ละคร รากนครา 2560 ท่ามกลางความขัดแย้งแห่งสองนคร รอยรักรอยแค้นถักทอเป็นสายใยที่ยากจะตัดขาด เมื่อเจ้าแม้นเมืองต้องเลือกระหว่างบัลลังก์แห่งเชียงใหม่กับหัวใจที่ผูกพันกับเจ้าน้อยศุขวงศ์แห่งเมืองมัณฑ์ ชะตากรรมของสองแผ่นดินจึงแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งความภักดีและความรัก

ละคร รากนครา 2560 ละครแนวโรแมนติกพีเรียดดราม่าอิงประวัติศาสตร์ล้านนาในสมัยรัชกาลที่ 5 ออกอากาศทางช่อง 3 เริ่มตอนแรกวันที่ 5 กันยายน 2560 ผลิตโดยบริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด บทประพันธ์โดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม บทโทรทัศน์โดย ยิ่งยศ ปัญญา และกำกับโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เรื่องราวเน้นความรัก ความเสียสละ และความขัดแย้งทางการเมืองในดินแดนล้านนา

ในปี พ.ศ. 2427 ณ หัวเมืองเหนือของสยาม “เจ้าศุขวงศ์” หรือเจ้าน้อย บุตรชายของเจ้าราชบุตรศุษิระผู้ล่วงลับ กลับสู่บ้านเกิดที่เมืองเชียงพระคำหลังจากศึกษาและรับราชการที่กรุงเทพฯ เขาได้รับมอบหมายให้ช่วยปฏิรูปการปกครองหัวเมืองเหนือ ระหว่างเดินทางไปร่วมงานศพ “เจ้าอุปราชสิงห์คำ” ที่เมืองเชียงเงิน เขาได้พบและตกหลุมรัก “เจ้าแม้นเมือง” ธิดาของ “เจ้าหลวงแสนอินทะ” หญิงสาวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ให้เมืองเชียงเงินเป็นเอกราชจากสยาม

เจ้าแม้นเมืองเป็นผู้มีความรักชาติและเสียสละเพื่อบ้านเมือง แต่ความรักของเธอกับเจ้าศุขวงศ์ต้องเผชิญอุปสรรคจาก “เจ้ามิ่งหล้า” น้องสาวต่างมารดาที่อิจฉาและต้องการแย่งชิงความรักจากเจ้าศุขวงศ์ มิ่งหล้าวางแผนทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างศุขวงศ์และแม้นเมือง สร้างรักสามเส้าที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม ความขัดแย้งทวีคูณเมื่อเมืองเชียงเงินถูกกดดันจากทั้งสยามและอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะเมืองมัณฑ์ที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลต่างชาติ

ประเด็นหลักของละคร
• ความรักและการเสียสละ เจ้าแม้นเมืองต้องเลือกระหว่างความรักส่วนตัวกับหน้าที่ต่อบ้านเมือง เธอเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อปกป้องเมืองและคนที่รัก
• ความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องราวสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในล้านนาเมื่อสยามพยายามรวมศูนย์อำนาจ ขณะที่บางเมือง เช่น เชียงเงิน ต่อต้านเพื่อรักษาเอกราช
• โศกนาฏกรรม ความเข้าใจผิดและการทรยศนำไปสู่บทสรุปที่สะเทือนใจ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เจ้าแม้นเมืองอุ้มลูกมาฝากเจ้ามิ่งหล้าและเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเมือง

ละครเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมจากความสมจริงในการใช้ภาษาเหนือ (คำเมือง) สำเนียงเชียงใหม่ การออกแบบเครื่องแต่งกายที่อิงประวัติศาสตร์ และการถ่ายทอดอารมณ์ที่เข้มข้น ฉากดราม่าและการแสดงของนักแสดงนำ โดยเฉพาะณฐพร เตมีรักษ์ ได้รับการยกย่องอย่างมาก ละครยังประสบความสำเร็จด้วยกระแสในโซเชียลมีเดียและเรตติ้งสูง

เนื้อหาต่อไปนี้เปิดเผยโครงเรื่องและตอนท้ายของละคร

รากนครา เป็นละครพีเรียดดราม่าอิงประวัติศาสตร์ล้านนาในสมัยรัชกาลที่ 5 เรื่องราวหมุนรอบความรัก ความเสียสละ และความขัดแย้งทางการเมืองในหัวเมืองเหนือ โดยมีฉากหลังเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาเอกราชของเมืองเชียงเงินท่ามกลางแรงกดดันจากสยามและชาติตะวันตก

จุดเริ่มต้น
ในปี พ.ศ. 2427 เจ้าศุขวงศ์ (ปริญ สุภารัตน์) หรือเจ้าน้อย บุตรชายของเจ้าราชบุตรศุษิระแห่งเมืองเชียงพระคำ กลับจากกรุงเทพฯ เพื่อปฏิรูปการปกครองในหัวเมืองเหนือตามพระบรมราชโองการ เขาเดินทางไปเมืองเชียงเงินเพื่อร่วมงานศพ เจ้าอุปราชสิงห์คำ (วรุฒ วรธรรม) และได้พบ เจ้าเพียงเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) ธิดาของ เจ้าหลวงแสนอินทะ (ธนากร โปษยานนท์) หญิงสาวผู้รักชาติและมุ่งมั่นปกป้องเมืองเชียงเงินจากอิทธิพลของสยามและต่างชาติ ทั้งสองตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ

ตัวละครสำคัญ
เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) น้องสาวต่างมารดาของเจ้าเพียงเมือง เป็นหญิงสาวที่อิจฉาพี่สาวและหลงรักเจ้าศุขวงศ์ เธอกลายเป็นตัวละครที่สร้างความขัดแย้งในรักสามเส้าและโศกนาฏกรรมในเรื่อง

ความรักและอุปสรรค
เจ้าศุขวงศ์และเจ้าเพียงเมืองเริ่มสานสัมพันธ์ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง เจ้าเพียงเมืองยึดมั่นในอุดมการณ์ปกป้องเมืองเชียงเงิน ขณะที่เจ้าศุขวงศ์มีหน้าที่ปฏิรูปหัวเมืองเหนือให้อยู่ภายใต้สยาม ความแตกต่างในอุดมการณ์ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญความขัดแย้ง

เจ้ามิ่งหล้าพยายามแย่งชิงความรักของเจ้าศุขวงศ์ เธอวางแผนให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ทำให้เจ้าศุขวงศ์คิดว่าเจ้าเพียงเมืองไม่ซื่อสัตย์ หรือยุยงให้เกิดความระหองระแหงระหว่างทั้งคู่

ความขัดแย้งทางการเมือง
เมืองเชียงเงินถูกกดดันจากสยามที่ต้องการรวมศูนย์อำนาจ และจากชาติตะวันตก (โดยเฉพาะอังกฤษ) ที่มีอิทธิพลผ่านเมืองมัณฑ์ เจ้าหลวงแสนอินทะ และเจ้าเพียงเมืองพยายามรักษาเอกราชของเมือง ขณะที่ เจ้าเพียงขวัญ (น้องชายของเจ้าเพียงเมือง) และเจ้ามิ่งหล้ามักเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

เจ้าศุขวงศ์พยายามเจรจาเพื่อให้เมืองเชียงเงินยอมรับการปฏิรูปของสยาม แต่เจ้าเพียงเมืองมองว่านี่คือการยอมจำนน เธอต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองและประชาชน

โศกนาฏกรรมและการเสียสละ
ความเข้าใจผิดที่เจ้ามิ่งหล้าสร้างขึ้นทำให้เจ้าศุขวงศ์และเจ้าเพียงเมืองห่างเหินกัน เจ้ามิ่งหล้าฉวยโอกาสเข้าใกล้เจ้าศุขวงศ์ และในบางช่วงทำให้เขาเชื่อว่าเธอคือผู้ที่รักเขาอย่างแท้จริง เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤตเมื่อกองกำลังต่างชาติจากเมืองมัณฑ์บุกเข้ามา เจ้าเพียงเมืองตัดสินใจเสียสละโดยนำทัพต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง เธอตั้งครรภ์ลูกของเจ้าศุขวงศ์แต่ไม่เคยบอกเขา

ในฉากสะเทือนใจ เจ้าเพียงเมืองฝากลูกชายที่เพิ่งคลอด (เจ้าไศลรัตน์) ไว้กับเจ้ามิ่งหล้า และขอให้เธอดูแลเด็กน้อย ก่อนที่เธอจะออกไปต่อสู้จนเสียชีวิตในสนามรบเพื่อปกป้องเมืองเชียงเงิน

ฉากสุดท้าย
เมืองเชียงเงินรอดจากการยึดครองของต่างชาติและยอมรับการปกครองของสยาม เจ้าเพียงเมืองกลายเป็นวีรสตรีที่เสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมือง 20 ปีต่อมา (พ.ศ. 2454) เจ้าศุขวงศ์พา เจ้าไศลรัตน์ ลูกชายของเขากับเจ้าเพียงเมือง ไปยังเจดีย์สีขาวที่เก็บกระดูกของเจ้าเพียงเมือง เขาเล่าเรื่องราวความกล้าหาญและความเสียสละของแม่ให้ลูกฟัง ทิ้งท้ายด้วยความทรงจำและความรักที่ไม่มีวันจางหาย

เจ้ามิ่งหล้าในตอนจบ เธอได้รับการให้อภัยจากเจ้าศุขวงศ์และมีบทบาทในการเลี้ยงดูเจ้าไศลรัตน์ แม้จะต้องอยู่อย่างสำนึกผิดในสิ่งที่เธอเคยทำ

จุดเด่นและกระแสของละคร
→ การแสดง ณฐพร เตมีรักษ์ ในบทเจ้าเพียงเมือง ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากฉากดราม่าที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากเสียสละในตอนจบที่เรียกน้ำตาผู้ชม

→ ความสมจริง การใช้ภาษาคำเมือง สำเนียงเชียงใหม่ และเครื่องแต่งกายที่ประณีต ทำให้ละครมีความสมจริงและน่าติดตาม

→ กระแส ละครได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย มีการพูดถึงฉากสะเทือนใจและการแสดงของนักแสดงนำอย่างกว้างขวาง

ละครเรื่องนี้ได้รับการยกย่องในด้านการแสดง งานสร้าง และการถ่ายทอดอารมณ์ แต่ก็มีจุดที่ถูกวิจารณ์บ้าง ต่อไปนี้คือจุดเด่นและจุดด้อย

(จุดเด่น)

การแสดงอันทรงพลัง
• ณฐพร เตมีรักษ์ (เจ้าเพียงเมือง) โดดเด่นด้วยการถ่ายทอดบทบาทหญิงสาวผู้เข้มแข็ง รักชาติ และเสียสละได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากดราม่าในตอนท้ายที่เธอฝากลูกและเสียสละชีวิต กลายเป็นไฮไลต์ที่เรียกน้ำตาผู้ชม

• ปริญ สุภารัตน์ (เจ้าศุขวงศ์) แม้จะถูกวิจารณ์เรื่องสำเนียงในบางฉาก แต่เคมีกับณฐพรช่วยให้ความรักของทั้งคู่ดูน่าเชื่อถือ

• นิษฐา จิรยั่งยืน (เจ้ามิ่งหล้า) สามารถทำให้ผู้ชมทั้งรักทั้งชังในบทน้องสาวที่อิจฉาและวางแผนร้าย การแสดงของเธอในฉากดราม่าก็ทำได้ดี

• นักแสดงสมทบ เช่น วรุฒ วรธรรม และ ธนากร โปษยานนท์ เพิ่มมิติให้เรื่องราวด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ

งานสร้างและความสมจริง
• ฉากและเครื่องแต่งกาย การออกแบบฉากเมืองเชียงเงินและเมืองล้านนาอื่นๆ รวมถึงเครื่องแต่งกายที่ประณีต อิงประวัติศาสตร์สมัยปลายกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้ละครมีบรรยากาศสมจริง ผ้าซิ่น ผ้าไหม และเครื่องประดับล้านนาได้รับคำชมอย่างมาก

• ภาษาคำเมือง การใช้สำเนียงเหนือและภาษาคำเมืองในบทสนทนาช่วยเพิ่มความเป็นล้านนา แม้บางครั้งผู้ชมที่ไม่คุ้นอาจต้องตั้งใจฟัง แต่ถือเป็นจุดเด่นที่สร้างเอกลักษณ์

• ดนตรีประกอบ เพลงประกอบ เช่น หัวใจรอคำว่ารัก Ost.รากนครา l กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ l หัวใจรอคำว่ารัก (Female Version) Ost.รากนครา l มัชฌิมา มีบำรุง ช่วยเสริมอารมณ์และกลายเป็นเพลงฮิตในช่วงที่ละครออกอากาศ

เนื้อเรื่องและอารมณ์
เรื่องราวผสมผสานความรัก โศกนาฏกรรม และประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว การเล่าถึงความขัดแย้งระหว่างการรวมศูนย์อำนาจของสยามและการต่อสู้เพื่อเอกราชของเมืองเชียงเงินสะท้อนบริบทประวัติศาสตร์ได้ดี ฉากดราม่า โดยเฉพาะตอนจบที่เจ้าเพียงเมืองเสียสละชีวิตและฝากลูกไว้กับเจ้ามิ่งหล้า เป็นจุดพีคที่ผู้ชมพูดถึงมากที่สุด กระตุ้นอารมณ์และสร้างความประทับใจ

กระแสและความนิยม
ละครได้รับเรตติ้งเฉลี่ยสูง (ประมาณ 5-6 ในช่วงออกอากาศ) และเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโซเชียลมีเดีย มีแฮชแท็ก #รากนครา ติดเทรนด์ในหลายตอน การแสดงของณฐพรและฉากสะเทือนใจในตอนจบทำให้ละครกลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนละครพีเรียด

(จุดด้อย)

จังหวะเรื่องและความสมเหตุสมผล
บางช่วงของเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งแรก มีจังหวะที่ช้าเกินไป การปูเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและความรักใช้เวลานาน ทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่าต้องรอถึงครึ่งหลังถึงจะเข้มข้น ความเข้าใจผิดในรักสามเส้า (เจ้าศุขวงศ์-เจ้าเพียงเมือง-เจ้ามิ่งหล้า) บางครั้งดูยืดเยื้อและซ้ำซาก โดยเฉพาะการที่เจ้าศุขวงศ์หลงเชื่อเจ้ามิ่งหล้าง่ายเกินไป ทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกหงุดหงิด

สำเนียงและการออกเสียง
แม้ว่าการใช้ภาษาคำเมืองจะเป็นจุดเด่น แต่บางนักแสดง (โดยเฉพาะนักแสดงที่ไม่ใช่คนเหนือ) มีสำเนียงที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือออกเสียงผิด ทำให้สะดุดในบางฉาก ผู้ชมที่ไม่คุ้นภาษาเหนืออาจรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามในการฟังบทสนทนา

ตัวละครรองและบทที่ไม่สมดุล
บางตัวละครรอง เช่น เจ้าเพียงขวัญ (น้องชายของเจ้าเพียงเมือง) มีบทที่ดูไม่สมเหตุสมผลหรือตื้นเขินในบางฉาก ทำให้บทบาทของตัวละครเหล่านี้ไม่ค่อยมีน้ำหนัก บทของเจ้ามิ่งหล้าในฐานะตัวร้ายบางครั้งดูเกินจริง โดยเฉพาะการกระทำที่ร้ายกาจเกินกว่าที่ตัวละครวัยรุ่นควรจะทำได้

การตีความประวัติศาสตร์
แม้ว่าละครจะอิงประวัติศาสตร์ แต่บางส่วนถูกปรับให้ดราม่ามากขึ้นเพื่อความบันเทิง ทำให้ผู้ชมที่คาดหวังความสมจริงทางประวัติศาสตร์อาจรู้สึกว่ามีการบิดเบือน เช่น การพรรณนาความขัดแย้งระหว่างสยามและล้านนาที่ดูเกินจริงในบางจุด

คะแนน 8.5/10 (จาก sence9.com)

รากนครา เป็นละครที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครพีเรียดดราม่าและเรื่องราวความรักที่ผสมผสานกับบริบทประวัติศาสตร์ งานสร้างที่ประณีต การแสดงที่ยอดเยี่ยมของณฐพร เตมีรักษ์ และฉากสะเทือนใจในตอนจบทำให้ละครเรื่องนี้เป็นหนึ่งในละครพีเรียดที่น่าจดจำของช่อง 3 ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ผู้ชมที่ไม่ชอบจังหวะเรื่องช้าหรือรักสามเส้าที่ซับซ้อนอาจรู้สึกว่าบางช่วงน่าเบื่อ

แนะนำสำหรับ แฟนละครพีเรียด ผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวโศกนาฏกรรม และผู้ที่สนใจวัฒนธรรมล้านนา ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบละครจังหวะเร็วหรือไม่ชอบดราม่าหนักๆ ความรู้สึกหลัก อิน ซึ้ง เศร้า แต่ก็ภูมิใจในความเสียสละของตัวละครและความงดงามของวัฒนธรรมล้านนา

ละคร รากนครา เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ด้วยความที่เป็นละครพีเรียดดราม่าอิงประวัติศาสตร์ล้านนา เรื่องราวความรัก ความเสียสละ และความขัดแย้งทางการเมือง

ตื่นตากับงานสร้างและบรรยากาศล้านนา รู้สึกทึ่งและชื่นชมงานสร้างที่ใส่ใจรายละเอียด ฉากวัด เจดีย์ และบ้านเรือนล้านนาทำให้รู้สึกเหมือนได้สัมผัสประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต ความประทับใจแรก ตั้งแต่ฉากแรก ภาพเมืองเชียงเงิน ผ้าซิ่นล้านนา และเครื่องแต่งกายที่ประณีตทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 การใช้ภาษาคำเมืองและสำเนียงเหนือ (แม้บางครั้งจะต้องตั้งใจฟัง) ช่วยสร้างความรู้สึกสมจริงและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมล้านนา

อินกับความรักและความเสียสละ อินจนน้ำตาไหล รู้สึกชื่นชมความเข้มแข็งและจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าเพียงเมือง แต่ก็แอบเสียใจที่ความรักของเธอกับเจ้าศุขวงศ์ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ความรักของเจ้าศุขวงศ์และเจ้าเพียงเมือง เคมีระหว่าง ปริญ สุภารัตน์ และ ณฐพร เตมีรักษ์ ทำให้ฉากโรแมนติก เช่น การพบกันครั้งแรกหรือการสนทนาที่เต็มไปด้วยความหวัง อบอุ่นหัวใจ ผู้ชมอาจรู้สึกฟินและลุ้นให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน

ความเสียสละของเจ้าเพียงเมือง เมื่อเรื่องดำเนินไปถึงจุดที่เจ้าเพียงเมืองต้องเลือกระหว่างความรักและหน้าที่ต่อบ้านเมือง ความรู้สึกหน่วงในใจเริ่มก่อตัว โดยเฉพาะฉากที่เธออุ้มลูกมาฝากเจ้ามิ่งหล้าและออกไปสู้จนเสียชีวิต เป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมน้ำตาแตกและรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก

หงุดหงิดและโมโหกับรักสามเส้า ทั้งรักทั้งชังเจ้ามิ่งหล้า การแสดงของนิษฐาทำให้ตัวละครนี้มีมิติ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดใจกับความยืดเยื้อของความเข้าใจผิด บทของเจ้ามิ่งหล้า การกระทำของ เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) ที่อิจฉาและวางแผนร้ายเพื่อแย่งเจ้าศุขวงศ์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิดและโมโห โดยเฉพาะเมื่อเจ้าศุขวงศ์หลงเชื่อเธอและเข้าใจผิดเจ้าเพียงเมือง บางฉากอาจทำให้รู้สึกว่า “ทำไมไม่เคลียร์กันให้จบ!”

ลุ้นและตื่นเต้นกับความขัดแย้งทางการเมือง รู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของตัวละครและตื่นเต้นกับการเมืองในยุคนั้น แต่บางครั้งก็รู้สึกหนักใจกับความซับซ้อนของสถานการณ์ที่ตัวละครต้องเผชิญ เรื่องราวการต่อสู้เพื่อรักษาเอกราชของเมืองเชียงเงินท่ามกลางแรงกดดันจากสยามและชาติตะวันตก ทำให้รู้สึกลุ้นระทึก โดยเฉพาะฉากที่เจ้าเพียงเมืองต้องตัดสินใจนำทัพต่อสู้หรือยอมจำนน

ซึมและประทับใจกับตอนจบ รู้สึกหน่วงในใจแต่ก็อบอุ่นที่ได้เห็นความรักและความเสียสละถูกจดจำ ดนตรีประกอบอย่างเพลง “รากนครา” และ “เพียงคำเดียว” ยิ่งทำให้อารมณ์พุ่งถึงขีดสุด ฉากสุดท้าย ฉากที่เจ้าศุขวงศ์เล่าเรื่องความเสียสละของเจ้าเพียงเมืองให้ลูกชาย (เจ้าไศลรัตน์) ฟังที่หน้าเจดีย์สีขาว เป็นการปิดเรื่องที่ทั้งเศร้าและสวยงาม ผู้ชมอาจรู้สึกทั้งซึมและประทับใจกับความทรงจำและมรดกที่เจ้าเพียงเมืองทิ้งไว้

ละคร รากนครา ทำให้เหมือนการเดินทางผ่านความรัก ความสูญเสีย และความยิ่งใหญ่ของจิตใจมนุษย์ ผู้ชมจะรู้สึกฟินในช่วงโรแมนติก หงุดหงิดในช่วงดราม่า ลุ้นในช่วงการเมือง และสุดท้ายร้องไห้ในช่วงโศกนาฏกรรม ละครเรื่องนี้ทิ้งความประทับใจที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะการแสดงของณฐพรและฉากตอนจบที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนละคร แม้จะมีบางช่วงที่ยืดเยื้อ แต่ความสวยงามของเรื่องราวและงานสร้างทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่ได้ดู


ละคร รากนครา 2560

ละคร รากนครา 2560

ละคร รากนครา 2560 EP.1-18 ตอนจบCH3+​​​​

ฉากเด็ด ละคร รากนครา 2560

หัวใจรอคำว่ารัก Ost.รากนครา l กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ l Official MV หัวใจรอคำว่ารัก (Female Version) Ost.รากนครา l มัชฌิมา มีบำรุง l Official MV

ละคร รากนครา 2560

รากนครา เรื่องราวของ เจ้าศุขวงศ์ แห่งเมืองเชียงพระคำ เกิดตกหลุมรัก เจ้าแม้นเมือง หญิงสาวผู้ยึดมั่นรักแผ่นดินและแน่วแน่ในอุดมการณ์ของบรรพบุรุษ ที่ต้องการให้เชียงเงินได้เป็นเอกราชจากสยาม ซึ่งมีน้องสาวต่างแม่คือ เจ้ามิ่งหล้า หญิงสาวผู้เอาแต่ใจและอิจฉาริษยาที่พี่สาวมีชายหนุ่มมาตกหลุมรัก เจ้ามิ่งหล้าจึงวางอุบายดึงเจ้าศุขวงศ์มาใกล้ชิดตัวและวางแผนทำให้เจ้าแม้นเมืองเข้าใจผิด จนเกิดเป็นรักสามเส้า โศกนาฏกรรมทางความรักจึงอุบัติขึ้น โดยมีแผ่นดินเกิดเป็นเดิมพัน

ในปี พ.ศ.2427 เจ้าศุขวงศ์ หรือ เจ้าน้อย เดินทางกลับมาบ้านเกิดหลังจากที่จากไปเป็นเวลาถึง 15 ปี เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของ เจ้าราชบุตรศุษิระ ผู้ล่วงลับ เจ้าศุษิระเป็นผู้มีความคิดสมัยใหม่ เมื่อเห็นว่าอาณาจักรของเขาและบ้านพี่เมืองน้องในดินแดนล้านนาไม่สามารถดำรงความเป็นอิสระไว้ได้ จำเป็นต้องอาศัยบารมีของสยาม เพื่อปกป้องแผ่นดินจากการตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก เจ้าศุษิระจึงส่งเจ้าศุขวงศ์ไปศึกษาที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ แล้วเจ้าศุษิระและชายาก็ล้มป่วยเสียชีวิต หลังจากเจ้าศุขวงศ์เรียนจบ เขาได้กลับมารับราชการในราชสำนักสยาม

เจ้าศุขวงศ์ได้พา มิสเตอร์จอห์น แบร็กกิ้น ฝรั่งชาวอังกฤษซึ่งสนใจสำรวจป่าเพื่อหาลู่ทางทำไม้เดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกันกับเขา แท้จริงแล้วนั้นแบร็กกิ้นมีเบื้องหลังเป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัท บริติช บอร์เนียว บริษัทสัมปทานทำไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลมาก แบร็กกิ้นมีความประสงค์ที่จะมาสอดส่องทรัพยากรป่าไม้ในดินแดนล้านนา เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของอังกฤษในอนาคต เจ้าศุขวงศ์เคยมีบุญคุณช่วยชีวิตแบร็กกิ้นไว้ ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนที่รู้ใจและรู้เท่าทันกันทุกอย่าง เจ้าศุขวงศ์จึงตัดสินใจให้แบรกกิ้น อยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถควบคุมแบรกกิ้นได้โดยง่าย

การพาฝรั่งกลับบ้าน อีกทั้งการแต่งกายแบบสยามซึ่งรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกของเจ้าศุขวงศ์ ทำให้ เจ้าเรือนคำ ย่าของเขาไม่พอใจ เจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมให้เจ้าย่าเห็นว่าการพาแบร็กกิ้นมาด้วย แทนที่จะปล่อยให้แบรกกิ้นเข้ามาสำรวจป่าตามใจชอบนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเกิดเมืองนอน เพราะทำให้เขารู้เท่าทัน และสามารถรักษาผลประโยชน์ของอาณาจักรได้ เจ้าเรือนคำไม่ใคร่พอใจ แต่ด้วยความรักหลาน เจ้าเรือนคำก็ใจอ่อน เจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมเจ้าหลวงศรีวงศ์ซึ่งเป็นอา เจ้าหลวงคนปัจจุบันให้ยอมออกใบอนุญาตสำรวจป่าให้แบร็กกิ้น และศุขวงศ์ยังต้องการเข้าร่วมทุนทำไม้กับแบร็กกิ้นเพื่อควบคุมและรักษาสิทธิในการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ อินทร ข้าเก่าคนสนิทของเจ้าศุษิระได้แสดงตัวขอเป็นผู้รับใช้เจ้าศุขวงศ์ด้วยความจงรักภักดี
Learn more

