปสัมผัสทั้งความตื่นเต้นจากฉากแฟนตาซี ความซาบซึ้งจากรักแท้ ความตึงเครียดจากศึกแห่งโชคชะตา และความอบอุ่นจากวัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงของนักแสดงนำและสมทบ รวมถึงงานภาพและดนตรี ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งตำนานที่ทั้งขลังและงดงาม ละครเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวรักโรแมนติกที่ผสานความลึกลับ และอยากสัมผัสกลิ่นอายของวัฒนธรรมอีสานในมุมมองใหม่


ละคร พนมนาคา 2566

ละคร พนมนาคา 2566

ละคร พนมนาคา 2566 EP.1-19NETFLIX TH

ละคร พนมนาคา 2566 EP.1-19ONED

ซีนเด็ด ละคร พนมนาคา 2566

รักเอ๋ย – ธงไชย แมคอินไตย์ (เพลงจากละครพนมนาคา) [OFFICIAL MV]

ละคร พนมนาคา 2566

รักต้องสาปเมื่อพันปีก่อน

ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน ดินแดนพนมนาคาริมแม่น้ำโขงคือแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พญานาคครองเมือง ตัวเอกของเราคือ อนันตชัย (เล่นโดย ตรี ภรภัทร) พญานาคสุดหล่อและทรงพลัง ผู้พิทักษ์หมู่บ้านนี้ วันหนึ่งเขาได้เจอกับ อนัญชลี สาวมนุษย์ที่หลงเข้ามาในป่าลึก ดวงตาใสๆ ของเธอทำให้อนันตชัยตกหลุมรักทันที! ทั้งคู่รักกันหวานชื่น แต่ ความรักนี้มันไม่ง่าย เพราะ อเนกชาติ (เล่นโดย เพชร โบราณินทร์) พญานาคผู้น้องของอนันตชัย เกิดอิจฉาแบบสุดๆ

อเนกชาติอยากเป็น นาคาธิบดี ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่พญานาค และคิดว่าถ้าได้ครอบครองอนัญชลีจะช่วยให้เขาขึ้นสู่อำนาจได้ ด้วยความริษยา เขาใช้ศาสตร์มืดต้องสาปอนัญชลีให้ตายอย่างน่าสลด และสาปให้เธอต้องเวียนว่ายตายเกิดด้วยความทุกข์! อนันตชัยเสียใจสุดขีด สาบานว่าจะรอคอยอนัญชลีในทุกชาติ และยอมสละพลังนาคเพื่อให้โชคชะตานำพาเธอกลับมาในชาติสุดท้าย ฉากนี้คือน้ำตาแตกเลยทุกคน! CG พญานาคก็อลังการมาก เห็นเกล็ดงูสีมรกตแล้วขนลุก

ปัจจุบัน – เอเชียและการพบกันใหม่

ตัดภาพมาปี 2566 ที่กรุงเทพฯ เอเชีย (เล่นโดย กรีน อัษฎาพร) หมอกุมารเวชสาวสวยสุดเป๊ะ ชีวิตดี๊ดี มีทั้งงานเด่น ความรักปัง และครอบครัวอบอุ่น แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเพื่อนสนิทอย่าง วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) ชวนเธอไปรักษาเด็กชาย วันเนตร (ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์) ที่ป่วยด้วย “โรคเกล็ดงู” ที่หมู่บ้านพนมนาคา โรคนี้แปลกมาก ผิวเด็กจะแตกเป็นเกล็ดเหมือนงูเลย

เมื่อเอเชียมาถึงหมู่บ้าน เธอได้เจอกับ อนันตชัย เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มหล่อสุดลึกลับ ที่แท้จริงคือพญานาคจากอดีต เขารู้ทันทีว่าเอเชียคืออนัญชลีที่กลับชาติมาเกิด แต่เอเชียที่เป็นสาวสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องพญานาคอะไรทั้งนั้น เธอรู้สึกแค่ความคุ้นเคยแปลกๆ กับอนันตชัย แล้วจากนั้นก็เจอเรื่องหลอนๆ เพียบ เช่น ฝันเห็นงูยักษ์ไล่ล่า ฝนตกเป็นสีแดง หรือได้ยินเสียงกระซิบจากแม่น้ำโขง ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตราย อนันตชัยจะโผล่มาช่วยแบบเท่ๆ เช่น เรียกพายุฝนดับไฟป่า หรือแปลงร่างเป็นงูยักษ์ ฉากนี้ CG ดีมาก

ศัตรูและปมลึกลับจากอดีต

เรื่องมันเข้มข้นขึ้นเมื่อ วิว เพื่อนสนิทของเอเชีย เริ่มทำตัวแปลกๆ ที่แท้เธอคือ โสวันนี จากอดีตที่กลับชาติมาเกิด วิวแสร้งเป็นเพื่อนที่ดี แต่แอบใช้เวทมนตร์ดำเพื่อแย่งอนันตชัยกลับมา นอกจากนี้ยังมี ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) เศรษฐีโลภมากที่อยากยึดที่ดินพนมนาคาเพื่อขุดหาสมบัติลับของพญานาค และ พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราช (วิทยา เทพทิพย์) ตัวละครลึกลับที่มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรนาคในอดีต ทำเอาผู้ชมเดาทางไม่ถูกเลยว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรู

เอเชียเริ่มเห็นภาพจากอดีตชาติในฝัน เธอเห็นอนัญชลีและโศกนาฏกรรมที่เกิดจากความริษยาของอเนกชาติ มันทำให้เธอสับสนและกลัวสุดๆ ขณะเดียวกัน ครอบครัวของเธอ โดยเฉพาะ ดร.อารี (เบญจศิริ วัฒนา) แม่ของเอเชีย คัดค้านความสัมพันธ์กับอนันตชัย เพราะคิดว่าเขาเป็นแค่หนุ่มบ้านนอก ส่วนวันเนตร เด็กชายที่ป่วย เริ่มมีอาการแปลกๆ ที่เชื่อมโยงกับคำสาปเก่า และกลายเป็นเป้าหมายของพลังมืดที่วิวและดร.ปรีดาปลุกขึ้นมา ช่วงนี้คือลุ้นตัวโก่งเลยทุกคน

พนมนาคา คือละครที่ผสมผสานทุกอย่างได้ลงตัวสุดๆ ทั้งแฟนตาซี ดราม่า โรแมนติก และวัฒนธรรมอีสาน การแสดงของ ตรี และ กรีน คือเคมีดีมาก หวานจนใจเจ็บ ตัวร้ายอย่าง ศรุชา และ ศรราม ก็เล่นได้น่าหมั่นไส้สุดๆ งาน CG พญานาคคือจุดเด่นที่ทำให้ตื่นตาทุกตอน เพลงประกอบก็ขลัง เข้ากับฟีลลึกลับของเรื่อง  ใครยังไม่ได้ดู ต้องไปตามใน oneD หรือ Netflix นะ รับรองติดงอมแงม

เบื้องหลังของละคร พนมนาคา ปี 2566 จากช่องวัน 31 ที่ทำให้ทุกคนอินกับเรื่องราวรักข้ามภพของพญานาคกันแบบสุดๆ ละครเรื่องนี้ไม่ได้มาเล่นๆ นะ เพราะทีมงานเค้าคือระดับตัวท็อปของวงการ อยากรู้ว่าใครเป็นคนเนรมิตให้พนมนาคากลายเป็นละครสุดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มาดูกันเลย

บทประพันธ์โดย พงศกร

561000008925704
พงศกร

เริ่มที่หัวใจของเรื่องเลย พงศกร คือคนเขียนบทประพันธ์ที่จุดประกายให้ พนมนาคา เกิดขึ้นมาได้ เค้าเอาเรื่องราวตำนานพญานาคผสมกับความรักสุดโรแมนติกและดราม่าจัดเต็ม บอกเลยว่าความครีเอทีฟของพงศกรคือสุดยอด เค้าสร้างโลกของพนมนาคาให้มีทั้งความขลัง ความลึกลับ และความรักที่ทำให้คนดูน้ำตาแตก! ต้องปรบมือให้เลย เพราะถ้าไม่มีบทประพันธ์ดีๆ แบบนี้ ละครคงไม่ปังขนาดนี้แน่นอน

บทโทรทัศน์โดย พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์

4 1 scaled
พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์

ต่อมาที่คนแปลงเรื่องราวให้กลายเป็นละครสุดเข้มข้น พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์ คือมือฉมังที่หยิบเรื่องของพงศกรมาปรับเป็นบทโทรทัศน์ที่ลงตัวสุดๆ เค้าใส่ปมดราม่า ความลุ้นระทึก และฉากหวานๆ ให้เราอินกับตัวละครแบบสุดใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ อนันตชัย แปลงร่างเป็นพญานาค หรือฉากที่ เอเชีย ค้นพบชาติกำเนิดของตัวเอง บทของพิมพ์มาดาคือทำให้ทุกอย่างไหลลื่นและน่าติดตาม ชื่นชมเลยจริงๆ

กำกับการแสดงโดย สันต์ ศรีแก้วหล่อ

สันต์ ศรีแก้วหล่อ

มาถึงผู้กำกับสุดเจ๋ง สันต์ ศรีแก้วหล่อ บอกเลยว่าพี่เค้าคือคนที่เนรมิตให้โลกของพนมนาคามีชีวิตขึ้นมาจริงๆ จากฉาก CG พญานาคสุดอลัง ฉากพิธีกรรมบูชานาคที่ขลังสุดๆ ไปจนถึงฉากรักสุดซึ้งของ ตรี ภรภัทร และ กรีน อัษฎาพร สันต์กำกับได้แบบเป๊ะทุกอารมณ์ เค้ารู้วิธีดึงการแสดงของนักแสดงให้ออกมาดีสุดๆ และทำให้ทุกฉากดูยิ่งใหญ่สมกับเป็นละครแฟนตาซีแห่งปี ต้องยกนิ้วให้เลย

