ละคร จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า 2549
วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของ รีสอร์ทสุรสิทธิ์ กำลังป่วยหนัก เรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวนายวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ นายบุรินทร์ สุรสิทธิ์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และ ปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติทางฝ่าย นางสีวิกา ภรรยานายวรเทพต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาท นิรนามคนนี้
ในที่สุดก็พบกับ จันทร์ ลูกสาวนายบุรินทร์ ในสภาพบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์อายุ 18 กำลังสาวสะพรั่ง แต่กลับแต่งตัวเป็นทอมบอย อยู่ในความดูแลสาวใหญ่ มะลิ แคลาย (เพราะชอบ มาราย แคร์รีห์มาก เลยตั้งชื่อให้ใกล้เคียง) ที่มีอาชีพเป็นนักร้องในผับแถวเกสต์เฮาส์ และอาชีพเสริมคือ เป็นสำนักทรง หลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ จันทร์เป็นลูกมือ บางครั้งก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะจันทร์พูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เนื่องจากพ่อพาไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็ก จนสิบขวบนายบุรินทร์เสียชีวิต จันทร์จึงต้องกลับเมืองไทย
ที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ หลายครั้งที่จันทร์เห็นภาพนิมิตในการเข้าทรงนั้นจริงๆ และ
ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในหลายๆ หน จนคนในละแวกนั้นนับถือ จันทร์เองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์ประทับทรงให้ จันทร์เห็นร่างสว่างไสวของคนๆ หนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และเหมือนจะกระซิบบอกให้จันทร์ยอมตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่
นางมะลิไม่ยอม เพราะกลัวจันทร์จะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์ต้องอยู่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เองก็อยากกลับไปเพราะต้องการรู้เรื่องของแม่ตนเองที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เหตุผลักดันที่สำคัญที่สุดก็คือ จันทร์เริ่มเห็นภาพวิญญาณสว่างไสวนั้นบ่อยครั้งขึ้น อีกทั้งยังเห็น วิญญาณผู้หญิงหน้าตาน่ากลัวตามมาหลอกหลอนอยู่เนืองๆ สร้างความหวาดกลัวทั้งจันทร์เอง นางมะลิ และ ไอ้ข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กที่ร้องเพลงเป็นลูกคู่กับนางมะลิอยู่ในผับ ได้ทั้ง ฮิบฮ็อบ แร็บ ไปจนถึงเพลงแหล่ ปรเมศวร์พาจันทร์กลับไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ พร้อมกับข้าวต้มมัด ปรเมศวร์สั่งจันทร์ให้ทำตัวให้เรียบร้อยให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์กลับออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ ไม่ยอมให้ปรเมศวร์เปลี่ยนวิธีการแต่งตัว และการพูดจาแบบทอมบอยของเธอ ปรเมศวร์ต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจในการ
ทำให้จันทร์ยอมศิโรราบ มีทั้งบทลงโทษและบทปลอบใจ แต่กระนั้นปรเมศวร์ก็ได้รู้ว่าจันทร์เป็นเด็กเจ้าเล่ห์เจ้ากล บางทีทำเป็นยอมหมอบราบคาบแก้ว แต่แล้วก็แอบแผลงฤทธิ์เมื่อลับหลัง ปรเมศวร์ต้องทำโทษด้วยการใช้ไม้เรียวฟาดก้นอยู่บ่อยๆ ถูกตีทีไรก็โอดโอยร้องไห้เป็นเผาเต่าจนปรเมศวร์สงสารใจอ่อนก่อนจะมารู้ทีหลังว่า จันทร์แกล้งเล่นละครตบตา และแอบกลับไปทำทะโมนแกล้งชาวบ้านได้ใหม่ปรเมศวร์จึงไม่เชื่อใจจันทร์ และกล่าวหาจันทร์ว่าเป็นเด็กขี้โกหกนับแต่นั้น
มีคนอยู่สองคนที่จันทร์ไม่กล้าทะลึ่งใส่คือ นายวรเทพ ในฐานะคุณปู่ที่ดูเหมือนอาการป่วยจะดีขึ้นเมื่อได้เห็นหน้าจันทร์ จันทร์เข้าหานายวรเทพอยู่บ่อยๆ เพราะได้ฟังเรื่องราวของ นางวลัย แม่ของตน จันทร์ทราบว่านางวลัยเป็นหญิงชาวบ้านจนๆ ที่แต่งงานกับบุรินทร์ แต่อยู่กินกันไม่นานทั้งสองก็ต้องแยกทาง บุรินทร์พาลูกสาวคือจันทร์ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุสองสามขวบ ส่วนนางวลัยก็หายสาปสูญไปจากบ้านนับจากนั้นไม่นาน จันทร์รู้ว่าที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันเพราะอคติของคุณย่าสิวิกาที่รังเกียจแม่ของ
ตน คุณย่าเป็นอีกคนที่จันทร์กลัวและไม่อยากเผชิญหน้า ดูเหมือนคุณย่าคอยเฝ้ามองและจับผิดตนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลาที่เข้าไปดูแลคุณปู่วรเทพ นางยิ่งไม่พอใจและพยายามกีดกัน แม้แต่ปรเมศวร์เองก็รู้สึกและคิดว่าคุณป้าของเขาคงรังเกียจจันทร์ที่เข้ามาแย่งมรดกส่วนหนึ่งไปจากตระกูล
ในตึกใหญ่ร่วมบ้าน จันทร์ต้องเจอญาติผู้ไม่พึงประสงค์หลายราย เช่น ครอบครัว นายสม
ประสงค์ ที่มีภรรยาแสนละโมภคือ นางจงดี ลูกสาวคนโตของนายวรเทพที่มีลูกชาย ลูกสาว วัยไล่เลี่ยกับจันทร์และปารมีคือ นายบัณรส และ คุณหนูบัณรสี ที่เป็นเด็กเอาแต่ใจด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองตั้งป้อมเป็นศัตรูหาทางกลั่นแกล้งจันทร์และข้าวต้มมัดอยู่ตลอดเวลา โดยมี นางลำยอง สาวใช้ทึนทึกคอยเป็นสมุนช่วยกันหาความไม่ได้หยุดหย่อน จนบางครั้งเรื่องไปถึง คุณย่าประภา และปรเมศวร์ ทำให้จันทร์ถูกลงโทษอย่างไม่ยุติธรรมอยู่เนืองๆ ร้อนถึงนางมะลิที่ต้องรีบเดินทางมาที่รีสอร์ทเพื่อดูแลจันทร์ และกลายเป็นคู่ปรับกับนางลำยอง ถึงขั้นด่ากันเป็นเพลง เพราะนางลำยองเป็นลิเกเก่า ส่วนนางมะลิก็ขาแร็บดั้งเดิม
ในความคับแค้นใจ อะไรก็ไม่เท่ากับที่จันทร์รู้สึกว่าปรเมศวร์ลำเอียงกับเธอ เพราะ