วันหนึ่ง เจ้าหลวงศรีวงษ์ให้เจ้าศุขวงศ์เป็นผู้แทนเดินทางไปร่วมงานศพของ เจ้าสิงห์คำ เจ้าอุปราชเมืองเชียงเงินซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติ ศุขวงศ์จำต้องพาแบร็กกิ้นเดินทางไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจให้แบร็กกิ้นอยู่ไกลสายตา ที่เชียงเงินซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และเป็นประเทศราชของสยามด้วยเช่นกัน ศุขวงศ์ได้พบกับ เจ้าแม้นเมือง บุตรสาวคนโตของ เจ้าหลวงแสนอินทะ กลางดงชมพูป่าซึ่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งเพียง 10 วันในแต่ละปีเท่านั้น ศุขวงศ์รู้สึกสนใจในตัวแม้นเมืองมากเนื่องจากประทับใจในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ จากการสังเกต ศุขวงศ์พบว่าแม้นเมืองมีสถานภาพเป็นรอง เจ้ามิ่งหล้า น้องสาวต่างมารดามากทั้ง ๆ ที่แม้นเมืองเป็นพี่สาว เนื่องจาก เจ้านางข่ายคำ เจ้านางหลวงคนปัจจุบันซึ่งเป็นมารดาของมิ่งหล้า และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของแม้นเมือง เลี้ยงดูให้แม้นเมืองต้องยอมมิ่งหล้าทุกอย่าง ด้วยความกลัวว่าแม้นเมืองจะได้ดีกว่าลูกสาวของตน ศุขวงศ์ยังได้รู้จักกับ เจ้าหน่อเมือง พี่ชายแท้ ๆ ของแม้นเมืองซึ่งได้รับตำแหน่งเจ้าอุปราชต่อจากเจ้าสิงห์คำผู้ล่วงลับ หน่อเมืองแสดงความไม่ชอบใจศุขวงศ์ตั้งแต่แรกเห็น เนื่องจากรูปลักษณ์และความคิดของศุขวงศ์ยืนยันชัดเจนว่าเขายอมหมอบราบคาบแก้วให้กับสยามและตะวันตก ทั้งนี้ หลังจากที่มารดาเสียชีวิต และเจ้าหลวงแสนอินทะ บิดาได้สมรสใหม่ เจ้าหน่อเมืองและเจ้าแม้นเมืองสองพี่น้องก็อยู่ในความดูแลของเจ้าอุปราชสิงห์คำผู้มีความรักชาติอย่างแรงกล้า ทำให้ทั้งหน่อเมืองและแม้นเมืองได้รับการปลูกฝังให้รักความอิสระ เชื่อมั่นในเสรีภาพ และมุ่งมั่นกระทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เชียงเงินเป็นรัฐอิสระให้ได้

จากการสนทนาทำให้ศุขวงศ์ทราบว่าเจ้าหลวงแสนอินทะเอง ก็มีความมุ่งมั่นในการแยกตัวเป็นอิสระ และรังเกียจตะวันตกอย่างยิ่ง เจ้าศุขวงศ์มีโอกาสได้พบเจ้าแม้นเมืองตามลำพังที่ดงชมพูป่า แม้นเมืองแสดงความเชื่อของเธออย่างเปิดเผยว่าการยอมรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติอื่นมาเป็นของตน เช่นที่ศุขวงศ์กระทำ เป็นการแสดงออกถึงความไร้ราก ไร้ความคิด และไร้ศักดิ์ศรี ทว่าคำบอกเล่าของศุขวงศ์เรื่องเมืองมัณฑ์ เมืองใหญ่ในแถบนั้นซึ่งเป็นเมืองอิสระและไม่เคยยอมก้มหัวให้สยามและตะวันตก กำลังจะกลายเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกภายในเวลาไม่นาน ก็ทำให้แม้นเมืองเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของเธอ แต่แม้นเมืองก็พยายามเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา และโต้ตอบศุขวงศ์ว่าการล่มสลายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองของเชียงเงินเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจมากกว่าการยอมปรับเปลี่ยนตัวเอง

ในงานศพของเจ้าอุปราชสิงห์คำ เจ้าแม้นเมืองแสดงความโศกเศร้าอย่างยิ่ง และตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าศุขวงศ์ตลอดเวลา เจ้ามิ่งหล้าซึ่งเคยชินกับการได้รับความสนใจ และต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ สังเกตเห็นสายตาของศุขวงศ์ที่มองแม้นเมือง ทำให้มิ่งหล้าไม่พอใจ และหาทางเอาชนะแม้นเมืองให้ได้ มิ่งหล้าได้ออกอุบายเพื่อให้ตนได้ใกล้ชิดกับศุขวงศ์ มิ่งหล้าพูดให้พี่สาวเข้าใจว่าศุขวงศ์สนใจปองรักตน

เจ้าศุขวงศ์พยายามหาโอกาสใกล้ชิดกับเจ้าแม้นเมือง เขาจึงตอบรับคำขอของเจ้ามิ่งหล้าที่ขอให้เขาเข้าไปแปลหนังสือภาพภาษาอังกฤษให้เธอ ทว่าศุขวงศ์ไม่เคยมีโอกาสได้พบแม้นเมืองในคุ้มหลวงเลยสักครั้ง จนวันหนึ่ง ทั้งสองได้พบกันที่ดงชมพูป่าโดยบังเอิญ ศุขวงศ์จึงมีโอกาสสัมผัสตัวตนที่อ่อนโยนของแม้นเมือง จากเหตุการณ์ที่เธอพยายามช่วยนำลูกนกที่ตกจากรังไปใส่คืนไว้ในรังของมัน ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดีเป็นครั้งแรก ศุขวงศ์ออกปากว่าเขาจะมารอพบแม้นเมืองที่ดงชมพูป่านี้ทุกวัน ไม่ว่าเธอจะมาหรือไม่ก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่ามิ่งหล้ายังคงเพียรพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้แม้นเมืองเชื่อว่าศุขวงศ์หลงรักตน แม้นเมืองจึงพยายามขจัดความรู้สึกสนใจที่เธอเริ่มมีให้ศุขวงศ์ออกไปจากใจ ด้วยความรักน้องสาว

เจ้าหลวงแสนอินทะและเจ้าหน่อเมืองร่วมกันวางแผนการสามทาง เพื่อการประกาศตัวเป็นรัฐอิสระของเชียงเงิน เริ่มด้วยการให้หน่อเมืองเดินทางไปรับสารตราตั้งตำแหน่งเจ้าอุปราช และดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยายอมเป็นข้าของสยามที่เชียงใหม่ ในขณะเดียวกันก็วางแผนส่งตัวมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์ และสุดท้าย จัดการให้แม้นเมืองแต่งงานกับศุขวงศ์เพื่อทำให้ญาติฝ่ายล้านนาตายใจ ว่าเชียงเงินไม่ได้เอาใจออกห่างหมู่ญาติ มิ่งหล้าอาละวาดอย่างหนัก เธอบีบบังคับให้แม้นเมืองรับอาสาเดินทางไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์แทนเธอ ด้วยความรักชาติ แม้นเมืองจึงยอมทำตามคำขอ ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากเมืองมัณฑ์ระบุมาว่าต้องการตัวมิ่งหล้าซึ่งมีสถานะสูงกว่าแม้นเมือง เจ้านางข่ายคำสนับสนุนความคิดที่จะส่งมิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์ เนื่องจากเกรงว่าแม้นเมืองจะกลายเป็นผู้มีความสำคัญมากกว่าลูกสาวของตน เจ้านางข่ายคำจึงบีบบังคับให้แม้นเมืองเกลี้ยกล่อมมิ่งหล้าให้ได้ มิ่งหล้าโกรธมาก เพราะไม่เคยถูกขัดใจมาก่อนในชีวิต ประกอบกับเมื่อมิ่งหล้ารู้ว่าแม้นเมืองได้รับการวางตัวให้แต่งงานกับศุขวงศ์ ความโกรธจนขาดสติทำให้มิ่งหล้าประกาศตัดพี่ตัดน้องกับแม้นเมือง

เจ้ามิ่งหล้าลอบหนีออกไปจากคุ้มหลวงเพื่อไปขอให้เจ้าศุขวงศ์ช่วยพาเธอหนี เธอขู่จะฆ่าตัวตายหากศุขวงศ์ไม่ยอมช่วย ศุขวงศ์เห็นแก่ความเป็นญาติ และยังเล็งเห็นว่าการที่เชียงเงินส่งมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์นั้นเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากอีกไม่นานเมืองมัณฑ์ต้องเสียเมืองแก่ตะวันตกแน่นอน มิ่งหล้าดีใจมากที่ศุขวงศ์ยอมรับปาก แต่เรื่องกลับรู้ถึงหูของเจ้าหลวงแสนอินทะเสียก่อน ศุขวงศ์รู้ไม่เท่าทัน จึงไปลอบพาตัวแม้นเมืองที่ปลอมตัวเป็นมิ่งหล้ามา ทำให้เขาต้องแต่งงานกับแม้นเมือง ส่วนมิ่งหล้าก็ต้องถูกส่งตัวไปเมืองมัณฑ์ในที่สุด

แม้นเมืองเดินทางไปยังเชียงพระคำ พร้อมกับศุขวงศ์ เขียนจันทร์ คำแก้ว อินทร โดยมีหน่อเมืองตามไปส่ง ทั้งสองตกเป็นของกันและกัน โดยที่แม้นเมืองยังเข้าใจผิด คิดว่าศุขวงศ์มีใจรักต่อมิ่งหล้า ส่วนศุขวงศ์เองก็ยังคิดน้อยใจ ว่าแม้นเมืองไม่รักตน แต่ที่ยอมแต่งงานด้วย เพราะต้องการช่วยเหลือบ้านเมืองของตน

ศุขวงศ์พาแม้นเมืองกลับมาที่เชียงพระคำ เจ้าย่าอดแปลกใจไม่ได้ที่ศุขวงศ์แต่งงานอย่างกะทันหัน แต่คนที่เสียใจที่สุด เห็นจะเป็นละอองคำ ลูกพี่ลูกน้องของศุขวงศ์ที่แอบหลงรักศุขวงศ์มาอย่างเนิ่นนาน สุดท้ายเจ้าย่าเรือนคำตัดสินใจ ขอให้ละอองคำเป็นเมียของศุขวงศ์อีกคน โดยพูดต่อหน้าแม้นเมือง แม้นเมืองไม่ว่ากระไร เพราะให้เกียรติศุขวงศ์ แต่ศุขวงศ์เองเสียอีกที่ไม่ยอมแตะต้องละอองคำ จนทำให้ละอองคำละอายใจ ถึงขนาดตั้งใจผูกคอตาย ดีที่บัวผันช่วยไว้ได้ทัน แม้นเมืองไม่ได้ต่อว่าอะไรละอองคำ มีเพียงคำให้กำลังใจ ขอให้ละอองคำรักษาตัวให้หายโดยไว้ ทำให้ละอองคำได้คิด ว่าแม้นเมืองคือผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อม ถึงทำให้ศุขวงศ์รักเช่นนั้น ศุขวงศ์เตือนสติให้ละอองคำ อยู่กับคนที่รักละอองคำอย่างแท้จริง ชีวิตจะได้ไม่ต้องทุกข์ระทมไปตลอด ศุขวงศ์บอกกับเจ้าย่า ว่าจักรคำคือผู้ชายที่หมายปองละอองคำมาเนิ่นนาน สุดท้ายศุขวงศ์จึงพาจักรคำมาเยี่ยมละอองคำ จักรคำและละอองคำจึงเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น และตกลงใจคบหากันต่อไป ซึ่งทั้งคู่ก็มีโครงการจะแต่งงานกันในไม่ช้า

ด้านเจ้านางข่ายคำ ก็พาขบวนของมิ่งหล้ามายังเมืองมัณฑ์ โดยมีฟองจันทร์ตามมารับใช้มิ่งหล้าอีกด้วย การเข้าพบกษัตริย์เมืองมัณฑ์ เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้านางปัทมสุดา เจ้านางหลวงของกษัตริย์ หาวิธีกีดกันสารพัด โดยมีลูกน้องคู่ใจอย่าง ขิ่นแหม่และนางมิ่น เป็นคนรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยความที่อยากเอาชนะ มิ่งหล้าก็หาวิธีจนได้ ด้วยการให้กรมวังเป็นคนดูต้นทางให้ กษัตริย์และมิ่งหล้าได้พบกันในที่สุด แล้วมิ่งหล้าก็ได้ถวายตัวให้แก่กษัตริย์ เจ้านางปัมสุดาแค้นจัด กุเรื่องว่าตนเองท้อง โดยมีนางมิ่นรู้ความลับ ว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้านางไม่ได้ท้องอย่างที่เอ่ยอ้าง ความโลภมากของนางมิ่นทำให้เธอแอบยักยกทรัพย์สินเงินทองไว้เป็นส่วนตัว จนเรื่องรู้ถึงหูเจ้านางปัทมสุดา นางมิ่นถูกเฆี่ยนปางตาย เอาชีวิตเกือบไม่รอด ดีที่มิ่งหล้ามาช่วยไว้ เพราะหวังจะให้นางมิ่นมาช่วยงานใหญ่ สุดท้ายพอนางมิ่นหายดี มิ่งหล้าก็นำความลับขึ้นทูลถวายกษัตริย์ เป็นฎีการ้องเรียนเรื่องที่เจ้านางปัทมสุดาไม่ได้ท้อง แต่กล่าวเท็จต่อกษัตริย์ เจ้านางปัทมสุดาลงทุนฆ่าปิดปากแม้กระทั่งหมอ และคนใกล้ชิดทุกคน แต่สุดท้าย นางมิ่นกลับมาเป็นพยานปากเอกให้กับมิ่งหล้า จนทำให้เจ้านางปัทมสุดาถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เจ้านางข่ายคำหลงว่ามิ่งหล้าจะได้ขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปที่เชียงเงิน และจับได้ว่า เจ้าหลวงแสนอินทะนำผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าขึ้นมาเป็นเมียอีกคน ด้วยความแค้น เจ้านางข่ายคำก็ทำร้าย เฆี่ยนตี จนหญิงผู้นั้นถึงแก่ความตาย เจ้าหลวงแสนอินทะโกรธมาก และได้รู้ถึงความโหดเหี้ยม ที่สำคัญ เจ้านางข่ายคำสารภาพออกมา ว่าเธอคือคนที่ฆ่าแม่ของแม้นเมืองเสียชีวิต ทำให้เจ้าหลวงแสนอินทะหมดความปรานีต่อ เลิกรากันในที่สุด เจ้านางข่ายคำไม่สนใจ กลับไปหามิ่งหล้าที่เมืองมัณฑ์ทันที

เจ้านางปัทมสุดาให้ขิ่นแหม่นำกำลังทหารไปจับตัวมิ่งหล้ามาทรมานจนเกือบปางตาย ฟองจันทร์รอดชีวิตมาได้ ออกตามหาคนของศุขวงศ์ เพื่อส่งข่าวให้ศุขวงศ์มาช่วยมิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์เสียที ส่วนนางมิ่นก็ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ ศพถูกแขวนประจานให้แร้งกากิน กรมวังเองก็เอาชีวิตไม่รอด เจ้านางปัทมสุดาไม่ปล่อยให้ใครเล็ดรอดชีวิตไปได้ ระหว่างนั้น ความรักของแม้นเมืองกับเจ้าศุขวงศ์ก็กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แม้นเมืองท้องแก่จนเจ็บท้องคลอด ศุขวงศ์ดีใจมาก เขาได้ลูกชาย และตั้งชื่อว่า เจ้าภูแก้ว หรือเจ้าไศลรัตน์

เจ้านางข่ายคำจะมาหามิ่งหล้า แต่ถึงแค่ชายป่าเมืองมัณฑ์ ก็ถูกโจรปล้นทรัพย์สมบัติจนหมด ส่วนเมืองมัณฑ์ก็ถูกอังกฤษตีแตก กษัตริย์และเจ้านางปัทมสุดา ถูกคุมตัวขึ้นเรือไปประเทศอินเดีย โชคดีที่เจ้าศุขวงศ์มาช่วยมิ่งหล้าได้ทัน ทำให้มิ่งหล้ารอดชีวิตมาได้หวุดหวิด เมื่อแม้นเมืองได้เห็นสภาพของมิ่งหล้าก็ใจหาย นึกสงสารน้องจับใจ รู้สึกผิดที่ตนเองมีส่วนทำให้มิ่งหล้าต้องเดินทางไปที่เมืองมัณฑ์ และยังคงคิดว่าศุขวงศ์ยังรักมิ่งหล้าอยู่ จึงตั้งใจจะคืนทุกอย่างให้กับมิ่งหล้า

ศุขวงศ์บอกเจ้าย่าเรื่องที่จะไปเชียงใหม่ เพื่อประชุมกำหนดเขตแดน ฝ่ายเมืองมัณฑ์จะมีผู้แทนจากอังกฤษมาหลายคน ศุขวงศ์บอกเจ้าย่าว่า อังกฤษพยายามปลุกปั่นให้เชียงเงินเป็นอิสระจากสยาม เพื่อจะได้เข้ายึดครองเชียงเงินได้อย่างง่ายดาย ง่ายกว่าการตัดเฉือนเอาจากสยาม หน่อเมืองมาหาแม้นเมืองที่เชียงพระคำ บอกว่าจะประกาศความเป็นอิสระ และจะพาแม้นเมืองกลับเชียงเงิน หลังจากประชุมที่เชียงใหม่เสร็จ โดยไม่ยอมให้แม้นเมืองนำลูกที่มีกับศุขวงศ์ ที่มีเชื้อสายของเชียงพระคำกลับไปด้วย หัวใจของแม้นเมืองเจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยาย มิ่งหล้าเริ่มมีอาการดีขึ้น ยอมรับกับแม้นเมืองว่า ความทะเยอทะยาน อยากเอาชนะ ทำให้ตนมีสภาพเช่นนี้

ที่เชียงใหม่ หน่อเมืองบอกว่า เชียงเงินเป็นรัฐอิสระ ในนามตัวแทนเจ้าหลวงแห่งเชียงเงิน ไม่ขึ้นต่อสยาม แต่แล้วศุขวงศ์ก็เอาหนังสือที่มีตราประทับของเจ้าหลวงแสนอินทะออกมา หนังสือลงนามกำกับประทับตราแต่งตั้งเจ้าผาคำ สำเร็จราชการแทนเจ้าหลวงแสนอินทะ และสั่งปลดหน่อเมืองออกจากการเป็นอุปราชแห่งเชียงเงินแล้ว ซึ่งข้อนี้เองที่ทำให้หน่อเมืองได้รับรู้ถึงแผนการอันแยบยลของศุขวงศ์ และแค้นใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ศุขวงศ์ส่งคนไปที่บ้านของตน และบังคับให้พ่อของตนเองต้องทำเรื่องเช่นนี้ และอาฆาตแค้น จะต้องฆ่าศุขวงศ์ให้ได้ โดยที่ศุขวงศ์นั้นมีเจตนาไม่ต้องการให้เชียงเงินถูกครอบครองโดยอังกฤษ

หน่อเมืองกลับมาหาแม้นเมืองอีกครั้ง นัดแนะให้แม้นเมืองหลอกพาศุขวงศ์ไปให้ตนเองฆ่า แม้นเมืองจำใจรับปาก ทั้งที่หัวใจเจ็บปวด ก่อนที่ศุขวงศ์จะเดินทางกลับมาถึงเรือน แม้นเมืองก็อุ้มลูกไปฝากไว้กับมิ่งหล้า สั่งเสียให้มิ่งหล้าดูแลลูกของตนเองให้ดี แล้วแม้นเมืองก็ปลอมตัวเป็นชายไปหาหน่อเมืองในนามของศุขวงศ์ ความคั่งแค้น บดบังตา จนทำให้หน่อเมืองฆ่าน้องสาวตนเอง ส่วนแม้นเมืองนั้นดีใจที่ได้ตอบแทนความรักที่เธอมีให้ต่อศุขวงศ์อย่างแท้จริง เธอได้สละชีวิตให้กับคนที่เธอรัก และอีกประการหนึ่งที่สำคัญ เธอได้ทดแทนคุณของแผ่นดินเกิด ที่หน่อเมืองมักอ้างถึงความเป็นอิสระของเชียงเงิน ได้ทำหน้าที่ระบายแค้นแก่พี่ชายของเธอ แม้นเมืองเขียนจดหมายสั่งลาหน่อเมืองไว้ล่วงหน้า และขอร้องว่าไม่อยากให้หน่อเมืองกลับมาเหยียบแผ่นดินเชียงพระคำของศุขวงศ์อีก ศุขวงศ์กลับมาที่เรือนจึงรู้ความจริงจากมิ่งหล้า แต่เขาก็มาไม่ทันได้ช่วยชีวิตแม้นเมือง มีเพียงแต่คำบอกรักของแม้นเมือง เป็นคำสุดท้ายที่ศุขวงศ์ได้ยินจากแม้นเมือง แล้วจากนั้นเธอก็สิ้นลม

20 ปีต่อมา ศุขวงศ์บอกเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งหมดให้แก่เจ้าไศลรัตน์ฟัง ศุขวงศ์ยังคงรักและคิดถึงแม้นเมืองทุกลมหายใจ ไศลรัตน์ก้มลงกราบเจดีย์ของแม้นเมือง ที่ซึ่งศุขวงศ์บอกว่า เป็นที่เก็บกระดูกของหญิงที่มากไปด้วยความเสียสละ และความรักที่มีต่อทุกคน ติดตามชมความเข้มข้นของละคร รากนครา

บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
บทโทรทัศน์โดย : ยิ่งยศ ปัญญา
กำกับการแสดงโดย : พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ผลิตโดย : บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : ธัญญา-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

นักแสดง

→ ปริญ สุภารัตน์ รับบท เจ้าศุขวงศ์

ปริญ สุภารัตน์

ตัวละครหลักที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องราวความรัก ความเสียสละ และความขัดแย้งทางการเมืองในหัวเมืองเหนือสมัยรัชกาลที่ 5

เจ้าศุขวงศ์เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในล้านนา เมื่อสยามพยายามรวมศูนย์อำนาจ เขาคือตัวเชื่อมระหว่างราชสำนักกรุงเทพฯ และหัวเมืองเหนือ ความรักของเขากับเจ้าเพียงเมืองเป็นแกนหลักของเรื่อง ผลักดันให้เกิดทั้งความหวานและโศกนาฏกรรม ในตอนจบ เจ้าศุขวงศ์กลายเป็นพ่อที่เลี้ยงดูลูกชายและถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าเพียงเมือง สะท้อนบทบาทของผู้รักษาความทรงจำและมรดกของล้านนา

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความภักดีและอุดมการณ์
เจ้าศุขวงศ์เป็นตัวแทนของขุนนางรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาจากกรุงเทพฯ ทำให้เขามีมุมมองสมัยใหม่และยึดมั่นในภารกิจของราชสำนักสยามที่ต้องการรวมศูนย์อำนาจหัวเมืองเหนือ เขามีความภักดีต่อสยามและเชื่อว่าการปฏิรูปจะนำความเจริญมาสู่ล้านนา แต่ความภักดีนี้ทำให้เขาขัดแย้งกับ เจ้าเพียงเมือง ซึ่งยึดมั่นในเอกราชของเมืองเชียงเงิน

ตัวอย่าง ในช่วงต้นเรื่อง เขาพยายามเจรจากับ เจ้าหลวงแสนอินทะ เพื่อให้ยอมรับการปกครองของสยาม แสดงถึงความมุ่งมั่นในหน้าที่

ความรักและความอ่อนไหว
เจ้าศุขวงศ์เป็นคนโรแมนติกและจริงใจในความรักที่มีต่อเจ้าเพียงเมือง ตั้งแต่แรกพบในงานศพของ เจ้าอุปราชสิงห์คำ เขาหลงรักความงามและจิตใจที่เข้มแข็งของเธอ อย่างไรก็ตาม เขามีด้านที่อ่อนไหวและขาดการตัดสินใจที่เด็ดขาดในเรื่องความรัก โดยเฉพาะเมื่อถูกเจ้ามิ่งหล่ายุยงให้เข้าใจผิดว่าเจ้าเพียงเมืองไม่ซื่อสัตย์

ตัวอย่าง เขาเชื่อคำโกหกของเจ้ามิ่งหล้าในบางช่วง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม สะท้อนถึงความลังเลและการขาดประสบการณ์ในความสัมพันธ์

ความกล้าหาญและการเติบโต
ในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง เจ้าศุขวงศ์แสดงความกล้าหาญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการรุกรานของต่างชาติในเมืองเชียงเงิน เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเมืองและคนที่รัก การสูญเสียเจ้าเพียงเมืองเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาเติบโตเป็นชายหนุ่มที่เข้มแข็งและแบกรับความรับผิดชอบในฐานะพ่อของ เจ้าไศลรัตน์

ตัวอย่าง ในตอนจบ (20 ปีต่อมา) เขาเล่าเรื่องราวความเสียสละของเจ้าเพียงเมืองให้ลูกชายฟังที่หน้าเจดีย์สีขาว แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่และการยอมรับอดีต

ข้อจำกัดของตัวละคร
เจ้าศุขวงศ์ถูกวิจารณ์จากผู้ชมบางส่วนว่าเป็นตัวละครที่ “ใจอ่อน” เกินไป โดยเฉพาะในเรื่องความรัก การที่เขาหลงเชื่อเจ้ามิ่งหล้าและไม่เคลียร์ความเข้าใจผิดกับเจ้าเพียงเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิด เขามักอยู่ในภาวะ “ติดอยู่ระหว่างความจงรักภักดีต่อสยามและความรักต่อเจ้าเพียงเมือง” ซึ่งบางครั้งทำให้ดูขาดความเด็ดเดี่ยว

