ละคร สมบัติมหาเฮง 2563 ผจญภัยตามหาสมบัติพร้อมกับแก้ไขกรรมเก่า หนุ่มหัวหน้าป่าไม้ผู้มีซิกเซ้นส์ เห็นวิญญาณทหารญี่ปุ่นตามอาฆาตคุณหมอสาว เขายื่นมือเข้าช่วยเหลือและร่วมผจญภัยในป่า เพื่อตามหาสมบัติที่หายไปมาคืนและชดใช้กรรมแทนบรรพบุรุษ การผจญภัยสุดอันตรายจึงดำเนินไปพร้อมกับความรักที่ก่อตัว

ละคร สมบัติมหาเฮง 2563 ละครแนวผจญภัยที่ผสมผสานความเชื่อเรื่องวิญญาณและการตามหาสมบัติเข้าด้วยกัน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ “เมธี” เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษสามารถมองเห็นและสื่อสารกับวิญญาณ ได้พบกับ “พิมแพร” คุณหมอสาวที่กำลังถูกวิญญาณทหารญี่ปุ่นตามหลอกหลอน เมื่อเมธีเข้าไปช่วยเหลือพิมแพรจากวิญญาณร้าย ทำให้เขาได้รู้ถึงเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวข้องกับสมบัติที่ซ่อนอยู่ และคำสาปที่ตามหลอนตระกูลของพิมแพรมาหลายชั่วอายุคน ทั้งคู่จึงร่วมมือกันออกตามหาสมบัติเพื่อที่จะทำลายคำสาปและปลดปล่อยวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่

การเดินทางตามหาสมบัติของเมธีและพิมแพรเต็มไปด้วยอุปสรรคและอันตราย พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับทั้งวิญญาณร้าย สัตว์ป่า และกลุ่มคนร้ายที่ต้องการครอบครองสมบัติเช่นกัน ระหว่างทาง ทั้งคู่ได้พบกับเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ และค่อยๆเรียนรู้ที่จะไว้วางใจกันมากขึ้น

นอกจากจะเป็นการผจญภัยตามหาสมบัติแล้ว ละครเรื่องนี้ยังสอดแทรกเรื่องราวความรักและมิตรภาพระหว่างตัวละครต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเมธีและพิมแพรค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ ร่วมกัน

สารบัญละคร

ละครเรื่องนี้มีฉากที่ใช้ CG จำนวนมากเพื่อเน้นความตื่นเต้นและสมจริงของการผจญภัยในป่า เนื้อหาอ้างอิงประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น การก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ และการต่อต้านของขบวนการเสรีไทยต่อญี่ปุ่น ผสมผสานเรื่องราวคำสาป วิญญาณ และความรัก ต่อไปนี้จะเปิดเผยรายละเอียดสำคัญของเรื่อง

จุดเริ่มต้น
เมธี (เบน สันติราษฎร์) หัวหน้าป่าไม้ที่มี “ดวงตาเทพ” มองเห็นวิญญาณได้ตั้งแต่เด็ก หลังจากเหตุการณ์เฉียดตาย เขาพบ พิมแพร (พีพี พัชญา) คุณหมอสาวที่ถูกวิญญาณทหารญี่ปุ่นตามหลอกหลอน เมธีตัดสินใจช่วยเธอโดยใช้พลังพิเศษของเขา

ภารกิจตามหาสมบัติ
เมธีและพิมแพรพร้อมทีม (ต๋อง, กาน, พรานโรจน์, ยาโย) ออกเดินทางตามแผนที่ในบันทึกของ ชิเบะ ทหารญี่ปุ่น เพื่อค้นหาทองคำที่ซ่อนไว้ในถ้ำ สมบัตินี้เชื่อมโยงกับคำสาปจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะและขบวนการเสรีไทย

อุปสรรคและศัตรู
ระหว่างทาง พวกเขาต้องเผชิญกับอันตรายทั้งจากธรรมชาติ เช่น สัตว์ป่าและกับดักในถ้ำ รวมถึงกลุ่มคนที่หวังครอบครองสมบัติ เช่น ชัย และ กำนันทอง ที่ตามล่าสมบัติด้วยเจตนาโลภ วิญญาณทหารญี่ปุ่นและคำสาปยิ่งทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความลึกลับและน่าสะพรึงกลัว

ปมในอดีต
เรื่องราวเผยว่า พิมแพร มีความเชื่อมโยงกับสมบัติผ่านบรรพบุรุษของเธอ ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเสรีไทยที่ต่อสู้กับญี่ปุ่น คำสาปนี้เกิดจากความแค้นของทหารญี่ปุ่นที่ถูกทรยศ เมธีใช้ดวงตาเทพสื่อสารกับวิญญาณเพื่อคลายปมและยุติคำสาป

จุดไคลแม็กซ์
ในถ้ำที่ซ่อนสมบัติ เมธีและพิมแพรเผชิญการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับทั้งศัตรูและพลังลึกลับ พวกเขาค้นพบว่าสมบัติทองคำมีอยู่จริง แต่ถูกปกป้องด้วยกลไกและคำสาปโบราณ เมธีใช้ความกล้าหาญและสติปัญญาในการแก้ปริศนา และในที่สุดสามารถคลายคำสาปได้โดยการปลดปล่อยวิญญาณทหารญี่ปุ่นให้สงบ

เมธีและพิมแพรตัดสินใจไม่นำทองคำออกมา เพราะตระหนักว่าสมบัติที่แท้จริงคือความรักและมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาจนกลายเป็นความรักที่มั่นคง เรื่องราวจบด้วยการที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยทิ้งสมบัติไว้เป็นตำนานในป่า

ประเด็นที่น่าสนใจ ความรักความสัมพันธ์ระหว่างเมธีและพิมแพรค่อยๆ พัฒนาท่ามกลางอันตราย ผสมผสานความโรแมนติกเข้ากับความตื่นเต้น ละครอิงเหตุการณ์ทางรถไฟสายมรณะและขบวนการเสรีไทย ทำให้มีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ต่อไปนี้คือ จุดเด่นของละคร

เรื่องราวผจญภัยที่น่าติดตาม
เรื่องราวการตามหาทองคำในถ้ำที่กาญจนบุรี อิงประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะและขบวนการเสรีไทย ทำให้มีมิติที่น่าสนใจ การผสมผสานปมคำสาปและวิญญาณทหารญี่ปุ่นเพิ่มความลึกลับและตื่นเต้น คล้ายกับภาพยนตร์ผจญภัยสไตล์ Indiana Jones ในแบบฉบับไทย

เคมีนักแสดงนำ
เบน สันติราษฎร์ และ พีพี พัชญา ถ่ายทอดตัวละครเมธีและพิมแพรได้อย่างลงตัว เคมีของทั้งคู่ทั้งในฉากแอ็กชันและโรแมนติกดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองต้องเผชิญอันตรายร่วมกัน ทำให้ผู้ชมลุ้นและเอาใจช่วย

ตัวละครสมทบเพิ่มสีสัน
ตัวละครอย่าง ต๋อง (บิว ณัฐพล) และ กาน (บอส คงณัฐ) สร้างอารมณ์ขันได้ดี ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากฉากผจญภัยและดราม่า การทะเลาะกันแบบน่ารักของทั้งคู่เป็นจุดเด่นที่ทำให้ละครไม่หนักจนเกินไป

งานภาพและ CG
ฉากในป่าและถ้ำใช้ CG เสริมสร้างบรรยากาศได้สมจริงในระดับที่น่าพอใจสำหรับละครไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะฉากกับดักและการต่อสู้ในถ้ำที่ทำออกมาได้น่าตื่นเต้น

ข้อคิดในตอนจบ
ละครเน้นคุณค่าของความรักและมิตรภาพเหนือสมบัติทางวัตถุ ซึ่งเป็นข้อความที่สื่อสารได้ชัดเจนและเข้าถึงผู้ชมได้ดี

คะแนน 7.5/10 (จาก sence9.com)

สมบัติมหาเฮง เป็นละครที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวผจญภัยผสมความลึกลับและคอมเมดี้ มีความบันเทิงครบรสทั้งแอ็กชัน โรแมนติก และมุกตลก แม้จะมีจุดที่จังหวะเรื่องช้าบ้างและบางส่วนดูเกินจริง แต่โดยรวมเป็นละครที่ดูเพลินและมีเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานประวัติศาสตร์และแฟนตาซี แนะนำสำหรับแฟนละครช่อง 7 หรือผู้ที่ชอบเรื่องราวการผจญภัยตามล่าสมบัติ

ตื่นเต้นและลุ้นระทึก
ฉากผจญภัยในป่าและถ้ำที่เต็มไปด้วยกับดักและปริศนาทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนดูหนังแนว Indiana Jones หรือ Tomb Raider แบบไทย ๆ โดยเฉพาะฉากที่เมธีและพิมแพรต้องเผชิญอันตราย เช่น การหนีวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย ทำให้หัวใจเต้นแรงและอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป

สนุกและเพลิดเพลิน
อารมณ์ขันจากตัวละครสมทบ เช่น ต๋องและกาน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ดี ฉากทะเลาะกันแบบน่ารักหรือมุกตลกที่แทรกมาเป็นระยะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดของเนื้อเรื่องหลัก ทำให้การดูไม่หนักจนเกินไป

อบอุ่นและโรแมนติก
ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ พัฒนาระหว่างเมธีและพิมแพรให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ปกป้องกันและกันท่ามกลางอันตราย ผู้ชมที่ชอบเส้นเรื่องรักอาจรู้สึกฟินและเอาใจช่วยให้ทั้งคู่ลงเอยกัน

ลึกลับและน่าค้นหา
ปมเกี่ยวกับสมบัติสงครามโลกครั้งที่ 2 และคำสาปของวิญญาณทหารญี่ปุ่นสร้างความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น อยากติดตามว่าเมธีจะใช้ “ดวงตาเทพ” คลายปริศนาได้อย่างไร และสมบัติที่ซ่อนอยู่นั้นคืออะไรกันแน่ การอิงประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะยังทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปสัมผัสอดีต

บางช่วงอาจรู้สึกยืดเยื้อ
ในบางตอนที่เน้นการตามหาเบาะแสหรือฉากย้ำปมซ้ำ ๆ อาจทำให้รู้สึกว่าจังหวะเรื่องช้าเกินไป ส่งผลให้บางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดหรืออยากให้เรื่องเดินหน้าเร็วขึ้น

สะใจในตอนจบ
ตอนจบที่เน้นคุณค่าของความรักและมิตรภาพเหนือสมบัติทางวัตถุให้ความรู้สึกประทับใจและอบอุ่น การที่เมธีและพิมแพรเลือกทิ้งสมบัติไว้และเลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอาจทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้มีข้อคิดดี ๆ และจบอย่างสมบูรณ์

โดยรวม ละคร สมบัติมหาเฮง จะให้ความรู้สึกที่ผสมทั้งความตื่นเต้นจากฉากแอ็กชัน ความสนุกจากมุกตลก ความอบอุ่นจากความรัก และความลึกลับจากปมคำสาป เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบละครครบรสและไม่ซีเรียสกับความสมจริงมากเกินไป อย่างไรก็ตาม บางช่วงที่จังหวะช้าอาจทำให้รู้สึกขัดใจบ้าง แต่ถ้าชอบแนวผจญภัยและโรแมนติกแบบไทย ๆ เรื่องนี้จะมอบความบันเทิงได้ดี


ละคร สมบัติมหาเฮง 2563

ละคร สมบัติมหาเฮง 2563

ละคร สมบัติมหาเฮง 2563 EP.1-18CH7+

ฉากเด็ด สมบัติมหาเฮง 2563


ละคร สมบัติมหาเฮง 2563

ครั้งมหาสงครามเอเชียบูรพาในอดีต ทหารญี่ปุ่นได้บังคับเชลยศึกฝ่ายพันธมิตรหลายสัญชาติมาทำการก่อสร้างสะพานแม่น้ำแคว เส้นทางรถไฟสายมรณะ เชลยจำนวนมากขาดแคลนอาหารและเจ็บป่วยจนเสียชีวิตระหว่างการก่อสร้าง ทองคำจำนวนมากและทหารญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งได้หายไปอย่างลึกลับระหว่างการลำเลียงในป่าลึกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) เจ้าหน้าที่ป่าไม้หนุ่มหล่อผู้มีสัมผัสพิเศษสามารถมองเห็นและสื่อสารกับวิญญาณได้ตั้งแต่เด็ก มีเพียง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์) เพื่อนสนิทที่รู้เรื่องนี้ ธีบังเอิญพบเห็นผู้ลักลอบตัดไม้สงวน จึงเข้าขัดขวางทำให้ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่ ภูมิธรรม (ฐปนัท สัตยานุรักษ์) หัวหน้าป่าไม้นำกำลังเข้าช่วย โดยต๋องพาธีส่งโรงพยาบาล ทำให้ธีได้พบกับ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) หมออาสาสาวสวย ธีเห็นมวลควันลึกลับคล้ายทหารญี่ปุ่นตามทำร้ายพิมแพร เขาสะกดรอยตามเธอออกมาจนถึงหมู่บ้านชนเผ่า ที่พิมแพรมาตรวจรักษาให้ชาวบ้านฟรี ธีประทับใจในตัวเธอ วิญญาณที่ติดตามมาทำให้พิมแพรตกอยู่ในอันตราย แต่ธีก็เข้าช่วยไว้ได้

เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในหมู่บ้าน ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ) สาวชนเผ่าถูกคนร้ายบุกเข้ามาฉุดต่อหน้า นาเนอะ (ด.ญ.เกณิกา ต่อยประสุ) ธีฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยนาเนอะออกมาได้ เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับพิมแพร แต่เธอก็ได้รับกำลังใจจาก ดร.พีรพันธ์ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ผู้เป็นพ่อ แถมเซอร์ไพรส์ด้วย กาน (จาด้า อินโตร์เร) เพื่อนรักที่เพิ่งกลับจากเรียนต่อที่ต่างประเทศ

ธีตามหาที่มาของวิญญาณที่เฝ้าตามทำร้ายพิมแพร จนรู้ความจริงว่าเป็นเพราะคำสาปที่ตกทอดมาจาก พรานทะนง (เพชรฎี ศรีฤกษ์) คุณตาทวดของเธอซึ่งเป็นพรานเก่า ธีตัดสินใจช่วยพิมแพรแก้ไขคำสาปนั้น

ด้าน ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) นักวิชาการด้านโบราณคดี เพื่อนของพีรพันธ์ถูกเชิญให้เป็นพิธีกรในการถ่ายทำสารคดี ร่วมกับ จอห์น (ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์) โรส (พิณิชา กิจเกษมพงศา) และ แซม (บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์) โดยมีพีรพันธ์คอยให้ความช่วยเหลือ การถ่ายทำดำเนินไปในป่าลึกรุกล้ำเข้าไปในเขตของชนเผ่ากะแลง ทำให้ทุกคนถูกจับตัวไว้ พิมแพรและกานมาขอให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ช่วยตามหาพีรพันธ์และทีมสารคดี ทุกคนได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย โดยมี พรานโรจน์ (คงณัฐ เชยสุวรรณ) มาช่วยอีกแรง

ธีได้พบกับ ชิเบะ (พิพัฒน์พล โกมารทัต) วิญญาณทหารญี่ปุ่นความจำเสื่อม และพรานทะนงก็ได้ให้เบาะแสของบันทึกทหารญี่ปุ่นกับธี จนพวกเขาสามารถหาบันทึกนั้นพบ แต่ก็ไม่สามารถถอดความจากบันทึกที่เป็นภาษาญี่ปุ่นได้ พิมแพรกำลังเผชิญชะตากรรมจากคำสาปที่พรานทะนงได้รับก่อนตาย ซึ่งพิมแพรจะต้องเดินทางไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของพรานทะนง ก่อนที่จะอายุครบ 25 ปี มิเช่นนั้นเธอจะต้องมีอันเป็นไป