ปรเมศวร์คิดว่าเธอคือเด็กขี้โกหก โดยสร้างเรื่องวิญญาณมาหลอกให้คนในบ้านและที่โรงเรียนหวาดกลัว แต่ครั้งหนึ่งจันทร์พิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นความจริง เมื่อเธอเห็นสร้อยของแม่ในห้องเก็บของเก่าที่ตกอยู่ และปรเมศวร์ค้นเจอ จันทร์บอกว่าเธอเห็นแม่มาหาในสภาพที่เจ็บปวดทุรนทุราย เสียงเพลงกล่อมเด็กโบราณ “จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง” จะดังทุกครั้งที่จันทร์เห็นภาพแม่ ปรเมศวร์พยายามเตือนจันทร์ไม่ให้ฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ จันทร์ไม่รู้ว่าปรเมศวร์ไม่ได้นิ่งดูดาย เขาพยายามสืบหาข้อมูลเพื่อแก้
ปริศนาการตายลึกลับของนางวลัยอยู่เช่นกัน โดยมีสารวัตรหนุ่ม ภูษณ คอยช่วยเหลือ ทั้งสองต้องแปลกใจที่ค้นข้อมูลลึกลงไปก็พบว่าสิ่งที่จันทร์กล่าวอ้างนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด นางวลัยอาจจะถูกฆาตกรรม
ยังโชคดีที่โรงเรียนยังมีคนที่เข้าใจเธออยู่สองคนคือ คุณครูวันวิสาข์ และ นุดี น้าหลาน นุ
ดีเป็นเพื่อนสาวร่วมห้องเรียนกับจันทร์ ครูวันวิสาข์ดูจะเชื่อภาพวิญญาณของจันทร์มากกว่าใคร เพราะจันทร์พูดถึง ครูรมณี ครูสาวสวยที่หายไปจากโรงเรียนอย่างลึกลับหลายปีก่อน จันทร์อ้างว่าเธอเห็นร่างของครูมาปรากฏในสภาพที่ไม่ต่างจากแม่ คือต้องการบอกอะไรบางอย่าง และทุรนทุรายเจ็บปวด ไม่มีใครรู้ว่าที่สารวัตรภูษณทำเรื่องย้ายมาประจำที่นี่ เพื่อจะสืบเรื่องของครูรมณีนั่นเอง เพราะครูรมณีคือพี่สาวแท้ๆ ของเขา
ครูวันวิสาข์ช่วยทั้งปรเมศวร์และสารวัตรภูษณในการคลี่คลายคดี ทำให้ความสัมพันธ์ของนายตำรวจหนุ่มและครูสาวพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง ส่วนปรเมศวร์ก็เริ่มเข้าใจในตัวเด็กสาวอย่างจันทร์มากขึ้น และเกิดความรู้สึกผูกพันในใจเงียบๆ ปรเมศวร์จะรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นจันทร์สนิทสนมกับเพื่อนชาย รวมทั้งปารมีน้องชาย ถึงกับเริ่มออกกฏคุมความประพฤติจันทร์มากขึ้น
งานแสดงละครของโรงเรียนครั้งหนึ่งจัดขึ้นที่ตึกดนตรีเก่า จันทร์เล่นเป็นนางปอร์เชีย ใน
ละครเวนิสวาณิช เมื่อถึงฉากกรีดเนื้อขึ้นชั่ง จันทร์เห็นภาพหลอนเลือดทะลักออกมาจริงๆ จันทร์เกือบเล่นต่อไม่ได้ ปรเมศวร์ต้องเข้ามาดูแล หลังละครเลิกบัณรสี บัณรส ที่ร่วมเล่นอยู่ด้วยแกล้งขังจันทร์ไว้ในห้องเก็บของ จันทร์เห็นวิญญาณพาเธอขึ้นไปชั้นบนของตัวตึกเก่า จันทร์ตามขึ้นไปและเห็นภาพการฆาตกรรมครูสาว ในจำนวนผู้ชายหลายคนที่ร่วมสังหารครู เธอไม่เห็นหน้า แต่เห็นมือของเขามีรอยแผลเป็นใหญ่ ปรเมศวร์ตามจันทร์เข้ามาในห้อง จันทร์บอกว่าศพอยู่หลังกำแพง ปรเมศวร์ทุบกำแพงดู และพบว่าศพของครูรมณีตายซากเหลือแต่กระดูกอยู่ในนั้นจริงๆ
