ละคร บ่วงสไบ 2562 ละครแนวพีเรียดดราม่าลึกลับ เรื่องราวที่มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยอารมณ์ บอกเล่าถึงชีวิตของตัวละครที่เกี่ยวพันกันด้วยความรัก ความแค้น และกรรมที่ตามสนอง
เรื่องเริ่มต้นในเรือนคหบดีของ “คุณหลวงนฤเดช” และ “คุณเยื้อน” ซึ่งมีลูกสาวชื่อ “พุดจีบ” เกิดมาพร้อมกับความรักและการคาดหวังจากทุกคนในเรือน ในขณะเดียวกัน “แก้ว” ลูกสาวของ “อิ่ม” ทาสในเรือน เกิดจากความสัมพันธ์ที่คุณหลวงข่มขืนอิ่ม ทำให้ชีวิตของพุดจีบและแก้วแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด
พุดจีบเติบโตมาด้วยความรักและการอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี เธอผูกพันกับ “เทพ” ลูกบุญธรรมที่สูญเสียพ่อแม่ และทั้งสองพัฒนาความรักต่อกัน ในทางกลับกัน แก้วเติบโตท่ามกลางความยากลำบากและการถูกดูถูก เธอรู้ความจริงว่าคุณหลวงคือพ่อ แต่ถูกปฏิเสธและถูกขับไล่พร้อมแม่ อิ่มป่วยตายจากพิษแผล ทิ้งให้แก้วฝังใจด้วยความแค้น เธอสาบานจะทวงสิทธิ์ในเรือนคืนมา
เวลาผ่านไป 10 ปี พุดจีบกลายเป็นสาวงามที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่ยังคงเมตตาแก้ว ส่วนแก้วแฝงความริษยาและวางแผนทำลายพุดจีบ เธอได้รับการสนับสนุนจาก “กำไล” เมียรองของคุณหลวง และ “มิ่ง” ทาสที่รักแก้ว ความรักของเทพที่มีต่อพุดจีบยิ่งทำให้แก้วเจ็บช้ำ เธอพยายามแย่งชิงเทพ แต่ไม่สำเร็จ
เหตุการณ์พลิกผันเมื่อแก้วผลักพุดจีบตกน้ำจนตาย แต่พุดจีบฟื้นคืนชีพด้วยบุญบารมีที่สั่งสมมา เธอให้อภัยแก้ว แต่ความแค้นของแก้วไม่จบสิ้น ต่อมา คุณหลวงและคุณเยื้อนตายอย่างมีเงื่อนงำ แก้วร่วมมือกับมิ่งฆ่าคุณเยื้อน และพยายามครอบครองเรือน เธอหลอกให้เทพแต่งงานด้วยการใส่ร้าย แต่เทพยังรักพุดจีบไม่เปลี่ยนแปลง
สุดท้าย แก้วและมิ่งวางแผนฆ่าพุดจีบอีกครั้ง โดยรัดคอเธอด้วยสไบสีดอกตะแบก พุดจีบกลายเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้น กลับมาทวงคืนความยุติธรรม เธอเกือบฆ่าแก้ว แต่เทพและ มะลิ ลูกสาวของแก้วกับมิ่ง ขอร้องให้หยุด พุดจีบยอมละวางความแค้นเพื่อไม่ให้สร้างบ่วงกรรมเพิ่ม เธอจากไปสู่ภพภูมิด้วยบุญที่เทพและคนในเรือนทำอุทิศให้
แก้วพยายามหนีกรรม แต่ถูกวิญญาณของคนที่เธอทำร้ายตามหลอกหลอน เธอฆ่าตัวตายในหลุมศพข้างแม่อิ่ม เทพเลี้ยงดูมะลิ และประกาศปลดปล่อยทาสในเรือนตามนโยบายเลิกทาสของรัชกาลที่ 5 เขาสอนให้ทุกคนยึดมั่นในความดี เพื่อหยุดวงจรแห่งกรรมชั่ว
ละคร บ่วงสไบ 2562 เรื่องนี้สะท้อนถึงผลของกรรม การให้อภัย และการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชนชั้นและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในครอบครัว ความดีและความรักในที่สุดก็เป็นทางออกจากวงจรแห่งความทุกข์และความแค้น ต่อไปนี้คือสรุปเนื้อเรื่องโดยย่อ
“ความตายที่ไม่ปรารถนา”
เรื่องราวเริ่มต้นในเรือนคหบดีของ คุณหลวงนฤเดช และ คุณเยื้อน ท่ามกลางเสียงฝนและการสวดมนต์ของ ป้าเจิม บ่าวผู้ซื่อสัตย์ เพื่อขอพรให้คุณเยื้อนคลอดลูกอย่างปลอดภัย ทารกน้อย พุดจีบ ถือกำเนิดพร้อมรอยยิ้มที่สร้างความประทับใจให้บ่าวไพร่ ต่างเชื่อว่าเธอมีบุญมาเกิด ในขณะเดียวกัน แก้ว ลูกสาวของ อิ่ม ทาสในเรือน เกิดจากความสัมพันธ์ที่คุณหลวงข่มขืนอิ่ม เธอจึงเติบโตในความขมขื่นและการถูกดูหมิ่น ชะตากรรมของพุดจีบและแก้วแตกต่างกันราวสวรรค์และนรก
วัยเด็กและจุดเริ่มต้นของความแค้น
คุณหลวงให้โหรผูกดวงพุดจีบ ทำนายว่าเธอจะโตมาเป็นคนเสื่อมเสีย คบชู้ทำลายวงศ์ตระกูล คุณหลวงไม่เชื่อ แต่คุณเยื้อนหวาดหวั่น สั่งให้ป้าเจิมและ เรียม อบรมพุดจีบให้เป็นคนดี พุดจีบเติบโตอย่างงดงามและมีเมตตา เธอช่วยเหลือแก้วที่ถูกรังแก แต่ ป้าเมี้ยน หัวหน้าแม่ครัว เกลียดชังแก้วและไล่ตะเพิดเธอออกจากเรือน แก้วสู้กลับจนเกิดความโกลาหล ทาสบางคนอย่าง นังบวบ และ นังดี เอาใจช่วยแก้ว เพราะเกลียดป้าเมี้ยนที่กดขี่
ในช่วงนั้น โจรบุกฆ่า คุณย้อย และ คุณอัฐ พี่สาวและพี่เขยของคุณเยื้อน คุณเยื้อนรับ เทพ ลูกบุญธรรมของทั้งคู่มาเลี้ยง เทพที่โศกเศร้าจากการสูญเสียได้รับการปลอบโยนจากพุดจีบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มก่อตัวเป็นความรัก ขณะที่แก้วเริ่มสงสัยในชาติกำเนิด อิ่มยืนยันว่าเธอเป็นลูกทาส ไม่ใช่ลูกคุณหลวง แต่แก้วไม่เชื่อ วันหนึ่งพุดจีบตกน้ำ แก้วช่วยไว้ แต่ป้าเมี้ยนใส่ร้ายว่าแก้วผลัก คุณหลวงโกรธจัดโบยตีแก้ว แก้วประชดเรียกคุณหลวงว่า “พ่อ” ทำให้คุณหลวงชะงัก อิ่มถูกโบยตีและเนรเทศออกจากเรือนพร้อมแก้ว อิ่มป่วยตายจากพิษแผล แก้วสาบานจะทวงสิทธิ์ในเรือนคืน
10 ปีต่อมา ความรักและการทรยศ
พุดจีบโตเป็นสาวงามและยังคงเมตตาแก้วที่กลับมาเป็นทาสในเรือน แก้วแฝงความริษยาไว้ในใจ เธอได้รับการสนับสนุนจาก กำไล เมียรองของคุณหลวง และ มิ่ง ทาสที่รักแก้ว เทพกลับจากเรียนที่ปีนังและรับราชการ เขารักพุดจีบอย่างลึกซึ้ง แก้วหลงรักเทพเช่นกัน แต่เทพมองเธอเป็นเพียงน้องสาว แก้วถูกยุจากกำไลและ อบ (น้องสาวของอิ่ม) ให้แย่งเทพมาเพื่อยกระดับตัวเอง
แก้วผลักพุดจีบตกน้ำจนตาย แต่พุดจีบฟื้นคืนชีพด้วยบุญบารมี เธอให้อภัยแก้ว แต่แก้วยังคงแค้น เธอร่วมมือกับมิ่งฆ่าคุณเยื้อนโดยฝังทั้งเป็นในป่าช้า และใส่ร้ายว่าโจรเป็นคนทำ คุณหลวงยิงตัวตายจากความเสียใจ แก้วใช้เล่ห์กลหลอกให้เทพต้องรับเธอเป็นเมีย โดยวางยาให้เทพหมดสติและแสร้งว่าถูกข่มขืน เทพยอมรับผิดเพื่อปกป้องเกียรติคุณหลวงและคุณเยื้อน แต่ยังรักพุดจีบไม่เปลี่ยนแปลง
จุดจบของพุดจีบและการแก้แค้นของวิญญาณ
แก้วและมิ่งวางแผนฆ่าพุดจีบอีกครั้ง โดยใช้สไบสีดอกตะแบกรัดคอเธอใต้ต้นจำปา พุดจีบตายกลายเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความแค้น เธอกลับมาหลอกหลอนแก้วและมิ่ง สัปเหร่อพยายามสะกดวิญญาณด้วยการฝังสไบไว้ใต้ต้นจำปา แต่แก้วยังคงร้ายกาจ เธอฆ่ามิ่งด้วยงูพิษและใช้ยาเสน่ห์ควบคุมเทพ
10 ปีต่อมา การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย
เทพมีลูกสาวชื่อ มะลิ กับแก้ว ซึ่งแท้จริงเป็นลูกของมิ่ง มะลิบังเอิญขุดเจอหีบสไบ ปลดปล่อยวิญญาณพุดจีบออกมา พุดจีบพยายามฆ่าแก้วด้วยสไบ แต่เทพและมะลิขอร้องให้หยุด พุดจีบละวางความแค้นเพื่อไม่ให้สร้างกรรมเพิ่ม เธอกลับไปสู่ภพภูมิด้วยบุญที่เทพทำอุทิศให้ แก้วหนีการลงโทษ แต่ถูกวิญญาณของคนที่เธอฆ่าตามหลอกหลอน เธอฆ่าตัวตายในหลุมศพข้างอิ่ม
บทสรุป
เทพเลี้ยงมะลิและประกาศปลดปล่อยทาสในเรือนตามนโยบายรัชกาลที่ 5 เขาสอนให้ทุกคนยึดมั่นในความดีเพื่อหยุดวงจรแห่งกรรม เรื่องราวจบลงด้วยข้อคิดว่าความดีและการให้อภัยเป็นหนทางสู่ความสงบสุข แม้ความตายและความแค้นจะพยายามครอบงำก็ตาม
จุดเด่นของละคร บ่วงสไบ 2562
ตัวละครที่มีมิติ
พุดจีบ เป็นตัวแทนของความเมตตาและความดีงาม เธอเติบโตในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและได้รับการอบรมให้ยึดมั่นในศีลธรรม แม้จะเผชิญคำทำนายที่เลวร้ายและการทรยศจากคนรอบข้าง เธอก็ยังคงพยายามให้อภัยและรักษาคุณธรรมไว้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตและวิญญาณ
แก้ว เป็นตัวละครที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากชาติกำเนิดและการถูกปฏิเสธ เธอเริ่มต้นด้วยความบริสุทธิ์และความหวัง แต่เมื่อถูกกดขี่และสูญเสียแม่ ความแค้นกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอกลายเป็นคนโหดร้ายและหลงในอำนาจ
เทพ เป็นตัวละครที่สมดุลระหว่างความรักและเหตุผล เขาคือผู้ยึดมั่นในความดีและพยายามนำพาทุกคนให้พ้นจากวงจรแห่งกรรม
บรรยากาศและการเล่าเรื่อง
เรื่องนี้ใช้ฉากเรือนคหบดีและป่าช้าอย่างมีนัยสำคัญ สร้างบรรยากาศที่ทั้งงดงามและน่าสะพรึงกลัว เสียงฝน เสียงหมาหอน และการปรากฏตัวของวิญญาณช่วยขับเน้นอารมณ์ของเรื่องได้ดี การเล่าเรื่องแบบวนไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน รวมถึงการสลับมุมมองของตัวละคร ทำให้ผู้อ่านต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์
ประเด็นเชิงปรัชญา
เรื่องเน้นหนักไปที่แนวคิด “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง” ผ่านการกระทำของตัวละครอย่างคุณหลวง แก้ว และมิ่ง ที่สุดท้ายต้องเผชิญผลจากบาปของตน การให้อภัยและการละวางความแค้นถูกนำเสนอผ่านพุดจีบและเทพ ซึ่งเป็นจุดไคลแม็กซ์ที่สะท้อนถึงคุณค่าของความดีงามเหนือการแก้แค้น
คะแนน 8/10 (จาก sence9.com)
เป็นละครที่เข้มข้นและน่าติดตามสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องราวดราม่าเข้มข้นผสมผสานความเชื่อเหนือธรรมชาติ มีจุดเด่นที่ตัวละครและประเด็นกรรม แต่ควรปรับปรุงในส่วนของการกระชับเนื้อหาและการพัฒนาตัวละครรองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มความสมดุลของเรื่องราว
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของการกระทำที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น กรรมที่คุณหลวงก่อไว้กับอิ่มกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมด การสิ้นสุดด้วยการปลดปล่อยทาสและคำสอนให้ยึดมั่นในความดีของเทพ เป็นการปิดท้ายที่ให้แง่คิดถึงการหลุดพ้นจากวงจรแห่งความทุกข์ด้วยคุณธรรม
ละครผสมผสานความเข้มข้นของดราม่า ความเชื่อเรื่องวิญญาณ และปรัชญาพุทธศาสนาเกี่ยวกับกรรมและการให้อภัย เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในยุคสมัยที่มีระบบทาส ตัวละครหลักอย่าง พุดจีบ และ แก้ว ถือเป็นสองขั้วที่สะท้อนความแตกต่างระหว่างความดีงามและความแค้นที่ฝังลึก เรื่องราวดำเนินไปด้วยความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในครอบครัว ความขัดแย้งทางชนชั้น และการต่อสู้เพื่ออำนาจและความรัก
ละครบ่วงสไบ 2562 เรื่องนี้เปรียบเสมือนการเดินทางผ่านวงจรแห่งความทุกข์ ความแค้น และการไถ่บาปที่ทับซ้อนกันอย่างเข้มข้น เรื่องราวเริ่มต้นด้วยภาพที่งดงามและเต็มไปด้วยความหวัง อย่างการกำเนิดของ พุดจีบ ที่มาพร้อมรอยยิ้มและความเชื่อในบุญบารมี แต่ในขณะเดียวกันก็ตัดสลับไปยังความโหดร้ายและความอยุติธรรมที่ แก้ว ต้องเผชิญตั้งแต่เกิด ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือความสะเทือนใจต่อชะตากรรมของทั้งสองคนที่ถูกกำหนดด้วยบาปของคนรุ่นก่อน โดยเฉพาะ คุณหลวง และ คุณเยื้อน ซึ่งเป็นต้นตอของความขัดแย้งทั้งหมด
ความประทับใจและความหนักหน่วง ตัวละครแต่ละตัวมีมิติที่ลึกซึ้ง พุดจีบ ทำให้รู้สึกชื่นชมในความเมตตาและความอดทนของเธอ แม้จะถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอยังพยายามยึดมั่นในความดีและให้อภัย ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาพุทธที่ว่า “การให้อภัยคือหนทางสู่ความสงบ” ในทางกลับกัน แก้ว ทำให้รู้สึกทั้งสงสารและโกรธ เธอเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมตั้งแต่เกิด แต่เมื่อความแค้นครอบงำ เธอกลับกลายเป็นผู้สร้างบาปที่โหดร้ายยิ่งกว่า ความรู้สึกขัดแย้งในใจเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะเข้าใจที่มาของความเจ็บปวดของเธอ แต่ก็ไม่อาจยอมรับการกระทำที่ชั่วร้ายได้
ความหนักอึ้งของโศกนาฏกรรม เรื่องนี้เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมที่ต่อเนื่อง บรรยากาศที่เต็มไปด้วยฝน หมาหอน และป่าช้า ช่วยขยายความรู้สึกหดหู่และตึงเครียด การตายของ อิ่ม เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้สึกถึงความโหดร้ายของระบบทาสและการกดขี่ ส่วนการตายของพุดจีบครั้งแรกและการฟื้นคืนชีพด้วยบุญบารมีนั้นให้ความรู้สึกทั้งอัศจรรย์และเศร้าสร้อย เพราะถึงแม้เธอจะกลับมาได้ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความตายที่โหดร้ายยิ่งกว่า การที่ เทพ ต้องเผชิญกับความสูญเสียซ้ำๆ และยังคงยึดมั่นในความดีนั้นทำให้รู้สึกทั้งนับถือและเวทนา เขาคือแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของเรื่อง แต่ก็ต้องแบกรับความเจ็บปวดที่หนักหนาเกินไป
เมื่อวิญญาณของพุดจีบกลับมาล้างแค้น ความรู้สึกตื่นเต้นและสะใจเกิดขึ้นในตอนแรก เพราะเห็นว่าแก้วและมิ่งสมควรได้รับผลกรรม แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป ความรู้สึกนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความหนักใจและสงสาร เพราะการแก้แค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสงบ มันกลับยิ่งผูกทุกคนไว้ในวงจรแห่งบาป โดยเฉพาะฉากที่ มะลิ ขอร้องให้พุดจีบหยุดทำร้ายแม่ เป็นจุดที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจมากที่สุด มันแสดงให้เห็นว่าความแค้นไม่เคยจบสิ้น มันส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เหมือนที่คุณหลวงเคยทำกับอิ่ม และส่งผลมาถึงพุดจีบและแก้ว
ข้อคิดและความหวัง ตอนจบที่เทพปลดปล่อยทาสและยึดมั่นในความดีให้ความรู้สึกโล่งใจและมีความหวัง แม้จะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียมากมาย การที่พุดจีบยอมละวางความแค้นและจากไปอย่างสงบ รวมถึงการที่แก้วเลือกจบชีวิตตัวเองในหลุมศพข้างอิ่ม ทำให้รู้สึกถึงการปิดวงจรแห่งความทุกข์ได้อย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้สอนว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง” แต่การยึดมั่นในความดีและการให้อภัยสามารถหยุดวงจรนั้นได้ ความรู้สึกสุดท้ายคือความสงบปนเศร้า ที่ได้เห็นตัวละครบางคนหลุดพ้นจากความทุกข์ แม้จะต้องผ่านความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืม
โดยรวมแล้ว ละครบ่วงสไบ 2562 เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกหลากหลายอารมณ์ ตั้งแต่ความสงสาร ความโกรธ ความตื่นเต้น ไปจนถึงความสงบ เป็นการเล่าเรื่องที่หนักหน่วงแต่ทรงพลัง สะท้อนถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่ถูกครอบงำด้วยความแค้นและความรัก และสุดท้ายคือการค้นพบหนทางสู่การปลดปล่อยผ่านความดีงาม แม้จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม แต่ก็ทิ้งข้อคิดที่ลึกซึ้งและความรู้สึกที่ยากจะลืมเลือน
ละคร บ่วงสไบ 2562
ละคร บ่วงสไบ 2562 EP.1-6CH7+
บ่วงสไบ Ost.บ่วงสไบ | ศฤนห์ บุญช่วย [Official MV]
ละคร บ่วงสไบ 2562
ความตายที่ไม่ปรารถนา ความผิดบาปที่ถูกนำมายัดเยียดให้ ความแค้นที่ฝังแน่นในใจ แม้ชีวิตมรณาไป ยังคงต้องการให้มันตายชดใช้กรรม
เสียงสวดมนต์จากห้องพระเรือนคหบดี ดังผสานเสียงฝนที่โปรยปรายไม่ขาดสา ป้าเจิม บ่าวรับใช้ประจำเรือน ยังคงสวดมนต์ภาวนาให้คุณเยื้อนคลอดลูกอย่างปลอดภัย ไม่นานนัก เสียงเด็กน้อยก็ร้องขึ้น บ่งชี้ว่าทายาทของคุณหลวงนฤเดชได้ถือกำเนิดแล้ว แต่เพียงชั่วเดียวเสียงร้องก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าเด็กน้อย สร้างความอัศจรรย์และปลื้มปิติให้กับบ่าวไพร่ในเรือน ต่างพูดเป็นเสียงเดียว คุณหนูพุดจีบ มีบุญมาเกิด
ในขณะเดียวกันสัปเหร่อเหม ใช้มีดอาคมสะกดวิญญาณผี เสียงร้องของผีตายโหงดังลั่นคุ้งน้ำ ผสานกับเสียงร้องของ แก้ว ซึ่งคลอดจากทาสอิ่ม มีเลือดเนื้อเชื้อไข คุณหลวง เพียงแต่มิได้เกิดจากความรัก หากเป็นแรงใคร่ในยามที่คุณหลวง กำหนัด ขืนใจอิ่ม วาสนาของ พุดจีบ และ แก้ว จึงต่างกันราวสวรรค์กับขุมนรก
คุณหลวงให้โหรมาผูกดวงพุดจีบ โหรทำนายว่าพุดจีบโตขึ้นจะสร้างความเสื่อมเสีย คบชู้ สู่ชาย ทำลายวงศ์ตระกูล คุณหลวงไม่พอใจและไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นอย่างนั้น ต่างจากคุณเยื้อนที่กังวลใจ หรือนี่จะเป็นเพราะกรรมที่คุณหลวงเคยสร้างไว้กับทาสในเรือนและอิ่ม จึงมาตกที่ลูกสาว คุณเยื้อนกำชับ ป้าเจิมและเรียม ให้อบรมสั่งสอนพุดจีบในทางที่ควร ป้าเจิมจึงพาพุดจีบไปวัด สวดมนต์ฟังธรรมและสอนสั่งในเรื่องดีงาม
หนูน้อยพุดจีบพบแก้วถูกรังแก จึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปกินขนมที่โรงครัว ป้าเมี้ยน หัวหน้าแม่ครัวใหญ่ในเรือน จัดขนมให้แก้วด้วยความเอ็นดูและชื่นชอบความฉอเลาะ แต่พอรู้ว่าแก้วเป็นลูกของอิ่ม ป้าเมี้ยนออกปากไล่ตะเพิด สั่งเรียมพาพุดจีบขึ้นเรือน ป้าเมี้ยนด่าแก้วว่าเป็นลูกที่เกิดจากความมักใหญ่ใฝ่สูง แม่ของแก้วทอดกายให้คุณหลวง หวังจะเปลี่ยนฐานะจากทาสไปชูคอบนเรือน ป้าเมี้ยนสั่งให้ ชด ลูกสาววัยไล่เลี่ยกับแก้ว อีเอี้ยง อีเม้ย ลากแก้วไปจากเรือน แก้วออกฤทธิ์สู้ไม่ยอมถอยตบตีอลหม่านครัว นังบวบ นังดี และพวกทาสส่งเสียงเอาใจช่วยแก้วอย่างมันปาก เพราะถูกป้าเมี้ยนกดขี่ข่มเหงมานาน คุณเยื้อนเข้ามาปรามสงบศึก แต่เมื่อรู้ว่าแก้วเป็นลูกอิ่ม สีหน้าถอดสีจะเร่งไปหาอิ่ม ไอ้อยู่ ไอ้ฉ่ำ มาแจ้งว่าโจรบุกเรือนฆ่า คุณย้อย และคุณอัฐ พี่สาวและพี่เขยของคุณเยื้อนตาย คุณเยื้อนจึงเร่งไปสวดศพที่อยุธยา แล้วรับลูกบุญธรรมคุณย้อย มาอาศัยที่เรือน
เทพ (จอมเทพ) วัย 15 ปี ยังซึมเศร้าจากความสูญเสีย พุดจีบคอยร้อยมาลัย พาเทพไปทำบุญไหว้พระและนำคำสอนพุทธศาสนามาปลอบประโลมให้คลายโศก เทพรู้สึกดีขึ้นและประทับใจในน้ำใจของน้องสาวต่างสายเลือด เทพจึงมีพุดจีบเป็นแรงใจให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
แก้วยังคาใจเรื่องที่เธอเป็นลูกคุณหลวง เข้าไปซักถามแม่ อิ่ม ยืนยันว่าแก้วเป็นลูกของทาส พ่อแก้วเป็นไข้ป่าตายไปนานแล้ว พร้อมกำชับให้อยู่ที่ท้ายป่าช้า มิให้ไปยุ่มย่ามเขตเรือนอีก แก้วออกไปว่ายน้ำเล่น พบเจอเทพรู้ว่าแก้วเป็นเพื่อนเล่นกับพุดจีบจึงพามาหาแก้ว แก้วชวนพุดจีบลงเล่นน้ำ แต่พุดจีบว่ายน้ำไม่เป็น เทพจึงอาสาไปขอคุณเยื้อน ระหว่างนั้นพุดจีบเข้ามาคุยกับแก้วแล้วพลัดตกน้ำ แก้วรีบว่ายน้ำไปช่วยพุดจีบ เทพอุ้มพุดจีบขึ้นเรือน ป้าเมี้ยนเกลียดแก้ว ร้องโพนทะนาว่าแก้วผลักพุดจีบตกน้ำ นังบวบนังดีบอกว่าเห็นแก้วช่วยพุดจีบ ป้าเมี้ยนขู่จะตบแล้วฟ้องว่าทาสทั้งสองเคยขโมยของ นังบวบกับนังดีต้องหุบปาก ให้ป้าเมี้ยนฟ้องคุณหลวงเอาเรื่องแก้ว คุณหลวงโกรธมากคว้าหวายโบยตีแก้ว แก้วเจอคุณหลวงครั้งแรกแสร้งพูดประชดว่า “คุณหลวงฆ่าลูกให้ตายคามือ” คุณหลวงตกใจมือไม้สั่น แก้วมั่นใจว่าคุณหลวงเป็นพ่อรีบเข้าไปกราบเท้า โอบกอด เรียกพ่อจ๋า พ่อจ๋า. อิ่มรีบมาดึงแก้วออกไป คุณเยื้อนต่อว่าอิ่มที่ผิดคำสัญญา ไม่เอาเด็กออกตั้งแต่คุณเยื้อนไล่ออกไปจากเรือน คุณหลวงสั่งไอ้ฉ่ำโบยตีอิ่มอย่างหนักแล้วสั่งให้หอบลูกไปอยู่ที่อื่น อิ่มรับคำไม่อยากสร้างปัญหาให้กับคุณหลวงคุณเยื้อน แต่เป็นไข้ด้วยพิษแผล แก้ววิ่งไปร้องขอยาจากคุณหลวง คุณหลวงมีสำนึกผิดบาปที่ก่อ จะเอายาไปให้ แต่คุณเยื้อนไม่ยอม เร่งให้แก้วพาแม่ไปตายนอกเขตเรือน แก้วเสียใจหนักประคองร่างอิ่มจะพาไปให้ไกลคนใจร้าย อิ่มสั่งเสียให้แก้วเลิกอาฆาตแค้น อย่าคิดสร้างเวรกรรม แล้วอิ่มก็ตายในอ้อมกอดของแก้ว แก้วเดินตรงไปยังเรือนใหญ่ สาบานจะทวงสิทธิ์ไปเป็นเจ้าเรือน
เวลาผ่านไป 10 ปี พุดจีบโตเป็นสาวสะพรั่งและงดงามราวกับผ้าที่พุดจีบถักทอ แม้พุดจีบจะมีชีวิตเพียบพร้อม แต่พุดจีบมิเคยทิ้งแก้ว พุดจีบรู้ว่าแก้วคือพี่สาวร่วมสายเลือด พุดจีบจึงปรนนิบัติและดูแลแก้วเป็นอย่างดี แก้วก็วางตัวเป็นทาสคอยรับใช้พุดจีบ อ้างว่าวาสนาไม่เทียมกัน ขออยู่อย่างทาสผู้จงรักภักดี แต่ภายในใจกลับริษยา อาฆาตแค้น
กำไล เมียรองของคุณหลวงตั้งท้องไม่ได้ จึงแสดงความรักความเมตตาแก้ว จะช่วยให้แก้วได้รับสิทธิ์อันคู่ควรที่จะขึ้นมาอยู่บนเรือน แก้วจึงรักและให้ความเคารพกำไล ไม่รู้เลยว่ากำไลใช้แก้วเป็นเครื่องมือคานอำนาจคุณเยื้อน โดยมี แฟง สาวใช้จอมสาระแน คอยช่วยเหลือกำไล
เทพ หนุ่มหล่อกลับจากร่ำเรียนที่ปีนัง รับราชการที่มณฆลนครสวรรค์ เป็นที่หมายปองของสาว ๆ แต่เทพไม่เคยเหลียวมองสาวใด ใจของเขามีเพียงพุดจีบเท่านั้น เทพคอยช่วยพุดจีบเก็บฝ้าย ย้อมสีผ้าและช่วยเหลืองานพุดจีบ ความรักความผูกพันของทั้งสองถักทอประสานเป็นเนื้อเดียวเฉกเช่นผ้าที่โรงทอ ยิ่งทำให้แก้วชิงชังพุดจีบมากขึ้น เพราะแก้วหลงรักเทพ
ป้าเมี้ยน ชด อีเอี้ยง อีเม้ย หยันว่าแก้วไม่เจียมกะลาหัว เป็นได้แค่ลูกทาสอย่าเผยอชูคอเป็นคางคก แก้วจึงเข้าไปยั่วยวน ไอ้ทับ ไอ้ยอด หนุ่มทาสกำยำที่พวกชดหมายปอง ชดหึงไอ้ทับเลือดขึ้นหน้าพุ่งเข้าตบตีแก้ว แก้วใช้ไหวพริบเล่นงานชดจนอ่วม ชดร้องเรียกให้อีเอี้ยง อีเม้ยช่วย อีเอี้ยง อีเม้ยเห็นท่าไม่ดี แล่นหนีเอาตัวรอดตามประสาจิ้งจกสองสี ป้าเมี้ยนเจ็บใจที่ลูกสาวเสียเชิง สั่งให้ทาสในครัวจับแก้วมัดเสา ตบตีถ่มน้ำลายดูถูกถึงแม่ของแก้ว แก้วโกรธและเสียใจไปนั่งร้องไห้หน้าหลุมศพแม่ น้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่มีใครรัก ร้องขอให้วิญญาณแม่ปกป้อง ช่วยแก้วด้วย
คืนนั้น เสียงหมาหอนดังระงม ป้าเมี้ยนและชดขนหัวลุกชัน เพราะผีอิ่มปรากฏกายที่โรงครัว ผีอิ่มเล่นงานพวกป้าเมี้ยนและทาสในครัวจนไข้ขึ้น ป้าเมี้ยนและชดกราบขอให้คุณหลวง คุณเยื้อนหาหมอผีมาปราบ เทพไม่เชื่อเรื่องเหลวไหล สั่งให้ไอ้บุญทาสรับใช้เฝ้าตรวจยาม ทาสทั้งสองกลัวผีแต่ก็จำต้องทำตามคำสั่ง คืนถัดมา เทพพบผีอิ่มหลอกหลอนคุณเยื้อนและคุณหลวง เทพใจแข็งไล่ตามจนจับได้ว่าผีตนนั้นคือแก้ว เทพต่อว่าต่อขานที่แก้วสร้างเรื่องหลอกลวง แก้วระบายความในใจว่าถูกคุณหลวงคุณเยื้อนและป้าเมี้ยนทำร้ายร่างกายและจิตใจแก้วไม่อยากมีชีวิตจะขอตายตามแม่ เทพยื้อชีวิตโอบกอดปลอบประโลม เทพยืนยันจะอยู่ข้างแก้ว แม้เขาเรียนสูงทำงานมีหน้าที่ใหญ่โตแต่หัวใจเขาก็เป็นทาส คุณย้อยอุปถัมภ์เขาเพราะในอดีต พ่อแม่ช่วยชีวิตคุณย้อยจนพ่อแม่ถูกโจรฆ่าตาย เขาเป็นเพียงลูกทาสไม่ต่างจากแก้ว เขาเข้าใจความรู้สึกของแก้ว เทพสอนให้แก้วรู้ว่า แม้เกิดเป็นทาสก็มีชีวิตที่ดีได้ การทำดีสร้างกรรมดีคือเกราะแก้วคุ้มครองเรา แก้วซาบซึ้งและหลงรักเทพหมดใจ
พุดจีบเห็นเทพแวะเวียนดูแลเอาใจใส่แก้ว ก็พาลคิดว่าเทพมีใจให้แก้ว พุดจีบมิให้แก้วเสียใจจึงพยายามตีตัวออกห่าง เทพจึงสารภาพว่าเป็นความรักเฉกน้องสาว มิใช่หญิงคนรัก เพราะเขามีใจให้หญิงนางหนึ่งแล้ว พุดจีบไม่กล้าซักถามเพราะสายตาของเทพสื่อให้รู้ว่า หญิงที่เทพกล่าวถึงคือเธอ
แก้วเสียใจที่เทพรักพุดจีบ น้อยใจในชะตาอาภัพ จะถอนใจจากเทพ อบ น้องสาวของอิ่ม ยังอาฆาตแค้นคุณหลวงและคุณเยื้อนที่ทำให้อิ่มตาย ยุยงให้แก้วสานชิงหัวใจเทพ แก้วจะได้ขึ้นไปอยู่บนเรือนอย่างสมเกียรติ มิต้องตกเป็นเบี้ยล่างพุดจีบอย่างทุกวันนี้ กำไลและแฟงก็ยุยงเสริมส่ง นำความว่าเทพรักแก้ว แต่ต้องยอมใจพุดจีบ เพราะเห็นแก่บุญคุณของคุณหลวง แก้วคล้อยตามแรงยุ ไปฟ้องคุณหลวงว่าเทพรักพุดจีบแล้วหยันว่าคุณหลวงกำลังจะได้เขยทาส คุณหลวงมิอาจทำใจยอมรับ สั่งห้ามเทพเข้าใกล้พุดจีบ เทพรับคำและยอมปฏิบัติตามสั่ง เขารักพุดจีบก็ต้องทนุถนอมมิให้พุดจีบมัวหมอง
พุดจีบแปลกใจและเสียใจที่เทพตีตัวออกห่าง จึงขลุกอยู่ในโรงทอผ้าและไปเก็บฝ้ายเพียงลำพัง เกือบถูกงูเห่ากัด มิ่งช่วยพาพุดจีบกลับเรือนอย่างปลอดภัย คุณเยื้อนสมนาคุณเงินทอง มิ่งไม่รับแต่ขอทำงานรับใช้ เพราะอดีตเคยเป็นเพื่อนกับทาสในเรือนคุณย้อย คุณหลวงจึงรับมิ่งมาเป็นทาสในเรือน เพื่อตอบแทนบุญคุณมิ่ง
ไอ้ทับไม่พอใจที่เทพได้มิ่งเป็นพวก และที่สำคัญมันเคืองที่แก้วมีใจให้เทพ มันอยากเอาแก้วทำเมีย ไอ้ทับจึงหยันว่าเทพเป็นลูกทาสไม่เคยให้เกียรติเทพ มิ่งทนไม่ไหวออกโรงปกป้องเพื่อนรัก ท้าต่อยมวยเล่นงานไอ้ทับสะบักสะบอม ไอ้ทับผูกใจเจ็บรอวันเล่นงานมิ่งและเทพ ไอ้ทับกลับไปหาชด แต่ชดไม่ยอมเล่นด้วย ชดหลงใหลในความหล่อและเก่งกาจของมิ่ง คอยจัดหาข้าวปลาอาหารประเคนมิ่งไม่ขาดปาก อีเอี้ยงกับอีเม้ยได้แต่นั่งปาดน้ำลาย อยากกินมิ่ง แก้วอยากหักหน้าชด เข้าไปออดอ้อนยั่วยวนแย่งชิงมิ่งจากชด แต่พอลับหลังก็ผลักไสไล่ส่งมิ่ง มิ่งถูกใจในจริตและฤทธิ์เดชแก้ว จึงคอยช่วยเหลืองานทุกอย่าง แก้วหลอกใช้งานสารพัด มิ่งไม่เคยปริปากบ่น จนเรียมออกปากให้แก้วผูกข้อไม้ข้อมือกับมิ่งเพราะเป็นทาสชนชั้นเดียวกัน อบเถียงกับเรียมคอเป็นเอ็น อบยุให้แก้วพิชิตใจเทพ ขึ้นเป็นใหญ่บนเรือน แต่แก้วรู้ดีว่าเทพไม่เคยมีใจให้เธอ แก้วถอดใจจากเทพจะฝากชีวิตไว้กับมิ่ง
พุดจีบรู้ว่าเทพไม่ยอมสู้หน้าตน ก็ต้องเรียกมิ่งมาช่วยงานย้อมสี ตากผ้าทอ ต้องอยู่รับใช้พุดจีบใกล้ชิด แก้วไม่พอใจ กำไลและแฟงก็คอยยุว่าพุดจีบตั้งใจแย่งชิงคนรัก ให้แก้วหาทางกำจัดศัตรูหัวใจ แก้วเห็นพุดจีบพายเรือสั่งให้มิ่งว่ายน้ำเก็บบัว แก้วเดือดดาลขอให้อบและแฟงหลอกล่อมิ่งไปที่อื่น พุดจีบแปลกใจที่มิ่งหายไป พุดจีบจึงต้องพายเรือกลับ ไม่ทันก้าวจะเหยียบท่าน้ำ แก้วผลักพุดจีบตกน้ำ แล้วกระโดดตามพุดจีบไป พุดจีบพยายามดิ้นให้แก้วช่วย แต่แก้วกลับจ้องมองพุดจีบด้วยความแค้น เมื่อเห็นพุดจีบนิ่งสงบใต้น้ำก็ว่ายน้ำหนี เทพกลับมาถึงเรือนเห็นร่องรอยที่ท่าน้ำก็เอะใจ กระโดดน้ำพาร่างพุดจีบขึ้นมา แต่พุดจีบสิ้นลมแล้ว เสียงร้องไห้ดังระงมทั่วเรือน คุณหลวงและคุณเยื้อนกอดศพเสียใจที่ลูกสาวลาโลก เทพตั้งสติได้ไปนั่งสวดมนต์ภาวนา ขอบุญบารมีที่เขาสั่งสมมา ขอเทพเทวดาช่วยดลให้พุดจีบฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
วิญญาณของพุดจีบเดินขึ้นเรือน มองเห็นร่างตัวเองก็ตกใจเมื่อรู้ว่าเธอสิ้นใจ วิญญาณพุดจีบพยายามเข้าไปสื่อสารกับคุณหลวงคุณเยื้อนแต่ไม่เป็นผล วิญญาณมาปรากฏที่หน้าโบสถ์ หลวงปู่รับรู้ว่าชะตาพุดจีบยังไม่ถึงฆาต บุญบารมีและกรรมดีที่สั่งสมหนุนนำให้พุดจีบกลับคืนสู่ร่าง หลวงพ่อแผ่บุญอุทิศให้วิญญาณพุดจีบมีกำลังมากขึ้น เทพกอดร่างพุดจีบไว้ในอ้อมกอด สารภาพรักหมดใจ ชาตินี้ก็ไม่ขอรักใครอีก น้ำตาแห่งความเสียใจหยดลงบนแก้มพุดจีบ พุดจีบลืมตามีชีวิตอีกครั้ง เทพดีใจเหมือนเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เล่าขานกันว่าศพบางรายฟื้นคืนชีพ ต่างจากแก้วที่โกรธเกลียด วิญญาณผีห่าตนใดกลับมาสิงร่างทำร้ายหัวใจแก้ว แก้วภาวนาให้พุดจีบมิอาจจดจำเหตุการณ์ที่แก้วทำร้ายพุดจีบ
เช้าวันใหม่ พุดจีบตรงมาตบตีแก้ว ต่อว่าที่แก้วคิดฆ่าเธอ แก้วกราบตีนขอโทษว่าทำไปเพราะรักมิ่งจนขาดสติ สาบานจะขอเป็นทาสรับใช้พุดจีบจนวันตาย พุดจีบเกือบจะฆ่าแก้วด้วยความโกรธแต่ก็ยั้งสติเพราะนึกถึงเวรกรรม พุดจีบให้อภัย ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่คุณหลวงเคยทำร้ายชะตากรรมอิ่มและแก้ว พุดจีบขอให้แก้วอโหสิกรรมให้ต่อกัน แก้วรับคำแล้วสาบานจะละความอาฆาตแค้นทั้งปวง หากผิดคำขอให้ฟ้าผ่าตาย
เทพเข้าไปกราบเท้าคุณหลวง ยอมผิดคำที่จะห่างกายพุดจีบ เทพเป็นห่วงพุดจีบไม่ยอมให้พุดจีบละสายตา ทั้งสองจึงเสมือนเงาของกันและกัน คุณเยื้อนเห็นใจว่าเทพรักพุดจีบมาก จึงกล่อมให้คุณหลวงเห็นใจเทพ หากเทพมิได้ช่วยไว้พุดจีบคงกลายเป็นศพอยู่ใต้น้ำ คุณหลวงทำใจไม่ได้ที่จะถูกตราหน้าว่าเอาทาสมาเป็นเขย จะยกพุดจีบให้ ขุนเดชขจร เทพคัดค้านเพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่าขุนเดชขจรติดสุรา ก้าวร้าว และมักมากในกาม คุณหลวงไม่ฟังอ้างว่าเทพสร้างเรื่องขัดขวางเพราะหวงพุดจีบ คุณหลวงจะจัดแต่งงานให้เร็วที่สุด แต่แล้วแก้วร้องไห้ฟูมฟายว่าถูก ขุนเดชขจรเมาจะขืนใจ คุณเยื้อนเสียงแข็งไม่ยอมยกพุดจีบให้ขุนเดชขจร คุณหลวงจำต้องสั่งห้ามขุนเดชขจรเหยียบเรือนอีก
พุดจีบไปเยี่ยมแก้วด้วยความสงสาร แก้วสารภาพความจริงว่ามิได้เป็นอะไร แก้วมอมเหล้าขุนเดชขจรให้คุณหลวงได้เห็นธาตุแท้ พุดจีบสำนึกบุญคุณแก้ว กลับมาดูแลกันและกันเสมือนพี่น้องที่รักใคร่กัน กำไลไม่พอใจเข้ามาต่อว่าแก้ว ผิดหวังที่คิดช่วยเหลือให้แก้วได้เทพ แต่แก้วกลับยอมพุดจีบ แก้วจึงบอกความจริงว่าทำไปแค่แสแสร้งให้ตายใจ แก้วรอวันที่จะแย่งชิงเทพมาให้ได้
คุณหลวงยินยอมให้เทพคบหากับพุดจีบ มิทันที่คุณเยื้อนจะนำข่าวดีไปบอกลูกสาวและเทพ โจรบุกปล้นเรือนขโมยเงินและจะฆ่าคุณหลวงคุณเยื้อน มิ่งเข้ามาช่วยเหลือชีวิตคุณเยื้อน ถูกพวกโจรแทงทำร้ายสาหัส คุณเยื้อนและคุณหลวงซาบซึ้งบุญคุณ คอยดูแลมิ่งเป็นอย่างดี
เทพสงสัยว่าใครเป็นโจรบุกเรือน พุ่งเป้าไปที่ไอ้ทับไอ้ยอด เพราะในคืนเกิดเหตุทั้งสองไม่ออกมาช่วยจับโจรและพบสร้อยทองเข็มขัดทองอยู่ในห้อง ไอ้ทับไอ้ยอดปฏิเสธ กล่าวหาว่าเทพใส่ร้ายหวังเฉดพวกมันออกจากเรือน คุณหลวงโกรธที่ไอ้ทับต่อว่าเทพ สั่งไอ้อยู่ ไอ้ฉ่ำ โบยเฆี่ยนให้ตาย มิ่งหอบสังขารที่เจ็บปวดมาแก้ต่างว่าไอ้ทับไอ้อยู่ไม่ใช่โจร คุณหลวงเชื่อใจมิ่งจึงปล่อยตัวไป ไอ้ทับไอ้ยอดแปลกใจที่มิ่งมาช่วย มิ่งบอกว่าสงสารที่ทับกับยอดถูกเทพใส่ร้ายเพราะความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเทพ มิ่งไม่อยากเห็นพวกทาสกดขี่ข่มเหงกันเอง ไอ้ทับกับไอ้ยอดยกมิ่งเป็นเกลอ สาบานจะช่วยเหลือมิ่งและกำจัดเทพ
ในยามดึก แก้วเคาะห้องพุดจีบร้องขอให้เอายาไปให้มิ่ง มิ่งเจ็บปวดอย่างหนัก พุดจีบเกรงไม่เหมาะที่เธอจะไปมิ่งโดยลำพัง แก้วรีบปากจะอยู่ด้วย แต่สร้างเรื่องว่าต้องไปต้มยาแล้วหนีไปฟ้องคุณหลวงว่าพุดจีบสร้างความบัดสี เทพและทุกคนบุกไปพบพุดจีบนอนซบข้างกายมิ่ง
พุดจีบร้องไห้สารภาพสิ้นไม่เคยทำตัวเหลวไหล แต่ไม่รู้ว่ามานอนอยู่ข้างมิ่งได้อย่างไร อบยุแยงว่านี่อาจเป็นคำทำนายของโหรที่พุดจีบคบชู้สู่ชาย ทำลายเกียรติพ่อแม่ คุณหลวงจับพุดจีบล่ามโซ่ไว้ในห้องแล้วสั่งห้ามทุกคนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป แก้วยิ้มระรื่น แผนการทำร้ายพุดจีบสำเร็จแก้วจะได้ครองใจเทพ มิ่งหายเจ็บป่วยถือพานธูปเทียนไปขอขมา คุณหลวงถีบพานไล่ตะเพิดออกไปจากเรือน คุณหลวงกลัวมิ่งจะสร้างปัญหา เรียกไอ้ทับไอ้ยอดลวงมิ่งไปฆ่า ไอ้ทับไอ้ยอดลวงมิ่งออกไปตามสั่งคุณหลวงและคุณเยื้อนโล่งใจที่กำจัดเสี้ยนหนามไปได้
ข่าวลือหนาหูว่ามิ่งตาย ชด อีเอี้ยง อีเม้ย ร้องไห้ระงม เห็นวิญญาณมิ่งโผล่มาที่เรือนหลายครั้งหลายครา พวกชดเร่งทำบุญกรวดน้ำให้มิ่ง ขอให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องตามมาหลอกหลอนอีก แก้วตกใจและเสียใจที่มิ่งตายแต่ก็ทำใจเพราะแก้วรักเทพ เทพยังคงปฏิเสธแก้ว แก้วพูดตอกหน้าว่าเทพโง่ที่รักผู้หญิงมีราคี เทพยืนยันว่าเขาพร้อมจะดูแลพุดจีบด้วยใจบริสุทธิ์ คนที่ไม่เคยมีความรักอย่างแก้วไม่มีวันเข้าใจ แก้วบุกขึ้นเรือนเข้าไปต่อรองช่วยพุดจีบออกจากห้องคุมขัง แลกกับพุดจีบเลิกยุ่งกับเทพ พุดจีบรับคำ พร้อมจะเลิกลากับเทพแลกกับอิสรภาพ แก้วร้องห่มร้องไห้กราบกรานคุณหลวงคุณเยื้อน อ้างว่าถูกมิ่งขู่ฆ่า บังคับให้สร้างเรื่องบัดสีใส่ร้ายพุดจีบ พุดจีบยังบริสุทธิ์มิตกเป็นของมิ่ง คุณหลวงและคุณเยื้อนโล่งใจที่คำพูดของแก้วช่วยแก้ข้อครหาให้พุดจีบ คุณหลวงประกาศจะให้พุดจีบแต่งงานกับเทพ แก้วค้านว่าพุดจีบไม่ได้รักเทพ พุดจีบกลับแย้งว่าเธอรักเทพพร้อมจะใช้ชีวิตคู่กับเทพ แก้วโกรธที่พุดจีบผิดคำสัญญา พุดจีบย้อนว่าเธอยอมผิดคำสัญญากับคนชั่ว ดีกว่ายอมตกเป็นเหยื่อของคนใจบาป แผนร้ายของแก้วกับมิ่ง บาปหนักกว่าการมุสาของพุดจีบ ความสัมพันธ์ระหว่างพุดจีบกับแก้วจึงขาดลง
พุดจีบและเทพช่วยกันถักทอผ้าไว้ใช้งานแต่ง ความรักความสุขของทั้งสองยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้แก้ว พวกชดหยันว่าแก้วกลายเป็นหมาหัวเน่า ซ้ำร้ายป้าเมี้ยนเอาคำสั่งคุณเยื้อนให้ไล่ตะเพิดแก้วไปจากเรือน ท่ามกลางสายฝนและเสียงฟ้าผ่า แก้วร้องไห้ต่อหน้าหลุมศพอิ่ม คร่ำครวญเวทนาชีวิตที่พังทลาย ทันใดนั้นแสงฟ้าแลบตรงหน้าทำให้แก้วเห็นวิญญาณมิ่ง แก้วจะวิ่งหนีแต่มิ่งคว้าตัวโอบกอด พลอดรักที่ป่าช้า แก้วจึงรู้ว่ามิ่งยังไม่ตาย มิ่งเล่าความย้อนหลังว่าคุณหลวงสั่งไอ้ทับไอ้ยอดฆ่า แต่มิ่งขอชีวิตแลกกับบุญคุณที่เคยช่วยและอาสาจะหาเงินทองมาให้พวกมัน มิ่งรอคอยที่จะแก้แค้นเอาคืนคุณหลวงคุณเยื้อนให้สาสม แล้วพาแก้วขึ้นไปครองบนเรือนมิต้องตกอยู่เป็นทาส แก้วกอดจูบมิ่งทั้งน้ำตาสัญญาจะพลีชีวิตเพื่อมิ่ง
เทพตระเตรียมของสำหรับพิธี กลับเข้าห้องด้วยความเหนื่อยล้า พบแก้วนอนเปลือยกายแก้วเข้ามากอดรัดอ้อนวอน ขอเป็นเมียเทพแม้ได้ชื่อว่าเป็นเมียสองรองจากพุดจีบ เทพผลักไสจะพาแก้วออกไปจากห้องนอน แต่หมดสติ รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดออก พุดจีบ คุณหลวง คุณเยื้อน ยืนมองร่างเขาที่เปลือยกายกกกอดแก้ว แก้วร้องไห้ตีโพยตีพายว่าถูกเทพขืนใจ เทพขอสาบานต่อหน้าองค์พระยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พุดจีบพูดไม่ออก ใจหนึ่งเชื่อใจเทพ แต่จะทำอย่างไรกับปากของบ่าวไพร่ในเรือน คุณเยื้อนเอาเงินยัดให้แก้วไปอยู่ที่อื่น แก้วรับเงินแต่ไม่ไป ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างเหมือนที่คุณเยื้อนเคยทำกับแม่อิ่ม คุณเยื้อนโกรธจัดสั่งให้พวกไอ้ทับปล้ำเอาแก้วทำเมีย แก้วใช้มารยาหนีรอดจะบุกไปเอาเรื่องคุณเยื้อน เทพเข้ามากันไว้ แก้วเล่าความระยำของคุณเยื้อนแล้วจะเข้า พระนครแจ้งความเอาผิด รวมถึงคุณหลวงวางแผนฆ่ามิ่ง เทพสงสารคุณเยื้อนกับคุณหลวง จำยอมรับปากจะยกแก้วเป็นเมีย แก้วจึงยอมปิดปากความลับทั้งหมด
เทพกราบเท้าคุณเยื้อนและคุณหลวง ขอโทษที่ไม่อาจแต่งกับพุดจีบ จะขอรับผิดชอบแก้ว พุดจีบตกใจและเสียใจมาก พยายามซักความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เทพไม่ปริปากบอกความจริง ไม่อยากทำให้พุดจีบสิ้นศรัทธาในตัวพ่อแม่ คุณหลวงประกาศไล่เทพ ไม่ยอมให้พาแก้วขึ้นเรือนแก้วเสียใจเจ็บใจผิดแผนคิดหาทางกำจัดมารหัวใจ ค่ำคืนนั้นเทพไปร่ำลาพุดจีบเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสองกอดล่ำลาด้วยน้ำตา เวทนากับอุปสรรคในชีวิตรัก เทพยืนยันว่ายังรักพุดจีบ พุดจีบขอให้เทพพูดความจริงกับเธอ เธอจะหาทางช่วยเทพ ไม่ทันเทพจะเอ่ยปากเล่า เสียงปืนดังขึ้นที่ห้องคุณหลวง สภาพศพยิงตัวตายนอนจมกองเลือด พุดจีบกอดศพพ่อร่ำไห้ เทพแปลกใจที่คุณเยื้อนหายไป สั่งบ่าวไพร่เร่งตามหา
ณ ป่าช้าฝังศพ พวกมิ่งมัดมือมัดเท้าคุณเยื้อนวางไว้ในหลุมตรงปลายตีนหลุมศพอิ่ม แก้วเอาหนอน ไส้เดือน โปรยใส่ร่างคุณเยื้อน ให้คุณเยื้อนเกลือกกลั้วกับของเน่าสกปรกที่คุณเยื้อนรังเกียจ เกิดใหม่ชาติหน้าก็ขอให้เกิดเป็นทาสต่ำรับใช้แม่อิ่ม คุณเยื้อนดิ้นรนร้องขอชีวิต ยอมรับผิดทั้งหมดที่ทำไว้ แก้วยิ้มรับ พร้อมสอนธรรมว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง แก้วเอาดินฝังร่างคุณเยื้อนให้ตายทั้งเป็น เทพเห็นร่องรอยบริเวณป่าช้า ช่วยบ่าวไพร่โกยดิน แต่คุณเยื้อนตายแล้ว พุดจีบหมดสติแทบสิ้นใจตามพ่อแม่
บ่าวไพร่โจษจันว่าผีนางอิ่มฆ่าล้างแค้น พวกไอ้ทับบอกว่าเป็นพวกโจรที่เคยบุกปล้น แค้นใจมาปล้นฆ่าคุณหลวงคุณเยื้อน แต่ป้าเมี้ยนโยนบาปว่าแก้วเป็นกาลกิณี ตั้งแต่แก้วเข้ามาในเรือนก็มีแต่ความฉิบหาย แก้วแสดงอำนาจเป็นเมียเทพ พุ่งเข้าตบตีป้าเมี้ยน ชด จะเฉดหัวออกไปจากเรือน อีเอี้ยง อีเม้ย จึงแปรพักตร์มาอาสารับใช้แก้วเพื่อเอาตัวรอด นังบวบและนังดีก็ได้ทีแสดงอำนาจข่มป้าเมี้ยน และสาแก่ใจกับสิ่งที่เมี้ยนโดนกระทำ กำไลบุกเข้าตบตีแก้ว มั่นใจว่าแก้วฆ่าคุณหลวง แก้วปฏิเสธแต่กำไลไม่เชื่อ จะแฉบอกความจริงว่าแก้วเคยทำชั่วอะไรบ้างและจับเข้าคุก ไม่ทันที่กำไลและแฟงจะบอกเทพ ทับและยอดก็เข้ามาขวาง แล้วลากกำไลกับแฟงมัดมือถ่วงน้ำ แก้วสร้างเรื่องว่ากำไลและแฟงเสียใจเรื่องคุณหลวง หนีกลับไปบ้านเกิด
พุดจีบหมดอาลัยตายอยาก ชีวิตนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว เทพยืนกรานจะอยู่เคียงข้างพุดจีบ พาพุดจีบไปเจริญสติภาวนาที่วัด ให้พุดจีบเห็นคุณค่าในชีวิตที่จะมีลมหายใจ สร้างบุญอุทิศกุศลให้วิญญาณพ่อแม่ที่ล่วงลับ พุดจีบมีพลังชีวิตและกลับมามีความสุขอีกครั้ง พุดจีบถักทอผ้าสีดอกตะแบก ซึ่งเคยทอค้างไว้จนเสร็จ เอามาห่มสไบไปวัด เป็นสไบที่งดงามเป็นที่ต้องตาต้องใจผู้พบเห็น แก้วริษยาอยากมีหน้าตาเทียมเท่าพุดจีบ รู้ว่ามีศพลูกคุณหลวงเพิ่งฝังที่ป่าช้า สั่งให้มิ่งขุดหลุมเอาสไบของศพมาย้อมสีดอกตะแบก แล้วห่มสไบอวดแข่งกับพุดจีบ พวกชดคิดว่าแก้วขโมยสไบของพุดจีบ เข้าไปยื้อแย่งตีตบสไบฉีกขาด แก้วโกรธเกลียดที่ไม่มีใครเห็นค่าเธอ เรียกร้องให้เทพแต่งงานกับแก้วให้เร็วที่สุด เทพยืนกรานยังไม่ใช่เวลานี้ แก้วร้องห่มร้องไห้คว้ามีดจะแทงตัวตาย เทพไม่ใยดีเพราะรู้ว่าแก้วรักตัวเองไม่มีวันฆ่าตัวตาย แก้วบุกเรือนเข้าห้องพุดจีบไปขโมยสไบสีดอกตะแบก คิดแผนร้ายจะกำจัดเสี้ยนหนาม
คืนเดือนมืด เสียงฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย พุดจีบเร่งทอผ้าจะทำเป็นอาสนะไปถวายพระ อุทิศบุญให้คุณหลวงคุณเยื้อน เรียมมาแจ้งข่าวว่าอบปวดท้องหนัก ขอให้พุดจีบไปช่วยดูแล พุดจีบให้เรียมไปเอายาที่เรือน ตัวพุดจีบรีบไปที่ห้องของอบ กลับพบร่างแก้วนอนยิ้มร่า พุดจีบรู้ตัวว่าถูกลวงมา แก้วฉุดกระชากทำร้าย พุดจีบสู้สุดแรง ถีบประตูหนีไป พุดจีบร้องเรียกให้ไอ้ทับไอ้ยอดช่วย แต่ทั้งสองจับตัวพุดจีบให้แก้วและมิ่ง พุดจีบจึงรู้ความจริงว่ามิ่งยังไม่ตาย แก้วพร่ำด่าสาธยายถึงความเจ็บแค้นที่มีต่อพุดจีบ แล้วใช้สไบสีดอกตะแบกของพุดจีบรัดคอจะฆ่าพุดจีบให้ตายคามือ พุดจีบดิ้นเฮือกใหญ่ ฉวยจังหวะคว้าเสียมฟาดแก้วแล้ววิ่งหนีไปที่เรือน
พุดจีบเคาะประตูห้องเรียกหาเทพและไอ้บุญไอ้น้อยให้ช่วยเหลือ ไม่มีใครได้ยินเพราะถูกแก้ววางยาหลับสนิท พุดจีบวิ่งหนีไปท้ายเรือน ยืนนิ่งตะลึงกับภาพตรงหน้า ร่างของพุดจีบถูกแขวนคอตายด้วยสไบสีดอกตะแบกใต้ต้นจำปา
ดวงจิตของพุดจีบไปปรากฏกายยังดินแดนแห่งวิญญาณ เพื่อพิจารณาบุญบาปไปสู่ภพภูมิ พุดจีบยังรักและผูกพันกับเทพ ไม่ยอมไปเกิดใหม่ พุดจีบหลบหลีกจากดินแดนแห่งนั้น หวังจะกลับเข้าร่างเหมือนอดีต
เทพนำศพพุดจีบวางไว้กลางเรือน รอคอยให้วิญญาณพุดจีบกลับเข้าร่างเหมือนก่อน ไม่ยอมนำไปฝังตามพิธี บรรดาป้าเมี้ยนและพวกบ่าวในเรือนต่างขนลุกขนชัน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทั้งเสียงร้องโหยหวนและสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณ ป้าเจิมและเรียมเห็นสภาพศพที่เสื่อมสลายลงหว่านล้อมให้นำไปฝัง แต่เทพยังยืนกรานที่จะรอคอยวิญญาณพุดจีบกลับร่าง ไอ้อยู่ไอ้ฉ่ำต้องไปกราบนิมนต์หลวงปู่มาจากป่าซึ่งท่านไปธุดงค์ หลวงปู่เทศนาให้เทพยอมรับความจริง เข้าใจสัจธรรมชีวิต เทพมองสภาพศพตรงหน้า ก็ต้องยอมใจ ขุดหลุมฝังร่างคนรักด้วยตัวเอง
หลวงปู่สัมผัสถึงวิญญาณพุดจีบ ขอให้ละทางโลกปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ยอมเป็นไปตามกฎแห่งวัฏจักร พุดจีบพยายามรับฟังและทำใจ แต่เมื่อเห็นแก้ว มิ่ง และพวกไอ้ทับไอ้ยอด เข้ามาถ่มน้ำลายรดหลุมศพ และแก้วตั้งท้องกับมิ่ง แต่โกหกว่าท้องกับเทพ บังคับให้เทพรับแก้วขึ้นไปอยู่บนเรือน วิญญาณพุดจีบยิ่งเป็นห่วงเทพและโกรธแค้นแก้วไม่ไปเกิด จะจองล้างจองผลาญและฆ่าพวกแก้วให้ตายคามือ
แก้วเปิดกำปั่นเอาเครื่องประดับเงินทองเพชรพลอยของพุดจีบมาสวมใส่ห่มสไบผืนงาม วางตัวเป็นเจ้าเรือน เดินเฉิดฉายวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงพวกเมี้ยน อบก็เชิดชูคอได้ขึ้นเรือนมาดูแลแก้ว เรียมคอยให้สติว่าแก้วกำลังหลงผิดสร้างเวรกรรม ตายไปตกนรก แต่แก้วสวนกลับ บุญบาปไม่มีจริง นรกสวรรค์มีไว้หลอกคนโง่ ความสุขคือการลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองและสวรรค์ก็อยู่ตรงหน้าแก้วแล้ว
ค่ำคืนนั้น เสียงลมพายุพัดกระหน่ำเรือน พวกบ่าวไพร่ตกใจ ปิดประตูหนีเข้านอน แก้วนอนหลับอย่างมีความสุข พร้อมสไบผืนงาม แต่แล้วสไบผืนนั้นก็ค่อย ๆ ถูกดึงรั้งออกไป แก้วยื้อสไบไว้ แล้วตกตะลึงเมื่อเห็นผีพุดจีบเข้ามาแย่งยื้อดึงสไบ แก้วหนีออกจากห้องร้องให้คนช่วย พวกอีเอี้ยง อีเม้ยเจอผีพุดจีบ ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด แก้วร้องขอให้เทพช่วยไล่ผีพุดจีบ เทพออกมาแต่ไม่พบพุดจีบ วิญญาณพุดจีบไม่กล้าทำร้ายเทพ ไม่อยากให้เทพเห็นเธอในสภาพของผีร้าย จึงยอมจากไป
เทพไม่เชื่อว่าพุดจีบจะผูกคอฆ่าตัวตาย และคาใจกับการตายของคุณหลวงและคุณเยื้อนมีเงื่อนขำน่าสงสัย ไอ้บุญไอ้น้อย อาสาช่วยเทพคลายปริศนา สงสัยพวกไอ้ทับไอ้ยอด ไอ้ทับเร่งทวงเงินทองจากมิ่งตามสัญญา มันจะหนีไปก่อนที่จะถูกจับได้และถูกผีพุดจีบเล่นงาน แก้วขโมยเงินทองบนเรือนให้ไอ้ทับไอ้ยอด ก่อนที่พวกมันจะปากโป้งแฉความจริง ไม่ทันที่ไอ้ทับไอ้ยอดจะหอบเงินหนีไป มันถูกผีพุดจีบเล่นงานคนเลวอย่างพวกมันอย่างสาสม
บ่าวไพร่เห็นสภาพศพไอ้ทับไอ้ยอดก็หวาดกลัว ทุกคนปักใจว่าถูกผีหักคอ มิ่งร้อนใจให้แก้ววางยาฆ่าเทพตามแผนที่วางไว้ แก้วอ้างว่าเทพระแวงสงสัย ไม่ยอมให้แก้วเข้าใกล้หรือนอนด้วยกัน มิ่งเริ่มเอะใจว่าแก้วโกหกเขาเพราะมีใจให้เทพ มิ่งจะไปหาแก้วที่เรือน ระหว่างทางเห็นแก้วอยู่ที่ท่าน้ำ เข้าไปสวมกอดจูบ จับนอนพลอดรักตรงท่าน้ำ แต่กลับพบว่าร่างนั้นไม่ใช่แก้ว เป็นผีพุดจีบ มิ่งตกใจกระโดดน้ำหนี ผีพุดจีบอาละวาดหนัก มิ่งจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ผีพุดจีบใช้สไบดึงรั้งขา ลากถ่วงลงก้นบึง แต่แล้วผีพุดจีบร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เพราะสัปเหร่อใช้อาคมช่วยมิ่งไว้
เทพได้ยินเสียงร้องไห้กระซิก ๆ ลอยมา เทพจำเสียงนี้ได้ดี นั่นคือเสียงของพุดจีบ เทพลงจากเรือนไปตามเสียงจนถึงโรงผ้า เห็นพุดจีบนั่งร้องไห้เนื้อตัวเปียกปอน เนื้อตัวมีรอยไหม้ เทพตรงเข้าไปดูแลพุดจีบโดยไม่เกรงกลัวว่าเป็นวิญญาณ เทพเข้าไปโอบกอดปลอบใจ อาสาจะช่วยพุดจีบและไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น วิญญาณพุดจีบจะบอกเล่าเรื่องราวก็ได้ยินเสียงร่ายมนต์ของสัปเหร่อ วิญญาณพุดจีบสลายไป
แก้วและมิ่งร้องขอให้สัปเหร่อปราบผีพุดจีบ สัปเหร่อต้องลงคาถาอาคมถึงวันโกน แก้วและมิ่งจึงกราบขอเครื่องรางของขลังป้องกันตัว มิ่งชะล่าใจว่ามีของดี ผีพุดจีบทำร้ายไม่ได้ มิ่งดอดขึ้นเรือนไปเสพสุขกับแก้วในห้องพุดจีบ ผีพุดจีบสิงร่างชด ให้ชดเอาผ้ารอยเลือดดู ไปแก้อาถรรพ์เครื่องรางของมิ่ง ผีพุดจีบเล่นงานมิ่งและแก้วอย่างหนักเกือบจะฆ่ามิ่งตาย สัปเหร่อมาต่อสู้คิดว่าผีพุดจีบสิ้นฤทธิ์ แต่ผีพุดจีบก็ยังอาละวาดเล่นงานถึงเช้า สัปเหร่อเชื่อว่าผีพุดจีบสิงสถิตอยู่ที่ใดที่หนึ่ง จึงมิอาจกำราบง่ายดาย อบมั่นใจว่าวิญญาณสิงอยู่ที่ผ้าทอและกี่ที่พุดจีบทอผ้ายังไม่เสร็จ อบพาพวกอีเอี้ยงไปเผาผ้าเผากี่ทอของพุดจีบ แต่คืนนั้นผีพุดจีบออกอาละวาดเล่นงานพวกอบ อีเอี้ยง อีเม้ยจับไข้ แก้วเห็นเทพเปิดกำปั่นเอาสไบสีดอกตะแบกของรักพุดจีบมารำพึงด้วยความรัก
แก้วมั่นใจว่าผีพุดจีบสิงอยู่ในผ้าเข้าไปขโมยให้สัปเหร่อ เทพเข้าไปขวาง มิ่งเข้ามาทำร้ายจะฆ่าเทพ ผีพุดจีบออกอาละวาดเล่นงานจะฆ่ามิ่งและแก้ว สัปเหร่อคว้าสไบมาลงอาคมสะกดวิญญาณ สัปเหร่อเอาสไบใส่หีบฝังไว้ใต้ต้นจำปานับแต่นั้น วิญญาณพุดจีบสิ้นฤทธิ์มิอาจออกมาจากสไบผ้ามาอาละวาดได้อีก
มิ่งสั่งให้แก้ววางยาฆ่าเทพ มิ่งจะได้ขึ้นเรือนในฐานะผัวแก้ว มิ่งไม่อยากไร้ตัวตนต้องหลบซ่อนอีกแล้ว แก้วรับคำอาสาจะวางยาฆ่าเทพ เข้าสวมกอดพลอดรักเอาใจมิ่ง แล้วปล่อยงูที่มิ่งเลี้ยงไว้กัดมิ่ง มิ่งร้องหายาแก้พิษ แก้วเททิ้งปล่อยให้มิ่งตายด้วยพิษงูเห่าที่เลี้ยง
เวลาผ่านไป 10 ปี เทพตั้งชื่อลูกว่า มะลิ เป็นดอกไม้ที่ขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม เทพหวังว่าลูกสาวคนนี้มีจิตบริสุทธิ์เต็มไปด้วยกุศล แม้หลายคนจะทักว่ามะลิมีหน้าละม้ายคล้ายมิ่ง เทพไม่เคยเอะใจสงสัยเพราะแก้วใช้ยาเสน่ห์ของสัปเหร่อทำให้เทพหลง เมื่อหมดยาก็ต้องไปขอจากสัปเหร่อ สัปเหร่อเล่นแง่อยากได้ตัวแก้วมาสนองตัณหา แก้วบ่ายเบี่ยงแล้วหลอกล่ออบไปบำเรอสัปเหร่อ อบโกรธเกลียดที่ถูกหลานหักหลัง ตะโกนสาปแช่งจะแฉความชั่วของแก้ว แก้วจึงเผาเรือนของสัปเหร่อให้ตายไปทั้งสองคน ไม่เหลือใครเป็นมารผจญอีก
แม้ว่าเทพจะโดนยาเสน่ห์ แต่หัวใจที่รักพุดจีบอย่างหนักหน่วง ทำให้เทพคิดถึงพุดจีบ เทพจะปลูกดอกพุดจีบใต้ต้นจำปา เทพขุดลึกลงไปจะถึงหีบใส่สไบ แก้วมาขวางสร้างเรื่องพาเทพกลับเรือนก่อนวิญญาณพุดจีบจะออกมาได้ มะลิผ่านมาตรงนั้น เข้าไปคุ้ยดินเล่นเห็นยันต์ปิดหีบ นึกสงสัยดึงยันต์ออกมา แล้วมะลิก็หมดสติในทันที
เสียงฟ้าดังคำรามลั่นทั่วเรือน พวกป้าเมี้ยนตกใจขวัญหาย เป็นปรากฏการณ์เดียวกัน ที่ผีพุดจีบเคยออกอาละวาด หนูมะลิเดินตากฝนตัวเปียกปอนอยู่ที่สวน ร้องให้พ่อพาขึ้นเรือนด้วยเทพรีบคว้ามะลิพากลับเรือนทันที แก้วยืนชะเง้อรอ ภาพตรงหน้าทำให้แก้วแทบเป็นลม เทพกำลังประคองพุดจีบเข้ามาบนเรือน แก้วตกใจร้องไล่ให้เทพพาพุดจีบออกไป เทพหัวเสียต่อว่าแก้วใจร้ายกับลูก แก้วเข้าไปผลักมะลิ มะลิจับตัวแก้วไว้แล้วหัวเราะเสียงสยอง เทพตกตะลึง วิญญาณพุดจีบออกจากร่างมะลิ แก้วตกใจวิ่งหนีไปจากเรือน สั่งให้บ่าวไพร่เข้ามาช่วย แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ ทุกคนหลบอยู่ในห้อง เฝ้ามองผีพุดจีบเล่นงาน ใช้สไบค่อย ๆ รัดคอแก้ว เทพเข้ามาร้องห้ามมิให้พุดจีบทำร้ายแก้ว พุดจีบสาธยายความชั่วช้าทั้งหมด พาเทพย้อนไปสู่เหตุการณ์ความระยำที่แก้วสร้างไว้ เทพรู้ความจริงก็ตกใจ และรู้ว่ามะลิเป็นลูกของมิ่ง
ผีพุดจีบใช้สไบลากตัวแก้วไปที่ต้นจำปา จะแขวนคอแก้วเหมือนที่แก้วทำกับเธอ เทพเข้ามาร้องห้าม ขอให้พุดจีบหยุดสร้างกรรม พุดจีบเสียใจที่เทพปกป้องแก้ว ร้องไห้เสียใจว่าเทพไม่รักเธอแล้ว เทพยืนยันความรักต่อพุดจีบ แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อตัวพุดจีบ เขามิอยากให้พุดจีบสร้างกรรมชั่วเป็นบ่วงติดตัวไปในภพภูมิหน้า ขอให้พุดจีบสร้างแต่กรรมดี พุดจีบมองแก้วก็ยังมีความโกรธแค้น กรรมเลวก็ต้องทำลายล้างด้วยความเลว ใช้สไบกระชากคอแก้วจะฆ่าให้ตาย มะลิเข้ามากราบขอร้องผีพุดจีบให้ปล่อยแม่ อย่าทำร้ายแม่ มะลิรักแม่ ไม่อยากกำพร้า วิญญาณพุดจีบสะอึก หรือมะลิจะมาเกิดเพื่อไถ่บาปแม่ เหมือนพุดจีบเกิดมาเพื่อไถ่บาปที่คุณหลวงคุณเยื้อนเคยทำไว้กับอิ่ม เทพนำคำสอนของพุทธศาสนามาให้สติ ขอร้องให้วิญญาณพุดจีบหยุดผูกบ่วงกรรม การแก้กรรมที่ประเสริฐที่สุด คือไม่ผูกบ่วงกรรม ด้วยความรักที่พุดจีบมีต่อเทพ จึงละวางความอาฆาตแค้น ยอมปล่อยชีวิตแก้ว พุดจีบกอดลาเทพไปรับใช้กรรมที่เคยฆ่าคน เทพและบ่าวไพร่ในเรือน ร่วมทำบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พุดจีบได้เกิดภพภูมิที่ดี
เทพจะพาแก้วไปรับโทษที่พระนคร ตามความผิดที่เคยก่อ แต่ใจหยาบช้าของแก้วมิอาจยอมรับผิด ใช้มะลิต่อรองหนีไป แต่กรรมชั่วตามหลอกหลอน แก้วเห็นผีมิ่ง ไอ้ทับ ไอ้ยอด สัปเหร่อเข้ามารุมบีบคอทำร้าย แก้วคว้ามีดแทงผีเหล่านั้นแต่กลับแทงร่างตัวเอง แก้วลากสังขารที่เจ็บปวดไปถึงป่าช้า ผีคุณหลวง คุณเยื้อน อบ กำไล แฟง ตามหลอกหลอน แก้วรีบขุดหลุมศพลงไปนอนข้างกระดูกแม่อิ่ม ร้องขอให้แม่อิ่มช่วยแก้ว แล้วคุ้ยดินกลบฝังร่างตัวเองเพื่อหนีจากผีร้าย เทพและมะลิร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลครั้งใหญ่ให้ทุกชีวิตที่สิ้นไป เทพประกาศปลดปล่อยทาสในเรือน ซึ่งตรงกับคำประกาศเลิกทาสของในหลวงรัชกาลที่ 5 เทพขอให้ทุกชีวิตมีอิสระ และหยุดก่อสร้างกรรม ขอให้ยึดมั่นในความดี ความดีจะเป็นเกราะคุ้มครองตัวเรา
บทประพันธ์โดย : ภาคินัย กสิรักษ์
บทโทรทัศน์โดย : ลายน้ำ
กำกับการแสดงโดย : ชัชวาล ศาสวัตกลูน
ผลิตโดย : บริษัท พอดีคำ เอนเทอร์เทนเมนต์ จำกัด
ควบคุมการผู้ผลิตโดย : ธงชัย ประสงค์สันติ
นักแสดง
→ วงศกร ปรมัตถากร รับบท เทพ

คุณเทพ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความรักที่มั่นคง และความยุติธรรม เขาเป็นผู้ชายที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มแข็ง ต้องเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้ายแต่ไม่ยอมจำนนต่อความชั่วร้าย ผ่านการแสดงของวงศกร ปรมัตถากร เทพกลายเป็นตัวละครที่สร้างความประทับใจและเป็นที่รักของผู้ชมในฐานะพระเอกที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปกายและจิตใจ
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความดีงามและเมตตา เทพเป็นตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยความดีงามและจิตใจที่บริสุทธิ์ เขาเป็นลูกบุญธรรมที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากครอบครัวคุณย้อย (พี่สาวของคุณเยื้อน) ทำให้มีพื้นฐานจิตใจที่มั่นคงและยึดมั่นในคุณธรรม ความสง่างามและการศึกษา เทพเรียนจบจากเมืองนอกและกลับมารับราชการที่หัวเมือง เขามีบุคลิกที่สง่างาม ภูมิฐาน และมีความรู้ ซึ่งทำให้เขาเป็นที่หมายปองของหญิงสาวหลายคนในเรื่อง
ความซื่อสัตย์ในความรัก เทพมีความรักที่มั่นคงต่อ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เพียงคนเดียว แม้จะมีโอกาสมากมายจากหญิงอื่น เขาไม่เคยเหลียวแลใครนอกจากเธอ แสดงถึงความภักดีและจริงใจ
บทบาทในเรื่อง
ผู้พิทักษ์และผู้ปลดปล่อย เทพเป็นตัวละครที่คอยปกป้องพุดจีบจากอันตรายและความอยุติธรรมในเรือน เขายังมีบทบาทสำคัญในตอนท้ายของเรื่องที่ตัดสินใจปลดปล่อยทาส ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าและความยุติธรรมในตัวเข จุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง ความรักที่เทพมีต่อพุดจีบกลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) อิจฉาและชิงชังพุดจีบมากขึ้น เทพจึงกลายเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์และความแค้นของตัวละครหลักทั้งสองฝ่าย
ผู้แบกรับความสูญเสีย เทพต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียพุดจีบถึงสองครั้ง (ครั้งแรกที่เธอตายและฟื้นคืนชีพ และครั้งที่สองที่เธอจากไปอย่างถาวร) แต่เขายังคงยืนหยัดและรักษาความดีงามไว้ได้จนจบ
พัฒนาการของตัวละคร
ตั้งแต่ต้นเรื่อง เทพปรากฏตัวในฐานะชายหนุ่มที่สุขุมและมีอุดมการณ์ เมื่อเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมและความโหดร้ายในครอบครัว เขาค่อยๆ แสดงความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยวออกมา โดยเฉพาะการตัดสินใจครั้งใหญ่ในตอนท้ายที่เลือกยึดมั่นในความถูกต้อง แม้ต้องสูญเสียคนรักไป
วงศกร ปรมัตถากร ถ่ายทอดบทเทพด้วยภาพลักษณ์ที่หล่อเหลา อบอุ่น และน่าเชื่อถือ สอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ของเทพที่เป็น “แสงสว่าง” ท่ามกลางความมืดมิดของเรื่องราว การแสดงของเขาช่วยเน้นย้ำถึงความอ่อนโยนแต่เด็ดเดี่ยวของตัวละครนี้ได้อย่างลงตัว
→ อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท พุดจีบ

พุดจีบ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความเมตตา และการไถ่บาป เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนแอและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน ต้องเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้ายจากบาปของคนรอบตัว แต่ยังคงรักษาคุณธรรมไว้ได้จนวินาทีสุดท้าย ผ่านการแสดงของอัษฎาพร พุดจีบกลายเป็นนางเอกที่ทั้งน่าสงสารและน่ายกย่อง เป็นตัวละครที่สร้างความประทับใจและสะท้อนถึงพลังของความรักและการให้อภัยอย่างลึกซึ้ง
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความเมตตาและจิตใจดี พุดจีบเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเมตตาและความอ่อนโยน เธอเกิดมาในครอบครัวคหบดีที่มีฐานะและได้รับการอบรมให้ยึดมั่นในคุณธรรมจาก ป้าเจิม และ เรียม ทำให้เธอมักช่วยเหลือผู้อื่น แม้แต่ แก้ว ที่เป็นศัตรู เธอก็ยังแสดงความปรารถนาดีต่อแก้วในฐานะพี่สาวร่วมสายเลือด
ความงดงามและอ่อนหวาน พุดจีบมีบุคลิกที่งดงามทั้งกายและใจ เธอมีความสามารถในการถักทอผ้า ซึ่งสะท้อนถึงความประณีตและความอ่อนช้อยในตัวเธอ ความงามของเธอเป็นที่กล่าวขานในเรือนและเป็นที่รักของทุกคน ความอดทนและให้อภัย แม้จะถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจากแก้วและคนรอบข้าง พุดจีบยังคงพยายามให้อภัยและยึดมั่นในความดี ซึ่งแสดงถึงความเข้มแข็งทางจิตใจที่ซ่อนอยู่ในความอ่อนโยน
บทบาทในเรื่อง
เหยื่อแห่งกรรม พุดจีบถูกมองว่าเป็นผู้รับเคราะห์จากบาปที่ คุณหลวง และ คุณเยื้อน ก่อไว้ โดยเฉพาะการที่คุณหลวงข่มขืน อิ่ม จนเกิดเป็นแก้ว คำทำนายของโหรที่ว่าพุดจีบจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูลกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความหวาดระแวงในครอบครัว แต่เธอกลับพิสูจน์ว่าคำทำนายนั้นไม่เป็นจริงด้วยการยึดมั่นในความดี
จุดศูนย์กลางของความรักและความแค้น พุดจีบเป็นที่รักของ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ซึ่งเป็นรักแท้ที่มั่นคง แต่ในขณะเดียวกัน ความรักนี้ก็จุดชนวนให้แก้วริษยาและพยายามกำจัดเธอ ทำให้พุดจีบกลายเป็นเป้าหมายของความแค้นที่ฝังลึก
วิญญาณแห่งการไถ่บาป หลังจากตาย พุดจีบกลายเป็นวิญญาณที่กลับมาเพื่อล้างแค้น แต่สุดท้ายเธอเลือกที่จะละวางความโกรธด้วยคำสอนของเทพและ มะลิ แสดงถึงการพัฒนาจากเหยื่อสู่ผู้ปลดปล่อยตัวเองจากวงจรแห่งกรรม
พัฒนาการของตัวละคร
จากเด็กสาวไร้เดียงสาสู่ผู้แบกรับโชคชะตา ในวัยเด็ก พุดจีบเป็นเด็กที่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความหวัง เธอช่วยเหลือแก้วด้วยความจริงใจ แต่เมื่อเติบโตขึ้น เธอต้องเผชิญกับความโหดร้ายและการทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่า การตายครั้งแรกและการฟื้นคืนชีพด้วยบุญบารมีแสดงถึงพลังแห่งความดีในตัวเธอ
จากความโกรธสู่การให้อภัย ในฐานะวิญญาณ พุดจีบเริ่มต้นด้วยความแค้นที่อยากแก้แค้นแก้ว แต่เมื่อได้รับคำสอนจากเทพและคำขอร้องจากมะลิ เธอเลือกที่จะปลดปล่อยตัวเองและผู้อื่นจากวงจรแห่งบาป ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของพัฒนาการที่แสดงถึงความเข้มแข็งและความบริสุทธิ์ของจิตใจ
อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล นำเสนอพุดจีบในภาพลักษณ์ที่อ่อนหวาน งดงาม และเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น การแสดงของเธอเน้นถึงความอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายและการกลับมาเป็นวิญญาณ เธอถ่ายทอดอารมณ์ที่ทั้งเปราะบางและทรงพลังได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้พุดจีบเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งรักและสงสาร
→ อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ รับบท แก้ว

แก้ว ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่สะท้อนถึงโศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่ถูกครอบงำด้วยความแค้นและความอยุติธรรม เธอเป็นทั้งเหยื่อและผู้กระทำผิด เป็นตัวร้ายที่เต็มไปด้วยมิติและความขัดแย้งในจิตใจ ผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยมของอัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ แก้วกลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมยากจะลืม ทั้งในแง่ของความโหดร้ายและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใน
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขมขื่นและแค้นฝังลึก แก้วเกิดจาก อิ่ม ทาสในเรือนที่ถูก คุณหลวงนฤเดช ข่มขืน ทำให้เธอเติบโตมาด้วยความรู้สึกด้อยค่าและถูกกดขี่ เธอสูญเสียแม่ตั้งแต่เด็กจากการถูกโบยตีอย่างโหดร้าย ซึ่งจุดนี้กลายเป็นรากฐานของความแค้นที่เธอมีต่อครอบครัวคุณหลวง โดยเฉพาะ พุดจีบ และ คุณเยื้อน
ความทะเยอทะยาน แก้วมีความฝันที่จะยกระดับตัวเองจากสถานะทาสให้เทียบเท่าหรือเหนือกว่าคนในเรือน เธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและความรักจาก เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ซึ่งเธอหลงรักอย่างลึกซึ้ง ความเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม แก้วฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมในการวางแผนกำจัดศัตรู เธอไม่ลังเลที่จะใช้ความรุนแรงหรือวิธีการที่โหดร้าย เช่น การฆ่าพุดจีบ หรือการหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
บทบาทในเรื่อง
ตัวร้ายที่เป็นเหยื่อแห่งโชคชะตา แก้วถูกมองว่าเป็นนางร้ายของเรื่อง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เป็นเหยื่อของระบบทาสและความอยุติธรรมที่ได้รับตั้งแต่เกิด ความแค้นของเธอมีที่มาจากการถูกปฏิเสธจากพ่อแท้ๆ และการสูญเสียแม่ ทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งเกลียดและสงสารเธอในเวลาเดียวกัน
คู่ปรับของพุดจีบ แก้วมีความริษยาและเกลียดชัง พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ซึ่งเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดที่เติบโตมาด้วยชีวิตที่สุขสบาย แตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์นี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้งในเรื่อง
ผู้จุดชนวนโศกนาฏกรรม การกระทำของแก้วนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงหลายครั้ง เช่น การตายของพุดจีบครั้งแรก และการกลับมาแก้แค้นของวิญญาณพุดจีบ ซึ่งทำให้เรื่องราวเข้มข้นและเต็มไปด้วยความตึงเครียด
พัฒนาการของตัวละคร
จากเด็กสาวผู้ถูกกดขี่สู่ผู้ล้างแค้น ในวัยเด็ก แก้วมีความผูกพันกับพุดจีบและเคยช่วยชีวิตเธอจากน้ำท่วม แต่เมื่อเติบโตขึ้น ความแค้นที่สะสมจากความอยุติธรรมทำให้เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวที่อ่อนแอเป็นหญิงสาวที่แข็งกร้าวและพร้อมทำลายทุกอย่าง
ความรักที่บิดเบี้ยว ความรักที่แก้วมีต่อเทพกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอทำเรื่องเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าเทพรักพุดจีบ เธอเลือกที่จะกำจัดคู่แข่งและพยายามครอบครองเทพ แม้สุดท้ายจะไม่สมหวัง
จุดจบแห่งกรรม ในตอนท้าย แก้วต้องเผชิญกับผลของการกระทำของตัวเอง เธอถูกวิญญาณพุดจีบตามล่าและเลือกจบชีวิตตัวเองในหลุมศพข้างแม่ แสดงถึงการยอมรับชะตากรรมและการปิดวงจรแห่งความแค้น
อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ ถ่ายทอดบทแก้วได้อย่างทรงพลัง เธอแสดงถึงความเจ็บปวด ความแค้น และความโหดร้ายได้อย่างสมจริง การแสดงของเธอทำให้แก้วเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าสงสาร โดยเฉพาะฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายและความเสียสละในตอนท้าย ผลงานนี้ยังส่งให้อัญรินทร์คว้ารางวัล Best Actress in a Supporting Role จาก Asian Television Awards ครั้งที่ 24 อีกด้วย
→ คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์ รับบท มิ่ง

มิ่ง ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เริ่มต้นจากความธรรมดาแต่ค่อยๆ เผยด้านมืดที่ซ่อนอยู่ เขาเป็นภาพสะท้อนของมนุษย์ที่ถูกครอบงำด้วยความรัก ความอิจฉา และความแค้น จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมของตัวเองและคนรอบข้าง ผ่านการแสดงของคมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์ มิ่งกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่ากลัว เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ทำให้ละครเรื่องนี้เข้มข้นและน่าติดตาม
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความซื่อสัตย์ที่ซ่อนความลุ่มหลง มิ่งเริ่มต้นในฐานะทาสหนุ่มที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) เขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเธอ แสดงถึงความรักและความทุ่มเทที่ลึกซึ้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักนี้กลับกลายเป็นความลุ่มหลงที่นำไปสู่ด้านมืดของตัวละคร
ความอ่อนไหวและเปราะบาง มิ่งมีปมในใจจากการเป็นทาสชั้นต่ำ ทำให้เขารู้สึกด้อยค่าและโหยหาการยอมรับ ความอ่อนไหวนี้ถูกฉายผ่านการกระทำที่บางครั้งดูอ่อนโยน แต่บางครั้งก็รุนแรงเกินคาด
ความร้ายกาจที่คาดไม่ถึง จากทาสที่ดูไร้พิษภัย มิ่งค่อยๆ เผยธาตุแท้ที่เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม โดยเฉพาะเมื่อเขาหลงรัก พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) และยอมทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อให้ได้เธอมา
บทบาทในเรื่อง
ทาสผู้พลิกผัน มิ่งเป็นทาสในเรือนของคุณหลวงที่เริ่มต้นด้วยการรับใช้แก้วอย่างซื่อสัตย์ เขาเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแก้ว แต่เมื่อแก้วมองข้ามเขาและหันไปสนใจ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) มิ่งก็เริ่มเปลี่ยนไป ความรู้สึกถูกหักหลังจุดประกายให้เขากลายเป็นตัวละครที่อันตราย
ตัวเร่งโศกนาฏกรรม มิ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่จุดแตกหัก เช่น การวางแผนร้ายต่อพุดจีบด้วยการปล่อยงูพิษ หรือการร่วมมือกับแก้วในแผนการชั่วร้าย ซึ่งนำไปสู่ความตายและความสูญเสียในเรื่อง
จุดหักมุมของเรื่อง ความร้ายกาจของมิ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชมคาดไม่ถึงในช่วงแรก เพราะเขาดูเหมือนเป็นเพียงทาสธรรมดา แต่เมื่อเปิดเผยด้านมืด เขากลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่สร้างความตื่นเต้นและน่าจดจำ
พัฒนาการของตัวละคร
จากความภักดีสู่การทรยศ ในช่วงแรก มิ่งแสดงความจงรักภักดีต่อแก้วและช่วยเหลือเธอในหลายสถานการณ์ แต่เมื่อความรักของเขาถูกเมิน เขาก็หันไปหลงรักพุดจีบ และยอมทรยศทุกคนเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
ความรักที่นำไปสู่หายนะ ความรักที่มิ่งมีต่อพุดจีบกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เขาเริ่มแสดงด้านที่เห็นแก่ตัวและโหดร้าย เช่น การพยายามทำร้ายเธอเมื่อรู้ว่าเธอไม่รักตอบ สุดท้ายเขาก็ต้องเผชิญกับผลกรรมจากความชั่วของตัวเอง
จุดจบที่สะท้อนกรรม มิ่งจบชีวิตลงอย่างน่าสลด เขาถูกวิญญาณพุดจีบตามล้างแค้น และตายในสภาพที่น่าสยดสยอง ซึ่งเป็นการปิดฉากตัวละครที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในจิตใจ
คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์ ถ่ายทอดบทมิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม จากทาสหนุ่มที่ดูอ่อนน้อมและน่าสงสารในช่วงแรก สู่ตัวละครที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจและน่ากลัวในภายหลัง การแสดงของเขาทำให้มิ่งเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะฉากเลิฟซีนกับแก้วและฉากดราม่าที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย คมกฤษณ์แสดงถึงความลึกซึ้งของอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจ จนทำให้บทนี้กลายเป็นจุดแจ้งเกิดในวงการละครพีเรียดของเขา
→ อติรุจ สิงหอำพล รับบท สัปเหร่อเหม

สัปเหร่อเหม ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับและพลังแห่งไสยศาสตร์ เขาเป็นผู้ที่ยืนอยู่ระหว่างโลกแห่งชีวิตและความตาย คอยควบคุมสมดุลของเหตุการณ์เหนือธรรมชาติในเรื่อง ผ่านการแสดงของอติรุจ สิงหอำพล เหมกลายเป็นตัวละครที่มีความน่าจดจำ ทั้งในแง่ของความสามารถและบุคลิกที่เย็นชาแต่แฝงด้วยความเมตตา ทำให้เขาเป็นส่วนสำคัญที่เติมเต็มความเข้มข้นของละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความลึกลับและน่าเกรงขาม สัปเหร่อเหมเป็นชายที่มีบุคลิกเงียบขรึมและลึกลับ เขามักปรากฏตัวในฉากที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว เช่น ป่าช้าหรือช่วงเวลาค่ำคืน ทำให้เขาเป็นตัวละครที่สร้างความรู้สึกตึงเครียดและน่าเกรงขามให้กับทั้งตัวละครในเรื่องและผู้ชม
ความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์ เหมมีความรู้และทักษะในด้านการปราบวิญญาณและการใช้คาถาอาคม เขาเป็นผู้ที่เข้าใจกฎแห่งกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างโลกแห่งความตายกับโลกแห่งชีวิต ซึ่งทำให้เขาเป็นเหมือน “ผู้พิทักษ์” ที่คอยควบคุมสถานการณ์เหนือธรรมชาติในเรื่อง
ความเย็นชาแต่มีเมตตาแฝงอยู่ แม้ภายนอกเหมจะดูเย็นชาและไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่ลึกๆ แล้วเขามีความเมตตาต่อวิญญาณและมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับความทุกข์จากกรรม เช่น การพยายามสะกดวิญญาณของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เพื่อให้สงบ
บทบาทในเรื่อง
ผู้ควบคุมโลกวิญญาณ สัปเหร่อเหมมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับวิญญาณร้ายที่ปรากฏในเรื่อง โดยเฉพาะวิญญาณของพุดจีบที่กลับมาแก้แค้น เขาใช้มีดอาคมและคาถาเพื่อสะกดวิญญาณและป้องกันไม่ให้เกิดความโกลาหลในเรือน
ตัวเชื่อมระหว่างตัวละคร เหมเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ระหว่าง แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) กับพลังเหนือธรรมชาติ เขายังมีส่วนช่วยให้ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) เข้าใจถึงความจริงบางอย่างในตอนท้าย
จุดเปลี่ยนของเรื่อง การที่เหมฝังสไบสีดอกตะแบกของพุดจีบไว้ใต้ต้นจำปาเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้วิญญาณพุดจีบสงบลงชั่วคราว แต่เมื่อสไบนั้นถูกขุดขึ้นมาโดย มะลิ เหมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการปลดปล่อยวิญญาณพุดจีบครั้งสุดท้าย
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้สังเกตการณ์สู่ผู้เผชิญหน้า ในช่วงแรก เหมปรากฏตัวเป็นเพียงสัปเหร่อที่ทำงานเงียบๆ ในป่าช้า แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เขาต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งของตัวละครหลักมากขึ้น โดยเฉพาะการต่อสู้กับวิญญาณพุดจีบที่ทรงพลัง
ความขัดแย้งในจิตใจ แม้เหมจะมีทักษะในการปราบวิญญาณ แต่บางครั้งเขาก็ดูเหมือนลังเลหรือรู้สึกเห็นใจต่อชะตากรรมของวิญญาณที่เขาเผชิญ เช่น การพยายามสะกดวิญญาณพุดจีบแทนการทำลายทิ้ง
อติรุจ สิงหอำพล ถ่ายทอดบทสัปเหร่อเหมด้วยภาพลักษณ์ที่ดูลึกลับและน่าค้นหา การแสดงของเขามีความนิ่งแต่ทรงพลัง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องร่ายคาถาหรือเผชิญหน้ากับวิญญาณ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความน่าสะพรึงกลัวและความตึงเครียดได้อย่างดีเยี่ยม น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและท่าทางที่สุขุมของเขาทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างจากตัวละครอื่น
→ สาวิตรี สามิภักดิ์ รับบท ป้าเมี้ยน

ป้าเมี้ยน ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นตัวแทนของความโหดร้ายและอคติในระบบทาส เธอเป็นผู้กดขี่ที่จุดชนวนความแค้นของแก้ว และในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับผลกรรมจากน้ำมือของคนที่เธอเคยเหยียดหยาม ผ่านการแสดงของสาวิตรี สามิภักดิ์ ป้าเมี้ยนกลายเป็นตัวละครที่มีสีสันและทรงพลัง สร้างทั้งความเกลียดชังและความสมเพชจากผู้ชมได้อย่างลงตัว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความเข้มงวดและกดขี่ ป้าเมี้ยนเป็นหญิงสูงวัยที่มีอำนาจในครัวของเรือน เธอปกครองลูกน้องด้วยความเข้มงวดและโหดร้าย มักใช้คำพูดรุนแรงและการลงโทษเพื่อควบคุมทาสและบ่าวในครัว โดยเฉพาะกับ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ที่เธอเกลียดชังอย่างมาก
ความจงรักภักดีต่อเจ้านาย ป้าเมี้ยนมีความภักดีต่อ คุณหลวงนฤเดช และ คุณเยื้อน อย่างสูง เธอมองว่าตัวเองมีหน้าที่ปกป้องเกียรติและความสงบเรียบร้อยของเรือน ทำให้เธอพร้อมทำทุกอย่างเพื่อรักษาความเป็นระเบียบตามที่เจ้านายต้องการ
ความอคติและริษยา เธอมีอคติต่อแก้วตั้งแต่รู้ว่าแก้วเป็นลูกของ อิ่ม ซึ่งเธอมองว่าเป็นทาสที่ “มักใหญ่ใฝ่สูง” ความอคตินี้ทำให้เธอปฏิบัติต่อแก้วด้วยความโหดร้ายและดูถูกเหยียดหยามอยู่เสมอ
บทบาทในเรื่อง
ผู้กดขี่และจุดชนวนความแค้น ป้าเมี้ยนเป็นหนึ่งในตัวละครที่จุดชนวนความแค้นของแก้วตั้งแต่ต้นเรื่อง การที่เธอไล่ตะเพิดและใส่ร้ายแก้วในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น กรณีที่แก้วช่วย พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) จากการตกน้ำ แต่ถูกป้าเมี้ยนกล่าวหาว่าผลัก ทำให้แก้วถูกโบยตีและถูกเนรเทศพร้อมแม่ สิ่งนี้กลายเป็นรากฐานของความเกลียดชังที่แก้วมีต่อเรือน
ตัวแทนของระบบทาส ป้าเมี้ยนสะท้อนถึงความโหดร้ายและการกดขี่ในระบบทาส เธอใช้สถานะของตัวเองในฐานะหัวหน้าแม่ครัวเพื่อข่มเหงคนที่ด้อยกว่า ซึ่งทำให้เห็นภาพของความไม่เท่าเทียมในสังคมสมัยนั้น
ตัวละครที่สร้างความขัดแย้ง การกระทำของป้าเมี้ยนมักนำไปสู่ความขัดแย้งในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับแก้ว หรือการยุยงให้คุณหลวงลงโทษคนอื่น เธอเป็นตัวละครที่ช่วยขับเคลื่อนความตึงเครียดในเรื่อง
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้มีอำนาจสู่ผู้สูญเสีย ในช่วงแรก ป้าเมี้ยนมีอำนาจในครัวและได้รับความไว้วางใจจากเจ้านาย แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป โดยเฉพาะหลังจากแก้วกลับมาและเริ่มมีอำนาจในเรือน สถานะของป้าเมี้ยนก็เริ่มสั่นคลอน เธอถูกแก้วตบตีและข่มเหงในตอนท้าย ซึ่งเป็นการพลิกบทบาทจากผู้กดขี่กลายเป็นผู้ถูกกดขี่
ความหวาดกลัวต่อวิญญาณ เมื่อวิญญาณของพุดจีบเริ่มอาละวาด ป้าเมี้ยนแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา เธอหวาดกลัวและพยายามปกป้องตัวเองด้วยการทำบุญ ซึ่งเผยให้เห็นว่าเธอไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอย่างที่แสดงออกในตอนแรก
สาวิตรี สามิภักดิ์ ถ่ายทอดบทป้าเมี้ยนด้วยการแสดงที่เข้มข้นและสมจริง เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่ดุดันในการแสดงถึงความโหดร้ายและอำนาจของป้าเมี้ยนได้อย่างน่าจดจำ โดยเฉพาะฉากที่ด่าแก้วหรือสั่งการลูกน้องในครัว ซึ่งทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเกลียดน่าชังในสายตาผู้ชม แต่ในขณะเดียวกัน การแสดงของเธอก็ยังแฝงความตลกขบขันแบบเสียดสีสังคมในบางจังหวะ ทำให้ป้าเมี้ยนเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารำคาญและน่าจับตามอง
→ กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท รับบท เรียม

เรียม ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี ความเมตตา และความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ในความอ่อนน้อม เธอเป็นบ่าวที่คอยปกป้องพุดจีบและรักษาความดีงามในเรือน แม้จะต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมมากมาย ผ่านการแสดงของกัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท เรียมกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าสงสาร เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นและความหวังให้กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความมืดมิดนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความจงรักภักดี เรียมเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทให้กับ คุณเยื้อน และ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เธอปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจและไม่เคยทรยศเจ้านาย แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ความอ่อนโยนและมีเมตตา เรียมมีจิตใจดีและมักแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่น โดยเฉพาะพุดจีบที่เธอเลี้ยงดูและอบรมมาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยปกป้องและให้คำแนะนำด้วยความรัก
ความกล้าหาญและมีสติ แม้จะเป็นเพียงบ่าว แต่เรียมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือพุดจีบจากอันตราย หรือการพยายามเตือนสติตัวละครอื่นเมื่อเกิดความขัดแย้ง
บทบาทในเรื่อง
ผู้ปกป้องพุดจีบ เรียมได้รับมอบหมายจากคุณเยื้อนให้ช่วยอบรมสั่งสอนพุดจีบให้เป็นคนดีตามคำทำนายของโหร เธอคอยดูแลพุดจีบอย่างใกล้ชิด และพยายามปกป้องเธอจากความโหดร้ายในเรือน โดยเฉพาะจาก แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์)
ตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เรียมเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงระหว่างพุดจีบกับตัวละครอื่นในเรือน เธอมักเป็นคนกลางที่พยายามไกล่เกลี่ยหรือส่งต่อข่าวสาร เช่น การแจ้งเหตุร้ายหรือช่วยเหลือในยามวิกฤต
พยานแห่งโศกนาฏกรรม เรียมเป็นผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งในเรื่อง เช่น การตายของพุดจีบ และการกระทำชั่วร้ายของแก้ว เธอเป็นตัวละครที่สะท้อนความรู้สึกของคนในเรือนต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวธรรมดาสู่ผู้มีบทบาทสำคัญ ในช่วงแรก เรียมปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่ทำงานตามคำสั่งของเจ้านาย แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เธอเริ่มมีบทบาทที่เด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นผู้ที่พยายามรักษาความดีงามในเรือนท่ามกลางความโกลาหล
ความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้น แม้จะต้องเผชิญกับความตายและวิญญาณร้ายที่อาละวาด เรียมยังคงยืนหยัดและพยายามช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่เธอร่วมกับ ป้าเจิม หว่านล้อมให้ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ฝังศพพุดจีบ ซึ่งแสดงถึงความมีสติและความรับผิดชอบ
กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท ถ่ายทอดบทเรียมด้วยความอ่อนโยนและน่าเชื่อถือ เธอแสดงถึงความเป็นบ่าวที่ทั้งนอบน้อมและเข้มแข็งได้อย่างลงตัว น้ำเสียงที่อบอุ่นและท่าทางที่แสดงถึงความห่วงใยทำให้เรียมเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเห็นอกเห็นใจ การแสดงของเธอช่วยเน้นย้ำถึงความเมตตาและความจงรักภักดีของเรียม โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียหรือความตึงเครียดในเรือน
→ วรรษพร วัฒนากุล รับบท อบ

อบ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นตัวแทนของความแค้นที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เธอเป็นผู้ที่จุดชนวนและสนับสนุนความชั่วร้ายของแก้ว แม้ว่าจะเริ่มต้นจากความเจ็บปวดที่แท้จริง แต่การเลือกเดินทางแห่งการแก้แค้นทำให้เธอต้องพบกับจุดจบที่น่าสลด ผ่านการแสดงของวรรษพร วัฒนากุล อบกลายเป็นตัวละครที่มีมิติ ทั้งในแง่ของความอ่อนแอและความโหดร้าย เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความเข้มข้นและความซับซ้อนของเรื่องราวในละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความแค้นฝังใจ อบเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความโกรธและความแค้นต่อครอบครัวคุณหลวง โดยเฉพาะ คุณหลวงนฤเดช และ คุณเยื้อน ที่ทำให้พี่สาวของเธออย่างอิ่มต้องตายอย่างน่าสลด ความเจ็บปวดจากการสูญเสียพี่สาวกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องการแก้แค้น
ความเจ้าเล่ห์และยุยง อบมีนิสัยเจ้าเล่ห์และชอบยุยงส่งเสริมให้แก้วกระทำการชั่วร้าย เธอมักปลูกฝังความเกลียดชังในตัวหลานสาว และสนับสนุนให้แก้วแย่งชิงทุกอย่างจาก พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เพื่อชดเชยความอยุติธรรมที่ครอบครัวของเธอเคยได้รับ
ความทะเยอทะยาน เช่นเดียวกับแก้ว อบมีความปรารถนาที่จะยกระดับตัวเองและครอบครัวจากสถานะทาส เธอเห็นโอกาสในความรักที่แก้วมีต่อ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) และพยายามผลักดันให้แก้วได้ครอบครองเขา เพื่อให้ครอบครัวของเธอมีที่ยืนในเรือน
บทบาทในเรื่อง
ผู้จุดชนวนความแค้นของแก้ว อบเป็นคนที่คอยเติมเชื้อไฟให้ความแค้นของแก้วลุกโชนยิ่งขึ้น เธอมักพูดย้ำถึงความอยุติธรรมที่อิ่มและแก้วได้รับ และกระตุ้นให้แก้วลงมือแก้แค้นครอบครัวคุณหลวง โดยเฉพาะในฉากที่ยุให้แก้วแย่งเทพจากพุดจีบ
ผู้สมรู้ร่วมคิด อบมีส่วนร่วมในแผนการร้ายของแก้วหลายครั้ง เช่น การช่วยล่อลวงพุดจีบให้ตกอยู่ในอันตราย หรือการสนับสนุนให้แก้วกำจัดศัตรู เธอเป็นเหมือนที่ปรึกษาคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของแก้ว
ตัวแทนของความชั่วร้ายที่ถูกมองข้าม แม้ว่าอบจะไม่ใช่ตัวละครหลักที่ลงมือทำร้ายผู้อื่นโดยตรง แต่เธอก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโศกนาฏกรรมในเรื่อง การกระทำของเธอสะท้อนถึงความแค้นที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้สูญเสียสู่ผู้แก้แค้น ในช่วงแรก อบปรากฏตัวในฐานะน้องสาวของอิ่มที่โศกเศร้ากับการตายของพี่สาว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอค่อยๆ เผยด้านที่มืดมนและเต็มไปด้วยความอาฆาต เธอกลายเป็นคนที่ไม่ลังเลที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อสนองความแค้นของตัวเอง
ความล้มเหลวในตอนท้าย ในช่วงท้ายเรื่อง อบต้องเผชิญกับผลของการกระทำของเธอ เมื่อแก้วหักหลังเธอและส่งเธอไปบำเรอ สัปเหร่อเหม (รับบทโดย อติรุจ สิงหอำพล) เพื่อแลกกับยาเสน่ห์ สุดท้ายเธอถูกแก้วฆ่าตายในกองเพลิงพร้อมสัปเหร่อ ซึ่งเป็นจุดจบที่สะท้อนถึงผลกรรมที่เธอก่อไว้
วรรษพร วัฒนากุล ถ่ายทอดบทอบด้วยการแสดงที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์ เธอแสดงถึงความเจ็บปวดและความแค้นของอบได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในฉากที่พูดถึงการตายของอิ่ม ซึ่งทำให้ผู้ชมเข้าใจที่มาของความเกลียดชังของเธอ ในขณะเดียวกัน เธอก็แสดงด้านที่เจ้าเล่ห์และร้ายกาจได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้อบเป็นตัวละครที่ทั้งน่าสงสารและน่ารังเกียจในเวลาเดียวกัน
→ ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ รับบท ชด

ชด ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นตัวแทนของความอิจฉา ความหยิ่งยโส และความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ในคนที่ดูแข็งกร้าว เธอเป็นลูกสาวของป้าเมี้ยนที่ช่วยเพิ่มความขัดแย้งและสีสันให้กับเรื่องราว ผ่านการแสดงของณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ ชดกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารังเกียจและน่าสงสาร เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของกลุ่มตัวละครในเรือนคหบดีแห่งนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความหยิ่งยโสและอิจฉา ชดมีนิสัยหยิ่งผยองและมักดูถูกคนที่มีสถานะต่ำกว่า โดยเฉพาะ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ที่เธอเกลียดชังเพราะอิจฉาความสัมพันธ์ของแก้วกับหนุ่มๆ ในเรือน เธอมักแสดงออกถึงความรู้สึกเหนือกว่าด้วยคำพูดและท่าทางที่เย่อหยิ่ง
ความเจ้าชู้และหลงใหลในผู้ชาย ชดเป็นสาวที่ชอบมองหาความรักและความสนใจจากผู้ชายในเรือน ไม่ว่าจะเป็น ไอ้ทับ หรือ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) เธอมักแสดงออกถึงความอยากได้และพยายามยั่วยวนเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
ความขี้ขลาดและเห็นแก่ตัว แม้ชดจะดูแข็งกร้าวในบางครั้ง แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์อันตราย เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ เธอกลับแสดงความขี้ขลาดและมักหนีเอาตัวรอด โดยไม่สนใจคนอื่น
บทบาทในเรื่อง
ผู้ช่วยของป้าเมี้ยน ชดเป็นลูกสาวของป้าเมี้ยน หัวหน้าแม่ครัวในเรือน เธอมักช่วยแม่ในการกดขี่และสั่งการบ่าวในครัว โดยเฉพาะการรังแกแก้ว เธอเป็นเหมือนแขนขวาของป้าเมี้ยนในการรักษาอำนาจในครัว
ตัวสร้างความขัดแย้ง ความอิจฉาและความเจ้าชู้ของชดนำไปสู่ความขัดแย้งในหมู่บ่าวไพร่ เช่น การตบตีกับแก้วเมื่อเห็นแก้วเข้าใกล้หนุ่มที่เธอหมายปอง หรือการยุให้ป้าเมี้ยนลงโทษแก้วหนักขึ้น
พยานแห่งความโกลาหล ชดเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในเรื่อง เช่น การตายของ มิ่ง และการอาละวาดของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เธอมักแสดงปฏิกิริยาที่ตื่นตระหนกและช่วยเน้นย้ำความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์
พัฒนาการของตัวละคร
จากความมั่นใจสู่ความหวาดกลัว ในช่วงแรก ชดปรากฏตัวด้วยความมั่นใจในสถานะลูกสาวของป้าเมี้ยน เธอใช้ความเย่อหยิ่งในการข่มคนอื่น แต่เมื่อเรือนเริ่มเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น การตายของมิ่งและการกลับมาของวิญญาณพุดจีบ เธอค่อยๆ เสียความมั่นใจและกลายเป็นคนที่หวาดกลัวและอ่อนแอ
ความหลงใหลที่นำไปสู่ความเสียใจ ชดมีความรู้สึกดีๆ ต่อมิ่งและหวังที่จะได้เขาเป็นคู่ครอง แต่เมื่อมิ่งตาย เธอก็ร้องไห้เสียใจและทำบุญอุทิศให้ ซึ่งแสดงถึงด้านที่อ่อนไหวของเธอที่ซ่อนอยู่ใต้ความหยิ่งยโส
ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์ ถ่ายทอดบทชดด้วยการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังและสีสัน เธอแสดงถึงความหยิ่งผยองและความเจ้าชู้ของชดได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในฉากที่ต้องปะทะคารมหรือตบตีกับแก้ว ซึ่งทำให้ชดเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารำคาญและน่าขบขันในบางจังหวะ ในขณะเดียวกัน เธอก็แสดงถึงความอ่อนแอและความกลัวในฉากที่เผชิญหน้ากับวิญญาณได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้ชดเป็นตัวละครที่มีมิติและน่าจดจำ
→ รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ รับบท คุณหลวงนฤเดช

คุณหลวงนฤเดช ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความเห็นแก่ตัว และบาปที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมของครอบครัวและคนรอบข้าง เขาเป็นต้นตอของความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อทุกตัวละครในเรื่อง ผ่านการแสดงของรัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ คุณหลวงนฤเดชกลายเป็นตัวละครที่มีมิติ ทั้งในแง่ของความเข้มงวดที่น่ากลัวและความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้เข้มข้นและน่าติดตาม
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความเข้มงวดและเผด็จการ คุณหลวงนฤเดชเป็นชายที่มีอำนาจสูงสุดในเรือน เขามีบุคลิกที่เข้มงวดและเด็ดขาดในการปกครองทั้งครอบครัวและบ่าวไพร่ เขามักใช้ความรุนแรง เช่น การสั่งโบยตีทาส เพื่อรักษาความเป็นระเบียบและเกียรติยศของตระกูล
ความหลงตัวเองและเห็นแก่เกียรติ เขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลมากกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งทำให้เขามักตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น เช่น การปฏิเสธความสัมพันธ์ของ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) กับ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เพราะมองว่าเทพเป็นเพียงทาส
ความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ แม้ภายนอกจะดูแข็งกร้าว แต่คุณหลวงมีความอ่อนแอในจิตใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความผิดบาปที่ตัวเองก่อไว้ เช่น การข่มขืน อิ่ม ซึ่งนำไปสู่การเกิดของ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์)
บทบาทในเรื่อง
ต้นตอของโศกนาฏกรรม คุณหลวงนฤเดชเป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้งทั้งหมดในเรื่อง ด้วยการกระทำบาปในอดีตที่ข่มขืนอิ่มจนเกิดแก้ว และการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อลูกสาวนอกสมรสคนนี้ ทำให้เกิดความแค้นที่ส่งต่อมาถึงรุ่นลูกอย่างพุดจีบและแก้ว
ผู้นำครอบครัวที่ล้มเหลว เขาเป็นพ่อของพุดจีบและสามีของ คุณเยื้อน แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและความเห็นแก่ตัวของเขานำไปสู่ความแตกสลายของครอบครัว เช่น การยิงตัวตายเมื่อสูญเสียคุณเยื้อน ซึ่งทิ้งพุดจีบไว้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
ตัวแทนของระบบทาส คุณหลวงสะท้อนถึงความโหดร้ายและอำนาจนิยมในระบบทาสสมัยนั้น เขาใช้ทาสในเรือนอย่างไม่เห็นคุณค่า และมองว่าพวกเขาควรอยู่ใต้การควบคุมของเจ้านายเท่านั้น
พัฒนาการของตัวละคร
จากความมั่นใจสู่ความสิ้นหวัง ในช่วงแรก คุณหลวงนฤเดชปรากฏตัวในฐานะชายที่มั่นใจในอำนาจและสถานะของตัวเอง เขาไม่เชื่อคำทำนายของโหรที่ว่าพุดจีบจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูล แต่เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตายของ คุณเยื้อน เขาก็เริ่มสูญเสียความมั่นคงในจิตใจ
การเผชิญหน้ากับบาป ความรู้สึกผิดที่ซ่อนอยู่ในใจเริ่มปรากฏชัดเมื่อเขาเผชิญหน้ากับแก้ว ซึ่งเรียกเขาว่า “พ่อ” และการตายของอิ่มที่เขาเป็นคนสั่งลงโทษ สุดท้าย เขาเลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการยิงตัวตาย ซึ่งเป็นการหนีจากความรับผิดชอบและความเจ็บปวดที่ทนไม่ไหว
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ ถ่ายทอดบทคุณหลวงนฤเดชด้วยการแสดงที่ทรงพลังและน่าเกรงขาม เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่ดุดันเพื่อแสดงถึงความเผด็จการและอำนาจของตัวละครนี้ได้อย่างสมจริง ในขณะเดียวกัน เขาก็แสดงถึงความเปราะบางและความรู้สึกผิดในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับผลของการกระทำของตัวเอง เช่น ฉากที่ชะงักเมื่อแก้วเรียกเขาว่า “พ่อ” หรือฉากสุดท้ายที่ยิงตัวตาย การแสดงของเขาทำให้คุณหลวงนฤเดชเป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกลียดชังและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
→ มัณฑนา หิมะทองคำ รับบท คุณเยื้อน

คุณเยื้อน ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักของแม่ที่ถูกบดบังด้วยความหวาดกลัวและความโหดร้าย เธอเป็นทั้งผู้ปกป้องและผู้มีส่วนในโศกนาฏกรรมของครอบครัว การตัดสินใจที่ผิดพลาดของเธอส่งผลให้เกิดวงจรแห่งความแค้นที่ไม่อาจหยุดยั้ง ผ่านการแสดงของมัณฑนา หิมะทองคำ คุณเยื้อนกลายเป็นตัวละครที่มีมิติ ทั้งในแง่ของความอ่อนแอและความแข็งกร้าว เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวให้เข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความอ่อนโยนและรักลูก คุณเยื้อนเป็นหญิงที่อ่อนหวานและเปี่ยมด้วยความรักต่อพุดจีบ เธอแสดงความห่วงใยต่อลูกสาวอย่างชัดเจน และพยายามปกป้องพุดจีบจากอันตรายทั้งในและนอกเรือน
ความหวาดระแวงและเคร่งศาสนา คุณเยื้อนมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับคำทำนายของโหรที่ว่าพุดจีบจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูล เธอจึงหมกมุ่นกับการทำบุญและการสวดมนต์เพื่อขอพรให้ครอบครัวปลอดภัย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อในศาสนาและความกลัวที่ฝังลึกในใจ
ความขัดแย้งในจิตใจ แม้จะรักครอบครัว แต่คุณเยื้อนมีความโหดร้ายที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะต่อ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และ อิ่ม ซึ่งเธอมองว่าเป็นภัยต่อเกียรติของตระกูล เธอมีส่วนในการสั่งเนรเทศอิ่มและแก้ว ซึ่งนำไปสู่การตายของอิ่ม
บทบาทในเรื่อง
แม่ผู้ปกป้อง คุณเยื้อนเป็นแม่ที่พยายามปกป้องพุดจีบจากคำทำนายและความโหดร้ายในเรือน เธอมอบหมายให้ ป้าเจิม และ เรียม (รับบทโดย กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท) อบรมพุดจีบให้เป็นคนดี และคอยระวังภัยจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะแก้วที่เธอไม่ไว้วางใจ
ผู้มีส่วนในโศกนาฏกรรม การตัดสินใจของคุณเยื้อนที่สนับสนุนการลงโทษอิ่มและแก้วกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัว เธอไม่ยอมให้คุณหลวงช่วยเหลืออิ่มเมื่อเธอป่วย ซึ่งนำไปสู่การตายของอิ่มและความเกลียดชังของแก้ว
เหยื่อแห่งกรรม ในตอนท้าย คุณเยื้อนต้องเผชิญกับผลของการกระทำของเธอและคุณหลวง เธอถูกแก้วและ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) จับตัวไปฝังทั้งเป็นในป่าช้า ซึ่งเป็นการตายที่น่าสยดสยองและสะท้อนถึงกรรมที่เธอมีส่วนก่อไว้
พัฒนาการของตัวละคร
จากความหวังสู่ความสิ้นหวัง ในช่วงแรก คุณเยื้อนปรากฏตัวในฐานะหญิงที่เต็มไปด้วยความหวังในการคลอดพุดจีบและการรักษาครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่เมื่อเผชิญกับความขัดแย้งในเรือนและคำทำนาย เธอกลายเป็นคนที่หวาดกลัวและสิ้นหวังมากขึ้น
การเผชิญหน้ากับความจริง คุณเยื้อนเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองเมื่อเห็นผลกระทบจากความโหดร้ายที่เธอมีส่วนร่วม เช่น การตายของพุดจีบครั้งแรก และการสูญเสียสามีที่ยิงตัวตาย สุดท้ายเธอต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองในหลุมฝังศพ
มัณฑนา หิมะทองคำ ถ่ายทอดบทคุณเยื้อนด้วยการแสดงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และความลึกซึ้ง เธอแสดงถึงความอ่อนโยนของแม่ที่รักลูกได้อย่างน่าประทับใจ ขณะเดียวกันก็เผยถึงความโหดร้ายและความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณเยื้อนได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายของตัวเอง ซึ่งเธอถ่ายทอดความสิ้นหวังและความกลัวออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ
→ ศิรประภา สุขดำรงค์ รับบท ป้าเจิม

ป้าเจิม ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี ความเมตตา และความดีงาม เธอเป็นบ่าวที่คอยดูแลพุดจีบและรักษาคุณธรรมในเรือน แม้จะต้องเผชิญกับความโกลาหลและโศกนาฏกรรม ผ่านการแสดงของศิรประภา สุขดำรงค์ ป้าเจิมกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่ายกย่อง เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นและความหวังให้กับละครเรื่องนี้ท่ามกลางความมืดมิดของเรื่องราว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความจงรักภักดี ป้าเจิมเป็นบ่าวที่อุทิศตนให้กับครอบครัวคุณหลวง โดยเฉพาะ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) และ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เธอปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และไม่เคยทรยศเจ้านาย
ความเคร่งศาสนาและเมตตา ป้าเจิมเป็นคนที่ยึดมั่นในศาสนาพุทธ เธอมักสวดมนต์และนำคำสอนทางพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการอบรมพุดจีบให้เป็นคนดี ความเมตตาของเธอแสดงออกผ่านการดูแลพุดจีบเหมือนลูกแท้ๆ
ความนิ่งและมีสติ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่โกลาหลหรือน่าสะพรึงกลัว เช่น การอาละวาดของวิญญาณ ป้าเจิมยังคงรักษาความสงบและพยายามหาทางแก้ไขด้วยสติและความเชื่อของเธอ
บทบาทในเรื่อง
ผู้เลี้ยงดูและอบรมพุดจีบ ป้าเจิมได้รับมอบหมายจากคุณเยื้อนให้ช่วยเลี้ยงดูและอบรมพุดจีบให้เติบโตเป็นคนดีตามคำทำนายของโหร เธอพาพุดจีบไปวัด ฟังธรรม และสอนให้ยึดมั่นในคุณธรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้พุดจีบกลายเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม
ผู้ปลอบประโลมและให้สติ ป้าเจิมเป็นตัวละครที่คอยปลอบโยนและให้คำแนะนำแก่คนในเรือน โดยเฉพาะในยามวิกฤต เช่น การหว่านล้อม เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ให้ยอมรับความตายของพุดจีบและฝังศพตามพิธี
สัญลักษณ์ของความดี ในเรื่องที่เต็มไปด้วยความแค้นและโศกนาฏกรรม ป้าเจิมเป็นตัวแทนของความดีงามและความหวัง เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวละครที่ยึดมั่นในศีลธรรมและพยายามรักษาความสงบในเรือน
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวธรรมดาสู่ผู้มีบทบาททางจิตวิญญาณ ในช่วงแรก ป้าเจิมปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่สวดมนต์ขอพรให้คุณเยื้อนคลอดลูกอย่างปลอดภัย แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เธอกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงมิติทางจิตวิญญาณ เช่น การรับรู้ถึงความตายและการช่วยจัดการกับศพของพุดจีบ
ความเข้มแข็งท่ามกลางความสูญเสีย ป้าเจิมต้องเผชิญหน้ากับความตายของคนในเรือนหลายครั้ง แต่เธอยังคงยืนหยัดและรักษาความดีงามไว้ได้ ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ซ่อนอยู่ในความนิ่งเงียบของเธอ
ศิรประภา สุขดำรงค์ ถ่ายทอดบทป้าเจิมด้วยการแสดงที่อบอุ่นและน่าเชื่อถือ เธอใช้ท่าทางที่นิ่งสงบและน้ำเสียงที่อ่อนโยนในการแสดงถึงความเมตตาและความเคร่งศาสนาของป้าเจิมได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่สวดมนต์หรือปลอบโยนผู้อื่น ซึ่งทำให้ป้าเจิมเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและให้ความเคารพ การแสดงของเธอช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทของป้าเจิมในฐานะแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของเรื่องราว
→ พงษธัช รัตนเศรณี รับบท ไอ้ทับ

ไอ้ทับ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความดิบเถื่อน ความเจ้าชู้ และความภักดีที่เปลี่ยนแปลงได้ เขาเริ่มต้นในฐานะทาสที่ดูธรรมดา แต่ค่อยๆ กลายเป็นผู้ร่วมก่อโศกนาฏกรรมในเรื่อง ผ่านการแสดงของพงษธัช รัตนเศรณี ไอ้ทับกลายเป็นตัวละครที่มีสีสันและน่าจดจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและความขัดแย้งในหมู่ตัวละครทาสของเรือนคหบดีแห่งนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความกำยำและหยาบคาย ไอ้ทับเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรงและบุคลิกหยาบกระด้าง เขามักพูดจาและแสดงท่าทางที่แสดงถึงความเป็นลูกผู้ชายแบบดิบๆ ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตของทาสที่ต้องดิ้นรนในเรือน
ความเจ้าชู้และหึงหวง ไอ้ทับมีความสนใจในผู้หญิงหลายคน โดยเฉพาะ ชด (รับบทโดย ณัฏฐกันย์ อัมพรพงษ์) ลูกสาวของ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) และ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) เขามีนิสัยหึงหวงและมักแสดงความไม่พอใจเมื่อเห็นคนที่เขาชอบเข้าใกล้ชายอื่น
ความภักดีที่เปลี่ยนแปลงได้ ในตอนแรก ไอ้ทับดูเหมือนจะจงรักภักดีต่อคุณหลวงและเรือน แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อเขาเริ่มสนิทกับ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) เขาก็พร้อมที่จะทรยศและหันไปร่วมมือกับแก้วเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
บทบาทในเรื่อง
ทาสนักสู้ ไอ้ทับเป็นทาสที่มีความสามารถในการต่อสู้ เขามักถูกมองว่าเป็นคนที่มีพลังและพร้อมปกป้องเรือน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็ใช้ความสามารถนี้ในทางที่ผิด เช่น การช่วยแก้วและมิ่งในแผนร้าย
ตัวสร้างความขัดแย้ง ความเจ้าชู้และความหึงหวงของไอ้ทับนำไปสู่การปะทะกับตัวละครอื่น เช่น การต่อสู้กับมิ่งเมื่อเห็นแก้วเข้าใกล้เขา หรือการทะเลาะกับชดเมื่อเธอเปลี่ยนใจไปชอบมิ่ง ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดในหมู่ทาส
ผู้สมรู้ร่วมคิดในตอนท้าย ไอ้ทับมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การช่วยมิ่งและแก้วจับตัว คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) ไปฝังทั้งเป็น และการฆ่า กำไล กับ แฟง โดยการถ่วงน้ำ ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนจากทาสธรรมดาเป็นผู้ร่วมก่ออาชญากรรม
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสธรรมดาสู่ผู้ทรยศ ในช่วงแรก ไอ้ทับเป็นเพียงทาสที่ทำงานรับใช้ในเรือนและดูเหมือนจะไม่มีบทบาทมากนัก แต่เมื่อเขาเริ่มมีความสัมพันธ์กับมิ่งและแก้ว เขาก็ค่อยๆ เผยด้านที่เห็นแก่ตัวและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์
จุดจบที่สะท้อนกรรม ในตอนท้าย ไอ้ทับต้องเผชิญกับผลของการกระทำ เมื่อเขาถูกวิญญาณของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เล่นงานจนตายอย่างน่าสยดสยอง ซึ่งเป็นการปิดฉากชีวิตที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการทรยศ
พงษธัช รัตนเศรณี ถ่ายทอดบทไอ้ทับด้วยการแสดงที่ดิบและทรงพลัง เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่หยาบคายเพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นทาสหนุ่มที่แข็งกร้าวและเจ้าชู้ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่ต้องต่อสู้หรือแสดงความหึงหวง ซึ่งทำให้ไอ้ทับเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าสนใจ การแสดงของเขายังช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวละครนี้ โดยเผยให้เห็นความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ใต้ความแข็งกร้าวในบางจังหวะ
→ เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง รับบท ไอ้อยู่

ไอ้อยู่ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและความอ่อนน้อมของทาสในระบบเก่า เขาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้านายโดยไม่ตั้งคำถาม และเป็นพยานที่สะท้อนความโกลาหลในเรือน ผ่านการแสดงของเฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง ไอ้อยู่กลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีส่วนช่วยเติมเต็มภาพรวมของเรื่องราว โดยเฉพาะการแสดงถึงชีวิตของทาสที่ต้องอยู่อย่างกดดันและหวาดกลัวท่ามกลางโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นรอบตัว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ไอ้อยู่เป็นทาสที่มีความซื่อสัตย์ต่อ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) เขามักปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่ลังเล แม้ว่าจะเป็นคำสั่งที่โหดร้าย เช่น การลงโทษทาสคนอื่น
ความเงียบขรึมและนอบน้อม ไอ้อยู่มีบุคลิกที่เงียบขรึมและไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น เขามักทำตามคำสั่งโดยไม่โต้แย้ง ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตของทาสที่ต้องยอมจำนนต่อเจ้านาย
ความกลัวและความกดดัน แม้จะดูแข็งแกร่งในฐานะทาสที่รับใช้เจ้านาย แต่ไอ้อยู่ก็มีความกลัวซ่อนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ ซึ่งทำให้เขาแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา
บทบาทในเรื่อง
ผู้ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้านาย ไอ้อยู่เป็นหนึ่งในทาสที่คุณหลวงและคุณเยื้อนไว้วางใจให้ทำงานสำคัญ เช่น การแจ้งข่าวร้าย (เช่น การตายของ คุณย้อย และ คุณอัฐ) หรือการลงโทษทาสตามคำสั่ง เขามักร่วมมือกับ ไอ้ฉ่ำ ในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้
พยานแห่งเหตุการณ์ ไอ้อยู่เป็นตัวละครที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในเรือนหลายครั้ง เช่น การตายของพุดจีบ และการอาละวาดของวิญญาณ เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเน้นย้ำความโกลาหลและความน่าสะพรึงกลัวของเรื่องราว
ตัวแทนของทาสทั่วไป ไอ้อยู่สะท้อนถึงชีวิตของทาสที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ เขาเป็นเพียงเครื่องมือของเจ้านาย และไม่มีส่วนในการขับเคลื่อนความขัดแย้งหลักของเรื่อง
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสธรรมดาสู่ผู้เผชิญวิกฤต ในช่วงแรก ไอ้อยู่ปรากฏตัวในฐานะทาสที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเรือนเริ่มเผชิญกับโศกนาฏกรรมและเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เขาก็มีบทบาทที่เด่นชัดขึ้น เช่น การไปนิมนต์ หลวงปู่ มาช่วยจัดการกับศพของพุดจีบ ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น
ความกลัวที่ชัดเจนขึ้น เมื่อวิญญาณของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เริ่มอาละวาด ไอ้อยู่แสดงความกลัวและความลังเลมากขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอย่างที่เห็นในตอนแรก
เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง ถ่ายทอดบทไอ้อยู่ด้วยการแสดงที่เรียบง่ายแต่สมจริง เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่นอบน้อมเพื่อแสดงถึงความเป็นทาสที่ยอมจำนนต่อเจ้านายได้อย่างชัดเจน ในฉากที่ต้องเผชิญกับความกลัว เช่น การเห็นวิญญาณ เขาก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ไอ้อยู่เป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและสมจริงในฐานะทาสที่ไม่มีทางเลือก
→ กิ๊ฟ ชวนชื่น รับบท ไอ้ฉ่ำ

ไอ้ฉ่ำ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและความเงียบขรึมของทาสที่ไร้เดียงสา เขาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้านายโดยไม่ตั้งคำถาม และเป็นพยานที่สะท้อนความโกลาหลในเรือน ผ่านการแสดงของกิ๊ฟ ชวนชื่น ไอ้ฉ่ำกลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีส่วนช่วยเติมเต็มภาพรวมของกลุ่มทาสในเรื่อง โดยเฉพาะการแสดงถึงชีวิตของผู้ที่ต้องอยู่อย่างจำยอมท่ามกลางโศกนาฏกรรมและความน่าสะพรึงกลัวรอบตัว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขยันและจงรักภักดี ไอ้ฉ่ำเป็นทาสที่ซื่อสัตย์และทำงานหนักเพื่อรับใช้ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) เขามักปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน และดูเป็นคนที่ทุ่มเทกับหน้าที่
ความเงียบขรึมและจริงจัง ไอ้ฉ่ำมีบุคลิกที่เงียบขรึมและไม่ค่อยพูดมาก เขามักแสดงออกผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด ซึ่งทำให้เขาแตกต่างจากทาสบางคนที่มีนิสัยฉูดฉาดหรือเจ้าชู้อย่าง ไอ้ทับ (รับบทโดย พงษธัช รัตนเศรณี)
ความกลัวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับทาสคนอื่นๆ ไอ้ฉ่ำมีความกลัวต่อวิญญาณและเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในเรือน ซึ่งแสดงถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่หวาดกลัวสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
บทบาทในเรื่อง
ผู้ช่วยงานในเรือน ไอ้ฉ่ำมักทำงานร่วมกับ ไอ้อยู่ (รับบทโดย เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง) ในการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย เช่น การลงโทษทาสตามคำสั่งของคุณหลวง หรือการจัดการงานหนักในเรือน เขาเป็นทาสที่ไว้ใจได้ในสายตาของเจ้านาย
พยานแห่งโศกนาฏกรรม ไอ้ฉ่ำเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในเรื่อง เช่น การตายของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) และการอาละวาดของวิญญาณ เขามักมีปฏิกิริยาที่ตอกย้ำความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์เหล่านั้น
ตัวแทนของทาสที่ไร้เดียงสา ไอ้ฉ่ำไม่ได้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งหลักของเรื่อง หรือการทรยศเหมือนทาสบางคนอย่างไอ้ทับ เขาเป็นเพียงทาสที่ทำตามคำสั่ง และไม่มีเจตนาร้ายต่อผู้อื่น
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก ไอ้ฉ่ำเป็นทาสที่ทำงานอย่างเงียบๆ และไม่ค่อยมีบทบาทเด่น แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปสู่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณพุดจีบ เขาก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกออกมา ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่อ่อนแอของเขา
การยึดมั่นในหน้าที่ แม้จะเผชิญกับความโกลาหลในเรือน ไอ้ฉ่ำยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป โดยไม่เปลี่ยนแปลงหรือทรยศเจ้านาย ซึ่งแสดงถึงความซื่อสัตย์ที่มั่นคงของเขา
กิ๊ฟ ชวนชื่น ถ่ายทอดบทไอ้ฉ่ำด้วยการแสดงที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ เธอใช้ท่าทางที่เงียบขรึมและน้ำเสียงที่หนักแน่นเพื่อแสดงถึงความเป็นทาสที่จงรักภักดีและจริงจังกับงานได้อย่างเหมาะสม ในฉากที่ต้องเผชิญกับความกลัว เธอก็แสดงอารมณ์ตื่นตระหนกออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ไอ้ฉ่ำเป็นตัวละครที่ดูน่าเชื่อถือและน่าสงสารในฐานะทาสที่ต้องอยู่อย่างกดดัน
→ รตวรรณ ออมไธสง รับบท นางบวบ

นางบวบ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความเรียบง่าย ความขี้กลัว และความซื่อสัตย์ของบ่าวในเรือน เธอเป็นตัวละครประกอบที่ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและเพิ่มความสมจริงให้กับชีวิตของผู้คนชั้นล่าง ผ่านการแสดงของรตวรรณ ออมไธสง นางบวบกลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ทั้งน่าสงสารและน่าขบขัน เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความหลากหลายของตัวละครในละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขี้กลัวและตื่นตระหนก นางบวบมีนิสัยขี้กลัวและมักแสดงปฏิกิริยาตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่ผิดปกติ โดยเฉพาะเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่น การเห็นวิญญาณหรือการได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวละครที่ช่วยขยายความน่าสะพรึงกลัวของบรรยากาศในเรื่อง
ความซื่อสัตย์และเรียบง่าย นางบวบเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและทำงานตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน เธอมีบุคลิกที่เรียบง่าย ไม่เจ้าเล่ห์หรือมีความทะเยอทะยานเหมือนตัวละครบางตัว
ความขี้สงสัยและพูดมาก นางบวบชอบซักถามและพูดถึงสิ่งที่เธอเห็นหรือได้ยิน มักเล่าเรื่องราวในเรือนให้คนอื่นฟัง ซึ่งบางครั้งทำให้เธอดูเป็นคนขี้เม้าท์ แต่ก็ช่วยเผยข้อมูลบางอย่างในเรื่อง
บทบาทในเรื่อง
บ่าวในครัว นางบวบทำงานในครัวของเรือนภายใต้การดูแลของ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) เธอมักถูกสั่งให้ทำหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ เช่น เตรียมอาหารหรือช่วยงานในครัว และบางครั้งก็ถูกป้าเมี้ยนดุด่าเมื่อทำงานผิดพลาด
ผู้ถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัว นางบวบเป็นตัวละครที่มักเจอหรือได้ยินเหตุการณ์ลึกลับในเรือน เช่น เสียงแปลกๆ หรือเงาของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) การตื่นกลัวและเล่าเรื่องของเธอช่วยเน้นย้ำบรรยากาศน่ากลัวของเรื่อง
ตัวละครประกอบที่เพิ่มสีสัน แม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของนางบวบในฉากต่างๆ ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับชีวิตของบ่าวไพร่ในเรือน และบางครั้งก็สร้างอารมณ์ขันจากความตื่นตระหนกของเธอ
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวธรรมดาสู่ผู้หวาดกลัว ในช่วงแรก นางบวบปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่ทำงานเงียบๆ ในครัว แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปและเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เธอก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกมากขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่เปราะบางของเธอ
การปรับตัวกับความโกลาหล แม้จะกลัว แต่ในบางฉาก นางบวบก็พยายามอยู่ร่วมกับคนอื่นในเรือนเพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ เช่น การร่วมทำบุญหรือหนีจากวิญญาณ ซึ่งแสดงถึงความพยายามเอาตัวรอดของเธอ
รตวรรณ ออมไธสง ถ่ายทอดบทนางบวบด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกในการแสดงถึงความขี้กลัวของนางบวบได้อย่างน่าจดจำ โดยเฉพาะในฉากที่ต้องวิ่งหนีหรือร้องกรี๊ดเมื่อเจอสิ่งลึกลับ การแสดงของเธอช่วยเพิ่มทั้งความตึงเครียดและความขบขันให้กับเรื่องราว ทำให้ตัวละครนี้เป็นที่จดจำในฐานะบ่าวขี้กลัวที่สร้างสีสัน
→ เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม รับบท นางดี

นางดี ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความขยัน และความขี้กลัวของบ่าวในเรือน เธอเป็นตัวละครประกอบที่ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและเพิ่มมิติให้กับชีวิตของผู้คนชั้นล่าง ผ่านการแสดงของเห็ดเผาะ เชิญยิ้ม นางดีกลายเป็นตัวละครที่ทั้งน่าจดจำและน่าสงสาร เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของกลุ่มบ่าวไพร่ในละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขยันและซื่อสัตย์ นางดีเป็นบ่าวที่ทำงานหนักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย เธอมักปฏิบัติตามคำสั่งของ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) หัวหน้าแม่ครัว และไม่เคยแสดงพฤติกรรมทรยศหรือขัดขืน
ความขี้กลัวและตื่นตระหนก เช่นเดียวกับ นางบวบ (รับบทโดย รตวรรณ ออมไธสง) นางดีมีนิสัยขี้กลัว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ลึกลับหรือน่าสะพรึงกลัว เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เธอมักแสดงอาการหวาดกลัวอย่างชัดเจน
ความเรียบง่ายและเป็นมิตร นางดีมีบุคลิกที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับบ่าวคนอื่นๆ เธอไม่มีความทะเยอทะยานหรือเจตนาร้ายต่อผู้อื่น ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวละครที่ดูน่ารักและน่าสงสารในสายตาผู้ชม
บทบาทในเรื่อง
บ่าวในครัว นางดีทำงานในครัวของเรือนภายใต้การควบคุมของป้าเมี้ยน เธอมักช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น เตรียมอาหารหรือทำความสะอาด และบางครั้งก็ถูกป้าเมี้ยนดุด่าหรือสั่งให้ทำหน้าที่เพิ่มเติม
ผู้ถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัว นางดีเป็นตัวละครที่มักเจอหรือได้ยินเหตุการณ์แปลกๆ ในเรือน เช่น เสียงฝีเท้าในยามค่ำคืน หรือการเห็นเงาของวิญญาณ การตื่นกลัวของเธอช่วยขยายความน่าสะพรึงกลัวของเรื่องราว และทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความตึงเครียดของสถานการณ์
ตัวละครประกอบที่เพิ่มมิติ แม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของนางดีในฉากต่างๆ ช่วยสร้างภาพชีวิตของบ่าวในเรือนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เธอเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทาสที่สะท้อนถึงความยากลำบากและความกลัวในชีวิตประจำวัน
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก นางดีปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่ทำงานเงียบๆ และไม่มีบทบาทเด่น แต่เมื่อเรื่องราวเข้าสู่ช่วงที่มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เธอก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกมากขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่เปราะบางของเธอ
การยึดมั่นในหน้าที่ แม้จะกลัววิญญาณหรือเหตุการณ์ร้ายๆ ในเรือน นางดียังคงอยู่และทำงานต่อไป โดยไม่หนีหรือละทิ้งหน้าที่ ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบของเธอในฐานะบ่าว
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม ถ่ายทอดบทนางดีด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง เขาใช้ท่าทางที่ตื่นตระหนกและน้ำเสียงที่แสดงถึงความกลัวได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญกับสิ่งลึกลับ ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความน่าสะพรึงกลัวและความขบขันเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเรื่องราว การแสดงของเขาทำให้นางดีเป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและน่ารักในแบบที่เรียบง่าย
→ กมลวรรณ ศรีวิไล รับบท อีเม้ย

อีเม้ย ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความขยัน และความขี้กลัวของบ่าวในเรือน เธอเป็นตัวละครประกอบที่ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและเพิ่มมิติให้กับชีวิตของผู้คนชั้นล่าง ผ่านการแสดงของกมลวรรณ ศรีวิไล อีเม้ยกลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของกลุ่มบ่าวไพร่ในละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขยันและซื่อสัตย์ อีเม้ยเป็นบ่าวที่ทำงานหนักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย เธอมักปฏิบัติตามคำสั่งของ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) หัวหน้าแม่ครัว และไม่เคยแสดงท่าทีขัดขืนหรือมีเล่ห์เหลี่ยม
ความขี้กลัวและตื่นตระหนก เช่นเดียวกับบ่าวคนอื่นๆ เช่น นางบวบ (รับบทโดย รตวรรณ ออมไธสง) และ นางดี (รับบทโดย เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม) อีเม้ยมีนิสัยขี้กลัว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ลึกลับหรือน่าสะพรึงกลัว เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล)
ความเรียบง่ายและไม่มีพิษภัย อีเม้ยมีบุคลิกที่เรียบง่ายและไม่มีเจตนาร้ายต่อผู้อื่น เธอเป็นตัวละครที่ดูเป็นมิตรและไม่มีความทะเยอทะยาน ซึ่งทำให้เธอแตกต่างจากตัวละครที่มีความซับซ้อนอย่าง แก้ว หรือ ชด
บทบาทในเรื่อง
บ่าวในครัว อีเม้ยทำงานในครัวของเรือนภายใต้การดูแลของป้าเมี้ยน เธอมักช่วยงานพื้นฐาน เช่น เตรียมอาหาร ล้างจาน หรือทำความสะอาด และบางครั้งก็ถูกป้าเมี้ยนสั่งให้ทำหน้าที่เพิ่มเติมเมื่อเกิดเหตุการณ์ในเรือน
ผู้ถ่ายทอดความตื่นกลัว อีเม้ยเป็นหนึ่งในบ่าวที่มักเจอหรือได้ยินสิ่งผิดปกติในเรือน เช่น เสียงแปลกๆ หรือการเห็นเงาของวิญญาณ การตื่นกลัวและการเล่าเรื่องของเธอช่วยเน้นย้ำถึงบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและความโกลาหลที่เกิดขึ้น
ตัวละครประกอบที่เติมเต็มฉาก อีเม้ยอาจไม่มีบทบาทเด่นเท่าตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของเธอในฉากต่างๆ ช่วยสร้างภาพชีวิตของบ่าวไพร่ในเรือนให้สมบูรณ์ และบางครั้งก็เพิ่มอารมณ์ขันจากปฏิกิริยาตื่นตระหนกของเธอ
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก อีเม้ยปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่ทำงานเงียบๆ และไม่มีบทบาทมากนัก แต่เมื่อเรื่องราวเข้าสู่ช่วงที่มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เธอก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกมากขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ
การปรับตัวในสถานการณ์ แม้จะขี้กลัว แต่ในบางฉาก อีเม้ยก็พยายามอยู่ร่วมกับบ่าวคนอื่นเพื่อเผชิญหน้ากับความโกลาหลในเรือน เช่น การร่วมทำบุญหรือหลบหนีจากวิญญาณ ซึ่งแสดงถึงความพยายามเอาตัวรอดของเธอ
กมลวรรณ ศรีวิไล ถ่ายทอดบทอีเม้ยด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและเรียบง่าย เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงถึงความขี้กลัวได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญกับสิ่งลึกลับ ซึ่งทำให้อีเม้ยเป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและน่ารักในแบบของบ่าวธรรมดา การแสดงของเธอช่วยเพิ่มทั้งความตึงเครียดและความขบขันเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเรื่องราว
→ ชนิตา สุภาพันธุ์ รับบท อีเอี้ยง

อีเอี้ยง ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความขยัน และความขี้กลัวของบ่าวในเรือน เธอเป็นตัวละครประกอบที่ช่วยถ่ายทอดบรรยากาศน่าสะพรึงกลัวและเพิ่มมิติให้กับชีวิตของผู้คนชั้นล่าง ผ่านการแสดงของชนิตา สุภาพันธุ์ อีเอี้ยงกลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของกลุ่มบ่าวไพร่ในละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความขยันและซื่อสัตย์ อีเอี้ยงเป็นบ่าวที่ทำงานหนักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย เธอมักปฏิบัติตามคำสั่งของ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) หัวหน้าแม่ครัว และไม่เคยแสดงท่าทีขัดขืนหรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
ความขี้กลัวและตื่นตระหนก เช่นเดียวกับบ่าวคนอื่นๆ เช่น นางบวบ (รับบทโดย รตวรรณ ออมไธสง), นางดี (รับบทโดย เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม) และ อีเม้ย (รับบทโดย กมลวรรณ ศรีวิไล) อีเอี้ยงมีนิสัยขี้กลัว โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ลึกลับ เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล)
ความเรียบง่ายและไม่มีพิษภัย อีเอี้ยงมีบุคลิกที่เรียบง่ายและเป็นมิตร เธอไม่มีเจตนาร้ายหรือความทะเยอทะยานใดๆ ซึ่งทำให้เธอเป็นตัวละครที่ดูน่ารักและน่าสงสารในสายตาผู้ชม
บทบาทในเรื่อง
บ่าวในครัว อีเอี้ยงทำงานในครัวของเรือนภายใต้การควบคุมของป้าเมี้ยน เธอมักช่วยงานพื้นฐาน เช่น เตรียมอาหาร ทำความสะอาด หรือทำงานเล็กๆ น้อยๆ และบางครั้งป้าเมี้ยนสั่งให้ทำหน้าที่เพิ่มเติมเมื่อเกิดเหตุการณ์ในเรือน
ผู้ถ่ายทอดความน่าสะพรึงกลัว อีเอี้ยงมักเป็นหนึ่งในบ่าวที่เจอหรือได้ยินสิ่งผิดปกติในเรือน เช่น เสียงแปลกๆ หรือการเห็นเงาของวิญญาณ การตื่นกลัวของเธอช่วยเน้นย้ำถึงความน่าสะพรึงกลัวและความตึงเครียดของเรื่องราว
ตัวละครประกอบที่เติมเต็มฉาก แม้จะไม่ใช่ตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวของอีเอี้ยงในฉากต่างๆ ช่วยสร้างภาพชีวิตของบ่าวในเรือนให้สมบูรณ์ และบางครั้งก็เพิ่มอารมณ์ขันจากปฏิกิริยาตื่นตระหนกของเธอ
พัฒนาการของตัวละคร
จากบ่าวเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก อีเอี้ยงปรากฏตัวในฐานะบ่าวที่ทำงานเงียบๆ และไม่มีบทบาทเด่น แต่เมื่อเรื่องราวเข้าสู่ช่วงที่มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เธอก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกมากขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่เปราะบางของเธอ
การปรับตัวในความโกลาหล แม้จะขี้กลัว แต่ในบางฉาก อีเอี้ยงก็พยายามอยู่ร่วมกับบ่าวคนอื่นเพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ เช่น การร่วมทำบุญหรือหลบหนีจากวิญญาณ ซึ่งแสดงถึงความพยายามเอาตัวรอดของเธอ
ชนิตา สุภาพันธุ์ ถ่ายทอดบทอีเอี้ยงด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติและน่ารัก เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกในการแสดงถึงความขี้กลัวของอีเอี้ยงได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในฉากที่ต้องเผชิญกับสิ่งลึกลับ การแสดงของเธอช่วยเพิ่มทั้งความตึงเครียดและความขบขันเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเรื่องราว ทำให้อีเอี้ยงเป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและมีเสน่ห์ในแบบของบ่าวธรรมดา
→ ปราชญ์ บัวภา รับบท ไอ้บุญ

ไอ้บุญ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความขยัน และความเงียบขรึมของทาสที่ไร้เดียงสา เขาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้านายโดยไม่ตั้งคำถาม และเป็นพยานที่สะท้อนความโกลาหลในเรือน ผ่านการแสดงของปราชญ์ บัวภา ไอ้บุญกลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีส่วนช่วยเติมเต็มภาพรวมของกลุ่มทาสในเรื่อง โดยเฉพาะการแสดงถึงชีวิตของผู้ที่ต้องอยู่อย่างจำยอมท่ามกลางโศกนาฏกรรมและความน่าสะพรึงกลัวรอบตัว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความซื่อสัตย์และขยัน ไอ้บุญเป็นทาสที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและทำงานหนัก เขามักปฏิบัติตามคำสั่งของ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) โดยไม่ขัดขืน ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตของทาสที่ต้องยอมจำนน
ความเงียบขรึมและเรียบง่าย ไอ้บุญมีบุคลิกที่เงียบขรึมและไม่ค่อยพูดมาก เขาไม่แสดงออกถึงความทะเยอทะยานหรือความเจ้าชู้เหมือนทาสบางคน เช่น ไอ้ทับ (รับบทโดย พงษธัช รัตนเศรณี) แต่เลือกที่จะทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆ
ความกลัวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับทาสคนอื่นๆ ไอ้บุญมีความกลัวเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ลึกลับ เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ซึ่งแสดงถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่หวาดกลัวสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
บทบาทในเรื่อง
ทาสรับใช้ในเรือน ไอ้บุญเป็นหนึ่งในทาสที่ทำงานทั่วไปในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานในครัว งานนอกเรือน หรือปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย เขามักทำงานร่วมกับทาสคนอื่นๆ เช่น ไอ้อยู่ (รับบทโดย เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง) และ ไอ้ฉ่ำ (รับบทโดย กิ๊ฟ ชวนชื่น)
พยานแห่งความโกลาหล ไอ้บุญเป็นตัวละครที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในเรื่อง เช่น การตายของตัวละครหลัก หรือการอาละวาดของวิญญาณ เขามักมีปฏิกิริยาที่ตอกย้ำความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์เหล่านั้น
ตัวละครประกอบที่สมจริง ไอ้บุญไม่ได้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งหลักของเรื่อง หรือมีบทบาทเด่นเท่าตัวละครอย่าง มิ่ง หรือ ไอ้ทับ เขาเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และไม่มีอำนาจตัดสินใจ
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก ไอ้บุญปรากฏตัวในฐานะทาสที่ทำงานเงียบๆ และไม่มีบทบาทเด่น แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปสู่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เขาก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกออกมา ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่อ่อนแอของเขา
การยึดมั่นในหน้าที่ แม้จะเผชิญกับความโกลาหลในเรือน ไอ้บุญยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป โดยไม่เปลี่ยนแปลงหรือทรยศเจ้านาย ซึ่งแสดงถึงความซื่อสัตย์ที่มั่นคง
ปราชญ์ บัวภา ถ่ายทอดบทไอ้บุญด้วยการแสดงที่เรียบง่ายและสมจริง เขาใช้ท่าทางที่นอบน้อมและน้ำเสียงที่เงียบขรึมเพื่อแสดงถึงความเป็นทาสที่จงรักภักดีและขยันได้อย่างเหมาะสม ในฉากที่ต้องเผชิญกับความกลัว เขาก็แสดงอารมณ์ตื่นตระหนกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ไอ้บุญเป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและสมจริงในฐานะทาสที่ไม่มีทางเลือก
→ จิรภัทร พานเงิน รับบท ไอ้ยอด
ไอ้ยอด ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความขยัน และความเงียบขรึมของทาสที่ไร้เดียงสา เขาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของเจ้านายโดยไม่ตั้งคำถาม และเป็นพยานที่สะท้อนความโกลาหลในเรือน ผ่านการแสดงของจิรภัทร พานเงิน ไอ้ยอดกลายเป็นตัวละครที่เรียบง่ายแต่มีส่วนช่วยเติมเต็มภาพรวมของกลุ่มทาสในเรื่อง โดยเฉพาะการแสดงถึงชีวิตของผู้ที่ต้องอยู่อย่างจำยอมท่ามกลางโศกนาฏกรรมและความน่าสะพรึงกลัวรอบตัว
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความซื่อสัตย์และขยัน ไอ้ยอดเป็นทาสที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายและทำงานหนัก เขามักปฏิบัติตามคำสั่งของ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) หรือ ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) โดยไม่ขัดขืน ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตของทาสที่ต้องยอมจำนนต่ออำนาจ
ความเงียบขรึมและเรียบง่าย ไอ้ยอดมีบุคลิกที่เงียบขรึมและไม่ค่อยพูดมาก เขาไม่แสดงออกถึงความทะเยอทะยานหรือความเจ้าชู้เหมือนทาสบางคน เช่น ไอ้ทับ (รับบทโดย พงษธัช รัตนเศรณี) แต่เลือกที่จะทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆ
ความกลัวต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับทาสคนอื่นๆ ไอ้ยอดมีความกลัวเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ลึกลับ เช่น การปรากฏตัวของวิญญาณ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ซึ่งแสดงถึงความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่หวาดกลัวสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
บทบาทในเรื่อง
ทาสรับใช้ในเรือน ไอ้ยอดเป็นหนึ่งในทาสที่ทำงานทั่วไปในเรือน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยงานในครัว งานนอกเรือน หรือปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย เขามักทำงานร่วมกับทาสคนอื่นๆ เช่น ไอ้อยู่ (รับบทโดย เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง), ไอ้ฉ่ำ (รับบทโดย กิ๊ฟ ชวนชื่น) หรือ ไอ้บุญ (รับบทโดย ปราชญ์ บัวภา)
พยานแห่งความโกลาหล ไอ้ยอดเป็นตัวละครที่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในเรื่อง เช่น การตายของตัวละครหลัก หรือการอาละวาดของวิญญาณ เขามักมีปฏิกิริยาที่ตอกย้ำความน่าสะพรึงกลัวของเหตุการณ์เหล่านั้น
ตัวละครประกอบที่สมจริง ไอ้ยอดไม่ได้มีส่วนร่วมในความขัดแย้งหลักของเรื่อง หรือมีบทบาทเด่นเท่าตัวละครอย่าง มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) หรือไอ้ทับ เขาเป็นตัวแทนของทาสทั่วไปที่ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และไม่มีอำนาจตัดสินใจ
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสเงียบๆ สู่ผู้เผชิญความกลัว ในช่วงแรก ไอ้ยอดปรากฏตัวในฐานะทาสที่ทำงานเงียบๆ และไม่มีบทบาทเด่น แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปสู่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เขาก็เริ่มแสดงความกลัวและความตื่นตระหนกออกมา ซึ่งเผยให้เห็นด้านที่อ่อนแอของเขา
การยึดมั่นในหน้าที่ แม้จะเผชิญกับความโกลาหลในเรือน ไอ้ยอดยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป โดยไม่เปลี่ยนแปลงหรือทรยศเจ้านาย ซึ่งแสดงถึงความซื่อสัตย์ที่มั่นคง
จิรภัทร พานเงิน ถ่ายทอดบทไอ้ยอดด้วยการแสดงที่เรียบง่ายและสมจริง เขาใช้ท่าทางที่นอบน้อมและน้ำเสียงที่เงียบขรึมเพื่อแสดงถึงความเป็นทาสที่จงรักภักดีและขยันได้อย่างเหมาะสม ในฉากที่ต้องเผชิญกับความกลัว เขาก็แสดงอารมณ์ตื่นตระหนกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ไอ้ยอดเป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารและสมจริงในฐานะทาสที่ไม่มีทางเลือก
นักแสดงรับเชิญ
→ กณิณ ปัทมนันถ์ รับบท ขุนขจรเดช

ขุนขจรเดช ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม ความทะเยอทะยาน และความรักที่ไม่สมหวัง เขาเป็นขุนนางหนุ่มที่เข้ามาเป็นคู่แข่งด้านความรักของเทพ และเพิ่มความซับซ้อนให้กับความสัมพันธ์ในเรื่อง ผ่านการแสดงของกณิณ ปัทมนันถ์ ขุนขจรเดชกลายเป็นตัวละครที่มีมิติและมีเสน่ห์ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความเข้มข้นของละครเรื่องนี้ โดยเฉพาะในแง่ของความขัดแย้งทางชนชั้นและความรัก
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความสง่างามและมีเสน่ห์ ขุนขจรเดชเป็นขุนนางที่มีบุคลิกสง่างามและมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของชายหนุ่มในยุคสมัยนั้น เขามีการศึกษาและมารยาทที่ดี ซึ่งทำให้เขาเป็นที่สนใจของตัวละครหญิงในเรื่อง
ความทะเยอทะยานและฉลาด เขามีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงานและรู้จักใช้โอกาสเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ตัวเอง ความฉลาดของเขาทำให้เขาเป็นตัวละครที่มีเล่ห์เหลี่ยมในบางสถานการณ์
ความหลงใหลในพุดจีบ ขุนขจรเดชมีความรู้สึกดีต่อ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) และพยายามเข้าใกล้เธอ ซึ่งทำให้เขาเป็นคู่แข่งของ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ในเรื่องความรัก
บทบาทในเรื่อง
คู่แข่งด้านความรัก ขุนขจรเดชเป็นตัวละครที่เข้ามาเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์ระหว่างเทพและพุดจีบ เขามีสถานะที่สูงกว่าเทพ ซึ่งในสายตาของ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับพุดจีบ
ตัวแทนของชนชั้นสูง ขุนขจรเดชสะท้อนถึงชีวิตของขุนนางในสมัยนั้นที่มีอำนาจและอิทธิพล เขาเป็นตัวละครที่เชื่อมโยงระหว่างเรือนคหบดีกับโลกภายนอก และบางครั้งก็มีส่วนในการตัดสินใจที่ส่งผลต่อตัวละครในเรือน
ตัวเร่งความขัดแย้ง ความสนใจที่ขุนขจรเดชมีต่อพุดจีบทำให้เกิดความอิจฉาและความตึงเครียด โดยเฉพาะจาก แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ที่มองว่าเขาคืออุปสรรคในการครอบครองเทพ และจากเทพที่เห็นเขาเป็นคู่แข่ง
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้มาเยือนสู่ผู้มีส่วนร่วม ในช่วงแรก ขุนขจรเดชปรากฏตัวในฐานะขุนนางที่มาเยือนเรือนและแสดงความสนใจในพุดจีบ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในเรือน โดยเฉพาะเมื่อความรักของเขาต่อพุดจีบชัดเจนขึ้น
การยอมรับความพ่ายแพ้ แม้จะพยายามเข้าใกล้พุดจีบ แต่ขุนขจรเดชต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพุดจีบรักเทพ และเมื่อโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับพุดจีบ เขาก็ไม่มีบทบาทสำคัญในตอนท้าย ซึ่งแสดงถึงการยอมรับชะตากรรมของตัวเองในเรื่องนี้
กณิณ ปัทมนันถ์ ถ่ายทอดบทขุนขจรเดชด้วยการแสดงที่สง่างามและมีเสน่ห์ เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่นเพื่อแสดงถึงความเป็นขุนนางที่มีการศึกษาและมารยาทดีได้อย่างลงตัว ในฉากที่ต้องแสดงความรู้สึกต่อพุดจีบ เขาก็ถ่ายทอดความหลงใหลและความหวังออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้ขุนขจรเดชเป็นตัวละครที่ทั้งน่าดึงดูดและน่าจดจำ
→ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล รับบท สัปเหร่อสัก

สัปเหร่อสัก ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับ ความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์ และความโลภที่นำไปสู่หายนะ เขาเป็นผู้ที่มีส่วนในโลกวิญญาณและโศกนาฏกรรมของเรื่อง ผ่านการแสดงของภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล สัปเหร่อสักกลายเป็นตัวละครที่มีมิติและน่าจดจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความเข้มข้นและความน่าสะพรึงกลัวของละครเรื่องนี้ โดยเฉพาะในแง่ของการเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความลึกลับและน่าเกรงขาม สัปเหร่อสักมีบุคลิกที่เงียบขรึมและลึกลับ เขามักปรากฏตัวในฉากที่เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว เช่น ป่าช้า หรือช่วงเวลาค่ำคืน ทำให้เขาเป็นตัวละครที่สร้างความรู้สึกตึงเครียดและน่าเกรงขาม
ความเชี่ยวชาญในไสยศาสตร์ เช่นเดียวกับ สัปเหร่อเหม (รับบทโดย อติรุจ สิงหอำพล) สัปเหร่อสักมีความรู้ในด้านการจัดการวิญญาณและไสยศาสตร์ เขาคุ้นเคยกับพิธีกรรมและวิธีการปราบหรือสะกดวิญญาณ ซึ่งทำให้เขาเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติในเรื่อง
ความเย็นชาและเห็นแก่ตัว สัปเหร่อสักมีด้านที่เย็นชาและมักคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเอง เขาไม่ลังเลที่จะใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อต่อรองหรือหาผลประโยชน์ เช่น การรับยาเสน่ห์จาก แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) เพื่อแลกกับการช่วยเหลือเธอ
บทบาทในเรื่อง
ผู้จัดการโลกวิญญาณ สัปเหร่อสักมีส่วนสำคัญในการจัดการกับวิญญาณที่ปรากฏในเรื่อง โดยเฉพาะวิญญาณของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เขาทำงานร่วมกับสัปเหร่อเหมในบางครั้งเพื่อควบคุมสถานการณ์เหนือธรรมชาติในเรือน
ผู้สมรู้ร่วมคิดกับแก้ว สัปเหร่อสักถูกแก้วล่อลวงด้วยยาเสน่ห์และความสัมพันธ์ทางกาย เพื่อให้เขาช่วยเธอในแผนการชั่วร้าย เช่น การจัดการกับศพหรือการใช้ไสยศาสตร์เพื่อกำจัดศัตรู ซึ่งทำให้เขาเป็นตัวละครที่มีส่วนในโศกนาฏกรรมของเรื่อง
จุดจบที่สะท้อนกรรม ในตอนท้าย สัปเหร่อสักถูกแก้วหักหลังและฆ่าตายพร้อมกับ อบ (รับบทโดย วรรษพร วัฒนากุล) ในกองเพลิง ซึ่งเป็นการปิดฉากชีวิตที่เต็มไปด้วยความโลภและการกระทำผิด
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้ช่วยสู่ผู้ถูกครอบงำ ในช่วงแรก สัปเหร่อสักปรากฏตัวในฐานะสัปเหร่อที่ทำงานเงียบๆ และช่วยเหลือในพิธีกรรม แต่เมื่อเขาเริ่มมีความสัมพันธ์กับแก้วและถูกยาเสน่ห์ครอบงำ เขาก็กลายเป็นเครื่องมือในแผนร้ายของเธอ
การเผชิญผลกรรม ความโลภและความหลงในกิเลสของสัปเหร่อสักนำไปสู่จุดจบที่น่าสยดสยอง เขาถูกแก้วฆ่าตายเมื่อเธอไม่ต้องการเขาแล้ว ซึ่งแสดงถึงการที่เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากผลของการกระทำของตัวเองได้
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล ถ่ายทอดบทสัปเหร่อสักด้วยการแสดงที่ลึกลับและน่ากลัว เขาใช้ท่าทางที่เย็นชาและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเพื่อแสดงถึงความเป็นสัปเหร่อที่มีพลังเหนือธรรมชาติได้อย่างน่าเชื่อถือ ในฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับแก้วหรือแสดงด้านที่โลภ เขาก็ถ่ายทอดความอ่อนแอและความเห็นแก่ตัวออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้สัปเหร่อสักเป็นตัวละครที่ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
→ กชกร นิมากรณ์ รับบท อิ่ม

อิ่ม ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยน ความรักของแม่ และความน่าสงสารของทาสที่ถูกกดขี่ เธอเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรแห่งความแค้นที่ครอบคลุมทั้งเรื่อง และการตายของเธอเป็นตัวเร่งให้เกิดโศกนาฏกรรมในรุ่นต่อไป ผ่านการแสดงของกชกร นิมากรณ์ อิ่มกลายเป็นตัวละครที่มีพลังทางอารมณ์และน่าจดจำ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความเข้มข้นและความลึกซึ้งของละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความอ่อนโยนและอดทน อิ่มเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจดีและอ่อนโยน เธอเป็นทาสในเรือนที่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองและพยายามอดทนต่อความยากลำบาก โดยเฉพาะการเลี้ยงดูลูกสาวอย่างแก้วท่ามกลางความกดดัน
ความรักลูก อิ่มรักและห่วงใยแก้วอย่างสุดหัวใจ เธอพยายามปกป้องลูกสาวจากความโหดร้ายในเรือน และสอนให้แก้วรู้จักความดี แม้ว่าสุดท้ายความแค้นจะครอบงำแก้วก็ตาม
ความเปราะบางและน่าสงสาร อิ่มเป็นตัวละครที่อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ การถูก คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) ข่มขืนและการถูกกดขี่ในฐานะทาสทำให้เธอมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน
บทบาทในเรื่อง
ต้นตอของความแค้น อิ่มเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมในเรื่อง เธอถูกคุณหลวงข่มขืนจนตั้งครรภ์และให้กำเนิดแก้ว ซึ่งต่อมา คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) และคุณหลวงปฏิเสธที่จะยอมรับแก้วในฐานะลูก การตายของอิ่มกลายเป็นเชื้อไฟที่จุดประกายความเกลียดชังในตัวแก้วต่อครอบครัวคุณหลวง
เหยื่อของระบบทาส อิ่มเป็นตัวแทนของทาสที่ถูกกดขี่และไร้ทางสู้ เธอถูก ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) และคุณเยื้อนรังเกียจ และสุดท้ายถูกเนรเทศพร้อมแก้วหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่แก้วถูกกล่าวหาว่าผลักพุดจีบ
จุดเปลี่ยนของเรื่อง การตายของอิ่มจากการถูกโบยตีอย่างโหดร้ายและการเจ็บป่วยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณหลวงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แก้วตัดสินใจกลับมาแก้แค้น ซึ่งขับเคลื่อนเรื่องราวไปสู่ความเข้มข้นในช่วงหลัง
พัฒนาการของตัวละคร
จากทาสเงียบๆ สู่เหยื่อที่น่าสลด ในช่วงแรก อิ่มปรากฏตัวในฐานะทาสที่ทำงานเงียบๆ และดูแลแก้วอย่างดี แต่เมื่อเธอถูกข่มขืนและถูกกดขี่มากขึ้น เธอก็กลายเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความทุกข์และความอ่อนแอ
การจากไปที่ทิ้งรอยแผล อิ่มไม่มีโอกาสได้พัฒนาตัวเองมากนักในเรื่อง เพราะเธอตายตั้งแต่ช่วงต้นของละคร แต่การตายของเธอทิ้งรอยแผลลึกในใจของแก้วและ อบ (รับบทโดย วรรษพร วัฒนากุล) น้องสาวของเธอ ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดการแก้แค้นในรุ่นต่อไป
กชกร นิมากรณ์ ถ่ายทอดบทอิ่มด้วยการแสดงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และน่าสงสาร เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพื่อแสดงถึงความเป็นแม่ที่รักลูกและความทุกข์จากการถูกกดขี่ได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะในฉากที่เธอถูกโบยตีและจากไป การแสดงของเธอทำให้อิ่มเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกเห็นใจและเข้าใจถึงที่มาของความแค้นของแก้ว
→ ยอดชาย เมฆสุวรรณ รับบท หลวงปู่

หลวงปู่ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความเมตตา ความรู้ในธรรมะ และพลังแห่งความดี เขาเป็นพระสงฆ์ที่ช่วยปราบวิญญาณและนำทางตัวละครให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ผ่านการแสดงของยอดชาย เมฆสุวรรณ หลวงปู่กลายเป็นตัวละครที่มีพลังทางจิตวิญญาณและน่าจดจำ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความสมดุลของเรื่องราวท่ามกลางความมืดมิดและความแค้นที่ครอบคลุมละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความเมตตาและสงบ หลวงปู่มีบุคลิกที่สงบเงียบและเปี่ยมด้วยความเมตตา เขาเป็นพระสงฆ์ที่ยึดมั่นในหลักธรรมและมักแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เผชิญกับความทุกข์ในเรือน
ความรู้ในธรรมะและไสยศาสตร์ หลวงปู่มีความรู้ลึกซึ้งทั้งในด้านพุทธศาสนาและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เขาสามารถสะกดวิญญาณและให้คำแนะนำที่ช่วยคลายทุกข์ให้กับตัวละครในเรื่อง
ความน่าเคารพและเข้มแข็ง แม้จะมีวัยชรา แต่หลวงปู่มีจิตใจที่เข้มแข็งและมั่นคง เขาเป็นที่พึ่งทางใจของคนในเรือน และเป็นตัวละครที่ทุกคนให้ความเคารพอย่างสูง
บทบาทในเรื่อง
ผู้ปราบวิญญาณ หลวงปู่มีบทบาทสำคัญในการจัดการกับวิญญาณของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ที่กลับมาแก้แค้น เขาใช้น้ำมนต์และคาถาเพื่อสะกดวิญญาณให้สงบ และช่วยปกป้องคนในเรือนจากพลังร้าย
ผู้ให้คำแนะนำทางธรรม หลวงปู่เป็นตัวละครที่ให้คำสอนและข้อคิดทางพุทธศาสนาแก่ตัวละครอื่นๆ เช่น การแนะนำ เทพ (รับบทโดย วงศกร ปรมัตถากร) ให้ยอมรับความตายของพุดจีบ และปล่อยวางความโกรธแค้น ซึ่งช่วยนำทางตัวละครให้หลุดพ้นจากวงจรแห่งบาป
สัญลักษณ์ของความหวัง ในเรื่องที่เต็มไปด้วยความแค้นและโศกนาฏกรรม หลวงปู่เป็นตัวแทนของแสงสว่างและความดีงาม เขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนในเรือนเมื่อเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายที่เกินหยั่งถึง
พัฒนาการของตัวละคร
จากพระสงฆ์ทั่วไปสู่ผู้เผชิญวิกฤต ในช่วงแรก หลวงปู่ปรากฏตัวในฐานะพระสงฆ์ที่ชาวบ้านนับถือและถูกนิมนต์มาทำพิธี แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปสู่จุดที่มีวิญญาณอาละวาด เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติ
การยืนหยัดในคุณธรรม หลวงปู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของนิสัยหรือจุดยืน เขายังคงยึดมั่นในความดีและหลักธรรมตลอดทั้งเรื่อง แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัวจากวิญญาณร้าย
ยอดชาย เมฆสุวรรณ ถ่ายทอดบทหลวงปู่ด้วยการแสดงที่สงบและทรงพลัง เขาใช้ท่าทางที่สุขุมและน้ำเสียงที่หนักแน่นเพื่อแสดงถึงความน่าเคารพและความรู้ในธรรมะของหลวงปู่ได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะในฉากที่ต้องร่ายคาถาหรือสะกดวิญญาณ ซึ่งเขาถ่ายทอดพลังและความศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้หลวงปู่เป็นตัวละครที่ทั้งน่าเกรงขามและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
→ ราชวัติ ขลิบเงิน รับบท คุณอัฐ

คุณอัฐ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่น ความรักครอบครัว และความอ่อนแอท่ามกลางโศกนาฏกรรม เขาเป็นพี่ชายของคุณหลวงที่ให้การสนับสนุนครอบครัว แต่สุดท้ายกลายเป็นเหยื่อของความแค้นที่แก้วก่อขึ้น ผ่านการแสดงของราชวัติ ขลิบเงิน คุณอัฐกลายเป็นตัวละครที่มีมิติทางอารมณ์และน่าจดจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและความสะเทือนใจให้กับละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความอ่อนน้อมและเป็นมิตร คุณอัฐมีบุคลิกที่แตกต่างจากคุณหลวงนฤเดช เขาดูอ่อนน้อมและเป็นมิตรมากกว่า ไม่แสดงความเผด็จการหรือความเข้มงวดแบบน้องชาย ทำให้เขาเป็นที่รักของคนในครอบครัวและบ่าวไพร่
ความรักครอบครัว คุณอัฐมีความห่วงใยต่อครอบครัว โดยเฉพาะหลานสาวอย่าง พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เขามักแสดงความรักและความเอ็นดูต่อเธออย่างชัดเจน
ความอ่อนแอทางร่างกาย คุณอัฐมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เขากลายเป็นเหยื่อในโศกนาฏกรรมของเรื่อง เขาไม่สามารถปกป้องตัวเองหรือคนอื่นได้เมื่อเผชิญกับอันตราย
บทบาทในเรื่อง
สมาชิกครอบครัวที่อบอุ่น คุณอัฐเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มภาพของครอบครัวคุณหลวงให้สมบูรณ์ เขาเป็นพี่ชายที่คอยให้คำแนะนำและเป็นที่พึ่งทางใจของ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) และพุดจีบในบางครั้ง
เหยื่อแห่งโศกนาฏกรรม คุณอัฐเป็นหนึ่งในตัวละครที่เสียชีวิตจากน้ำมือของ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) เขาถูกฆ่าตายพร้อมกับ คุณย้อย ภรรยาของเขา โดยการถูกฝังทั้งเป็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแก้แค้นของแก้วต่อตระกูลคุณหลวง
ตัวเร่งความตึงเครียด การตายของคุณอัฐและคุณย้อยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ครอบครัวคุณหลวงเริ่มแตกสลาย และเพิ่มความเข้มข้นให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะเมื่อคุณหลวงและคุณเยื้อนต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้สนับสนุนสู่เหยื่อ ในช่วงแรก คุณอัฐปรากฏตัวในฐานะสมาชิกครอบครัวที่ให้การสนับสนุนและความอบอุ่น แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เขากลายเป็นเหยื่อของความแค้นที่แก้วมีต่อตระกูล โดยไม่มีโอกาสได้ต่อสู้หรือปกป้องตัวเอง
การจากไปที่ทิ้งผลกระทบ แม้ว่าคุณอัฐจะไม่มีบทบาทยาวนานในเรื่อง แต่การตายของเขาทิ้งผลกระทบทางอารมณ์ต่อตัวละครอื่น โดยเฉพาะคุณหลวงที่เริ่มสูญเสียความมั่นคงในจิตใจหลังจากสูญเสียพี่ชาย
ราชวัติ ขลิบเงิน ถ่ายทอดบทคุณอัฐด้วยการแสดงที่อบอุ่นและนุ่มนวล เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่อ่อนโยนเพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรและความรักครอบครัวของคุณอัฐได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่แสดงความเอ็นดูต่อพุดจีบ ในฉากสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญกับความตาย เขาก็ถ่ายทอดความหวาดกลัวและความอ่อนแอออกมาได้อย่างน่าสงสาร ทำให้คุณอัฐเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเสียใจเมื่อเขาจากไป
→ ยลวิริยา วัฒนะภานุรัศมิ์ รับบท คุณย้อย

คุณย้อย ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนหวาน ความรักครอบครัว และความเปราะบางท่ามกลางโศกนาฏกรรม เธอเป็นภรรยาของคุณอัฐที่ให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัว แต่สุดท้ายกลายเป็นเหยื่อของความแค้นที่แก้วก่อขึ้น ผ่านการแสดงของยลวิริยา วัฒนะภานุรัศมิ์ คุณย้อยกลายเป็นตัวละครที่มีมิติทางอารมณ์และน่าจดจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความสะเทือนใจและความเข้มข้นให้กับละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความอ่อนหวานและอ่อนโยน คุณย้อยมีบุคลิกที่อ่อนหวานและเป็นมิตร เธอเป็นหญิงที่มีมารยาทดีและแสดงออกถึงความรักต่อครอบครัว โดยเฉพาะสามีอย่างคุณอัฐและหลานสาว พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล)
ความเปราะบางและขาดพลัง คุณย้อยเป็นตัวละครที่ดูอ่อนแอทั้งทางร่างกายและจิตใจ เธอไม่มีบทบาทในการตัดสินใจหรือต่อสู้กับความขัดแย้งในเรือน ทำให้เธอกลายเป็นเหยื่อที่ไร้ทางสู้เมื่อเผชิญกับอันตราย
ความรักครอบครัว เช่นเดียวกับคุณอัฐ คุณย้อยมีความห่วงใยต่อครอบครัว เธอมักแสดงความรักและความเอ็นดูต่อพุดจีบ และพยายามรักษาความสงบสุขในครอบครัวให้ได้มากที่สุด
บทบาทในเรื่อง
สมาชิกครอบครัวที่อบอุ่น คุณย้อยเป็นตัวละครที่ช่วยเติมเต็มภาพของครอบครัวคุณหลวงให้สมบูรณ์ เธอเป็นภรรยาของคุณอัฐและเป็นป้าของพุดจีบ โดยมักปรากฏตัวเคียงข้างสามีในฉากที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว
เหยื่อแห่งโศกนาฏกรรม คุณย้อยเป็นหนึ่งในตัวละครที่เสียชีวิตจากน้ำมือของ แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) และ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์) เธอถูกฆ่าตายพร้อมกับคุณอัฐโดยการฝังทั้งเป็น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแก้แค้นของแก้วต่อตระกูลคุณหลวง
ตัวเร่งความสูญเสีย การตายของคุณย้อยและคุณอัฐเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ครอบครัวคุณหลวงเริ่มแตกสลาย และเพิ่มความตึงเครียดให้กับ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) ซึ่งต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่
พัฒนาการของตัวละคร
จากผู้สนับสนุนสู่เหยื่อ ในช่วงแรก คุณย้อยปรากฏตัวในฐานะสมาชิกครอบครัวที่ให้ความอบอุ่นและสนับสนุนคุณอัฐ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เธอกลายเป็นเหยื่อของความแค้นที่แก้วมีต่อตระกูล โดยไม่มีโอกาสได้ต่อสู้หรือปกป้องตัวเอง
การจากไปที่ทิ้งผลกระทบ แม้ว่าคุณย้อยจะไม่มีบทบาทยาวนานในเรื่อง แต่การตายของเธอทิ้งผลกระทบทางอารมณ์ต่อตัวละครอื่น โดยเฉพาะคุณเยื้อนที่เสียใจอย่างหนัก และเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่ความสิ้นหวังของครอบครัว
ยลวิริยา วัฒนะภานุรัศมิ์ ถ่ายทอดบทคุณย้อยด้วยการแสดงที่อ่อนหวานและนุ่มนวล เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นหญิงที่มีมารยาทและความรักครอบครัวได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่แสดงความเอ็นดูต่อพุดจีบ ในฉากสุดท้ายที่เธอต้องเผชิญกับความตาย เธอก็ถ่ายทอดความหวาดกลัวและความอ่อนแอออกมาได้อย่างน่าสงสาร ทำให้คุณย้อยเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเสียใจเมื่อเธอจากไป
→ ด.ญ.รุ่งลดา รุ่งลิขิตเจริญ รับบท มะลิ

มะลิ ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสา ความอยากรู้ และความบริสุทธิ์ของเด็ก เธอเป็นตัวเชื่อมเหตุการณ์สำคัญโดยไม่เจตนา และการกระทำของเธอนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่รุนแรงในเรื่อง ผ่านการแสดงของด.ญ.รุ่งลดา รุ่งลิขิตเจริญ มะลิกลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าจดจำ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความหลากหลายของตัวละครและเพิ่มความเข้มข้นให้กับละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความไร้เดียงสาและซื่อตรง มะลิเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เธอมักพูดและทำสิ่งต่างๆ ตามความรู้สึกโดยไม่มีการปรุงแต่ง ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเด็กที่ยังไม่เข้าใจความซับซ้อนของโลกผู้ใหญ่
ความอยากรู้อยากเห็น มะลิมีนิสัยช่างสงสัยและชอบสำรวจสิ่งรอบตัว ความอยากรู้ของเธอนำไปสู่การค้นพบสิ่งสำคัญในเรื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ใหญ่ในภายหลัง
ความกล้าหาญแบบเด็กๆ แม้จะเป็นเด็ก แต่ในบางสถานการณ์ มะลิแสดงความกล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ใหญ่กลัว เช่น การขุดพบสไบของ พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) ซึ่งเผยให้เห็นความกล้าในแบบที่ไม่รู้ถึงอันตราย
บทบาทในเรื่อง
ตัวเชื่อมเหตุการณ์สำคัญ มะลิมีบทบาทสำคัญในการขุดพบสไบสีดอกตะแบกของพุดจีบที่ถูกฝังไว้ใต้ต้นจำปาโดย สัปเหร่อเหม (รับบทโดย อติรุจ สิงหอำพล) การกระทำนี้โดยไม่เจตนาของเธอปลดปล่อยวิญญาณของพุดจีบให้กลับมาอาละวาด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมในช่วงท้ายของเรื่อง
เด็กในเรือน มะลิเป็นหนึ่งในเด็กที่อาศัยอยู่ในเรือนคหบดี เธอมักปรากฏตัวในฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของบ่าวไพร่ และบางครั้งก็อยู่ใกล้ชิดกับตัวละครหลักอย่าง แก้ว (รับบทโดย อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) หรือ มิ่ง (รับบทโดย คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์)
สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ในเรื่องที่เต็มไปด้วยความแค้นและความชั่วร้าย มะลิเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสาที่ตัดกันกับความมืดมิดของตัวละครผู้ใหญ่
พัฒนาการของตัวละคร
จากเด็กธรรมดาสู่ตัวเร่งโศกนาฏกรรม ในช่วงแรก มะลิปรากฏตัวในฐานะเด็กสาวธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือน แต่เมื่อเธอขุดพบสไบของพุดจีบโดยบังเอิญ เธอก็กลายเป็นตัวเร่งเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่ความโกลาหลในเรือน โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้ถึงผลกระทบของการกระทำนั้น
ความกลัวที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่วิญญาณของพุดจีบถูกปลดปล่อย มะลิเริ่มเผชิญกับความกลัวจากเหตุการณ์ลึกลับในเรือน ซึ่งเผยให้เห็นว่าแม้แต่ความไร้เดียงสาของเธอก็ไม่สามารถปกป้องเธอจากความน่าสะพรึงกลัวได้
ด.ญ.รุ่งลดา รุ่งลิขิตเจริญ ถ่ายทอดบทมะลิด้วยการแสดงที่สดใสและเป็นธรรมชาติ เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงถึงความไร้เดียงสาและความอยากรู้ของเด็กสาวได้อย่างน่ารักและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่เธอขุดพบสไบ ซึ่งเธอถ่ายทอดความตื่นเต้นและความไม่รู้ถึงอันตรายออกมาได้อย่างสมจริง ในฉากที่ต้องเผชิญกับความกลัว เธอก็แสดงอารมณ์หวาดกลัวออกมาได้อย่างน่าสงสาร ทำให้มะลิเป็นตัวละครที่ทั้งน่ารักและน่าจดจำ
→ ด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล รับบท แก้ว (ตอนเด็ก)

แก้ว (ตอนเด็ก) ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสา ความกล้าหาญ และจุดเริ่มต้นของความแค้น เธอเป็นเด็กทาสที่ถูกกดขี่และสูญเสียแม่ ซึ่งกลายเป็นรากฐานของการแก้แค้นในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการแสดงของด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล แก้ว (ตอนเด็ก) กลายเป็นตัวละครที่มีพลังทางอารมณ์และน่าจดจำ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจที่มาของตัวละครหลัก และเพิ่มความลึกซึ้งให้กับเรื่องราวของละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความไร้เดียงสาและอ่อนโยน ในวัยเด็ก แก้วเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจดีและไร้เดียงสา เธอรักและเชื่อฟัง อิ่ม (รับบทโดย กชกร นิมากรณ์) แม่ของเธอ และยังมีความผูกพันกับ อบ (รับบทโดย วรรษพร วัฒนากุล) ป้าของเธอ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเด็กที่ยังไม่ถูกความแค้นครอบงำ
ความกล้าหาญและซื่อตรง แก้ว (ตอนเด็ก) แสดงความกล้าหาญในแบบเด็กๆ เช่น การช่วย พุดจีบ (รับบทโดย อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เมื่อเธอตกน้ำ แม้ว่าการกระทำนี้จะนำไปสู่การถูกกล่าวหาและถูกลงโทษในภายหลัง
ความเจ็บปวดที่เริ่มก่อตัว การถูกกดขี่และการสูญเสียแม่ทำให้แก้วเริ่มซึมซับความเจ็บปวดและความอยุติธรรมตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นที่พัฒนาขึ้นในตัวเธอเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
บทบาทในเรื่อง
จุดเริ่มต้นของความแค้น แก้ว (ตอนเด็ก) เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงที่มาของความเกลียดชังต่อครอบครัวคุณหลวง เธอถูก ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) กล่าวหาว่าผลักพุดจีบตกน้ำ ทั้งที่เธอพยายามช่วย ส่งผลให้เธอและอิ่มถูกโบยตีและเนรเทศ การตายของอิ่มจากเหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ฝังความแค้นไว้ในใจของเธอ
เด็กทาสที่น่าสงสาร แก้วในวัยเด็กเป็นตัวแทนของเด็กทาสที่ถูกกดขี่ในระบบชนชั้น เธอไม่มีอำนาจปกป้องตัวเองหรือแม่ และต้องเผชิญกับความโหดร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย
ตัวเชื่อมระหว่างอดีตและปัจจุบัน การปรากฏตัวของแก้ว (ตอนเด็ก) ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจพื้นเพและแรงจูงใจของแก้วในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งกลับมาแก้แค้นครอบครัวคุณหลวงในช่วงหลังของเรื่อง
พัฒนาการของตัวละคร
จากความไร้เดียงสาสู่ความเจ็บปวด ในช่วงแรก แก้ว (ตอนเด็ก) เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความหวังและความรักต่อครอบครัว แต่เมื่อเธอถูกกดขี่และสูญเสียอิ่ม เธอก็เริ่มซึมซับความเจ็บปวดและความอยุติธรรม ซึ่งเป็นรากฐานของความแค้นที่ปรากฏในตัวเธอเมื่อโตขึ้น
การจากไปของความบริสุทธิ์ หลังจากการตายของอิ่ม แก้ว (ตอนเด็ก) ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลก และความบริสุทธิ์ในตัวเธอค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ซึ่งปูทางไปสู่การพัฒนาเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความแค้นในวัยผู้ใหญ่
ด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล ถ่ายทอดบทแก้ว (ตอนเด็ก) ด้วยการแสดงที่สดใสและเปี่ยมด้วยอารมณ์ เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงถึงความไร้เดียงสาและความอ่อนโยนของเด็กสาวได้อย่างน่ารักและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่ช่วยพุดจีบ ซึ่งเธอถ่ายทอดความกล้าหาญแบบเด็กๆ ออกมาได้อย่างสมจริง ในฉากที่ต้องเผชิญกับความสูญเสีย เช่น การตายของอิ่ม เธอก็แสดงความเจ็บปวดและความโศกเศร้าออกมาได้อย่างน่าสงสาร ทำให้แก้ว (ตอนเด็ก) เป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเห็นใจ
→ ด.ญ.กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ รับบท พุดจีบ (ตอนเด็ก)

พุดจีบ (ตอนเด็ก) ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนหวาน ความไร้เดียงสา และจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในเรื่อง เธอเป็นลูกสาวคุณหลวงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี แต่เหตุการณ์ในวัยเด็กของเธอกลายเป็นรากฐานของโศกนาฏกรรมที่ตามมา ผ่านการแสดงของด.ญ.กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ พุดจีบ (ตอนเด็ก) กลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าจดจำ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจที่มาของตัวละครหลัก และเพิ่มความลึกซึ้งให้กับเรื่องราวของละครเรื่องนี้
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความอ่อนหวานและไร้เดียงสา พุดจีบในวัยเด็กเป็นเด็กสาวที่มีจิตใจดี อ่อนหวาน และเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา เธอเป็นลูกสาวของ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะคุณหนูของตระกูล
ความร่าเริงและอยากรู้อยากเห็น พุดจีบ (ตอนเด็ก) มีนิสัยร่าเริงและชอบสำรวจสิ่งรอบตัว ความอยากรู้ของเธอนำไปสู่เหตุการณ์สำคัญ เช่น การตกน้ำ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในเรื่อง
ความเปราะบาง แม้จะอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะ แต่พุดจีบในวัยเด็กแสดงถึงความเปราะบางทั้งร่างกายและจิตใจ เธอต้องพึ่งพาคนรอบข้าง เช่น เรียม (รับบทโดย กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท) และ ป้าเจิม (รับบทโดย ศิรประภา สุขดำรงค์) ในการดูแลและปกป้อง
บทบาทในเรื่อง
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง พุดจีบ (ตอนเด็ก) เป็นตัวละครที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญในวัยเด็กของ แก้ว (รับบทโดย ด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล) เมื่อเธอตกน้ำและถูกช่วยโดยแก้ว แต่กลับถูก ป้าเมี้ยน (รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์) กล่าวหาว่าแก้วผลักเธอ ส่งผลให้แก้วและ อิ่ม (รับบทโดย กชกร นิมากรณ์) ถูกโบยตีและเนรเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นของแก้ว
ลูกสาวที่ถูกทำนาย พุดจีบในวัยเด็กถูกโหรทำนายว่าจะนำความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูล ซึ่งทำให้คุณเยื้อนหมกมุ่นกับการปกป้องเธอและพยายามอบรมเธอให้เป็นคนดีตามคำแนะนำของ ป้าเจิม และเรียม
ตัวแทนของความบริสุทธิ์ พุดจีบ (ตอนเด็ก) เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความหวังของครอบครัวคุณหลวง ความน่ารักและความไร้เดียงสาของเธอตัดกันกับโศกนาฏกรรมที่รออยู่ในอนาคต
พัฒนาการของตัวละคร
จากความร่าเริงสู่จุดเปลี่ยน ในช่วงแรก พุดจีบ (ตอนเด็ก) ปรากฏตัวในฐานะเด็กสาวที่ร่าเริงและได้รับความรักจากครอบครัว แต่เหตุการณ์ตกน้ำและการถูกช่วยโดยแก้วกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างครอบครัวคุณหลวงและแก้ว
รากฐานของชะตากรรม แม้ว่าพุดจีบ (ตอนเด็ก) จะอยู่ในเรื่องเพียงช่วงสั้นๆ แต่ชีวิตในวัยเด็กของเธอวางรากฐานให้กับชะตากรรมที่น่าสลดในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งเธอต้องเผชิญกับความรักที่ไม่สมหวังและการตายอย่างโหดร้าย
ด.ญ.กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ ถ่ายทอดบทพุดจีบ (ตอนเด็ก) ด้วยการแสดงที่สดใสและน่ารัก เธอใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่อ่อนหวานเพื่อแสดงถึงความไร้เดียงสาและความร่าเริงของเด็กสาวได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่เธอตกน้ำ ซึ่งเธอถ่ายทอดความตื่นตระหนกและความเปราะบางออกมาได้อย่างสมจริง การแสดงของเธอทำให้พุดจีบ (ตอนเด็ก) เป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกเอ็นดูและผูกพัน ก่อนที่จะนำไปสู่ความเห็นใจในชะตากรรมของเธอในวัยผู้ใหญ่
→ ด.ช.กันตพงศ์ เจริญสุข รับบท เทพ (ตอนเด็ก)

เทพ (ตอนเด็ก) ใน “บ่วงสไบ” คือตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความหวัง และจุดเริ่มต้นของความรักที่ผูกพันกับพุดจีบ เขาเป็นเด็กบุญธรรมที่เติบโตท่ามกลางความขัดแย้งและความอยุติธรรม ซึ่งเป็นรากฐานของตัวตนของเขาในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการแสดงของด.ช.กันตพงศ์ เจริญสุข เทพ (ตอนเด็ก) กลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำและช่วยให้ผู้ชมเข้าใจที่มาของตัวละครหลักในเรื่องได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
บุคลิกภาพและลักษณะนิสัย
ความซื่อสัตย์และจิตใจดี เทพในวัยเด็กเป็นเด็กชายที่มีจิตใจบริสุทธิ์และซื่อสัตย์ เขาเติบโตมาในฐานะลูกบุญธรรมของ คุณหลวงนฤเดช (รับบทโดย รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์) และ คุณเยื้อน (รับบทโดย มัณฑนา หิมะทองคำ) แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูและความผูกพันกับครอบครัวบุญธรรม
ความกล้าหาญแบบเด็กๆ เทพ (ตอนเด็ก) มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ ในเรือน แม้จะยังไม่เข้าใจความซับซ้อนของความสัมพันธ์หรือความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่ เขามักแสดงออกถึงความอยากช่วยเหลือผู้อื่น
ความอ่อนไหว ในฐานะเด็ก เทพมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง โดยเฉพาะเมื่อเห็นความอยุติธรรมหรือความทุกข์ของทาสในเรือน เช่น แก้ว (รับบทโดย ด.ญ.ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล) และ อิ่ม (รับบทโดย กชกร นิมากรณ์)
บทบาทในเรื่อง
จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ เทพ (ตอนเด็ก) มีความสัมพันธ์กับ พุดจีบ (ตอนเด็ก) (รับบทโดย ด.ญ.กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ) ในฐานะพี่น้องบุญธรรม เขามักอยู่เคียงข้างพุดจีบและแสดงความห่วงใย ซึ่งเป็นรากฐานของความรักที่พัฒนาขึ้นในวัยผู้ใหญ่
พยานแห่งความขัดแย้ง เทพในวัยเด็กได้เห็นเหตุการณ์สำคัญ เช่น การตกน้ำของพุดจีบและการลงโทษแก้วกับอิ่ม เขาเป็นพยานที่ไม่รู้ตัวถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในเรือน ซึ่งส่งผลต่อมุมมองของเขาเมื่อโตขึ้น
ตัวแทนของความหวัง ในช่วงต้นเรื่อง เทพ (ตอนเด็ก) เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและอนาคตของครอบครัวคุณหลวง เขาถูกเลี้ยงดูให้มีการศึกษาดีและมีโอกาสไปเรียนเมืองนอก ซึ่งแตกต่างจากชะตากรรมของทาสอย่างแก้ว
พัฒนาการของตัวละคร
จากเด็กไร้เดียงสาสู่การเผชิญความจริง ในช่วงแรก เทพ (ตอนเด็ก) ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเรือน โดยไม่รู้ถึงความลับและความขัดแย้งที่ซ่อนอยู่ แต่เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การสูญเสียอิ่มและการถูกเนรเทศของแก้ว เริ่มทำให้เขาได้เห็นด้านมืดของครอบครัว
รากฐานของความรักและความรับผิดชอบ ความสัมพันธ์กับพุดจีบในวัยเด็กวางรากฐานให้กับความรักที่ลึกซึ้งในวัยผู้ใหญ่ รวมถึงความรู้สึกผิดที่เขามีต่อชะตากรรมของเธอเมื่อโตขึ้น
ด.ช.กันตพงศ์ เจริญสุข ถ่ายทอดบทเทพ (ตอนเด็ก) ด้วยการแสดงที่สดใสและจริงใจ เขาใช้ท่าทางและน้ำเสียงที่แสดงถึงความไร้เดียงสาและความจิตใจดีของเด็กชายได้อย่างน่ารักและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในฉากที่แสดงความห่วงใยต่อพุดจีบหรือความสับสนเมื่อเห็นความโหดร้ายในเรือน การแสดงของเขาทำให้เทพ (ตอนเด็ก) เป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกเอ็นดูและเห็นถึงความบริสุทธิ์ที่ค่อยๆ ถูกท้าทายจากเหตุการณ์ในเรื่อง