ละครพื้นบ้าน แก้วหน้าม้า 2558 (ตอนที่ 1-34 ตอนจบ) HD END

เพลงแก้วหน้าม้า Ost.แก้วหน้าม้า

ละครพื้นบ้าน แก้วหน้าม้า 2558

เรื่องราวของนางแก้วมณีอดีตนางฟ้าบนสวรรค์ที่ถูกสาปให้มาเกิดเป็นหญิงสาวชาวบ้านที่มีใบหน้าเป็นม้า วันหนึ่งพระปิ่นทองพระโอรสของท้าวภูวดลแห่งเมืองมิถิลาได้ออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช จนในที่สุดนางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา โดยท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้ เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี และพระปิ่นทองยังยื่นคำขาดว่าหากกลับมา นางแก้วมณียังไม่มีลูกกับพระองค์ก็จะให้นำตัวไปประหารเสีย

นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะและยกสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาพระธิดาของ ท้าวพาลราชให้เป็นเมียของพระปิ่นทอง และเจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง พระปิ่นทองปฏิเสธแต่ก็จำนนด้วยหลักฐานคือแหวนประจำพระองค์พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา

สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า ภายหลังจากที่มิถิลาสงบสุขอยู่ได้ 15 ปีนางทัศมาลีกับพระโอรสปิ่นศิลป์ไชยร่วมกันใช้มนต์เสน่ห์หลอกล่อ ให้พระปิ่นทองกลับไปอยู่ด้วย นางแก้วมณีและปิ่นแก้วจึงตามไปช่วยจนสำเร็จ พระปิ่นทองสั่งประหารนางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยแต่ปิ่นแก้วขอชีวิตไว้ นางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยจึงสำนึกผิดและกลับตัวเป็นคนดี ปิ่นแก้วจึงพาตัวปิ่นศิลป์ไชยกลับเมืองมิถิลา ระหว่างทางปิ่นศิลป์ไชยถูกนางยักษ์มณีฉายจับทำผัว ฝ่ายปิ่นแก้วเห็นน้องหาย จึงสวมรูปม้าออกตามหาไปจนถึงเมืองการะเกด เจ้าหญิงดารารัศมีเกิดสงสารจึงถอดแหวนแล้วมอบให้

ฝ่ายพระขนิษฐารัชนีเห็นดังนั้นจึงทูลฟ้องท้าวอุทัตเสด็จพ่อ ท้าวอุทัตจึงไล่นางดารารัศมีให้ไปอยู่กับชายหน้าม้าที่ปลายนา พระปิ่นแก้วคิดแก้แค้นจึงถอดรูปม้าไปลักลอบได้เสียกับเจ้าหญิงรัชนี โดยก่อนจากพระปิ่นแก้วได้มอบชายผ้าไว้ให้ ท้าวอุทัตทราบความจึงประกาศว่าผู้ใดเป็นเจ้าของชายผ้าจะยกพระธิดาให้ จึงเกิดการแย่งชิงของเจ้าต่างเมืองมากมายกลายเป็นศึกใหญ่ พระปิ่นแก้วจึงออกมาช่วยระงับศึกและได้ครองเมืองการะเกด ฝ่ายพระปิ่นศิลป์ไชยหลบหนีจากนางยักษ์มณีฉายด้วยการช่วยเหลือของเทพารักษ์โดยการมอบแหวนที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นชายแก่ให้ ระหว่างหลบหนีไปถึงเมืองจักรวรรดิก็ได้ช่วยชาวเมืองยกเสาที่ล้มอยู่กลับคืนที่เดิม ฝ่ายเจ้าเมืองคือท้าวทรงบดินทร์จำต้องยกเจ้าหญิงทิพวันให้ตามที่เคยลั่นวาจา ฝ่ายเจ้าหญิงทิพวันเมื่อรู้ความจริงว่าชายแก่คือ พระปิ่นศิลป์ไชยก็หลงรักและพากันกลับเมืองมิถิลา

แก้วหน้าม้า เป็นวรรณคดีไทย พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทินกร กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ ประพันธ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 นอกจากพระนิพนธ์เรื่องนี้แล้ว ยังทรงมีผลงานพระนิพนธ์อื่น ๆ เช่น บทละครนอกเรื่องยอพระกลิ่น โคลงนิราศฉะเชิงเทรา บทละครนอกโม่งป่า และเพลงยาวสังวาสอีกหลายสำนวน

กำกับการแสดงโดย : ภิพัชพนธ์ อภิวรสิทธิ์
บทละครโทรทัศน์ : แก้วกัลยาณี
ผลิตโดย : ค่าย สามเศียร
นักแสดงนำ : ดาริน ดารากานต์, เอกราช กฤตสิริทิพย์, ไพโรจน์ สังวริบุตร, ชุติมา เอเวอรี่, ธีระธันญ์ ขจรชัยเดชาวัฒน์, คริษฐา สังสะโอภาส