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์
(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เข้าถึงง่ายและมีเสน่ห์ ปริญ สุภารัตน์ถ่ายทอดภาพลักษณ์ของขุนนางหนุ่มเจ้าเสน่ห์ได้ดี โดยเฉพาะในฉากโรแมนติกที่เคมีกับณฐพรลงตัว แสดงถึงความขัดแย้งภายในใจระหว่างหน้าที่และความรักได้อย่างน่าสนใจ สะท้อนความซับซ้อนของยุคสมัย การพัฒนาจากหนุ่มที่ลังเลสู่ชายหนุ่มที่ยอมรับความสูญเสียในตอนจบ ทำให้ตัวละครมีมิติ

(จุดด้อย)
ความลังเลในเรื่องความรักและการตัดสินใจบางครั้งทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครขาดความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าเพียงเมืองที่เด็ดเดี่ยวกว่า สำเนียงคำเมืองของปริญในบางฉากดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจสะดุดสำหรับผู้ชมที่คาดหวังความสมจริงของภาษาเหนือ

การแสดงของปริญ สุภารัตน์
จุดเด่น ปริญถ่ายทอดความเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์และความอ่อนโยนของเจ้าศุขวงศ์ได้ดี ฉากโรแมนติกและฉากดราม่าในตอนท้าย (เช่น ฉากที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเจ้าเพียงเมือง) แสดงถึงความเศร้าและความสูญเสียได้น่าประทับใจ

จุดที่ถูกวิจารณ์ สำเนียงคำเมืองที่บางครั้งดูไม่ลื่นไหล และการแสดงในฉากที่ต้องแสดงความเด็ดเดี่ยวอาจยังไม่ถึงพลังเท่ากับนักแสดงนำคนอื่น เช่น ณฐพร

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมชื่นชอบเคมีของปริญกับณฐพร แต่บางส่วนรู้สึกว่าเจ้าศุขวงศ์ในบทบาทของปริญดู “อ่อน” เกินไปเมื่อเทียบกับความคาดหวังของตัวเอกชาย

เจ้าศุขวงศ์ เป็นตัวละครที่สะท้อนความขัดแย้งระหว่างหน้าที่และความรักในยุคเปลี่ยนผ่านของล้านนา เขาเป็นชายหนุ่มที่ทั้งน่ารักและน่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน ด้วยความจริงใจแต่ขาดเด็ดขาดในบางสถานการณ์ การแสดงของปริญ สุภารัตน์ช่วยให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์และเข้าถึงผู้ชมได้ แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องสำเนียงและพลังในบางฉาก เจ้าศุขวงศ์ยังคงเป็นตัวละครที่สำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวและสร้างความประทับใจใน รากนครา

→ ณฐพร เตมีรักษ์ รับบท เจ้าแม้นเมือง

hq720
ณฐพร เตมีรักษ์

ตัวละครเอกหญิงที่เป็นหัวใจของเรื่อง ด้วยความกล้าหาญ ความเสียสละ และความรักที่มั่นคง เธอเป็นตัวละครที่ได้รับการยกย่องอย่างมากจากผู้ชม

เจ้าเพียงเมืองเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งล้านนา เธอต่อสู้เพื่อปกป้องวัฒนธรรมและเอกราชของเมืองเชียงเงินท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ความรักของเธอกับเจ้าศุขวงศ์และการเสียสละในตอนจบเป็นแกนหลักที่ขับเคลื่อนอารมณ์ของเรื่อง ทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งซึ้งและเศร้า

มรดกแห่งความเสียสละ การตายของเธอทิ้งมรดกให้เมืองเชียงเงินรอดพ้นจากการยึดครองของต่างชาติ และเรื่องราวของเธอถูกจดจำผ่าน เจ้าไศลรัตน์ ลูกชายของเธอ

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความรักชาติและอุดมการณ์
เจ้าเพียงเมืองเป็นตัวแทนของความหวงแหนเอกราชของเมืองเชียงเงิน เธอยึดมั่นว่าบ้านเมืองต้องมาก่อนความสุขส่วนตัว และพร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชนและวัฒนธรรมล้านนา เธอต่อต้านการรวมศูนย์อำนาจของสยามในช่วงแรก เพราะมองว่าเป็นการสูญเสียอิสรภาพของเมือง แต่ก็ค่อยๆ เข้าใจความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงเมื่อเผชิญภัยคุกคามจากชาติตะวันตก

ตัวอย่าง เธอตัดสินใจนำทัพต่อสู้กับกองกำลังต่างชาติจากเมืองมัณฑ์ แม้รู้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต แสดงถึงความกล้าหาญและจิตใจที่ยิ่งใหญ่

ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
เจ้าเพียงเมืองเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ เธอฉลาด มีไหวพริบ และสามารถรับมือกับสถานการณ์วิกฤตได้ดี แม้จะเป็นผู้หญิงในสังคมที่ผู้ชายมีอำนาจนำ เธอไม่ยอมก้มหัวให้กับความอยุติธรรม และมักยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องเผชิญความกดดันจากทั้งครอบครัวและศัตรู

ตัวอย่าง ฉากที่เธอเผชิญหน้ากับ เจ้าอุปราชหน่อเมือง หรือเจรจากับขุนนางสยาม แสดงถึงความมั่นใจและความเป็นผู้นำ

ความรักและความเปราะบาง
ในด้านความรัก เจ้าเพียงเมืองมีความอ่อนโยนและมั่นคง เธอรัก เจ้าศุขวงศ์ อย่างสุดหัวใจ แต่ความรักของทั้งคู่ต้องเผชิญอุปสรรคจากความขัดแย้งทางการเมืองและการยุยงของเจ้ามิ่งหล้า เธอมีความเปราะบางเมื่อต้องเผชิญกับความเข้าใจผิด โดยเฉพาะเมื่อเจ้าศุขวงศ์เชื่อว่าเธอไม่ซื่อสัตย์ แต่เธอเลือกเก็บความเจ็บปวดไว้และมุ่งหน้าทำหน้าที่ต่อไป

ตัวอย่าง ฉากที่เธอตั้งครรภ์ลูกของเจ้าศุขวงศ์แต่ไม่บอกเขา และตัดสินใจฝากลูกไว้กับเจ้ามิ่งหล้า สะท้อนถึงความรักที่เสียสละและความเจ็บปวดที่เธอแบกรับคนเดียว

ความเสียสละและโศกนาฏกรรม
จุดเด่นที่สุดของเจ้าเพียงเมืองคือการเสียสละ เธอเลือกปกป้องเมืองเชียงเงินและประชาชน แม้ต้องแลกด้วยชีวิตและความสุขส่วนตัว การตายของเธอในสนามรบเป็นจุดไคลแมกซ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นวีรสตรีในใจผู้ชม และทิ้งมรดกแห่งความกล้าหาญไว้ให้ เจ้าไศลรัตน์ ลูกชายของเธอ

ตัวอย่าง ฉากที่เธออุ้มลูกมาฝากเจ้ามิ่งหล้าและกล่าวคำอำลาก่อนออกไปสู้ เป็นฉากที่สะเทือนใจและแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของจิตใจ

พัฒนาการของตัวละคร
จากหญิงสาวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์และต่อต้านสยามในช่วงแรก เจ้าเพียงเมืองค่อยๆ เติบโตเป็นผู้นำที่เข้าใจความซับซ้อนของการเมืองและยอมรับความจำเป็นของการประนีประนอม การเป็นแม่ในช่วงท้ายทำให้เธอแสดงด้านที่อ่อนโยนและเปราะบางมากขึ้น แต่ก็ยิ่งตอกย้ำความเข้มแข็งเมื่อต้องตัดสินใจทิ้งลูกเพื่อปกป้องบ้านเมือง

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครหญิงที่เข้มแข็งและสร้างแรงบันดาลใจ เธอไม่เพียงเป็นนางเอกในเรื่องความรัก แต่ยังเป็นผู้นำและวีรสตรีที่ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม มีความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งและความเปราะบาง ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและอินกับตัวละคร การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวและการเสียสละในตอนจบทำให้เธอเป็นตัวละครที่น่าจดจำและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนางเอกที่ทรงพลังในละครไทย

(จุดด้อย)
บางครั้งการยึดมั่นในอุดมการณ์ของเธออาจดูดื้อรั้นเกินไปในช่วงแรก ทำให้เกิดความขัดแย้งที่อาจหลีกเลี่ยงได้ การที่เธอไม่เปิดเผยความจริงกับเจ้าศุขวงศ์เกี่ยวกับความเข้าใจผิดหรือการตั้งครรภ์ อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครเลือกทางที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมโดยไม่จำเป็น

การแสดงของณฐพร เตมีรักษ์
ณฐพรถ่ายทอดความเข้มแข็งและความอ่อนโยนของเจ้าเพียงเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในฉากดราม่าที่ต้องแสดงความเจ็บปวดและความเสียสละ เช่น ฉากฝากลูกกับเจ้ามิ่งหล้า ซึ่งกลายเป็นไฮไลต์ที่ผู้ชมจดจำ สำเนียงคำเมืองของเธอเป็นธรรมชาติและช่วยเพิ่มความสมจริงให้ตัวละคร

เคมีกับปริญ สุภารัตน์ในฉากโรแมนติกทำให้ความรักของทั้งคู่ดูน่าเชื่อถือและน่าลุ้น กระแสจากผู้ชม ณฐพรได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ โดยเฉพาะฉากตอนจบที่ถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดีย ว่า “เล่นดีจนน้ำตาแตก” และ “เป็นนางเอกที่ทรงพลัง” การแสดงของเธอทำให้เจ้าเพียงเมืองกลายเป็นตัวละครที่เป็นไอคอนของละครพีเรียดไทย

เจ้าเพียงเมือง เป็นตัวละครที่เปี่ยมด้วยความเข้มแข็ง ความรัก และความเสียสละ เธอไม่เพียงเป็นนางเอกที่สวยงามและน่ารัก แต่ยังเป็นวีรสตรีที่ยอมสละชีวิตเพื่อบ้านเมือง การแสดงของ ณฐพร เตมีรักษ์ ยกระดับให้เจ้าเพียงเมืองกลายเป็นตัวละครที่ทรงพลังและน่าจดจำ โดยเฉพาะฉากตอนจบที่กลายเป็นตำนานของละครไทย เธอเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณล้านนาและความรักที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ รากนครา เป็นมากกว่าละคร แต่เป็นเรื่องราวของความกล้าหาญที่ตราตรึงใจผู้ชม

→ นิษฐา จิรยั่งยืน รับบท เจ้ามิ่งหล้า

นิษฐา จิรยั่งยืน

ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในฐานะน้องสาวต่างมารดาของ เจ้าเพียงเมือง และตัวละครที่สร้างความขัดแย้งในรักสามเส้า เธอเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่าหงุดหงิด ด้วยความซับซ้อนของอารมณ์และแรงจูงใจ

เจ้ามิ่งหล้าเป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนความขัดแย้งในรักสามเส้า การกระทำของเธอ เช่น การสร้างความเข้าใจผิด เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ความสูญเสียในตอนจบ เธอสะท้อนด้านมืดของมนุษย์ที่ถูกครอบงำด้วยความอิจฉา แต่ก็แสดงให้เห็นว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงและชดเชยความผิดได้

ผู้สืบทอดมรดกของเจ้าเพียงเมือง ในตอนจบ เธอรับหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าไศลรัตน์ ทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาความทรงจำและมรดกของพี่สาว

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความอิจฉาและความรู้สึกด้อย
เจ้ามิ่งหล้าเติบโตในเงาของเจ้าเพียงเมือง พี่สาวที่ทั้งสวย ฉลาด และเป็นที่รักของทุกคน ความรู้สึกด้อยนี้เป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้เธออิจฉาและพยายามแข่งขันกับพี่สาวในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องความรัก เธอมองว่าเจ้าเพียงเมืองได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ รวมถึงความรักจาก เจ้าศุขวงศ์ ทำให้เธอพัฒนาความหมกมุ่นที่จะเอาชนะพี่สาว

ตัวอย่าง เธอวางแผนสร้างความเข้าใจผิดระหว่างเจ้าศุขวงศ์และเจ้าเพียงเมือง เช่น โกหกว่าพี่สาวไม่ซื่อสัตย์ เพื่อให้เจ้าศุขวงศ์หันมาสนใจเธอ

ความรักที่ครอบงำและความเห็นแก่ตัว
ความรักที่เจ้ามิ่งหล้ามีต่อเจ้าศุขวงศ์เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเธอ เธอรักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่ความรักนี้กลายเป็นความหมกมุ่นที่ทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาดและทำร้ายคนรอบข้าง การกระทำที่เห็นแก่ตัว เช่น การยุยงให้เกิดความขัดแย้งหรือการทรยศต่อครอบครัว ทำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายในสายตาผู้ชมในช่วงครึ่งแรกของเรื่อง

ตัวอย่าง ฉากที่เธอแอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าเพียงเมือง หรือฉากที่พยายามเข้าใกล้เจ้าศุขวงศ์โดยใช้เล่ห์เหลี่ยม แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะได้สิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะด้วยวิธีใด

ความเปราะบางและความสำนึกผิด
แม้จะดูร้ายกาจ แต่เจ้ามิ่งหล้ามีด้านที่เปราะบางและน่าสงสาร เธอรู้สึกไม่เป็นที่รักและถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวตลอดเวลา ทำให้การกระทำของเธอมาจากความเจ็บปวดภายใน ในช่วงท้ายของเรื่อง เธอเริ่มสำนึกผิดเมื่อเห็นผลของการกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเพียงเมืองเสียสละชีวิต และเธอได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดู เจ้าไศลรัตน์ ลูกชายของพี่สาว

ตัวอย่าง ฉากที่เจ้าเพียงเมืองฝากลูกไว้กับเจ้ามิ่งหล้าก่อนออกไปสู้ เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอรู้สึกผิดและเริ่มไถ่บาปด้วยการดูแลเด็กน้อย

พัฒนาการของตัวละคร
จากเด็กสาวที่อิจฉาและเห็นแก่ตัวในช่วงแรก เจ้ามิ่งหล้าค่อยๆ เติบโตเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสีย การตายของเจ้าเพียงเมืองและความรับผิดชอบต่อเจ้าไศลรัตน์ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ยอมรับอดีตและพยายามชดเชยความผิด ในตอนจบ (20 ปีต่อมา) เธอมีบทบาทในการเลี้ยงดูเจ้าไศลรัตน์ และใช้ชีวิตอย่างสำนึกผิด สะท้อนถึงการไถ่บาปและการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนและมีมิติ เจ้ามิ่งหล้าไม่ใช่ตัวร้ายแบบ одномерный แต่มีแรงจูงใจจากความรู้สึกด้อยและความเจ็บปวด ทำให้ผู้ชมทั้งรักทั้งชัง การพัฒนาจากตัวร้ายสู่ตัวละครที่สำนึกผิดและไถ่บาป ทำให้เธอเป็นตัวละครที่น่าสนใจและเพิ่มความลึกให้กับเรื่อง ความขัดแย้งที่เธอสร้างในรักสามเส้าเป็นตัวเร่งให้เรื่องเข้มข้นและนำไปสู่โศกนาฏกรรม

(จุดด้อย)
การกระทำที่ร้ายกาจเกินไปในบางฉาก (เช่น การโกหกหรือทรยศครอบครัว) อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลสำหรับเด็กสาววัยรุ่น และบางครั้งดูเกินจริงจนน่าหงุดหงิด การที่เธอได้รับการให้อภัยในตอนจบอาจทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่า “ง่ายเกินไป” เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เธอก่อไว้

การแสดงของนิษฐา จิรยั่งยืน
นิษฐาถ่ายทอดความซับซ้อนของเจ้ามิ่งหล้าได้อย่างยอดเยี่ยม เธอทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งเกลียดในฉากที่ร้ายกาจ และสงสารในฉากที่แสดงความเปราะบาง เช่น ฉากที่รู้สึกผิดต่อเจ้าเพียงเมือง การแสดงสีหน้าและแววตาของนิษฐาในฉากดราม่า เช่น ฉากที่เจ้าเพียงเมืองฝากลูกไว้ ช่วยเพิ่มความลึกให้ตัวละครและทำให้ผู้ชมอิน สำเนียงคำเมืองของเธอค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ตัวละครดูสมจริงในบริบทล้านนา

กระแสจากผู้ชม นิษฐาได้รับคำชื่นชมว่าสามารถทำให้เจ้ามิ่งหล้าเป็นตัวละครที่ “น่าหมั่นไส้แต่ก็น่าสงสาร” ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมการแสดงของเธอว่าเพิ่มมิติให้ตัวละครที่อาจดูเป็นตัวร้ายธรรมดา บางส่วนรู้สึกว่าเธอขโมยซีนในฉากดราม่า และการแสดงของเธอเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของละคร

เจ้ามิ่งหล้า เป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งภายใน เธอเป็นทั้งตัวร้ายที่สร้างความโกลาหลในรักสามเส้า และเหยื่อของความรู้สึกด้อยและความรักที่ผิดทาง การแสดงของ นิษฐา จิรยั่งยืน ทำให้เจ้ามิ่งหล้ากลายเป็นตัวละครที่มีมิติ ทั้งน่าหงุดหงิดและน่าสงสาร การพัฒนาจากเด็กสาวที่อิจฉาสู่ผู้หญิงที่สำนึกผิดและรับหน้าที่สำคัญในตอนจบ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นและความสมบูรณ์ให้กับ รากนครา

→ ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต รับบท เจ้าอุปราชหน่อเมือง

hq720
ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต

ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวละครรองที่มีอิทธิพลต่อความขัดแย้งทางการเมืองและความตึงเครียดในเมืองเชียงเงิน เขาเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน ผสมผสานทั้งความทะเยอทะยาน ความภักดี และความขัดแย้งภายใน

เจ้าอุปราชหน่อเมืองเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางล้านนาที่พยายามรักษาอำนาจและเอกราชของเมืองท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง เขาคือตัวเชื่อมระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายที่ต้องยอมรับอิทธิพลของสยาม การตัดสินใจและการกระทำของเขา เช่น การต่อต้านเจ้าศุขวงศ์หรือการวางแผนรับมือต่างชาติ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมีความตึงเครียดและลุ้นระทึก

ตัวละครที่สะท้อนความขัดแย้งภายใน ความรู้สึกต่อเจ้าเพียงเมืองและความภักดีต่อเมืองเชียงเงินทำให้เขาเป็นตัวละครที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความทะเยอทะยานและความภักดี
เจ้าอุปราชหน่อเมืองเป็นขุนนางที่มีความทะเยอทะยาน เขาต้องการรักษาอำนาจและอิทธิพลของเมืองเชียงเงินให้คงอยู่ท่ามกลางแรงกดดันจากสยามและชาติตะวันตก เขามีความภักดีต่อ เจ้าหลวงแสนอินทะ และเมืองเชียงเงิน แต่ความภักดีนี้บางครั้งถูกบดบังด้วยความต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและสถานะในราชสำนัก

ตัวอย่าง เขามักให้คำแนะนำเจ้าหลวงแสนอินทะในการต่อต้านการปฏิรูปของสยาม แสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาเอกราชของเมือง แต่ก็มีบางฉากที่เขาดูเหมือนคำนึงถึงอำนาจส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของเมือง

ความรู้สึกต่อเจ้าเพียงเมือง
เจ้าอุปราชหน่อเมืองมีความรู้สึกพิเศษต่อ เจ้าเพียงเมือง ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นทั้งความเคารพในฐานะธิดาของเจ้าหลวงและความชื่นชอบในระดับส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้ไม่ได้รับการตอบสนอง เนื่องจากเจ้าเพียงเมืองรัก เจ้าศุขวงศ์ ความรู้สึกนี้ทำให้เขามีความขัดแย้งภายใน เมื่อต้องเลือกระหว่างสนับสนุนเจ้าเพียงเมืองในฐานะผู้นำ หรือปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง

ตัวอย่าง ในบางฉาก เขาแสดงความห่วงใยต่อเจ้าเพียงเมือง เช่น การปกป้องเธอในสถานการณ์อันตราย แต่ก็มีช่วงที่เขาดูเหมือนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ

ความฉลาดและเจ้าเล่ห์
เจ้าอุปราชหน่อเมืองเป็นตัวละครที่ฉลาดและมีไหวพริบในการเมือง เขาสามารถวางแผนและเจรจากับทั้งฝ่ายสยามและอิทธิพลต่างชาติเพื่อรักษาสมดุลของอำนาจในเมืองเชียงเงิน อย่างไรก็ตาม ความเจ้าเล่ห์ของเขาบางครั้งทำให้เขาดูไม่น่าไว้วางใจในสายตาตัวละครอื่น เช่น เจ้าศุขวงศ์ ซึ่งมองว่าเขาอาจมีวาระซ่อนเร้น

ตัวอย่าง เขามักเป็นคนวางกลยุทธ์ในการต่อสู้กับกองกำลังต่างชาติ หรือเจรจากับขุนนางสยามเพื่อซื้อเวลาให้เมืองเชียงเงิน

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง เจ้าอุปราชหน่อเมืองดูเหมือนเป็นตัวละครที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตัวและอำนาจ แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป โดยเฉพาะเมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เขาเริ่มแสดงความเสียสละและความภักดีต่อบ้านเมืองมากขึ้น การตายของเจ้าเพียงเมืองและวิกฤตของเมืองในตอนท้ายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาแสดงด้านที่กล้าหาญและยอมรับความจริงของสถานการณ์

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เขายอมร่วมมือกับฝ่ายสยามเพื่อปกป้องเมืองจากกองกำลังต่างชาติ แสดงถึงการยอมรับความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน ผสมผสานทั้งความทะเยอทะยาน ความภักดี และความรู้สึกส่วนตัว ทำให้เขาไม่ใช่ตัวร้ายหรือตัวดีแบบชัดเจน แต่เป็นตัวละครที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ เพิ่มความเข้มข้นให้กับความขัดแย้งทางการเมืองในเรื่อง โดยเฉพาะในฐานะตัวแทนของฝ่ายที่ต่อต้านการปฏิรูปของสยาม ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับเจ้าเพียงเมืองช่วยเพิ่มมิติให้เรื่องราว โดยไม่รบกวนเส้นเรื่องความรักหลักของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์

(จุดด้อย)
บทของเจ้าอุปราชหน่อเมืองบางครั้งดูไม่ชัดเจนในแง่ของแรงจูงใจ ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครที่ “ลอย” ระหว่างการเป็นพันธมิตรหรือศัตรู ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าเพียงเมืองถูกนำเสนออย่างคลุมเครือ และไม่ได้พัฒนาไปไกลกว่าการบอกใบ้ ทำให้บางฉากดูเหมือนไม่จำเป็น บทบาทของเขาในช่วงท้ายเรื่องลดความสำคัญลงเมื่อเทียบกับตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมือง ทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่าเขาไม่ได้ถูกใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่

การแสดงของชัยพล จูเลียน พูพาร์ต
ชัยพลถ่ายทอดความเป็นขุนนางที่มีทั้งความสง่างามและความเจ้าเล่ห์ได้ดี ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทเจ้าอุปราชที่ต้องดูน่าเกรงขามและมีอำนาจ การแสดงในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับตัวละครอื่น เช่น การเจรจากับเจ้าศุขวงศ์หรือการให้คำปรึกษาเจ้าหลวงแสนอินทะ แสดงถึงความฉลาดและความมุ่งมั่นของตัวละคร ในฉากที่แสดงความรู้สึกต่อเจ้าเพียงเมือง เขาใช้สายตาและท่าทางที่ละเอียดอ่อน ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความขัดแย้งภายในของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ สำเนียงคำเมืองของชัยพลในบางฉากอาจดูไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่เป็นคนเหนือ ซึ่งอาจทำให้ความสมจริงลดลงเล็กน้อย เนื่องจากบทของเจ้าอุปราชหน่อเมืองไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ในช่วงท้าย การแสดงของชัยพลจึงดูมีข้อจำกัดในแง่ของการแสดงศักยภาพ

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมชัยพลในเรื่องความเหมาะสมกับบทขุนนางที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในฉากการเมืองที่เขาดูโดดเด่น อย่างไรก็ตาม บางส่วนรู้สึกว่าบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก ทำให้การแสดงของชัยพลไม่ได้รับการพูดถึงมากเท่าณฐพรหรือนิษฐา

เจ้าอุปราชหน่อเมือง เป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับความขัดแย้งทางการเมืองใน รากนครา ด้วยความทะเยอทะยาน ความภักดี และความรู้สึกส่วนตัวที่ซับซ้อน เขาเป็นตัวแทนของขุนนางล้านนาที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย การแสดงของ ชัยพล จูเลียน พูพาร์ต ช่วยให้ตัวละครนี้มีทั้งความสง่างามและความลึกลับ แม้ว่าบทของเขาจะไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ในช่วงท้าย แต่เจ้าอุปราชหน่อเมืองยังคงเป็นตัวละครที่สำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวและสะท้อนความท้าทายของล้านนาในยุคนั้น

→ ภัทรากร ตั้งศุภกุล รับบท ละอองคำ

hq720
ภัทรากร ตั้งศุภกุล

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสาวใช้และคนสนิทของ เจ้าเพียงเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มสีสันและความอบอุ่นให้กับเรื่องราว ด้วยความจงรักภักดีและบุคลิกที่น่ารัก

ละอองคำเป็นเหมือนเพื่อนและพี่น้องของเจ้าเพียงเมือง ช่วยให้เจ้าเพียงเมืองมีกำลังใจและความช่วยเหลือในยามที่ต้องเผชิญกับความกดดันทั้งจากความรักและการเมือง ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง ละอองคำเป็นตัวละครที่สะท้อนมุมมองของคนระดับล่างในสังคมล้านนา ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่ายขึ้น

