ละคร ศึกรักข้ามรั้ว 2561 เรื่องราวของอดีตคู่รักที่จับพลัดจับผลูต้องมาอยู่บ้านติดกัน สงครามระหว่างแฟนเก่าจึงเกิดขึ้น ศึกรักระหว่างแฟนเก่าจะกลายเป็นรักครั้งใหม่ได้อีกหรือไม่?

ละคร ศึกรักข้ามรั้ว 2561 ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เล่าเรื่องราวความวุ่นวายและความสนุกสนานของอดีตคู่รักที่ต้องมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งในฐานะเพื่อนบ้านติดรั้วกัน

เรื่องราวเริ่มต้นจาก “นาวี” และ “จูน” ซึ่งเคยเป็นคู่รักกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสองมีมุมมองชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นาวีเป็นคนสบายๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามคติ “อยู่กับปัจจุบัน” ส่วนจูนเป็นคนจริงจัง มองอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ ความแตกต่างนี้ทำให้จูนทนไม่ไหวและขอเลิกกับนาวี โดยให้เหตุผลว่าเธออยากอยู่กับผู้ชายที่มีอนาคต

หลังจากแยกทางกัน จูนแต่งงานกับ “ตรัย” เศรษฐีหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีอนาคตดีตามที่เธอฝัน แต่ชีวิตกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ตรัยติดการพนัน สร้างหนี้ และเจ้าชู้ สุดท้ายจูนที่กำลังตั้งครรภ์ตัดสินใจหย่ากับเขา ซ้ำร้ายแม่ของจูนยังก่อหนี้ก้อนโตจนต้องขายบ้านที่สัตหีบเพื่อใช้หนี้ ทำให้จูนและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ในบ้านที่บังเอิญอยู่ติดกับบ้านของนาวี แฟนเก่าที่เธอเคยทิ้งไป

ในขณะเดียวกัน นาวีได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทอนิเมชันเล็กๆ ใช้ชีวิตสนุกสนานตามสไตล์ของเขา การกลับมาเจอกันของทั้งคู่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “ศึกรักข้ามรั้ว” ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ปากกัดตีนถีบ และสถานการณ์ชวนหัวเราะจากความเป็นอดีตคู่รักที่ต้องมาเป็นเพื่อนบ้านกันอย่างไม่เต็มใจ

ประเด็นหลักของเรื่อง
สงครามระหว่างแฟนเก่า นาวีและจูนต่างมีทิฐิต่อกันจากอดีต ความใกล้ชิดในฐานะเพื่อนบ้านทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งขัดแย้งและตลกขบขัน เช่น การแข่งขันกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือการแกล้งกันไปมา

โอกาสของรักครั้งใหม่ ท่ามกลางความวุ่นวาย เรื่องราวค่อยๆ เผยให้เห็นว่าทั้งคู่อาจยังมีเยื่อใยต่อกัน คำถามคือศึกรักครั้งนี้จะลงเอยด้วยการกลับมารักกันอีกครั้งหรือไม่

ตัวละครสมทบเพิ่มสีสัน ครอบครัวของจูน เช่น พ่อแม่และลูกชาย รวมถึงเพื่อนของนาวีและตัวละครเพื่อนบ้านอื่นๆ ช่วยเพิ่มความอลหม่านและมุกตลกให้เรื่องราวครบรสยิ่งขึ้น

“ศึกรักข้ามรั้ว” ออกอากาศทุกวันจันทร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2561 และจบลงในวันที่ 24 กันยายน 2561 รวมทั้งหมด 36 ตอน ตอนจบ (EP.36) นาวีถูกไฟช็อตขณะช่วยจูนเปลี่ยนหลอดไฟ ทำให้จูนตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขา เรื่องราวปิดฉากด้วยความรู้สึกอบอุ่นและชวนให้ลุ้นว่าทั้งคู่จะกลับมาคืนดีกันหรือไม่

ละครเรื่องนี้ผสมผสานความตลก ความโรแมนติก และดราม่าเบาๆ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนชีวิตประจำวันของคนในหมู่บ้าน “บ้านสราญแลนด์” ได้อย่างสนุกสนานและน่าติดตาม

เนื้อหาคร่าวๆ ของละครซิตคอม “ศึกรักข้ามรั้ว” (บ้านสราญแลนด์) ที่ออกอากาศในปี 2561 ทางช่องวัน 31 โดยจะเล่าแบบสรุปเหตุการณ์สำคัญและจุดพีคบางส่วน รวมถึงตอนจบ เพื่อให้เห็นภาพรวมของเรื่องราว

จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
เรื่องเริ่มจาก นาวี (ป้อง-ณวัฒน์) และ จูน (นุ่น-วรนุช) อดีตคู่รักสมัยมหาวิทยาลัยที่เลิกกันเพราะทัศนคติไม่ตรงกัน จูนทิ้งนาวีไปแต่งงานกับ ตรัย เศรษฐีหนุ่ม แต่ชีวิตแต่งงานล้มเหลว ตรัยติดพนันและเจ้าชู้ จนจูนหย่ากับเขาและย้ายมาอยู่บ้านใหม่ที่กรุงเทพฯ พร้อมแม่และลูกชาย โดยบังเอิญบ้านใหม่นี้อยู่ติดกับบ้านของนาวี ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเจ้าของบริษัทอนิเมชันเล็กๆ และใช้ชีวิตชิลๆ ตามสไตล์เขา

ศึกข้ามรั้ว
เมื่อทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนบ้าน ความขัดแย้งจากอดีตก็ปะทุขึ้นทันที นาวีชอบแกล้งจูนด้วยการทำตัวน่ารำคาญ เช่น เปิดเพลงดังๆ หรือปล่อยหมาไปขี้หน้าบ้านจูน ส่วนจูนก็ตอบโต้ด้วยความเจ้าระเบียบ เช่น ร้องเรียนนาวีกับนิติหมู่บ้าน หรือตั้งกฎเข้มงวดในละแวกบ้าน สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายเมื่อครอบครัวของจูน (พ่อแม่ที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน) และเพื่อนของนาวี (ที่มักสร้างความปั่นป่วน) เข้ามาเติมเชื้อเพลิงให้ศึกนี้

พัฒนาการความสัมพันธ์
ท่ามกลางการปะทะกัน ความรู้สึกเก่าๆ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมา นาวีเริ่มแสดงความห่วงใยจูนในแบบที่เขาไม่ยอมรับ เช่น ช่วยซ่อมของในบ้านให้ หรือแอบดูแลลูกชายของจูน ส่วนจูนก็เริ่มเห็นว่านาวีไม่ได้แย่อย่างที่เธอเคยคิด เขามีความรับผิดชอบในแบบของเขา และยังคงเป็นคนที่เธอเคยหลงรัก เรื่องราวเริ่มซับซ้อนเมื่อ ตรัย อดีตสามีของจูนพยายามกลับมาขอคืนดี แต่จูนปฏิเสธ เพราะเธอเริ่มรู้ใจตัวเองมากขึ้น

จุดพีคในตอนท้าย
ในช่วงท้ายของซีรีส์ มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง เช่น เมื่อจูนเจอปัญหาครอบครัวหรือหนี้สิน นาวีมักยื่นมือเข้ามาช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน และในบางฉากก็มีโมเมนต์ที่ทั้งคู่เกือบจะสารภาพความรู้สึก แต่ทิฐิและอดีตทำให้ทั้งสองยังลังเล

ในตอนสุดท้าย เกิดเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นาวีถูกไฟช็อต ขณะช่วยจูนเปลี่ยนหลอดไฟที่บ้านของเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้จูนตกใจและตระหนักว่าเธอยังรักนาวีมากแค่ไหน เธอรีบดูแลเขาและในที่สุดก็เปิดใจยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ฉากจบลงแบบอบอุ่นและปลายเปิด โดยทั้งคู่ไม่ได้พูดชัดๆ ว่าจะกลับมาคบกัน แต่มีการบอกใบ้ว่าพวกเขาจะเริ่มต้นใหม่ด้วยความเข้าใจกันมากขึ้น

ตัวละครสมทบอย่างครอบครัวของจูนและเพื่อนของนาวีก็มีบทสรุปของตัวเอง เช่น แม่ของจูนเลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านมากขึ้น และลูกชายของจูนเริ่มมองนาวีเป็นฮีโร่ สร้างบรรยากาศครอบครัวที่อบอุ่นในหมู่บ้าน “บ้านสราญแลนด์”

“ศึกรักข้ามรั้ว” เป็นซิตคอมที่เน้นความสนุกจากมุกตลกประจำวันและเคมีของป้อง-ณวัฒน์ กับนุ่น-วรนุช ที่เข้ากันได้ดีมาก ในรายละเอียดยังมีฉากตลกๆ และดราม่าเบาๆ อีกเพียบที่ทำให้ละครน่าดู

ด้วยความที่เป็นซิตคอม ละครเรื่องนี้เน้นมุกตลกจากสถานการณ์ในชีวิตประจำวันของเพื่อนบ้าน เช่น การแกล้งกันข้ามรั้ว หรือการปะทะคารมระหว่าง นาวี และ จูน ผู้ชมจะรู้สึกขำขันและเพลิดเพลินไปกับความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน “บ้านสราญแลนด์” เหมาะสำหรับคนที่อยากดูอะไรเบาๆ ไม่ต้องคิดเยอะหลังเลิกงาน

ป้อง-ณวัฒน์ และ นุ่น-วรนุช เป็นคู่พระนางที่มีเคมีเข้ากันดีมาก การแสดงของทั้งคู่ทั้งในฉากปะทะอารมณ์และโมเมนต์หวานๆ (ที่ค่อยๆ โผล่มาในช่วงหลัง) จะทำให้คนดูรู้สึกจิ้นและลุ้นตามว่าทั้งคู่จะกลับมารักกันหรือไม่ โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองเผลอแสดงความห่วงใยกันแบบไม่ตั้งใจ

ครอบครัวของจูน เช่น พ่อแม่ที่ชอบยุ่งวุ่นวาย หรือลูกชายที่น่ารัก รวมถึงเพื่อนของนาวีที่มักสร้างสีสัน จะทำให้ผู้ชมรู้สึกเอ็นดูและหัวเราะกับความวายป่วงของตัวละครเหล่านี้ เป็นส่วนที่เติมเต็มให้เรื่องราวครบรสยิ่งขึ้น

ในช่วงที่จูนต้องเจอปัญหาจากอดีตสามีอย่าง ตรัย แล้วนาวีก้าวเข้ามาช่วยเหลือ ผู้ชมจะรู้สึกสะใจที่เห็นจูนตัดขาดจากคนไม่ดี และอบอุ่นใจเมื่อนาวีพิสูจน์ตัวเองว่าเขาเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอได้จริงๆ โดยเฉพาะในตอนจบที่ทั้งคู่เกือบเสียกันไปจากเหตุการณ์ไฟช็อต

ตอนจบที่ไม่ได้ฟันธงชัดๆ ว่าทั้งคู่จะคืนดีกันหรือไม่ อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกค้างคา แต่ก็เป็นเสน่ห์ของซิตคอมที่ให้คนดูจินตนาการต่อเอง บางคนอาจชอบที่เรื่องจบแบบอบอุ่นและมีความหวัง ขณะที่บางคนอาจอยากเห็นฉากสารภาพรักชัดๆ มากกว่านี้

จากข้อมูลที่เคยมีในช่วงที่ละครออกอากาศ (2561) แฟนๆ มักชื่นชอบความสนุกของมุกตลกที่ไม่ฝืดจนเกินไป และการแสดงที่เป็นธรรมชาติของป้องและนุ่น บางคนบอกว่าดูแล้วรู้สึกเหมือนได้เห็นชีวิตจริงของเพื่อนบ้านที่มีทั้งรักทั้งแค้นปนกันไป อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเรื่องบางช่วงยืดเยื้อหรือซ้ำซาก (ตามสไตล์ซิตคอมที่ต้องมี 36 ตอน) แต่โดยรวมถือว่าเป็นละครที่ดูเพลินและให้ความบันเทิงได้ดี

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบซิตคอมเบาสมอง มีทั้งมุกตลก ดราม่าเบาๆ และความโรแมนติกแบบไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป “ศึกรักข้ามรั้ว” น่าจะทำให้คุณรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย และอาจจะยิ้มตามกับความน่ารักของตัวละครได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้าคุณชอบดูคู่พระนางที่ปากแข็งแต่ลึกๆ แล้วรักกันมาก คุณน่าจะฟินกับเรื่องนี้แน่นอน


ละคร ศึกรักข้ามรั้ว 2561

ละคร ศึกรักข้ามรั้ว 2561

ละคร ศึกรักข้ามรั้ว 2561

เรื่องราวของ นาวี และ จูน คู่รักเก่าที่จับพลัดจับผลูต้องมาอยู่บ้านข้างกัน ทั้งคู่เคยเป็นคู่รักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่นาวีเป็นคนขี้เล่น และมีคติที่ว่า “ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน” มักจะทำให้จูนหงุดหงิดอยู่บ่อย ๆ เพราะสำหรับเธอ อนาคตเป็นเรื่องสำคัญ จนกระทั่งวันนึงจูนทนไม่ไหว ขอเลิกกับนาวีด้วยเหตุผลที่ว่า เธอต้องการอยู่กับผู้ชายที่มีอนาคต

หลังจากเลิกกับนาวี จูนก็พบรักและแต่งงานกับ ตรัย เศรษฐีหนุ่มที่ดูมีอนาคตอย่างที่เธอฝัน แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่นานตรัยก็เริ่มติดการพนัน สร้างหนี้ และออกลายเจ้าชู้ จูนที่กำลังตั้งครรภ์ตัดสินใจเลิกกับเขา แต่แม่ของเธอกลับไปสร้างหนี้ก้อนโตไว้ ทำให้ต้องขายบ้านพ่อแม่ที่สัตหีบแล้วย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่เจ้ากรรมบ้านหลังนั้นกลับอยู่ติดกับบ้านของนาวี แฟนเก่าที่เธอเคยปรามาสเขาไว้

ตอนนี้นาวีเป็นเจ้าของบริษัทแอนิเมชันเล็ก ๆ ที่ยังคงใช้ชีวิตสนุกไปวัน ๆ ต่างกับจูนที่ชีวิตมีภาระมากมายทั้งลูก พ่อ แม่ และหนี้สินที่ต้องชดใช้ ทำให้เธอไม่เข้าใจว่าคนเราจะมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เหมือนอย่างที่นาวีทำได้อย่างไร สงครามการจิกกัดระหว่างแฟนเก่าจึงเกิดขึ้น

สร้างสรรค์โดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ , พงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญ , ณัฐพันธุ์ ศิริธนากิจ , ชนินทร์ ปั้นทอง , ณิชนันท์ พุฒรังษี , อภิรัตน์ หินแก้ว

บทโทรทัศน์โดย พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์ , อรรถพล ปานดี , พิมสิรินทร์ พงษ์วานิชสุข

ผู้กำกับการแสดง เสกสรรค์ สิงอุไร

นักแสดง

→ ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบท นาวี (วี)

เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และมีมิติหลากหลาย ซึ่งช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้ทั้งสนุกและน่าติดตาม นาวีเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่ซีเรียส มองโลกในแง่ดี และไม่ชอบวางแผนอะไรให้ยุ่งยาก คติประจำใจของเขาคือ “อยู่กับปัจจุบัน” ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เขาแตกต่างจากจูน (นุ่น-วรนุช) แฟนเก่าที่เน้นอนาคต บุคลิกนี้ทำให้เขาเป็นตัวละครที่ดูผ่อนคลายและมีอารมณ์ขัน

แม้จะดูเป็นคนไม่จริงจัง แต่แท้จริงแล้วนาวีมีความสามารถและประสบความสำเร็จในแบบของเขา เขาเป็นเจ้าของบริษัทอนิเมชันเล็กๆ ที่สะท้อนความครีเอทีฟและความฝันในวัยเด็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนไร้อนาคตอย่างที่จูนเคยตัดสิน

เมื่อต้องมาเป็นเพื่อนบ้านกับจูน นาวีชอบหาเรื่องแกล้งเธอ เช่น เปิดเพลงดังๆ ปล่อยหมาไปทำเลอะหน้าบ้าน หรือพูดจายั่วโมโห คาแร็กเตอร์นี้ทำให้เกิดฉากตลกๆ ข้ามรั้วมากมาย แต่ลึกๆ แล้วการแกล้งนี้เหมือนเป็นการระบายความรู้สึกเก่าที่เขายังเก็บไว้

ภายใต้ท่าทางกวนๆ นาวีมีด้านที่อบอุ่นและพร้อมช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะกับจูนและลูกชายของเธอ เช่น การช่วยซ่อมของในบ้าน หรือแอบดูแลโดยไม่ให้เธอรู้ตัว บางฉากเขายังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีในแบบที่ไม่หวือหวา

แม้จะดูเหมือนเกลียดจูนจากที่เธอทิ้งเขาไปในอดีต แต่นาวีแอบมีใจให้เธออยู่ลึกๆ การปะทะกันในเรื่องบางครั้งเหมือนเป็นการปกปิดความรู้สึกจริง ซึ่งป้อง-ณวัฒน์ถ่ายทอดออกมาได้ทั้งขบขันและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน ตลอดทั้ง 36 ตอน นาวีค่อยๆ เติบโตจากคนที่ดูไม่แคร์โลก กลายเป็นคนที่ยอมเปิดใจและแสดงความรับผิดชอบมากขึ้น โดยเฉพาะในตอนจบที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยจูนเปลี่ยนหลอดไฟจนถูกไฟช็อต ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เห็นว่าเขารักเธอมากแค่ไหน

ป้อง-ณวัฒน์ นำเสนอ “นาวี” ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ เขาใช้จุดเด่นของตัวเอง เช่น รอยยิ้มกวนๆ และน้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์ มาสร้างคาแร็กเตอร์ให้ดูทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน การแสดงของเขาทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของนาวีกับจูน โดยเฉพาะฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กับนุ่น-วรนุช ซึ่งเคมีของทั้งคู่เข้ากันดีมาก

“นาวี” เป็นตัวละครที่ผสมผสานความกวนประสาท ความตลก และความอบอุ่นไว้ในคนเดียวกัน เขาเป็นเหมือนตัวแทนของคนที่อาจดูไม่เอาจริงเอาจังจากภายนอก แต่ลึกๆ แล้วมีความมุ่งมั่นและหัวใจที่ยิ่งใหญ่ คาแร็กเตอร์นี้จึงทั้งขับเคลื่อนความสนุกของซิตคอมและสร้างโมเมนต์โรแมนติกที่ทำให้คนดูฟินไปพร้อมกัน

→ วรนุช ภิรมย์ภักดี รับบท เจนจิรา (จูน)

เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนทั้งในแง่บุคลิกและพัฒนาการ เป็นนางเอกที่ทั้งเข้มแข็ง ปากร้าย แต่ก็มีมุมเปราะบาง จูนเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงและให้ความสำคัญกับอนาคต เธอมีเป้าหมายชัดเจนในชีวิตและไม่ชอบความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นเหตุผลที่เธอเลิกกับนาวีในอดีต เพราะมองว่าเขาไม่มีอนาคต บุคลิกนี้ทำให้เธอดูเป็นคนเจ้าระเบียบและเข้มงวดทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง

หลังหย่ากับ ตรัย สามีเจ้าชู้และติดพนัน จูนกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกชายและรับมือกับปัญหาครอบครัว (รวมถึงหนี้สินจากแม่ของเธอ) เธอแสดงออกถึงความอดทนและพยายามปกป้องครอบครัว แม้บางครั้งจะดูแข็งกร้าวเกินไป

จูนมีนิสัยปากแข็งและชอบตอบโต้ โดยเฉพาะกับนาวี เธอมักพูดจาข่มเขาและตั้งกำแพงกับคนอื่น แต่ลึกๆ แล้วเธอมีจิตใจอ่อนโยนและรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยทำกับนาวีในอดีต การปะทะคารมกับนาวีจึงเป็นทั้งการระบายและการปกป้องตัวเอง

การแต่งงานกับตรัยที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบแต่กลับล้มเหลว ทำให้จูนกลายเป็นคนระวังตัวในเรื่องความรัก เธอไม่ค่อยเปิดใจง่ายๆ และมักมองนาวีในแง่ลบจากอดีต แต่เมื่อต้องมาเป็นเพื่อนบ้านกัน ความใกล้ชิดทำให้เธอเริ่มเห็นด้านดีของเขามากขึ้น

จูนมักเป็นฝ่ายตั้งรับและตอบโต้การกวนประสาทของนาวี เช่น ร้องเรียนเขาเมื่อทำอะไรเกินเลย หรือพยายามควบคุมสถานการณ์ในหมู่บ้าน ความขัดแย้งนี้สร้างความสนุกในเรื่อง แต่ก็เผยให้เห็นว่าเธอยังมีอารมณ์ร่วมกับนาวีมากกว่าที่ตัวเองยอมรับ

ตลอดเรื่อง จูนค่อยๆ เปลี่ยนจากคนที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ กลายเป็นคนที่ยอมรับความไม่แน่นอนในชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะในตอนท้ายที่เธอตระหนักถึงความรู้สึกที่มีต่อนาวี หลังจากเขาเสี่ยงชีวิตช่วยเธอจากเหตุการณ์ไฟช็อต ฉากนี้แสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มปล่อยวางทิฐิและเปิดใจมากขึ้น

นุ่น-วรนุช ถ่ายทอดบท “จูน” ออกมาได้อย่างลงตัว เธอใช้จุดเด่นของตัวเอง เช่น สายตาคมและน้ำเสียงที่หนักแน่น ในการแสดงความเข้มแข็งและปากร้ายของจูน แต่ในฉากที่ต้องเผยมุมอ่อนแอหรือโมเมนต์หวานๆ กับนาวี เธอก็แสดงอารมณ์ที่ละมียดละไม ทำให้คนดูรู้สึกถึงความลึกซึ้งของตัวละคร เคมีของเธอกับป้อง-ณวัฒน์ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้คู่พระนางดูน่าลุ้น โดยเฉพาะในฉากปะทะอารมณ์ที่ทั้งตลกและน่าจดจำ

“เจนจิรา” หรือ “จูน” เป็นตัวละครที่สะท้อนภาพผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องต่อสู้กับชีวิตและความรัก เธอเป็นทั้งนางเอกที่เข้มแข็งและมีข้อบกพร่องในแบบมนุษย์จริงๆ ความขัดแย้งกับนาวีทำให้เธอเป็นจุดศูนย์กลางของความสนุกในซิตคอม ขณะที่พัฒนาการของเธอก็สร้างความประทับใจ โดยเฉพาะการเรียนรู้ที่จะให้โอกาสตัวเองและคนที่เธอเคยมองข้ามอย่างนาวี คาแร็กเตอร์นี้จึงทั้งน่ารัก น่าสงสาร และน่าเชียร์ในเวลาเดียวกัน

→ เด๋อ ดอกสะเดา รับบท ณัฐพล (พ่อแน่น)

เป็นตัวละครสมทบที่เพิ่มสีสันและความตลกให้กับเรื่องราวในหมู่บ้าน “บ้านสราญแลนด์” เขาเป็นพ่อของ จูน (นุ่น-วรนุช) และมีบทบาทสำคัญในการสร้างความวุ่นวายในครอบครัว

พ่อแน่นเป็นคนขี้บ่นและมักแสดงความเห็นกับทุกเรื่องในละแวกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ เขาชอบยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของลูกสาว (จูน) และเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกับ นาวี (ป้อง-ณวัฒน์) ที่เขามักมองว่าเป็นตัวก่อกวน

คาแร็กเตอร์ของพ่อแน่นถูกออกแบบมาให้มีความเพี้ยนในแบบที่ขบขัน เช่น การพูดจาโอเวอร์หรือทำท่าทางเว่อร์ๆ ซึ่งเป็นสไตล์การแสดงที่เด๋อ ดอกสะเดา ถนัดอยู่แล้ว เขามักเป็นตัวจุดชนวนความฮาในฉากที่ครอบครัวของจูนต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แปลกๆ

แม้จะดูเป็นพ่อที่ขี้บ่นและไม่ค่อยลงรอยกับจูนในบางครั้ง แต่พ่อแน่นก็รักลูกสาวและหลานชายมาก เขามักพยายามปกป้องครอบครัวในแบบของเขา แม้ว่าบางครั้งวิธีการจะดูงี่เง่าหรือทำให้เรื่องยุ่งเหยิงกว่าเดิม

พ่อแน่นมักมีทัศนคติไม่ดีต่อนาวี เพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนเก่าที่เคยทำให้จูนเสียใจ และยังเป็นเพื่อนบ้านที่ชอบก่อกวน ความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างมุกตลกในเรื่อง เช่น การเถียงกันข้ามรั้ว หรือการแข่งขันกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

คาแร็กเตอร์นี้สะท้อนภาพพ่อในครอบครัวไทยที่ทั้งขี้บ่น ขี้เหวี่ยง แต่ก็มีมุมน่ารักและอบอุ่นในแบบที่คนดูคุ้นเคย เขามักเป็นตัวเชื่อมระหว่างจูนกับแม่ของเธอ (ที่ก็วุ่นวายไม่แพ้กัน) ทำให้ครอบครัวนี้ดูมีชีวิตชีวาและสมจริง

เด๋อ ดอกสะเดา นำสไตล์การแสดงตลกแบบฉบับของตัวเองมาใช้ได้อย่างลงตัวในบท พ่อแน่น เขาใช้จังหวะการพูดและท่าทางที่เกินจริงเพื่อสร้างความสนุก โดยเฉพาะในฉากที่ต้องปะทะกับตัวละครอื่นๆ เช่น นาวี หรือแม้แต่จูนเอง การแสดงของเขาช่วยเพิ่มรสชาติให้กับซิตคอมนี้ ทำให้ฉากครอบครัวของจูนไม่น่าเบื่อและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

“ณัฐพล” หรือ “พ่อแน่น” เป็นตัวละครที่แม้จะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ก็ขาดไม่ได้ใน “ศึกรักข้ามรั้ว” เขาเป็นพ่อที่ทั้งน่ารำคาญและน่ารักในเวลาเดียวกัน ด้วยนิสัยขี้บ่น เพี้ยนๆ และความรักครอบครัวแบบเงอะงะ คาแร็กเตอร์นี้ช่วยเติมเต็มความวุ่นวายในหมู่บ้าน “บ้านสราญแลนด์” และทำให้เรื่องราวมีมิติมากขึ้นผ่านมุมมองของผู้ใหญ่ที่ยังมีจิตใจเด็กๆ อยู่

→ ปิยะมาศ โมนยะกุล รับบท จินตนา (แม่เจี๊ยบ)

เป็นตัวละครสมทบที่สำคัญในครอบครัวของ จูน (นุ่น-วรนุช) เธอเป็นแม่ของจูนและมีบทบาทในการสร้างทั้งความวุ่นวายและความอบอุ่นให้กับเรื่องราว

แม่เจี๊ยบเป็นคนขี้บ่นและมักเข้าไปยุ่งกับชีวิตของลูกสาว (จูน) และคนรอบข้าง เธอชอบแสดงความเห็นในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในบ้านหรือเรื่องเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกับ นาวี (ป้อง-ณวัฒน์) ที่เธอมักมองว่าเป็นตัวป่วน คล้ายกับสามีของเธอ พ่อแน่น (เด๋อ ดอกสะเดา)

แม่เจี๊ยบมีส่วนสำคัญที่ทำให้ครอบครัวต้องย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะเธอก่อหนี้ก้อนโตจากการลงทุนหรือพฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัว นิสัยนี้ทำให้จูนต้องรับภาระหนัก แต่แม่เจี๊ยบก็มักทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือแก้ตัวด้วยท่าทางตลกๆ

แม้จะดูเป็นแม่ที่สร้างปัญหา แต่แม่เจี๊ยบรักจูนและหลานชายมาก เธอมักพยายามปกป้องหรือช่วยเหลือครอบครัวในแบบที่อาจจะดูงี่เง่า เช่น การไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น หรือการพูดจาโอเวอร์เพื่อให้ทุกอย่างดูดีขึ้น

คาแร็กเตอร์นี้ถูกออกแบบให้มีความเพี้ยนและมองโลกในแง่ดีแบบสุดโต่ง ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความขบขัน เธอมักพูดหรือทำอะไรที่เกินความคาดหมาย เช่น การแก้ตัวแบบหน้าตายเมื่อทำผิด หรือการพยายามเป็นคนกลางในศึกข้ามรั้วระหว่างจูนกับนาวี

แม่เจี๊ยบมักไม่ค่อยชอบนาวีในตอนแรก เพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนเก่าที่เคยทำให้จูนเสียใจ และยังเป็นเพื่อนบ้านที่ชอบก่อกวน แต่บางครั้งเธอก็มีโมเมนต์ที่ยอมรับฝีมือหรือความดีของเขาแบบเสียไม่ได้ ซึ่งเพิ่มความสนุกในฉากที่ทั้งสองต้องเจอกัน

ปิยะมาศ โมนยะกุล นำเสนอบท แม่เจี๊ยบ ออกมาได้อย่างมีสีสัน เธอใช้ประสบการณ์การแสดงที่สั่งสมมานานในการถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทั้งน่ารำคาญและน่ารัก เสียงที่เป็นเอกลักษณ์และท่าทางที่เกินจริงของเธอช่วยให้ตัวละครนี้โดดเด่นในฉากครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อต้องปะทะคารมกับ เด๋อ ดอกสะเดา (พ่อแน่น) หรือลูกสาวอย่างจูน ทำให้เกิดเคมีที่ลงตัวและตลกขบขัน

“จินตนา” หรือ “แม่เจี๊ยบ” เป็นตัวละครที่ผสมผสานความวุ่นวาย ความตลก และความอบอุ่นของแม่บ้านไทย เธอเป็นเหมือนตัวแทนของแม่ที่รักครอบครัวแต่แสดงออกในแบบที่อาจจะดูไม่เข้าท่าในสายตาคนอื่น คาแร็กเตอร์นี้ช่วยเติมเต็มความโกลาหลในครอบครัวของจูน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ “ศึกรักข้ามรั้ว” มีรสชาติของซิตคอมครอบครัวที่ครบรสทั้งฮาและซึ้ง

ภัทณชา วิภัทรเดชตระกูล รับบท เยลลี่
ฝันดี จรรยาธนากร รับบท โจ
ฝันเด่น จรรยาธนากร รับบท เจ
นัด เดอะช็อค รับบท หนูพุก
คิง ก่อนบ่ายฯ รับบท เฉียบ
ด.ช. อิสระ ไชยศิริ รับบท เกริกพล (ขุน)