การเดินทางตามรอยที่ซ่อนสมบัติของทหารญี่ปุ่นเพื่อแก้ไขคำสาปในอดีตได้เริ่มขึ้น ธี พิมแพร ต๋อง กาน พรานโรจน์ และยาโย เดินทางตามแผนที่ที่ระบุไว้ในบันทึกของชิเบะ ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมาย
ท้ายที่สุด ธีและพิมแพร จะเดินทางไปถึงที่ซ่อนสมบัติเพื่อไขปริศนาเรื่องคำสาปในอดีตได้หรือไม่ คำสาปและปมปัญหาที่ถูกลบเลือนไปคืออะไร ใครจะได้สมบัติมหาศาลมาครอบครอง ติดตามชมได้ในละคร สมบัติมหาเฮง

บทประพันธ์โดย : รัญ เมืองลพ
ดัดแปลงบทประพันธ์โดย : วิน อินดี้
บทโทรทัศน์โดยโดย : สิงหราณี
กำกับการแสดงโดย : โหน่ง-วีระชัย รุ่งเรือง
ผลิตโดย : บริษัท โกลด์ ซี.พี.จี เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด
ควบคุมการผลิตโดย : ฉลอง ภักดีวิจิตร

นักแสดง

→ สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ รับบท เมธี

65953219cee491.58569305
สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ

บทบาทพระเอกของเรื่อง หัวหน้าป่าไม้หนุ่มที่ทำงานในพื้นที่กาญจนบุรี เมธีเป็นผู้นำทีมในการผจญภัยตามหาทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำ โดยใช้ทั้งความกล้าและพลังพิเศษเพื่อต่อสู้กับศัตรู หลบเลี่ยงอันตราย และคลายคำสาปที่เกี่ยวข้องกับสมบัติ

เมธี ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครที่ผสมผสานความเป็นผู้นำ นักผจญภัย และผู้มีพลังพิเศษได้อย่างน่าสนใจ ฉายา “ผู้พิทักษ์ดวงตาเทพ” สรุปตัวตนของเขาได้ดีในฐานะผู้ที่ใช้พลังลึกลับปกป้องผู้อื่นและนำทีมสู่เป้าหมาย การแสดงของ สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ ช่วยยกระดับให้เมธีเป็นพระเอกที่น่าจดจำในละครแนวผจญภัยนี้

ลักษณะนิสัย
กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เมธีเป็นคนกล้าตัดสินใจและพร้อมเผชิญอันตรายเพื่อปกป้องคนที่รักและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขาใช้ความรู้และสติปัญญาในการแก้ปริศนาและหลบเลี่ยงกับดักในภารกิจตามหาสมบัติ เมธีมักยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะพิมแพรและทีมของเขา

มีความลึกลับ เขามีพลังพิเศษที่เรียกว่า “ดวงตาเทพ” ซึ่งสามารถมองเห็นและสื่อสารกับวิญญาณได้ อันเป็นผลจากเหตุการณ์เฉียดตายในวัยเด็ก ภูมิหลังของเมธีเติบโตในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ และได้รับพลัง “ดวงตาเทพ” หลังจากประสบอุบัติเหตุในวัยเด็ก ทำให้เขามีความผูกพันกับป่าและเรื่องเหนือธรรมชาติ พลังนี้กลายเป็นกุญแจสำคัญในการคลายปมคำสาปและตามหาสมบัติ

เขามีความสัมพันธ์ที่พัฒนาเป็นความรักกับ พิมแพร (พีพี พัชญา) คุณหมอสาวที่เขาเข้ามาช่วยเหลือจากวิญญาณร้าย และเป็นเพื่อนร่วมทีมกับตัวละครสมทบอย่าง ต๋อง, กาน, และพรานโรจน์

ฉายา “ผู้พิทักษ์ดวงตาเทพ”
ฉายานี้มาจากพลังพิเศษ “ดวงตาเทพ” ที่เมธีใช้ในการมองเห็นวิญญาณและไขปริศนาคำสาป เขาเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ที่ใช้พลังนี้ปกป้องทีมและยุติความอาฆาตของวิญญาณทหารญี่ปุ่น ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของเมธีที่เป็นทั้งนักผจญภัยและผู้ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ คอยนำทางทีมผ่านความมืดและอันตราย ด้วยสายตาที่มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

การแสดงของสันติราษฎร์ (เบน)
เบน สันติราษฎร์ ถ่ายทอดบทเมธีได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะในฉากแอ็กชันที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและฉากโรแมนติกที่แสดงเคมีเข้ากับพิมแพรได้ดี การแสดงของเขาทำให้เมธีดูเป็นพระเอกที่ทั้งน่าเชื่อถือและน่าหลงใหล เขาสามารถสลับอารมณ์ระหว่างความจริงจังในฉากผจญภัยและความอบอุ่นในฉากรักได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครเมธีมีมิติและเป็นที่จดจำ

→ พัชญา เพียรเสมอ รับบท พิมแพร

hq720
พัชญา เพียรเสมอ

บทบาทนางเอกของเรื่อง คุณหมอสาวที่ทำงานในโรงพยาบาลในจังหวัดกาญจนบุรี พิมแพรเป็นคู่หูของเมธีในการตามหาสมบัติ ช่วยทีมด้วยความรู้ทางการแพทย์และความกล้า เธอมีส่วนสำคัญในการไขปริศนาคำสาปผ่านความเชื่อมโยงกับอดีตของครอบครัว และเป็นตัวละครที่ช่วยยึดโยงทีมให้เป็นหนึ่งเดียว

พิมแพร ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครที่ผสมผสานความฉลาด ความกล้าหาญ และความอ่อนโยนได้อย่างลงตัว ฉายา “หมอสาวนักสู้แห่งสายมรณะ” สรุปตัวตนของเธอในฐานะผู้หญิงแกร่งที่เผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งในด้านกายภาพและจิตใจ การแสดงของ พัชญา เพียรเสมอ ช่วยให้พิมแพรเป็นนางเอกที่ทั้งน่ารักและน่าเชียร์

ลักษณะนิสัย
ฉลาดและใจเย็น พิมแพรเป็นหมอที่มีความรู้และทักษะทางการแพทย์ ใช้สติในการแก้ปัญหาและรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียด แม้จะเป็นคนเมืองที่ไม่คุ้นชินกับการผจญภัยในป่า แต่เธอแสดงให้เห็นถึงความกล้าและความตั้งใจในการเผชิญหน้ากับอันตรายเพื่อค้นหาความจริง พิมแพรมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อต้องช่วยเหลือทีมหรือคนที่เดือดร้อน

มีความลับในอดีต เธอมีส่วนเชื่อมโยงกับสมบัติผ่านบรรพบุรุษที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเสรีไทย ทำให้เธอถูกวิญญาณทหารญี่ปุ่นตามอาฆาต ภูมิหลังของพิมแพรเป็นหมอที่มีชีวิตปกติในเมือง แต่ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปเมื่อถูกวิญญาณทหารญี่ปุ่นตามหลอกหลอน ซึ่งนำไปสู่การพบกับเมธีและการผจญภัยตามหาสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำ ความเชื่อมโยงของเธอกับอดีตและขบวนการเสรีไทยกลายเป็นกุญแจสำคัญในการคลายปมคำสาป

ความสัมพันธ์ของพิมแพรพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมทางสู่ความรักกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) โดยทั้งคู่คอยปกป้องและสนับสนุนกันในภารกิจ เธอยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวละครสมทบอย่าง ต๋อง, กาน, และพรานโรจน์

ฉายา “หมอสาวนักสู้แห่งสายมรณะ”
ฉายานี้สะท้อนถึงบทบาทของพิมแพรในฐานะคุณหมอที่กลายมาเป็นนักผจญภัยในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ เธอไม่เพียงรักษาคนด้วยความรู้ทางการแพทย์ แต่ยังต่อสู้เคียงข้างเมธีเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายและคำสาป

ความหมายเน้นความแข็งแกร่งและความกล้าหาญของพิมแพรที่ก้าวข้ามบทบาทหมอสาวธรรมดา กลายเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ในสถานการณ์คับขัน และเชื่อมโยงกับบริบทประวัติศาสตร์ของเรื่อง

การแสดงของพัชญา (พีพี)
พีพี พัชญา ถ่ายทอดบทพิมแพรได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะการแสดงที่ผสมผสานความอ่อนโยนของหมอสาวและความเข้มแข็งในฉากแอ็กชัน เคมีระหว่างเธอกับเบน (เมธี) ทำให้ฉากโรแมนติกดูเป็นธรรมชาติและน่าติดตาม เธอสามารถแสดงอารมณ์หลากหลาย ตั้งแต่ความหวาดกลัวเมื่อเจอวิญญาณ ความมุ่งมั่นในการผจญภัย และความอบอุ่นในฉากรัก ทำให้พิมแพรเป็นตัวละครที่มีมิติและน่าจดจำ

→ ณัฐพล ไรยวงค์ รับบท ต๋อง

ณัฐพล ไรยวงค์

บทบาทตัวละครสมทบ เพื่อนสนิทของเมธีและสมาชิกในทีมผจญภัยตามหาสมบัติ ต๋องเป็นตัวละครที่ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานในทีมผจญภัย ถึงจะไม่ใช่ตัวหลักในการไขปริศนา แต่เขามีส่วนช่วยในฉากแอ็กชันและการทำงานเป็นทีม รวมถึงเป็นตัวละครที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายจากความลุ้นระทึกของเรื่อง

ต๋อง ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครที่เพิ่มความสนุกและความครึกครื้นให้กับเรื่องราว ด้วยนิสัยขี้เล่น ขี้กลัวแต่จิตใจดี ฉายา “จอมกวนแห่งสายมรณะ” สรุปตัวตนของเขาได้อย่างลงตัวในฐานะตัวละครที่นำเสียงหัวเราะมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ ณัฐพล ไรยวงค์ ทำให้ต๋องเป็นที่รักของผู้ชมและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละครครบรส

ลักษณะนิสัย
ขี้เล่นและตลก ต๋องเป็นตัวละครที่สร้างอารมณ์ขันให้กับเรื่อง มักพูดจาแซวเพื่อนหรือทำอะไรเปิ่น ๆ ที่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะ แม้จะดูเป็นคนไม่จริงจัง แต่ต๋องมีความภักดีต่อเมธีและทีม พร้อมช่วยเหลือในยามคับขัน ต๋องมักแสดงความกลัวเมื่อเจอสถานการณ์ลึกลับ เช่น วิญญาณหรืออันตรายในป่า แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น เขาก็พร้อมลุยไปกับทีม คาแร็กเตอร์ของต๋องช่วยลดความตึงเครียดของภารกิจด้วยความกวนและมุกตลกที่เป็นธรรมชาติ

ภูมิหลังของต๋องเป็นเพื่อนของเมธีที่ทำงานในหน่วยป่าไม้หรือพื้นที่ใกล้เคียงในกาญจนบุรี เขาไม่มีพลังพิเศษเหมือนเมธี แต่เข้าร่วมภารกิจเพื่อช่วยเพื่อนและเพราะความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสมบัติ ความสัมพันธ์ของต๋องมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และมักแซวหรือทะเลาะแบบขำ ๆ กับ กาน (บอส คงณัฐ) ซึ่งเป็นคู่หูสร้างความฮาในทีม เขายังมีความเคารพต่อ พิมแพร และตัวละครอื่น ๆ ในกลุ่ม

ฉายา “จอมกวนแห่งสายมรณะ”
ฉายานี้มาจากนิสัยขี้เล่นและการกวนประสาทของต๋องที่มักสร้างความครึกครื้นในทีม แม้ในสถานการณ์ตึงเครียดที่เกี่ยวข้องกับสมบัติและประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ เขายังคงเป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทุกคน

การแสดงของณัฐพล (บิว)
บิว ณัฐพล ไรยวงค์ ถ่ายทอดบทต๋องได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าจดจำ การแสดงของเขาทำให้ต๋องเป็นตัวละครที่ดูน่ารักและเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในฉากตลกที่ต้องแซวหรือทะเลาะกับกาน ซึ่งช่วยเพิ่มเคมีในทีม การแสดงอารมณ์ขี้กลัวผสมความกล้าในฉากอันตรายทำให้ต๋องดูมีมิติ ไม่ใช่แค่ตัวละครตลกแต่ยังมีด้านที่แสดงถึงความภักดีและความกล้าหาญ

→ จาด้า อินโตร์เร รับบท กาน

hq720
จาด้า อินโตร์เร

บทบาทตัวละครสมทบ เพื่อนในทีมผจญภัยของเมธีและพิมแพร เป็นคู่หูสุดกวนที่มักปะทะคารมกับต๋อง กานเป็นตัวละครที่ช่วยสร้างความครึกครื้นในทีม ด้วยมุกตลกและการปะทะคารมกับต๋อง เธอมีส่วนในฉากแอ็กชันและช่วยทีมในภารกิจตามหาสมบัติ แม้จะไม่ใช่ตัวหลักในการไขปริศนา แต่ความร่าเริงและความกล้าของเธอทำให้ทีมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

กาน ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครที่เพิ่มความสนุกและความครึกครื้นให้กับเรื่อง ด้วยนิสัยกวนประสาท ขี้แกล้ง แต่จิตใจดีและพร้อมลุย ฉายา “นักแซวแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเธอได้อย่างเหมาะเจาะในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มและความบันเทิงมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ จาด้า อินโตร์เร ทำให้กานเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
กวนประสาทและขี้แกล้ง กานมีนิสัยขี้เล่น ชอบแซวและยั่วโมโหต๋อง สร้างโมเมนต์ตลก ๆ ให้กับทีม แม้จะดูไม่ค่อยจริงจัง แต่กานมีความกล้าและพร้อมลุยในภารกิจอันตราย กานมีความภักดีต่อเพื่อน ๆ ในทีม โดยเฉพาะเมธีและพิมแพร และมักแสดงความห่วงใยในแบบของตัวเอง กานมีบุคลิกที่ดูเจ้าชู้เล็ก ๆ และมักพูดจาแบบมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ไม่ร้ายกาจ ทำให้เป็นตัวละครที่ดูมีสีสัน

ภูมิหลังของกานเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือใกล้เคียง มักทำงานร่วมกับเมธีในหน่วยป่าไม้หรือภารกิจในป่า เธอเข้าร่วมทีมผจญภัยด้วยความอยากรู้และความผูกพันกับเพื่อน ๆ ไม่มีพลังพิเศษเหมือนเมธี แต่มีทักษะการเอาตัวรอดในป่า ความสัมพันธ์ของกานเป็นเพื่อนสนิทของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และมีเคมีแบบคู่กัดกับ ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์) ซึ่งทั้งคู่มักทะเลาะกันแบบขำ ๆ เป็นจุดเด่นของเรื่อง เธอยังมีความเคารพต่อ พิมแพร และทำงานเป็นทีมกับสมาชิกคนอื่น ๆ อย่างพรานโรจน์และยาโย

ฉายา “นักแซวแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากนิสัยกวน ๆ และการชอบแซวเพื่อน โดยเฉพาะต๋อง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้กานเป็นที่จดจำ คำว่า “ป่ามรณะ” สื่อถึงการผจญภัยในป่ากาญจนบุรีที่เต็มไปด้วยอันตรายและปริศนาเกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะ

การแสดงของจาด้า อินโตร์เร
จาด้า อินโตร์เร ถ่ายทอดบทกานได้อย่างมีชีวิตชีวา การแสดงของเธอทำให้กานเป็นตัวละครที่ดูกะล่อนแต่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะในฉากตลกที่ต้องปะทะคารมกับต๋อง ซึ่งเคมีระหว่างทั้งคู่ลงตัวและสร้างเสียงหัวเราะได้ดี เธอสามารถแสดงความกล้าและความซื่อสัตย์ในฉากแอ็กชันได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้กานไม่ใช่แค่ตัวละครตลก แต่ยังมีด้านที่น่าสนใจและน่าติดตาม

→ บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์ รับบท แซม

บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์

บทบาทตัวละครสมทบ สมาชิกในทีมถ่ายทำสารคดีที่นำโดย ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) และเกี่ยวข้องกับการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี แซมมีบทบาทในฐานะตัวละครที่เชื่อมโยงทีมสารคดีเข้ากับเส้นเรื่องหลักของการตามหาสมบัติ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่เขามีส่วนช่วยให้เรื่องราวมีความหลากหลาย โดยการนำเสนอมุมมองของทีมสำรวจที่เข้าไปในป่าและเผชิญปัญหา