อำนวยการผลิต ถกลเกียรติ วีรวรรณ & นิพนธ์ ผิวเณร

m2fmlx01i5mv0VrGHn4 o
ถกลเกียรติ วีรวรรณ

เบื้องหลังความปังขนาดนี้ต้องมีโปรดิวเซอร์คอยคุม ถกลเกียรติ วีรวรรณ และ นิพนธ์ ผิวเณร สองบิ๊กบอสแห่งวงการที่อำนวยการผลิตให้ พนมนาคา ออกมาสมบูรณ์แบบ

230206120219695
นิพนธ์ ผิวเณร

ทั้งเรื่องงบประมาณ การจัดการกองถ่าย และการเลือกทีมงานระดับท็อป สองคนนี้คือคนที่ทำให้ทุกอย่างลงตัว ตั้งแต่งาน CG สุดล้ำ ไปจนถึงการถ่ายทำในโลเคชันริมแม่น้ำโขงที่สวยงามสุดๆ บอกเลยว่าเค้าคือหัวเรือใหญ่ที่ขาดไม่ได้

ผลิตโดย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
ปิดท้ายที่ค่ายยักษ์ใหญ่ เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ค่ายนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องการผลิตละครคุณภาพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานภาพ การคัดเลือกนักแสดง หรือการโปรโมตที่ทำให้ พนมนาคา กลายเป็นที่พูดถึงทั่วบ้านทั่วเมือง ค่ายนี้ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบฉากหมู่บ้านพนมนาคาให้ดูขลัง ไปจนถึงการทำ CG พญานาคที่ทำให้คนดูตื่นตาตื่นใจ เรียกว่าทีมนี้คือตัวจริงเรื่องความบันเทิง

บอกเลยว่า พนมนาคา ไม่ได้ปังแค่หน้าจอ แต่เบื้องหลังก็คือสุดยอด ทีมงานแต่ละคนคือมืออาชีพที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเขียนบทที่ทำให้เราอิน ไปจนถึงการกำกับและโปรดักชันที่ทำให้ละครดูยิ่งใหญ่ราวภาพยนตร์ ถ้าคุณดูจบแล้วอยากรู้ว่าใครเป็นคนสร้างสรรค์ความมหัศจรรย์นี้ ทีมนี้แหละคือคำตอบ ใครที่ยังไม่ได้ดู ไปตามย้อนหลังใน oneD หรือ Netflix ด่วนๆ นะ

นักแสดง

→ ภรภัทร ศรีขจรเดชา รับบท อนันตชัย

hq720
ภรภัทร ศรีขจรเดชา

อนันตชัยคือพญานาคสุดหล่อแห่งดินแดนพนมนาคา ผู้พิทักษ์แม่น้ำโขงที่ทั้งทรงพลังและใจดี เขาเป็นผู้นำที่ชาวบ้านนับถือ มีความสง่างามแบบพญานาคแท้ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นและความเสียสละ ในอดีต เขารัก อนัญชลี อย่างสุดหัวใจ แต่ต้องสูญเสียเธอเพราะคำสาปจาก อเนกชาติ น้องชายที่อิจฉา ในยุคปัจจุบัน เขากลับมาในร่างเจ้าของรีสอร์ทหนุ่มที่ดูธรรมดา แต่จริงๆ แล้วซ่อนพลังนาคไว้ ทุกครั้งที่ เอเชีย (กรีน อัษฎาพร) ตกอยู่ในอันตราย เขาจะโผล่มาช่วยแบบเท่สุดๆ ไม่ว่าจะเรียกพายุฝนหรือแปลงร่างเป็นงูยักษ์เกล็ดมรกต ฉากเหล่านี้คืออลังการมาก ดูแล้วต้องร้องว้าวเลย

อนันตชัยไม่ใช่แค่พญานาคที่เก่งกาจ แต่ยังเป็นตัวละครที่มีมิติ เขามีทั้งความเข้มแข็งในฐานะผู้พิทักษ์และความอ่อนโยนในฐานะคนรักที่รอคอยอนัญชลีมานานนับพันปี การแสดงของพี่ตรีคือดีมาก ถ่ายทอดความเป็นผู้นำและความรักที่มั่นคงได้แบบถึงใจ ทุกครั้งที่เขามองเอเชียด้วยสายตาอบอุ่นแต่มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ มันทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกซึ้งของตัวละครตัวนี้จริงๆ

ฉายา “พญานาคแห่งรักนิรันดร์”
ทำไมถึงเรียกอนันตชัยแบบนี้ เพราะเขาคือตัวแทนของความรักที่ยอมเสียสละทุกอย่าง แม้แต่พลังของตัวเอง เพื่อรอคอยคนรักข้ามภพข้ามชาติ ความมุ่งมั่นของเขาที่จะปกป้องทั้งเอเชียและดินแดนพนมนาคาคือสิ่งที่ทำให้ฉายานี้เหมาะสมสุดๆ

ข้อคิด ความรักที่แท้ต้องมาพร้อมความเสียสละ
อนันตชัยสอนเราว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่การครอบครองหรือได้อยู่ด้วยกัน แต่คือการยอมเสียสละเพื่อคนที่เรารักและสิ่งที่เราเชื่อ เขายอมทิ้งพลังนาคเพื่อให้โชคชะตานำอนัญชลีกลับมา และยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องหมู่บ้าน ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เรารักอย่างจริงใจและพร้อมให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

→ อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท เอเชีย/อนัญชลี

hq720
อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล

เอเชีย คือหมอกุมารเวชสาวสวยแห่งกรุงเทพฯ สุดสมาร์ท มั่นใจ และเป๊ะทุกด้าน ไม่ว่าจะงานหรือชีวิตส่วนตัว เธอคือสาวยุคใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับหรือพญานาคอะไรทั้งนั้น แต่โชคชะตาก็พาเธอไปยังหมู่บ้านพนมนาคาเพื่อรักษาเด็กชายที่ป่วยด้วย “โรคเกล็ดงู” ที่นี่เธอได้เจอกับ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และเริ่มเจอเรื่องแปลกๆ เช่น ฝันเห็นงูยักษ์ ฝนตกสีแดง หรือได้ยินเสียงกระซิบจากแม่น้ำโขง ทำให้เธอเริ่มสงสัยในตัวเอง

ที่จริงแล้ว เอเชียคือการกลับชาติมาเกิดของ อนัญชลี หญิงสาวจากอดีตเมื่อพันปีก่อนที่เป็นรักแท้ของอนันตชัย แต่ถูกต้องสาปโดย อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) พญานาคผู้อิจฉา การเดินทางของเอเชียในเรื่องคือการค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอ จากสาวที่ไม่เชื่ออะไรเลย กลายเป็นคนที่ยอมรับโชคชะตาและต่อสู้เพื่อความรักและความดี การแสดงของกรีนคือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความแข็งแกร่งและความเปราะบางของเอเชียได้แบบลงตัว ฉากที่เธอค่อยๆ จำอดีตชาติได้คือน้ำตาคลอเลย ทำเอาคนดูอินสุดๆ

ฉายา “นางเอกแห่งโชคชะตา”
ทำไมถึงเรียกเอเชีย/อนัญชลีแบบนี้ เพราะเธอคือศูนย์กลางของเรื่องราวที่เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบัน โชคชะตานำพาเธอกลับมาพบอนันตชัย และเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายคำสาปที่ผูกมัดทุกคน เธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่เข้มแข็งและกล้ายอมรับความจริง แม้ว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

ข้อคิด ความกล้าที่จะยอมรับตัวตนนำไปสู่พลังที่ยิ่งใหญ่
เอเชียสอนเราว่าการยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แม้ว่ามันจะน่ากลัวหรือท้าทายแค่ไหน คือก้าวแรกสู่การเติบโต เธอเปลี่ยนจากคนที่ปฏิเสธสิ่งลี้ลับไปสู่การยอมรับว่าเธอคืออนัญชลี และใช้พลังนั้นปกป้องคนที่รักและหมู่บ้านพนมนาคา ข้อคิดนี้คือแรงบันดาลใจให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับตัวเองและก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ

→ เพชร โบราณินทร์ รับบท อเนกชาติ

hq720
เพชร โบราณินทร์

อเนกชาติ คือพญานาคผู้น้องของ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ในดินแดนพนมนาคาริมแม่น้ำโขงเมื่อพันปีก่อน เขาเป็นนาคที่ทั้งหล่อและทรงพลัง แต่ใจเต็มไปด้วยความอิจฉาและความทะเยอทะยาน เขาอยากเป็น นาคาธิบดี ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่พญานาค และเชื่อว่าการครอบครอง อนัญชลี (รักของอนันตชัย) จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย ความริษยานำพาเขาไปสู่ด้านมืด เขาใช้ศาสตร์พยากรณ์เทวะมันตราเพื่อสาปอนัญชลีให้ตายและต้องทุกข์ทรมานข้ามภพชาติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมด

ในยุคปัจจุบัน อเนกชาติกลับมาในร่างใหม่ที่ยังคงความทะเยอทะยานและความแค้นฝังใจ เขาพยายามขัดขวางความรักของอนันตชัยและ เอเชีย (กรีน อัษฎาพร) การแสดงของ เพชร โบราณินทร์ คือสุดยอดมาก เขาทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดและความหมกมุ่นของอเนกชาติได้อย่างลึกซึ้ง ฉากที่เขาปะทะกับอนันตชัยในร่างพญานาคคือทั้งดุเดือดและน่าสงสาร ทุกสายตาและน้ำเสียงของเพชรคือทำให้คนดูรู้เลยว่าตัวละครนี้มีอะไรในใจมากกว่าที่เห็น

ฉายา “พญานาคแห่งความริษยา”
ฉายานี้เหมาะกับอเนกชาติสุดๆ เพราะความอิจฉาคือแรงผลักดันทุกการกระทำของเขา ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงอนัญชลีหรือความปรารถนาที่จะเป็นใหญ่ ความริษยาทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายที่ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

ข้อคิด ความอิจฉาสามารถทำลายทุกอย่างได้
อเนกชาติสอนเราว่าความอิจฉาและความโลภอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น การที่เขายอมให้ความริษยาครอบงำทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับพี่ชายหรือโอกาสในการเป็นนาคที่ยิ่งใหญ่ ข้อคิดนี้เตือนให้เราควบคุมจิตใจและมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี แทนการเปรียบเทียบกับคนอื่น