ตัวเพิ่มสีสันความร่าเริงและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของเธอช่วยลดความหนักของโศกนาฏกรรม และทำให้เรื่องราวมีความสมดุล

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์
ละอองคำเป็นสาวใช้ที่ทุ่มเทให้กับ เจ้าเพียงเมือง เธอไม่เพียงรับใช้ในฐานะคนรับใช้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่คอยให้กำลังใจและปกป้องเจ้าเพียงเมืองในยามยาก เธอยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือเจ้าเพียงเมือง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองหรือการวางแผนของ เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง ละอองคำมักคอยเตือนเจ้าเพียงเมืองเมื่อมีภัยคุกคาม หรือช่วยสืบข้อมูลเกี่ยวกับแผนการของเจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความภักดีและความใส่ใจ

ความขี้เล่นและสดใส
ละอองคำมีบุคลิกที่ร่าเริงและขี้เล่น ซึ่งช่วยสร้างความสมดุลให้กับโทนเรื่องที่หนักและดราม่าของ รากนครา เธอมักมีบทสนทนาที่หยอกล้อหรือแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย ความสดใสของเธอเป็นแสงสว่างในวังที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด และทำให้เธอเป็นตัวละครที่ผู้ชมชื่นชอบ

ตัวอย่าง ฉากที่เธอแซวเจ้าเพียงเมืองเรื่องความรักกับเจ้าศุขวงศ์ หรือพูดจาแบบชาวบ้านที่ดูน่ารักและเป็นธรรมชาติ

ความกล้าหาญและไหวพริบ
แม้จะเป็นเพียงสาวใช้ แต่ละอองคำมีความกล้าหาญและไหวพริบในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เธอไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายเพื่อปกป้องเจ้าเพียงเมือง เธอมักทำหน้าที่เป็น “สายลับ” ในวัง คอยสืบข้อมูลหรือช่วยเจ้าเพียงเมืองวางแผนรับมือกับศัตรู เช่น การจับตาดูเจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง ฉากที่เธอช่วยเจ้าเพียงเมืองหลบหนีหรือส่งข่าวลับในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต แสดงถึงความกล้าและความฉลาด

พัฒนาการของตัวละคร
ละอองคำเริ่มต้นในฐานะสาวใช้ที่ร่าเริงและจงรักภักดี แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป โดยเฉพาะเมื่อเมืองเชียงเงินต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากต่างชาติและความขัดแย้งภายใน เธอแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความเข้มแข็งมากขึ้น ในช่วงท้ายเรื่อง เธอมีบทบาทในการสนับสนุนเจ้าเพียงเมืองในยามวิกฤต และมีส่วนช่วยให้แผนการปกป้องเมืองสำเร็จ แม้ว่าบทของเธอจะไม่ได้รับการเน้นในตอนจบมากนัก

ตัวอย่าง การที่เธอยังคงอยู่เคียงข้างเจ้าเพียงเมืองในช่วงที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ แสดงถึงความมุ่งมั่นและการเติบโตจากสาวใช้ธรรมดาสู่ผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสดใสและความอบอุ่นให้กับเรื่องราว ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางความดราม่าที่หนักหน่วง ความจงรักภักดีและความกล้าหาญของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่ารักและน่าชื่นชม โดยเฉพาะในฐานะตัวแทนของคนธรรมดาที่มีบทบาทสำคัญ บทสนทนาและการกระทำของเธอช่วยเผยมุมมองของคนระดับล่างในสังคมล้านนา ทำให้เรื่องราวมีความหลากหลาย

(จุดด้อย)
บทของละอองคำมีขอบเขตจำกัดในฐานะตัวละครรอง ทำให้เธอไม่มีพัฒนาการที่ลึกซึ้งเท่าตัวละครหลัก เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ในช่วงท้ายเรื่อง บทของเธอถูกลดความสำคัญลง และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นบทบาทของเธออย่างชัดเจนในตอนจบ ทำให้ผู้ชมบางส่วนอาจรู้สึกว่าเธอ “หายไป” จากเรื่อง ความขี้เล่นของเธอบางครั้งอาจดูไม่เข้ากับบริบทของฉากที่ตึงเครียด ทำให้รู้สึกว่าบทของเธอไม่สมดุลในบางช่วง

การแสดงของภัทรากร ตั้งศุภกุล
ภัทรากรถ่ายทอดความน่ารักและความขี้เล่นของละอองคำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ตัวละครนี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมการแสดงในฉากที่ต้องแสดงความจงรักภักดี เช่น การปกป้องเจ้าเพียงเมือง หรือการสืบข้อมูลอย่างลับๆ แสดงถึงความสามารถในการเล่นบทที่หลากหลาย สำเนียงคำเมืองของเธอค่อนข้างดีและเหมาะกับบทสาวใช้ชาวล้านนา ช่วยเพิ่มความสมจริงให้ตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของละอองคำมีขอบเขตจำกัด การแสดงของภัทรากรจึงไม่ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา ในบางฉากที่ต้องแสดงความจริงจัง การแสดงของเธออาจดูไม่หนักแน่นเท่าที่ควร ทำให้ตัวละครดูเด่นเฉพาะในฉากที่สดใส

กระแสจากผู้ชมผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักและความสดใสของละอองคำ โดยเฉพาะฉากที่เธอแซวเจ้าเพียงเมือง ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวละครที่ “ขโมยซีน” ได้ในบางช่วง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นในช่วงท้าย ผู้ชมบางส่วนอาจไม่ค่อยพูดถึงเธอเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก

→ จิตรภานุ กลมแก้ว รับบท เจ้าจักรคำ

1429414368 1471110268 o
จิตรภานุ กลมแก้ว

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นบุคคลสำคัญในเมืองเชียงเงิน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองและความสัมพันธ์ในราชสำนัก ตัวละครนี้เป็นตัวแทนของขุนนางที่มีความภักดีต่อเมืองเชียงเงิน แต่ก็มีความซับซ้อนในแรงจูงใจและการกระทำ

เจ้าจักรคำเป็นตัวแทนของขุนนางที่พยายามรักษาอำนาจและวัฒนธรรมล้านนาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เขาคือภาพสะท้อนของความท้าทายที่หัวเมืองเหนือต้องเผชิญ การตัดสินใจและคำแนะนำของเขาในราชสำนักมีส่วนในการกำหนดทิศทางของเมืองเชียงเงิน โดยเฉพาะในการรับมือกับสยามและกองกำลังต่างชาติ

ตัวละครสนับสนุน แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่เขาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงเรื่องทางการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจครั้งสำคัญของเมือง

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความภักดีต่อเมืองเชียงเงิน
เจ้าจักรคำเป็นขุนนางที่ยึดมั่นในความเป็นเอกราชของเมืองเชียงเงิน เขามองว่าการปกครองของสยามและอิทธิพลจากชาติตะวันตกเป็นภัยคุกคามต่อวัฒนธรรมและอำนาจของล้านนา เขามักสนับสนุนนโยบายของ เจ้าหลวงแสนอินทะ ในการต่อต้านการปฏิรูปของสยาม และมีบทบาทในการวางแผนเพื่อรักษาอำนาจของเมือง

ตัวอย่าง เขามักปรากฏในฉากประชุมราชสำนักที่หารือเกี่ยวกับการรับมือกับสยามหรือกองกำลังต่างชาติ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องเมือง

ความเฉลียวฉลาดและการเมือง
เจ้าจักรคำเป็นตัวละครที่มีไหวพริบและความสามารถในการเมือง เขาเข้าใจความซับซ้อนของสถานการณ์ที่เมืองเชียงเงินต้องเผชิญ และมักเสนอแนวทางที่รอบคอบในการรับมือกับศัตรู อย่างไรก็ตาม ความเฉลียวฉลาดของเขาบางครั้งถูกใช้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือกลุ่มขุนนางที่สนับสนุนเขา ทำให้เขาดูมีความเจ้าเล่ห์ในบางสถานการณ์

ตัวอย่าง ฉากที่เขาวางแผนร่วมกับเจ้าอุปราชหน่อเมืองเพื่อรับมือกับการเจรจาของเจ้าศุขวงศ์ แสดงถึงความสามารถในการวางกลยุทธ์

ความขัดแย้งภายในและข้อจำกัด
เจ้าจักรคำมีความขัดแย้งภายในระหว่างความภักดีต่อเมืองและความกดดันจากสถานการณ์ เช่น การต้องเลือกระหว่างต่อสู้กับสยามหรือยอมจำนนเพื่อความอยู่รอดของเมือง เขาไม่ใช่ตัวร้าย แต่การตัดสินใจบางอย่างของเขาอาจดูเป็นการปกป้องสถานะของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเขาไม่เด็ดเดี่ยวเท่าตัวละครอย่างเจ้าเพียงเมือง

ตัวอย่าง ในบางฉาก เขาดูลังเลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งใหญ่ เช่น การสนับสนุนเจ้าเพียงเมืองในการต่อสู้กับต่างชาติ

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง เจ้าจักรคำเป็นขุนนางที่เน้นการรักษาอำนาจและต่อต้านสยามอย่างแข็งกร้าว แต่เมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤตจากกองกำลังต่างชาติ เขาเริ่มแสดงความยืดหยุ่นและยอมรับความจำเป็นของการประนีประนอม ในช่วงท้าย เขามีส่วนร่วมในการปกป้องเมืองเคียงข้างเจ้าเพียงเมืองและตัวละครอื่น แม้ว่าบทของเขาจะไม่ได้รับการเน้นมากนักในตอนจบ

ตัวอย่าง การที่เขายอมร่วมมือกับฝ่ายสยามในช่วงวิกฤต แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากความยึดมั่นในอุดมการณ์สู่การยอมรับความจริงของสถานการณ์

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับการเมืองในเรื่อง เจ้าจักรคำสะท้อนภาพขุนนางล้านนาที่ต้องเผชิญกับความกดดันจากทั้งภายในและภายนอก ความเฉลียวฉลาดและความภักดีของเขาทำให้เป็นตัวละครที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องวางแผนหรือเจรจา ช่วยเพิ่มมิติให้กับความขัดแย้งระหว่างเมืองเชียงเงินและสยาม โดยไม่เป็นตัวร้ายที่ชัดเจน

(จุดด้อย)
บทของเจ้าจักรคำค่อนข้างจำกัดและไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่เมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเขาเป็นตัวละคร “เสริม” มากกว่าตัวละครที่มีน้ำหนัก แรงจูงใจของเขาในบางฉากไม่ชัดเจน เช่น การที่เขาดูลังเลหรือไม่แสดงจุดยืนที่เด็ดขาด ทำให้ตัวละครขาดความโดดเด่น บทบาทของเขาในช่วงท้ายเรื่องถูกลดความสำคัญลง ทำให้ไม่ค่อยมีฉากที่แสดงถึงบทสรุปของตัวละคร

การแสดงของจิตรภานุ กลมแก้ว
จิตรภานุถ่ายทอดความเป็นขุนนางที่มีทั้งความสง่างามและความเจ้าเล่ห์ได้ดี ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทเจ้าจักรคำที่ต้องดูน่าเชื่อถือในราชสำนัก การแสดงในฉากที่ต้องเจรจาหรือให้คำปรึกษา เช่น การประชุมกับเจ้าหลวงแสนอินทะ แสดงถึงความมั่นใจและความสามารถในการเมือง เขาสามารถแสดงความขัดแย้งภายในของตัวละครได้ในบางฉาก เช่น การลังเลเมื่อต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก

จุดที่ถูกวิจารณ์ สำเนียงคำเมืองของจิตรภานุในบางฉากอาจดูไม่เป็นธรรมชาติเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย เนื่องจากบทของเจ้าจักรคำไม่เด่นในช่วงท้าย การแสดงของเขาจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่ และอาจไม่ได้รับความสนใจจากผู้ชมมากนัก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ไม่ค่อยพูดถึงเจ้าจักรคำมากนักเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก แต่ผู้ที่สังเกตบทของเขามักชื่นชมจิตรภานุในเรื่องความเหมาะสมกับบทขุนนางที่มีความซับซ้อน การแสดงของเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ฉากการเมืองในเรื่องดูสมจริง

เจ้าจักรคำ เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและความลึกให้กับมิติทางการเมืองใน รากนครา ด้วยความภักดีต่อเมืองเชียงเงิน ความเฉลียวฉลาด และความขัดแย้งภายใน เขาเป็นตัวแทนของขุนนางล้านนาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของยุคเปลี่ยนผ่าน การแสดงของ จิตรภานุ กลมแก้ว ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและเหมาะสมกับบริบทของเรื่อง แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและไม่เด่นในช่วงท้าย เจ้าจักรคำยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและสะท้อนความซับซ้อนของการเมืองล้านนา

→ พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ รับบท เจ้านางปัทมสุดา

พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นมารดาของ เจ้าเพียงเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) และ เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) รวมถึงเป็นภรรยาของ เจ้าหลวงแสนอินทะ (ธนากร โปษยานนท์) เจ้าผู้ครองเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับครอบครัวและความขัดแย้งภายในราชสำนัก ด้วยความรักต่อลูกและความกังวลต่ออนาคตของเมือง

เจ้านางปัทมสุดาเป็นตัวละครที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเพียงเมือง เจ้ามิ่งหล้า และเจ้าหลวงแสนอินทะ เธอช่วยให้เห็นความขัดแย้งและความรักในครอบครัว ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนหลักของเรื่อง สัญลักษณ์ของความเสียสละในฐานะมารดา: ความรักและความห่วงใยที่เธอมีต่อลูกๆ สะท้อนถึงการเสียสละของผู้หญิงในยุคนั้น ที่ต้องยอมรับชะตากรรมของครอบครัวและเมือง

ตัวละครที่เพิ่มความสมจริง เธอช่วยแสดงให้เห็นชีวิตในราชสำนักล้านนาจากมุมมองของผู้หญิงชั้นสูง ทำให้เรื่องราวมีความหลากหลาย

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความรักและความห่วงใยต่อครอบครัว
เจ้านางปัทมสุดาเป็นมารดาที่รักลูกอย่างสุดหัวใจ เธอพยายามดูแลและปกป้องทั้ง เจ้าเพียงเมือง และ เจ้ามิ่งหล้า แม้ว่าทั้งสองจะมีความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะในเรื่องความรักและการแข่งขัน เธอมักแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของลูกๆ โดยเฉพาะเจ้าเพียงเมืองที่ต้องรับบทบาทผู้นำและเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมือง

ตัวอย่าง ฉากที่เธอปลอบโยนเจ้าเพียงเมืองเมื่อต้องเผชิญกับความกดดัน หรือพยายามไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความรักและความห่วงใย

ความอ่อนโยนและบทบาทในราชสำนัก
ในฐานะเจ้านาง เธอมีบุคลิกที่อ่อนโยนและสง่างาม สมกับเป็นภรรยาของเจ้าผู้ครองเมือง เธอทำหน้าที่สนับสนุน เจ้าหลวงแสนอินทะ และรักษาความสงบในราชสำนัก เธอไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเกมการเมืองโดยตรง แต่มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาและผู้ให้กำลังใจแก่สามีและลูกๆ ในยามที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต

ตัวอย่าง ฉากที่เธอให้คำแนะนำแก่เจ้าหลวงแสนอินทะเกี่ยวกับการตัดสินใจที่อาจส่งผลต่อเมือง หรือแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียด

ความเปราะบางและข้อจำกัด
เจ้านางปัทมสุดามีด้านที่เปราะบาง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างลูกสาวทั้งสอง เธอพยายามรักษาความสมดุล แต่บางครั้งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เช่น การที่เจ้ามิ่งหล้าอิจฉาเจ้าเพียงเมือง เธอมักอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องยอมรับชะตากรรมของครอบครัวและเมือง โดยไม่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ใหญ่ๆ ได้

ตัวอย่าง ฉากที่เธอรู้สึกเสียใจเมื่อเจ้าเพียงเมืองต้องรับภาระหนัก หรือเมื่อเจ้ามิ่งหล้าก่อปัญหา ทำให้เห็นความไร้พลังของเธอในบางสถานการณ์

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง เจ้านางปัทมสุดาดูเป็นมารดาที่เน้นการดูแลครอบครัวและรักษาความสงบในวัง แต่เมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญกับวิกฤตจากสยามและกองกำลังต่างชาติ เธอเริ่มแสดงความเข้มแข็งมากขึ้นในการสนับสนุนลูกและสามี การสูญเสียเจ้าเพียงเมืองในตอนท้ายเป็นจุดที่สะท้อนความแข็งแกร่งภายในของเธอ เธอต้องยอมรับความสูญเสียและช่วยดูแล เจ้าไศลรัตน์ ลูกของเจ้าเพียงเมือง

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจมีบทบาทในการปลอบโยนเจ้ามิ่งหล้าและช่วยรักษาความทรงจำของเจ้าเพียงเมือง แสดงถึงการยอมรับและก้าวต่อไป

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับครอบครัวของเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า เจ้านางปัทมสุดาสะท้อนภาพของมารดาที่รักลูกและต้องเผชิญกับความขัดแย้งในครอบครัว ความอ่อนโยนและความห่วงใยของเธอช่วยสร้างความสมดุลให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและโศกนาฏกรรม ตัวละครของเธอช่วยแสดงให้เห็นบทบาทของผู้หญิงในราชสำนักล้านนา ที่ต้องอยู่ในกรอบของสังคมแต่ก็มีอิทธิพลในครอบครัว

(จุดด้อย)
บทของเจ้านางปัทมสุดาค่อนข้างจำกัดและเน้นบทบาทของมารดาเป็นหลัก ทำให้ตัวละครขาดพัฒนาการที่ลึกซึ้งหรือบทบาทที่เด่นชัดในเรื่องราวการเมือง เธอมักอยู่ในตำแหน่งที่ต้องยอมรับสถานการณ์มากกว่าที่จะมีอำนาจเปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ชมบางส่วนอาจรู้สึกว่าเธอเป็นตัวละครที่เกินไป บทบาทของเธอในช่วงท้ายเรื่องถูกลดความสำคัญลง และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นบทสรุปของตัวละครอย่างชัดเจน

การแสดงของพัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์
พัชรินทร์ถ่ายทอดความอ่อนโยนและความสง่างามของเจ้านางปัทมสุดาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทมารดาที่ทั้งรักลูกและมีเกียรติในราชสำนัก การแสดงในฉากดราม่า เช่น การปลอบโยนเจ้าเพียงเมืองหรือการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งของลูกๆ แสดงถึงความลึกซึ้งทางอารมณ์ เธอสามารถใช้สายตาและท่าทางเพื่อสื่อความกังวลและความเสียใจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเปราะบางของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้านางปัทมสุดามีขอบเขตจำกัด การแสดงของพัชรินทร์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจทำให้ความสมจริงลดลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมพัชรินทร์ในเรื่องความเหมาะสมกับบทเจ้านางที่สง่างามและอ่อนโยน โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแสดงความรักต่อลูก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของเธอจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้านางปัทมสุดา เป็นตัวละครที่เพิ่มความอบอุ่นและมิติให้กับครอบครัวใน รากนครา ด้วยความรัก ความห่วงใย และความอ่อนโยน เธอสะท้อนภาพของมารดาและผู้หญิงในราชสำนักล้านนาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของยุคสมัย การแสดงของ พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูสง่างามและน่าเห็นใจ แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เจ้านางปัทมสุดายังคงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวมีความสมบูรณ์และแสดงถึงความรักของมารดาที่ตราตรึงใจ

→ อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล รับบท กษัตริย์เมืองมัณฑ์

1225559
อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล

ตัวละครรองที่เป็นผู้นำของเมืองมัณฑ์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งทางการเมืองและการทูตกับเมืองเชียงเงินและสยาม เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับโครงเรื่อง โดยเฉพาะในส่วนของการต่อสู้เพื่ออำนาจและอิทธิพลในภูมิภาค

กษัตริย์เมืองมัณฑ์เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่แข็งแกร่งแต่เปราะบาง ซึ่งพยายามรักษาอำนาจท่ามกลางการขยายอิทธิพลของสยามและชาติตะวันตก การที่เจ้ามิ่งหล้าถูกส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้เขา และต้องเผชิญกับความโหดร้ายของเจ้านางปัทมสุดา เป็นส่วนสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาการของตัวละครเจ้ามิ่งหล้าและโศกนาฏกรรมของเรื่อง

สะท้อนความล้มเหลวของผู้นำ ความอ่อนแอและความประมาทของเขานำไปสู่การล่มสลายของเมืองมัณฑ์ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับความท้าทายที่เมืองเชียงเงินต้องเผชิญในการรักษาเอกราช

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความเจ้าชู้และมัวเมาในกาม
กษัตริย์เมืองมัณฑ์ถูกพรรณนาว่าเป็นผู้นำที่หลงระเริงในความสุขส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องกามารมณ์ เขามักมัวเมากับสนมและผู้หญิงที่ถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ทำให้ขาดความสนใจในเรื่องการปกครอง เมื่อ เจ้ามิ่งหล้า ถูกส่งมาถวายตัวเป็นเครื่องบรรณาการ เขาแสดงความสนใจในตัวเธอทันที ด้วยความหลงใหลในความงามและความฉลาดของเธอ

ตัวอย่าง ฉากที่เจ้ามิ่งหล้าเข้าเฝ้าและร่ายรำในท้องพระโรง เขาแสดงความพอใจอย่างเห็นได้ชัด และมอบของขวัญ เช่น สายสร้อย เพื่อแสดงความโปรดปราน

ความอ่อนแอและการถูกครอบงำ
แม้จะเป็นกษัตริย์ แต่เขาขาดความเด็ดขาดและความสามารถในการบริหารราชสำนัก เขาตกอยู่ใต้อิทธิพลของ เจ้านางปัทมสุดา ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในเมืองมัณฑ์ เจ้านางปัทมสุดาใช้เล่ห์เหลี่ยม เช่น การแกล้งป่วยหรืออ้างว่าตั้งครรภ์ เพื่อควบคุมเขาและป้องกันไม่ให้เขาหลงเจ้ามิ่งหล้ามากเกินไป

ตัวอย่าง ฉากที่เจ้ามิ่งหล้าถวายฎีกาเปิดโปงว่าเจ้านางปัทมสุดาไม่ได้ตั้งครรภ์จริง เขาเริ่มสงสัยแต่สุดท้ายก็ถูกเจ้านางปัทมสุดาควบคุมสถานการณ์ได้

ความหลงตัวเองและความประมาท
กษัตริย์เมืองมัณฑ์มีความมั่นใจในอำนาจและสถานะของเมืองมัณฑ์มากเกินไป เขามองข้ามภัยคุกคามจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งกำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาค ความประมาทของเขานำไปสู่ความพ่ายแพ้เมื่อกองทัพเรือของเมืองมัณฑ์ถูกกองทัพอังกฤษตีแตก ส่งผลให้เมืองมัณฑ์กลายเป็นอาณานิคม และเขากับเจ้านางปัทมสุดาถูกเนรเทศไปอินเดีย

ตัวอย่าง เขาปฏิเสธการเจรจากับชาติตะวันตกตามคำแนะนำของเจ้านางปัทมสุดา ซึ่งทำให้เมืองมัณฑ์สูญเสียอิสรภาพในที่สุด

พัฒนาการของตัวละคร
กษัตริย์เมืองมัณฑ์แทบไม่มีพัฒนาการที่ชัดเจนในเรื่อง เนื่องจากเขาเป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้เป็นผู้นำที่อ่อนแอและล้มเหลวตั้งแต่ต้น การปรากฏตัวของเขาในเรื่องส่วนใหญ่เน้นการแสดงความเจ้าชู้และการถูกครอบงำโดยเจ้านางปัทมสุดา จนกระทั่งเมืองมัณฑ์ล่มสลายในช่วงท้าย

ในตอนจบ การที่เขาถูกเนรเทศพร้อมเจ้านางปัทมสุดาเป็นผลจากความล้มเหลวในการปกครอง และสะท้อนถึงโศกนาฏกรรมของเมืองมัณฑ์ที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับความขัดแย้งในเรื่อง โดยเฉพาะในส่วนของเมืองมัณฑ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อเมืองเชียงเงิน ความเจ้าชู้และความอ่อนแอของเขาช่วยเน้นย้ำบทบาทของ เจ้านางปัทมสุดา ในฐานะผู้มีอำนาจที่แท้จริง ทำให้โครงเรื่องของเมืองมัณฑ์มีความน่าสนใจ สะท้อนภาพผู้นำที่ล้มเหลวในยุคที่ชาติตะวันตกกำลังขยายอิทธิพล ซึ่งเป็นบริบททางประวัติศาสตร์ที่สำคัญใน รากนครา

(จุดด้อย)
บทของกษัตริย์เมืองมัณฑ์ค่อนข้างจำกัดและขาดมิติ เขาเป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะ “แบน” (flat character) โดยไม่มีพัฒนาการหรือความซับซ้อนที่น่าสนใจ การปรากฏตัวของเขามักเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฉากที่เกี่ยวข้องกับเจ้ามิ่งหล้าและเจ้านางปัทมสุดา ทำให้บทบาทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก ความสัมพันธ์กับเจ้ามิ่งหล้าและการเมืองของเมืองมัณฑ์ไม่ได้ถูกขยายให้ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครที่ “ผ่านไปผ่านมา”

การแสดงของอภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล
อภินันท์ถ่ายทอดความเป็นกษัตริย์ที่หลงตัวเองและมัวเมาในกามได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทผู้นำที่ดูสง่างามแต่ขาดความเข้มแข็ง การแสดงในฉากที่เขาแสดงความสนใจในเจ้ามิ่งหล้า เช่น การมองตาเยิ้มหรือมอบของขวัญ ช่วยเน้นย้ำลักษณะเจ้าชู้ของตัวละครได้ดี เขาสามารถแสดงความอ่อนแอของกษัตริย์เมืองมัณฑ์ได้ในฉากที่ถูกเจ้านางปัทมสุดาควบคุม ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความไร้พลังของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของกษัตริย์เมืองมัณฑ์มีขอบเขตจำกัด การแสดงของอภินันท์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองหรือการพูดในบริบทของเมืองมัณฑ์อาจไม่ชัดเจนหรือเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร เนื่องจากตัวละครนี้ไม่ได้ใช้สำเนียงล้านนาโดยตรง

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมอภินันท์ในเรื่องความเหมาะสมกับบทกษัตริย์ที่ดูเจ้าชู้และอ่อนแอ โดยเฉพาะในฉากที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับเจ้ามิ่งหล้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของอภินันท์จึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

กษัตริย์เมืองมัณฑ์ เป็นตัวละครที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับความขัดแย้งทางการเมืองและโศกนาฏกรรมใน รากนครา ด้วยลักษณะที่เจ้าชู้ อ่อนแอ และถูกครอบงำโดยเจ้านางปัทมสุดา เขาสะท้อนภาพผู้นำที่ล้มเหลวในยุคที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การแสดงของ อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือในฐานะกษัตริย์ที่หลงตัวเองและไร้เดียงสาทางการเมือง แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและขาดมิติเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก กษัตริย์เมืองมัณฑ์ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวของเจ้ามิ่งหล้าและสะท้อนความเปราะบางของเมืองมัณฑ์ในบริบทประวัติศาสตร์

→ ธนากร โปษยานนท์ รับบท เจ้าหลวงแสนอินทะ

ธนากร โปษยานนท์

ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในฐานะเจ้าผู้ครองเมืองเชียงเงิน และเป็นบิดาของ เจ้าเพียงเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) และ เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) เขาเป็นผู้นำที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการเมืองและครอบครัว ด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและความรักต่อลูก

เจ้าหลวงแสนอินทะเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเป็นเอกราชของเมืองเชียงเงิน การตัดสินใจของเขามีผลต่อทิศทางของเมืองทั้งในด้านการเมืองและการทหาร เขาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า และมีบทบาทในการกำหนดบทบาทของลูกในเรื่องราวของเมือง

ตัวแทนของความขัดแย้งในยุคเปลี่ยนผ่าน ความพยายามของเขาในการรักษาเอกราชของเมืองท่ามกลางอิทธิพลของสยามและชาติตะวันตก สะท้อนความท้าทายของหัวเมืองล้านนาในสมัยรัชกาลที่ 5

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความภักดีต่อเมืองเชียงเงิน
เจ้าหลวงแสนอินทะเป็นผู้นำที่ยึดมั่นในเอกราชและวัฒนธรรมของเมืองเชียงเงิน เขาต้องการปกป้องเมืองจากอิทธิพลของสยามและชาติตะวันตก (โดยเฉพาะอังกฤษที่ขยายอิทธิพลผ่านเมืองมัณฑ์) เขามีวิสัยทัศน์ในการรักษาความเจริญของเมือง แต่ต้องเผชิญกับความกดดันจากราชสำนักสยามที่ต้องการรวมศูนย์อำนาจ และจากภัยคุกคามภายนอก

ตัวอย่าง ฉากที่เขาประชุมกับขุนนาง เช่น เจ้าอุปราชหน่อเมืองและเจ้าจักรคำ เพื่อวางแผนรับมือกับการปฏิรูปของสยาม แสดงถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องเมือง

ความรักและความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ในฐานะบิดา เจ้าหลวงแสนอินทะรักลูกทั้งสองอย่างสุดหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าเพียงเมืองที่เขาเห็นศักยภาพในการเป็นผู้นำ เขามักให้คำแนะนำและสนับสนุนให้เธอยืนหยัดเพื่อบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม เขามีความลำบากใจเมื่อต้องจัดการกับความขัดแย้งระหว่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า โดยเฉพาะเมื่อเจ้ามิ่งหล้าอิจฉาพี่สาวและก่อปัญหา

ตัวอย่าง ฉากที่เขาปลอบโยนเจ้าเพียงเมืองเมื่อเธอต้องเผชิญกับความกดดัน หรือฉากที่เขาพยายามอบรมเจ้ามิ่งหล้าให้เห็นแก่ส่วนรวม แสดงถึงความรักและความพยายามในการรักษาครอบครัว

ความลังเลและความกดดัน
เจ้าหลวงแสนอินทะเป็นผู้นำที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การเลือกระหว่างต่อสู้เพื่อเอกราชหรือยอมรับการปกครองของสยามเพื่อความอยู่รอดของเมือง ความลังเลของเขามักเกิดจากความกดดันจากขุนนาง เช่น เจ้าอุปราชหน่อเมืองที่สนับสนุนการต่อต้านสยาม และจากความกังวลต่ออนาคตของลูกและประชาชน

ตัวอย่าง ฉากที่เขาต้องเจรจากับเจ้าศุขวงศ์เกี่ยวกับการปฏิรูป แสดงถึงความขัดแย้งภายในระหว่างความภักดีต่อเมืองและความจำเป็นในการประนีประนอม

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง เจ้าหลวงแสนอินทะเป็นผู้นำที่แข็งกร้าวและต่อต้านสยาม แต่เมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤตจากกองกำลังต่างชาติ เขาเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงและการร่วมมือกับสยาม การที่เจ้าเพียงเมืองต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเมืองในตอนท้ายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาแสดงความเสียใจและความเข้มแข็งในการนำเมืองต่อไป

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เขายอมรับการปกครองของสยามเพื่อรักษาความสงบของเมือง และอาจมีบทบาทในการสนับสนุนมรดกของเจ้าเพียงเมืองผ่าน เจ้าไศลรัตน์ ลูกชายของเธอ

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่สะท้อนความซับซ้อนของผู้นำในยุคเปลี่ยนผ่าน เจ้าหลวงแสนอินทะแสดงให้เห็นทั้งความเข้มแข็งและความเปราะบางของผู้ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบต่อเมืองและครอบครัว ความรักต่อลูกและความภักดีต่อเมืองทำให้เขาเป็นตัวละครที่น่าเห็นใจและน่าเคารพ โดยเฉพาะในฐานะบิดาของเจ้าเพียงเมือง ช่วยเพิ่มมิติให้กับความขัดแย้งทางการเมืองในเรื่อง โดยเป็นตัวแทนของผู้นำล้านนาที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก

(จุดด้อย)
บทของเจ้าหลวงแสนอินทะบางครั้งดูไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ “อยู่เบื้องหลัง” มากกว่าที่จะมีบทบาทนำ ความลังเลในการตัดสินใจบางครั้งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าเขาไม่เด็ดขาดพอสำหรับผู้นำเมือง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับความกล้าหาญของเจ้าเพียงเมือง บทบาทของเขาในช่วงท้ายเรื่องถูกลดความสำคัญลง และไม่มีฉากที่เน้นบทสรุปของตัวละครอย่างชัดเจน

การแสดงของธนากร โปษยานนท์
ธนากรถ่ายทอดความสง่างามและความน่าเกรงขามของเจ้าหลวงแสนอินทะได้อย่างยอดเยี่ยม ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทผู้นำที่ต้องดูมีอำนาจและน่าเคารพ การแสดงในฉากดราม่า เช่น การสูญเสียเจ้าเพียงเมืองหรือการเผชิญหน้ากับความกดดันจากสยาม แสดงถึงความลึกซึ้งทางอารมณ์และความขัดแย้งภายในของตัวละคร สำเนียงคำเมืองของเขาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับบทเจ้าผู้ครองเมืองล้านนา

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้าหลวงแสนอินทะมีขอบเขตจำกัด การแสดงของธนากรจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา ในบางฉากที่ต้องแสดงความเด็ดขาด การแสดงของเขาอาจดูไม่หนักแน่นเท่าที่ควร ทำให้ตัวละครดูลังเลเกินไป

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมธนากรในเรื่องความเหมาะสมกับบทเจ้าหลวงที่มีทั้งความสง่างามและความเปราะบาง โดยเฉพาะในฉากที่เขาแสดงความรักต่อเจ้าเพียงเมือง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของธนากรจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้าหลวงแสนอินทะ เป็นตัวละครที่เพิ่มความลึกให้กับมิติทางการเมืองและครอบครัวใน รากนครา ด้วยความภักดีต่อเมืองเชียงเงิน ความรักต่อลูก และความกดดันในฐานะผู้นำ เขาสะท้อนภาพของผู้นำล้านนาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในยุคเปลี่ยนผ่าน การแสดงของ ธนากร โปษยานนท์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูสง่างาม น่าเคารพ และน่าเห็นใจ แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เจ้าหลวงแสนอินทะยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและแสดงถึงความรับผิดชอบของผู้นำที่ต้องเสียสละเพื่อบ้านเมือง

→ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ รับบท เจ้านางข่ายคำ

5c0e0310 1fc3 11ee 9dc9 b5ed7ab3864f webp original
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นบุคคลในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มสีสันและความลึกให้กับเรื่องราวในราชสำนัก โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในและการเมืองของเมือง

เจ้านางข่ายคำมีส่วนในการสร้างความตึงเครียดภายในวัง โดยเฉพาะผ่านการยุยงหรือสนับสนุนความขัดแย้งระหว่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า เธอสะท้อนภาพของผู้หญิงที่ต้องใช้ความฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่เต็มไปด้วยการเมืองและการแข่งขัน ความเจ้าเล่ห์และบทสนทนาที่แฝงนัยของเธอช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับฉากในราชสำนัก ทำให้เรื่องราวมีความหลากหลาย

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความเจ้าเล่ห์และไหวพริบ
เจ้านางข่ายคำเป็นสตรีที่มีความฉลาดและมีไหวพริบในการเมือง เธอเข้าใจการเคลื่อนไหวภายในราชสำนักและมักใช้ความรู้ของเธอเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือกลุ่มที่เธอสนับสนุน เธออาจมีบทบาทในการวางแผนหรือยุยงความขัดแย้งในวัง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เจ้ามิ่งหล้า และความอิจฉาที่มีต่อ เจ้าเพียงเมือง

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจให้คำแนะนำหรือยุยงเจ้ามิ่งหล้าให้แข่งขันกับเจ้าเพียงเมือง หรือฉากที่เธอพูดจาแฝงนัยในราชสำนัก แสดงถึงความเจ้าเล่ห์และความสามารถในการแก้สถานการณ์

ความทะเยอทะยานและวาระส่วนตัว
เจ้านางข่ายคำมักมีวาระส่วนตัวที่ซ่อนอยู่ในราชสำนัก เธออาจต้องการรักษาสถานะหรืออิทธิพลของตัวเองในวัง หรือสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มที่เธอสังกัด การกระทำของเธอบางครั้งอาจดูเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับตัวละครที่มีความเสียสละ เช่น เจ้าเพียงเมือง

ตัวอย่าง เธออาจมีส่วนในการสนับสนุนการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มขุนนางที่ต่อต้านสยาม หรือมีบทบาทในการสร้างความตึงเครียดในครอบครัวของเจ้าหลวงแสนอินทะ

ความสัมพันธ์กับตัวละครหลัก
เจ้านางข่ายคำมีปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า เธอมักอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเลือกข้างหรือรักษาความสมดุลระหว่างทั้งสอง ซึ่งบางครั้งนำไปสู่ความขัดแย้ง เธออาจมองเจ้าเพียงเมืองด้วยความเคารพในฐานะธิดาของเจ้าหลวง แต่ก็อาจรู้สึกอิจฉาหรือไม่เห็นด้วยกับความเด็ดเดี่ยวของเจ้าเพียงเมือง ในขณะเดียวกัน เธออาจเห็นใจหรือใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง ฉากที่เธอพูดคุยกับเจ้ามิ่งหล้าเกี่ยวกับความรักหรือสถานะในวัง อาจแฝงด้วยการยุยงหรือคำแนะนำที่นำไปสู่ความขัดแย้ง

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง เจ้านางข่ายคำอาจดูเป็นตัวละครที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตัวและการเมืองในวัง แต่เมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจแสดงด้านที่ยอมรับสถานการณ์และสนับสนุนการตัดสินใจที่เป็นประโยชน์ต่อเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเธออาจไม่ชัดเจนเท่าตัวละครหลัก และบทบาทของเธอมักถูกลดความสำคัญลงในช่วงท้ายเรื่อง

ตัวอย่าง ในช่วงวิกฤตของเมือง เธออาจมีส่วนในการสนับสนุนเจ้าเพียงเมืองหรือยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสยาม แสดงถึงการปรับตัวตามสถานการณ์

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับการเมืองในราชสำนัก เจ้านางข่ายคำช่วยแสดงให้เห็นด้านมืดของการแย่งชิงอำนาจและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในวัง ความเจ้าเล่ห์และไหวพริบของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับตัวละครหลัก ช่วยสะท้อนบทบาทของสตรีในราชสำนักล้านนา ที่ต้องใช้ความฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเพื่อรักษาสถานะของตัวเอง

(จุดด้อย)
บทของเจ้านางข่ายคำค่อนข้างจำกัดและไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่ “เสริม” มากกว่าที่จะมีบทบาทเด่นในเรื่อง แรงจูงใจของเธอบางครั้งไม่ชัดเจน และการกระทำของเธออาจดูเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความขัดแย้งโดยไม่มีผลกระทบที่สำคัญต่อโครงเรื่องหลัก ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นบทสรุปของตัวละครอย่างชัดเจน

การแสดงของสรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ
สรวงสุดาถ่ายทอดความเป็นสตรีชั้นสูงที่เจ้าเล่ห์และมีไหวพริบได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทเจ้านางที่มีทั้งความสง่างามและความเจ้าเล่ห์ การแสดงในฉากที่ต้องพูดจาแฝงนัยหรือเผชิญหน้ากับตัวละครอื่น เช่น เจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่ซับซ้อน เธอสามารถใช้สายตาและท่าทางเพื่อแสดงความเจ้าเล่ห์และความมั่นใจ ทำให้ตัวละครดูน่าสนใจ

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้านางข่ายคำมีขอบเขตจำกัด การแสดงของสรวงสุดาจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมสรวงสุดาในเรื่องความเหมาะสมกับบทเจ้านางที่ดูเจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์ โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครหลัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของสรวงสุดาจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้านางข่ายคำ เป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนและสีสันให้กับการเมืองและความสัมพันธ์ในราชสำนักของ รากนครา ด้วยความเจ้าเล่ห์ ไหวพริบ และวาระส่วนตัว เธอสะท้อนภาพของสตรีในราชสำนักที่ต้องใช้ความฉลาดเพื่อเอาตัวรอด การแสดงของ สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูสง่างามและน่าสนใจ แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เจ้านางข่ายคำยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและแสดงถึงความซับซ้อนของชีวิตในวังล้านนา

→ ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รับบท เจ้าย่าเรือนคำ

ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นผู้อาวุโสในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มความอบอุ่น ความเคารพ และมุมมองของผู้ใหญ่ให้กับเรื่องราว โดยมีส่วนในการให้คำแนะนำและรักษาขนบธรรมเนียมของล้านนา

เจ้าย่าเรือนคำเป็นเหมือน “ย่าหรือยาย” ที่คอยให้คำแนะนำและปลอบโยนตัวละครรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า ช่วยให้พวกเขาเผชิญกับความท้าทายได้ เธอสะท้อนความสำคัญของขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งเป็นแกนหลักของเรื่องราวใน รากนครา ความใจดีและความรอบคอบของเธอช่วยสร้างความสมดุลให้กับความขัดแย้งและโศกนาฏกรรมในเรื่อง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความหวังและความอบอุ่น

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความใจดีและเมตตา
เจ้าย่าเรือนคำเป็นตัวละครที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความอบอุ่น เธอทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ที่คอยดูแลและให้คำปลอบโยนแก่ตัวละครรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า เธอมักแสดงความห่วงใยต่อความสุขและความปลอดภัยของทั้งสอง และพยายามให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจปลอบโยนเจ้าเพียงเมืองเมื่อเผชิญกับความกดดันจากหน้าที่ หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับความรักและความรับผิดชอบ แสดงถึงความใจดีและความเป็นผู้ใหญ่

ความเคารพในประเพณี
ในฐานะผู้อาวุโส เจ้าย่าเรือนคำยึดมั่นในขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมล้านนา เธอมักเป็นผู้ที่คอยเตือนตัวละครรุ่นใหม่ให้เคารพในประเพณีและรักษาความเป็นล้านนาไว้ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่คนหัวโบราณที่ยึดติด เธอมีความยืดหยุ่นและเข้าใจถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงในยุคที่เมืองเชียงเงินต้องเผชิญกับอิทธิพลจากสยามและชาติตะวันตก

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจแนะนำเจ้าเพียงเมืองเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในราชสำนัก หรือการรักษาความสมดุลระหว่างหน้าที่และความรัก

ความฉลาดและการให้คำปรึกษา
เจ้าย่าเรือนคำมีความฉลาดและประสบการณ์ที่มาจากการอยู่ในราชสำนักมานาน เธอมักให้คำแนะนำที่รอบคอบและช่วยแก้ไขปัญหาในครอบครัวหรือราชสำนัก เธออาจมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง เช่น ระหว่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า หรือให้มุมมองที่เป็นกลางในสถานการณ์ที่ตึงเครียด

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจสนทนากับเจ้านางปัทมสุดาหรือเจ้าหลวงแสนอินทะเกี่ยวกับอนาคตของเมือง หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งในวัง

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเจ้าย่าเรือนคำเป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสนับสนุน พัฒนาการของเธออาจไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะผู้อาวุโสที่ให้คำแนะนำและรักษาความสงบในวัง และยังคงรักษาบทบาทนี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจแสดงความเข้มแข็งในการสนับสนุนครอบครัวและราชสำนัก โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียเจ้าเพียงเมือง

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจมีส่วนในการปลอบโยนครอบครัวหรือช่วยรักษาความทรงจำของเจ้าเพียงเมือง แสดงถึงความมั่นคงและความเป็นผู้อาวุโสที่ยึดมั่นในคุณค่า

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความอบอุ่นและความสมดุลให้กับเรื่องราว เจ้าย่าเรือนคำช่วยลดความตึงเครียดของโศกนาฏกรรมด้วยความเมตตาและคำแนะนำที่รอบคอบ สะท้อนบทบาทของผู้อาวุโสในสังคมล้านนา ที่มีหน้าที่รักษาขนบประเพณีและให้คำปรึกษาแก่รุ่นใหม่ ความใจดีและความเคารพในประเพณีของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าเคารพและน่าจดจำ

(จุดด้อย)
บทของเจ้าย่าเรือนคำค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดพัฒนาการที่ลึกซึ้งหรือบทบาทที่เด่นชัดในโครงเรื่องหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือราชสำนักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นความสำคัญของเธออย่างชัดเจน ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา
ทัศน์วรรณถ่ายทอดความเป็นผู้อาวุโสที่ใจดีและน่าเคารพได้อย่างยอดเยี่ยม ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทเจ้าย่าที่ทั้งอบอุ่นและสง่างาม การแสดงในฉากที่ต้องให้คำแนะนำหรือปลอบโยนตัวละคร เช่น เจ้าเพียงเมือง แสดงถึงความลึกซึ้งทางอารมณ์และความน่าเชื่อถือ เธอสามารถใช้สายตาและท่าทางเพื่อสื่อความเมตตาและความเข้าใจ ทำให้ตัวละครดูน่าเคารพและน่าจดจำ

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้าย่าเรือนคำมีขอบเขตจำกัด การแสดงของทัศน์วรรณจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธออาจไม่เด่นชัดเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อยในบางฉาก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมทัศน์วรรณในเรื่องความเหมาะสมกับบทผู้อาวุโสที่อบอุ่นและน่าเคารพ โดยเฉพาะในฉากที่เธอให้คำแนะนำแก่ตัวละครรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของทัศน์วรรณจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้าย่าเรือนคำ เป็นตัวละครที่เพิ่มความอบอุ่น ความเคารพ และมุมมองของผู้อาวุโสให้กับ รากนครา ด้วยความใจดี ความยึดมั่นในประเพณี และความรอบคอบ เธอสะท้อนภาพของผู้ใหญ่ในราชสำนักล้านนาที่คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่รุ่นใหม่ การแสดงของ ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเคารพและน่าจดจำ แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เจ้าย่าเรือนคำยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรักษาความสมดุลของเรื่องราวและเน้นย้ำความสำคัญของวัฒนธรรมล้านนา

→ ทวีศักดิ์ ธนานันท์ รับบท มิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้น

Jandara5 4
ทวีศักดิ์ ธนานันท์

ตัวละครรองที่เป็นชาวต่างชาติ (สันนิษฐานว่าเป็นชาวอังกฤษ) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเหตุการณ์ระหว่างเมืองเชียงเงิน สยาม และกองกำลังต่างชาติ เขาเป็นตัวแทนของอิทธิพลตะวันตกในยุคที่สยามและหัวเมืองล้านนาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

มิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้นเป็นสัญลักษณ์ของการเข้ามาของชาติตะวันตกในสยามและล้านนาในสมัยรัชกาลที่ 5 เขาช่วยแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของการเมืองระหว่างสยามและชาติตะวันตก ตัวช่วยในภารกิจสำคัญ: เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมืองในภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุด climax ของเรื่อง ความสุภาพและความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นของเขาช่วยสร้างภาพลักษณ์ของชาวตะวันตกที่เป็นมิตรและสามารถทำงานร่วมกับสยามและล้านนาได้

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความสุภาพและความเป็นมิตร
มิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้นเป็นตัวละครที่แสดงถึงความสุภาพและความเป็นมิตรของชาวตะวันตกที่เข้ามาในสยาม เขามีท่าทีที่เคารพวัฒนธรรมล้านนาและสยาม ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฐานะผู้ที่ให้คำแนะนำหรือความช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ตึงเครียด โดยเฉพาะในช่วงที่เมืองเชียงเงินต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์และกองกำลังต่างชาติ

ตัวอย่าง ฉากที่เขาเข้ามาสมทบขบวนของเจ้าศุขวงศ์และแสดงความยินดีที่เจ้าแม้นเมืองแต่งงานกับเจ้าศุขวงศ์ แสดงถึงความเป็นมิตรและการสนับสนุนของเขา

ความฉลาดและไหวพริบ
ในฐานะตัวแทนของชาติตะวันตก มิสเตอร์จอห์นมีความเข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองและการทูต เขามักใช้ไหวพริบในการช่วยเหลือตัวละครหลัก โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องจัดการกับความขัดแย้งระหว่างเมืองเชียงเงินและเมืองมัณฑ์ เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยเจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมืองในภารกิจช่วยเหลือเจ้ามิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์ ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการวางแผนและการเจรจา

ตัวอย่าง ฉากที่เขาช่วยเจ้าศุขวงศ์และอินทร (ถนอม สามโทน) บุกไปเมืองมัณฑ์เพื่อช่วยเจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความกล้าหาญและไหวพริบของเขา

บทบาทเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรม
มิสเตอร์จอห์นเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและล้านนา เขาเข้าใจทั้งบริบทของสยามและความซับซ้อนของการเมืองในหัวเมืองเหนือ ทำให้เขาสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางในสถานการณ์ที่ต้องมีการเจรจาหรือประสานงาน เขาไม่ใช่ตัวละครที่แสดงถึงความทะเยอทะยานหรือความเป็นปฏิปักษ์เหมือนตัวแทนตะวันตกบางตัวในละครพีเรียดอื่นๆ แต่เป็นผู้ที่มองเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ระหว่างสยามและล้านนา

ตัวอย่าง การที่เขายินดีกับการแต่งงานของเจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมือง แสดงถึงการยอมรับและเคารพในความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากมิสเตอร์จอห์นเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เขาเริ่มต้นในฐานะตัวละครที่ให้การสนับสนุนในด้านการทูตและการเมือง และยังคงรักษาบทบาทนี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงท้ายของเรื่อง เขามีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์ ซึ่งเป็นจุดที่แสดงถึงความภักดีและความกล้าหาญของเขา

ตัวอย่าง การที่เขาร่วมภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้ากับเจ้าศุขวงศ์และอินทร แสดงถึงบทบาทที่สำคัญในช่วงวิกฤตของเรื่อง

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับบริบทของอิทธิพลตะวันตกใน รากนครา โดยไม่ถูกนำเสนอในแง่ลบเหมือนตัวแทนตะวันตกในละครพีเรียดบางเรื่อง ความสุภาพและไหวพริบของเขาช่วยเสริมโครงเรื่อง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องมีการเจรจาหรือภารกิจช่วยเหลือ ทำให้เรื่องราวมีความหลากหลาย ช่วยเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสยาม ล้านนา และตัวแทนตะวันตกในยุคเปลี่ยนผ่าน

(จุดด้อย)
บทของมิสเตอร์จอห์นค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับเจ้าศุขวงศ์หรือเจ้ามิ่งหล้าเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นแรงจูงใจส่วนตัวหรือภูมิหลังของตัวละคร บทบาทของเขาในช่วงท้ายเรื่องถูกลดความสำคัญลง และไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของทวีศักดิ์ ธนานันท์
ทวีศักดิ์ถ่ายทอดความเป็นชาวตะวันตกที่สุภาพและมีไหวพริบได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรียและประสบการณ์ในวงการบันเทิง (เช่น การแสดงใน จันดารา และการเป็นผู้อ่านข่าวภาษาอังกฤษ) เขาเหมาะกับบทมิสเตอร์จอห์นที่ต้องดูเป็นสุภาพบุรุษตะวันตก การใช้ภาษาและท่าทางของเขาในฉากที่ต้องเจรจาหรือให้ความช่วยเหลือ เช่น การสมทบขบวนของเจ้าศุขวงศ์ แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความน่าเชื่อถือ เขาสามารถสื่อความเป็นมิตรและความเคารพในวัฒนธรรมล้านนาได้ดี ทำให้ตัวละครดูน่าประทับใจในฉากที่ปรากฏ

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของมิสเตอร์จอห์นมีขอบเขตจำกัด การแสดงของทวีศักดิ์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร การใช้ภาษาไทยในบางฉากอาจดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร เนื่องจากตัวละครเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งอาจทำให้ความสมจริงลดลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมทวีศักดิ์ในเรื่องความเหมาะสมกับบทชาวตะวันตกที่สุภาพและเป็นมิตร โดยเฉพาะในฉากที่เขามีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าศุขวงศ์และเจ้าแม้นเมือง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของทวีศักดิ์จึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

มิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้น เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับบริบทของอิทธิพลตะวันตกใน รากนครา ด้วยความสุภาพ ไหวพริบ และบทบาทในการช่วยเหลือตัวละครหลัก เขาสะท้อนภาพของชาวตะวันตกที่เป็นมิตรและสามารถทำงานร่วมกับสยามและล้านนาได้ การแสดงของ ทวีศักดิ์ ธนานันท์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและน่าประทับใจ แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย มิสเตอร์จอห์นยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและเน้นย้ำความซับซ้อนของการเมืองในยุคเปลี่ยนผ่านของล้านนา

→ ถนอม สามโทน รับบท อินทร

ถนอม สามโทน

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นทหารหรือผู้ติดตามที่ภักดีต่อ เจ้าศุขวงศ์ (ปริญ สุภารัตน์) และมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือภารกิจต่างๆ ในเรื่อง เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมุมมองของคนระดับล่างในสังคมล้านนา ด้วยความกล้าหาญและความจงรักภักดี

อินทรเป็น “มือขวา” ของเจ้าศุขวงศ์ ช่วยปฏิบัติภารกิจที่สำคัญและสนับสนุนเป้าหมายของเจ้านาย ทำให้เจ้าศุขวงศ์สามารถมุ่งเน้นไปที่การตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง อินทรเป็นตัวละครที่สะท้อนมุมมองของทหารหรือคนธรรมดาที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ความกล้าหาญและทักษะการต่อสู้ของเขาช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับฉากที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้หรือภารกิจเสี่ยงภัย เช่น การบุกเมืองมัณฑ์

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความจงรักภักดี
อินทรเป็นตัวละครที่แสดงถึงความภักดีต่อ เจ้าศุขวงศ์ อย่างไม่มีเงื่อนไข เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งและปกป้องเจ้านายของเขาในสถานการณ์อันตราย ความภักดีของเขาไม่เพียงจำกัดอยู่ที่เจ้าศุขวงศ์ แต่ยังขยายไปถึงภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเมืองเชียงเงินและการช่วยเหลือตัวละครอื่น เช่น เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง ฉากที่เขาร่วมภารกิจบุกเมืองมัณฑ์เพื่อช่วยเจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความทุ่มเทและความภักดีต่อเจ้าศุขวงศ์และเป้าหมายของภารกิจ

ความกล้าหาญและทักษะการต่อสู้
ในฐานะทหารหรือผู้ติดตาม อินทรมีความกล้าหาญและทักษะในการต่อสู้ เขามักปรากฏในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายหรือต่อสู้กับศัตรู ความสามารถของเขาในการปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงภัยทำให้เขาเป็นตัวละครที่ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าศุขวงศ์และตัวละครอื่น

ตัวอย่าง ฉากที่เขาร่วมกับเจ้าศุขวงศ์และมิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้นในการบุกเมืองมัณฑ์ แสดงถึงความกล้าหาญและความชำนาญในการต่อสู้

ความซื่อสัตย์และไหวพริบ
อินทรเป็นตัวละครที่ซื่อสัตย์และมีจิตใจดี เขาไม่เพียงปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ยังแสดงความคิดริเริ่มและไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์ที่ซับซ้อน เขามักทำหน้าที่เป็น “มือขวา” ของเจ้าศุขวงศ์ โดยช่วยวางแผนหรือปฏิบัติภารกิจที่ต้องใช้ความรอบคอบ

ตัวอย่าง ในภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้า เขาอาจมีส่วนในการวางแผนหรือจัดการกับอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างทาง แสดงถึงความฉลาดและความสามารถในการปรับตัว

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากอินทรเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เขาเริ่มต้นในฐานะผู้ติดตามที่ภักดีและกล้าหาญ และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงท้ายของเรื่อง การมีส่วนร่วมในภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์เป็นจุดที่แสดงถึงความสำคัญของเขาในฐานะตัวละครที่สนับสนุนเป้าหมายของตัวละครหลัก

ตัวอย่าง การที่เขารอดชีวิตจากภารกิจเมืองมัณฑ์และอาจมีส่วนในการช่วยรักษาความสงบของเมืองเชียงเงิน แสดงถึงความมุ่งมั่นและบทบาทที่คงเส้นคงวาของเขา

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับเรื่องราว โดยสะท้อนมุมมองของคนระดับล่างหรือทหารในสังคมล้านนาและสยามความจงรักภักดีและความกล้าหาญของเขาทำให้เป็นตัวละครที่น่าชื่นชม และช่วยเสริมบทบาทของเจ้าศุขวงศ์ในฐานะผู้นำ บทบาทในภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้าช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้กับโครงเรื่อง โดยเฉพาะในฉากแอ็กชันและการผจญภัย

(จุดด้อย)
บทของอินทรค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับเจ้าศุขวงศ์หรือภารกิจสำคัญเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นภูมิหลังหรือแรงจูงใจส่วนตัวของตัวละคร ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาถูกลดความสำคัญลง และไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของถนอม สามโทน
ถนอม สามโทนถ่ายทอดความเป็นทหารที่กล้าหาญและภักดีได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทอินทรที่ต้องดูแข็งแกร่งและน่าไว้วางใจ การแสดงในฉากแอ็กชัน เช่น การต่อสู้หรือการปฏิบัติภารกิจที่เมืองมัณฑ์ แสดงถึงความทุ่มเทและความสามารถในการถ่ายทอดบทบาทที่ต้องใช้พลัง เขาสามารถสื่อความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีผ่านการแสดง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของอินทรมีขอบเขตจำกัด การแสดงของถนอมจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร สำเนียงคำเมืองหรือการพูดในบางฉากอาจไม่เด่นชัด เนื่องจากตัวละครอาจเป็นคนจากสยาม ซึ่งอาจทำให้ความสมจริงในบริบทล้านนาลดลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมถนอมในเรื่องความเหมาะสมกับบททหารที่กล้าหาญและภักดี โดยเฉพาะในฉากภารกิจช่วยเจ้ามิ่งหล้าที่เขาแสดงถึงความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของถนอมจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

อินทร เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและความตื่นเต้นให้กับ รากนครา ด้วยความจงรักภักดี ความกล้าหาญ และทักษะการต่อสู้ เขาสะท้อนมุมมองของทหารหรือคนระดับล่างที่สนับสนุนตัวละครหลักในช่วงเวลาวิกฤต การแสดงของ ถนอม สามโทน ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและน่าชื่นชม แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย อินทรียังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและเน้นย้ำความสำคัญของความภักดีและความเสียสละในบริบทของล้านนาและสยาม

→ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ รับบท เขียนจันทร์

อรอนงค์ ปัญญาวงศ์

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสาวใช้หรือคนสนิทในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มสีสันและมุมมองของคนระดับล่างในเรื่องราว โดยมีส่วนในการสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนชีวิตของผู้หญิงในสังคมล้านนา

เขียนจันทร์เป็นตัวละครที่สนับสนุนตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ช่วยให้พวกเธอสามารถมุ่งเน้นไปที่ภารกิจหรือความขัดแย้งที่สำคัญได้ ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง เขียนจันทร์เป็นตัวละครที่สะท้อนชีวิตและมุมมองของสาวใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว ความน่ารักและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของเธอช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับฉากในราชสำนัก ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่ายขึ้น

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความจงรักภักดีและความขยัน
เขียนจันทร์เป็นสาวใช้ที่ทุ่มเทให้กับหน้าที่ เธอรับใช้ตัวละครหลักอย่างซื่อสัตย์และทำงานด้วยความตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในงานประจำวันหรือการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เธอมักแสดงความภักดีต่อเจ้านาย เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า และยินดีช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจช่วยเจ้าเพียงเมืองเตรียมตัวสำหรับพิธีสำคัญ หรือคอยดูแลความเรียบร้อยในวัง แสดงถึงความขยันและความทุ่มเท

ความน่ารักและความเป็นมิตร
เขียนจันทร์มีบุคลิกที่ร่าเริงและเป็นมิตร ซึ่งช่วยเพิ่มความสดใสให้กับฉากในราชสำนักที่มักเต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอมักมีบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและน่ารัก ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย ความเป็นมิตรของเธอทำให้เธอสามารถเข้ากับตัวละครอื่นได้ดี โดยเฉพาะสาวใช้ด้วยกันหรือตัวละครในวัง

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจพูดคุยหรือหยอกล้อกับละอองคำ หรือแสดงความเห็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวัง แสดงถึงความน่ารักและความเป็นกันเอง

ไหวพริบและความซื่อสัตย์
แม้จะเป็นเพียงสาวใช้ เขียนจันทร์มีความไหวพริบในระดับหนึ่ง เธออาจช่วยสืบข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ หรือคอยสังเกตความเคลื่อนไหวในวังเพื่อรายงานให้เจ้านายทราบ ความซื่อสัตย์ของเธอทำให้เธอเป็นที่ไว้วางใจของตัวละครหลัก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องจัดการกับความขัดแย้งหรือแผนการในวัง

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจช่วยเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้าในงานที่ต้องใช้ความรอบคอบ เช่น การส่งข่าวหรือการเตรียมการลับๆ

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเขียนจันทร์เป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสนับสนุน พัฒนาการของเธอไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะสาวใช้ที่จงรักภักดีและยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจมีส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือตัวละครหลัก เช่น การส่งข่าวหรือการดูแลความปลอดภัยของเจ้านาย

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจยังคงรับใช้เจ้านายหรือครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง แสดงถึงความมุ่งมั่นและความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลง

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมุมมองของคนระดับล่างในราชสำนัก เขียนจันทร์ช่วยแสดงให้เห็นชีวิตประจำวันของสาวใช้ในสังคมล้านนา ความน่ารักและความเป็นมิตรของเธอช่วยสร้างความสมดุลให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม ความจงรักภักดีและไหวพริบเล็กๆ ของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าชื่นชมในบทบาทที่จำกัด

(จุดด้อย)
บทของเขียนจันทร์ค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับงานในวังหรือการสนับสนุนตัวละครหลักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นภูมิหลังหรือแรงจูงใจส่วนตัว ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของอรอนงค์ ปัญญาวงศ์
อรอนงค์ถ่ายทอดความน่ารักและความเป็นมิตรของเขียนจันทร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสาวใช้ที่ขยันและจงรักภักดี การแสดงในฉากที่ต้องแสดงความเป็นกันเอง เช่น การพูดคุยกับตัวละครอื่นในวัง แสดงถึงความสามารถในการสร้างตัวละครที่น่ารักและน่าเอ็นดู เธอสามารถสื่อความซื่อสัตย์และความทุ่มเทผ่านการแสดง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเขียนจันทร์มีขอบเขตจำกัด การแสดงของอรอนงค์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของเขียนจันทร์ โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครอื่นในวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของอรอนงค์จึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เขียนจันทร์ เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริง ความน่ารัก และมุมมองของคนระดับล่างให้กับ รากนครา ด้วยความจงรักภักดี ความขยัน และความเป็นมิตร เธอช่วยสนับสนุนตัวละครหลักและเพิ่มความผ่อนคลายให้กับเรื่องราว การแสดงของ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารักและน่าเอ็นดู แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เขียนจันทร์ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสะท้อนชีวิตในราชสำนักล้านนาและเพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว

→ ธัญชนก หงส์ทองคำ รับบท คำแก้ว

16 5
ธัญชนก หงส์ทองคำ

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสาวใช้หรือคนสนิทในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มสีสัน ความสมจริง และมุมมองของคนระดับล่างในสังคมล้านนา โดยมีส่วนในการสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนชีวิตประจำวันในวัง

คำแก้วเป็นตัวละครที่สนับสนุนตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ช่วยให้พวกเธอสามารถจัดการกับหน้าที่และความขัดแย้งได้อย่างราบรื่น ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง คำแก้วเป็นตัวละครที่สะท้อนชีวิตของสาวใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายและมุมมองที่แตกต่างให้กับเรื่องราว ความน่ารักและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของเธอช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและความสนุกให้กับฉากในราชสำนัก ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความซื่อสัตย์และความภักดี
คำแก้วเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และภักดีต่อเจ้านาย เธอทำงานด้วยความตั้งใจและพร้อมช่วยเหลือในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กน้อยในวังหรือภารกิจที่สำคัญ เธอมักแสดงความทุ่มเทผ่านการดูแลเจ้านายอย่างใกล้ชิด และอาจมีส่วนในการปกป้องหรือสนับสนุนเจ้านายในช่วงที่เกิดความขัดแย้ง

ตัวอย่าง ฉากที่เธอช่วยเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้าเตรียมตัวสำหรับพิธี หรือคอยดูแลความเรียบร้อยในวัง แสดงถึงความภักดีและความรับผิดชอบ

ความน่ารักและขี้เล่น
คำแก้วมีบุคลิกที่น่ารักและขี้เล่นเล็กน้อย ซึ่งช่วยเพิ่มความสดใสให้กับฉากในราชสำนักที่มักเต็มไปด้วยความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการเมืองและครอบครัว เธอมักมีบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและอาจมีการหยอกล้อหรือแสดงความเห็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลาย

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจพูดคุยหรือแซวตัวละครอื่น เช่น ละอองคำ หรือเขียนจันทร์ เกี่ยวกับเรื่องในวังหรือความรักของเจ้านาย แสดงถึงความน่ารักและความเป็นมิตร

ความขยันและไหวพริบเล็กน้อย
ในฐานะสาวใช้ คำแก้วมีความขยันและใส่ใจในรายละเอียด เธออาจช่วยเจ้านายในงานที่ต้องใช้ความรอบคอบ เช่น การเตรียมเครื่องแต่งกายหรือการส่งข่าวสาร เธออาจมีความไหวพริบในระดับหนึ่ง เช่น การสังเกตความเคลื่อนไหวในวังหรือการช่วยเจ้านายหลบเลี่ยงสถานการณ์ที่ยุ่งยาก

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจช่วยเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้าในงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หรือคอยเตือนเจ้านายเมื่อมีภัยคุกคาม

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากคำแก้วเป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสนับสนุน พัฒนาการของเธอไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และน่ารัก และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจมีส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือเจ้านาย เช่น การดูแลความปลอดภัยหรือการส่งข่าวสารในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจยังคงรับใช้เจ้านายหรือครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง แสดงถึงความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ในยามวิกฤต

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับชีวิตในราชสำนัก โดยสะท้อนมุมมองของสาวใช้และคนระดับล่างในสังคมล้านนา ความน่ารักและความขี้เล่นของเธอช่วยลดความหนักของโศกนาฏกรรมและความขัดแย้งในเรื่อง ทำให้ฉากในวังมีความสมดุลและน่าสนใจ ความซื่อสัตย์และความภักดีของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าชื่นชม แม้ว่าจะมีบทบาทเล็กน้อย

(จุดด้อย)
บทของคำแก้วค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับงานในวังหรือการสนับสนุนตัวละครหลักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นภูมิหลังหรือแรงจูงใจส่วนตัว ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของธัญชนก หงส์ทองคำ
ธัญชนกถ่ายทอดความน่ารักและความเป็นมิตรของคำแก้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสาวใช้ที่ขยันและมีเสน่ห์ การแสดงในฉากที่ต้องแสดงความขี้เล่นหรือความเป็นกันเอง เช่น การพูดคุยกับสาวใช้คนอื่น แสดงถึงความสามารถในการสร้างตัวละครที่น่ารักและน่าเอ็นดู เธอสามารถสื่อความซื่อสัตย์และความภักดีผ่านการแสดง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของคำแก้วมีขอบเขตจำกัด การแสดงของธัญชนกจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักและความสดใสของคำแก้ว โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครอื่นในวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของธัญชนกจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

คำแก้ว เป็นตัวละครที่เพิ่มความน่ารัก ความสมจริง และมุมมองของคนระดับล่างให้กับ รากนครา ด้วยความซื่อสัตย์ ความขยัน และบุคลิกที่ขี้เล่น เธอช่วยสนับสนุนตัวละครหลักและเพิ่มความผ่อนคลายให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การแสดงของ ธัญชนก หงส์ทองคำ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารักและน่าเอ็นดู แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย คำแก้วยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสะท้อนชีวิตในราชสำนักล้านนาและเพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว

→ ไอยวริญร์ ชื่นชอบ รับบท ฟองจันทร์

hq720
ไอยวริญร์ ชื่นชอบ

ตัวละครรองที่มีบทบาทสำคัญในฐานะสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และกล้าหาญ เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับเรื่องราวผ่านความภักดี ความกตัญญู และการเสียสละ โดยเฉพาะในช่วงที่ติดตาม เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) ไปยังเมืองมัณฑ์

ฟองจันทร์เป็นสาวใช้ที่สนับสนุนตัวละครหลัก โดยเฉพาะเจ้ามิ่งหล้าในช่วงวิกฤต เธอช่วยให้เจ้ามิ่งหล้าสามารถเอาชีวิตรอดและเผชิญกับความท้าทายที่เมืองมัณฑ์ได้ ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง ฟองจันทร์เป็นตัวละครที่สะท้อนมุมมองของสาวใช้และคนธรรมดาที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญ ความกล้าหาญของเธอในภารกิจที่เมืองมัณฑ์ เช่น การส่งข่าวให้เจ้าศุขวงศ์ ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่จุด climax และมีส่วนในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความซื่อสัตย์และความภักดี
ฟองจันทร์เป็นตัวอย่างของสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อเจ้านาย เธอเติบโตมาพร้อมกับเจ้าเพียงเมืองและมีความผูกพันลึกซึ้ง แต่เมื่อต้องเปลี่ยนมารับใช้เจ้ามิ่งหล้า เธอก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ความภักดีของเธอแสดงออกผ่านการยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องและช่วยเหลือเจ้ามิ่งหล้า โดยเฉพาะในช่วงที่ทั้งคู่เผชิญอันตรายที่เมืองมัณฑ์

ตัวอย่าง ฉากที่ฟองจันทร์ติดตามเจ้ามิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์และช่วยเหลือเธอในยามตกอับ แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากและความเสี่ยง

ความกล้าหาญและไหวพริบ
ฟองจันทร์ไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา เธอมีความกล้าหาญและไหวพริบที่ทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์อันตรายได้ เธอมักแสดงความคิดริเริ่มในการแก้ไขปัญหา เช่น การปลอมตัวเพื่อหายาให้เจ้ามิ่งหล้าหรือการส่งข่าวไปยังเจ้าศุขวงศ์ ความกล้าหาญของเธอเด่นชัดในช่วงที่เมืองมัณฑ์อยู่ในความระส่ำระสาย เธอรอดชีวิตจากการถูกทรมานและพยายามหาทางช่วยเจ้ามิ่งหล้าจากการถูกจับกุม

ตัวอย่าง ฉากที่ฟองจันทร์ปลอมตัวออกไปซื้อยาให้เจ้ามิ่งหล้าและเกือบถูกปลุกปล้ำ แต่ได้รับความช่วยเหลือจากคนของเจ้าศุขวงศ์ และรีบส่งข่าวให้เจ้าศุขวงศ์มาช่วยเจ้ามิ่งหล้า

ความกตัญญูและความผูกพัน
ฟองจันทร์เป็นตัวละครที่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะเจ้าเพียงเมืองที่เธอสนิทสนมตั้งแต่เด็ก ความผูกพันนี้ทำให้เธอรู้สึกขัดแย้งภายในเมื่อต้องรับใช้เจ้ามิ่งหล้าในช่วงแรก แต่สุดท้ายเธอก็ยอมรับหน้าที่และพัฒนาความภักดีต่อเจ้ามิ่งหล้าเธอยังแสดงความกตัญญูต่อครอบครัว โดยเฉพาะแม่ของเธอ (เขียนจันทร์) ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงรากเหง้าของเธอในฐานะคนธรรมดาที่มีคุณธรรม

ตัวอย่าง ฉากที่ฟองจันทร์สะกดรอยตามเจ้าเพียงเมืองเมื่อสงสัยในพฤติกรรมของเจ้าอุปราชหน่อเมือง แสดงถึงความห่วงใยและความผูกพันที่เธอมีต่อเจ้าเพียงเมือง

พัฒนาการของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่อง ฟองจันทร์เป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และผูกพันกับเจ้าเพียงเมือง แต่เมื่อต้องรับใช้เจ้ามิ่งหล้า เธอต้องปรับตัวและเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะเมื่อติดตามเจ้ามิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์ การเดินทางไปเมืองมัณฑ์เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้เห็นความกล้าหาญและความเสียสละของเธอ เธอกลายเป็นตัวละครที่มีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ช่วยเหลือเจ้ามิ่งหล้าในยามวิกฤต ในช่วงท้ายเรื่อง หลังจากการสูญเสียเจ้าเพียงเมือง ฟองจันทร์อาจมีส่วนในการดูแลครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง เช่น การเลี้ยงดูลูกของเจ้าเพียงเมือง (เจ้าไศลรัตน์) ร่วมกับสาวใช้คนอื่น แม้ว่าฉากแสดงความเสียใจของเธอจะมีจำกัด

ตัวอย่าง การที่ฟองจันทร์รอดชีวิตจากเมืองมัณฑ์และกลับมามีบทบาทในช่วงท้าย แสดงถึงความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นของเธอในการทำหน้าที่ต่อไป

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับเรื่องราว โดยสะท้อนความภักดีและความกล้าหาญของคนระดับล่างในสังคมล้านนา ฟองจันทร์เป็นตัวอย่างของตัวละครที่ “เล็กแต่สำคัญ” ความกล้าหาญและไหวพริบของเธอในภารกิจที่เมืองมัณฑ์ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและความเข้มข้นให้กับโครงเรื่อง ความผูกพันกับเจ้าเพียงเมืองและการพัฒนาความภักดีต่อเจ้ามิ่งหล้าทำให้เธอเป็นตัวละครที่มีความลึกทางอารมณ์และน่าประทับใจ

(จุดด้อย)
บทของฟองจันทร์เป็นตัวละครรอง ทำให้ขาดการพัฒนาที่ลึกซึ้งหรือฉากที่เน้นภูมิหลังส่วนตัวของเธออย่างชัดเจน ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และฉากที่แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียเจ้าเพียงเมืองมีจำกัด ซึ่งทำให้ผู้ชมบางส่วนรู้สึกว่าตัวละครขาดบทสรุปที่สมบูรณ์ การที่เธอเปลี่ยนจากรับใช้เจ้าเพียงเมืองมารับใช้เจ้ามิ่งหล้าอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าความผูกพันเดิมของเธอถูกละเลยไปบ้าง

การแสดงของไอยวริญร์ ชื่นชอบ
ไอยวริญร์ถ่ายทอดความซื่อสัตย์และความกล้าหาญของฟองจันทร์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสาวใช้ที่ทั้งน่ารักและเข้มแข็ง การแสดงในฉากที่ต้องเผชิญอันตราย เช่น การปลอมตัวที่เมืองมัณฑ์หรือการหลบหนีจากภัยคุกคาม แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่เข้มข้นและน่าติดตาม เธอสามารถสื่อความผูกพันกับเจ้าเพียงเมืองและความทุ่มเทต่อเจ้ามิ่งหล้าผ่านสายตาและการแสดง ทำให้ตัวละครดูมีมิติและน่าสงสาร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของฟองจันทร์มีขอบเขตจำกัด การแสดงของไอยวริญร์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมความน่ารักและความกล้าหาญของฟองจันทร์ โดยเฉพาะในฉากที่เธอช่วยเจ้ามิ่งหล้าที่เมืองมัณฑ์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของไอยวริญร์จึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

ฟองจันทร์ เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริง ความกล้าหาญ และความน่าสงสารให้กับ รากนครา ด้วยความซื่อสัตย์ ความกตัญญู และไหวพริบ เธอเป็นสาวใช้ที่ไม่เพียงสนับสนุนตัวละครหลัก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในภารกิจที่เมืองมัณฑ์ ซึ่งช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่จุดสำคัญ การแสดงของ ไอยวริญร์ ชื่นชอบ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารัก เข้มแข็ง และน่าประทับใจ แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย ฟองจันทร์ยังคงเป็นตัวละครที่สะท้อนความเสียสละและความภักดีของคนระดับล่างในบริบทของล้านนาและสยาม

→ ตระการ พันธุมเลิศรุจี รับบท เจ้าหลวงศรีวงษ์

9e7b9030 a34d 11ec 8aa3 47ea2543bc43 webp original
ตระการ พันธุมเลิศรุจี

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นเจ้าผู้ครองเมืองเชียงคำ เมืองเล็กในแถบล้านนาที่มีความสำคัญในบริบทการเมืองของเรื่อง เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับความขัดแย้งระหว่างหัวเมืองล้านนาและสยาม รวมถึงสะท้อนความท้าทายของผู้นำในยุคเปลี่ยนผ่าน

เจ้าหลวงศรีวงษ์เป็นตัวแทนของผู้นำหัวเมืองเล็กในล้านนา ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของโครงสร้างอำนาจในภูมิภาค การปรากฏตัวของเขาในที่ประชุมหรือการเจรจาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเมืองเชียงเงินและสยาม ความกดดันที่เขาต้องเผชิญสะท้อนถึงความท้าทายของหัวเมืองล้านนาในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับการรวมศูนย์อำนาจของสยาม