แซม ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มมิติให้กับเรื่องราว ด้วยบทบาทในทีมสารคดีที่เข้าไปในป่าและเชื่อมโยงกับการผจญภัยของทีมหลัก ฉายา “นักสำรวจสารคดีผู้กล้าแห่งป่าลึก” สรุปตัวตนของเขาในฐานะผู้ที่กล้าเผชิญความท้าทายในป่าเพื่อภารกิจ การแสดงของ บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์ ทำให้แซมเป็นตัวละครที่น่าสนใจและช่วยเติมเต็มความครึกครื้นของละคร

ลักษณะนิสัย
กระตือรือร้นและมุ่งมั่น แซมเป็นคนที่มีความสนใจในงานสารคดีและการสำรวจ พร้อมที่จะเผชิญความท้าทายในป่าเพื่อเก็บข้อมูล เขาทำงานร่วมกับทีมสารคดี เช่น จอห์น (ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์) และ โรส (พิณิชา กิจเกษมพงศา) ได้อย่างดี และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ พีรพันธ์ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือ

แซมกล้าเข้าร่วมภารกิจในป่าลึก แต่เมื่อทีมรุกล้ำเขตของชนเผ่ากะแลงและถูกจับตัว เขาก็ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเมธีและทีมป่าไม้ ภูมิหลังของแซมเป็นส่วนหนึ่งของทีมถ่ายทำสารคดีที่เดินทางเข้าไปในป่ากาญจนบุรีเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสมบัติที่ทีมของเมธีและพิมแพรตามหาอยู่ การถ่ายทำของทีมนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาต้องเผชิญอันตรายจากชนเผ่ากะแลง

ความสัมพันธ์ของแซมมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับ ดร.สุนีย์, จอห์น, และ โรส และมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครหลักอย่าง เมธี และ พิมแพร เมื่อทีมของเขาถูกช่วยเหลือจากสถานการณ์คับขัน

ฉายา “นักสำรวจสารคดีผู้กล้าแห่งป่าลึก”
ฉายานี้มาจากบทบาทของแซมในฐานะสมาชิกทีมถ่ายทำสารคดีที่กล้าเข้าไปในป่าลึกของกาญจนบุรี ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับ แม้จะไม่ใช่นักผจญภัยโดยตรง แต่ความมุ่งมั่นของเขาในการทำงานทำให้เขาโดดเด่น

การแสดงของบัณฑวิช (ซูกัส)
บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์ ถ่ายทอดบทแซมได้อย่างเหมาะสม ด้วยการแสดงที่แสดงถึงความกระตือรือร้นและความเป็นมืออาชีพของตัวละครในทีมสารคดี แม้ว่าบทบาทของแซมจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่เขาสามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและเข้ากับบริบทของทีมสำรวจ

การแสดงของซูกัสในฉากที่ทีมสารคดีเผชิญอันตราย เช่น การถูกจับโดยชนเผ่ากะแลง สามารถถ่ายทอดความตื่นเต้นและความกดดันได้ดี ทำให้แซมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมเรื่องราวให้สมบูรณ์

→ อิงฟ้า เกตุคำ รับบท ยาโย

548e470a 5836 45ca 9341 bdb65a8ef43f
อิงฟ้า เกตุคำ

บทบาทตัวละครสมทบ ชาวกะเหรี่ยงที่เข้าร่วมทีมผจญภัยของเมธีและพิมแพร เป็นผู้ที่รู้จักป่าและพื้นที่ในกาญจนบุรีเป็นอย่างดี ยาโยมีบทบาทสำคัญในการนำทางทีมผ่านป่าลึกและช่วยจัดการกับภัยอันตราย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูหรือวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับคำสาป เธอยังช่วยให้ทีมเข้าใจบริบทของพื้นที่และวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้ภารกิจมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ยาโย ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความแข็งแกร่งและมิติทางวัฒนธรรมให้กับเรื่อง ด้วยบทบาทของชาวกะเหรี่ยงที่กล้าหาญและรอบรู้ ฉายา “นักรบกะเหรี่ยงแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเธอได้อย่างเหมาะเจาะในฐานะผู้นำทางและนักสู้ที่ช่วยทีมในภารกิจ การแสดงของ อิงฟ้า เกตุคำ ทำให้ยาโยเป็นตัวละครที่น่าจดจำและเสริมความครบรสให้กับละคร

ลักษณะนิสัย
กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ยาโยมีความกล้าและความมุ่งมั่นในฐานะนักรบหรือผู้นำของชุมชนกะเหรี่ยง เธอพร้อมเผชิญหน้ากับอันตรายเพื่อปกป้องทีมและชุมชนของตน เธอมีความรู้เกี่ยวกับป่า วัฒนธรรมกะเหรี่ยง และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งช่วยทีมในการสำรวจและหลบเลี่ยงอันตราย

ยาโยมีความภักดีต่อทีมและชุมชนของเธอ และมักแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ยาโยมีบุคลิกที่แข็งแกร่งและมีเสน่ห์ในแบบฉบับของหญิงสาวชาวกะเหรี่ยงที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าคบหา

ภูมิหลังของยาโยเป็นชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กาญจนบุรี เธอมีความรู้เกี่ยวกับป่าและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับสมบัติที่ทีมของเมธีกำลังตามหา เธอเข้าร่วมทีมผจญภัยเพื่อช่วยเหลือและปกป้องชุมชนของตนจากการรุกล้ำของกลุ่มคนที่หวังครอบครองสมบัติ

ความสัมพันธ์ของยาโยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) ในฐานะพันธมิตรในภารกิจ เธอยังมีปฏิสัมพันธ์ที่สนุกสนานกับ ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์) และ กาน (จาด้า อินโตร์เร) โดยเฉพาะในฉากที่ต้องทำงานเป็นทีม เธอเป็นตัวละครที่ช่วยเชื่อมโยงทีมป่าไม้กับชุมชนกะเหรี่ยง

ฉายา “นักรบกะเหรี่ยงแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากบทบาทของยาโยในฐานะชาวกะเหรี่ยงที่กล้าหาญและมีความสามารถในการต่อสู้และนำทางในป่า คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการตามหาสมบัติและเต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของอิงฟ้า เกตุคำ
อิงฟ้า เกตุคำ ถ่ายทอดบทยาโยได้อย่างมีพลังและน่าเชื่อถือ การแสดงของเธอทำให้ยาโยดูเป็นหญิงสาวที่ทั้งแข็งแกร่งและมีเสน่ห์ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแสดงทักษะการต่อสู้หรือการนำทางในป่า เธอสามารถถ่ายทอดความมั่นใจและความเป็นมิตรของยาโยได้ดี ทำให้ตัวละครนี้เป็นที่ชื่นชอบในฐานะสมาชิกทีมที่ทั้งเก่งและมีบุคลิกโดดเด่น การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ เช่น ต๋องและกาน ช่วยเพิ่มความสนุกในฉากรวมทีม

→ อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา รับบท บอส

%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A8%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%8C %E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2 01
อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา

บทบาทตัวละครสมทบ หนึ่งในตัวร้ายของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี บอสทำหน้าที่เป็นตัวร้ายที่สร้างความท้าทายให้กับทีมพระเอก ด้วยการพยายามขัดขวางและแย่งชิงสมบัติ เขามีส่วนในฉากแอ็กชันที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่องราว และเป็นตัวละครที่ช่วยเน้นความสำคัญของความสามัคคีและความกล้าของทีมพระเอก

บอส ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้นให้กับเรื่องราว ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ ดุดัน และมุ่งมั่นในสมบัติ ฉายา “จอมโจรแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเขาได้อย่างเหมาะเจาะในฐานะตัวร้ายที่ท้าทายทีมพระเอก การแสดงของ อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา ทำให้บอสเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และทะเยอทะยาน บอสเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความโลภและความมุ่งมั่นที่จะครอบครองสมบัติ ไม่สนใจวิธีการที่ผิดศีลธรรม เขามักวางแผนเพื่อขัดขวางทีมของเมธีและพิมแพร โดยใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลอุบายเพื่อให้ได้เปรียบ บอสมีบุคลิกที่ดุดันและมีทักษะในการต่อสู้ ทำให้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวสำหรับทีมพระเอก

ขาดความภักดี บอสอาจทำงานร่วมกับตัวละครอื่น ๆ เช่น ชัย หรือกำนันทอง แต่ความภักดีของเขามีเพียงต่อผลประโยชน์ส่วนตัว ภูมิหลังของบอสเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่รู้เรื่องสมบัติทองคำจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และพยายามแย่งชิงมันจากทีมของเมธี เขามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นอุปสรรคสำคัญในภารกิจ

ความสัมพันธ์ของบอสเป็นศัตรูกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) รวมถึงทีมผจญภัยทั้งหมด เขามีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับตัวละครอื่น ๆ โดยเฉพาะในฉากต่อสู้และการเผชิญหน้า

ฉายา “จอมโจรแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของบอสในฐานะตัวร้ายที่พยายามแย่งชิงสมบัติในป่ากาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “จอมโจร” สะท้อนถึงความเจ้าเล่ห์และความทะเยอทะยานของเขาในการครอบครองสมบัติโดยไม่สนวิธีการ

การแสดงของอดุลยรัศมิ์ (เอ็ม)
อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา ถ่ายทอดบทบอสได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่สื่อถึงความเจ้าเล่ห์และความน่าเกรงขามของตัวร้ายได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันและการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความตื่นเต้นให้กับเรื่อง

การแสดงของเอ็มทำให้บอสดูเป็นตัวร้ายที่มีมิติ ไม่ใช่แค่ตัวละครที่ชั่วร้ายแบบตื้น ๆ แต่ยังมีความทะเยอทะยานที่ขับเคลื่อนตัวละครนี้ให้ดูน่าสนใจ

→ ทนงศักดิ์ ศุภการ รับบท เลอศักดิ์

ทนงศักดิ์ ศุภการ

บทบาทตัวละครสมทบ เป็นหนึ่งในตัวร้ายของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำที่กาญจนบุรี เลอศักดิ์มีบทบาทในการสร้างความตึงเครียดและความท้าทายให้กับทีมพระเอก ด้วยการพยายามแย่งชิงสมบัติและขัดขวางภารกิจ เขามีส่วนในฉากแอ็กชันและการเผชิญหน้าที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่องราว และช่วยเน้นความกล้าหาญของทีมพระเอก

เลอศักดิ์ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่โลภและเจ้าเล่ห์ ฉายา “เงามืดแห่งสมบัติ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและมุ่งมั่นในสมบัติ การแสดงของ ทนงศักดิ์ ศุภการ ทำให้เลอศักดิ์เป็นตัวร้ายที่น่าจดจำและช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และโลภ เลอศักดิ์เป็นตัวละครที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ ต้องการครอบครองสมบัติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา เขามักวางแผนและใช้กลอุบายเพื่อขัดขวางทีมของเมธีและพิมแพร ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในภารกิจ เลอศักดิ์มีบุคลิกที่น่าเกรงขามและอาจมีอิทธิพลในพื้นที่หรือกลุ่มนักล่าสมบัติ ทำให้เขาเป็นตัวร้ายที่ท้าทาย เขาไม่สนใจศีลธรรมหรือความปลอดภัยของผู้อื่นเมื่อต้องบรรลุเป้าหมาย

ภูมิหลังของเลอศักดิ์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่รู้เรื่องสมบัติทองคำจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นหรือกลุ่มนักล่าสมบัติ เขาเข้ามาในเรื่องในฐานะตัวละครที่คอยสร้างความขัดแย้งและเป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอก

ความสัมพันธ์ของเลอศักดิ์เป็นศัตรูกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) รวมถึงทีมผจญภัยทั้งหมด เขาทำงานร่วมกับตัวร้ายอื่น ๆ เช่น ชัย หรือกำนันทอง แต่ความสัมพันธ์ของเขามักขึ้นอยู่กับผลประโยชน์มากกว่าความภักดี

ฉายา “เงามืดแห่งสมบัติ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของเลอศักดิ์ที่เป็นตัวร้ายที่คอยซุ่มอยู่ในเงามืด พยายามแย่งชิงสมบัติด้วยวิธีการที่เจ้าเล่ห์และโหดร้าย คำว่า “สมบัติ” หมายถึงเป้าหมายหลักของเรื่องที่เขาหลงใหล สะท้อนถึงลักษณะของเลอศักดิ์ที่เป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงา คอยรอจังหวะเพื่อโจมตีและขัดขวางทีมพระเอกด้วยความมุ่งมั่นในสมบัติ

การแสดงของทนงศักดิ์ (นง)
ทนงศักดิ์ ศุภการ ถ่ายทอดบทเลอศักดิ์ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์การแสดงที่ยาวนาน เขาสามารถทำให้เลอศักดิ์ดูเป็นตัวร้ายที่น่าเกรงขามและน่าเชื่อถือ การแสดงของเขานำเสนอทั้งความเจ้าเล่ห์และความดุดันได้อย่างลงตัว ในฉากแอ็กชันและการเผชิญหน้ากับทีมพระเอก ทนงศักดิ์สามารถถ่ายทอดความตึงเครียดและพลังของตัวละครได้ดี ทำให้เลอศักดิ์เป็นตัวร้ายที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่องราว

→ อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รับบท พีรพันธ์

hq720
อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

บทบาท ตัวละครสมทบ ดร.พีรพันธ์ เป็นพ่อของ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) และเป็นนักวิชาการหรือนักประวัติศาสตร์ที่นำทีมถ่ายทำสารคดีในป่ากาญจนบุรี

ลักษณะนิสัย
ฉลาดและรอบรู้ พีรพันธ์มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และทางรถไฟสายมรณะ ความรู้ของเขาช่วยให้ทีมเข้าใจบริบทของสมบัติและปริศนาคำสาป เขาเป็นพ่อที่อบอุ่นและห่วงใยพิมแพร คอยให้คำแนะนำและสนับสนุนลูกสาวในยามที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ลึกลับหรืออันตราย

แม้จะเป็นนักวิชาการ พีรพันธ์กล้าที่จะนำทีมสารคดีเข้าไปในป่าลึก และพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายเพื่อค้นหาความจริง เขามีความมุ่งมั่นในงานวิชาการและการปกป้องทีมของเขา รวมถึงการช่วยเหลือทีมของเมธีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวร้ายหรือสถานการณ์คับขัน

ภูมิหลังของพีรพันธ์เป็นนักวิชาการที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและอาจมีความเชื่อมโยงกับขบวนการเสรีไทยในอดีตผ่านครอบครัวของเขา ความรู้และงานวิจัยของเขานำทีมสารคดีเข้าไปในป่ากาญจนบุรี ซึ่งทำให้เขาและทีมเข้าไปพัวพันกับภารกิจตามหาสมบัติและคำสาปของวิญญาณทหารญี่ปุ่น

→ ดารัณ ฐิตะกวิน รับบท สุนีย์

00 A5B1970141C2E700
ดารัณ ฐิตะกวิน

บทบาทตัวละครสมทบ ดร.สุนีย์เป็นนักวิชาการด้านโบราณคดีและพิธีกรในทีมถ่ายทำสารคดีที่เข้าไปสำรวจป่ากาญจนบุรี ร่วมกับ พีรพันธ์ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา), แซม (บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์), จอห์น (ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์), และ โรส (พิณิชา กิจเกษมพงศา)

สุนีย์มีบทบาทในการเชื่อมโยงเรื่องราวระหว่างทีมสารคดีและทีมผจญภัยของเมธี ความรู้ด้านโบราณคดีของเธอช่วยให้ทีมเข้าใจบริบทของสมบัติและปริศนาในอดีต เธอยังเป็นตัวละครที่เพิ่มมิติด้านวิชาการให้กับเรื่อง และช่วยเน้นความสำคัญของการทำงานเป็นทีมเมื่อเผชิญอันตราย