→ วิทยา เทพทิพย์ รับบท พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราช

hq720
วิทยา เทพทิพย์

พุ่มข้าวบิณฑ์ ในยุคปัจจุบันคือชายลึกลับที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านพนมนาคา เขาดูเหมือนคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตเงียบๆ แต่จริงๆ แล้วเขาคือ บิณฑุราช พญานาคที่มีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรนาคในอดีตเมื่อพันปีก่อน ตัวละครนี้เป็นเหมือนปริศนาเดินได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องเราไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรูของ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เขามีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับพิธีกรรมนาคและความลับของคำสาปที่ผูกมัดอนัญชลี ทำให้เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยคลายปมของเรื่อง

พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราชคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน เขามีทั้งความลึกลับและความภักดีต่อบางสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเอง การแสดงของ วิทยา เทพทิพย์ คือสุดยอดมาก เขาทำให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์แบบเงียบขรึม ทุกครั้งที่ปรากฏตัว สายตาและท่าทางของเขาจะทำให้คนดูรู้สึกว่า “หมอนี่ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ๆ” ฉากที่เขาช่วยเหลืออนันตชัยในพิธีกรรมหรือเผยความลับบางอย่างคือทำเอาตื่นเต้นทุกครั้ง

ฉายา “เงานาคผู้พิทักษ์ความลับ”
ฉายานี้เหมาะกับพุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราชสุดๆ เพราะเขาเหมือนเงาที่คอยจับตาดูทุกอย่างในพนมนาคา เขารู้ความลับของอาณาจักรนาคและคำสาป แต่เลือกที่จะเปิดเผยแค่บางส่วนเพื่อปกป้องสมดุลของโชคชะตา ความลึกลับและบทบาทที่เหมือนผู้พิทักษ์เงียบๆ ทำให้ฉายานี้ลงตัวมาก

ข้อคิด ความรู้ที่แท้จริงต้องใช้ด้วยปัญญา
พุ่มข้าวบิณฑ์/บิณฑุราชสอนเราว่าการมีความรู้หรือความลับที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบ เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยทุกอย่างในทันที แต่ใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อนำทางคนอื่นอย่างระมัดระวัง ข้อคิดนี้เตือนให้เราใช้ความรู้และข้อมูลที่เรามีอย่างมีสติ เพื่อสร้างผลดีต่อตัวเองและคนรอบข้าง แทนการใช้อย่างขาดความยั้งคิด

→ ศรราม เทพพิทักษ์ รับบท ดร.ปรีดา

ct 20210512044026525
ศรราม เทพพิทักษ์

ดร.ปรีดา คือเศรษฐีหนุ่มใหญ่ที่ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ เขาเป็นนักธุรกิจที่มองเห็นโอกาสในทุกอย่าง โดยเฉพาะที่ดินศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านพนมนาคาริมแม่น้ำโขง เขาเชื่อว่าที่นี่ซ่อนสมบัติลับของพญานาค และจะทำทุกวิถีทางเพื่อครอบครองมัน ไม่ว่าจะต้องข้ามศพใครไปก็ตาม ดร.ปรีดาคือตัวร้ายที่มีคลาส ดูภายนอกเหมือนคนมีการศึกษา สุขุม แต่ข้างในเต็มไปด้วยความโลภและความทะเยอทะยาน เขาวางแผนร้ายกาจ ร่วมมือกับตัวละครอย่าง วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) เพื่อทำลาย อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และยึดพนมนาคามาครอบครอง

การแสดงของ ศรราม เทพพิทักษ์ คือสุดยอดมาก เขาทำให้ดร.ปรีดาดูเป็นตัวร้ายที่ทั้งน่ากลัวและน่าหมั่นไส้ ทุกครั้งที่เขายิ้มเจ้าเล่ห์หรือพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยแผนการร้าย มันทำให้คนดูรู้สึกเลยว่านี่คือตัวร้ายที่ไม่ธรรมดา ฉากที่เขาท้าทายอนันตชัยหรือพยายามควบคุมสถานการณ์ในหมู่บ้านคือลุ้นระทึกสุดๆ ศรรามถ่ายทอดความเย็นชาและความมุ่งมั่นของตัวละครนี้ออกมาได้แบบเป๊ะ

ฉายา “จอมวางแผนแห่งความโลภ”
ฉายานี้เหมาะกับดร.ปรีดาสุดๆ เพราะเขาเป็นตัวร้ายที่ใช้สมองวางแผนทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ความโลภของเขาคือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เขากลายเป็นภัยคุกคามต่อทั้งหมู่บ้านพนมนาคาและความรักของอนันตชัยกับ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล)

ข้อคิด ความโลภอาจนำไปสู่หายนะ
ดร.ปรีดาสอนเราว่าความโลภที่ไร้ขอบเขตสามารถทำลายทุกอย่างได้ เขาไม่สนใจผลกระทบต่อผู้อื่น ขอแค่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่สุดท้ายความโลภนั้นก็ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่เลวร้าย ข้อคิดนี้เตือนให้เรารู้จักควบคุมความต้องการของตัวเองและคำนึงถึงความถูกต้องมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว

→ ศรุชา เพชรโรจน์ รับบท โสวันนี

ศรุชา เพชรโรจน์

โสวันนี คือตัวร้ายตัวฉกาจใน พนมนาคา เธอเป็นนางนาคที่ทั้งสวยและมีพลังเวทมนตร์ในอดีตเมื่อพันปีก่อน เธอหลงรัก อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) พญานาคหนุ่มสุดหล่อแบบหัวปักหัวปำ แต่ความรักของเธอไม่สมหวัง เพราะอนันตชัยรัก อนัญชลี (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ด้วยความอิจฉาและความเจ็บปวด โสวันนีเลยใช้ศาสตร์มืดต้องสาปอนัญชลีให้ตายและต้องทุกข์ทรมานข้ามภพชาติ การกระทำนี้ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ผูกโยงมาถึงยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน โสวันนีกลับชาติมาเกิดเป็น วิว เพื่อนสนิทของ เอเชีย (การกลับชาติมาเกิดของอนัญชลี) เธอแสร้งเป็นเพื่อนที่ดี แต่แอบวางแผนร้ายเพื่อแย่งอนันตชัยกลับมาและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า การแสดงของ ศรุชา เพชรโรจน์ คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์ ความแค้น และความเปราะบางในใจของโสวันนีได้แบบครบรส ฉากที่เธอใช้เวทมนตร์หรือเผยด้านมืดคือทั้งน่ากลัวและน่าสงสาร ทุกครั้งที่โสวันนีปรากฏตัว มันเหมือนมีพายุแห่งดราม่าพัดเข้ามาเลย

ฉายา “นางนาคแห่งความแค้น”
ฉายานี้เหมาะกับโสวันนีสุดๆ เพราะความแค้นและความรักที่ผิดทางคือสิ่งที่ขับเคลื่อนทุกการกระทำของเธอ เธอคือตัวละครที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความอิจฉา แต่ก็มีด้านที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจของเธอ

ข้อคิด ความรักที่ครอบงำด้วยความแค้นนำไปสู่ความพินาศ
โสวันนีสอนเราว่าความรักที่ถูกบดบังด้วยความอิจฉาหรือความแค้นสามารถทำลายทั้งตัวเองและคนรอบข้างได้ การที่เธอยอมให้ความรักที่ไม่สมหวังกลายเป็นพลังทำลายล้าง ทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างและกลายเป็นตัวร้าย ข้อคิดนี้เตือนให้เรารู้จักปล่อยวางและรักอย่างมีสติ เพื่อไม่ให้ความรู้สึกด้านลบมาครอบงำชีวิต

→ กุลฑีรา ยอดช่าง รับบท สิทธา/สรีธาร

กุลฑีรา ยอดช่าง

สิทธา ในยุคปัจจุบันคือตัวละครที่ปรากฏตัวในหมู่บ้านพนมนาคา เธอดูเหมือนคนธรรมดาที่มีส่วนร่วมในชุมชน แต่จริงๆ แล้วมีอะไรมากกว่านั้น เพราะเธอคือ สรีธาร จากอดีตเมื่อพันปีก่อน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับอาณาจักรนาคและเรื่องราวของ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ อนัญชลี (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) สิทธา/สรีธารมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนสำคัญ ช่วยเหลืออนันตชัยและ เอเชีย ในภารกิจปกป้องหมู่บ้านจากพลังมืดและคำสาปของ อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) เธอมักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาคับขัน พร้อมความรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมและความลับของพนมนาคา

คาแร็คเตอร์นี้คือส่วนผสมของความนิ่ง ความฉลาด และความจงรักภักดี การแสดงของ กุลฑีรา ยอดช่าง ทำให้สิทธา/สรีธารมีเสน่ห์แบบเงียบๆ แต่ทรงพลัง ทุกครั้งที่เธอพูดหรือลงมือทำอะไร มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเธอรู้มากกว่าที่เห็น ฉากที่เธอช่วยทำพิธีกรรมหรือให้คำแนะนำคือช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวได้ดีสุดๆ การแสดงของกุลฑีราทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและน่าติดตาม

ฉายา “ผู้พิทักษ์เงียบแห่งพนมนาคา”
ฉายานี้เหมาะกับสิทธา/สรีธาร เพราะเธอคือคนที่คอยช่วยเหลือจากเบื้องหลังอย่างเงียบๆ แต่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของหมู่บ้านพนมนาคา เธอเหมือนเงาที่คอยปกป้องและสนับสนุนโดยไม่ต้องการแสงไฟส่อง

ข้อคิด ความภักดีคือพลังที่ยิ่งใหญ่
สิทธา/สรีธารสอนเราว่าการยืนหยัดเคียงข้างคนที่เราเชื่อมั่นและปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องดังหรือเด่นเสมอไป ความภักดีและการกระทำเล็กๆ ของเธอช่วยให้หมู่บ้านและตัวละครหลักรอดพ้นจากอันตราย ข้อคิดนี้เตือนให้เราให้คุณค่ากับการทำดีอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่มีใครเห็น

→ เบญจศิริ วัฒนา รับบท ดร.อารี

59433f80 773a 11eb 99be 2fbaa5d65599 original
เบญจศิริ วัฒนา

ดร.อารี คือคุณแม่ของ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) นางเอกของเรื่อง เธอเป็นนักวิชาการที่ทั้งฉลาดและเข้มงวด ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่แบบมีคลาสสุดๆ และหวังให้ลูกสาวมีอนาคตที่สมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของเธอ ดร.อารีมองว่า อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) พญานาคหนุ่มจากหมู่บ้านพนมนาคาคือตัวเลือกที่ไม่เหมาะสมสำหรับเอเชีย เลยพยายามขัดขวางความรักของทั้งคู่เต็มที่ เธอไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพญานาคหรือคำสาป ทำให้เกิดความขัดแย้งกับเอเชียที่ค่อยๆ ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

ดร.อารีคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความรักแบบคุณแม่ แต่แสดงออกในแบบที่ดุดันและควบคุมทุกอย่าง การแสดงของ เบญจศิริ วัฒนา คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเข้มแข็งและความเปราะบางของดร.อารีได้แบบลงตัว ฉากที่เธอปะทะคารมกับเอเชียหรือพยายามปกป้องลูกสาวด้วยวิธีของตัวเองคือทั้งน่าหงุดหงิดและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน เบญจศิริทำให้เรารู้สึกถึงความรักที่ซ่อนอยู่ในความเข้มงวดของตัวละครนี้ได้อย่างลึกซึ้ง

ฉายา “คุณแม่แห่งการควบคุม”
ฉายานี้เหมาะกับดร.อารีสุดๆ เพราะเธอคือคุณแม่ที่พยายามควบคุมทุกด้านของชีวิตเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือความรัก ความตั้งใจของเธอมาจากความรัก แต่สไตล์การแสดงออกทำให้เธอกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในเรื่อง

ข้อคิด ความรักต้องมาพร้อมกับการปล่อยวาง
ดร.อารีสอนเราว่าการรักใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือคนในครอบครัว ต้องรู้จักปล่อยวางและเคารพการตัดสินใจของเขา การที่เธอพยายามควบคุมชีวิตของเอเชียทำให้เกิดความขัดแย้ง ข้อคิดนี้เตือนให้เราเรียนรู้ที่จะรักอย่างให้อิสระ เพื่อให้ความสัมพันธ์เติบโตได้อย่างแท้จริง

→ พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์ รับบท วิว

210520070519389
พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์

วิว คือเพื่อนสนิทของ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ในยุคปัจจุบัน เธอดูเหมือนสาวหวานที่เป็นมิตรและน่ารัก แต่จริงๆ แล้วซ่อนความลับสุดช็อก เพราะวิวคือการกลับชาติมาเกิดของ โสวันนี นางนาคจากอดีตเมื่อพันปีก่อนที่อิจฉาความรักระหว่าง อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ อนัญชลี ในชาติปัจจุบัน เธอแสร้งเป็นเพื่อนที่ดี แต่แอบวางแผนร้ายเพื่อแย่งอนันตชัยและทำลายเอเชีย ด้วยการใช้เวทมนตร์ดำและร่วมมือกับ ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) เพื่อปลุกพลังมืดทำลายหมู่บ้านพนมนาคา

วิวคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เธอทั้งเจ้าเล่ห์และน่าสงสาร เพราะทุกอย่างมาจากความรักที่ไม่สมหวังในอดีต การแสดงของ พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์ คือสุดยอดมาก เธอถ่ายทอดความเจ้าเล่ห์และความเจ็บปวดของวิวได้แบบครบรส ฉากที่เธอยิ้มหวานแต่แววตาเต็มไปด้วยแผนร้ายคือทำเอาขนลุก ส่วนฉากที่เผยความแค้นหรือพลังนางนาคคือทำให้คนดูทั้งเกลียดทั้งสงสารในเวลาเดียวกัน

ฉายา “สาวหวานจอมวางแผน”
ฉายานี้เหมาะกับวิวสุดๆ เพราะเธอใช้ภาพลักษณ์ของสาวหวานใจดีเป็นหน้ากาก แต่ข้างในคือจอมวางแผนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ความเจ้าเล่ห์ของเธอคือสิ่งที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นและน่าลุ้น

ข้อคิด ความรักที่ผิดทางนำไปสู่ความหายนะ
วิวสอนเราว่าความรักที่ถูกครอบงำด้วยความอิจฉาหรือความเห็นแก่ตัวสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายได้ ความพยายามของเธอที่จะแย่งอนันตชัยและทำร้ายผู้อื่นทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง ข้อคิดนี้เตือนให้เรารักอย่างมีสติและไม่ปล่อยให้ความรู้สึกด้านลบมาครอบงำ

→ พรหมพิริยะ ทองพุทธรักษ์ รับบท ฌอห์น

Papang 800
พรหมพิริยะ ทองพุทธรักษ์

ฌอห์น คือตัวละครสมทบในยุคปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในหรือใกล้หมู่บ้านพนมนาคา เขาเป็นคนที่ทั้งเป็นมิตรและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ลึกลับรอบๆ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) และ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ฌอห์นมักจะเป็นคนที่ให้ข้อมูลหรือช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ตัวละครหลักต้องเผชิญอันตรายจากพลังมืดหรือคำสาปเก่า เขาไม่ใช่พญานาคหรือตัวร้าย แต่เป็นคนธรรมดาที่มีความเชื่อในตำนานท้องถิ่น ทำให้เขาเชื่อมโยงระหว่างโลกสมัยใหม่กับความลี้ลับของพนมนาคาได้ดี

ฌอห์นคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความซื่อตรงและความอยากรู้อยากเห็น การแสดงของ พรหมพิริยะ ทองพุทธรักษ์ ทำให้ฌอห์นดูน่ารักและน่าเชื่อถือ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือแบบไม่หวังผลตอบแทน ฉากที่เขาเล่าเรื่องตำนานพญานาคหรือช่วยเอเชียในสถานการณ์คับขันคือเพิ่มความอบอุ่นให้เรื่องราวได้แบบลงตัว

ฉายา “เพื่อนซื่อแห่งตำนาน”
ฉายานี้เหมาะกับฌอห์นสุดๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และเชื่อในตำนานพญานาค ทำให้เขาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างตัวละครหลักกับความลึกลับของเรื่อง

ข้อคิด มิตรภาพที่แท้จริงคือการสนับสนุนโดยไม่หวังผล
ฌอห์นสอนเราว่าการเป็นเพื่อนที่ดีคือการยืนเคียงข้างในยามยากและเชื่อในกันและกันโดยไม่ต้องมีเหตุผลมากมาย ความซื่อตรงของเขาช่วยให้ตัวละครหลักก้าวผ่านอุปสรรคได้ ข้อคิดนี้เตือนให้เราให้คุณค่ากับมิตรภาพที่มาจากใจจริง

→ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท โสภณ

436d8000 a3c1 11ef 9f2f 4b12abdd7112 webp original
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล

โสภณ เป็นตัวละครในยุคปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านพนมนาคา เขาคือคนในชุมชนที่รู้เรื่องราวและความลี้ลับของดินแดนนี้ดี มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) โสภณไม่ใช่พญานาคหรือตัวละครที่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือตัวละครหลักในยามคับขัน ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำนานพญานาคหรือช่วยสนับสนุนในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เขาคือคนที่ยืนหยัดเคียงข้างชุมชนและเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพนมนาคา

โสภณคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความมุ่งมั่น การแสดงของ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล ทำให้โสภณดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือและอบอุ่น ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีเพื่อนในหมู่บ้านที่พร้อมช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไข ฉากที่เขาเข้ามามีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญของเรื่องคือช่วยให้เรื่องราวไหลลื่นและรู้สึกสมจริงมากขึ้น

ฉายา “ลูกหมู่บ้านใจนักสู้”
ฉายานี้เหมาะกับโสภณสุดๆ เพราะเขาเป็นตัวแทนของคนในชุมชนที่รักและปกป้องพนมนาคาด้วยใจ เขาอาจจะดูธรรมดา แต่ความกล้าและความทุ่มเททำให้เขาโดดเด่นในแบบของตัวเอง

ข้อคิด ความมุ่งมั่นในสิ่งที่เชื่อทำให้เกิดพลัง
โสภณสอนเราว่าการยึดมั่นในความเชื่อและความรักต่อชุมชนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังพิเศษ แต่การยืนหยัดเคียงข้างคนอื่นในยามยากคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง ข้อคิดนี้เตือนให้เรามุ่งมั่นในสิ่งที่เราเชื่อและลงมือทำเพื่อส่วนรวม

→ วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ รับบท ครูบาแก้ว

วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์

ครูบาแก้ว คือผู้นำศาสนาและผู้รู้ในหมู่บ้านพนมนาคา เขาเป็นพระหรือนักบวชที่ได้รับความเคารพจากชาวบ้าน ด้วยความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับพิธีกรรมบูชานาคและความเชื่อท้องถิ่น ครูบาแก้วมีบทบาทสำคัญในการช่วย อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ต่อสู้กับพลังมืดและคำสาปจาก อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) เขาคือคนที่ยึดมั่นในความดีและใช้ความรู้เพื่อปกป้องหมู่บ้านจากภัยร้าย ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์หรือให้คำแนะนำในยามคับขัน

ครูบาแก้วคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความเมตตาและปัญญา การแสดงของ วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ ทำให้ตัวละครนี้มีทั้งความน่าเกรงขามและความอบอุ่น ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีพลังสงบที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความหวัง ฉากที่เขานำพิธีกรรมหรือให้คำแนะนำแก่ตัวละครหลักคือช่วยยกระดับความขลังของเรื่องได้สุดยอด

ฉายา “ผู้ชี้นำแห่งแสงสว่าง”
ฉายานี้เหมาะกับครูบาแก้วสุดๆ เพราะเขาเป็นเหมือนแสงนำทางให้ตัวละครและหมู่บ้านพนมนาคาในยามที่ทุกอย่างมืดมิด ความรู้และความเมตตาของเขาคือสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่ชัยชนะ

ข้อคิด ปัญญาและความเมตตาคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ครูบาแก้วสอนเราว่าการใช้ปัญญาและความเมตตาในการนำทางผู้อื่นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เขาไม่ใช้พลังเหนือธรรมชาติ แต่ใช้ความรู้และความเชื่อเพื่อปกป้องสิ่งที่รัก ข้อคิดนี้เตือนให้เราใช้ความรู้และความใจดีในการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อสร้างสิ่งดีๆ ในชีวิต

→ อาณัตพล ศิริชุมแสง รับบท อัคคิ

อาณัตพล ศิริชุมแสง

อัคคิ คือตัวละครสมทบใน พนมนาคา ที่มีส่วนในเหตุการณ์ลึกลับของหมู่บ้านพนมนาคา เขาเป็นคนในชุมชนที่อาจดูเหมือนคนธรรมดา แต่มีบทบาทสำคัญในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) อัคคิมีความผูกพันกับความเชื่อและพิธีกรรมของหมู่บ้าน และอาจมีส่วนช่วยเหลือหรือสร้างความขัดแย้งในบางจังหวะของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำนานพญานาค หรือการมีส่วนในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคำสาปและพลังมืด เขาคือตัวละครที่เพิ่มมิติให้เรื่องราวด้วยความใกล้ชิดกับวัฒนธรรมท้องถิ่น

อัคคิคือตัวละครที่ผสมผสานความจริงจังและความเป็นคนในชุมชนที่รู้เรื่องราวของพนมนาคาดี การแสดงของ อาณัตพล ศิริชุมแสง ทำให้อัคคิดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีคนในหมู่บ้านที่รู้เรื่องราวและพร้อมสนับสนุนหรือท้าทายตัวละครหลักในแบบที่ทำให้เราลุ้น

ฉายา “คนรู้ใจแห่งพนมนาคา”
ฉายานี้เหมาะกับอัคคิ เพราะเขาคือคนที่เข้าใจความลึกซึ้งของหมู่บ้านพนมนาคาและมีส่วนในการเชื่อมโยงเรื่องราวกับตำนานท้องถิ่น เขาเหมือนคนที่รู้ความลับของชุมชนและช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวในแบบของเขาเอง

ข้อคิด ความรู้ท้องถิ่นคือพลังในการเชื่อมโยง
อัคคิสอนเราว่าการเข้าใจและเคารพในวัฒนธรรมและความเชื่อของชุมชนสามารถสร้างความแตกต่างได้ เขาใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือหรือมีส่วนในเหตุการณ์สำคัญ ซึ่งเตือนให้เราเห็นคุณค่าของการเรียนรู้และมีส่วนร่วมในชุมชนของเราเอง

→ รอง เค้ามูลคดี รับบท ตาดี

รอง เค้ามูลคดี

ตาดี คือผู้นำชุมชนในหมู่บ้านพนมนาคา เขาเป็นผู้เฒ่าที่ได้รับความเคารพจากชาวบ้าน ด้วยประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับตำนานพญานาคและพิธีกรรมท้องถิ่น ตาดีมีบทบาทสนับสนุน อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ในฐานะผู้พิทักษ์ดินแดน และช่วย เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เมื่อเธอเผชิญอันตรายจากคำสาปและพลังมืด เขาคือคนที่ยืนหยัดปกป้องหมู่บ้านจากภัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาหรือมีส่วนในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

ตาดีคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความใจดีและความมั่นคง การแสดงของ รอง เค้ามูลคดี ทำให้ตาดีดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือและอบอุ่น ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีปู่ที่คอยให้คำแนะนำและปกป้องแบบไม่มีเงื่อนไข ฉากที่เขาช่วยเหลือตัวละครหลักในสถานการณ์คับขันคือเพิ่มความรู้สึกมั่นใจให้เรื่องราว

ฉายา “ปู่ผู้พิทักษ์หมู่บ้าน”
ฉายานี้เหมาะกับตาดีสุดๆ เพราะเขาเป็นเหมือนปู่ที่คอยปกป้องและนำทางชาวบ้านพนมนาคา ด้วยความรู้และหัวใจที่มุ่งมั่น เขาคือเสาหลักที่ทำให้ชุมชนยืนหยัดได้

ข้อคิด การนำทางด้วยปัญญาและหัวใจคือกุญแจสู่ความสามัคคี
ตาดีสอนเราว่าการเป็นผู้นำที่ดีต้องใช้ทั้งปัญญาและความเมตตาในการนำทางชุมชน เขาไม่ใช้อำนาจ แต่ใช้ประสบการณ์เพื่อรวมใจคน ข้อคิดนี้เตือนให้เราเป็นผู้นำที่สร้างความสามัคคีด้วยความจริงใจ

→ สืบ บุญส่ง รับบท หมอขาม

สืบ บุญส่ง

หมอขาม คือหมอพื้นบ้านในหมู่บ้านพนมนาคา เขาเป็นคนที่รู้จักสมุนไพรและวิธีรักษาแบบโบราณ ซึ่งทำให้เขาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านในยามเจ็บป่วย เขามีส่วนช่วยเหลือ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เมื่อเธอมาถึงหมู่บ้านเพื่อรักษาเด็กชายที่ป่วยด้วยโรคเกล็ดงู หมอขามไม่ใช่ตัวละครที่มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือน อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) แต่เขาคือคนที่ยึดมั่นในความเชื่อและประเพณีของหมู่บ้าน ทำให้เขามีบทบาทในการเชื่อมโยงความศรัทธาท้องถิ่นกับเรื่องราวลี้ลับของพญานาค

หมอขามคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความรู้และความจริงใจ การแสดงของ สืบ บุญส่ง ทำให้หมอขามดูเป็นหมอพื้นบ้านที่น่าเชื่อถือและมีเสน่ห์แบบพื้นบ้านแท้ๆ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีลุงหมอใจดีที่พร้อมช่วยเหลือชาวบ้าน ฉากที่เขาให้คำแนะนำหรือช่วยรักษาคนไข่คือเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและสมจริงให้กับเรื่อง

ฉายา “หมอพื้นบ้านใจทอง”
ฉายานี้เหมาะกับหมอขามสุดๆ เพราะเขาคือหมอที่ใช้ความรู้และหัวใจเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านพนมนาคา ความทุ่มเทและความเมตตาของเขาคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่รักของชุมชน

ข้อคิด ความรู้และความเมตตาสร้างความแตกต่าง
หมอขามสอนเราว่าการใช้ความรู้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจจริงสามารถสร้างผลกระทบที่ดีได้ แม้เขาจะไม่มีพลังวิเศษ แต่ความทุ่มเทในการรักษาและดูแลชุมชนคือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่พึ่ง ข้อคิดนี้เตือนให้เราใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อทำดีต่อผู้อื่น

→ เลอวิทย์ สังข์สิทธิ์ รับบท หมอแยะ

เลอวิทย์ สังข์สิทธิ์

หมอแยะ คือหมอพื้นบ้านอีกคนในหมู่บ้านพนมนาคา เขาคือคนที่รู้จักการรักษาแบบดั้งเดิมและมีความผูกพันกับชุมชน เขามีบทบาทช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึง เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ที่มาถึงหมู่บ้านเพื่อรักษาเด็กชายที่ป่วยด้วยโรคเกล็ดงู หมอแยะอาจไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่เขาคือส่วนหนึ่งที่ช่วยเชื่อมโยงความเชื่อและประเพณีท้องถิ่นกับเรื่องราวลี้ลับของพญานาค เขามักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับการดูแลชาวบ้านหรือสนับสนุน อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ในการปกป้องหมู่บ้านจากพลังมืด

หมอแยะคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายและความทุ่มเท การแสดงของ เลอวิทย์ สังข์สิทธิ์ ทำให้หมอแยะดูเป็นหมอพื้นบ้านที่สมจริงและน่ารัก ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีลุงหมอที่คอยดูแลทุกคนด้วยใจ ฉากที่เขาให้การช่วยเหลือหรือเล่าเรื่องความเชื่อท้องถิ่นคือช่วยเพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดกับชุมชนให้เรื่อง

ฉายา “หมอใจดีแห่งพนมนาคา”
ฉายานี้เหมาะกับหมอแยะสุดๆ เพราะเขาเป็นหมอที่ดูแลชาวบ้านด้วยความเมตตาและความรู้แบบพื้นบ้าน ความใจดีของเขาคือสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านพนมนาคารู้สึกมั่นใจและอบอุ่น

ข้อคิด การช่วยเหลือด้วยใจสร้างความไว้วางใจ
หมอแยะสอนเราว่าการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความจริงใจและความรู้ที่เรามีสามารถสร้างความไว้วางใจและความผูกพันในชุมชนได้ ความทุ่มเทของเขาในการดูแลชาวบ้านคือตัวอย่างของการทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน ข้อคิดนี้เตือนให้เราใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงใจ

→ สวนีย์ อุทุมมา รับบท เอี้ยง

สวนีย์ อุทุมมา

เอี้ยง คือตัวละครสมทบในหมู่บ้านพนมนาคา เธอเป็นคนในชุมชนที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและความเป็นกันเอง เธออาจจะดูเหมือนคนธรรมดาที่คอยสร้างสีสันในหมู่บ้าน แต่ก็มีส่วนช่วยเหลือตัวละครหลักอย่าง อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ในแบบของเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับชาวบ้าน หรือช่วยสร้างบรรยากาศให้เรื่องราวดูมีชีวิตชีวา เอี้ยงมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ทำให้เราได้เห็นมุมที่เป็นมิตรและอบอุ่นของพนมนาคา

เอี้ยงคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความสดใสและความจริงใจ การแสดงของ สวนีย์ อุทุมมา ทำให้เอี้ยงดูเป็นคนที่เหมือนเพื่อนบ้านที่ทุกคนอยากรู้จัก ทุกครั้งที่เธอโผล่มา มันเหมือนมีรอยยิ้มและพลังบวกเข้ามาในเรื่อง ฉากที่เธอพูดคุยกับตัวละครอื่นหรือช่วยเหลือในสถานการณ์เล็กๆ น้อยๆ คือช่วยให้เรื่องราวรู้สึกสมจริงและน่ารักขึ้น

ฉายา “พลังบวกแห่งพนมนาคา”
ฉายานี้เหมาะกับเอี้ยงสุดๆ เพราะเธอคือคนที่นำความสดใสและรอยยิ้มมาสู่ชุมชน ไม่ว่าเรื่องราวจะดราม่าหรือเข้มข้นแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นแสงสว่างที่ทำให้ทุกคนรู้สึกดี

ข้อคิด รอยยิ้มและความเป็นมิตรเปลี่ยนบรรยากาศได้
เอี้ยงสอนเราว่าการมีทัศนคติที่ดีและความเป็นมิตรสามารถสร้างความแตกต่างในชุมชนได้ ความสดใสของเธอช่วยให้คนรอบข้างรู้สึกผ่อนคลายและมีพลัง ข้อคิดนี้เตือนให้เราเป็นคนที่นำความสุขเล็กๆ น้อยๆ มาให้คนรอบตัว

→ ปริศนา วงศ์ศิริ รับบท ยายวรรณ

hq720
ปริศนา วงศ์ศิริ

ยายวรรณ คือผู้สูงวัยในหมู่บ้านพนมนาคา เธอเป็นเหมือนย่าที่ยายที่ทุกคนในชุมชนให้ความเคารพและรักใคร่ ด้วยประสบการณ์ชีวิตและความรู้เกี่ยวกับตำนานพญานาค ยายวรรณมักปรากฏตัวในฉากที่ช่วยเชื่อมโยงวิถีชีวิตชาวบ้านกับความลี้ลับของเรื่อง เธออาจให้คำแนะนำแก่ เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เมื่อเธอมาถึงหมู่บ้าน หรือช่วยสนับสนุน อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ในการปกป้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากพลังมืด ยายวรรณไม่ใช่ตัวละครที่มีพลังวิเศษ แต่ความเมตตาและความรู้ของเธอคือสิ่งที่ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง

ยายวรรณคือตัวละครที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความน่าเชื่อถือ การแสดงของ ปริศนา วงศ์ศิริ ทำให้ยายวรรณดูเป็นย่าที่ทุกคนอยากเข้าไปกอด ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว มันเหมือนมีผู้ใหญ่ใจดีที่คอยให้คำแนะนำและความรัก ฉากที่เธอเล่าเรื่องตำนานหรือช่วยเหลือตัวละครหลักคือเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นและสมจริงให้เรื่อง

ฉายา “ย่าผู้รู้แห่งพนมนาคา”
ฉายานี้เหมาะกับยายวรรณสุดๆ เพราะเธอคือผู้สูงวัยที่เต็มไปด้วยความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับชุมชนและตำนานพญานาค ความเมตตาและปัญญาของเธอคือสิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคน

ข้อคิด ประสบการณ์และความเมตตาคือสมบัติล้ำค่า
ยายวรรณสอนเราว่าประสบการณ์ชีวิตและความเมตตาคือสิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างในชุมชนได้ เธอใช้ความรู้และความรักเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ข้อคิดนี้เตือนให้เราเคารพและเรียนรู้จากผู้ใหญ่ รวมถึงแบ่งปันความดีให้คนรอบตัว

→ ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์ รับบท วันเนตร

วันเนตร คือเด็กชายตัวน้อยในหมู่บ้านพนมนาคา ผู้ป่วยด้วย “โรคเกล็ดงู” อาการป่วยแปลกประหลาดที่ทำให้ผิวของเขาคล้ายเกล็ดงู ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่พา เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) หมอกุมารเวช มาถึงหมู่บ้านเพื่อรักษาเขา อาการป่วยของวันเนตรไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา แต่เชื่อมโยงกับคำสาปเก่าและพลังมืดจากอดีต ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของตัวร้ายอย่าง วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) และ ดร.ปรีดา (ศรราม เทพพิทักษ์) วันเนตรเป็นเด็กที่ทั้งน่าสงสารและน่ารัก เขามีความบริสุทธิ์และความกล้า แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยและอันตราย

วันเนตรคือตัวละครที่สร้างความเห็นใจและเป็นเหมือนกุญแจของเรื่อง การแสดงของ ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์ ทำให้วันเนตรดูเป็นเด็กที่น่าสงสารแต่มีพลังในใจ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีเด็กน้อยที่ทำให้คนดูอยากปกป้อง ฉากที่เขาเผชิญอาการป่วยหรือได้รับความช่วยเหลือจากเอเชียและ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) คือทำเอาคนดูน้ำตาคลอ

ฉายา “เด็กน้อยแห่งโชคชะตา”
ฉายานี้เหมาะกับวันเนตรสุดๆ เพราะอาการป่วยและการมีส่วนในเรื่องราวของเขาคือจุดเชื่อมโยงที่นำโชคชะตาของตัวละครหลักมารวมกัน เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความหวังและความบริสุทธิ์ในพนมนาคา

ข้อคิด ความบริสุทธิ์สามารถเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
วันเนตรสอนเราว่าความบริสุทธิ์และหัวใจที่เข้มแข็งของเด็กตัวเล็กๆ สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้ เขาเผชิญความเจ็บป่วยและอันตรายด้วยความกล้า ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครรอบตัวต่อสู้เพื่อเขา ข้อคิดนี้เตือนให้เราเห็นคุณค่าของความบริสุทธิ์และความมุ่งมั่นในใจ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

→ อนิส สุวิทย์ รับบท หมอลัลน์ (รับเชิญ)

r5w3x1ooobtd9bf11XQ s
อนิส สุวิทย์

หมอลัลน์ คือตัวละครรับเชิญที่ปรากฏตัวในฐานะหมอหรือผู้รู้ลึกลับในเรื่อง เธอมีบทบาทช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความลี้ลับของพนมนาคา โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำสาปและพลังนาค หมอลัลน์ไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของเธอในฐานะผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและขลัง ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น เธออาจช่วย เอเชีย (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) หรือ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) ในช่วงเวลาคับขัน ด้วยความรู้ที่เชื่อมโยงกับตำนานโบราณ

หมอลัลน์คือตัวละครที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์แบบผู้หญิง การแสดงของ อนิส สุวิทย์ ในบทนี้คือสุดยอดมาก เขาเปลี่ยนภาพลักษณ์จากผู้ชายกลายเป็นผู้หญิงที่ทั้งน่าเชื่อถือและน่าค้นหา ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว มันเหมือนมีตัวละครที่นำพาความลับมาเปิดเผย ฉากที่เธอให้คำแนะนำหรือมีส่วนในพิธีกรรมคือเพิ่มความขลังให้เรื่องได้แบบลงตัว

ฉายา “หมอหญิงลึกลับแห่งนาค”
ฉายานี้เหมาะกับหมอลัลน์สุดๆ เพราะเธอคือผู้หญิงที่ซ่อนความลับและความรู้เกี่ยวกับพญานาคเอาไว้ การรับเชิญของเธอในบทนี้คือจุดเด่นที่ทำให้เรื่องมีมุมแปลกและน่าจดจำ

ข้อคิด บทบาทเล็กๆ สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้
หมอลัลน์สอนเราว่าการมีส่วนร่วมแม้ในบทบาทสั้นๆ ก็สามารถเปลี่ยนทิศทางของเรื่องได้ ความลึกลับและข้อมูลที่เธอนำมาช่วยให้ตัวละครหลักก้าวผ่านอุปสรรค ข้อคิดนี้เตือนให้เราเห็นคุณค่าของทุกบทบาทในชีวิต ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก


ข้อคิดเจ๋งๆ จากละคร พนมนาคาละครแฟนตาซีดราม่าสุดเข้มข้นที่ไม่ใช่แค่เรื่องรักข้ามภพของพญานาค แต่ยังเต็มไปด้วยแง่คิดที่ใช้ได้ในชีวิตจริง อยากรู้ว่าละครนี้สอนอะไรเราบ้าง มาดูกันเลย

ความรักที่แท้ต้องมาพร้อมความเสียสละ
จากเรื่องราวของ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย/อนัญชลี (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เราเห็นว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่การได้อยู่ด้วยกัน แต่คือการยอมเสียสละเพื่อคนที่รัก อนันตชัยยอมสละพลังนาคเพื่อรอคอยรักแท้ข้ามภพชาติ ข้อคิดนี้สอนให้เรารักอย่างให้ใจ ไม่หวังแค่ผลประโยชน์ของตัวเอง

ความอิจฉาและความโลภนำไปสู่หายนะ
ตัวละครอย่าง อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) และ โสวันนี (ศรุชา เพชรโรจน์) แสดงให้เห็นว่าความอิจฉาและความอยากได้สามารถทำลายทุกอย่างได้ การที่ทั้งคู่ยอมให้ความรู้สึกด้านลบครอบงำทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ข้อคิดนี้เตือนให้เราควบคุมจิตใจและมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี

การยอมรับตัวตนคือก้าวแรกสู่ความเข้มแข็ง
เอเชียที่เริ่มจากไม่เชื่อเรื่องพญานาค แต่ค่อยๆ ค้นพบว่าเธอคืออนัญชลี สอนเราว่าการยอมรับตัวตนที่แท้จริง แม้จะน่ากลัว ช่วยให้เราเติบโตและเผชิญหน้ากับความท้าทายได้ ข้อคิดนี้ชวนให้เรากล้าที่จะเป็นตัวเองอย่างเต็มที่

ชุมชนที่สามัคคีคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ตัวละครอย่าง ครูบาแก้ว (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) ตาดี (รอง เค้ามูลคดี) และคนในหมู่บ้านพนมนาคาแสดงให้เห็นว่าการรวมพลังกันปกป้องสิ่งที่รักสามารถเอาชนะอุปสรรคได้ ข้อคิดนี้สอนให้เราเห็นคุณค่าของความสามัคคีและการช่วยเหลือกันในชุมชน

ความเมตตาและปัญญาคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
ตัวละครอย่าง หมอขาม (สืบ บุญส่ง) หมอแยะ (เลอวิทย์ สังข์สิทธิ์) และ ยายวรรณ (ปริศนา วงศ์ศิริ) ใช้ความรู้และความเมตตาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แม้จะไม่มีพลังวิเศษ ข้อคิดนี้เตือนให้เราใช้ความรู้และความดีเพื่อสร้างผลกระทบที่ดีต่อคนรอบตัว

พนมนาคา ไม่ได้มีแค่ CG พญานาคสุดอลังและความรักสุดซึ้ง แต่ยังเต็มไปด้วยข้อคิดที่ทำให้เรานำไปปรับใช้ในชีวิตได้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความสามัคคี หรือการยอมรับตัวเอง


ถ้า พนมนาคา  มีภาค 2 จะเป็นยังไง ละครรักแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยพญานาค ดราม่า และความลี้ลับจะต่อยอดไปในทิศทางไหนได้บ้าง

จุดเริ่มต้น

หลังจากที่ อนันตชัย (ตรี ภรภัทร) และ เอเชีย/อนัญชลี (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เอาชนะคำสาปของ อเนกชาติ (เพชร โบราณินทร์) และปกป้องหมู่บ้านพนมนาคาได้ในภาคแรก ชีวิตของทั้งคู่ดูเหมือนจะสงบสุข เอเชียตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านถาวรเพื่อใช้ชีวิตกับอนันตชัยและช่วยพัฒนาชุมชน แต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีภัยร้ายใหม่ปรากฏขึ้นจากก้นบึ้งของแม่น้ำโขง

ปรากฎว่าคำสาปของอเนกชาติในอดีตไม่ได้จบลงแค่ที่ตัวเขา แต่ได้ปลุก “นาคีโบราณ” พญานาคหญิงที่มีพลังแข็งแกร่งและความแค้นฝังลึกต่อตระกูลของอนันตชัย นาคีตนนี้ชื่อ สุวรรณนาคี (รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่สุดปัง) ซึ่งถูกขังไว้ในมิติลับใต้แม่น้ำโขงเมื่อพันปีก่อนโดยบรรพบุรุษของอนันตชัย เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นและยึดครองพลังศักดิ์สิทธิ์ของพนมนาคา

สุวรรณนาคีเริ่มสร้างความโกลาหลในหมู่บ้านโดยปลุกพลังมืดที่หลับใหลอยู่ในตัวเด็กๆ รุ่นใหม่ของหมู่บ้าน รวมถึง วันเนตร (ด.ช.พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์) ที่หายจากโรคเกล็ดงูในภาคแรก แต่เริ่มมีอาการแปลกๆ อีกครั้ง เอเชียในฐานะหมอกุมารเวชต้องหาวิธีรักษาเด็กๆ เหล่านี้ ขณะที่อนันตชัยต้องเผชิญหน้ากับสุวรรณนาคีที่พยายามล่อลวงเขาให้ยอมจำนนต่อพลังมืดเพื่อช่วยหมู่บ้าน

ในขณะเดียวกัน วิว (พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์) ซึ่งเป็นการกลับชาติมาเกิดของ โสวันนี เริ่มสงสัยในตัวตนของตัวเองและพยายามไถ่บาปจากสิ่งที่ทำในภาคแรก เธอเข้ามาเป็นพันธมิตรที่ไม่น่าไว้ใจของอนันตชัยและเอเชีย แต่ความแค้นเก่าของโสวันนี่ยังคงหลอกหลอน ทำให้เธอต้องเลือกระหว่างการช่วยเหลือหรือหักหลัง

ตัวละครใหม่และการกลับมา

สุวรรณนาคี: พญานาคหญิงที่ทั้งสวยและร้ายกาจ เธอมีพลังควบคุมน้ำและพายุ ทำให้หมู่บ้านเผชิญภัยพิบัติครั้งใหญ่

เด็กสาวลึกลับ (ชื่อ: ลลิตา): เด็กสาววัยรุ่นที่ย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านและมีพลังพิเศษที่เชื่อมโยงกับนาคี เธออาจเป็นกุญแจในการหยุดสุวรรณนาคี

ครูบาแก้ว (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์): กลับมาพร้อมความรู้ใหม่เกี่ยวกับพิธีกรรมโบราณที่อาจปลดล็อกพลังของอนันตชัย

ตาดี (รอง เค้ามูลคดี): ยังคงเป็นผู้นำชุมชนที่คอยให้คำแนะนำและรวมใจชาวบ้าน

ดร.อารี (เบญจศิริ วัฒนา): คุณแม่ของเอเชียที่เริ่มยอมรับความลี้ลับและเข้ามามีส่วนช่วยด้วยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์

เมื่อสุวรรณนาคีเปิดเผยว่าเธอเคยเป็นคนรักของบรรพบุรุษของอนันตชัย และถูกทรยศจนถูกขังไว้ ทำให้เกิดคำถามว่าอนันตชัยจะต้องรับผิดชอบต่ออดีตของตระกูลหรือไม่ เอเชียต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่าเธออาจต้องเสียสละบางอย่างเพื่อยุติคำสาปนี้ ขณะเดียวกัน วิวต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เมื่อได้รับข้อเสนอจากสุวรรณนาคีให้ร่วมมือเพื่อแลกกับพลังและโอกาสแก้แค้น

จุดไคลแมกซ์คือการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ริมแม่น้ำโขง เมื่ออนันตชัยต้องแปลงร่างเป็นพญานาคเต็มพลังเพื่อเผชิญหน้ากับสุวรรณนาคี เอเชียและลลิตาต้องร่วมมือทำพิธีกรรมโบราณเพื่อปิดผนึกมิติลับ ขณะที่ชาวบ้านนำโดย ครูบาแก้ว และ ตาดี รวมพลังศรัทธาเพื่อปกป้องหมู่บ้าน


เบื้องหลังลึกลับของกองถ่าย พนมนาคา 2566 ช่อง ONE เรื่องเล่าจากทีมงานที่ไม่มีใครกล้าพูด ละครที่พาเราไปสำรวจตำนานพญานาคริมแม่น้ำโขง แต่ถ้าพูดถึงทีมงานกองถ่ายล่ะ คงไม่มีใครคิดว่ามีเรื่องแปลกๆ ซ่อนอยู่เบื้องหลังกล้องหรอกใช่มั้ย ปริศนาที่ทำให้ทุกคนในกองต้องตั้งคำถามกับตัวเอง

เริ่มจากทีมคอสตูมที่รับผิดชอบชุดโบราณของตัวละครในฉากอดีตชาติ พวกเขาต้องตัดเย็บผ้าทอแบบอีสานแท้ๆ มาจากสถานที่ถ่ายทำจริงริมโขง แต่สิ่งที่แปลกคือ ทุกคืนหลังเลิกกอง ชุดที่แขวนไว้ในเต็นท์จะ “เปลี่ยนรูปทรง” เอง ไม่ใช่ลมพัดหรือสัตว์มาทำ แต่เหมือนมีมือใครมาปรับจีบผ้าใหม่ให้ดูสมบูรณ์แบบกว่าเดิม ทีมคอสตูมคนหนึ่งเล่าว่า ตอนเช้ามาเปิดเต็นท์ พบชุดนางเอกที่ตัดไม่เสร็จเมื่อวาน กลายเป็นชุดสำเร็จรูปที่เย็บตะเข็บแน่นเป๊ะราวกับช่างฝีมือระดับโลกมาทำต่อ พวกเขาลองตรวจกล้องวงจรปิด แต่ไม่มีภาพอะไรเลย แค่เงารางๆ ของเกล็ดแสงสะท้อนจากผ้าไหมที่ไม่มีใครแตะต้อง สิ่งนี้ทำให้ทีมต้องเริ่มสงสัยว่าบางทีพลังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อาจ “ช่วย” ให้ชุดสมบูรณ์เพื่อให้เรื่องราวในละครไหลลื่น แต่ก็ทำให้ทุกคนในทีมรู้สึกเหมือนถูก “เฝ้ามอง” จากบางสิ่งที่มองไม่เห็น

ทีมเอฟเฟกต์คือหัวใจของละครเรื่องนี้ เพราะต้องสร้าง CG พญานาคยักษ์ที่อลังการ แต่ปริศนาเริ่มเกิดขึ้นในห้องตัดต่อที่ตั้งอยู่ในโรงแรมใกล้สถานที่ถ่ายทำ ไฟล์วิดีโอที่อัปโหลดคืนดึกเพื่อเรนเดอร์ภาพงูยักษ์ มักจะมี “รายละเอียดเพิ่ม” ตอนเช้า เช่น เกล็ดของพญานาคที่ทีมออกแบบไว้แบบเรียบๆ กลายเป็นมีลายสลักโบราณที่ไม่มีใครใส่เข้าไป หรือสายน้ำในฉากที่ไหลเฉยๆ กลับมีฟองอากาศเป็นรูปคล้ายสัญลักษณ์นาคโดยไม่ตั้งใจ ทีมเอฟเฟกต์ลองตรวจโค้ดโปรแกรม แต่ไม่มีร่องรอยการแก้ไขจากใคร สิ่งที่ลึกลับกว่านั้นคือ ทุกครั้งที่ไฟล์เสร็จ มอนิเตอร์ในห้องจะ “ร้อน” ผิดปกติราวกับมีพลังงานไหลผ่าน และบางไฟล์ยังมี metadata แปลกๆ ที่บอกตำแหน่ง GPS ของสถานที่โบราณที่ทีมไม่เคยไปถ่าย ทีมเริ่มเรียกกันเล่นๆ ว่า “พญานาคช่วยตัดต่อ” แต่ลึกๆ แล้วมันทำให้พวกเขาต้องปรับการทำงานให้เคารพสถานที่มากขึ้น ราวกับว่าถ้าทำไม่ดี ภาพจะ “แก้” ตัวเองให้สมบูรณ์แต่ก็เตือนด้วยวิธีแปลกๆ