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความภักดีต่อล้านนา
เจ้าหลวงศรีวงษ์เป็นผู้นำที่ยึดมั่นในเอกลักษณ์และความเป็นเอกราชของเมืองเชียงคำ เขาพยายามปกป้องผลประโยชน์ของเมืองท่ามกลางความกดดันจากสยามที่ต้องการรวมศูนย์อำนาจและภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์ เขามีความเคารพต่อ เจ้าหลวงแสนอินทะ และเมืองเชียงเงิน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีอิทธิพลในแถบล้านนา และมักแสดงท่าทีสนับสนุนการตัดสินใจของเมืองเชียงเงิน

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจปรากฏในที่ประชุมของหัวเมืองล้านนา หรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับการรับมือกับสยามหรือเมืองมัณฑ์ แสดงถึงความภักดีต่อล้านนา

ความสุภาพและศักดิ์ศรี
ในฐานะเจ้าผู้ครองเมือง เจ้าหลวงศรีวงษ์มีบุคลิกที่สุภาพและสง่างาม เขารักษาศักดิ์ศรีของเมืองเชียงคำและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เขามักแสดงความรอบคอบในการตัดสินใจ และพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับสยาม เพื่อรักษาความสงบของเมือง

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจเจรจากับ เจ้าศุขวงศ์ เกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปของสยาม แสดงถึงความสุภาพและความพยายามในการรักษาความสมดุล

ความกดดันและข้อจำกัด
ในฐานะผู้นำเมืองเล็ก เจ้าหลวงศรีวงษ์ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านอำนาจและทรัพยากร เมืองเชียงคำไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์หรือต้านทานอิทธิพลของสยามได้อย่างเต็มที่ เขามักอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกข้างหรือยอมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบางครั้งทำให้เขาดูลังเลหรือไร้พลังเมื่อเทียบกับผู้นำเมืองใหญ่

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเมืองเชียงคำ หรือยอมรับนโยบายของสยามเพื่อความอยู่รอดของเมือง

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเจ้าหลวงศรีวงษ์เป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เขาเริ่มต้นในฐานะผู้นำที่ภักดีต่อล้านนาและพยายามปกป้องเมืองเชียงคำ เมื่อเมืองเชียงเงินและหัวเมืองล้านนาต้องเผชิญวิกฤตจากเมืองมัณฑ์และสยาม เขาอาจยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือสนับสนุนการตัดสินใจของเมืองเชียงเงินเพื่อรักษาความสงบ ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาอาจลดลงเนื่องจากโฟกัสของเรื่องไปที่ตัวละครหลักอย่าง เจ้าเพียงเมือง และ เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง การที่เขาอาจปรากฏในฉากที่ยอมรับการปกครองของสยามหรือสนับสนุนการต่อสู้ของเมืองเชียงเงินในช่วงวิกฤต

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับบริบทของหัวเมืองล้านนา โดยสะท้อนความท้าทายของผู้นำเมืองเล็กที่ต้องเผชิญกับอิทธิพลจากสยามและเมืองมัณฑ์ ความสุภาพและศักดิ์ศรีของเขาช่วยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของผู้นำล้านนาที่มีเกียรติและยึดมั่นในประเพณี ช่วยขยายมุมมองทางการเมืองในเรื่อง โดยแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเมืองเล็กและเมืองใหญ่ในล้านนา

(จุดด้อย)
บทของเจ้าหลวงศรีวงษ์ค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับการประชุมหรือการเจรจาเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นแรงจูงใจส่วนตัวหรือภูมิหลังของตัวละคร ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาถูกลดความสำคัญลง และไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของตระการ พันธุมเลิศรุจี
ตระการถ่ายทอดความสง่างามและศักดิ์ศรีของเจ้าหลวงศรีวงษ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทผู้นำเมืองที่สุภาพและมีเกียรติ การแสดงในฉากที่ต้องเจรจาหรือแสดงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเมือง แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่รอบคอบและน่าเคารพ สำเนียงคำเมืองของเขาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับบทเจ้าผู้ครองเมืองล้านนา

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้าหลวงศรีวงษ์มีขอบเขตจำกัด การแสดงของตระการจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร การปรากฏตัวของเขาในฉากที่ไม่เด่นชัดอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครมากนัก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมตระการในเรื่องความเหมาะสมกับบทผู้นำที่สง่างามและน่าเคารพ โดยเฉพาะในฉากที่เขาแสดงความภักดีต่อล้านนา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของตระการจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้าหลวงศรีวงษ์ เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมิติให้กับบริบททางการเมืองของ รากนครา ด้วยความภักดีต่อล้านนา ความสุภาพ และความกดดันในฐานะผู้นำเมืองเล็ก เขาสะท้อนความท้าทายของหัวเมืองล้านนาในยุคที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การแสดงของ ตระการ พันธุมเลิศรุจี ช่วยให้ตัวละครนี้ดูสง่างามและน่าเคารพ แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เจ้าหลวงศรีวงษ์ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยแสดงให้เห็นความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างหัวเมืองล้านนาและสยาม

→ วราพรรณ หงุ่ยตระกูล รับบท บัวผัน

s 102485 8446
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสาวใช้ในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมุมมองของคนระดับล่างในสังคมล้านนา โดยมีส่วนสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนชีวิตประจำวันในวัง

บัวผันเป็นตัวละครที่สนับสนุนตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ช่วยให้พวกเธอสามารถจัดการกับหน้าที่และความขัดแย้งได้อย่างราบรื่น ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง บัวผันเป็นตัวละครที่สะท้อนชีวิตของสาวใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายและมุมมองที่แตกต่างให้กับเรื่องราว ความเป็นมิตรและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของเธอช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและความสนุกให้กับฉากในราชสำนัก ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความซื่อสัตย์และความภักดี
บัวผันเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับหน้าที่ เธอรับใช้เจ้านายด้วยความตั้งใจและพร้อมช่วยเหลือในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเครื่องแต่งกาย การดูแลความเรียบร้อยในวัง หรือการปฏิบัติตามคำสั่ง เธอแสดงความภักดีต่อเจ้านาย เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า และอาจมีส่วนในการปกป้องหรือสนับสนุนเจ้านายในสถานการณ์ที่ตึงเครียด

ตัวอย่าง ฉากที่เธอช่วยเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้าในงานประจำวัน เช่น การจัดเตรียมของสำหรับพิธี หรือการดูแลความสะดวกสบายของเจ้านาย

ความเป็นมิตรและขี้เล่น
บัวผันมีบุคลิกที่เป็นมิตรและอาจขี้เล่นเล็กน้อย ซึ่งช่วยเพิ่มความสดใสให้กับฉากในราชสำนักที่มักเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความกดดัน เธอมักมีบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและอาจหยอกล้อหรือพูดคุยกับสาวใช้คนอื่น ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองในหมู่ตัวละครระดับล่าง

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจพูดคุยหรือแซวสาวใช้คนอื่น เช่น เขียนจันทร์หรือคำแก้ว เกี่ยวกับเรื่องในวังหรือชีวิตประจำวัน

ความขยันและความใส่ใจ
ในฐานะสาวใช้ บัวผันมีความขยันและใส่ใจในรายละเอียด เธออาจช่วยเจ้านายในงานที่ต้องใช้ความรอบคอบ เช่น การจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวหรือการช่วยเหลือในงานพิธี เธออาจมีความไหวพริบเล็กน้อยในการรับมือกับสถานการณ์ในวัง เช่น การสังเกตความเคลื่อนไหวหรือการช่วยเจ้านายหลบเลี่ยงปัญหา

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจช่วยเจ้ามิ่งหล้าในงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หรือคอยเตือนเจ้านายเมื่อมีสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตราย

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากบัวผันเป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสนับสนุน พัฒนาการของเธอไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และเป็นมิตร และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจมีส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือเจ้านาย เช่น การดูแลความปลอดภัยหรือการส่งข่าวสารในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจยังคงรับใช้เจ้านายหรือครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง เช่น การช่วยเลี้ยงดูลูกของเจ้าเพียงเมือง (เจ้าไศลรัตน์) ร่วมกับสาวใช้คนอื่น

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับชีวิตในราชสำนัก โดยสะท้อนมุมมองของสาวใช้และคนระดับล่างในสังคมล้านนา ความเป็นมิตรและความขี้เล่นของเธอช่วยลดความหนักของโศกนาฏกรรมและความขัดแย้งในเรื่อง ทำให้ฉากในวังมีความสมดุลและน่าสนใจ ความซื่อสัตย์และความขยันของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าชื่นชมในบทบาทที่จำกัด

(จุดด้อย)
บทของบัวผันค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับงานในวังหรือการสนับสนุนตัวละครหลักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นภูมิหลังหรือแรงจูงใจส่วนตัว ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของวราพรรณ หงุ่ยตระกูล
วราพรรณถ่ายทอดความเป็นมิตรและความน่ารักของบัวผันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสาวใช้ที่ขยันและมีเสน่ห์ การแสดงในฉากที่ต้องแสดงความเป็นกันเอง เช่น การพูดคุยกับสาวใช้คนอื่น แสดงถึงความสามารถในการสร้างตัวละครที่น่ารักและน่าเอ็นดู เธอสามารถสื่อความซื่อสัตย์และความภักดีผ่านการแสดง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของบัวผันมีขอบเขตจำกัด การแสดงของวราพรรณจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของบัวผัน โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครอื่นในวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของวราพรรณจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

บัวผัน เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริง ความน่ารัก และมุมมองของคนระดับล่างให้กับ รากนครา ด้วยความซื่อสัตย์ ความขยัน และความเป็นมิตร เธอช่วยสนับสนุนตัวละครหลักและเพิ่มความผ่อนคลายให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การแสดงของ วราพรรณ หงุ่ยตระกูล ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารักและน่าเอ็นดู แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย บัวผันยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสะท้อนชีวิตในราชสำนักล้านนาและเพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว

→ ปวันรัตน์ นาคสุริยะ รับบท นางมิ่น

q2rr9c5v5OxyBembzNW o
ปวันรัตน์ นาคสุริยะ

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสตรีในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติให้กับเรื่องราวผ่านบทบาทที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในวังและความสัมพันธ์ในราชสำนัก โดยอาจมีส่วนในการขับเคลื่อนความขัดแย้งหรือสนับสนุนตัวละครหลัก

นางมิ่นเป็นตัวแทนของสตรีชั้นสูงที่มีบทบาทในการบริหารจัดการหรือมีอิทธิพลในวัง เธอช่วยสะท้อนความซับซ้อนของการเมืองภายในราชสำนัก การมีส่วนในความขัดแย้งหรือการให้คำแนะนำที่แฝงนัยของเธอช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า ความรอบคอบและไหวพริบของเธอช่วยแสดงให้เห็นถึงความท้าทายของสตรีในราชสำนักที่ต้องรักษาสถานะท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความสง่างามและมีไหวพริบ
นางมิ่นเป็นสตรีที่มีความสง่างามและมีไหวพริบในการรับมือกับสถานการณ์ในราชสำนัก เธอเข้าใจการเคลื่อนไหวทางการเมืองและความสัมพันธ์ภายในวัง ทำให้เธอสามารถรักษาสถานะของตัวเองได้ เธออาจมีบทบาทในการให้คำแนะนำหรือยุยงความขัดแย้งในวัง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่าง เจ้าเพียงเมือง และ เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจสนทนากับเจ้านางปัทมสุดาหรือเจ้านางข่ายคำเกี่ยวกับสถานการณ์ในวัง แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการจัดการเรื่องราว

ความภักดีและวาระส่วนตัว
นางมิ่นอาจมีความภักดีต่อกลุ่มหรือบุคคลในราชสำนัก เช่น เจ้านางปัทมสุดาหรือเจ้าหลวงแสนอินทะ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็อาจมีวาระส่วนตัวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เธออาจแสดงเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยในการรักษาตำแหน่งหรืออิทธิพลในวัง โดยไม่ถึงขั้นเป็นตัวร้าย แต่มีบทบาทที่สร้างความตึงเครียดในบางสถานการณ์

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจให้คำแนะนำที่แฝงนัย หรือมีส่วนในการยุยงเจ้ามิ่งหล้าให้รู้สึกอิจฉาเจ้าเพียงเมือง

ความรอบคอบและการปรับตัว
นางมิ่นมีความรอบคอบในการตัดสินใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในราชสำนัก เธออาจแสดงความยืดหยุ่นเมื่อเมืองเชียงเงินต้องเผชิญกับอิทธิพลจากสยามหรือภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์ เธอมักอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรักษาความสมดุลระหว่างความภักดีต่อวังและการรับมือกับความกดดันจากภายนอก

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปของสยาม หรือสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้านางปัทมสุดาในช่วงวิกฤต

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากนางมิ่นเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเธอไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะสตรีในราชสำนักที่มีไหวพริบและอาจมีวาระส่วนตัว เมื่อเมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจแสดงความภักดีต่อราชสำนักมากขึ้น หรือยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสยามเพื่อความอยู่รอดของวัง  ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธออาจถูกลดความสำคัญลง เนื่องจากโฟกัสของเรื่องไปที่ตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง การที่เธออาจปรากฏในฉากที่สนับสนุนการตัดสินใจของราชสำนักในช่วงวิกฤต หรือมีส่วนในการรักษาความสงบในวัง

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับการเมืองและความสัมพันธ์ในราชสำนัก นางมิ่นช่วยแสดงให้เห็นด้านที่ต้องใช้ไหวพริบและเล่ห์เหลี่ยมของสตรีในวัง ความสง่างามและความรอบคอบของเธอช่วยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของสตรีชั้นสูงในสังคมล้านนา ช่วยขยายมุมมองของเรื่องราว โดยแสดงให้เห็นความสัมพันธ์และความขัดแย้งภายในราชสำนัก

(จุดด้อย)
บทของนางมิ่นค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นแรงจูงใจส่วนตัวหรือภูมิหลังของตัวละคร ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของปวันรัตน์ นาคสุริยะ
ปวันรัตน์ถ่ายทอดความสง่างามและไหวพริบของนางมิ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสตรีชั้นสูงที่มีทั้งความน่าเกรงขามและความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย การแสดงในฉากที่ต้องพูดจาแฝงนัยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่นในวัง แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่ซับซ้อน เธอสามารถใช้สายตาและท่าทางเพื่อแสดงความรอบคอบและความมั่นใจ ทำให้ตัวละครดูน่าสนใจ

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของนางมิ่นมีขอบเขตจำกัด การแสดงของปวันรัตน์จึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม  ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมปวันรัตน์ในเรื่องความเหมาะสมกับบทสตรีชั้นสูงที่มีไหวพริบ โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครอื่นในวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของปวันรัตน์จึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

นางมิ่น เป็นตัวละครที่เพิ่มความซับซ้อนและมิติให้กับการเมืองและความสัมพันธ์ในราชสำนักของ รากนครา ด้วยความสง่างาม ไหวพริบ และความรอบคอบ เธอสะท้อนภาพของสตรีชั้นสูงที่ต้องใช้ความฉลาดเพื่อรักษาสถานะในวัง การแสดงของ ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและน่าสนใจ แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย นางมิ่นยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยแสดงให้เห็นความท้าทายและความซับซ้อนของชีวิตในราชสำนักล้านนา

→ ศิรินุช เพ็ชรอุไร รับบท ขิ่นแหม่

ศิรินุช เพ็ชรอุไร

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นสาวใช้หรือคนสนิทในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เธอเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริง มุมมองของคนระดับล่าง และความน่ารักให้กับเรื่องราว โดยมีส่วนสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนชีวิตประจำวันในวัง

ขิ่นแหม่เป็นตัวละครที่สนับสนุนตัวละครหลักอย่างเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า ช่วยให้พวกเธอสามารถจัดการกับหน้าที่และความขัดแย้งได้อย่างราบรื่น ในเรื่องที่เน้นตัวละครชั้นสูงและการเมือง ขิ่นแหม่เป็นตัวละครที่สะท้อนชีวิตของสาวใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายและมุมมองที่แตกต่างให้กับเรื่องราว ความน่ารักและบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติของเธอช่วยเพิ่มความผ่อนคลายและความสนุกให้กับฉากในราชสำนัก ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละคร

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความซื่อสัตย์และความภักดี
ขิ่นแหม่เป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับหน้าที่ เธอรับใช้เจ้านายด้วยความตั้งใจและพร้อมช่วยเหลือในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความเรียบร้อยในวัง การเตรียมเครื่องแต่งกาย หรือการปฏิบัติตามคำสั่ง เธอแสดงความภักดีต่อเจ้านาย เช่น เจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้า และอาจมีส่วนในการสนับสนุนเจ้านายในสถานการณ์ที่ตึงเครียด

ตัวอย่าง ฉากที่เธอช่วยเจ้าเพียงเมืองหรือเจ้ามิ่งหล้าในงานประจำวัน เช่น การจัดเตรียมของสำหรับพิธี หรือการดูแลความสะดวกสบายของเจ้านาย

ความน่ารักและขี้เล่น
ขิ่นแหม่มีบุคลิกที่น่ารักและขี้เล่นเล็กน้อย ซึ่งช่วยเพิ่มความสดใสให้กับฉากในราชสำนักที่มักเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความกดดันจากเรื่องการเมืองและครอบครัว เธอมักมีบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติและอาจหยอกล้อหรือพูดคุยกับสาวใช้คนอื่น ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองในหมู่ตัวละครระดับล่าง

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจพูดคุยหรือแซวสาวใช้คนอื่น เช่น คำแก้วหรือบัวผัน เกี่ยวกับเรื่องในวังหรือชีวิตประจำวัน

ความขยันและความใส่ใจ
ในฐานะสาวใช้ ขิ่นแหม่มีความขยันและใส่ใจในรายละเอียด เธออาจช่วยเจ้านายในงานที่ต้องใช้ความรอบคอบ เช่น การจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวหรือการช่วยเหลือในงานพิธี เธออาจมีความไหวพริบเล็กน้อยในการรับมือกับสถานการณ์ในวัง เช่น การสังเกตความเคลื่อนไหวหรือการช่วยเจ้านายจัดการกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ

ตัวอย่าง ฉากที่เธออาจช่วยเจ้ามิ่งหล้าในงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หรือคอยเตือนเจ้านายเมื่อมีสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตราย

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากขิ่นแหม่เป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสนับสนุน พัฒนาการของเธอไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เธอเริ่มต้นในฐานะสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และน่ารัก และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤต เธออาจมีส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือเจ้านาย เช่น การดูแลความปลอดภัยหรือการส่งข่าวสารในช่วงที่เกิดความวุ่นวาย

ตัวอย่าง ในช่วงท้าย เธออาจยังคงรับใช้เจ้านายหรือครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง เช่น การช่วยเลี้ยงดูลูกของเจ้าเพียงเมือง (เจ้าไศลรัตน์) ร่วมกับสาวใช้คนอื่น

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับชีวิตในราชสำนัก โดยสะท้อนมุมมองของสาวใช้และคนระดับล่างในสังคมล้านนา ความน่ารักและความขี้เล่นของเธอช่วยลดความหนักของโศกนาฏกรรมและความขัดแย้งในเรื่อง ทำให้ฉากในวังมีความสมดุลและน่าสนใจ ความซื่อสัตย์และความขยันของเธอทำให้เป็นตัวละครที่น่าชื่นชมในบทบาทที่จำกัด

(จุดด้อย)
บทของขิ่นแหม่ค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เธอมักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับงานในวังหรือการสนับสนุนตัวละครหลักเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นภูมิหลังหรือแรงจูงใจส่วนตัว ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเธอถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของศิรินุช เพ็ชรอุไร
ศิรินุชถ่ายทอดความน่ารักและความเป็นมิตรของขิ่นแหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอเหมาะกับบทสาวใช้ที่ขยันและมีเสน่ห์ การแสดงในฉากที่ต้องแสดงความเป็นกันเอง เช่น การพูดคุยกับสาวใช้คนอื่น แสดงถึงความสามารถในการสร้างตัวละครที่น่ารักและน่าเอ็นดู เธอสามารถสื่อความซื่อสัตย์และความภักดีผ่านการแสดง ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือของตัวละคร

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของขิ่นแหม่มีขอบเขตจำกัด การแสดงของศิรินุชจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างณฐพรหรือนิษฐา สำเนียงคำเมืองของเธอในบางฉากอาจไม่ลื่นไหลเท่านักแสดงที่ถนัดภาษาเหนือ ซึ่งอาจลดความสมจริงลงเล็กน้อย

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของขิ่นแหม่ โดยเฉพาะในฉากที่เธอมีบทสนทนากับตัวละครอื่นในวัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเธอไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของศิรินุชจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

ขิ่นแหม่ เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริง ความน่ารัก และมุมมองของคนระดับล่างให้กับ รากนครา ด้วยความซื่อสัตย์ ความขยัน และบุคลิกที่ขี้เล่น เธอช่วยสนับสนุนตัวละครหลักและเพิ่มความผ่อนคลายให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การแสดงของ ศิรินุช เพ็ชรอุไร ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารักและน่าเอ็นดู แม้ว่าบทของเธอจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย ขิ่นแหม่ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสะท้อนชีวิตในราชสำนักล้านนาและเพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว

→ วรุฒ วรธรรม รับบท เจ้าอุปราชสิงห์คำ

hq720
วรุฒ วรธรรม

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นผู้นำของเมืองมัณฑ์ เมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเมืองเชียงเงินและสยาม เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียดและความขัดแย้งให้กับเรื่องราว โดยสะท้อนถึงความทะเยอทะยานและความรุนแรงของผู้นำในยุคที่หัวเมืองล้านนาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เจ้าอุปราชสิงห์คำเป็นตัวร้ายที่สร้างภัยคุกคามต่อเมืองเชียงเงินและสยาม การกระทำของเขา เช่น การจับตัวเจ้ามิ่งหล้าและการโจมตีเมืองเชียงเงิน เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของโครงเรื่อง เขาสะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างหัวเมืองล้านนาที่ต้องการรักษาเอกราชและสยามที่พยายามรวมศูนย์อำนาจ การปรากฏตัวของเขาในฉากสำคัญ เช่น การจับตัวเจ้ามิ่งหล้าและการต่อสู้ที่เมืองมัณฑ์ ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและนำไปสู่จุด climax ของเรื่อง

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่น
เจ้าอุปราชสิงห์คำเป็นผู้นำที่มุ่งมั่นในการขยายอำนาจของเมืองมัณฑ์ เขาต้องการครอบครองหัวเมืองล้านนาและท้าทายอิทธิพลของสยาม โดยเห็นว่าเมืองเชียงเงินเป็นอุปสรรคสำคัญ ความทะเยอทะยานของเขาทำให้เขาไม่ลังเลที่จะใช้กลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงการจับตัว เจ้ามิ่งหล้า เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง

ตัวอย่าง ฉากที่เขาวางแผนบุกเมืองเชียงเงินหรือเจรจาด้วยท่าทีที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและความปรารถนาในการครองอำนาจ

ความโหดร้ายและเล่ห์เหลี่ยม
เจ้าอุปราชสิงห์คำมีด้านที่โหดร้ายและไม่เมตตา เขาพร้อมใช้ความรุนแรงเพื่อปราบปรามศัตรูหรือบังคับให้ผู้อื่นยอมจำนน เช่น การทรมานหรือการข่มขู่ เขามีเล่ห์เหลี่ยมในการวางแผนและจัดการกับศัตรู โดยใช้ทั้งการทูตและกำลังทหารเพื่อบรรลุเป้าหมาย

ตัวอย่าง ฉากที่เขาจับเจ้ามิ่งหล้าและข่มขู่เธอ หรือฉากที่เขาสั่งการโจมตีเมืองเชียงเงิน แสดงถึงความโหดร้ายและความเจ้าเล่ห์ของเขา

ความฉลาดและการเป็นผู้นำ
แม้ว่าจะเป็นตัวร้าย เจ้าอุปราชสิงห์คำมีความฉลาดและความสามารถในการเป็นผู้นำ เขาสามารถควบคุมกองกำลังของเมืองมัณฑ์และวางกลยุทธ์เพื่อต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เช่น สยาม เขามีความเข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองและใช้จุดอ่อนของเมืองเชียงเงิน เช่น ความขัดแย้งภายในราชสำนัก เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ตัวอย่าง ฉากที่เขาวิเคราะห์สถานการณ์ของเมืองเชียงเงินหรือเจรจากับตัวแทนจากเมืองอื่น แสดงถึงความเฉลียวฉลาดและการมองการณ์ไกล

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเจ้าอุปราชสิงห์คำเป็นตัวละครรองและมีบทบาทเป็นตัวร้าย พัฒนาการของเขาไม่เน้นการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ แต่เน้นการขับเคลื่อนความขัดแย้งในเรื่อง เขาเริ่มต้นในฐานะผู้นำที่ทะเยอทะยานและโหดร้าย และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง จนกระทั่งเผชิญกับความพ่ายแพ้ในช่วงท้าย ในช่วง climax ของเรื่อง เขาอาจเผชิญหน้ากับ เจ้าศุขวงศ์ และกลุ่มพันธมิตร ซึ่งนำไปสู่จุดจบของเขาและเมืองมัณฑ์

ตัวอย่าง การที่เขาพ่ายแพ้ในภารกิจที่เมืองมัณฑ์และอาจถูกจับกุมหรือเสียชีวิต แสดงถึงผลลัพธ์ของความทะเยอทะยานที่เกินขอบเขต

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียดและความขัดแย้งให้กับเรื่องราว เจ้าอุปราชสิงห์คำช่วยขับเคลื่อนโครงเรื่อง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์ ความทะเยอทะยานและความโหดร้ายของเขาทำให้เป็นตัวร้ายที่น่าเกรงขามและน่าสนใจ ช่วยสร้างความสมดุลให้กับตัวละครฝ่ายดีอย่างเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ สะท้อนบริบทของความขัดแย้งระหว่างหัวเมืองล้านนาและสยามในยุคเปลี่ยนผ่าน