ข่าวการพบศพครูรมณีกลายเป็นข่าวใหญ่ จันทร์กลายเป็นที่จับตามองของทั้งตำรวจและคนในเมือง ชีวิตของจันทร์อยู่ในอันตราย เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้งที่ชี้ชัดว่าต้องการขู่ให้จันทร์กลัวและปิดปากเงียบเรื่องที่จันทร์ได้รู้เห็นทางจิตของเธอ ปรเมศวร์และภูษณพยายามสืบหาเบาะแสโดยใช้มะลิและข้าวต้มมัดช่วยหาข่าว เพราะบาร์ที่มะลิร้องเพลงอยู่นั้น แก๊งค์โจรชอบมามั่วสุมกันอยู่ ในที่สุดก็ได้ข้อมูลเกี่ยวโยงไปถึงนายสมประสงค์ที่จ้างวานแก๊งค์โจรมาทำร้ายจันทร์ ปรเมศวร์และภูษณจับตามองนายสมประสงค์และนางจงดี ถึงขั้นสังเกตที่มือนายสมประสงค์ แต่ไม่พบว่ามีรอยแผลเป็นแต่อย่างใด
ครั้งหนึ่งที่มีการยิงขู่จันทร์ ปรเมศวร์ถูกลูกหลงบาดเจ็บสาหัสหมดสติไปสองสามวัน
จันทร์พยายามใช้สมาธิติดต่อกับเขา จนปรเมศวร์ในสภาพหลับไหลสามารถสัมผัสจิตของจันทร์ได้อยู่ตลอดเวลา สัมผัสถึงความห่วงใยและความรักที่จันทร์มีต่อเขา เมื่อปรเมศวร์ฟื้นขึ้น เขาเริ่มมองเห็นปรากฏการณ์วิญญาณเช่นเดียวกับจันทร์
คุณย่าสีวิกาพานายวรเทพไปพักฟื้นที่บ้านพักริมน้ำห่างจากรีสอร์ทหลายกิโล มีจันทร์ตามมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย ทั้งๆ ที่คุณย่าไม่พอใจอย่างมาก นายวรเทพอาการดีขึ้นเป็นลำดับจนเดินเหินได้เกือบปรกติ จันทร์รู้สึกแปลกที่เธอนอนที่บ้านนี้อย่างไม่ปรกติสุข เห็นภาพน่ากลัวตามหลอนเวลาฝันเหมือนไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ แล้วจันทร์ก็พบความจริงเมื่อเห็นว่ามือของนายวรเทพนั้นคือมือที่มีรอยแผลเป็นที่เธอเคยเห็นนั่นเอง จันทร์พยายามติดต่อปรเมศวร์และภูษณ แต่แล้ววรเทพก็จับได้ บังคับพาเธอออกไปยังเรือนเล็กท้ายบึงน้ำ และติดต่อกลุ่มนายสมประสงค์ให้เดินทางมาสมทบ
ปรเมศวร์เหมือนจะเห็นภาพเดียวกับจันทร์ มือของนายวรเทพที่เป็นรอยแผล เขารู้ว่าจันทร์กำลังตกอยู่ในอันตราย วิญญาณของวลัยมาปรากฏให้ปรเมศวร์เห็น บอกว่าจันทร์อยู่ที่ไหน ปรเมศวร์ ครูวันวิสาข์ ปารมี มะลิ พยายามจะไปช่วยจันทร์ แต่ต้องฝ่าด่านสมุนของนายสมประสงค์ที่เข้ามาล้อมผับที่ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ มะลิ ข้าวต้มมัด และปารมีใช้ความสามารถทั้งร้องทั้งเต้น ล่อหลอกสมุนของสมประสงค์ให้สนใจอยู่แต่โชว์ของตน และช่วยให้ปรเมศวร์ และครูวันวิสาข์ หลบออกจากผับไปได้ ปรเมศวร์ ติดต่อภูษณให้พาตำรวจตรงไปยังบ้านริมน้ำ
วรเทพเปิดเผยความจริงทุกอย่างให้จันทร์ได้รู้ เมื่อวลัยและบุรินทร์แต่งงานกัน และเข้ามา
อยู่ร่วมบ้าน ความสวยของวลัยถูกใจนายวรเทพอย่างเหลือเกิน จึงข่มขืนนางวลัยและบังคับไม่ให้นางวลัยบอกความจริงสามี แต่แล้วความก็แตกจนได้เมื่อบุรินทร์รู้ความจริง ตอนนั้นวลัยท้อง เมื่อคลอดลูกบุรินทร์จึงพาลูกของตนหนีไปอยู่อเมริกา ยิ่งสร้างความชอกช้ำให้วลัยมากยิ่งขึ้น วรเทพต้องการตัวจันทร์กลับมา เพราะคิดว่าจันทร์คือลูกสาวของเขาเอง แต่แล้วจันทร์กลับมาเปิดโปงตัวการคือนายวรเทพเสียเอง โดยเฉพาะเรื่องศพครูรมณีที่เป็นเหยื่อกามอีกคนหนึ่งของนายวรเทพ วรเทพขู่ให้จันทร์ปิดปากเงียบจึงจะไว้ชีวิต แต่จันทร์ไม่ยอม คุณย่าเข้ามาพร้อมปืน ขู่ให้วรเทพปล่อยจันทร์ไป บอกความจริงว่ายังไงจันทร์ก็ไม่ใช่ลูกของนายวรเทพแน่นอน เพราะวลัยท้องจันทร์ก่อนที่วลัยจะตกเป็นของนายวรเทพ คุณย่าคือคนที่รู้เรื่องทั้งหมดแต่ทำอะไรไม่ได้ เธอพยายามปกป้องหลานสาวโดยร้ายใส่เพื่อไม่ให้จันทร์อยากอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้
คุณย่าพาจันทร์หนีเมื่อสบโอกาส นายวรเทพเมื่อรู้ว่าจันทร์ไม่ใช่ลูก จึงสั่งสมประสงค์และ
ลูกน้องให้จับตายทั้งคู่ ย่าและจันทร์หนีไปจนมุมที่เรือนจอดเรือของบ้าน สมุนของสมประสงค์ยิงคุณย่าบาดเจ็บ วรเทพตามมา และบอกให้จัดการฆ่าจันทร์เสีย ในที่ๆ เดียวกับที่วลัยถูกฆ่าตายและจับถ่วงน้ำไว้
ปรเมศวร์ และภูษณ กับตำรวจตามมา วรเทพจับจันทร์ไว้เป็นตัวประกัน จันทร์นึกถึงแม่
และท่องบทกล่อมเด็ก “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า” เพื่อหวังให้แม่มาช่วย และสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด วรเทพเห็นภาพวิญญาณทั้งของวลัยและครูรมณีเข้ามาหลอกหลอน วรเทพกลัวลนลาน ทำให้ปรเมศวร์และภูษณเข้าแย่งปืนจากวรเทพได้ วรเทพเสียหลักตกลงในน้ำ และดูเหมือนอะไรบางอย่างจะดึงร่างนายวรเทพให้ดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำอันมืดมิด จนขาดใจตาย นั่นคือร่างที่เหลือแต่โครงกระดูกของวลัยที่ถูกจับถ่วงน้ำใต้บึงมืดมิดแห่งนั้น
ศพนางวลัยถูกนำขึ้นมาทำพิธีทางศาสนา จันทร์ได้พบแม่ของตนและรับรู้ว่าแม่ได้ไปสู่สุคติแล้ว คุณย่าหายจากบาดเจ็บและยินดีต้อนรับจันทร์ในฐานะสมาชิกใหม่ จันทร์จะกลับไปกรุงเทพฯ กับมะลิและข้าวต้มมัด แต่ปรเมศวร์ขอร้องให้จันทร์อยู่กับเขาที่นี่และร่วมกันสร้างรีสอร์ทแห่งนี้ด้วยกัน เพราะคุณย่าให้จันทร์ได้รับสิทธิ์มรดกรีสอร์ทเกือบครึ่งหนึ่ง เพื่อชดใช้ให้กับความผิดแต่หนหลัง จันทร์รับรักปรเมศวร์และตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่รีสอร์ทแห่งนี้อีกครั้ง
และจากนั้นจันทร์ก็ไม่เคยเห็นภาพปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวอีกเลย จันทร์ เพียงแค่ฝันเห็นแม่
ที่สวยงามเป็นสุข และได้กลับไปหาพ่อในดินแดนงดงามที่พ่อรออยู่
บทประพันธ์ นรอินทร์
บทโทรทัศน์ วรรณนึก
กำกับการแสดง เติม
นักแสดง
สหรัถ สังคปรีชา รับบท ปรเมศวร์
ศรีริต้า เจนเซ่น รับบท จันทร์เจ้า
นิธิชัย ยศอมรสุนทร รับบท ปารมี
ศิระ แพทย์รัตน์ รับบท ภูษณ
นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบท วรเทพ
ประกาศิต โบสุวรรณ รับบท สมประสงค์
ปวีณา ชารีฟสกุล รับบท วลัย
ภรผกา เสียงสมบุญ รับบท รมณี
ณ หทัย พิจิตรา รับบท จงดี