ดร.สุนีย์ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มมิติด้านวิชาการและความเป็นผู้นำให้กับเรื่อง ด้วยความรู้ด้านโบราณคดีและความกล้าหาญในการสำรวจป่า ฉายา “นักวิชาการผู้กล้าแห่งสายมรณะ” สรุปตัวตนของเธอได้อย่างเหมาะเจาะในฐานะนักวิชาการที่กล้าเผชิญความท้าทาย การแสดงของ ดารัณ ฐิตะกวิน ทำให้สุนีย์เป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยเติมเต็มความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
ฉลาดและมุ่งมั่น สุนีย์มีความรู้ลึกซึ้งด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอมุ่งมั่นในงานสารคดีและการค้นหาความจริง ในฐานะพิธีกรและนักวิชาการ เธอมีบทบาทนำทีมสารคดี และแสดงความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยและเป้าหมายของทีม

ใจเย็นและมีเหตุผล สุนีย์มักใช้สติปัญญาในการรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น เมื่อทีมถูกจับโดยชนเผ่ากะแลง เธอพยายามหาทางแก้ไขอย่างรอบคอบ เธอมีบุคลิกที่เป็นมิตรและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ทำให้เป็นที่เคารพของทีม

ภูมิหลังของ ดร.สุนีย์เป็นเพื่อนของ พีรพันธ์ พ่อของพิมแพร และได้รับเชิญให้เป็นพิธีกรในโครงการถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในกาญจนบุรี การทำงานของเธอนำทีมเข้าไปในป่าลึก ซึ่งรุกล้ำเขตของชนเผ่ากะแลง ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทีมต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเมธีและทีมป่าไม้

ความสัมพันธ์ของสุนีย์มีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานกับ พีรพันธ์ และทำงานใกล้ชิดกับทีมสารคดีอย่าง แซม, จอห์น, และ โรส เธอยังมีปฏิสัมพันธ์กับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เมื่อทีมของเธอได้รับการช่วยเหลือจากทีมป่าไม้

ฉายา “นักวิชาการผู้กล้าแห่งสายมรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของสุนีย์ในฐานะนักวิชาการด้านโบราณคดีที่กล้าเข้าไปสำรวจป่าลึกในกาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “ผู้กล้า” สะท้อนถึงความกล้าหาญของเธอในการนำทีมเผชิญหน้ากับความท้าทายในป่า

ความหมายเน้นถึงความรู้ ความเป็นผู้นำ และความกล้าหาญของสุนีย์ที่ทำให้เธอเป็นตัวละครที่โดดเด่นในทีมสารคดี และมีส่วนช่วยในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับสมบัติ

การแสดงของดารัณ ฐิตะกวิน (นุ่น)
ดารัณ ฐิตะกวิน ถ่ายทอดบทดร.สุนีย์ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์การแสดงที่ยาวนาน เธอทำให้สุนีย์ดูเป็นนักวิชาการที่มีทั้งความน่าเชื่อถือและเสน่ห์ การแสดงของเธอในฉากที่ต้องนำทีมสารคดีหรือเผชิญสถานการณ์คับขันแสดงถึงความใจเย็นและความเป็นผู้นำได้อย่างดี การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ เช่น พีรพันธ์และทีมสารคดี ทำให้สุนีย์เป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มความสมจริงและมิติให้กับเรื่องราว

→ ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์ รับบท จอห์น

hqdefault
ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์

บทบาท ตัวละครสมทบ สมาชิกในทีมถ่ายทำสารคดีภายใต้การนำของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) และ พีรพันธ์ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ที่เข้าไปในป่ากาญจนบุรีเพื่อสำรวจประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติสงครามโลกครั้งที่ 2

จอห์นเป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับทีมสารคดี โดยแสดงถึงมุมมองของกลุ่มที่เข้ามาสำรวจป่าโดยไม่รู้ว่ามีสมบัติและคำสาปซ่อนอยู่ เขามีส่วนในฉากที่ทีมสารคดีเผชิญอันตราย เช่น การถูกจับโดยชนเผ่ากะแลง ซึ่งช่วยเชื่อมโยงไปสู่เรื่องราวของทีมพระเอก

จอห์น ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความหลากหลายให้กับเรื่องราว ด้วยบทบาทในทีมสารคดีที่เข้ามาสำรวจป่าและเผชิญหน้ากับอันตราย ฉายา “นักถ่ายภาพผู้กล้าแห่งป่าลึก” สรุปตัวตนของเขาในฐานะสมาชิกทีมที่กล้าเผชิญความท้าทายเพื่อภารกิจ การแสดงของ ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์ ทำให้จอห์นเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
กระตือรือร้นและมุ่งมั่น จอห์นมีความสนใจในงานสารคดีและการสำรวจ พร้อมที่จะเผชิญความท้าทายในป่าเพื่อเก็บข้อมูล เขาทำงานร่วมกับทีมสารคดี เช่น แซม (บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์) และ โรส (พิณิชา กิจเกษมพงศา) ได้อย่างดี และมีทัศนคติที่เป็นบวก

จอห์นกล้าเข้าร่วมภารกิจในป่าลึก แต่เมื่อทีมเผชิญอันตราย เช่น การรุกล้ำเขตของชนเผ่ากะแลง เขาก็แสดงความระมัดระวังและพึ่งพาการช่วยเหลือจากทีมป่าไม้ จอห์นมักทำหน้าที่ช่วยเหลือทีมในด้านเทคนิคหรือการถ่ายทำ และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ภารกิจสารคดีดำเนินต่อไป

ภูมิหลังของจอห์นเป็นสมาชิกทีมถ่ายทำสารคดีที่มีความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพหรือการจัดการอุปกรณ์ เขาเข้าร่วมทีมเพื่อสำรวจป่ากาญจนบุรี ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทีมของเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและเชื่อมโยงกับการตามหาสมบัติของทีมเมธี

ความสัมพันธ์ จอห์นมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับ ดร.สุนีย์, พีรพันธ์, แซม, และ โรส เขายังมีปฏิสัมพันธ์กับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เมื่อทีมสารคดีได้รับการช่วยเหลือจากทีมป่าไม้

ฉายา “นักถ่ายภาพผู้กล้าแห่งป่าลึก”
ฉายานี้มาจากบทบาทของจอห์นในฐานะสมาชิกทีมสารคดีที่อาจรับผิดชอบด้านการถ่ายภาพหรือเก็บข้อมูลในป่ากาญจนบุรี คำว่า “ผู้กล้า” สะท้อนถึงความกล้าหาญของเขาในการเข้าร่วมภารกิจในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย

ความหมายเน้นถึงความมุ่งมั่นและความกล้าของจอห์นในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และการมีส่วนช่วยให้ภารกิจสารคดีดำเนินต่อไปแม้จะเจออุปสรรค

การแสดงของศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์
ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์ ถ่ายทอดบทจอห์นได้อย่างเหมาะสม ด้วยการแสดงที่นำเสนอความกระตือรือร้นและความเป็นมิตรของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าบทบาทของจอห์นจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่เขาสามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือในฐานะสมาชิกทีมสารคดี

การแสดงในฉากที่ทีมเผชิญอันตรายแสดงถึงความตื่นตัวและความพยายามในการเอาตัวรอด ซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับทีมสารคดีในเรื่อง

→ พิณิชา กิจเกษมพงศา รับบท โรส

hq720
พิณิชา กิจเกษมพงศา

บทบาทตัวละครสมทบ สมาชิกในทีมถ่ายทำสารคดีภายใต้การนำของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) และ พีรพันธ์ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ซึ่งเข้าไปในป่ากาญจนบุรีเพื่อสำรวจประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสมบัติสงครามโลกครั้งที่ 2

โรสเป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับทีมสารคดี โดยแสดงถึงมุมมองของกลุ่มที่เข้ามาสำรวจป่าโดยไม่รู้ถึงความลับของสมบัติและคำสาป เธอมีส่วนในฉากที่ทีมสารคดีเผชิญอันตราย เช่น การถูกจับโดยชนเผ่ากะแลง ซึ่งช่วยเชื่อมโยงไปสู่เรื่องราวของทีมพระเอก

โรส ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความครึกครื้นและมิติให้กับทีมสารคดี ด้วยบุคลิกร่าเริงและกล้าหาญ ฉายา “นักสำรวจสาวแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเธอในฐานะสมาชิกทีมที่กล้าเผชิญความท้าทายในป่าลึก การแสดงของ พิณิชา กิจเกษมพงศา ทำให้โรสเป็นตัวละครที่น่ารักและช่วยเติมเต็มความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
กระตือรือร้นและมีพลัง โรสเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นในงานสารคดีและการสำรวจ มักแสดงความตื่นเต้นเมื่อได้เจอสิ่งใหม่ ๆ เธอทำงานร่วมกับสมาชิกทีมสารคดี เช่น แซม (บัณฑวิช ตระกูลพานิชย์) และ จอห์น (ศุภวัฒน์ อ่ำประสิทธิ์) ได้อย่างดี และมีบุคลิกที่ร่าเริง

โรสกล้าที่จะเข้าร่วมภารกิจในป่าลึก แต่ด้วยความที่อาจเป็นสมาชิกใหม่หรือมีประสบการณ์น้อย เธออาจตื่นตระหนกเมื่อเจอสถานการณ์อันตราย เช่น การเผชิญหน้ากับชนเผ่ากะแลง โรสมักช่วยทีมในด้านการจัดการหรือสนับสนุนงานถ่ายทำสารคดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มสีสันให้ทีม

ภูมิหลังของโรสเป็นสมาชิกทีมถ่ายทำสารคดีที่มีบทบาทในด้านการจัดการโลจิสติกส์ การถ่ายภาพ หรือการบันทึกข้อมูล เธอเข้าร่วมภารกิจเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในกาญจนบุรี ซึ่งนำไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์อันตรายและการตามหาสมบัติของทีมเมธี

ความสัมพันธ์ของโรสมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงานกับ ดร.สุนีย์, พีรพันธ์, แซม, และ จอห์น เธอยังมีปฏิสัมพันธ์กับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เมื่อทีมสารคดีได้รับความช่วยเหลือจากทีมป่าไม้

ฉายา “นักสำรวจสาวแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของโรสในฐานะสมาชิกทีมสารคดีที่กล้าเข้าร่วมภารกิจในป่ากาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “สาว” เน้นถึงความร่าเริงและพลังของเธอ ส่วน “ป่ามรณะ” สื่อถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับ

ความหมายสะท้อนถึงความกล้าหาญและความกระตือรือร้นของโรสในการสำรวจป่า และการมีส่วนร่วมในภารกิจที่ท้าทาย แม้จะไม่ใช่ตัวหลักในเรื่อง

การแสดงของพิณิชา กิจเกษมพงศา (จูน)
พิณิชา กิจเกษมพงศา ถ่ายทอดบทโรสได้อย่างเหมาะสม ด้วยการแสดงที่นำเสนอความสดใสและพลังของตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติ การแสดงของเธอทำให้โรสดูเป็นสมาชิกทีมที่ร่าเริงและน่ารัก ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันให้กับทีมสารคดี ในฉากที่ทีมเผชิญอันตราย พิณิชาสามารถแสดงอารมณ์ตื่นตระหนกและความพยายามในการเอาตัวรอดได้ดี ทำให้โรสเป็นตัวละครที่ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับเรื่อง

→ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง รับบท ย่านอ่อง

ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง

บทบาทตัวละครสมทบ หัวหน้าชนเผ่ากะแลงที่อาศัยอยู่ในป่ากาญจนบุรี และเป็นตัวร้ายที่มีส่วนสำคัญในการขัดขวางทีมของเมธีและพิมแพร

ย่านอ่องเป็นตัวร้ายที่สร้างความท้าทายให้กับทีมพระเอก ด้วยการใช้กำลังและอำนาจของชนเผ่ากะแลงขัดขวางการตามหาสมบัติ เขามีส่วนในฉากแอ็กชันและการเผชิญหน้าที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่อง และช่วยเน้นความกล้าหาญของเมธีและทีม

ย่านอ่อง ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตึงเครียดและความขัดแย้งในฐานะหัวหน้าชนเผ่ากะแลงที่โหดร้ายและโลภ ฉายา “จอมเผด็จการแห่งป่ากะแลง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะผู้นำที่ใช้อำนาจและเล่ห์เหลี่ยมขัดขวางทีมพระเอก การแสดงของ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ทำให้ย่านอ่องเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
โหดร้ายและเจ้าเล่ห์ ย่านอ่องเป็นผู้นำที่ดุดันและใช้เล่ห์เหลี่ยมในการควบคุมชนเผ่าและปกป้องผลประโยชน์ของตน โดยเฉพาะเมื่อรู้เรื่องสมบัติทองคำ เขามีอิทธิพลเหนือชนเผ่ากะแลง และสามารถสั่งการลูกน้อง รวมถึง เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์) นักฆ่าสาวที่เป็นมือขวาของเขา

ย่านอ่องมีความโลภและต้องการครอบครองสมบัติเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตนเองและชนเผ่า โดยไม่สนใจศีลธรรม เขามีความสัมพันธ์แบบชู้สาวกับเนมา และใช้ความรักนี้ในการควบคุมและปลูกฝังความจงรักภักดีให้เธอ

ภูมิหลังของย่านอ่องเป็นหัวหน้าชนเผ่ากะแลงที่มีอิทธิพลในพื้นที่ป่าลึกของกาญจนบุรี เขารู้เรื่องสมบัติที่ซ่อนอยู่ในถ้ำและพยายามปกป้องเขตแดนของตนจากกลุ่มผู้บุกรุก รวมถึงทีมของเมธีและทีมสารคดีของดร.สุนีย์ การที่ทีมสารคดีรุกล้ำเขตของเผ่าทำให้เกิดความขัดแย้ง และย่านอ่องกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ

ความสัมพันธ์ของย่านอ่องเป็นศัตรูกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ), พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ), และทีมผจญภัย เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ เนมา ซึ่งเป็นทั้งลูกน้องและคนรักที่เขาปลูกฝังให้ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เขายังมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีเมื่อจับตัวพวกเขาไว้

ฉายา “จอมเผด็จการแห่งป่ากะแลง”
ฉายานี้มาจากบทบาทของย่านอ่องในฐานะหัวหน้าชนเผ่ากะแลงที่ปกครองด้วยความโหดร้ายและอำนาจเด็ดขาด คำว่า “ป่ากะแลง” สื่อถึงพื้นที่ป่าลึกที่เขาควบคุมและเป็นฉากสำคัญของเรื่อง ความหมายสะท้อนถึงความเป็นผู้นำที่โหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ของย่านอ่อง ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ทีมพระเอกต้องเผชิญในการตามหาสมบัติ

การแสดงของปราปต์ปฎล สุวรรณบาง
ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ถ่ายทอดบทย่านอ่องได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์การแสดงที่ยาวนาน เขานำเสนอความดุดันและน่าเกรงขามของหัวหน้าชนเผ่าได้อย่างสมจริง การแสดงของเขาในฉากที่ต้องควบคุมเนมาหรือเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่อง ความสามารถในการแสดงบทบาทตัวร้ายที่ทั้งโหดร้ายและมีมิติของปราปต์ทำให้ย่านอ่องเป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยยกระดับความตื่นเต้นของละคร

→ ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ รับบท เนมา

ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์

บทบาทตัวละครสมทบ เนมาเป็นนักฆ่าสาวชาวกะเหรี่ยงและคนรักของ ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) หัวหน้าชนเผ่ากะแลง เธอเป็นมือขวาที่ภักดีและมีส่วนสำคัญในการขัดขวางทีมของเมธีและพิมแพร

เนมาเป็นตัวร้ายที่เพิ่มความตื่นเต้นให้กับเรื่อง ด้วยบทบาทนักฆ่าสาวที่ทั้งเก่งและโหดร้าย เธอมีส่วนในฉากแอ็กชันที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมพระเอก และช่วยเน้นความท้าทายที่ทีมต้องฝ่าฟันเพื่อไปถึงสมบัติและคลายคำสาป

เนมา ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะนักฆ่าสาวชาวกะเหรี่ยงที่ภักดีต่อย่านอ่อง ฉายา “เงามรณะแห่งกะแลง” สรุปตัวตนของเธอในฐานะภัยคุกคามที่ทั้งเก่งและน่าสะพรึงกลัว การแสดงของ ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ ทำให้เนมาเป็นตัวร้ายที่โดดเด่นและช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
โหดร้ายและเด็ดเดี่ยว เนมาเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยม พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของย่านอ่องโดยไม่ลังเล เธอไม่มีความเมตตาต่อศัตรู เธอมีความภักดีอย่างสุดซึ้งต่อย่านอ่อง เนื่องจากความสัมพันธ์แบบชู้สาวและการถูกปลูกฝังให้เชื่อในอุดมการณ์ของเขา

 เนมามีบุคลิกที่น่าดึงดูดแต่เย็นชาและลึกลับ ทำให้เธอเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสนใจและน่ากลัว เนมาเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เธอเป็นภัยคุกคามที่สำคัญสำหรับทีมพระเอก

ภูมิหลังของเนมาเป็นสมาชิกของชนเผ่ากะแลงในป่ากาญจนบุรี เธอเติบโตในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักสู้ เธอมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับย่านอ่อง ซึ่งเป็นทั้งผู้นำและคนรักที่ควบคุมความคิดและการกระทำของเธอ เนมามีส่วนในการปกป้องเขตแดนของเผ่าและพยายามขัดขวางผู้บุกรุกที่เข้ามาค้นหาสมบัติ

ความสัมพันธ์ของเนมาเป็นคนรักและมือขวาของ ย่านอ่อง และปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด เธอเป็นศัตรูกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ), พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ), และทีมผจญภัย เธอยังมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีเมื่อจับตัวพวกเขาไว้

ฉายา “เงามรณะแห่งกะแลง”
ฉายานี้มาจากบทบาทของเนมาในฐานะนักฆ่าสาวที่เป็นเหมือนเงามืดของย่านอ่อง คอยปฏิบัติภารกิจอันตรายและข่มขู่ศัตรู คำว่า “มรณะ” สะท้อนถึงความโหดร้ายและทักษะการต่อสู้ของเธอ ส่วน “กะแลง” หมายถึงชนเผ่าที่เธอสังกัด ความหมายเน้นถึงความเป็นนักฆ่าที่ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวของเนมา ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในป่าและสร้างความยากลำบากให้ทีมพระเอก

การแสดงของณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์
ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ ถ่ายทอดบทเนมาได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่นำเสนอทั้งความเย็นชาและเสน่ห์ของตัวละครได้อย่างลงตัว การแสดงของเธอในฉากแอ็กชันและการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง เธอสามารถถ่ายทอดความภักดีต่อย่านอ่องและความโหดร้ายในฐานะนักฆ่าได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้เนมาเป็นตัวร้ายที่มีมิติและน่าจดจำ

→ จักรธิป ทองทิพย์ รับบท เลระ

%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%A7 %E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B %E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C
จักรธิป ทองทิพย์

บทบาทตัวละครสมทบ เลระเป็นสมาชิกของชนเผ่ากะแลง อยู่ภายใต้การนำของ ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) และทำงานร่วมกับ เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์) ในฐานะนักรบของเผ่า เลระมีบทบาทในการเพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้น โดยเฉพาะในฉากแอ็กชันที่ทีมของเมธีต้องเผชิญหน้ากับนักรบของเผ่ากะแลง เขาช่วยเสริมบทบาทของย่านอ่องและเนมาในการเป็นอุปสรรคต่อการตามหาสมบัติ

เลระ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นในฐานะนักรบกะแลงที่ภักดีและเงียบขรึม ฉายา “นักรบเงียบแห่งกะแลง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะนักสู้ที่เป็นภัยคุกคามในเงามืด การแสดงของ จักรธิป ทองทิพย์ ทำให้เลระเป็นตัวละครที่ช่วยยกระดับความเข้มข้นของละคร

ลักษณะนิสัย
จงรักภักดี เลระมีความภักดีต่อย่านอ่องและชนเผ่ากะแลง ปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อปกป้องเขตแดนและผลประโยชน์ของเผ่าเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการต่อสู้และการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมของเมธี เลระมีบุคลิกที่ค่อนข้างเงียบและมุ่งมั่นในหน้าที่ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว เลระทำหน้าที่เป็นลูกน้องของย่านอ่องและเนมา ช่วยดำเนินแผนการขัดขวางทีมพระเอก

ภูมิหลังของเลระเป็นชาวกะเหรี่ยงที่เติบโตในป่ากาญจนบุรีและเป็นส่วนหนึ่งของชนเผ่ากะแลง เขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบและมีหน้าที่ปกป้องพื้นที่ของเผ่าจากผู้บุกรุก เช่น ทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ และทีมผจญภัยของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ)

ความสัมพันธ์ของเลระมีความสัมพันธ์ในฐานะลูกน้องของ ย่านอ่อง และ เนมา และเป็นศัตรูกับทีมของเมธีและพิมแพร เขามีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมพระเอกหรือทีมสารคดี

ฉายา “นักรบเงียบแห่งกะแลง”
ฉายานี้มาจากบุคลิกเงียบขรึมและความเป็นนักรบที่ภักดีของเลระ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในเงามืดของย่านอ่อง คำว่า “กะแลง” สื่อถึงเผ่าของเขาที่เป็นศัตรูสำคัญในป่ากาญจนบุรี ความหมายสะท้อนถึงความเป็นนักรบที่เงียบแต่ทรงพลังของเลระ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในป่าและเพิ่มความท้าทายให้กับทีมพระเอก

การแสดงของจักรธิป ทองทิพย์
จักรธิป ทองทิพย์ ถ่ายทอดบทเลระได้อย่างเหมาะสม ด้วยการแสดงที่นำเสนอความเงียบขรึมและความน่าเกรงขามของนักรบกะแลงได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง แม้ว่าบทบาทของเลระจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่จักรธิปสามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเชื่อถือและมีส่วนช่วยเสริมความสมจริงของกลุ่มตัวร้ายในเรื่อง

→ โชติมานะ สังฆมานนท์ (โจ บางบอน) รับบท ฉวนอ่อง

โชติมานะ สังฆมานนท์ (โจ บางบอน)

บทบาท ตัวละครสมทบ ฉวนอ่องเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี และอาจทำงานร่วมกับตัวละครร้ายอื่น ๆ เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) หรือ เลอศักดิ์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ)

ฉวนอ่องมีบทบาทในการเพิ่มความขดแย้งและความตื่นเต้นในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

ฉวนอ่อง ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่โหดร้ายและเจ้าเล่ห์ ฉายา “เงาอสูรแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในป่าและเป็นอุปสรรคต่อทีมพระเอก การแสดงของ โชติมานะ สังฆมานนท์ ทำให้ฉวนอ่องเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำและช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และโหดร้าย ฉวนอ่องมีนิสัยเจ้าเล่ห์และพร้อมใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติ เขาไม่ลังเลที่จะทำร้ายหรือขัดขวางทีมของพระเอก เขาทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือกลุ่มตัวร้าย โดยอาจมีความภักดีต่อหัวหน้าอย่างย่านอ่องหรือเลอศักดิ์ แต่ขาดศีลธรรม ฉวนอ่องมีทักษะการต่อสู้หรือการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เขามีลักษณะที่ก้าวร้าวและมักแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการครอบครองสมบัติ

ภูมิหลังของฉวนอ่องน่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่กาญจนบุรี เขาเข้ามามีส่วนในเรื่องเมื่อทีมของเมธีและพิมแพรเริ่มเข้าใกล้สมบัติ ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาขัดขวางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม

ความสัมพันธ์ของฉวนอ่องเป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงอาจมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) เขาน่าจะทำงานภายใต้คำสั่งของตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง หรือเลอศักดิ์

ฉายา “เงาอสูรแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของฉวนอ่องในฐานะตัวร้ายที่เคลื่อนไหวในเงามืดของป่ากาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “อสูร” สะท้อนถึงความโหดร้ายและก้าวร้าวของเขา ความหมายเน้นถึงความเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในป่าและความดุดันของฉวนอ่องที่ทำให้ทีมพระเอกต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตามหาสมบัติ

การแสดงของโชติมานะ สังฆมานนท์ (โจ บางบอน)
โชติมานะ สังฆมานนท์ ถ่ายทอดบทฉวนอ่องได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความก้าวร้าวและความเจ้าเล่ห์ของตัวร้ายได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันหรือการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง

แม้ว่าบทบาทของฉวนอ่องจะเป็นตัวละครสมทบ แต่โจสามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่ากลัวและมีมิติในฐานะส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้าย

→ เหลือเฟือ จริงจริง รับบท หม่องฉาย

เหลือเฟือ จริงจริง

บทบาทตัวละครสมทบ หม่องฉายเป็นตัวละครที่อยู่ในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันให้กับเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี หม่องฉายมีบทบาทในการเพิ่มความบันเทิงให้กับละคร โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญสถานการณ์ตึงเครียด เขาช่วยสร้างสมดุลด้วยอารมณ์ขันและเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ทำให้เรื่องราวครบรส

หม่องฉาย ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกเปิ่น ขี้เล่น แต่จิตใจดี ฉายา “จอมเปิ่นแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ เหลือเฟือ จริงจริง ทำให้หม่องฉายเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ขี้เล่นและตลก หม่องฉายมีบุคลิกที่ร่าเริงและชอบแกล้งคนอื่น มักสร้างสถานการณ์ตลก ๆ หรือพูดจาในแบบที่ทำให้ผู้ชมยิ้มได้ แม้จะเป็นตัวละครที่เน้นความตลก แต่หม่องฉายมีความภักดีต่อทีมและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนในยามจำเป็น ในบางฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เช่น วิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือกลุ่มตัวร้าย เขาอาจแสดงความกลัวในแบบที่ตลกขบขัน

เป็นสีสันของกลุ่มหม่องฉายมักปรากฏในฉากที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของการตามหาสมบัติ ด้วยมุกตลกและการกระทำที่เปิ่น ๆ

ภูมิหลังของหม่องฉายจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือเป็นผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่ทำงานร่วมกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ กาน (จาด้า อินโตร์เร) เขาเข้าร่วมภารกิจผจญภัยโดยอาจไม่ได้มีบทบาทหลักในการไขปริศนา แต่ช่วยเพิ่มความครึกครื้นให้ทีม

ความสัมพันธ์ของหม่องฉายมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ), ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), และ กาน เขามักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋องและกาน ซึ่งช่วยสร้างโมเมนต์ตลกในทีม

ฉายา “จอมเปิ่นแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากบุคลิกที่เปิ่นและขี้เล่นของหม่องฉาย ซึ่งมักทำอะไรที่ดูโก๊ะ ๆ แต่ก็น่ารักในแบบของตัวเอง คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของหม่องฉายที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความสนุกมาสู่ทีม ด้วยความเปิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของเหลือเฟือ จริงจริง (เหลือเฟือ มกจ๊ก)
เหลือเฟือ จริงจริง หรือที่รู้จักในชื่อ เหลือเฟือ มกจ๊ก ถ่ายทอดบทหม่องฉายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักแสดงตลกที่มีชื่อเสียง เขานำเสนอความขบขันและความเป็นธรรมชาติของตัวละครได้อย่างลงตัว การแสดงของเขาในฉากตลกช่วยเพิ่มสีสันให้กับละคร การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋องและกานทำให้หม่องฉายเป็นตัวละครที่ผู้ชมจดจำได้จากมุกตลกและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์

→ อนันตชัย ไชยสมบูรณ์ (ตั้ม เชียงใหม่) รับบท เป้า

อนันตชัย ไชยสมบูรณ์ (ตั้ม เชียงใหม่)

บทบาท ตัวละครสมทบ เป้าเป็นตัวละครที่อยู่ในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์) และ กาน (จาด้า อินโตร์เร) เป้ามีบทบาทในการเพิ่มอารมณ์ขันและสร้างสมดุลให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญความตึงเครียดจากอันตรายในป่าหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย เขาช่วยทำให้ละครมีสีสันและครบรสมากขึ้น

เป้า ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกร่าเริง ขี้แซว และจิตใจดี ฉายา “จอมแซวแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ อนันตชัย ไชยสมบูรณ์ ทำให้เป้าเป็นตัวละครที่น่ารักและช่วยเติมเต็มความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
ร่าเริงและขี้เล่น เป้ามีบุคลิกที่สนุกสนาน ชอบแซวและสร้างเสียงหัวเราะให้กับทีม มักทำอะไรที่ดูโก๊ะ ๆ หรือเปิ่นในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะเป็นตัวละครที่เน้นความตลก แต่เป้ามีความภักดีต่อเพื่อนในทีมและพร้อมช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ต้องการ เป้ามักแสดงความกลัวเมื่อเจอสถานการณ์ลึกลับ เช่น วิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือการเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวร้าย แต่ก็สามารถก้าวข้ามความกลัวเพื่อช่วยทีมได้ การปรากฏตัวของเป้าช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของภารกิจตามหาสมบัติ ด้วยมุกตลกและพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติ

ภูมิหลังของเป้าจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่ทำงานร่วมกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) เขาเข้าร่วมภารกิจผจญภัยโดยอาจไม่ได้มีบทบาทหลักในการแก้ปริศนา แต่ช่วยเพิ่มความครึกครื้นและสนับสนุนทีมในฉากต่าง ๆ

ความสัมพันธ์ของ เป้ามีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ), ต๋อง, และ กาน เขามักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋องและกาน โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแซวกันหรือเผชิญสถานการณ์ตลก ๆ

ฉายา “จอมแซวแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากนิสัยขี้แซวและความร่าเริงของเป้าที่มักสร้างความสนุกในทีม คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยและการตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของเป้าที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความครึกครื้นมาสู่ทีม ด้วยการแซวและพฤติกรรมที่ทำให้ทุกคนผ่อนคลายในสถานการณ์ที่ตึงเครียด

การแสดงของอนันตชัย ไชยสมบูรณ์ (ตั้ม เชียงใหม่)
อนันตชัย ไชยสมบูรณ์ หรือ ตั้ม เชียงใหม่ ถ่ายทอดบทเป้าได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยสไตล์การแสดงที่เน้นความตลกและความเป็นกันเอง เขาทำให้เป้าเป็นตัวละครที่ดูน่ารักและเข้าถึงง่าย การแสดงของเขาในฉากตลกและฉากที่ต้องร่วมทีมช่วยเพิ่มความสนุกให้กับละคร การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋องและกานช่วยสร้างโมเมนต์ที่ขบขันและเป็นที่จดจำสำหรับผู้ชม

→ ชิษณุพงศ์ วิญญาสุข รับบท พัน

บทบาทตัวละครสมทบ พันเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี เขาจะทำงานร่วมกับตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง), เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์), เลอศักดิ์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ), หรือ บอส (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เพื่อขัดขวางทีมของเมธีและพิมแพร

พันมีบทบาทในการเพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้นในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

พัน ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และก้าวร้าว ฉายา “เงาอำมหิตแห่งถ้ำทอง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและมุ่งหวังสมบัติ การแสดงของ ชิษณุพงศ์ วิญญาสุข ทำให้พันเป็นตัวร้ายที่ช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และก้าวร้าว พันมีนิสัยที่เจ้าเล่ห์และอาจใช้ความรุนแรงในการปฏิบัติภารกิจเพื่อแย่งชิงสมบัติ เขามีความภักดีต่อหัวหน้าหรือกลุ่มที่เขาทำงานด้วย โดยมุ่งหวังผลประโยชน์จากสมบัติ พันจะมีความสามารถในการต่อสู้หรือการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) ขาดศีลธรรม เช่นเดียวกับตัวร้ายอื่น ๆ พันไม่สนใจวิธีการที่ผิดศีลธรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติ

ภูมิหลังของพันจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่กาญจนบุรี เขาเข้ามามีส่วนในเรื่องเมื่อทีมของเมธีเข้าใกล้สมบัติ ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาขัดขวางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม

ความสัมพันธ์ของพันเป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงอาจมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) เขาน่าจะทำงานภายใต้คำสั่งของตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง หรือเลอศักดิ์

ฉายา “เงาอำมหิตแห่งถ้ำทอง”
ฉายานี้มาจากบทบาทของพันในฐานะตัวร้ายที่เคลื่อนไหวในเงามืดเพื่อแย่งชิงสมบัติทองคำในถ้ำกาญจนบุรี คำว่า “อำมหิต” สะท้อนถึงความโหดร้ายและเจ้าเล่ห์ของเขา ส่วน “ถ้ำทอง” หมายถึงสถานที่ซ่อนสมบัติที่เป็นเป้าหมายหลักของเรื่อง ความหมายเน้นถึงความเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและความมุ่งมั่นของพันในการขัดขวางทีมพระเอกเพื่อครอบครองสมบัติ

การแสดงของชิษณุพงศ์ วิญญาสุข
ชิษณุพงศ์ วิญญาสุข ถ่ายทอดบทพันได้อย่างเหมาะสม ด้วยการแสดงที่นำเสนอความก้าวร้าวและความเจ้าเล่ห์ของตัวร้ายได้อย่างน่าเชื่อถือ การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันหรือการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดให้กับเรื่อง

แม้ว่าบทบาทของพันจะเป็นตัวละครสมทบ แต่ชิษณุพงศ์สามารถทำให้ตัวละครนี้ดูเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้ายที่น่ากลัวและช่วยเสริมความเข้มข้นของละคร

→ ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร (ตุ้มเม้ง เถิดเทิง) รับบท เอวะ

%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%90 %E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3 %E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%87 %E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87
ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร (ตุ้มเม้ง เถิดเทิง)

บทบาทตัวละครสมทบ เอวะเป็นตัวละครในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), และ เป้า (อนันตชัย ไชยสมบูรณ์)

เอวะมีบทบาทในการเพิ่มอารมณ์ขันและสร้างสมดุลให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญความตึงเครียดจากอันตรายในป่าหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย เขาช่วยทำให้ละครมีสีสันและครบรสมากขึ้น

เอวะ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกโก๊ะ ขี้เล่น และจิตใจดี ฉายา “จอมโก๊ะแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร ทำให้เอวะเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ขี้เล่นและกวน เอวะมีบุคลิกที่ร่าเริง ชอบแซวเพื่อนและสร้างสถานการณ์ตลก ๆ มักทำอะไรที่ดูเปิ่นหรือโก๊ะในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะเน้นความตลก แต่เอวะมีความภักดีต่อทีมและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนในยามคับขัน เอวะมักแสดงความกลัวในสถานการณ์ลึกลับ เช่น การเจอวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือกลุ่มตัวร้าย แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็น เขาก็ยอมลุยไปกับทีมการปรากฏตัวของเอวะช่วยลดความตึงเครียดของภารกิจด้วยมุกตลกและพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ชมยิ้มได้

ภูมิหลังของเอวะจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่ทำงานร่วมกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) เขาเข้าร่วมภารกิจผจญภัยเพื่อช่วยทีม โดยอาจไม่ได้มีบทบาทหลักในการไขปริศนา แต่ช่วยเพิ่มความครึกครื้นและสนับสนุนทีมในฉากต่าง ๆ

ความสัมพันธ์ของเอวะมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ), ต๋อง, กาน, และ เป้า เขามักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋อง, กาน และเป้า โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแซวกันหรือเผชิญสถานการณ์ตลก ๆ

ฉายา”จอมโก๊ะแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากนิสัยโก๊ะและขี้เล่นของเอวะที่มักสร้างความสนุกด้วยการกระทำที่เปิ่น ๆ คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยและการตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของเอวะที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความครึกครื้นมาสู่ทีม ด้วยความโก๊ะที่เป็นเอกลักษณ์ในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของประเสริฐ ประเสริฐสุนทร (ตุ้มเม้ง เถิดเทิง)
ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร หรือ ตุ้มเม้ง เถิดเทิง ถ่ายทอดบทเอวะได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักแสดงตลก เขานำเสนอความขบขันและความเปิ่นของตัวละครได้อย่างลงตัว การแสดงของเขาในฉากตลกช่วยเพิ่มสีสันให้กับละคร การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋อง, กาน และเป้าช่วยสร้างโมเมนต์ที่ขบขันและเป็นที่จดจำสำหรับผู้ชม ทำให้เอวะเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสนุกของเรื่อง

→ คงณัฐ เชยสุวรรณ รับบท พรานโรจน์

คงณัฐ เชยสุวรรณ

บทบาทตัวละครสมทบ พรานโรจน์เป็นนักล่าหรือผู้เชี่ยวชาญด้านป่าที่เข้าร่วมทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) ในการตามหาสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี พรานโรจน์มีบทบาทในการช่วยนำทางทีมผ่านป่าลึกและจัดการกับอันตราย เช่น การเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวร้ายอย่าง ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) หรือ เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์) เขายังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมในฉากแอ็กชันและเพิ่มมิติด้านการเอาตัวรอดในป่าให้กับเรื่องราว

พรานโรจน์ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความแข็งแกร่งและมิติด้านการผจญภัยให้กับเรื่อง ด้วยความรู้ด้านป่าและความกล้าหาญ ฉายา “นักล่าผู้กล้าแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะผู้นำทางที่ทรงพลังในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย การแสดงของ คงณัฐ เชยสุวรรณ ทำให้พรานโรจน์เป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยเสริมความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว พรานโรจน์มีความกล้าและทักษะการเอาตัวรอดในป่าที่ทำให้เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีม เขามีความรู้เกี่ยวกับป่ากาญจนบุรี สามารถนำทางและช่วยทีมหลบเลี่ยงอันตราย เช่น กับดักในป่าหรือการเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวร้าย พรานโรจน์มีความภักดีต่อเมธีและทีม พร้อมเสียสละเพื่อช่วยเหลือเพื่อนในยามคับขัน เขามีบุคลิกที่ค่อนข้างสุขุม แต่ก็มีด้านที่อบอุ่นและเป็นมิตรเมื่อทำงานร่วมกับทีม

ภูมิหลังของพรานโรจน์เป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีที่มีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์หรือการสำรวจป่า เขาจะมีความคุ้นเคยกับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟสายมรณะและสมบัติที่ซ่อนอยู่ ทำให้เขาเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางทีมผ่านป่าลึกและเผชิญหน้ากับภัยอันตราย

ความสัมพันธ์ของพรานโรจน์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), และ ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ) ในฐานะสมาชิกทีมผจญภัย เขามักเป็นที่พึ่งของทีมในสถานการณ์ที่ต้องใช้ความรู้ด้านป่าและการต่อสู้

ฉายา “นักล่าผู้กล้าแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของพรานโรจน์ในฐานะนักล่าที่เชี่ยวชาญและกล้าหาญในการนำทีมผ่านป่ากาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “ป่ามรณะ” สื่อถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับความหมายสะท้อนถึงความสามารถและความกล้าหาญของพรานโรจน์ในการเป็นผู้นำทางและปกป้องทีมในป่าที่ท้าทาย

การแสดงของคงณัฐ เชยสุวรรณ (บอส)
คงณัฐ เชยสุวรรณ ถ่ายทอดบทพรานโรจน์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอทั้งความสุขุมและความแข็งแกร่งของตัวละครได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันและฉากนำทางในป่าช่วยเพิ่มความสมจริงและความตื่นเต้นให้กับเรื่อง การแสดงของบอสทำให้พรานโรจน์เป็นตัวละครที่มีมิติ ไม่เพียงแต่เป็นนักล่าที่เก่ง แต่ยังเป็นสมาชิกทีมที่น่าไว้วางใจและช่วยยกระดับความครบรสของละคร

→ เพชรฎี ศรีฤกษ์ รับบท พรานทะนง

oardefault
เพชรฎี ศรีฤกษ์

บทบาทตัวละครสมทบ พรานทะนงเป็นนักล่าหรือผู้เชี่ยวชาญด้านป่าที่เข้าร่วมทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) ในการตามหาสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง พรานโรจน์ (คงณัฐ เชยสุวรรณ)

พรานทะนงมีบทบาทในการช่วยทีมนำทางผ่านป่ากาญจนบุรีและจัดการกับอันตราย เช่น การต่อสู้กับกลุ่มตัวร้ายหรือหลบเลี่ยงกับดักในถ้ำ เขาเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมในฉากแอ็กชันและช่วยเพิ่มมิติด้านการผจญภัยในป่าให้กับเรื่องราว

พรานทะนง ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความแข็งแกร่งและมิติด้านการผจญภัยให้กับเรื่อง ด้วยความรู้ด้านป่า ความกล้าหาญ และบุคลิกที่สงบ ฉายา “นักล่ามาดแห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะผู้นำทางที่ทรงพลังในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย การแสดงของ เพชรฎี ศรีฤกษ์ ทำให้พรานทะนงเป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยเสริมความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
กล้าหาญและมุ่งมั่น พรานทะนงมีความกล้าและความเด็ดเดี่ยวในการเผชิญหน้ากับอันตรายในป่า ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย เขามีความรู้เกี่ยวกับป่ากาญจนบุรีและทักษะการเอาตัวรอด ซึ่งช่วยในการนำทางและปกป้องทีม พรานทะนงมีความภักดีต่อเมธีและทีม พร้อมสนับสนุนภารกิจด้วยความตั้งใจ เขามีบุคลิกที่สงบและมั่นคง มักเป็นที่พึ่งของทีมในสถานการณ์คับขัน

ภูมิหลังของพรานทะนงจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีที่มีความเชี่ยวชาญในการสำรวจป่าหรือล่าสัตว์ เขามีความคุ้นเคยกับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟสายมรณะ ทำให้เขาเป็นสมาชิกสำคัญในทีมผจญภัยเพื่อช่วยนำทางและจัดการกับภัยอันตราย

ความสัมพันธ์ของพรานทะนงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ), และ พรานโรจน์ ในฐานะสมาชิกทีมผจญภัย เขามักทำงานร่วมกับพรานโรจน์ในการนำทีมผ่านป่าลึกและเผชิญหน้ากับกลุ่มตัวร้าย เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) และ เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์)

ฉายา “นักล่ามาดแห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจจากบทบาทของพรานทะนงในฐานะนักล่าที่มีความมั่นคงและสง่างาม (มาด) ในการนำทีมผ่านป่ากาญจนบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “ป่ามรณะ” สื่อถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับความหมายสะท้อนถึงความสามารถ ความกล้าหาญ และบุคลิกที่สงบแต่ทรงพลังของพรานทะนงในการเป็นผู้นำทางและปกป้องทีมในป่าที่ท้าทาย

การแสดงของเพชรฎี ศรีฤกษ์
เพชรฎี ศรีฤกษ์ ถ่ายทอดบทพรานทะนงได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความสุขุม ความแข็งแกร่ง และความน่าไว้วางใจของตัวละครได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันและฉากนำทางในป่าช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและความสมจริงให้กับเรื่อง การแสดงของเพชรฎีทำให้พรานทะนงเป็นตัวละครที่มีมิติ เป็นทั้งนักล่าที่เก่งและสมาชิกทีมที่น่าเคารพ ช่วยยกระดับความครบรสของละคร

→ ฐปนัท สัตยานุรักษ์ รับบท ภูมิธรรม

ฐปนัท สัตยานุรักษ์

บทบาทตัวละครสมทบ ภูมิธรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่พยายามแย่งชิงสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี เขาจะทำงานร่วมกับตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง), เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์), เลอศักดิ์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ), หรือ บอส (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เพื่อขัดขวางทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ)

ภูมิธรรมมีบทบาทในการเพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้นในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

ภูมิธรรม ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และโหดร้าย ฉายา “เงาโหดแห่งถ้ำลับ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและมุ่งหวังสมบัติ การแสดงของ ฐปนัท สัตยานุรักษ์ ทำให้ภูมิธรรมเป็นตัวร้ายที่ช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และโลภ ภูมิธรรมขับเคลื่อนด้วยความต้องการสมบัติและผลประโยชน์ส่วนตัว มักใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้เปรียบ เขามีบุคลิกที่ดุดันและอาจใช้ความรุนแรงในการจัดการกับศัตรูหรือผู้ที่ขวางทาง ภูมิธรรมมีความภักดีต่อหัวหน้าหรือกลุ่มที่เขาทำงานด้วย โดยมุ่งหวังส่วนแบ่งจากสมบัติ เขาจะมีความสามารถในการต่อสู้หรือการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอก

ภูมิหลังของภูมิธรรมจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่กาญจนบุรี เขาเข้ามามีส่วนในเรื่องเมื่อทีมของเมธีเข้าใกล้สมบัติหรือรุกล้ำพื้นที่ที่กลุ่มของเขาควบคุม ทำให้เขาต้องออกมาขัดขวางเพื่อปกป้องผลประโยชน์

ความสัมพันธ์ของภูมิธรรมเป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงอาจมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) เขาน่าจะทำงานภายใต้คำสั่งของตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง หรือเลอศักดิ์

ฉายา “เงาโหดแห่งถ้ำลับ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของภูมิธรรมในฐานะตัวร้ายที่เคลื่อนไหวในเงามืดเพื่อแย่งชิงสมบัติในถ้ำกาญจนบุรี คำว่า “โหด” สะท้อนถึงความก้าวร้าวและความโหดร้ายของเขา ส่วน “ถ้ำลับ” หมายถึงสถานที่ซ่อนสมบัติที่เป็นเป้าหมายหลักของเรื่องความหมายเน้นถึงความเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและความมุ่งมั่นของภูมิธรรมในการขัดขวางทีมพระเอกเพื่อครอบครองสมบัติ

การแสดงของฐปนัท สัตยานุรักษ์ (จอร์จ)
ฐปนัท สัตยานุรักษ์ ถ่ายทอดบทภูมิธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความเจ้าเล่ห์และความก้าวร้าวของตัวร้ายได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันหรือการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง แม้ว่าบทบาทของภูมิธรรมจะเป็นตัวละครสมทบ แต่ฐปนัทสามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่ากลัวและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้ายที่น่าจดจำ

→ ไอศูรย์ คงดี รับบท ขะจอหมิ่น

bipWGJzFB2juK1P 1748436163
ไอศูรย์ คงดี

บทบาท ตัวละครสมทบ ขะจอหมิ่นเป็นสมาชิกของชนเผ่ากะแลง อยู่ภายใต้การนำของ ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง) และทำงานร่วมกับ เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์) และ เลระ (จักรธิป ทองทิพย์) ในการปกป้องเขตแดนของเผ่าและขัดขวางทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ)

ขะจอหมิ่นมีบทบาทในการเพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในนักรบของเผ่ากะแลงที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

ขะจอหมิ่น ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะนักรบกะแลงที่ดุดันและภักดี ฉายา “นักรบดุแห่งป่ากะแลง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่แข็งแกร่งในป่าลึก การแสดงของ ไอศูรย์ คงดี ทำให้ขะจอหมิ่นเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำและช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
ดุดันและภักดี ขะจอหมิ่นมีความภักดีต่อย่านอ่องและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เขามีบุคลิกที่ก้าวร้าวและพร้อมใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเผ่า เขาเป็นนักรบที่มีความสามารถในการต่อสู้และการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอก

 ขะจอหมิ่นมักไม่พูดมาก แต่การกระทำของเขาแสดงถึงความมุ่งมั่นและความโหดร้ายเมื่อต้องจัดการกับผู้บุกรุก เช่นเดียวกับตัวร้ายอื่น ๆ ในเผ่ากะแลง เขาไม่สนใจศีลธรรมเมื่อต้องปกป้องเขตแดนหรือแย่งชิงสมบัติ

ภูมิหลังของขะจอหมิ่นเป็นชาวกะเหรี่ยงที่เติบโตในป่ากาญจนบุรีและเป็นส่วนหนึ่งของชนเผ่ากะแลง เขาจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักรบและมีหน้าที่ปกป้องพื้นที่ของเผ่าจากผู้บุกรุก รวมถึงทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) และทีมผจญภัยของเมธี

ความสัมพันธ์ของขะจอหมิ่นมีความสัมพันธ์ในฐานะลูกน้องของ ย่านอ่อง และทำงานร่วมกับ เนมา และ เลระ เขาเป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีเมื่อมีการรุกล้ำเขตแดน

ฉายา “นักรบดุแห่งป่ากะแลง”
ฉายานี้มาจจากบุคลิกที่ดุดันและความเป็นนักรบของขะจอหมิ่นที่ปกป้องเขตแดนของเผ่ากะแลง คำว่า “ป่ากะแลง” สื่อถึงพื้นที่ป่าลึกที่เป็นฐานของเผ่าและเป็นฉากสำคัญของเรื่อง ความหมายสะท้อนถึงความโหดร้ายและความแข็งแกร่งของขะจอหมิ่นในฐานะนักรบที่เป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอกในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย

การแสดงของไอศูรย์ คงดี
ไอศูรย์ คงดี ถ่ายทอดบทขะจอหมิ่นได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความดุดันและความน่าเกรงขามของนักรบกะแลงได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง แม้ว่าบทบาทของขะจอหมิ่นจะเป็นตัวละครสมทบ แต่ไอศูรย์สามารถทำให้ตัวละครนี้ดูมีมิติและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้ายที่น่าจดจำ

→ พิพัฒน์พล โกมารทัต รับบท ชิเบะ

พิพัฒน์พล โกมารทัต

บทบาทตัวละครสมทบ ชิเบะเป็นตัวละครที่อยู่ในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), เป้า (อนันตชัย ไชยสมบูรณ์), และ เอวะ (ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร) เขามีส่วนสำคัญในฐานะผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติหรือปราสาทเมืองสิงห์

ชิเบะมีบทบาทในการเพิ่มอารมณ์ขันและสนับสนุนทีมในภารกิจ โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ที่ปกป้องปราสาทเมืองสิงห์ หรือในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาสมบัติ เขาช่วยสร้างสมดุลให้เรื่องราวด้วยความตลกและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครครบรส

ชิเบะ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกต๊อง ๆ ขี้เล่น แต่ภักดีต่อทีม ฉายา “จอมต๊องแห่งปราสาทเมืองสิงห์” สรุปตัวตนของเขาในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัยในสถานที่ลึกลับ การแสดงของ พิพัฒน์พล โกมารทัต ทำให้ชิเบะเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ขี้เล่นและเปิ่น ชิเบะมีบุคลิกที่ร่าเริง ชอบแซวและทำอะไรที่ดูโก๊ะ ๆ หรือตลกขบขัน มักสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ชมยิ้มได้ แม้จะภักดีต่อทีมและพร้อมช่วยเหลือในภารกิจ แต่ชิเบะมักแสดงความกลัวในสถานการณ์ลึกลับ เช่น การเจอวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือยักษ์ที่ปกป้องปราสาทเมืองสิงห์

การปรากฏตัวของชิเบะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของการตามหาสมบัติ ด้วยมุกตลกและพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติ ชิเบะมีความรู้หรือข้อมูลเกี่ยวกับปราสาทเมืองสิงห์หรือสมบัติ ซึ่งช่วยให้ทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เดินหน้าในภารกิจได้

ภูมิหลังของชิเบะจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่เข้าร่วมภารกิจผจญภัย เขามีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหรือสถานที่ลึกลับ เช่น ปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งเชื่อมโยงกับสมบัติที่ทีมตามหา

ความสัมพันธ์ของชิเบะมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง, กาน, ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ), เป้า, และ เอวะ เขามักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋อง, กาน หรือเป้า โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญสถานการณ์ตลก ๆ หรืออันตราย

ฉายา “จอมต๊องแห่งปราสาทเมืองสิงห์”
ฉายานี้มาจากนิสัยต๊อง ๆ และเปิ่นของชิเบะที่มักสร้างความสนุกในทีม โดยเฉพาะในฉากที่เกี่ยวข้องกับปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในเรื่อง คำว่า “ต๊อง” สื่อถึงความโก๊ะและขี้เล่นของเขา ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของชิเบะที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความครึกครื้นมาสู่ทีม ด้วยพฤติกรรมที่ตลกและการมีส่วนในเหตุการณ์ที่ปราสาทเมืองสิงห์

การแสดงของพิพัฒน์พล โกมารทัต (แม็ก)
พิพัฒน์พล โกมารทัต ถ่ายทอดบทชิเบะได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์ในฐานะนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เคยรับบททั้งพระเอกและตัวร้าย เขานำเสนอความตลกและความเปิ่นของชิเบะได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่ต้องแสดงความกลัวหรือแซวเพื่อนในทีม ซึ่งเป็นการกลับมาเล่นบทคอมเมดี้ในรอบ 20 ปีของเขา

การแสดงของเขาในฉากที่ทีมเผชิญหน้ากับยักษ์หรือสถานการณ์ลึกลับช่วยเพิ่มความสนุกและเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชม ทำให้ชิเบะเป็นตัวละครที่โดดเด่นในด้านอารมณ์ขัน

→ กษาปณ์ จำปาดิบ รับบท ฮิโร่

กษาปณ์ จำปาดิบ

บทบาทตัวละครสมทบ ฮิโร่เป็นหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่พยายามแย่งชิงสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี เขาจะทำงานร่วมกับตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง), เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์), เลอศักดิ์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ), หรือ บอส (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เพื่อขัดขวางทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ)

ฮิโร่มีบทบาทในการเพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้นในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

ฮิโร่ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และโหดร้าย ฉายา “เงาจอมโหดแห่งถ้ำมรณะ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและมุ่งหวังสมบัติ การแสดงของ กษาปณ์ จำปาดิบ ทำให้ฮิโร่เป็นตัวร้ายที่ช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และโหดร้าย ฮิโร่มีนิสัยเจ้าเล่ห์และพร้อมใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติ เขามักวางแผนเพื่อให้ได้เปรียบในภารกิจ เขาขับเคลื่อนด้วยความโลภและความต้องการครอบครองสมบัติ โดยไม่สนใจศีลธรรมหรือความถูกต้อง ฮิโร่จะมีความสามารถในการต่อสู้หรือการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอก เขามีลักษณะที่ก้าวร้าวและอาจมีท่าทีข่มขู่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู

ภูมิหลังของฮิโร่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่กาญจนบุรี เขาเข้ามามีส่วนในเรื่องเมื่อทีมของเมธีเข้าใกล้สมบัติ ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาขัดขวางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม

ความสัมพันธ์ของฮิโร่เป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงอาจมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) เขาน่าจะทำงานภายใต้คำสั่งของตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง หรือเลอศักดิ์

ฉายา “เงาจอมโหดแห่งถ้ำมรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของฮิโร่ในฐานะตัวร้ายที่เคลื่อนไหวในเงามืดเพื่อแย่งชิงสมบัติในถ้ำกาญจนบุรี คำว่า “จอมโหด” สะท้อนถึงความก้าวร้าวและความโหดร้ายของเขา ส่วน “ถ้ำมรณะ” หมายถึงสถานที่ซ่อนสมบัติที่เต็มไปด้วยอันตรายความหมายเน้นถึงความเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและความมุ่งมั่นของฮิโร่ในการขัดขวางทีมพระเอกเพื่อครอบครองสมบัติ

การแสดงของกษาปณ์ จำปาดิบ (อ๋อง)
กษาปณ์ จำปาดิบ หรือ อ๋อง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานในวงการบันเทิงทั้งในฐานะนักร้องและนักแสดง ถ่ายทอดบทฮิโร่ได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความเจ้าเล่ห์และความดุดันของตัวร้ายได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันหรือการเผชิญหน้ากับทีมพระเอกช่วยเพิ่มความตึงเครียดให้กับเรื่อง

แม้ว่าบทบาทของฮิโร่จะเป็นตัวละครสมทบ แต่กษาปณ์สามารถทำให้ตัวละครนี้ดูน่ากลัวและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้ายที่น่าจดจำ

→ ดินา ป๋อพริ้ง รับบท เรไร

ดินา ป๋อพริ้ง

บทบาทตัวละครสมทบ เรไรเป็นตัวละครในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), เป้า (อนันตชัย ไชยสมบูรณ์), เอวะ (ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร), และ ชิเบะ (พิพัฒน์พล โกมารทัต)

เรไรเป็นตัวละครที่มีลักษณะเป็น นางไม้สายฮา หรือบางทีก็เรียกว่า นางฟ้าเมธี เธอมีบทบาทในการช่วยเหลือตัวละครหลักในการตามหาสมบัติและแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ

เรไร ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกเปิ่น ร่าเริง และจิตใจดี ฉายา “สาวเปิ่นแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเธอในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ ดินา ป๋อพริ้ง ทำให้เรไรเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ร่าเริงและขี้แซว เรไรมีบุคลิกที่ครึกครื้น ชอบแซวเพื่อนและสร้างบรรยากาศสนุก ๆ ในทีม มักมีมุกตลกที่ทำให้ผู้ชมยิ้มได้เธอมักแสดงความกลัวในสถานการณ์ลึกลับ เช่น การเจอวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือยักษ์ที่ปกป้องปราสาทเมืองสิงห์ แต่ความกลัวของเธอมักถูกนำเสนอในแบบที่ตลกขบขัน

แม้จะเน้นความตลก แต่เรไรมีความภักดีต่อทีมและพร้อมช่วยเหลือในยามที่ทีมต้องการ การปรากฏตัวของเรไรช่วยลดความตึงเครียดของภารกิจตามหาสมบัติ ด้วยพฤติกรรมที่โก๊ะ ๆ และเป็นธรรมชาติ

ภูมิหลังของเรไรจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่เข้าร่วมภารกิจผจญภัยกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เธอมีความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับพื้นที่ท้องถิ่น แต่บทบาทหลักคือการเพิ่มความสนุกให้กับทีม

ความสัมพันธ์ของเรไรมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง, กาน, ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ), เป้า, เอวะ, และ ชิเบะ เธอมักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋อง, กาน หรือชิเบะ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญสถานการณ์ตลก ๆ หรืออันตราย

ฉายา “สาวเปิ่นแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากนิสัยเปิ่นและร่าเริงของเรไรที่มักสร้างความสนุกในทีม คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยและการตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของเรไรที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความครึกครื้นมาสู่ทีม ด้วยความเปิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของดินา ป๋อพริ้ง
ดินา ป๋อพริ้ง ถ่ายทอดบทเรไรได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยสไตล์การแสดงที่เน้นความตลกและความร่าเริง เธอนำเสนอความเปิ่นและความขี้เล่นของเรไรได้อย่างลงตัว การแสดงของเธอในฉากตลกหรือฉากที่ต้องแสดงความกลัวช่วยเพิ่มสีสันให้กับละคร

การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋อง, กาน, หรือชิเบะช่วยสร้างโมเมนต์ที่ขบขันและเป็นที่จดจำสำหรับผู้ชม ทำให้เรไรเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสนุกของเรื่อง

นักแสดงรับเชิญ

→ วรพรต ชะเอม รับบท เกียรติศักดิ์

565000003931912
วรพรต ชะเอม

บทบาทตัวละครสมทบ เกียรติศักดิ์เป็นหนึ่งในกลุ่มตัวร้ายที่พยายามแย่งชิงสมบัติทองคำที่ซ่อนอยู่ในถ้ำกาญจนบุรี เขาน่าจะทำงานร่วมกับตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง (ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง), เนมา (ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์), เลอศักดิ์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ), หรือ บอส (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เพื่อขัดขวางทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ)

เกียรติศักดิ์เป็นตัวละครที่รับบทเป็น หัวหน้าแก๊งโจร เขาจะเป็นตัวร้ายที่พยายามขัดขวางการตามหาสมบัติของตัวละครหลักในเรื่อง เกียรติศักดิ์มีบทบาทในการเพิ่มความขัดแย้งและความตื่นเต้นในฉากแอ็กชัน โดยเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่คอยขัดขวางทีมพระเอกในการตามหาสมบัติ เขาช่วยเสริมความท้าทายให้กับภารกิจและเน้นความกล้าหาญของทีมเมธี

เกียรติศักดิ์ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความตื่นเต้นและความขัดแย้งในฐานะตัวร้ายที่เจ้าเล่ห์และโลภ ฉายา “เงามืดแห่งถ้ำทองคำ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและมุ่งหวังสมบัติ การแสดงของ วรพรต ชะเอม ทำให้เกียรติศักดิ์เป็นตัวร้ายที่ช่วยยกระดับความสนุกของละคร

ลักษณะนิสัย
เจ้าเล่ห์และก้าวร้าวเกียรติศักดิ์มีนิสัยเจ้าเล่ห์และมักใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้เปรียบในการตามหาสมบัติ เขามีท่าทีที่ก้าวร้าวเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เขาขับเคลื่อนด้วยความต้องการครอบครองสมบัติ โดยไม่สนใจศีลธรรมหรือความถูกต้อง เกียรติศักดิ์จะมีความสามารถในการต่อสู้หรือการเอาตัวรอดในป่า ทำให้เป็นภัยคุกคามต่อทีมพระเอก เขามีความมุ่งมั่นในเป้าหมายของกลุ่มตัวร้าย และปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าอย่างเคร่งครัด

ภูมิหลังของเกียรติศักดิ์จะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักล่าสมบัติหรือกลุ่มที่มีอิทธิพลในพื้นที่กาญจนบุรี เขาเข้ามามีส่วนในเรื่องเมื่อทีมของเมธีเข้าใกล้สมบัติ ซึ่งทำให้เขาต้องออกมาขัดขวางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม

ความสัมพันธ์ของเกียรติศักดิ์เป็นศัตรูกับทีมของ เมธี, พิมแพร, และทีมผจญภัย รวมถึงอาจมีปฏิสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับทีมสารคดีของ ดร.สุนีย์ (ดารัณ ฐิตะกวิน) เขาน่าจะทำงานภายใต้คำสั่งของตัวร้ายหลัก เช่น ย่านอ่อง หรือเลอศักดิ์

ฉายา “เงามืดแห่งถ้ำทองคำ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของเกียรติศักดิ์ในฐานะตัวร้ายที่เคลื่อนไหวในเงามืดเพื่อแย่งชิงสมบัติทองคำในถ้ำกาญจนบุรี คำว่า “เงามืด” สะท้อนถึงความเจ้าเล่ห์และความลึกลับของเขา ส่วน “ถ้ำทองคำ” หมายถึงสถานที่ซ่อนสมบัติที่เป็นเป้าหมายหลักของเรื่อง ความหมายเน้นถึงความเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงาและความมุ่งมั่นของเกียรติศักดิ์ในการขัดขวางทีมพระเอกเพื่อครอบครองสมบัติ

การแสดงของวรพรต ชะเอม
วรพรต ชะเอม หรือ หนึ่ง ซึ่งเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ด้วยการเข้ารอบหนุ่มสาวแพรว และมีผลงานมากมายกับช่อง 7 ถ่ายทอดบทเกียรติศักดิ์ได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความเจ้าเล่ห์และความก้าวร้าวของตัวร้ายได้อย่างลงตัว การปรากฏตัวของเขาในฉากแอ็กชันช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความเข้มข้นให้กับเรื่อง

แม้ว่าบทบาทของเกียรติศักดิ์จะเป็นตัวละครสมทบ แต่การแสดงของวรพรตทำให้ตัวละครนี้ดูน่ากลัวและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตัวร้ายที่น่าจดจำ

→ ดิเรก อมาตยกุล รับบท ลุงรัง

hq720
ดิเรก อมาตยกุล

บทบาทตัวละครสมทบ ลุงรังเป็นตัวละครที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือพื้นที่กาญจนบุรี โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมบัติสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือทางรถไฟสายมรณะ เขาจะเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญหรือช่วยเหลือทีมของ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) ในภารกิจ

ลุงรังเป็นตัวละครที่เปรียบเสมือน ผู้เฒ่าผู้คงแก่เรียน หรือ ผู้รู้เรื่องราวต่างๆ ในหมู่บ้าน เขามักจะปรากฏตัวเพื่อเป็นที่พึ่งหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับตำนานหรือเรื่องราวของสมบัติแก่ตัวละครหลักในเรื่อง ลุงรังมีบทบาทในการช่วยทีมพระเอกด้วยความรู้หรือข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติหรือปราสาทเมืองสิงห์ เขาปรากฏในฉากที่ให้คำแนะนำหรือเล่าเรื่องราวในอดีตที่ช่วยเชื่อมโยงปริศนาในเรื่อง ช่วยเพิ่มมิติด้านประวัติศาสตร์และความลึกลับให้กับละคร

ลุงรัง ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มมิติด้านความรู้และความอบอุ่นให้กับเรื่อง ด้วยบุคลิกที่รอบรู้ ขี้เล่น และเป็นมิตร ฉายา “ผู้รู้แห่งป่ามรณะ” สรุปตัวตนของเขาในฐานะผู้ให้ข้อมูลสำคัญในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ การแสดงของ ดิเรก อมาตยกุล ทำให้ลุงรังเป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยยกระดับความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
ฉลาดและรอบรู้ ลุงรังมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือตำนานท้องถิ่น ซึ่งอาจช่วยทีมในการไขปริศนาเกี่ยวกับสมบัติ เขามีบุคลิกที่อบอุ่นและพร้อมให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือทีมผจญภัยในยามที่ต้องการ ด้วยพื้นเพของดิเรก อมาตยกุลที่เป็นนักร้องและนักแสดงที่มีลีลาคล่องแคล่ว ลุงรังอาจมีมุมขี้เล่นหรือมีเสน่ห์ในแบบของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ลุงรังอาจมีอดีตหรือความลับที่เกี่ยวข้องกับสมบัติ ซึ่งทำให้ตัวละครนี้มีมิติที่น่าสนใจ

ภูมิหลังของลุงรังจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีที่มีความรู้เกี่ยวกับป่าหรือประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เขาอาจเคยมีประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับสมบัติหรือเหตุการณ์ในอดีตเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ช่วยให้ทีมพระเอกเข้าใจบริบทของภารกิจมากขึ้น

ความสัมพันธ์ของลุงรังมีความสัมพันธ์ในฐานะผู้ให้คำแนะนำหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), และสมาชิกทีมผจญภัยอื่น ๆ เขามีปฏิสัมพันธ์ที่เป็นมิตรและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อทีม

ฉายา “ผู้รู้แห่งป่ามรณะ”
ฉายานี้มาจากบทบาทของลุงรังในฐานะผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับป่ากาญจนบุรีและประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับทางรถไฟสายมรณะ คำว่า “ป่ามรณะ” สื่อถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและความลึกลับในเรื่อง ความหมายสะท้อนถึงความรอบรู้และความสำคัญของลุงรังในฐานะผู้ที่ช่วยนำทางหรือให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อทีมในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในป่า

การแสดงของดิเรก อมาตยกุล
ดิเรก อมาตยกุล หรือ ตู้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องที่มีชื่อเสียงในช่วงปี พ.ศ. 2525-2528 และได้รับฉายา “มนุษย์ไร้กระดูก” จากลีลาการเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดบทลุงรังได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยประสบการณ์ในวงการบันเทิง เขานำเสนอความอบอุ่น ความฉลาด และเสน่ห์ของตัวละครผู้ใหญ่ที่มีความรู้ได้อย่างลงตัว

การแสดงของเขาในฉากที่ต้องเล่าเรื่องหรือให้คำแนะนำช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวละคร และทำให้ลุงรังเป็นตัวละครสมทบที่น่าจดจำ

→ ภาคิน ฤกษ์สำรวจ (อ๊อด เดอะพาร์ภูเก็ต) รับบท ซาเต

บทบาทตัวละครสมทบ ซาเตเป็นตัวละครในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), เป้า (อนันตชัย ไชยสมบูรณ์), เอวะ (ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร), ชิเบะ (พิพัฒน์พล โกมารทัต), และ เรไร (ดินา ป๋อพริ้ง)

ซาเต เป็น นักล่าสมบัติผู้มากฝีมือ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวละครที่ออกเดินทางตามหาสมบัติล้ำค่าเช่นกัน แต่บทบาทของเขาอาจจะมีความซับซ้อน ไม่ใช่แค่ตัวร้ายหรือตัวดีเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้ตัวละครนี้มีความน่าสนใจในเรื่อง ซาเตมีบทบาทในการเพิ่มอารมณ์ขันและสร้างสมดุลให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญความตึงเครียดจากอันตรายในป่าหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย เขาช่วยทำให้ละครมีสีสันและครบรสมากขึ้น

ซาเต ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกกวน ขี้เล่น และจิตใจดี ฉายา “จอมกวนแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเขาในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ ภาคิน ฤกษ์สำรวจ ทำให้ซาเตเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ขี้เล่นและกวน ซาเตมีบุคลิกที่ร่าเริง ชอบแซวเพื่อนและสร้างสถานการณ์ตลก ๆ มักทำอะไรที่ดูเปิ่นหรือกวนในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เขามีความภักดีต่อทีมและพร้อมช่วยเหลือในภารกิจ แต่ก็มักแสดงความกลัวในสถานการณ์ลึกลับ เช่น การเจอวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือยักษ์ที่ปกป้องปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมักถูกนำเสนอในแบบที่ตลกขบขัน

การปรากฏตัวของซาเตช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของภารกิจตามหาสมบัติ ด้วยมุกตลกและพฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติ ซาเตมีความรู้เกี่ยวกับพื้นที่กาญจนบุรีหรือปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งช่วยสนับสนุนทีมในบางสถานการณ์

ภูมิหลังของซาเตจะเป็นคนในพื้นที่กาญจนบุรีหรือผู้ช่วยในทีมป่าไม้ที่เข้าร่วมภารกิจผจญภัยกับ เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ) และ พิมแพร (พัชญา เพียรเสมอ) เขาไม่ได้มีบทบาทหลักในการไขปริศนา แต่ช่วยเพิ่มความครึกครื้นและสนับสนุนทีมในฉากต่าง ๆ

ความสัมพันธ์ของซาเตมีความสัมพันธ์แบบเพื่อนหรือผู้ช่วยกับ เมธี, พิมแพร, ต๋อง, กาน, ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ), เป้า, เอวะ, ชิเบะ, และ เรไร เขามักมีปฏิสัมพันธ์ที่ขบขันกับต๋อง, กาน หรือชิเบะ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญสถานการณ์ตลก ๆ หรืออันตราย

ฉายา “จอมกวนแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจากนิสัยขี้เล่นและกวนของซาเตที่มักสร้างความสนุกในทีม คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยและการตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของซาเตที่เป็นตัวละครที่นำรอยยิ้มและความครึกครื้นมาสู่ทีม ด้วยพฤติกรรมที่กวนและตลกในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของภาคิน ฤกษ์สำรวจ (อ๊อด เดอะพาร์ภูเก็ต)
ภาคิน ฤกษ์สำรวจ หรือ อ๊อด เดอะพาร์ภูเก็ต ถ่ายทอดบทซาเตได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยสไตล์การแสดงที่เน้นความตลกและความกวน เขานำเสนอความเปิ่นและความขี้เล่นของซาเตได้อย่างลงตัว การแสดงของเขาในฉากตลกหรือฉากที่ต้องแสดงความกลัวช่วยเพิ่มสีสันให้กับละคร

การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋อง, กาน, หรือชิเบะช่วยสร้างโมเมนต์ที่ขบขันและเป็นที่จดจำสำหรับผู้ชม ทำให้ซาเตเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสนุกของเรื่อง

→ อมิตา เกตุเพชร รับบท ตาหวาน

31944537 1713531925396983 5400361091941269504 n
อมิตา เกตุเพชร

บทบาทตัวละครสมทบ ตาหวานเป็นตัวละครในกลุ่มตัวประกอบที่ช่วยสร้างความสนุกสนานและอารมณ์ขันในเรื่อง มักปรากฏในฉากที่เกี่ยวข้องกับทีมป่าไม้หรือการผจญภัยในป่ากาญจนบุรี ร่วมกับตัวละครอย่าง ต๋อง (ณัฐพล ไรยวงค์), กาน (จาด้า อินโตร์เร), เป้า (อนันตชัย ไชยสมบูรณ์), เอวะ (ประเสริฐ ประเสริฐสุนทร), ชิเบะ (พิพัฒน์พล โกมารทัต), เรไร (ดินา ป๋อพริ้ง), และ ซาเต (ภาคิน ฤกษ์สำรวจ)

ตาหวาน เป็น นางพรายอารมณ์ดี เธอเป็นอีกหนึ่งตัวละครเหนือธรรมชาติที่คอยปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำแก่ตัวละครหลักในการตามหาสมบัติ มักจะมาพร้อมกับความสดใสและรอยยิ้ม ตาหวานมีบทบาทในการเพิ่มอารมณ์ขันและสร้างสมดุลให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะในฉากที่ทีมต้องเผชิญความตึงเครียดจากอันตรายในป่าหรือการต่อสู้กับกลุ่มตัวร้าย เธอช่วยทำให้ละครมีสีสันและครบรสมากขึ้น

ตาหวาน ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มความสนุกและอารมณ์ขันให้กับเรื่องราว ด้วยบุคลิกที่ร่าเริง มีเสน่ห์ และเปิ่นเล็กน้อย ฉายา “สาวหวานแห่งป่ามหาเฮง” สรุปตัวตนของเธอในฐานะตัวละครที่นำรอยยิ้มและความสดใสมาสู่ทีมผจญภัย การแสดงของ อมิตา เกตุเพชร ทำให้ตาหวานเป็นตัวละครที่น่ารักและน่าจดจำ

ลักษณะนิสัย
ร่าเริงและมีเสน่ห์ ตาหวานมีบุคลิกที่สดใสและมีเสน่ห์ตามชื่อของเธอ มักใช้ความน่ารักและความขี้เล่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในทีม เธอมักแซวเพื่อนในทีมและมีพฤติกรรมที่ดูเปิ่นหรือซุ่มซ่ามในบางครั้ง ซึ่งถูกนำเสนอในแบบที่ตลกและน่ารัก

ตาหวานแสดงความกลัวในสถานการณ์ลึกลับ เช่น การเจอวิญญาณทหารญี่ปุ่นหรือยักษ์ที่ปกป้องปราสาทเมืองสิงห์ แต่ก็ยังคงติดตามทีมไปด้วยความกล้าในแบบที่ขบขัน การปรากฏตัวของตาหวานช่วยลดความตึงเครียดของภารกิจด้วยความร่าเริงและมุกตลก ทำให้ทีมมีชีวิตชีวามากขึ้น

ฉายา “สาวหวานแห่งป่ามหาเฮง”
ฉายานี้มาจจากชื่อ “ตาหวาน” ที่สื่อถึงความน่ารักและมีเสน่ห์ของตัวละคร รวมถึงบุคลิกที่ร่าเริงและขี้เล่น คำว่า “ป่ามหาเฮง” สื่อถึงป่ากาญจนบุรีที่เป็นฉากหลักของการผจญภัยและการตามหาสมบัติ ความหมายสะท้อนถึงบทบาทของตาหวานที่เป็นตัวละครที่นำความสดใสและรอยยิ้มมาสู่ทีม ด้วยความน่ารักและความเปิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

การแสดงของอมิตา เกตุเพชร
อมิตา เกตุเพชร นักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียง ถ่ายทอดบทตาหวานได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจ ด้วยสไตล์การแสดงที่เน้นความร่าเริงและความมีเสน่ห์ เธอนำเสนอความน่ารักและความเปิ่นของตาหวานได้อย่างลงตัว การแสดงของเธอในฉากตลกหรือฉากที่ต้องแสดงความกลัวช่วยเพิ่มสีสันให้กับละคร

การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครอย่างต๋อง, กาน, หรือชิเบะช่วยสร้างโมเมนต์ที่ขบขันและเป็นที่จดจำสำหรับผู้ชม ทำให้ตาหวานเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มความสนุกของเรื่อง

→ ด.ญ.เกณิกา ต่อยประสุ รับบท นาเนอะ

เกณิกา ต่อยประสุ

บทบาทตัวละครสมทบ นาเนอะเป็นเด็กสาวชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้ป่ากาญจนบุรี เธอมีบทบาทสำคัญในฉากที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงในหมู่บ้าน โดยเฉพาะเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายและต้องได้รับการช่วยเหลือจาก เมธี (สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ)

นาเนอะ หนูน้อยพลังจิต หรือ เด็กน้อยผู้มีสัมผัสพิเศษ เธอเป็นตัวละครเด็กที่มีความสามารถพิเศษในการรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติ หรือมองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตัวละครหลักสามารถไขปริศนาและตามหาสมบัติได้สำเร็จ

นาเนอะมีบทบาทในการเพิ่มมิติด้านอารมณ์และความสะเทือนใจให้กับเรื่อง โดยเฉพาะในฉากที่หมู่บ้านถูกโจมตีและเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเมธีต้องฝ่ากองเพลิงเพื่อช่วยเธอออกมา การปรากฏตัวของเธอช่วยเน้นความกล้าหาญของเมธีและสร้างความเห็นอกเห็นใจจากผู้ชม

นาเนอะ ใน สมบัติมหาเฮง เป็นตัวละครสมทบเด็กที่เพิ่มความน่ารักและความสะเทือนใจให้กับเรื่อง ด้วยบุคลิกที่ไร้เดียงสาและกล้าหาญในแบบของเด็ก ฉายา “ดอกไม้น้อยแห่งป่ากะเหรี่ยง” สรุปตัวตนของเธอในฐานะเด็กที่เปราะบางแต่มีเสน่ห์ในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับ การแสดงของ ด.ญ.เกณิกา ต่อยประสุ ทำให้ตัวละครนาเนอะเป็นที่จดจำและช่วยยกระดับความครบรสของละคร

ลักษณะนิสัย
น่ารักและไร้เดียงสา นาเนอะเป็นเด็กที่มีความบริสุทธิ์และน่ารัก สะท้อนความอ่อนโยนของเด็กในชุมชนชนเผ่า แม้จะเป็นเด็ก แต่เธอต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การถูกคนร้ายบุกหมู่บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าในแบบของเด็ก นาเนอะมีความใกล้ชิดกับ ยาโย (อิงฟ้า เกตุคำ) ซึ่งเป็นสาวชนเผ่าที่ถูกคนร้ายฉุดในเหตุการณ์เพลิงไหม้

ภูมิหลังของนาเนอะเป็นเด็กชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้พื้นที่ที่ทีมของเมธีและพิมแพรเข้ามาทำภารกิจ เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งเกี่ยวกับสมบัติหรือการบุกรุกของกลุ่มตัวร้าย

ความสัมพันธ์ของนาเนอะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ยาโย และอาจมองยาโยเป็นเหมือนพี่สาวหรือคนในครอบครัว เธอยังมีปฏิสัมพันธ์กับ เมธี และ พิมแพร ในฐานะผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากทีมผจญภัยในช่วงเหตุการณ์รุนแรงในหมู่บ้าน

ฉายา “ดอกไม้น้อยแห่งป่ากะเหรี่ยง”
ฉายานี้มาจากความน่ารักและความไร้เดียงสาของนาเนอะที่เหมือนดอกไม้ที่เติบโตในป่ากาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ของชนเผ่ากะเหรี่ยง คำว่า “ดอกไม้น้อย” สื่อถึงความอ่อนโยนและความเปราะบางของเธอในฐานะเด็กที่ต้องเผชิญสถานการณ์รุนแรง

ความหมายสะท้อนถึงความบริสุทธิ์และความน่ารักของนาเนอะที่เป็นจุดเด่นในเรื่อง รวมถึงการเป็นตัวละครที่สร้างความรู้สึกผูกพันและความเห็นอกเห็นใจในป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย

การแสดงของด.ญ.เกณิกา ต่อยประสุ
ด.ญ.เกณิกา ต่อยประสุ ถ่ายทอดบทนาเนอะได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการแสดงที่นำเสนอความน่ารักและความไร้เดียงสาของเด็กได้อย่างเป็นธรรมชาติ การปรากฏตัวของเธอในฉากที่ต้องเผชิญอันตรายช่วยเพิ่มความตึงเครียดและความสะเทือนใจให้กับเรื่อง

แม้ว่าบทบาทของนาเนอะจะเป็นตัวละครสมทบที่มีฉากไม่มาก แต่เกณิกาสามารถทำให้ตัวละครนี้เป็นที่จดจำด้วยการแสดงที่จริงใจและเหมาะสมกับวัย