ทีมเซ็ตที่สร้างฉากหมู่บ้านโบราณและพร็อพอย่างรูปปั้นนาคหรือเครื่องบูชา ต้องทำงานหนักเพราะสถานที่ถ่ายทำเป็นป่าทึบและแม่น้ำจริง แต่เรื่องลึกลับเกิดกับพร็อพเล็กๆ เช่น ธูปเทียนที่ใช้ในฉากพิธีกรรม มัก “หาย” จากกล่องเก็บของตอนกลางคืน แล้วพบว่าปรากฏตัวในจุดศักดิ์สิทธิ์จริงของสถานที่ถ่ายทำ เช่น ใต้ต้นโพธิ์เก่าหรือริมน้ำที่ไม่มีใครไปแตะ ทีมเซ็ตคนหนึ่งเล่าว่า รูปปั้นนาคตัวเล็กที่ทำจากดินเหนียว ถูกย้ายไปวางเรียงเป็นแถวราวกับพิธีกรรมจริง และดินที่แห้งกรังเมื่อวาน กลายเป็นเปียกชุ่มเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ พวกเขาลองถ่ายภาพติดตาม แต่กล้องที่วางไว้กลับมีแบตหมดทั้งที่ชาร์จเต็ม สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เหมือนพร็อพเหล่านี้ “มีชีวิต” และอยากอยู่ในที่ที่เหมาะสมกับตำนาน ทำให้ทีมต้องปรับแผนเซ็ตให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากขึ้น ราวกับว่าดินแดนโบราณกำลัง “ยอมรับ” การสร้างสรรค์ของพวกเขาแต่ก็เตือนให้เคารพ

ทีมกำกับนำโดยผู้กำกับ สันต์ ศรีแก้วหล่อ และทีมโปรดักชันที่ดูแลตารางถ่ายทำ มักเจอปริศนาเรื่องเวลา เช่น ตารางที่พิมพ์ออกมาเมื่อเช้า ถูก “ลบ” บางส่วนตอนบ่าย แล้วเขียนทับด้วยลายมือโบราณที่ไม่มีใครรู้จัก หรือนาฬิกาในกองถ่ายที่ตั้งเวลาไว้เป๊ะๆ กลับช้าลง 5 นาทีทุกครั้งก่อนฉากพิธีกรรม ทีมโปรดักชันลองเช็คไฟล์ดิจิทัล แต่ระบบคอมพิวเตอร์แสดงว่าไม่มีใครแก้ไข สิ่งที่ลึกลับกว่านั้นคือ ทุกครั้งที่กองถ่ายเลื่อนเพราะเหตุนี้ ภาพที่ได้ออกมากลับสมบูรณ์กว่าที่วางแผนไว้ เช่น ฝนที่ตกกะทันหันแต่กลายเป็นฉากธรรมชาติที่สวยงาม ทีมเริ่มเชื่อว่าบางที “เวลา” ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังช่วยให้กองถ่ายไหลลื่น แต่ก็ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับ “จังหวะ” ที่ไม่คาดคิด

ทีมไฟและแสงมีหน้าที่สร้างบรรยากาศให้ฉากของ พนมนาคา ออกมาขลังและสมจริง โดยเฉพาะฉากกลางคืนริมแม่น้ำโขงที่ต้องใช้ไฟสปอตไลต์และแสงจำลองจากจันทร์ แต่ระหว่างถ่ายทำฉากพิธีกรรมบูชานาค ทีมงานเริ่มสังเกตว่าเงาที่ปรากฏบนพื้นหรือกำแพงไม่ตรงกับตำแหน่งของไฟที่ตั้งไว้ เช่น เงารูปคล้ายเกล็ดงูยาวที่เลื้อยผ่านฉาก ทั้งที่ไม่มีอะไรมาบังแสง ทีมไฟลองตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้น แต่ไม่พบรอยรั่วหรือการรบกวนใดๆ สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าคือ เมื่อทีมลองปรับแสงให้สว่างขึ้น เงาเหล่านี้ยิ่งชัดเจนราวกับ “ต้องการ” ให้เห็น และเมื่อปิดไฟทั้งหมดเพื่อเช็ค เงายังคงอยู่บนพื้นราวกับมีแสงจากที่อื่นที่มองไม่เห็น

หัวหน้าทีมไฟเริ่มจดบันทึกและพบว่าเงาเหล่านี้ปรากฏเฉพาะในฉากที่เกี่ยวกับตำนานพญานาค และบางครั้งเงาจะเปลี่ยนเป็นรูปคล้ายพญานาคขดตัว ซึ่งทำให้ทีมรู้สึกเหมือนมี “บางสิ่ง” ต้องการบอกเล่าเรื่องราวผ่านแสงเงา สุดท้ายทีมตัดสินใจปรับแสงให้เข้ากับเงาเหล่านี้แทนการต่อต้าน ทำให้ฉากออกมาสวยงามเกินคาด แต่ทุกคนในทีมเริ่มพกเครื่องรางติดตัวเพราะรู้สึกว่าเงาเหล่านี้เหมือนกำลัง “เฝ้าดู” การทำงานของกองถ่าย

ทีมกล้องที่ต้องจับภาพความอลังการของฉากพญานาคและวิถีชีวิตริมโขง เจอเรื่องแปลกที่ทำให้ทุกคนต้องเกาหัว ระหว่างถ่ายฉากกลางคืนที่ไม่มีตัวละครในเฟรม กล้องบางตัวบันทึกภาพของ “ควันสีเขียวอ่อน” ลอยวนเหนือผิวน้ำ ทั้งที่ทีมไม่ได้ใช้เครื่องทำหมอกหรือเอฟเฟกต์ใดๆ เมื่อนำฟุตเทจไปตรวจในห้องตัดต่อ ควันนี้หายไปจากไฟล์ แต่กลับปรากฏในกล้องตัวอื่นที่ถ่ายมุมต่างกันราวกับมัน “เลือก” ที่จะให้เห็นเฉพาะบางมุม ทีมกล้องลองเปลี่ยนเลนส์และทำความสะอาดเซ็นเซอร์ แต่เหตุการณ์นี้ยังเกิดซ้ำในวันที่ถ่ายฉากสำคัญ เช่น ฉากที่เกี่ยวกับพิธีบูชานาคหรือการปรากฏตัวของพญานาค

สิ่งที่น่าสนใจคือ ควันสีเขียวนี้บางครั้งก่อตัวเป็นรูปคล้ายสัญลักษณ์โบราณที่ทีมงานค้นพบในวัดเก่าใกล้สถานที่ถ่ายทำ หัวหน้าทีมกล้องถึงกับต้องไปขอคำแนะนำจาก ครูบา ในพื้นที่ ซึ่งบอกว่ามันอาจเป็นสัญญาณจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องสถานที่ ทีมกล้องเลยตัดสินใจเก็บฟุตเทจเหล่านี้ไว้บางส่วนเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจในงานตัดต่อ แต่ทุกคนก็ยอมรับว่ารู้สึกเหมือนกล้องของพวกเขากำลัง “จับ” สิ่งที่เกินกว่าตาจะมองเห็น

ทีมโลจิสติกส์ที่ดูแลการขนย้ายอุปกรณ์และจัดการสถานที่ถ่ายทำ เจอปริศนาที่ทำให้ต้องปรับตารางงานใหม่หลายครั้ง อุปกรณ์ถ่ายทำ เช่น ขาตั้งกล้อง กล่องไฟ หรือแม้แต่เก้าอี้ของทีมงาน มักถูกย้ายจากจุดที่เก็บไว้อย่างเรียบร้อยไปวางในตำแหน่งที่แปลก เช่น กล่องไฟถูกวางเป็นวงกลมรอบต้นไม้เก่า หรือขาตั้งกล้องถูกตั้งตรงชี้ไปที่จุดศักดิ์สิทธิ์ริมน้ำโดยไม่มีใครแตะ ทีมโลจิสติกส์ลองตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อจับภาพตอนกลางคืน แต่สิ่งที่เห็นคืออุปกรณ์เคลื่อนที่ช้าๆ ราวกับมีแรงผลักเบาๆ โดยไม่มีเงาคนหรือสัตว์ปรากฏ

สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าคือ อุปกรณ์ที่ถูกย้ายไปมักอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น กล้องที่ถูกตั้งมุมไว้เป๊ะราวกับพร้อมถ่าย หรือไฟที่ถูกจัดให้ส่องไปยังจุดที่ทีมวางแผนจะถ่ายในวันถัดไป ทีมโลจิสติกส์เริ่มรู้สึกว่าสถานที่ถ่ายทำอาจมี “เจตนา” ช่วยให้งานราบรื่น แต่ก็ทำให้ทุกคนต้องระวังมากขึ้น โดยเฉพาะการเคารพสถานที่ก่อนเริ่มงานแต่ละวัน เช่น การจุดธูปบอกกล่าว ทำให้เหตุการณ์ย้ายของแปลกลดลงแต่ก็ยังเกิดในฉากสำคัญ

ทีมเสียงที่รับผิดชอบบันทึกเสียงในกองถ่าย เจอเรื่องแปลกที่เกี่ยวกับไมโครโฟนและเครื่องบันทึก โดยเฉพาะในฉากที่ถ่ายทำใกล้แม่น้ำโขง ไมโครโฟนบางครั้งจะ “เปิดเอง” ในช่วงที่ทีมไม่ได้บันทึก และบันทึกเสียงของน้ำไหลที่ดังผิดปกติราวกับเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับเพลงพิธีกรรมโบราณ เมื่อนำไฟล์ไปตรวจ ทีมพบว่าเสียงน้ำเหล่านี้มีแพทเทิร์นเหมือนบทสวดที่ไม่มีใครในกองรู้จัก ทีมเสียงลองเช็คเครื่องมือ แต่ทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยการรบกวนจากคลื่นวิทยุหรือไฟฟ้า

ที่น่าสนใจคือ เสียงที่บันทึกได้โดยไม่ได้ตั้งใจมักช่วยทีมตัดต่อให้ได้บรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ เช่น เสียงน้ำที่เข้ากับฉากพญานาคปรากฏตัว ทำให้ทีมเริ่มเก็บไฟล์เหล่านี้ไว้ใช้ แต่ก็รู้สึกเหมือนเครื่องมือของพวกเขากำลัง “รับรู้” พลังของสถานที่ ทีมเสียงเลยเริ่มทำพิธีเล็กๆ ก่อนถ่ายทำเพื่อเคารพสถานที่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์แปลกลดลงแต่ก็ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบ