ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน 2568 ในดินแดนแห่งความฝันและเสียงเพลงของทุ่งอีสาน “พิณ” หนุ่มหมอลำหัวใจแกร่งได้พบกับ “น้ำผึ้ง” นักร้องสาวผู้เป็นดั่งบทเพลงรักในชีวิต ทั้งคู่ร่วมสร้างรังรัก ถักทอสายใยด้วยเสียงหัวเราะของ แคน ลูกชายตัวน้อย ทว่า…ในยามที่ชีวิตกำลังผลิบาน หายนะก็คืบคลานเข้ามา เมื่อน้ำผึ้งหายไปราวกลีบเมฆ พิณต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิดทั้งทางกายและทางใจ เหลือเพียงคำถามจากแคนที่บาดลึกกว่าสิ่งใด “แม่อยู่ไหน” การเดินทางตามหาความจริงจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางอุปสรรคและปมปริศนาที่ซ่อนเร้น เพื่อเติมเต็มครอบครัวที่ขาดหายไป

ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน 2568 ละครแนวดราม่าครอบครัว ละครเล่าเรื่องราวของ “พิณ” หนุ่มบ้านนอกที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาความฝันในการเป็นนักร้องหมอลำ เขาเริ่มต้นจากการเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่และได้รับโอกาสให้ร้องเพลงจนได้พบกับ “น้ำผึ้ง” นักร้องหมอลำสาวสวยประจำคาเฟ่ ทั้งคู่ตกหลงรักกันและเริ่มสร้างครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกัน แต่แล้ววันหนึ่ง น้ำผึ้ง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอด กลับหายตัวไปอย่างลึกลับในช่วงกลางดึก พิณที่เป็นห่วงออกตามหา แต่โชคร้ายเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุจน ตาบอด ทำให้ชีวิตพลิกผันเผชิญมรสุมครั้งใหญ่

ถึงแม้จะสูญเสียการมองเห็น พิณไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาทุ่มเททำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกชายเพียงคนเดียว “แคน” ที่มักถามถึงแม่ที่หายไปด้วยความหวังอยากให้ครอบครัวกลับมาพร้อมหน้าอีกครั้ง ด้วยความรักและความหวัง พิณตัดสินใจออกเดินทางตามหาน้ำผึ้ง แม้ว่าจะต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย ทั้งความยากลำบากในชีวิตและความท้าทายจากการมองไม่เห็น เรื่องราวติดตามการต่อสู้ของสองพ่อลูกที่มีหัวใจบริสุทธิ์ในการตามหาคนที่พวกเขารักสุดหัวใจ พร้อมกับคำถามที่ค้างคาว่า “แม่อยู่ไหน” และน้ำผึ้งหายไปด้วยเหตุผลอะไรกันแน่

สารบัญละคร

ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน นำเสนอเรื่องราวที่ทั้งสะเทือนใจและสร้างแรงบันดาลใจ ชวนให้ผู้ชมเอาใจช่วยสองพ่อลูกในการตามหาความรักและความสมบูรณ์ของครอบครัวท่ามกลางความยากลำบาก ต่อไปนี้คือรายละเอียดที่สำคัญของละคร

จุดเริ่มต้นของเรื่อง
ละครเริ่มต้นด้วย พิณ (ไผ่ พงศธร) หนุ่มบ้านนอกที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องหมอลำ เขาเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาโอกาสในชีวิตที่ดีกว่า พิณได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่แห่งหนึ่งและพบกับ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) นักร้องหมอลำสาวสวยที่เป็นดาวเด่นของคาเฟ่ ทั้งคู่เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนและพัฒนาเป็นความรักที่ลึกซึ้ง พิณและน้ำผึ้งตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันและน้ำผึ้งตั้งครรภ์ลูกของทั้งคู่

จุดเปลี่ยนสำคัญ
เมื่อน้ำผึ้งใกล้คลอด เธอกลับหายตัวไปอย่างลึกลับในคืนหนึ่งโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ พิณพยายามออกตามหาเธออย่างสุดกำลัง แต่โชคร้ายเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุรถชน ทำให้ ตาบอด และสูญเสียโอกาสในการตามหาน้ำผึ้งในทันที หลังจากนั้น พิณต้องเลี้ยงดูลูกชาย แคน (คีโน คณินณัชญ์) เพียงลำพังท่ามกลางความยากลำบาก โดยแคนมักถามถึงแม่ด้วยความหวังและความบริสุทธิ์ของเด็กน้อย ทำให้พิณยิ่งเจ็บปวดแต่ก็พยายามปกป้องความรู้สึกของลูก

การเดินทางของพิณและแคน
พิณที่ตาบอดต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งการหาเลี้ยงชีพและการถูกดูถูกจากสังคม เขาทำงานสารพัด ตั้งแต่ร้องเพลงตามร้านอาหารไปจนถึงรับจ้างทั่วไป โดยมีแคนเป็นแรงใจสำคัญ แคนเองก็เริ่มสงสัยในเรื่องของแม่มากขึ้นเมื่อเติบโต และตัดสินใจช่วยพ่อตามหาน้ำผึ้ง ทั้งคู่เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจมีเบาะแสเกี่ยวกับน้ำผึ้ง รวมถึงการกลับไปยังหมู่บ้านของน้ำผึ้ง ซึ่งนำไปสู่การค้นพบความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับอดีตของเธอ

จุดไคลแมกซ์
ในช่วงท้ายของละคร พิณและแคนเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับน้ำผึ้งมากขึ้น การตามหานำพวกเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้ำผึ้ง มีฉากดราม่าที่เข้มข้นเมื่อพิณต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ระหว่างการปกป้องลูกและการเผชิญหน้ากับอดีตที่เจ็บปวด เรื่องราวนำไปสู่การเปิดเผยว่า น้ำผึ้งยังมีชีวิตอยู่ แต่เหตุผลที่เธอหายไปนั้นซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับการปกป้องครอบครัวของเธอจากภัยคุกคามบางอย่าง

ไฮไลต์ที่น่าสนใจของละคร การแสดงของไผ่ พงศธร การรับบทพิณที่ต้องถ่ายทอดทั้งความเข้มแข็งและความเปราะบางของพ่อที่ตาบอดได้รับคำชื่นชมอย่างมาก ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกเป็นหัวใจของเรื่อง ทำให้ผู้ชมน้ำตาไหลในหลายฉาก การหายตัวไปของน้ำผึ้งและการค่อย ๆ คลายปมทำให้ละครน่าติดตาม ต่อไปนี้คือจุดเด่นของ ละคร

เนื้อเรื่องที่สะเทือนอารมณ์
เรื่องราวของ พิณ พ่อที่สูญเสียการมองเห็นและต้องเลี้ยงดูลูกชาย แคน เพียงลำพัง พร้อมตามหา น้ำผึ้ง ภรรยาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดราม่าครอบครัวและปมปริศนา การเดินทางของสองพ่อลูกที่เต็มไปด้วยอุปสรรคแต่เปี่ยมด้วยความหวังทำให้ผู้ชมทั้งน้ำตาไหลและเอาใจช่วย ฉากที่แคนถาม “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” กลายเป็นวลีเด็ดที่ติดหูและเรียกน้ำตาผู้ชม

การแสดงที่ยอดเยี่ยม
ไผ่ พงศธร ถ่ายทอดบท พิณ ได้อย่างสมจริง ทั้งความเข้มแข็งของพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกและความเปราะบางจากความสูญเสีย การแสดงฉากที่พิณตาบอดและต้องเผชิญการดูถูกจากสังคมได้รับคำชื่นชมว่า “เล่นถึงอารมณ์” จากผู้ชม

คีโน คณินณัชญ์ ในบท แคน เด็กน้อยที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร ขโมยหัวใจผู้ชมด้วยความไร้เดียงสาและความรักต่อพ่อแม่

ข้าวทิพย์ ธิดาดิน ในบท น้ำผึ้ง แม้จะปรากฏในช่วงต้นและย้อนอดีตเป็นหลัก แต่การแสดงของเธอในฉากดราม่าทำให้ผู้ชมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครนี้

นักแสดงสมทบอย่าง เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน และ น้ำ รพีภัทร เพิ่มมิติให้เรื่องราวด้วยบทบาทที่ทั้งสนับสนุนและสร้างความขัดแย้ง

การผสมผสานวัฒนธรรมหมอลำ
ละครนำเสนอวัฒนธรรมหมอลำได้อย่างมีเสน่ห์ผ่านฉากการร้องเพลงในคาเฟ่และการแสดงหมอลำของตัวละคร เพลงประกอบที่ไผ่ร้องเอง เช่น เพลงหมอลำในเรื่อง กลายเป็นที่นิยมและมีการแชร์คลิปในโซเซียล อย่างกว้างขวาง ช่วยเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และความใกล้ชิดกับผู้ชมที่ชื่นชอบวัฒนธรรมอีสาน

โปรดักชันและงานภาพ
การกำกับของ สยาม น่วมเศรษฐี เน้นการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านมุมกล้องที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะฉากในชนบทและฉากดราม่าที่สะท้อนความยากลำบากของตัวละคร งานภาพและแสงทำได้ดี สร้างบรรยากาศที่เหมาะสมทั้งในฉากอบอุ่นของครอบครัวและฉากตึงเครียดของการตามหาความจริง

ข้อคิดและแรงบันดาลใจ
ละครเน้นย้ำถึงพลังของความรักในครอบครัว ความมุ่งมั่นในการฝ่าฟันอุปสรรค และการให้อภัย แม้จะเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เรื่องนี้สอนให้ผู้ชมเห็นคุณค่าของความหวังและความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง

คะแนน 8.5/10 (จาก sence9.com)

พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน เป็นละครที่เหมาะสำหรับคนรักดราม่าครอบครัวที่เข้มข้นและชื่นชอบเรื่องราวที่ผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงของนักแสดงนำ โดยเฉพาะไผ่และน้องคีโน เป็นจุดแข็งที่ทำให้ละครน่าติดตาม แม้ว่าจะมีบางช่วงที่จังหวะช้าไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วเป็นละครที่ครองใจผู้ชมด้วยความอบอุ่นและความหวังท่ามกลางความยากลำบาก

แนะนำสำหรับ ผู้ที่ชื่นชอบละครดราม่าที่เน้นความสัมพันธ์ในครอบครัว แฟน ๆ วัฒนธรรมหมอลำและเพลงลูกทุ่ง ผู้ที่อยากดูเรื่องราวที่ทั้งสะเทือนใจและให้แรงบันดาลใจ

สะเทือนใจและน้ำตาไหล
ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากที่บีบหัวใจ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง พิณ (ไผ่ พงศธร) และ แคน (คีโน คณินณัชญ์) สองพ่อลูกที่ต้องเผชิญความยากลำบากจากการที่พิณตาบอดและแคนถามถึงแม่ที่หายไป ฉากที่แคนถาม “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” ด้วยความไร้เดียงสาทำให้ผู้ชมรู้สึกจุกในอกและน้ำตาคลอ ผู้ชมหลายคนบนโซเซียลแชร์ว่าต้องใช้ทิชชูหลายม้วนในช่วงฉากดราม่าเหล่านี้

ลุ้นและอยากรู้ความจริง
ปมปริศนาการหายตัวไปของ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) ทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากติดตามต่ออย่างใจจดใจจ่อ ความลึกลับเกี่ยวกับสาเหตุที่เธอหายไป รวมถึงการค้นพบความจริงทีละน้อยผ่านการเดินทางของพิณและแคน สร้างความตื่นเต้นและความอยากรู้ ผู้ชมอาจรู้สึกทั้งสงสัยและคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าน้ำผึ้งยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และทำไมเธอถึงทิ้งครอบครัวไป

อบอุ่นและได้รับแรงบันดาลใจ
แม้จะเป็นละครดราม่า แต่ความรักระหว่างพ่อกับลูกและความมุ่งมั่นของพิณที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาทำให้ผู้ชมรู้สึกอบอุ่นในใจ การต่อสู้ของพิณที่ต้องเผชิญทั้งความพิการ ความยากจน และการถูกดูถูก แต่ยังคงทำทุกอย่างเพื่อลูก ทำให้รู้สึกชื่นชมและได้รับแรงบันดาลใจให้สู้ต่อในชีวิตจริง ผู้ชมหลายคนบนโซเซียล พูดถึงละครนี้ว่าเป็น “ละครน้ำดี” ที่ให้ข้อคิดเรื่องความหวังและครอบครัว

หงุดหงิดในบางช่วง
บางช่วงของละครอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิด โดยเฉพาะฉากที่พิณถูกกลั่นแกล้งหรือเผชิญความอยุติธรรมซ้ำ ๆ จากตัวละครสมทบ เช่น เพื่อนบ้านหรือคนในวงการหมอลำ นอกจากนี้ การคลายปมเกี่ยวกับน้ำผึ้งที่ค่อนข้างช้าอาจทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดที่ต้องรอนาน ผู้ชมบางส่วนในโซเซียลบ่นว่าช่วงกลางเรื่องยืดเยื้อเกินไป

หลงรักวัฒนธรรมหมอลำ
การนำเสนอวัฒนธรรมหมอลำผ่านการร้องเพลงของพิณและน้ำผึ้ง รวมถึงเพลงประกอบที่ไพเราะ ทำให้ผู้ชมรู้สึกหลงใหลและผูกพันกับกลิ่นอายอีสาน ฉากในคาเฟ่หมอลำและการแสดงบนเวทีสร้างความเพลิดเพลินและทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ผู้ชมหลายคนแชร์คลิปเพลงจากละครในโซเซียล และชื่นชมว่าเพลงหมอลำในเรื่อง “ติดหูมาก”

รู้สึกถึงการให้อภัยและการเริ่มต้นใหม่
ช่วงท้ายของละคร เมื่อความจริงเกี่ยวกับน้ำผึ้งเริ่มกระจ่างและครอบครัวได้พบกันอีกครั้ง ผู้ชมอาจรู้สึกถึงการเยียวยาทางใจ การให้อภัย และความหวังในการเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าตอนจบจะทิ้งบางปมไว้ให้ตีความ แต่โดยรวมให้ความรู้สึกที่สมหวังและอบอุ่น ผู้ชมบางคนในโซเซียล รู้สึกว่าตอนจบ “จบแบบมีหวัง” และทำให้รู้สึกดีที่ได้เห็นครอบครัวกลับมารวมกัน

ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน เหมือนพาผู้ชมไปพบกับความเศร้า ความลุ้น ความอบอุ่น และความหวัง ผู้ชมจะรู้สึกผูกพันกับตัวละคร โดยเฉพาะพิณและแคน ที่ถ่ายทอดความรักและความเสียสละได้อย่างลึกซึ้ง ละครอาจทำให้คุณร้องไห้ในหลายฉาก แต่ก็มอบพลังบวกและข้อคิดเรื่องครอบครัวที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับการรับชม


ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน 2568


ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน 2568

ละครน้ำดีจากช่องวัน 31 ที่จะพาทุกคนไปอิน ไปร้องไห้ ไปลุ้น ไปฟินกับเรื่องราวสุดดราม่าของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและความหวัง

เริ่มต้นเรื่อง
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วย พิณ รับบทโดย ไผ่ พงศธร หนุ่มบ้านนอกสุดหล่อที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องหมอลำ เขาเดินทางมาเมืองกรุงเพื่อตามหาความฝัน แล้วก็ได้เจอกับ น้ำผึ้ง รับบทโดย ข้าวทิพย์ ธิดาดิน สาวสวยนักร้องหมอลำที่เป็นดาวเด่นของคาเฟ่แห่งหนึ่ง โห เคมีของทั้งคู่เนี่ยมันฟินมากกก เหมือนแบบรักแรกพบเลยอะ เริ่มจากเพื่อนร่วมงาน สู่คู่รักที่รักกันสุดๆ และทั้งสองก็เริ่มสร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีโมเมนต์หวานๆ ที่ดูแล้วแบบ อื้อหือ อยากมีครอบครัวแบบนี้เลย

แต่ว่า เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะจู่ๆ ชีวิตที่กำลังสวยงามของทั้งคู่ก็เจอมรสุมครั้งใหญ่ วันนึงที่น้ำผึ้งกำลังท้องใกล้คลอด เธอกลับ หายตัวไป เฉยเลย ไม่มีร่องรอย ไม่มีเบาะแส เหมือนแบบหายไปจากโลกนี้เลย ทุกคนลองนึกถึงความรู้สึกของพิณสิ ตกใจแค่ไหน แล้วยังไม่พอ ระหว่างที่พิณออกตามหาน้ำผึ้ง เขาดันเกิดอุบัติเหตุจน ตาบอด โอ้โห ชีวิตพลิกเลย จากหนุ่มที่มีความฝัน กลายเป็นต้องเผชิญความยากลำบากแบบสุดๆ

พิณสู้ชีวิตสุดใจเพื่อลูกชาย
มาถึงจุดที่ทุกคนต้องยกนิ้วให้พิณเลย เพราะถึงแม้ว่าชีวิตจะโยนความโหดร้ายมาให้ขนาดนี้ เขาก็ไม่ยอมแพ้เลยนะ พิณต้องเลี้ยงดูลูกชายตัวน้อย แคน รับบทโดยน้อง คีโน คณินณัชญ์ ที่น่ารักสุดๆ น้องแคนเนี่ยเป็นเด็กที่บริสุทธิ์มาก คอยถามถึงแม่ตลอดว่า “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” โอ้ยย ฉากนี้น้ำตาไหลเลย มันบีบหัวใจมาก เพราะพิณเองก็ไม่รู้คำตอบ แต่เขาต้องเข้มแข็งเพื่อลูก

พิณทำงานทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะร้องเพลงตามร้านอาหาร รับจ้างทั่วไป ถึงจะมองไม่เห็นแต่เขาก็สู้สุดใจเพื่อให้แคนมีชีวิตที่ดี โมเมนต์ระหว่างพ่อลูกนี่คือหัวใจของเรื่องเลย ทุกคนจะรู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก มันทำให้เรานึกถึงคนในครอบครัวของตัวเองเลยอะ ว่าเขาต้องเสียสละให้เราแค่ไหน

การเดินทางตามหาความจริง
และนี่คือจุดที่เรื่องมันเข้มข้นขึ้นไปอีก เพราะพิณตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมให้ครอบครัวแตกสลาย เขาออกเดินทางเพื่อตามหาน้ำผึ้งให้เจอ แม้ว่าจะตาบอด แม้ว่าจะยากแค่ไหน ทุกคนลองนึกภาพตามนะ ผู้ชายที่มองไม่เห็น ต้องพาลูกชายตัวน้อยไปเผชิญโลกกว้างเพื่อตามหาคนที่รัก มันสุดยอดมากๆ และแคนเองก็เป็นเด็กที่เก่งมาก ช่วยพ่อสุดตัวเลย มันทำให้เรารู้สึกว่า เออ ความรักมันทรงพลังจริงๆ

แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้มันไม่ได้มีแค่ความดราม่านะ ยังมีปมปริศนาด้วยว่า น้ำผึ้งหายไปไหน มีอะไรซ่อนอยู่ในอดีตของเธอรึเปล่า ทำไมถึงทิ้งครอบครัวไปแบบนี้ ตรงนี้แหละที่ทำให้เราลุ้นทุกตอน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีตัวละครสมทบอย่าง เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ที่เล่นเป็นเพื่อนของน้ำผึ้ง ซึ่งดูเหมือนจะรู้ความลับบางอย่าง และ น้ำ รพีภัทร ที่เพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องราว มันเหมือนปริศนาที่ค่อยๆ คลายออกทีละนิด ทุกคนจะนั่งไม่ติดเลย

บอกเลยว่า พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน ไม่ใช่แค่ละครทั่วไป มันคือเรื่องราวของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความฝัน ความสูญเสีย และความหวัง ทุกตอนมันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปกับพิณและแคน อยากให้ทุกคนไปดูกันเอง เพราะมันคุ้มค่ามากๆ

บทประพันธ์โดย : เทพพนม
บทโทรทัศน์โดย : กฤติญา
กำกับการแสดงโดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ผลิตโดย : Buffalo Film

เบื้องหลัง ละครสุดปังแห่งปี 2568 พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน ละครที่กำลังครองใจคนทั่วบ้านทั่วเมือง ครองเรตติ้งช่องวัน 31 เลยนะ ทุกคนพร้อมหรือยังที่จะไปรู้จักทีมงานสุดเจ๋งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของละครเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนเขียนบท ผู้กำกับ หรือทีมโปรดักชัน

เริ่มด้วยบทประพันธ์โดย เทพพนม
พูดถึงจุดเริ่มต้นของก่อนเลย ละคร พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน มาจากบทประพันธ์ของ เทพพนม ซึ่งบอกเลยว่านี่คือชื่อที่การันตีความเข้มข้น เทพพนมเนี่ยขึ้นชื่อเรื่องการเขียนเรื่องราวดราม่าที่จับใจคนอีสานและคนรักละครพื้นบ้าน เขาจะเน้นเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัว ความรัก ความสูญเสีย และการต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค ซึ่งในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ทุกคนจะเห็นเลยว่าพล็อตมันสุดมาก เรื่องราวของ พิณ ที่ต้องสู้ชีวิตเพื่อลูกชาย แคน และตามหา น้ำผึ้ง ที่หายไป มันมาจากฝีมือการปั้นเรื่องของเทพพนมที่แบบ เอาอารมณ์คนดูอยู่หมัดเลย

ความเจ๋งของเทพพนมคือเขาจะใส่กลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นลงไปในเรื่อง เช่น หมอลำ เพลงลูกทุ่ง ซึ่งทำให้เรื่องนี้มันมีเสน่ห์แบบไทยๆ สุดๆ ทุกคนที่ดูจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนไปสัมผัสชีวิตจริงของคนที่สู้เพื่อครอบครัว บนโซเซียล มีคนพูดถึงเลยนะว่า “บทของเทพพนมมันเหมือนเอาเรื่องจริงของคนบ้านนอกมาทำเป็นละคร” อารมณ์มันถึงมาก ฉากที่แคนถาม “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” นี่คือน้ำตาไหลเลยอะ ต้องยกเครดิตให้เทพพนมที่วางรากฐานเรื่องนี้ไว้แบบสุดปัง

บทโทรทัศน์โดย กฤติญา
ต่อมาเลย หลังจากที่เทพพนมเขียนบทประพันธ์สุดดราม่ามาแล้ว คนที่เอามาดัดแปลงให้กลายเป็นละครที่เราดูกันทางทีวีคือ กฤติญา ผู้เขียนบทโทรทัศน์ตัวเก่ง บอกเลยว่ากฤติญาคือคนที่ทำให้เรื่องนี้มันลงจอได้แบบสมบูรณ์สุดๆ การเอาบทประพันธ์ที่เป็นเรื่องเล่ามาแปลงเป็นบทละครมันไม่ง่ายเลยนะ เพราะต้องใส่ทั้งบทพูด ฉาก และจังหวะให้เข้ากับการแสดง แล้วกฤติญาทำได้ดีมากกก

สิ่งที่เราชอบในงานของกฤติญาคือ เธอใส่ความสมจริงให้ตัวละคร เช่น บทพูดของ พิณ ที่ทั้งเข้มแข็งและเปราะบางในเวลาเดียวกัน หรือบทของ แคน ที่พูดเหมือนเด็กจริงๆ ทำให้คนดูรู้สึกว่าน้องพูดจากใจเลยอะ แล้วที่สำคัญคือกฤติญาใส่ความลุ้นลงไปในปมการหายตัวของ น้ำผึ้ง ได้แบบเนียนมาก ทุกตอนมันจะมีอะไรให้เราคาดเดา มีฉากย้อนอดีตที่ค่อยๆ เผยความลับ ทำให้เรานั่งไม่ติด ต้องดูต่อเลยอะ บนโซเซียล มีคนชมเลยนะว่า “บทโทรทัศน์มันรัดกุม ดูแล้วอยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง” ต้องยกให้กฤติญาที่ทำให้ละครเรื่องนี้มันครบรสทั้งน้ำตา ความลุ้น และความอบอุ่น

กำกับการแสดงโดย สยาม น่วมเศรษฐี

17958 002
สยาม น่วมเศรษฐี

เอาล่ะ มาถึงหัวใจของการถ่ายทอดเรื่องราวนี้สู่สายตาคนดู นั่นคือ สยาม น่วมเศรษฐี ผู้กำกับของเรา โห สยามคือสุดยอดเลยทุกคน เขาคือคนที่ทำให้ทุกฉากมันมีชีวิตขึ้นมา ถ้าไม่มีผู้กำกับเก่งๆ ต่อให้บทดีแค่ไหนมันก็อาจจะไม่ถึงอารมณ์ แต่สยามทำได้แบบ 10 เต็ม 10 เลย

สยามเก่งมากในการกำกับฉากดราม่า เช่น ฉากที่ พิณ ต้องแสดงความเจ็บปวดจากการตาบอด หรือฉากที่ แคน ร้องไห้ถามถึงแม่ มันบีบหัวใจมาก เพราะเขาจะใช้มุมกล้องที่แบบใกล้ชิดตัวละคร ทำให้เราเห็นอารมณ์ในตาของนักแสดงเลยอะ แล้วฉากที่เกี่ยวกับหมอลำเนี่ย สยามก็จัดเต็มมาก ถ่ายทอดบรรยากาศคาเฟ่หมอลำได้แบบมีชีวิตชีวา เหมือนเราได้ไปนั่งดูการแสดงจริงๆ

อีกอย่างที่ต้องชมคือ สยามรู้วิธีดึงการแสดงจากนักแสดงทุกคน โดยเฉพาะ ไผ่ พงศธร ที่ต้องเล่นเป็นคนตาบอด มันยากมากนะทุกคน แต่ไผ่เล่นได้สมจริงสุดๆ ส่วนน้อง คีโน ที่เล่นเป็นแคนก็ดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่รู้สึกว่าเป็นการแสดงเลย ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้สยามที่คุมโทนเรื่องได้ดี ทั้งฉากซึ้ง ฉากลุ้น และฉากที่ต้องถ่ายทอดวัฒนธรรมหมอลำ บนโซเซียล มีคนพูดถึงฉากที่พิณร้องหมอลำในคาเฟ่ว่า “ถ่ายสวยมาก ดูแล้วเหมือนหลุดไปในนั้นเลย” นี่แหละฝีมือของสยาม น่วมเศรษฐี

ผลิตโดย Buffalo Film
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด  มาพูดถึงทีมโปรดักชัน Buffalo Film ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างละครเรื่องนี้ Buffalo Film คือค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำละครดราม่าที่มีคุณภาพ เขาจะเน้นงานที่ละเอียด ทั้งการเลือกสถานที่ถ่ายทำ การออกแบบฉาก และการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ละครมันดูสมจริง

ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน ทุกคนจะเห็นเลยว่าฉากในชนบท ฉากในคาเฟ่หมอลำ หรือแม้แต่ฉากที่พิณต้องเผชิญความยากลำบาก มันดูจริงมากกก เช่น ฉากที่พิณเดินในหมู่บ้าน หรือฉากที่แคนวิ่งเล่น มันให้ฟีลเหมือนชีวิตจริงของคนทั่วไปเลย แล้วเรื่องเครื่องแต่งกายก็ต้องชม Buffalo Film เหมือนกัน เสื้อผ้าของตัวละครมันเข้ากับคาแรกเตอร์สุดๆ โดยเฉพาะชุดของน้ำผึ้งตอนเป็นนักร้องหมอลำ ดูสวยปังแต่ก็สมจริง

อีกอย่างที่ Buffalo Film ทำได้ดีคือการเลือกนักแสดงสมทบ เช่น เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน หรือ น้ำ รพีภัทร ที่มาช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องราว และที่สำคัญคือเพลงประกอบในเรื่อง ทีมโปรดักชันเลือกเพลงหมอลำที่ไผ่ร้องเองได้แบบลงตัวสุดๆ กลายเป็นไวรัลในโซเซียล เลยนะ มีคนแชร์คลิปเพลงจากละครเยอะมาก เรียกว่าทีมนี้เขาใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อให้ละครออกมาปัง

บอกเลยว่า พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน จะไม่ปังขนาดนี้ถ้าไม่มีทีมงานสุดยอดพวกนี้

เทพพนม วางรากฐานด้วยบทประพันธ์ที่จับใจ ใส่กลิ่นอายหมอลำและความดราม่าครอบครัวได้แบบถึงอารมณ์
กฤติญา เนรมิตบทโทรทัศน์ที่ทำให้ทุกตอนลุ้นและซึ้งจนน้ำตาไหล
สยาม น่วมเศรษฐี กำกับให้ทุกฉากมีชีวิต ดึงอารมณ์นักแสดงออกมาได้สุดยอด
Buffalo Film คุมงานโปรดักชันให้ทุกอย่างลงตัว ตั้งแต่ฉาก เสื้อผ้า ไปจนถึงเพลงประกอบ

ถ้าทุกคนยังไม่ได้ดู ต้องไปดูเลยนะ ละครเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องราวของครอบครัวที่ต้องพลัดพราก แต่มันคือผลงานของทีมเบื้องหลังที่ทุ่มเทสุดใจ ดูแล้วจะอินมากกก รับชมได้ทางช่องวัน 31 หรือย้อนหลังที่ TrueID

นักแสดง

→ ไผ่ พงศธร รับบท พิณ

ไผ่ พงศธร

พิณ คือหนุ่มบ้านนอกจากแดนอีสานที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องหมอลำ เขาเป็นคนที่มีหัวใจเต็มไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น เริ่มเรื่องมา พิณเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาความฝัน ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในคาเฟ่หมอลำ แล้วก็ได้เจอกับ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) สาวสวยนักร้องหมอลำที่ทำให้หัวใจพิณเต้นตึกตัก  เคมีของทั้งคู่เนี่ยมันฟินมากกก พิณเป็นคนที่รักจริง ทุ่มเทให้ครอบครัวสุดๆ หลังจากที่ได้แต่งงานกับน้ำผึ้งและมีลูกชาย แคน (คีโน คณินณัชญ์) เขาก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข

แต่ชีวิตพิณมันไม่ได้สวยงามตลอดไปนะ เพราะจู่ๆ น้ำผึ้งที่กำลังท้องใกล้คลอดก็หายตัวไปแบบลึกลับ ไม่มีร่องรอยเลยอะ แล้วพิณที่ออกตามหาน้ำผึ้งก็ดันเจออุบัติเหตุจน ตาบอด มันคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตพิณพลิกผันเลย จากหนุ่มที่มีความฝัน กลายเป็นพ่อที่ต้องเผชิญความยากลำบากแบบสุดขีด แต่พิณไม่ยอมแพ้นะ เขายังคงสู้เพื่อเลี้ยงดูลูกชายตัวน้อย ทำงานทุกอย่างตั้งแต่ร้องเพลงตามร้าน ไปจนถึงรับจ้างทั่วไป เพื่อให้แคนมีชีวิตที่ดี แม้ว่าจะถูกคนรอบข้างดูถูกหรือกลั่นแกล้งก็ตาม

คาแร็คเตอร์ของพิณคือคนที่ เข้มแข็งแต่เปราะบาง เขาเป็นพ่อที่รักลูกสุดหัวใจ เป็นสามีที่ไม่เคยลืมน้ำผึ้ง และเป็นคนที่ไม่ยอมให้โชคชะตาควบคุมชีวิต ทุกฉากที่พิณอยู่กับแคนมันจะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะฉากที่น้องแคนถามว่า “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” แล้วพิณต้องกลั้นน้ำตาไว้ โอ้ยย มันบีบหัวใจมากกก ไผ่ พงศธร เล่นได้สมจริงสุดๆ จนคนดูในโซเซียล พูดกันว่า “ไผ่คือพิณตัวจริงเลยอะ เล่นถึงอารมณ์มาก”

ฉายาของพิณ “พ่อผู้ไม่ยอมแพ้”
สู้เพื่อครอบครัว: ถึงพิณจะตาบอด จะยากจน จะเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ เขาทำงานหนักเพื่อเลี้ยงแคน และยังออกตามหาน้ำผึ้งทั้งที่มองไม่เห็น มันคือความมุ่งมั่นที่แบบ สุดยอดมากกก

หัวใจที่ไม่เคยแตกสลาย: ถึงจะเจ็บปวดจากน้ำผึ้งที่หายไป แต่พิณยังคงมีความหวังว่าสักวันครอบครัวจะได้กลับมาพร้อมหน้า ทุกครั้งที่แคนถามถึงแม่ เขาจะพยายามตอบด้วยความเข้มแข็ง แม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวดอยู่ข้างใน

แรงบันดาลใจให้คนดู: ในโซเซียลมีคนพูดถึงพิณเยอะมากว่า “ดูพิณแล้วอยากสู้ชีวิต” เพราะเขาคือตัวอย่างของคนที่ลุกขึ้นสู้ แม้ว่าชีวิตจะโยนความโหดร้ายมาให้ขนาดไหน

ฉายา “พ่อผู้ไม่ยอมแพ้” มันเลยเหมาะกับพิณสุดๆ เพราะเขาไม่เคยปล่อยให้ความยากลำบากมาทำลายความรักและความหวังของเขาเลย

ข้อคิดจากตัวละครพิณ
ความรักของครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
พิณสอนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าชีวิตจะเจออะไร ความรักที่เรามีให้ครอบครัวมันจะเป็นแรงผลักดันให้เราสู้ต่อได้ ทุกครั้งที่พิณกอดแคน หรือร้องเพลงเพื่อหาเงินเลี้ยงลูก มันทำให้เรานึกถึงพ่อแม่ หรือคนที่เรารัก ว่าเขาทำอะไรให้เราเยอะแค่ไหน ดูแล้วอยากโทรไปบอกพ่อแม่ว่า “รักนะ” เลยอะ

อย่ายอมแพ้ แม้จะเจออุปสรรคหนักแค่ไหน
การที่พิณตาบอดแต่ยังสู้เพื่อตามหาน้ำผึ้งและเลี้ยงแคน มันคือตัวอย่างของความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมให้โชคชะตาควบคุมชีวิต ทุกคนที่กำลังเจอปัญหาในชีวิต ดูพิณแล้วจะรู้สึกว่า เออ เราก็สู้ได้นะ ไม่ว่าจะยากแค่ไหน

ความหวังคือแสงสว่างในวันที่มืดมิด
พิณที่มองไม่เห็นแต่ยังมีความหวังว่าจะได้เจอน้ำผึ้งและให้ครอบครัวกลับมาพร้อมหน้า มันสอนเราว่าต่อให้ชีวิตมันมืดมนแค่ไหน ถ้าเรายังมีความหวัง มันจะพาเราไปต่อได้ บนโซเซียล มีคนแชร์ว่า “พิณทำให้รู้ว่าความหวังมันสำคัญจริงๆ”

การเสียสละเพื่อคนที่รักคือสิ่งที่สวยงาม
พิณยอมทำทุกอย่างเพื่อแคน แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดหรือเหนื่อยแค่ไหน มันทำให้เราเห็นว่าการเสียสละเพื่อคนที่เรารักมันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย ฉากที่พิณทำงานหนักทั้งที่ตาบอดเพื่อให้แคนได้เรียนหนังสือ มันคือโมเมนต์ที่แบบ ซึ้งสุดๆ ไปเลย

พิณ ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน  เขาคือสัญลักษณ์ของพ่อที่รักลูกสุดหัวใจ และสามีที่ไม่เคยลืมความรักของตัวเอง การแสดงของ ไผ่ พงศธร ทำให้พิณมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ทุกฉากที่พิณอยู่ มันจะพาคุณไปร้องไห้ ไปลุ้น ไปซึ้ง ไปเชียร์ให้เขาสู้ต่อ ไผ่เล่นได้สมจริงมากกก โดยเฉพาะฉากที่ต้องแสดงเป็นคนตาบอดแต่ยังคงเข้มแข็งเพื่อลูก

→ ข้าวทิพย์ ธิดาดิน รับบท น้ำผึ้ง

hq720
ข้าวทิพย์ ธิดาดิน

น้ำผึ้ง คือสาวสวยสุดแซ่บที่เป็นนักร้องหมอลำดาวเด่นของคาเฟ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอคือตัวท็อปเลยอะ มีทั้งความสามารถ ความสวย และเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนหลงรัก รวมถึง พิณ (ไผ่ พงศธร) หนุ่มบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในคาเฟ่เดียวกัน โห เคมีของน้ำผึ้งกับพิณเนี่ยมันฟินมากกก ตั้งแต่แรกเจอกันก็เหมือนมีประกายเลย น้ำผึ้งเป็นคนที่ดูมั่นใจในตัวเอง มีความฝันอยากประสบความสำเร็จในวงการหมอลำ และมีหัวใจที่อบอุ่น รักพิณสุดๆ จนทั้งคู่ตัดสินใจสร้างครอบครัวด้วยกัน และกำลังจะมีลูกชาย แคน (คีโน คณินณัชญ์) โมเมนต์ตอนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันมันหวานจนคนดูต้องยิ้มตามเลย

แต่เรื่องมันไม่ได้สวยงามตลอดไป เพราะจู่ๆ ตอนที่น้ำผึ้งท้องใกล้คลอด เธอกลับ หายตัวไป เฉยเลย ไม่มีร่องรอย ไม่มีคำอธิบาย เหมือนแบบหายไปจากโลกนี้เลยอะ ตรงนี้แหละที่ทำให้คนดูแบบ เอ๊ะ อะไรยังไง น้ำผึ้งไปไหน ทำไมถึงทิ้งพิณและลูกไปแบบนี้ คาแร็คเตอร์ของน้ำผึ้งเลยกลายเป็นปริศนาใหญ่ของเรื่อง เธอไม่ใช่แค่สาวสวยนักร้องหมอลำ แต่ยังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้นซ่อนอยู่ ผ่านฉากย้อนอดีต เราได้เห็นว่าน้ำผึ้งมีอดีตที่ซับซ้อน มีความลับบางอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ และอาจมีเหตุผลที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตทุกคน

น้ำผึ้งเป็นตัวละครที่ สวยงามแต่มีรอยแผลในใจ เธอเป็นทั้งนักร้องที่เปล่งประกายบนเวที เป็นภรรยาที่รักพิณ และเป็นแม่ที่ (ถึงแม้จะหายไป) แต่ความรักของเธอยังคงอยู่ในใจของแคนและพิณ การแสดงของ ข้าวทิพย์ ธิดาดิน ทำให้น้ำผึ้งมีมิติมากกก โดยเฉพาะฉากที่เธอร้องหมอลำ หรือฉากดราม่าที่ต้องถ่ายทอดความรู้สึกที่ซับซ้อน บนโซเซียล คนดูพูดเลยว่า “ข้าวทิพย์เล่นเป็นน้ำผึ้งได้ทั้งสวย ทั้งลึกลับ ดูแล้วอยากรู้ว่าเกิดอะไรกับเธอ”

ฉายาของน้ำผึ้ง “ดาวหมอลำผู้ซ่อนความลับ”
ดาวหมอลำ: น้ำผึ้งคือตัวท็อปของคาเฟ่ เธอร้องหมอลำได้แบบสะกดคนดู ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีมันเหมือนมีแสงสว่างเลยอะ เธอคือดาวที่ทุกคนจับตามอง

ผู้ซ่อนความลับ: การหายตัวไปของน้ำผึ้งมันเต็มไปด้วยปริศนา เธอมีอะไรในใจที่ไม่เคยบอกใคร รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องทิ้งครอบครัว ตรงนี้ทำให้คนดูอยากรู้ว่าเธอซ่อนอะไรไว้

สร้างความสงสัยและอารมณ์: ฉายานี้สะท้อนตัวตนของน้ำผึ้งที่ทั้งเปล่งประกายและลึกลับ บน โซเซียล มีคนแชร์ว่า “น้ำผึ้งคือตัวละครที่ทำให้เราคิดถึงตลอด แม้จะไม่อยู่ในหลายตอน” ฉายานี้เลยเหมาะสมสุดๆ

ข้อคิดจากตัวละครน้ำผึ้ง
ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
การที่น้ำผึ้งหายตัวไปมันทำให้คนดูสงสัยว่า “ทำไมถึงทำแบบนี้” แต่เมื่อเรื่องค่อยๆ เผยความจริง (ไม่สปอยล์หนักนะ) เราได้เห็นว่าเธอมีเหตุผลที่ซับซ้อนและอาจเกี่ยวข้องกับการปกป้องคนที่เธอรัก ข้อคิดนี้สอนเราว่าบางครั้งการตัดสินใจของคนอื่นอาจดูไม่เข้าใจ แต่ลึกๆ แล้วทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง อย่าด่วนตัดสินใครถ้ายังไม่รู้ทั้งหมด

ความรักไม่เคยหายไป แม้ตัวจะไม่อยู่
แม้ว่าน้ำผึ้งจะหายไปจากชีวิตของพิณและแคน แต่ความรักของเธอยังคงอยู่ในความทรงจำของทั้งสอง ฉากที่แคนพูดถึงแม่ หรือพิณร้องเพลงหมอลำที่นึกถึงน้ำผึ้ง มันทำให้เราเห็นว่าความรักมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ข้อคิดนี้เตือนเราว่าคนที่เรารัก แม้จะไม่อยู่ตรงหน้า แต่ความรู้สึกดีๆ มันยังคงอยู่เสมอ

ความฝันและความเสียสละ
น้ำผึ้งเป็นคนที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องหมอลำที่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อชีวิตเปลี่ยนไป เธอก็ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ข้อคิดนี้สอนเราว่าบางครั้งเราต้องเสียสละความฝันเพื่อสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น ครอบครัว หรือความปลอดภัยของคนที่เรารัก มันทำให้เรานึกถึงการเลือกในชีวิตจริงเลยอะ

ความแข็งแกร่งในตัวผู้หญิง
น้ำผึ้งไม่ใช่แค่สาวสวย แต่เธอยังแข็งแกร่งในแบบของตัวเอง การที่เธอต้องเผชิญกับอดีตและตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มันแสดงให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่อาจต้องเลือกทางที่เจ็บปวดเพื่อคนอื่น บนโซเซียลมีคนพูดถึงน้ำผึ้งว่า “เป็นตัวละครที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงก็เข้มแข็งได้ในแบบของตัวเอง”

น้ำผึ้ง ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน เป็นตัวละครที่ทำให้คนดูทั้งรัก ทั้งสงสัย ทั้งอยากรู้ความจริง การแสดงของ ข้าวทิพย์ ธิดาดิน ทำให้น้ำผึ้งมีเสน่ห์สุดๆ โดยเฉพาะฉากที่ร้องหมอลำบนเวที มันแบบ สวยปัง สะกดใจมากกก หรือฉากย้อนอดีตที่เผยความรู้สึกของเธอ มันทำให้เราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ถึงแม้ว่าน้ำผึ้งจะปรากฏในเรื่องไม่เยอะเท่าพิณหรือแคน แต่ทุกครั้งที่เธอโผล่มา มันจะทิ้งความรู้สึกที่ลึกซึ้งให้คนดู

ฉากที่ประทับใจสุดต้องยกให้ฉากที่น้ำผึ้งร้องหมอลำในคาเฟ่ แล้วมองพิณด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก โอ้ยย มันหวานจนใจเจ็บเลยอะ หรือฉากที่น้ำผึ้งต้องเผชิญกับความลับในอดีต มันทำให้เราน้ำตาคลอเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเธอ

→ ด.ช.คณินณัชญ์ ยมปัดชา รับบท แคน

ด.ช.คณินณัชญ์ ยมปัดชา

เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่น่ารักใสซื่อ มีหัวใจบริสุทธิ์ แต่ต้องเติบโตมาโดยไม่มีแม่ นั่นแหละคือ แคน ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน น้องแคนเป็นลูกชายของ พิณ (ไผ่ พงศธร) และ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) ชีวิตของน้องเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก เพราะแม่หายตัวไปตั้งแต่เขายังเล็ก และพ่อก็ตาบอดจากอุบัติเหตุ ฟังดูแล้วมันหนักมากใช่มั้ย แต่แคนคือเด็กที่เข้มแข็งในแบบของตัวเองเลยนะ

แคนเป็นเด็กที่ บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความหวัง เขามักจะถามพ่อว่า “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” ด้วยน้ำเสียงที่ทั้งใสและเต็มไปด้วยความอยากรู้ มันคือคำถามที่ทำให้คนดูแบบ โอ้ยย จุกอกเลยอะ เพราะมันแสดงถึงความรักที่แคนมีต่อแม่ที่เขาไม่เคยเจอ และความหวังว่าสักวันครอบครัวจะได้กลับมาพร้อมหน้า น้องแคนยังเป็นเด็กที่รักพ่อมากกก ถึงแม้พิณจะตาบอดและต้องเผชิญความยากลำบาก แคนก็คอยเป็นกำลังใจให้พ่อ ช่วยพ่อในทุกๆ อย่างเท่าที่เด็กตัวเล็กๆ จะทำได้ เช่น ช่วยนำทางพ่อ หรือช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ

คาแร็คเตอร์ของแคนคือ เด็กที่มีหัวใจใหญ่เกินตัว เขาไม่ใช่แค่เด็กที่รอแม่กลับมา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้พิณสู้ต่อ และเป็นตัวแทนของความหวังในครอบครัว การแสดงของ น้องคีโน คณินณัชญ์ ดีมากกก ดูแล้วไม่รู้สึกว่าน้องแสดงเลย มันเหมือนแคนมีตัวตนจริงๆ โดยเฉพาะฉากที่น้องร้องไห้หรือยิ้มให้พ่อ มันทำให้คนดูน้ำตาแตก บนโซเซียล มีคนแชร์เลยว่าน้องคีโนคือ “นักแสดงเด็กที่ขโมยซีนสุดๆ” และ “ฉากแคนถามถึงแม่นี่ร้องไห้ทุกครั้งเลย”

ฉายาของแคน “แสงน้อยที่ส่องใจ”
แคนเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ในโลกที่โหดร้าย เขาเหมือนแสงเทียนเล็กๆ ที่ริบหรี่ท่ามกลางความยากลำบากของครอบครัว แต่แสงนั้นก็สว่างพอที่จะทำให้พ่อมีกำลังใจสู้ต่อ ความบริสุทธิ์และความรักของแคนมันส่องสว่างในใจของพิณ และคนดูทุกคน ทุกครั้งที่น้องถามถึงแม่ หรือกอดพ่อ มันเหมือนจุดไฟให้ทุกคนรู้สึกถึงความหวังและความรัก

ฉายานี้เหมาะกับแคนที่เป็นเด็กน้อยแต่มีพลังในการขับเคลื่อนเรื่องราว บนโซเซียล มีคนพูดถึงแคนว่า “น้องคือตัวละครที่ทำให้อยากเอาใจช่วยทั้งครอบครัว” นี่แหละคือพลังของแสงน้อยที่ส่องใจ

ข้อคิดจากตัวละครแคน
ความบริสุทธิ์ของเด็กสอนให้เรามีหวัง
แคนที่ถามถึงแม่ด้วยความหวังทุกครั้ง มันสอนเราว่าต่อให้ชีวิตมันยากแค่ไหน ความหวังเล็กๆ มันสามารถพาเราไปได้ไกล บนโซเซียล มีคนแชร์ว่า “แคนทำให้คิดถึงตอนเด็กๆ ที่เรามองโลกในแง่ดี” ข้อคิดนี้เตือนเราว่าบางครั้งมุมมองที่ใสซื่อมันช่วยให้เราไม่ยอมแพ้

ความรักต่อครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่
แคนรักพ่อมาก และพยายามช่วยพ่อในทุกๆ อย่าง แม้ว่าตัวเองจะเป็นแค่เด็ก ฉากที่แคนช่วยนำทางพิณ หรือบอกพ่อว่า “หนูรักพ่อ” มันทำให้เราเห็นว่าความรักในครอบครัวมันทรงพลังแค่ไหน ข้อคิดนี้ทำให้เราอยากกลับไปกอดคนในครอบครัวและบอกเขาว่าเรารักเขามากแค่ไหน

ความเข้มแข็งไม่ได้วัดที่อายุ
แม้ว่าแคนจะเป็นเด็ก แต่เขาก็เข้มแข็งในแบบของตัวเอง การที่เขาช่วยพ่อและไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก มันสอนเราว่าความเข้มแข็งมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรือสถานการณ์ แต่มันอยู่ในใจของเรา ฉากที่แคนช่วยพ่อตอนเรือจม มันแสดงให้เห็นว่าน้องกล้าหาญแค่ไหน

การยอมรับและก้าวต่อไป
แม้ว่าแคนจะคิดถึงแม่มาก แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะยอมรับสถานการณ์และอยู่เคียงข้างพ่อ ข้อคิดนี้สอนเราว่าบางครั้งในชีวิตเราต้องยอมรับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และหาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่ตรงหน้า ฉากที่น้องยิ้มให้พ่อแม้จะเศร้าที่ไม่มีแม่ มันคือโมเมนต์ที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเข้มแข็งของเด็กคนนี้

แคน ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน คือตัวละครที่ทำให้คนดูน้ำตาไหลและยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน การแสดงของ น้องคีโน คณินณัชญ์ มันสุดยอดมากกก น้องเล่นได้เป็นธรรมชาติสุดๆ เหมือนแคนมีชีวิตจริงๆ ฉากที่ประทับใจสุดต้องยกให้ฉากที่น้องถาม “พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน” มันทั้งน่ารักและบีบหัวใจ หรือฉากที่น้องช่วยพ่อตอนจมน้ำ มันทำให้เห็นว่าน้องรักพ่อแค่ไหน 

ทุกครั้งที่แคนโผล่มา มันเหมือนมีแสงเล็กๆ ส่องเข้ามาในเรื่อง ทำให้คนดูรู้สึกถึงความหวังท่ามกลางความดราม่า น้องคีโนถ่ายทอดความน่ารัก ความใสซื่อ และความเข้มแข็งของแคนได้แบบ 10 เต็ม 10 เลยอะ ทุกคนต้องไปดูเองถึงจะรู้ว่ามันซึ้งแค่ไหน

→ ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ รับบท แก้วตา

00 A5B2637520C5E700
ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์

สาวสวยที่มีทั้งความมั่นใจ ความแซ่บ และความลึกลับในตัว นั่นแหละคือ แก้วตา ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน แก้วตาคือเพื่อนนักร้องหมอลำในคาเฟ่เดียวกับ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) เธอเป็นคนที่รู้จักน้ำผึ้งดี และดูเหมือนจะรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้ำผึ้งด้วย โห ตรงนี้แหละที่ทำให้คนดูแบบ เอ๊ะ แก้วตาคนนี้รู้อะไรกันแน่ เธอจะเป็นนางเอกหรือนางร้าย หรือแค่ตัวละครที่มาเพิ่มสีสันกันนะ

แก้วตาเป็นตัวละครที่มี มิติสุดๆ เธอไม่ใช่แค่สาวสวยในคาเฟ่ แต่ยังมีด้านที่แข็งแกร่งและฉลาด เธอรู้จักเอาตัวรอดในวงการหมอลำที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และมีบทบาทสำคัญในช่วงหลังของเรื่องที่ช่วย พิณ (ไผ่ พงศธร) และ แคน (คีโน คณินณัชญ์) ในการตามหาน้ำผึ้ง แต่ แก้วตาก็มีด้านที่ซับซ้อนเหมือนกันนะ บางฉากเธอดูเหมือนจะมีอะไรในใจที่เก็บไว้ และการกระทำของเธอก็ทำให้คนดูสงสัยว่าเธอมีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า ตรงนี้แหละที่ทำให้แก้วตาเป็นตัวละครที่ชวนให้ลุ้นตลอด

การแสดงของ เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ในบทแก้วตาคือปังมากกก เธอถ่ายทอดความแซ่บ ความมั่นใจ และความลึกลับของแก้วตาได้แบบลงตัวสุดๆ โดยเฉพาะฉากที่แก้วตาร้องหมอลำบนเวที มันแบบ สวย สะกดใจ ดูแล้วอยากปรบมือให้เลย หรือฉากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับตัวละครอื่นในปมดราม่า มันทำให้คนดูรู้สึกว่าแก้วตาคนนี้ไม่ธรรมดา บนโซเซียล มีคนแชร์เลยว่า “เฌอเบลล์ในบทแก้วตาคือแซ่บมาก ดูแล้วอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อ” และโพสต์ใน IG ของเธอเอง (@cheri.belle) ก็มีคนคอมเมนต์ถึงบทแก้วตาว่า “แก้วตาคือตัวละครที่เดายากสุดๆ”

ฉายาของแก้วตา “สาวหมอลำปริศนา”
แก้วตาคือหนึ่งในนักร้องหมอลำของคาเฟ่ เธอมีเสน่ห์บนเวทีที่ทำให้ทุกคนต้องจับตามอง การร้องหมอลำของเธอมันแบบ สวย แซ่บ สะกดใจ เหมือนน้ำผึ้งในช่วงแรกของเรื่องเลย แก้วตาดูเหมือนจะรู้ความลับเกี่ยวกับน้ำผึ้ง และบทบาทของเธอในเรื่องมันทำให้คนดูเดาไม่ถูกว่าเธอจะเป็นฝ่ายช่วยหรือขัดขวางพิณและแคน การกระทำของเธอในบางฉากมันชวนสงสัยสุดๆ

ฉายานี้เหมาะกับแก้วตาที่ทั้งเปล่งประกายและมีความลับในตัว บนโซเซียล มีคนพูดถึงว่า “แก้วตาคือตัวละครที่ทำให้เรื่องมันน่าติดตาม เพราะไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร” ฉายานี้เลยเป๊ะสุดๆ

ข้อคิดจากตัวละครแก้วตา
ความลึกลับอาจซ่อนความแข็งแกร่ง
แก้วตาดูเหมือนเป็นตัวละครที่ลึกลับ แต่ลึกๆ แล้วเธอมีความแข็งแกร่งและความฉลาดในการเอาตัวรอด ข้อคิดนี้สอนเราว่าบางครั้งคนที่ดูเหมือนจะมีอะไรซ่อนอยู่ อาจมีเหตุผลและความเข้มแข็งที่เราไม่รู้ก็ได้ อย่าด่วนตัดสินคนจากภายนอก

การช่วยเหลือผู้อื่นคือการเติบโตของใจ
ในช่วงหลังของเรื่อง แก้วตามีบทบาทสำคัญในการช่วยพิณและแคนตามหาน้ำผึ้ง (ไม่สปอยล์มากนะ) มันแสดงให้เห็นว่าเธอมีด้านที่อบอุ่นและพร้อมยื่นมือช่วยคนอื่น ข้อคิดนี้เตือนเราว่าการช่วยเหลือผู้อื่นมันทำให้เราเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น

ความมั่นใจคือพลัง
แก้วตาเป็นสาวที่มั่นใจในตัวเอง ทั้งบนเวทีและในชีวิตประจำวัน การที่เธอสามารถยืนหยัดในวงการที่แข่งขันสูงได้ มันสอนเราว่าความมั่นใจและการรู้คุณค่าของตัวเองคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

ความลับไม่ได้แปลว่าความเลวร้ายเสมอไป
แก้วตาดูเหมือนจะมีความลับเกี่ยวกับน้ำผึ้ง แต่เมื่อเรื่องคลายปม มันทำให้เราเห็นว่าไม่ใช่ทุกความลับจะเป็นเรื่องร้าย ข้อคิดนี้สอนให้เราอดทนและพยายามเข้าใจเหตุผลของคนอื่นก่อนตัดสิน

แก้วตา ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน เป็นตัวละครที่ทำให้คนดูทั้งหลงรัก ทั้งสงสัย การแสดงของ เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ทำให้แก้วตามีชีวิตขึ้นมา เธอถ่ายทอดความแซ่บ ความมั่นใจ และความลึกลับได้แบบเป๊ะสุดๆ ฉากที่แก้วตาร้องหมอลำบนเวทีคือสวยสะกดใจมากกก หรือฉากที่เธอเผชิญหน้ากับตัวละครอื่นในปมดราม่า มันทำให้คนดูรู้สึกว่าแก้วตาคนนี้มีอะไรในตัวมากกว่าที่เห็น บนโซเซียล คนดูแชร์ว่า “เฌอเบลล์ในบทแก้วตาคือแซ่บและลึกลับสุด อยากรู้ว่าเธอจะช่วยหรือจะร้ายกันแน่” และใน IG ของเฌอเบลล์ (@cheri.belle) มีคนคอมเมนต์ชื่นชมการแสดงของเธอว่า “แก้วตาคือตัวละครที่เดายากแต่ขโมยซีนมาก”

ฉากที่ประทับใจสุดต้องยกให้ฉากที่แก้วตาช่วยพิณและแคนในช่วงสำคัญของเรื่อง มันแสดงให้เห็นว่าเธอมีด้านที่อบอุ่นและน่าเชื่อใจ หรือฉากที่เธอร้องหมอลำในคาเฟ่ มันทำให้คนดูรู้สึกถึงพลังและเสน่ห์ของเธอ

→ รพีภัทร เอกพันธ์กุล รับบท อิทธิ

รพีภัทร เอกพันธ์กุล

หนุ่มหล่อมาดเข้มที่มีทั้งความทะเยอทะยานและความลึกลับในตัว นั่นแหละคือ อิทธิ ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน อิทธิเป็นตัวละครสมทบที่สำคัญมากในเรื่องนี้ เขาคือคนที่อยู่ในวงการหมอลำเหมือน พิณ (ไผ่ พงศธร) และ น้ำผึ้ง (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน) และมีอดีตที่เชื่อมโยงกับทั้งคู่ โดยเฉพาะน้ำผึ้ง ตรงนี้แหละที่ทำให้คนดูแบบ เอ๊ะ อิทธิคนนี้รู้จักน้ำผึ้งยังไงกันแน่ แล้วเขาจะมีบทบาทอะไรในปริศนาการหายตัวไปของน้ำผึ้ง

อิทธิเป็นตัวละครที่มี สองด้านในตัว ด้านหนึ่งเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นนักร้องและนักธุรกิจในวงการหมอลำที่มีความมั่นใจและทะเยอทะยาน อยากประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่ในอีกด้าน เขาก็มีมุมที่ซับซ้อนและอาจมีวาระซ่อนเร้น บางฉากทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาเหมือนจะเป็นคู่แข่งของพิณ ทั้งในเรื่องงานและความรัก หรืออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปมดราม่าในอดีตของน้ำผึ้ง (ไม่สปอยล์มากนะ ต้องไปดูเอง) การที่อิทธิปรากฏตัวในเรื่องมันเหมือนเพิ่มความตึงเครียดให้กับการตามหาน้ำผึ้งของพิณและ แคน (คีโน คณินณัชญ์) ทำให้คนดูสงสัยว่าเขาจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่

การแสดงของ น้ำ รพีภัทร ในบทอิทธิคือดีมากกก เขาถ่ายทอดความเป็นหนุ่มมาดเข้มที่มีทั้งความทะเยอทะยานและความลึกลับได้แบบลงตัวสุดๆ โดยเฉพาะฉากที่อิทธิต้องเผชิญหน้ากับพิณ หรือฉากที่เขาแสดงอารมณ์ซับซ้อนเกี่ยวกับน้ำผึ้ง มันทำให้คนดูรู้สึกว่า “อิทธิคนนี้มีอะไรในใจแน่ๆ” บนโซเซียลมีคนแชร์เลยว่า “น้ำ รพีภัทรในบทอิทธิคือเดายากมาก ดูเหมือนดีแต่ก็เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่” และใน IG ของน้ำ (@nam_rapeepat) ก็มีคนคอมเมนต์ชื่นชมว่า “บทอิทธิคือท้าทายมาก น้ำเล่นได้น่าติดตามสุดๆ”

ฉายาของอิทธิ “เงาลึกลับแห่งหมอลำ”
อิทธิคือตัวละครที่เหมือนเงาที่คอยปรากฏในช่วงสำคัญของเรื่อง เขามีบทบาทที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู และมีความลับที่เกี่ยวข้องกับน้ำผึ้ง ทำให้คนดูต้องคอยเดาว่าเขาจะทำอะไรต่อ อิทธิเป็นส่วนหนึ่งของวงการหมอลำ เขามีความสามารถและความทะเยอทะยานในวงการนี้ แต่ก็ใช้ความสามารถนั้นในทางที่อาจไม่โปร่งใสนัก

ฉายานี้เหมาะกับอิทธิที่ทั้งมีเสน่ห์และน่าสงสัย บนโซเซียลมีคนพูดถึงว่า “อิทธิคือตัวละครที่ทำให้เรื่องมันเข้มข้นขึ้น เพราะไม่รู้ว่าเขาจะช่วยหรือขัดขวางพิณ” ฉายานี้เลยเป๊ะสุดๆ

ข้อคิดจากตัวละครอิทธิ
กคนมีทั้งแสงและเงาในตัว
อิทธิเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครเป็นคนดีหรือร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ ความทะเยอทะยานและความลับของเขาทำให้เราเห็นว่าในตัวคนเรามีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ข้อคิดนี้สอนให้เรายอมรับความไม่สมบูรณ์ของตัวเองและผู้อื่น และพยายามเข้าใจมุมมองของคนอื่น

ความทะเยอทะยานต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ
อิทธิมีความฝันอยากประสบความสำเร็จในวงการหมอลำ แต่บางครั้งการตัดสินใจของเขาก็อาจส่งผลกระทบต่อคนอื่น ข้อคิดนี้เตือนเราว่าการไล่ตามความฝันมันดี แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคนรอบข้างด้วย

ความลับอาจมีเหตุผลที่ลึกซึ้ง
ความลึกลับของอิทธิเกี่ยวกับน้ำผึ้งทำให้คนดูสงสัยในตัวเขา แต่เมื่อเรื่องค่อยๆ คลายปม (ไม่สปอยล์นะ) เราเห็นว่าเขามีเหตุผลของตัวเอง ข้อคิดนี้สอนให้เราไม่ด่วนตัดสินคนจากสิ่งที่เห็น เพราะบางครั้งความลับอาจมาจากการปกป้องหรือ

ความจำเป็น
การเผชิญหน้ากับอดีตคือความกล้า
อิทธิต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เกี่ยวข้องกับน้ำผึ้งและพิณ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย ข้อคิดนี้สอนเราว่าการยอมรับและเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันต้องใช้ความกล้า และบางครั้งมันก็เป็นหนทางสู่การเติบโต

วอิทธิ ใน พ่อจ๋า แม่อยู่ไหน เป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องนี้สุดๆ การแสดงของ น้ำ รพีภัทร ทำให้อิทธิมีทั้งเสน่ห์และความน่าสงสัย ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว มันเหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้คนดูต้องจับตามอง ฉากที่ประทับใจสุดต้องยกให้ฉากที่อิทธิเผชิญหน้ากับพิณ มันคือโมเมนต์ที่แบบ ตึงเครียดสุดๆ แต่ก็ทำให้เราเห็นมิติของตัวละคร หรือฉากที่อิทธิร้องหมอลำในคาเฟ่ มันแสดงให้เห็นว่าเขาก็มีด้านที่เปล่งประกายเหมือนกัน

บนโซเซียลคนดูแชร์ว่า “น้ำ รพีภัทรในบทอิทธิคือเล่นดีมาก ดูแล้วเดาไม่ถูกว่าเขาจะดีหรือร้าย” และใน IG ของน้ำ (@nam_rapeepat) มีคนคอมเมนต์ชื่นชมว่า “บทอิทธิคือท้าทายสุดๆ น้ำเล่นได้น่าติดตามมาก” อิทธิอาจไม่ใช่ตัวละครที่ทุกคนรัก แต่เขาคือตัวละครที่ทำให้เรื่องนี้มีรสชาติและน่าติดตามมากขึ้น

อธิชนัน ศรีเสวก รับบท พิมพ์ภา
ด.ญ.คีตภัทร ป้องเรือ รับบท แพรพลอย
อริศรา วงษ์ชาลี รับบท ราตรี
คุณากร เกิดพันธุ์ รับบท คะแนน
พลอยไพลิน ลิมปนเวทยานนท์ รับบท ใบหยก
ศักราช ศรีวังพล รับบท เบิร์ด
ตี๋ ดอกสะเดา รับบท ยอดรัก
ปอยฝ้าย มาลัยพร รับบท ปุ๋ย
ด.ญ.ชนันทิชา ชัยภา รับบท ส้มโอ
ด.ช.กิตติพัฒน์ รุ่งวัฒนไพบูลย์ รับบท หมูหัน
ชูพงษ์ ช่างปรุง รับบท เป้า
สุธน บู่สามสาย รับบท เภา
ราตรี วิทวัส รับบท เจ๊แตงอ่อน
โย่ง เชิญยิ้ม รับบท เฮียส่ง
ประไพ สิโนทก รับบท ป้าหน่อย
มิ้วส์ อรภัสญาน์ รับบท ชวนชม (รับเชิญ)
แช่ม แช่มรัมย์ รับบท คมสัน (รับเชิญ)