(จุดด้อย)
บทของเจ้าอุปราชสิงห์คำค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวร้าย ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือมิติที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก ภูมิหลังและแรงจูงใจส่วนตัวของเขาไม่ได้รับการสำรวจอย่างละเอียด ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกว่าเขาเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้าง “หนึ่งมิติ” ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาอาจถูกลดความสำคัญลงเมื่อโฟกัสไปที่ตัวละครหลัก และจุดจบของเขาอาจไม่ได้รับการเน้นอย่างเต็มที่

การแสดงของวรุฒ วรธรรม
วรุฒถ่ายทอดความโหดร้ายและความทะเยอทะยานของเจ้าอุปราชสิงห์คำได้อย่างน่าเกรงขาม น้ำเสียงและท่าทางของเขาช่วยสร้างภาพลักษณ์ของผู้นำที่ทั้งฉลาดและน่ากลัว การแสดงในฉากที่ต้องแสดงความรุนแรงหรือเจรจาด้วยเล่ห์เหลี่ยม เช่น การข่มขู่เจ้ามิ่งหล้า แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่เข้มข้น เขาสามารถใช้สายตาและการแสดงออกเพื่อสื่อถึงความมุ่งมั่นและความโหดร้าย ทำให้ตัวละครดูเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำ

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้าอุปราชสิงห์คำมีขอบเขตจำกัด การแสดงของวรุฒจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร สำเนียงคำเมืองหรือการพูดในบางฉากอาจไม่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากตัวละครเป็นผู้นำของเมืองมัณฑ์ ซึ่งอาจมีสำเนียงที่แตกต่างจากเมืองเชียงเงิน

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมวรุฒในเรื่องความเหมาะสมกับบทตัวร้ายที่ทั้งน่าเกลียดชังและน่าสนใจ โดยเฉพาะในฉากที่เขาเผชิญหน้ากับเจ้ามิ่งหล้าหรือต่อสู้กับฝ่ายสยาม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของวรุฒจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้าอุปราชสิงห์คำ เป็นตัวละครที่เพิ่มความตึงเครียดและความขัดแย้งให้กับ รากนครา ด้วยความทะเยอทะยาน ความโหดร้าย และเล่ห์เหลี่ยม เขาเป็นตัวร้ายที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและสะท้อนความซับซ้อนของการเมืองในล้านนา การแสดงของ วรุฒ วรธรรม ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเกรงขามและน่าสนใจ แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและขาดความลึกซึ้งในบางมิติ เจ้าอุปราชสิงห์คำยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเน้นย้ำความท้าทายของเมืองเชียงเงินและสยามในยุคเปลี่ยนผ่าน

→ พิศาล พัฒนพีระเดช รับบท กรมวัง

57cf4ba0 3c2e 11ef bf0d f58156aa8add webp original
พิศาล พัฒนพีระเดช

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นขุนนางหรือเจ้าพนักงานในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับโครงสร้างการปกครองและการบริหารราชสำนักในบริบทล้านนา โดยมีส่วนในการสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนความซับซ้อนของการเมืองในวัง

กรมวังเป็นตัวละครที่สนับสนุนการบริหารราชสำนักเมืองเชียงเงิน ช่วยให้ผู้นำอย่างเจ้าหลวงแสนอินทะสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้ การปรากฏตัวของเขาในฉากที่เกี่ยวข้องกับการประชุมหรือการเจรจาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของสยาม ความเคร่งครัดในหน้าที่และความภักดีของเขาสะท้อนถึงระบบขุนนางและประเพณีของล้านนาในยุคที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความซื่อสัตย์และความภักดี
กรมวังเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อราชสำนักเมืองเชียงเงินและเจ้าหลวงแสนอินทะ เขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทและยึดมั่นในความรับผิดชอบ เขามักแสดงความภักดีผ่านการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำหรือการดูแลความเรียบร้อยในราชสำนัก แม้ในสถานการณ์ที่เมืองเชียงเงินเผชิญความกดดันจากสยามหรือเมืองมัณฑ์

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจรายงานสถานการณ์ให้เจ้าหลวงแสนอินทะ หรือช่วยจัดการงานในวังตามคำสั่ง แสดงถึงความภักดีและความน่าเชื่อถือ

ความรอบคอบและความรับผิดชอบ
ในฐานะกรมวัง เขามีหน้าที่ดูแลการบริหารจัดการภายในราชสำนัก ซึ่งต้องใช้ความรอบคอบและความใส่ใจในรายละเอียด เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับการประชุมหรือการตัดสินใจสำคัญ เขาอาจมีบทบาทในการประสานงานระหว่างขุนนางหรือระหว่างราชสำนักกับตัวแทนจากสยาม เช่น เจ้าศุขวงศ์

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจมีส่วนในการเจรจาหรือรายงานเกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปของสยาม แสดงถึงความรอบคอบและความสามารถในการจัดการ

ความเคร่งครัดในหน้าที่
กรมวังมีบุคลิกที่เคร่งครัดในระเบียบและกฎเกณฑ์ของราชสำนัก เขาอาจแสดงท่าทีที่จริงจังและยึดมั่นในประเพณีล้านนา ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เขาดูหัวโบราณเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากสยาม อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของสยาม หรือยืนยันในพิธีการของราชสำนัก

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากกรมวังเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เขาเริ่มต้นในฐานะขุนนางที่ซื่อสัตย์และรับผิดชอบ และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤตจากเมืองมัณฑ์หรือการปฏิรูปของสยาม เขาอาจมีส่วนในการสนับสนุนการตัดสินใจของราชสำนัก หรือปรับตัวเพื่อรักษาความสงบ ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาอาจถูกลดความสำคัญลง เนื่องจากโฟกัสของเรื่องไปที่ตัวละครหลักอย่าง เจ้าเพียงเมือง และ เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง การที่เขาอาจปรากฏในฉากที่สนับสนุนการปกป้องเมืองเชียงเงิน หรือช่วยจัดการความวุ่นวายในราชสำนัก

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับโครงสร้างการปกครองของราชสำนักเมืองเชียงเงิน โดยสะท้อนบทบาทของขุนนางในระบบล้านนา ความซื่อสัตย์และความรอบคอบของเขาช่วยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของขุนนางที่ยึดมั่นในหน้าที่และประเพณีช่วยขยายมุมมองของการบริหารราชสำนักและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองเชียงเงินกับสยาม

(จุดด้อย)
บทของกรมวังค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหรือการประชุมเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นแรงจูงใจส่วนตัวหรือภูมิหลังของตัวละคร ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของพิศาล พัฒนพีระเดช
พิศาลถ่ายทอดความจริงจังและความน่าเชื่อถือของกรมวังได้อย่างเหมาะสม ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทขุนนางที่เคร่งครัดและภักดี การแสดงในฉากที่ต้องรายงานหรือเจรจา เช่น การสนทนากับเจ้าหลวงแสนอินทะหรือเจ้าศุขวงศ์ แสดงถึงความสามารถในการสื่อถึงความรับผิดชอบและความรอบคอบ สำเนียงคำเมืองของเขาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับบทขุนนางล้านนา

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของกรมวังมีขอบเขตจำกัด การแสดงของพิศาลจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร การปรากฏตัวของเขาในฉากที่ไม่เด่นชัดอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครมากนัก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมพิศาลในเรื่องความเหมาะสมกับบทขุนนางที่จริงจังและน่าเคารพ โดยเฉพาะในฉากที่เขาแสดงความภักดีต่อราชสำนัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของพิศาลจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

กรมวัง เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมิติให้กับบริบทการบริหารราชสำนักใน รากนครา ด้วยความซื่อสัตย์ ความรอบคอบ และความภักดี เขาสะท้อนบทบาทของขุนนางในระบบล้านนาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสยามและเมืองมัณฑ์ การแสดงของ พิศาล พัฒนพีระเดช ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและเหมาะสมกับบทบาท แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย กรมวังยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยแสดงให้เห็นความซับซ้อนของการเมืองและการปกครองในเมืองเชียงเงิน

→ ทัศน์พล วิวิธวรรธ์ รับบท เจ้าไศลรัตน์ หรือ เจ้าภูแก้ว

s56dnk128657zwAoHqSKz o
ทัศน์พล วิวิธวรรธ์

ตัวละครเด็กที่เป็นบุตรของ เจ้าเพียงเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) และ เจ้าศุขวงศ์ (ปริญ สุภารัตน์) เขาเป็นตัวละครรองที่มีบทบาทสำคัญในฐานะทายาทของราชสำนักเมืองเชียงเงิน และเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการสืบสานมรดกล้านนา

เจ้าไศลรัตน์เป็นตัวแทนของอนาคตและความต่อเนื่องของราชสำนักเมืองเชียงเงิน เขาช่วยให้เรื่องราวจบลงด้วยแง่มุมที่เป็นบวก แม้จะมีความสูญเสียมากมาย ในฐานะบุตรของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ เขาแสดงถึงการผสานกันของสองวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนถึงบริบทประวัติศาสตร์ของการรวมหัวเมืองล้านนาเข้ากับสยาม การปรากฏตัวของเขาในช่วงท้ายช่วยกระตุ้นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและความหวังในผู้ชม โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูของสาวใช้

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความไร้เดียงสาและความน่ารัก
ในฐานะเด็ก เจ้าไศลรัตน์มีบุคลิกที่ไร้เดียงสาและน่ารัก ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นความหวังให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม เขาเป็นตัวแทนของรุ่นใหม่ที่เกิดจากความรักของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความต่อเนื่องของครอบครัวและราชสำนัก

ตัวอย่าง ฉากที่เจ้าไศลรัตน์อาจปรากฏตัวในช่วงท้ายเรื่อง พร้อมกับสาวใช้ที่เลี้ยงดูเขา แสดงถึงความน่ารักและความบริสุทธิ์ของตัวละคร

สัญลักษณ์ของความหวัง
เจ้าไศลรัตน์เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการเริ่มต้นใหม่สำหรับเมืองเชียงเงิน หลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในครอบครัวของเจ้าเพียงเมือง ในฐานะทายาทของทั้งล้านนา (ผ่านเจ้าเพียงเมือง) และสยาม (ผ่านเจ้าศุขวงศ์) เขาแสดงถึงการผสานกันของสองวัฒนธรรมและความเป็นไปได้ในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น

ตัวอย่าง ฉากที่อาจมีการกล่าวถึงอนาคตของเจ้าไศลรัตน์ในฐานะผู้นำรุ่นใหม่ของเมืองเชียงเงิน หรือฉากที่เขาได้รับการปกป้องจากสาวใช้ในวัง

ศักยภาพของผู้นำในอนาคต
แม้ว่าจะเป็นเด็ก เจ้าไศลรัตน์ถูกนำเสนอในฐานะทายาทที่มีศักยภาพในการสืบสานมรดกของราชสำนักเมืองเชียงเงิน เขาอาจได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทผู้นำในอนาคต การที่เขาเป็นบุตรของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ทำให้เขามีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะในบริบทของการรวมหัวเมืองล้านนาเข้ากับสยาม

ตัวอย่าง ฉากที่สาวใช้หรือตัวละครอื่นพูดถึงอนาคตของเจ้าไศลรัตน์ หรือการที่เขาได้รับการดูแลอย่างดีในวัง

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเจ้าไศลรัตน์เป็นเด็กและปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัด เขาเริ่มต้นและจบลงในฐานะสัญลักษณ์ของความหวังและความต่อเนื่อง บทบาทของเขาเน้นไปที่การเป็นตัวแทนของอนาคตมากกว่าการมีพัฒนาการส่วนตัว เนื่องจากอายุยังน้อยและมีเวลาปรากฏในเรื่องจำกัด

ตัวอย่าง ในช่วงท้ายเรื่อง เขาอาจปรากฏในฉากที่แสดงถึงการเริ่มต้นใหม่ของราชสำนักเมืองเชียงเงิน หลังจากความสูญเสียของตัวละครหลัก

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความหวังและความรู้สึกอบอุ่นให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม เจ้าไศลรัตน์ช่วยสร้างบทสรุปที่เป็นบวกสำหรับเมืองเชียงเงิน ในฐานะบุตรของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ เขาเป็นสัญลักษณ์ของการผสานกันระหว่างล้านนาและสยาม ซึ่งสะท้อนของการรวมชาติในยุคเปลี่ยนผ่าน ความน่ารักและความไร้เดียงสาของเขาช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้ชม โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว

(จุดด้อย)
บทของเจ้าไศลรัตน์มีขอบเขตจำกัดมาก เนื่องจากเขาเป็นเด็กและปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง ทำให้ขาดพัฒนาการหรือความลึกซึ้งในตัวละคร เขาไม่มีบทบาทที่เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวโดยตรง และมักปรากฏในฐานะตัวละครประกอบที่เสริมความหมายของเรื่อง ฉากที่เกี่ยวข้องกับเขาอาจรู้สึกสั้นหรือไม่ได้รับการเน้นมากพอ ทำให้ผู้ชมบางส่วนอาจไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละคร

การแสดงของทัศน์พล วิวิธวรรธ์
ทัศน์พลถ่ายทอดความน่ารักและความไร้เดียงสาของเจ้าไศลรัตน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในฐานะนักแสดงเด็ก เขาสามารถสร้างความรู้สึกอบอุ่นและน่าเอ็นดูให้กับตัวละคร การแสดงในฉากที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสาวใช้หรือตัวละครอื่น เช่น การถูกอุ้มหรือการปรากฏในงานพิธี แสดงถึงความสามารถในการสื่ออารมณ์ที่เหมาะสมกับวัย ความสดใสของเขาช่วยเสริมให้ตัวละครเป็นสัญลักษณ์ของความหวังได้อย่างลงตัว

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเจ้าไศลรัตน์มีขอบเขตจำกัดและเขาเป็นเด็ก การแสดงของทัศน์พลจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพที่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับนักแสดงหลัก ฉากที่เขาปรากฏอาจสั้นและไม่เด่นชัด ทำให้การแสดงของเขาไม่ได้รับความสนใจมากนัก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชอบความน่ารักของเจ้าไศลรัตน์ โดยเฉพาะในฉากที่เขาเป็นสัญลักษณ์ของความหวังในช่วงท้ายเรื่อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นและปรากฏในเวลาสั้น การแสดงของทัศน์พลจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เจ้าไศลรัตน์ หรือ เจ้าภูแก้ว เป็นตัวละครที่เพิ่มความหวัง ความอบอุ่น และความหมายเชิงสัญลักษณ์ให้กับ รากนครา ในฐานะบุตรของเจ้าเพียงเมืองและเจ้าศุขวงศ์ เขาเป็นตัวแทนของอนาคตและการผสานกันของล้านนากับสยาม การแสดงของ ทัศน์พล วิวิธวรรธ์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่ารักและน่าเอ็นดู แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและปรากฏในช่วงท้ายของเรื่อง เจ้าไศลรัตน์ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างบทสรุปที่เป็นบวกและเน้นย้ำความต่อเนื่องของมรดกล้านนา

→ เกรียงไกร อุณหนันท์ รับบท เสด็จในกรม

hq720
เกรียงไกร อุณหนันท์

ตัวละครรองที่มีบทบาทเป็นขุนนางหรือเจ้านายชั้นสูงในราชสำนักเมืองเชียงเงิน เขาเป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับโครงสร้างการปกครองและการเมืองในวัง โดยมีส่วนในการสนับสนุนตัวละครหลักและสะท้อนความซับซ้อนของการบริหารราชสำนักล้านนา

เสด็จในกรมเป็นตัวละครที่สนับสนุนการบริหารราชสำนักเมืองเชียงเงิน ช่วยให้ผู้นำอย่างเจ้าหลวงแสนอินทะสามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้ การปรากฏตัวของเขาในฉากที่เกี่ยวข้องกับการประชุมหรือการเจรจาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของสยามและภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์ ความภักดีและความยึดมั่นในประเพณีของเขาสะท้อนถึงระบบขุนนางและวัฒนธรรมของล้านนาในยุคที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง

ลักษณะนิสัยและพัฒนาการของตัวละคร

ความภักดีและความรับผิดชอบ
เสด็จในกรมเป็นขุนนางหรือเจ้านายที่ภักดีต่อราชสำนักเมืองเชียงเงินและเจ้าหลวงแสนอินทะ เขายึดมั่นในหน้าที่และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำด้วยความทุ่มเท เขามักแสดงความรับผิดชอบผ่านการให้คำปรึกษาหรือการจัดการงานในราชสำนัก โดยเฉพาะในช่วงที่เมืองเชียงเงินต้องเผชิญกับความกดดันจากสยามและภัยคุกคามจากเมืองมัณฑ์

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจปรากฏในที่ประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของเมือง หรือรายงานข้อมูลสำคัญให้เจ้าหลวงแสนอินทะ

ความภูมิฐานและไหวพริบ
ในฐานะขุนนางชั้นสูง เสด็จในกรมมีบุคลิกที่ภูมิฐานและสง่างาม เขามีไหวพริบในการรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน เช่น การเจรจากับตัวแทนจากสยามหรือการจัดการความขัดแย้งภายในวัง เขาอาจแสดงความรอบคอบในการตัดสินใจ เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างการปกป้องประเพณีล้านนาและการยอมรับการเปลี่ยนแปลงจากสยาม

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจสนทนากับเจ้าศุขวงศ์เกี่ยวกับนโยบายปฏิรูป หรือให้คำแนะนำแก่เจ้าหลวงแสนอินทะในเรื่องการเมือง

ความเคร่งครัดในประเพณี
เสด็จในกรมอาจมีมุมมองที่ยึดมั่นในประเพณีและระเบียบของราชสำนักล้านนา ซึ่งบางครั้งทำให้เขาดูหัวโบราณเมื่อเผชิญกับการปฏิรูปที่นำโดยสยาม อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่าง ฉากที่เขาอาจแสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของสยาม หรือยืนยันในพิธีการของราชสำนักเพื่อรักษาเกียรติยศของเมืองเชียงเงิน

พัฒนาการของตัวละคร
เนื่องจากเสด็จในกรมเป็นตัวละครรอง พัฒนาการของเขาไม่เด่นชัดเท่าตัวละครหลัก เขาเริ่มต้นในฐานะขุนนางที่ภักดีและมีไหวพริบ และยังคงรักษาคุณสมบัตินี้ตลอดทั้งเรื่อง ในช่วงที่เมืองเชียงเงินเผชิญวิกฤตจากเมืองมัณฑ์หรือการปฏิรูปของสยาม เขาอาจมีส่วนในการสนับสนุนการตัดสินใจของราชสำนัก หรือปรับตัวเพื่อรักษาความสงบของเมือง ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาอาจถูกลดความสำคัญลง เนื่องจากโฟกัสของเรื่องไปที่ตัวละครหลักอย่าง เจ้าเพียงเมือง และ เจ้ามิ่งหล้า

ตัวอย่าง การที่เขาอาจปรากฏในฉากที่สนับสนุนการปกป้องเมืองเชียงเงิน หรือช่วยจัดการความวุ่นวายในราชสำนักในช่วงวิกฤต

จุดเด่นและจุดด้อยของคาแร็กเตอร์

(จุดเด่น)
เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงให้กับโครงสร้างการปกครองของราชสำนักเมืองเชียงเงิน โดยสะท้อนบทบาทของขุนนางชั้นสูงในระบบล้านนา ความภูมิฐานและไหวพริบของเขาช่วยเน้นย้ำภาพลักษณ์ของขุนนางที่ยึดมั่นในหน้าที่และมีบทบาทในการบริหารราชสำนัก ช่วยขยายมุมมองของการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองเชียงเงินกับสยามในยุคเปลี่ยนผ่าน

(จุดด้อย)
บทของเสด็จในกรมค่อนข้างจำกัดและเน้นการเป็นตัวละครสนับสนุน ทำให้ขาดความลึกซึ้งหรือพัฒนาการที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับตัวละครหลัก เขามักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับการประชุมหรือการเจรจาเท่านั้น และไม่มีฉากที่เน้นให้เห็นแรงจูงใจส่วนตัวหรือภูมิหลังของตัวละคร ในช่วงท้ายเรื่อง บทบาทของเขาถูกลดความสำคัญลง และอาจไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร

การแสดงของเกรียงไกร อุณหนันท์
เกรียงไกรถ่ายทอดความภูมิฐานและความน่าเชื่อถือของเสด็จในกรมได้อย่างเหมาะสม ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเหมาะกับบทขุนนางชั้นสูงที่มีทั้งความสง่างามและความจริงจัง การแสดงในฉากที่ต้องให้คำปรึกษาหรือเจรจา เช่น การสนทนากับเจ้าหลวงแสนอินทะหรือเจ้าศุขวงศ์ แสดงถึงความสามารถในการสื่อถึงความรอบคอบและไหวพริบ สำเนียงคำเมืองของเขาค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับบทขุนนางล้านนา

จุดที่ถูกวิจารณ์ เนื่องจากบทของเสด็จในกรมมีขอบเขตจำกัด การแสดงของเกรียงไกรจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพเต็มที่เมื่อเทียบกับนักแสดงหลักอย่างปริญหรือณฐพร การปรากฏตัวของเขาในฉากที่ไม่เด่นชัดอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครมากนัก

กระแสจากผู้ชม ผู้ชมในโซเชียลมีเดีย ชื่นชมเกรียงไกรในเรื่องความเหมาะสมกับบทขุนนางที่สง่างามและน่าเคารพ โดยเฉพาะในฉากที่เขาแสดงความภักดีต่อราชสำนัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทของเขาไม่เด่นเท่าตัวละครหลัก การแสดงของเกรียงไกรจึงไม่ได้รับการพูดถึงมากนักเมื่อเทียบกับนักแสดงนำ

เสด็จในกรม เป็นตัวละครที่เพิ่มความสมจริงและมิติให้กับบริบทการบริหารราชสำนักใน รากนครา ด้วยความภักดี ความภูมิฐาน และไหวพริบ เขาสะท้อนบทบาทของขุนนางชั้นสูงในระบบล้านนาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสยามและเมืองมัณฑ์ การแสดงของ เกรียงไกร อุณหนันท์ ช่วยให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและเหมาะสมกับบทบาท แม้ว่าบทของเขาจะมีขอบเขตจำกัดและถูกลดความสำคัญในช่วงท้าย เสด็จในกรมยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยแสดงให้เห็นความซับซ้อนของการเมืองและการปกครองในเมืองเชียงเงิน

รากนครา เป็นนวนิยายที่ ปิยะพร ศักดิ์เกษม แต่งขึ้น ลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารสกุลไทย พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก พ.ศ. 2540 เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ดินแดนล้านนา หัวเมืองเหนือของสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 และสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง

รากนครา เป็นเรื่องราวของ เจ้าศุขวงศ์ แห่งเมืองเชียงพระคำ เกิดตกหลุมรัก เจ้านางแม้นเมือง หญิงสาวผู้ยึดมั่นรักแผ่นดินและแน่วแน่ในอุดมการณ์ของบรรพบุรุษ ที่ต้องการให้เมืองเชียงเงินได้เป็นเอกราชจากสยาม ซึ่งมีน้องสาวต่างแม่คือ เจ้านางมิ่งหล้า หญิงสาวผู้เอาแต่ใจและอิจฉาริษยาที่พี่สาวมีชายหนุ่มมาตกหลุมรัก เจ้านางมิ่งหล้าจึงวางอุบายดึงเจ้าศุขวงศ์มาใกล้ชิดตัวและวางแผนทำให้เจ้านางแม้นเมืองเข้าใจผิด จนเกิดเป็นรักสามเส้า โศกนาฏกรรมทางความรักจึงอุบัติขึ้น โดยมีแผ่นดินเกิดเป็นเดิมพัน

รากนครา ดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2543 ออกอากาศทาง ช่อง 7 ผลิตโดย บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด บทโทรทัศน์ ศัลยา สุขะนิวัตติ์ กำกับการแสดงโดย จรูญ ธรรมศิลป์ นำแสดงโดย ดนุพร ปุณณกันต์ , พัชราภา ไชยเชื้อ, วรนุช วงษ์สวรรค์ ออกอากาศทุกวันศุกร์–อาทิตย์ เวลา 20.20–22.20 ตั้งแต่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2543 ถึง 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543

ครั้งต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ออกอากาศทาง ช่อง 3 ผลิตโดยบริษัท แอคอาร์ต เจเนเรชั่น บทโทรทัศน์โดย ยิ่งยศ ปัญญา กำกับการแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นำแสดงโดย ณฐพร เตมีรักษ์, ปริญ สุภารัตน์, นิษฐา จิรยั่งยืน, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต ใช้ภาษาเหนือ (คำเมือง) ในการดำเนินเรื่องทั้งหมด โดยยึดถือตามสำเนียงมาตรฐานเชียงใหม่ และชุดสำหรับสวมใส่ในการแสดงได้มีการอิงตามประวัติศาสตร์ของจริงที่เห็นและปรากฏตามดินแดนต่าง ๆ ในเรื่อง ออกอากาศทุกวันจันทร์–อังคาร เวลา 20.20–22.50 น. ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560 ถึง 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ต่อจากละครเรื่องเล่ห์ลับสลับร่าง

รางวัลที่ชนะและการเสนอชื่อ

สีสันบันเทิงอวอร์ด 2560 
ละครยอดเยี่ยมแห่งปี รากนครา 
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ณฐพร เตมีรักษ์ 
สามีแห่งชาติ ปริญ สุภารัตน์
ตัวจี๊ดแห่งปี พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์

Thailand Social Awards 2018 
Best Thai Series on Social Media ละครที่มีผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย รากนครา

รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 32 
องค์ประกอบศิลป์ดีเด่น รากนครา
ผู้กำกับดีเด่น พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครดีเด่น รากนครา

รางวัลไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ครั้งที่ 11
ละครโทรทัศน์แห่งปี รากนครา

รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9
กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ประมาณ อิ่มรัตนะ
เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ศิรินาจ ถาวรวัตร์
บทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม ยิ่งยศ ปัญญา
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นิษฐา จิรยั่งยืน
ผู้กำกับยอดเยี่ยม พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง