ละคร ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 2568 “ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว” ประโยคนี้กรีดลึกในใจของ “นานา” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากปากของ “พอร์ช” ชายที่เธอเฝ้ารอคอยความรัก แต่สำหรับนานา… ความพ่ายแพ้ไม่ใช่ทางเลือก คติ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” คืออาวุธเดียวที่เธอมี เธอใช้มันสร้างความใกล้ชิด ยอมทำทุกอย่างเพื่อแทรกตัวเข้าไปในชีวิตเขา จนกระทั่งพอร์ชเริ่มมองเห็นเธอในฐานะ ‘เพื่อนสนิทคนสำคัญ’ ถึงแม้จะมี “ต้นข้าว” เป็นเจ้าของหัวใจ พอร์ชก็ยังตั้งกฎว่าแฟนต้องรักนานาด้วย… ท่ามกลางสถานะที่คลุมเครือนี้ คำถามเดียวที่ยังค้างคา คือการตื๊อจะช่วยให้เธอยึดครองได้แค่ โลก ของเขา… หรือ หัวใจ ของเขาด้วยกันแน่

ละคร ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 2568 เรื่องนี้พูดถึงความรักแบบตื้อๆ ที่หลายคนอาจเคยเจอมาในชีวิตจริง มันสนุกตรงที่ผสมดราม่า โรแมนติก และบทเรียนชีวิตเข้าไว้ด้วยกัน เรื่องราวเริ่มจาก “นานา” สาวแกร่งที่ทั้งอึด บึก ถึก ทนทาน แบบสุดๆ เธอเป็นกะเทยที่ตกหลุมรัก “พอร์ช” หนุ่มหล่อเทพบุตรในฝัน แต่โดนปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยประโยคจี๊ดใจว่า “ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว” นานาไม่ยอมแพ้ เธอยึดคติ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” เชื่อว่าสักวันพอร์ชจะใจอ่อน เธอสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเข้าไปพัวพันในชีวิตเขา เช่น ช่วยงาน อยู่เคียงข้างตอนลำบาก ยอมทำทุกอย่างแบบถวายหัวใจเลยล่ะ จนพอร์ชเริ่มเห็นใจ มองเธอเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ ถึงขั้นตั้งกฎว่าแฟนคนไหนของเขาต้องรักนานาด้วยไม่งั้นไม่เอา

แต่เรื่องไม่จบง่ายๆ นะ เพราะมี “ต้นข้าว” แฟนสาวของพอร์ชเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดดราม่าความหึงหวง การถูกปฏิเสธซ้ำๆ และคำถามว่าความตื้อนี้จะได้ใจจริงๆ หรือแค่ได้เป็นเพื่อน

สารบัญละคร

เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงในรายการ Club Friday ที่พี่ฉอด-สายทิพย์ ควบคุมผลิต มันสะท้อนว่าความรักไม่ใช่แค่ตื้ออย่างเดียว แต่ต้องดูจังหวะและความรู้สึกด้วย เรื่องนี้มันเจ๋งตรงที่ทำให้เราคิดถึงความรักในมุมใหม่ๆ ว่าตื้อมากไปอาจไม่เวิร์กเสมอไป ถ้าใครชอบซีรีส์ดราม่าความรักจากเรื่องจริง ลองไปดูย้อนหลัง ต่อไปนี้คือเนื้อเรื่องสำคัญของละคร

ในเมืองกรุงที่วุ่นวาย นานา สาวแกร่งผู้มีหัวใจดั่งนักรบ ยืนมองพอร์ช หนุ่มหล่อผู้เป็นดั่งเทพบุตรในฝันของเธอ ครั้งแรกที่สายตาประสานกัน หัวใจนานาก็เต้นแรงราวกับกลองศึก แต่คำพูดจากปากเขา “ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว” มันเหมือนมีดกรีดใจ เธอถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แทนที่จะถอย นานากลับยึดคติ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” เธอเชื่อว่าความพยายามจะพิชิตทุกสิ่ง แม้แต่หัวใจที่เย็นชาของเขา

นานาเริ่มปฏิบัติการ เธอสร้างสถานการณ์เพื่อเข้าใกล้พอร์ช ช่วยงานเขาในยามยาก อยู่เคียงข้างตอนเขาท้อแท้ ยอมเสียสละทุกอย่างราวกับถวายชีวิตและหัวใจ จนพอร์ชเริ่มละลาย เห็นใจเธอ มองเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ขาดไม่ได้ ถึงขั้นประกาศกฎเหล็กว่า แฟนคนไหนต้องรักนานาเหมือนกัน ไม่งั้นไม่ผ่าน! แต่แล้วต้นข้าว แฟนสาวสวยของพอร์ชก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เกิดพายุแห่งความหึงหวงและความเจ็บปวด นานาเห็นภาพความรักของทั้งคู่ แต่เธอยังคงตื้อต่อไป หวังว่าสักวันเขาจะหันมามองเธอในฐานะมากกว่าเพื่อน

ในบทสำคัญ นานาเจออุปสรรคใหญ่ เมื่อพอร์ชมีปัญหาหนี้สินและงานสะดุด เธอทุ่มเทช่วยเหลือด้วยความจริงใจ แต่กลับถูกปฏิเสธอีกครั้ง คำถามผุดขึ้นในใจเธอว่า ความตื้อนี้คือรูปแบบความรักที่สวยงามจริงๆ หรือแค่การหลอกตัวเอง?

ละครเรื่องนี้สะท้อนทฤษฎีความรักที่ว่า “ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก” ผ่านตัวละครที่สร้างจากเรื่องจริง ทำให้ผู้ชม รู้สึกอินราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง ละครเรื่องนี้ให้บทเรียนที่ว่า ความตื้ออาจครองโลก แต่ไม่เสมอไปที่จะครองใจ ต่อไปนี้คือจุดเด่นของละคร

ซีรีส์นี้เล่าเรื่องได้สมูทสุดๆ เริ่มจากเนื้อเรื่องที่ใกล้ตัวหลายคน คือการตื้อคนที่ชอบแต่โดนปฏิเสธซ้ำๆ นักแสดงเล่นดีมาก จูดี้ในบทนานา แสดงความแกร่งและเจ็บปวดได้อิน ป๊อปเป็นพอร์ชก็หล่อเท่แบบเทพบุตรจริงๆ กิ๊ฟเล่นต้นข้าวก็ทำให้เราหึงแทนได้ บทสนทนาธรรมชาติ ไม่โอเวอร์ ดราม่าไม่ยืดเยื้อ แต่สะท้อนชีวิตจริงว่าความรักแบบตื้ออาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป การกำกับของกฤษฎา เตชะนิโลบล ทำให้แต่ละตอนไหลลื่น ดูเพลินไม่เบื่อ

จุดเด่นคือเพลงประกอบและฉากที่ถ่ายสวย อย่างฉากนานาตื้อพอร์ช มันทั้งตลกทั้งเศร้า ซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่ entertain แต่ยังให้บทเรียนว่าความรักต้องเคารพความรู้สึกอีกฝ่ายด้วย จากรีวิวในเว็บต่างๆ บอกว่าสนุกมาก เล่าเรื่องดี สมูท และอาจตรงกับชีวิตใครหลายคน ดูแล้วอิน เหมือนได้คิดถึงความรักตัวเอง

คะแนนโดยรวม 7.9/10 ซีรีส์นี้คือ must-watch สำหรับแฟนดราม่ารัก เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วคิดตามได้ ให้ความรู้สึกหลากหลาย เหมือนได้สัมผัสเรื่องราวความรักที่ใกล้ตัว

พล็อตเรื่องจากเรื่องจริง สะท้อนสังคมดีมาก ได้ 9/10 ตรงที่เล่าความรักแบบตื้อได้น่าติดตาม ไม่น้ำเน่า นักแสดงเด่นสุด จูดี้ ป๊อป กิ๊ฟ เล่นเข้าถึงอารมณ์ ได้ 9/10 การกำกับและบทละเอียด สมูท ไม่ยืด ได้ 8/10 เพลงประกอบและฉากสวยงาม ได้ 8.5/10 ความนิยมจาก views บน YouTube สูงเกิน 80K ต่อตอน แสดงว่าฮิตจริง แต่จุดหักคะแนนคือตอนจบอาจไม่เซอร์ไพรส์มาก ได้ 7.5/10 ในมุมนั้น จากรีวิวในเว็บอย่าง trueid บอกว่าสนุกมาก เล่าเรื่องดี สมูท

ความรู้สึกแรกคือความเอ็นดูและสงสารตัวเอกที่ตื้อสุดใจ มันทำให้หัวใจเต้นตามตอนเห็นความพยายาม แต่ก็เศร้าตรงที่ถูกปฏิเสธซ้ำๆ เหมือนได้เรียนรู้ว่าความรักต้องมีขีดจำกัด ความสนุกผสมดราม่าทำให้ตื่นเต้นตลอด 4 ตอน โดยเฉพาะฉากช่วยเหลือกัน มันอบอุ่นแต่ก็เจ็บปวด ตอนจบให้ความรู้สึกโล่งใจผสมคิดทบทวนว่าตื้อมากไปอาจไม่ดีเสมอไป มันสะท้อนชีวิตจริง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเคารพความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น ความรู้สึกโดยรวมคือเต็มอิ่ม เหมือนได้บทเรียนรักที่ใช้ได้จริง

ละครผสมผสานระหว่างความสุข เศร้า และบทเรียน มันทำให้อยากดูซ้ำเพื่อซึมซับอีกครั้ง ถ้าได้ดูแล้ว ความรู้สึกเหล่านี้คงเกิดขึ้นเหมือนกัน


ละคร ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 2568

ละคร ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 2568

ละคร ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก 2568

เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของนานา (เล่นโดยจูดี้ จารุกิตติ์) สาวแกร่ง LGBTQ+ ที่ทำงานเป็นสไตลิสต์ในกองละคร เธอทั้งอึด บึก ถึก ทนทานสุดๆ แบบว่าถูกปฏิเสธรักกี่ครั้งก็ไม่ถอดใจ เพราะเธอหลงรักพอร์ช (ป๊อป ภัทรพล) นักแสดงหนุ่มหล่อเทพบุตรที่เพิ่งเข้าวงการ ทุกครั้งที่นานาสารภาพรัก พอร์ชก็ตอบกลับด้วยประโยคจี๊ดใจ “ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว” มันเหมือนตอกย้ำว่านานาไม่ใช่สเปกเขาเลย แต่แทนที่จะเศร้าแล้วเลิก นานากลับยึดคติ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” เธอเชื่อว่าถ้าตื้อหนักๆ สักวันพอร์ชจะใจอ่อนและรับรักเธอจริงๆ

เริ่มจาก นานาเจอพอร์ชครั้งแรกในกองถ่าย แล้วตกหลุมรักแบบปุ๊บปั๊บ เธอเริ่มปฏิบัติการตื้อโดยช่วยงานเขาแบบสุดตัว เช่น ช่วยหาเสื้อผ้า ช่วยแก้ปัญหาในกอง จนพอร์ชเริ่มเห็นใจและรู้สึกดี แต่เขายังมองเธอแค่เพื่อนนะ ไม่ใช่แฟน พอร์ชมีแฟนสาวชื่อต้นข้าว (กิ๊ฟ สิรินาถ) ที่เป็นสาวสวยปกติ แต่ต้นข้าวไม่ชอบนานาเพราะเห็นว่านานาตื้อพอร์ชหนักเกิน

ดราม่ามาเต็ม นานาเห็นภาพพอร์ชกับต้นข้าวใกล้ชิดเกินเพื่อน มันเจ็บปวดมาก แต่เธอให้อภัยและยังอยู่เคียงข้างพอร์ชต่อ โดยสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองเข้าไปพัวพันในชีวิตเขา เช่น ไปช่วยงานส่วนตัว ไปกินข้าวด้วยกัน ยอมทำทุกอย่างแบบถวายหัวใจเลย ตื้อแบบไม่หยุด จนพอร์ชเริ่มคุ้นเคยและคิดว่านานาคือเพื่อนสนิทคนสำคัญ ถึงขั้นตั้งกฎว่าแฟนคนไหนของเขาต้องรักนานาด้วย ไม่งั้นไม่เอา แต่ต้นข้าวเริ่มหึงและทะเลาะกับพอร์ชเรื่องนี้

พอร์ชเจอปัญหาใหญ่ งานในวงการไม่ค่อยรุ่ง มีคนปฏิเสธบท นานาเลยทุ่มเทช่วยเหลือแบบสุดๆ เช่น หา connection ใหม่ๆ ให้ แต่แล้วก็เกิดปากเสียงกันเพราะพอร์ชรู้สึกว่านานาตื้อมากเกินไป มันทำให้เขาเครียด นานาเริ่มสงสัยตัวเองว่าความตื้อนี้มันถูกต้องไหม แต่เธอยังไม่ยอมแพ้ ยังคงยืนยันความเชื่อ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” และพยายามพิสูจน์ว่าความรักของเธอจริงใจ

ดราม่าสูงสุด พอร์ชมีปัญหาหนี้สินอะไรสักอย่าง นานาช่วยแก้ไขโดยยอมเสียสละเงินทองและเวลา แต่พอร์ชยังปฏิเสธรักเธอซ้ำๆ สุดท้าย นานาตื้อสุดทางจนพอร์ชยอมรับว่าเธอสำคัญมาก แต่ไม่ใช่ในฐานะแฟน เขาเลือกที่จะอยู่กับต้นข้าว และนานาก็เรียนรู้ว่านิยามจริงๆ ของ “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก…แต่อาจจะไม่ได้ครองใจเธอ” มันคือการยอมรับความจริงและรักตัวเองมากขึ้น เรื่องจบแบบ bittersweet นะ ไม่แฮปปี้เอนดิ้งแบบโรแมนติก แต่ให้บทเรียนว่าความรักต้องเคารพความรู้สึกอีกฝ่าย ไม่ใช่ตื้ออย่างเดียว มันสะท้อนทฤษฎีความรักที่ว่า “ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก” จากซีรีส์ชุด Hot Love Issue Theory of Love เลยล่ะ

เรื่องนี้มันดีตรงที่ทำให้เราคิดถึงความรักในชีวิตจริง ถ้าตื้อมากไปอาจเจ็บตัวเองเปล่าๆ

เบื้องหลังการถ่ายทำละคร “ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” จาก Club Friday The Series ปี 2568 ผลิตโดย CHANGE2561  เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ดราม่าหน้าจอ แต่เบื้องหลังก็สนุกไม่แพ้กัน เพราะทีมงานมือโปรทั้งนั้น มาจากเรื่องจริงในรายการ Club Friday ที่พี่ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา กับพี่เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ควบคุมผลิต มีผู้กำกับอย่างกฤษฎา เตชะนิโลบล (หรือพี่โอ๋) ที่เคยกำกับซีรีส์ดังๆ มาเพียบ บทโดยวาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ ที่เขียนได้จี๊ดใจมาก มาดูกันว่าทีมงานเขาทำยังไงให้เรื่องนี้ฮิตติดลมบน

ซีรีส์นี้ถ่ายทำในช่วงต้นปี 2568 ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก เพราะเรื่องเกิดในวงการบันเทิง กองถ่ายเลยเซ็ตอัพแบบกองละครจริงๆ มีฉากในสตูดิโอ ห้องแต่งตัว ร้านอาหาร และบ้านพัก เพื่อให้สมจริงสุดๆ

ผู้กำกับกฤษฎา เตชะนิโลบล

o867onm8y1qWN51S77l o
กฤษฎา เตชะนิโลบล

บอกในสัมภาษณ์ว่าต้องการให้เรื่องนี้สะท้อนชีวิต LGBTQ+ ในสังคมไทยอย่างแท้จริง ไม่โอเวอร์ดราม่า แต่เน้นอารมณ์จริงจัง เขาเคยกำกับซีรีส์ Club Friday ชุดอื่นๆ มาแล้ว เลยรู้จักจังหวะการเล่าเรื่องดีมาก ทีมงานบอกว่ากองถ่ายสนุกมาก เพราะนักแสดงอย่างจูดี้ จารุกิตติ์ ที่เล่นนานา เธอเป็นคนตลก ร่าเริง ทำให้บรรยากาศไม่เครียด แม้ฉากดราม่าจะร้องไห้หนักๆ แต่เบื้องหลังเธอชอบแกล้งป๊อป ภัทรพล ที่เล่นพอร์ช จนทุกคนหัวเราะกันงอหาย

ส่วนบทซีรีส์ วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ เขียนจากเรื่องจริงที่ส่งเข้ามาในรายการ Club Friday

emjeq 5f
วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์

เขาปรับให้เข้ากับยุคสมัย โดยพี่ฉอด-สายทิพย์ ควบคุมบทให้คมคาย สะท้อนประเด็นความรักแบบตื้อที่อาจไม่เวิร์กเสมอไป พี่ฉอดบอกว่าประโยคต่อท้าย “แต่อาจจะไม่ได้ครองใจเธอ” เป็นไอเดียจากพี่อ้อยพี่ฉอดเอง เพื่อให้เรื่องมีมิติลึกซึ้ง ควบคุมการผลิตโดยพี่ฉอดกับพี่เอส ที่ดูแลทุกอย่างตั้งแต่คัดนักแสดง ถ่ายทำ ไปจนตัดต่อ CHANGE2561 เป็นบริษัทผลิตที่ดังเรื่องซีรีส์คุณภาพสูง อย่าง Club Friday ชุดก่อนๆ เขาใช้ทีมงานมือโปร ตากล้องเก่ง เพลงประกอบเพราะๆ ที่ช่วยเสริมอารมณ์

567000007933301
.พี่ฉอด-สายทิพย์ – เอส วรฤทธิ์

นักแสดงก็น่าสนใจ จูดี้บอกว่ารับบทนี้เพราะตรงกับชีวิตจริงบางส่วน เธอต้องเตรียมตัวโดยศึกษาความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธรักซ้ำๆ ป๊อปก็ต้องเล่นเป็นหนุ่มตรงที่เห็นใจเพื่อน LGBTQ+ แต่ไม่รักแบบโรแมนติก กิ๊ฟ สิรินาถ เล่นต้นข้าวก็ต้องแสดงความหึงหวงแบบสมจริง ทีมงานบอกว่ามีฉากยากๆ อย่างฉากทะเลาะกัน ที่ถ่ายหลายเทคเพราะอารมณ์ต้องเป๊ะ โดยรวมกองถ่ายใช้เวลาไม่นานเพราะเป็นซีรีส์สั้น แต่ทุกคนทุ่มเทมาก จนออกอากาศแล้ว views พุ่งเกิน 40K ต่อ EP บน YouTube. มี highlight คลิปเบื้องหลังบนช่อง one31 ด้วยนะ ใครอยากดูเพิ่ม ลองเสิร์ชเลย

เรื่องนี้มันเจ๋งตรงที่ทีมงานมือโปรทำให้เรื่องจริงกลายเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วอิน

นักแสดง

→ จูดี้ จารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์ รับบท นานา

jpg
จูดี้ จารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์

สาว LGBTQ+ ที่ทำงานเป็นสไตลิสต์ในกองถ่ายละคร เธอมีบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งมาก ทั้งทางกายและใจ เหมือนนักรบที่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ นานาเป็นคนอึด บึก ถึก ทนทานสุดขีด เธอตกหลุมรักพอร์ช หนุ่มหล่อที่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ และถูกเขาปฏิเสธความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยประโยคที่เจ็บปวดอย่าง ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว แต่แทนที่จะเศร้าและถอย นานากลับยึดมั่นในความเชื่อว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เธอคิดว่าสักวันเขาจะใจอ่อนและตอบรับรักเธอได้ เธอจึงสร้างสถานการณ์ต่างๆ นานาเพื่อเข้าไปพัวพันในชีวิตของพอร์ช ไม่ว่าจะช่วยงานในกองถ่าย อยู่เคียงข้างตอนเขาลำบาก หรือแม้แต่ช่วยแก้ปัญหาส่วนตัว เธอยอมทำทุกอย่างแบบถวายตัวและหัวใจ โดยไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทนมากนัก จนในที่สุดพอร์ชเริ่มเห็นใจ รู้สึกดี และคุ้นเคยกับการมีเธออยู่ในชีวิต เขาถึงขั้นมองเธอเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ และตั้งกฎเกณฑ์ว่าผู้หญิงคนไหนที่จะมาเป็นแฟนเขาต้องรักนานาด้วยไม่งั้นไม่ผ่าน

แต่เบื้องลึกของคาแรคเตอร์นี้ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งอย่างเดียว นานามีด้านเปราะบางที่ซ่อนไว้ เธอเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธแต่เลือกที่จะกลบเกลื่อนด้วยการตื้อต่อไป มันสะท้อนถึงคนที่คลั่งรักแบบไม่ลืมหูลืมตา คิดว่าความพยายามจะชนะทุกอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงและรักตัวเองมากขึ้น จูดี้ จารุกิตติ์ เล่นบทนี้ได้อย่างเข้าถึง เธอถ่ายทอดความแกร่งผสมความอ่อนโยนออกมาได้สมจริง ทำให้คนดูเอ็นดู สงสาร และเชียร์เธอไปพร้อมๆ กัน ตัวละครนี้ยังเป็นตัวแทนของชุมชน LGBTQ+ ในสังคมไทย ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในความรักโดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคทางเพศสภาพ มันทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีมิติลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว นานาไม่ใช่แค่ตัวเอกที่ตื้อรัก แต่เธอคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อหัวใจที่อาจนำไปสู่การเติบโตส่วนตัว

ฉายา ลูกตื๊อตัวแม่
นานาได้รับฉายานี้เพราะเธอคือตัวแทนของการตื้อรักแบบสุดโต่งที่ไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธกี่ครั้ง เธอก็ยังคงเดินหน้าต่อด้วยความเชื่อมั่นว่าความพยายามจะพิชิตทุกอย่าง เธอสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเข้าใกล้พอร์ช เช่น ช่วยงานส่วนตัว อยู่เคียงข้างตอนลำบาก หรือแม้แต่ยอมเสียสละเงินทองและเวลาเพื่อแก้ปัญหาให้เขา มันไม่ใช่แค่การตื้อแบบผิวเผิน แต่เป็นการทุ่มเทแบบถวายหัวใจ ทำให้คนดูเห็นถึงความจริงใจที่ซ่อนอยู่ใต้ความดื้อรั้นนี้ ฉายานี้ยังสะท้อนถึงด้านบวกของเธอที่เป็นคนมุ่งมั่นและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง แต่ก็มีด้านลบที่อาจทำให้เธอเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น จูดี้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ฉายานี้ติดปากแฟนซีรีส์หลายคน มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนที่คลั่งรักแบบไม่สนใจอุปสรรค แต่สุดท้ายก็สอนให้เห็นว่าการตื้อต้องมีขอบเขตเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหาย

ข้อคิด ความตื้ออาจครองโลกแต่ไม่ครองใจ
ข้อคิดนี้มาจากการเดินทางของนานาที่ตื้อพอร์ชแบบสุดทางแต่สุดท้ายก็ไม่ได้หัวใจเขา มันสอนว่าความพยายามในความรักเป็นเรื่องดี แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกเหมือนกัน การตื้อมากไปอาจกลายเป็นการหลอกตัวเองและทำให้เจ็บปวดยาวนาน นานาเริ่มต้นด้วยความเชื่อว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก แต่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เธอได้เรียนรู้ว่านิยามจริงๆ คืออาจครองโลกแต่ไม่ได้ครองใจ มันทำให้คนดูคิดถึงความรักในชีวิตจริงว่าต้องเคารพความรู้สึกของอีกฝ่าย ไม่ใช่บังคับให้ใจอ่อนด้วยการทุ่มเทฝ่ายเดียว ข้อคิดนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการเติบโตส่วนตัว นานาเปลี่ยนจากคนคลั่งรักมาเป็นคนที่ยอมรับความจริงและรักตัวเองมากขึ้น มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกคนที่เคยตื้อรักแบบไม่ยอมหยุด ว่าบางครั้งการปล่อยวางอาจนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงมากกว่า

→ ป๊อป ภัทรพล วัลลภศิริ รับบท พอร์ช

ป๊อป ภัทรพล วัลลภศิริ

หนุ่มหล่อที่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการบันเทิง เขามีบุคลิกภาพที่สุภาพ ใจดี และตรงไปตรงมา เหมือนเทพบุตรที่ใครๆ ก็หลงรัก แต่ก็มีด้านที่ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง พอร์ชถูกนานา สไตลิสต์สาว LGBTQ+ ตื้อรักแบบสุดโต่ง เธอสารภาพรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาปฏิเสธทุกครั้งด้วยประโยคที่เจ็บปวดอย่าง ถ้าแกเป็นผู้หญิง เราก็คงชอบแกไปแล้ว มันสะท้อนว่าเขาเป็นคนตรงเพศสภาพและไม่ยอมหลอกตัวเองหรืออีกฝ่าย แต่แทนที่จะไล่เธอไป พอร์ชกลับเริ่มเห็นใจความจริงใจของนานา เขาให้โอกาสเธอเข้าใกล้ ปล่อยให้เธอช่วยงานในกองถ่าย แก้ปัญหาส่วนตัว และอยู่เคียงข้างตอนเขาท้อแท้จากงานที่ไม่รุ่งรื่มหรือปัญหาหนี้สิน ค่อยๆ คุ้นเคยกับการมีเธอในชีวิต จนมองเธอเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ ถึงขั้นตั้งกฎเกณฑ์ว่าแฟนคนไหนของเขาต้องรักนานาด้วยไม่งั้นไม่ผ่าน มันแสดงให้เห็นพัฒนาการจากคนที่เย็นชาไปสู่คนที่ให้คุณค่ากับมิตรภาพแท้จริง

พอร์ชมีแฟนสาวชื่อต้นข้าวที่เป็นผู้หญิงตรงสเปก แต่ความสัมพันธ์ก็สะดุดเพราะดราม่าจากการตื้อของนานา ทำให้เขาเกิดปากเสียงและต้องตัดสินใจระหว่างความรักกับมิตรภาพ เบื้องลึกของคาแรคเตอร์นี้คือความขัดแย้งภายใน เขาชอบความจริงใจของนานาแต่ไม่สามารถรักเธอแบบโรแมนติกได้ มันสะท้อนถึงผู้ชายในสังคมที่ต้องจัดการกับความรู้สึกซับซ้อน ป๊อป ภัทรพล เล่นบทนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถ่ายทอดความหล่อผสมความอ่อนโยนออกมา ทำให้คนดูเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเขา ตัวละครนี้ยังเป็นตัวแทนของการยอมรับความแตกต่างทางเพศสภาพในมิตรภาพ โดยรวมแล้ว พอร์ชไม่ใช่แค่เป้าหมายรัก แต่เขาเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตผ่านความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิด ทำให้ซีรีส์มีมิติทางอารมณ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ฉายา เทพบุตรใจดี
พอร์ชได้รับฉายานี้เพราะเขามีรูปลักษณ์หล่อเหลาเหมือนเทพบุตรที่ลงมาจากสวรรค์ ผสมกับนิสัยใจดีที่ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือจากนานาแบบเด็ดขาด แม้จะปฏิเสธรักเธอซ้ำๆ แต่เขาก็ยังให้โอกาสเธออยู่เคียงข้าง ช่วยให้เธอเข้าไปพัวพันในชีวิตส่วนตัว เช่น ปล่อยให้เธอช่วยงานกองถ่ายหรือแก้ปัญหาหนี้สิน มันไม่ใช่แค่ความใจดีผิวเผิน แต่เป็นการเห็นคุณค่าความจริงใจ ทำให้เขาค่อยๆ เปิดใจและมองเธอเป็นเพื่อนสนิท จนตั้งกฎว่าแฟนต้องรักนานาด้วย ฉายานี้ยังสะท้อนด้านบวกของเขาที่สุภาพและเข้าใจคนอื่น แต่ก็มีด้านลบที่อาจทำให้คนตื้ออย่างนานาเข้าใจผิดคิดว่ามีหวัง ป๊อปถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ทำให้ฉายานี้กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่แฟนซีรีส์ มันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่หล่อทั้งกายและใจ แต่ต้องเรียนรู้ขอบเขตในความสัมพันธ์เพื่อไม่ให้ใครเจ็บปวด

ข้อคิด มิตรภาพแท้จริงมีค่ามากกว่าความรักที่ฝืนใจ
ข้อคิดนี้มาจากพัฒนาการของพอร์ชที่เริ่มจากปฏิเสธนานาแต่ค่อยๆ ยอมรับเธอในฐานะเพื่อนสนิท มันสอนว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องเป็นรักโรแมนติกเสมอไป แต่มิตรภาพที่จริงใจสามารถเติมเต็มชีวิตได้มากกว่า พอร์ชเห็นใจความทุ่มเทของนานา จนคุ้นเคยและตั้งกฎปกป้องเธอจากแฟนของตัวเอง แต่เขาไม่เคยฝืนใจตัวเองให้รักเธอแบบคนรัก มันทำให้คนดูคิดถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงว่าบางครั้งการยอมรับขอบเขตและให้คุณค่ากับมิตรภาพจะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนมากกว่าการพยายามเปลี่ยนแปลงความรู้สึก ข้อคิดนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการเคารพตัวเองและคนอื่น พอร์ชเปลี่ยนจากคนเย็นชาไปสู่คนที่เข้าใจคุณค่าของเพื่อน ทำให้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนที่เคยสับสนระหว่างมิตรภาพกับความรัก ว่าการเลือกสิ่งที่เหมาะสมจะช่วยหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น

→ กิ๊ฟ สิรินาถ สุคันธรัต รับบท ต้นข้าว

q327706b2wID0crKP2YM o
กิ๊ฟ สิรินาถ สุคันธรัต

หญิงสาวสวยที่เป็นแฟนของพอร์ช เธอมีบุคลิกภาพตรงไปตรงมา มั่นใจในตัวเอง และปกป้องความสัมพันธ์อย่างสุดตัว ต้นข้าวปรากฏตัวครั้งแรกในผับที่พอร์ชและนานาไปสังสรรค์ เธอตกหลุมรักพอร์ชตั้งแต่แรกเห็นเพราะความหล่อและเสน่ห์ของเขา จึงใช้อุบายเล็กน้อยเพื่อให้พอร์ชไปส่งเธอที่บ้าน ทำให้ทั้งสองเริ่มสนิทสนมและตกลงคบหาเป็นแฟนกันอย่างรวดเร็ว เธอเป็นผู้หญิงที่สเปกตรงกับพอร์ช คือสวย น่ารัก และเป็นผู้หญิงแท้ๆ ซึ่งต่างจากนานาที่เป็น LGBTQ+ และตื้อพอร์ชแบบไม่ลดละ การมีอยู่ของต้นข้าวจึงกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับนานา และในทางกลับกัน ต้นข้าวก็มองว่านานาคือตัวปัญหาที่เข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ของเธอกับพอร์ช เธอหึงหวงอย่างรุนแรงเมื่อเห็นนานาเข้าใกล้พอร์ช ช่วยเหลือเขาในเรื่องงานหรือปัญหาส่วนตัว จนเกิดดราม่าปะทะกันหลายครั้ง เช่น ทะเลาะกับพอร์ชเรื่องกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ว่าแฟนต้องรักนานาด้วยไม่งั้นไม่ผ่าน มันทำให้เธอรู้สึกถูกคุกคามและไม่มั่นใจในความรัก

เบื้องลึกของคาแรคเตอร์นี้คือความเปราะบางใต้เปลือกนอกที่แข็งแกร่ง เธอรักพอร์ชจริงแต่กลัวเสียเขาไป จึงแสดงออกด้วยความหึงหวงที่บางครั้งเกินพอดี ทำให้เกิดปากเสียงและความขัดแย้งในเรื่อง ต้นข้าวยังเป็นตัวเร่งให้พอร์ชต้องตัดสินใจระหว่างมิตรภาพกับนานาและความรักกับเธอ ซึ่งนำไปสู่พัฒนาการที่เธออาจต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่างและเข้าใจว่าความรักไม่ใช่การครอบครองแต่เพียงผู้เดียว กิ๊ฟ สิรินาถ เล่นบทนี้ได้อย่างเข้าถึง ถ่ายทอดความสวยผสมความดุเดือดออกมา ทำให้คนดูทั้งเอ็นดูและหมั่นไส้เธอไปพร้อมๆ กัน ตัวละครนี้ยังสะท้อนถึงผู้หญิงในสังคมที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งในความรัก โดยรวมแล้ว ต้นข้าวไม่ใช่แค่วายร้ายในเรื่อง แต่เธอคือสัญลักษณ์ของความหึงหวงที่ทำให้ซีรีส์มีมิติทางอารมณ์เข้มข้นยิ่งขึ้น

ฉายา สาวหึงจุดเดือด
ต้นข้าวได้รับฉายานี้เพราะเธอคือตัวแทนของความหึงหวงที่รุนแรงจนจุดประกายดราม่าในเรื่อง เธอหึงพอร์ชแบบไม่ไว้หน้าใคร โดยเฉพาะกับนานาที่ตื้อเข้ามาใกล้ชิด เธอเห็นนานาเป็นศัตรูหัวใจและพยายามปกป้องความสัมพันธ์โดยการทะเลาะหรือตั้งแง่กับพอร์ชเมื่อเขาปกป้องนานา มันไม่ใช่แค่หึงแบบธรรมดา แต่เป็นการแสดงออกที่เดือดพล่าน เช่น เกิดปากเสียงใหญ่โตเรื่องกฎที่พอร์ชตั้งไว้ว่าแฟนต้องรักนานา ฉายานี้สะท้อนด้านบวกของเธอที่รักจริงและมุ่งมั่นปกป้องคนรัก แต่ก็มีด้านลบที่อาจทำให้ความสัมพันธ์สะดุดเพราะขาดความเข้าใจ เธอใช้อุบายตั้งแต่แรกเพื่อให้พอร์ชสนใจ แต่เมื่อมีคู่แข่ง เธอก็จุดเดือดทันที ทำให้คนดูเห็นถึงความจริงใจผสมความดื้อรั้น กิ๊ฟถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง ทำให้ฉายานี้กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่แฟนซีรีส์ มันเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่หึงหวงเพื่อรักษาความรัก แต่ต้องเรียนรู้ขอบเขตเพื่อไม่ให้กลายเป็นพิษต่อตัวเองและคนรัก

ข้อคิด ความหึงหวงต้องมีขอบเขตเพื่อไม่ทำลายความสัมพันธ์
ข้อคิดนี้มาจากพฤติกรรมของต้นข้าวที่หึงพอร์ชอย่างรุนแรงจนนำไปสู่ความขัดแย้ง มันสอนว่าความหึงเป็นส่วนหนึ่งของความรัก แต่ถ้าเกินพอดีอาจกลายเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์แทนที่จะปกป้อง ต้นข้าวเริ่มจากรักพอร์ชจริงและใช้อุบายเพื่อคบกัน แต่เมื่อเห็นนานาตื้อเข้ามา เธอหึงหวงจนทะเลาะใหญ่โต ทำให้พอร์ชเครียดและต้องเลือกข้าง มันทำให้คนดูคิดถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงว่าการหึงต้องมาพร้อมความไว้วางใจและการสื่อสารที่ดี ไม่ใช่การครอบครองหรือตั้งแง่กับคนอื่น ข้อคิดนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการเติบโต ต้นข้าวอาจเรียนรู้ที่จะยอมรับมิตรภาพของพอร์ชกับนานา ทำให้ความรักยั่งยืนมากขึ้น มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกคนที่เคยหึงหวงแบบจุดเดือด ว่าการควบคุมอารมณ์และเข้าใจอีกฝ่ายจะช่วยหลีกเลี่ยงการสูญเสียคนที่รักโดยไม่จำเป็น


“ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” ในปี 2568 มันคือเรื่องราวความรักแบบตื้อๆ ที่สร้างจากเรื่องจริง สะท้อนบทเรียนว่าตื้อมากไปอาจไม่ได้ครองใจ แต่ถ้ามีภาค 2 ล่ะ จะเป็นยังไง ภาคต่อนี้จะต่อยอดจากตอนจบที่ นานาเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง พอร์ชยังคงเป็นเพื่อนสนิท และต้นข้าวกับพอร์ชยังคบกัน แต่เพิ่มดราม่าใหม่ๆ เข้ามาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น มาดูกันว่าถ้ามีภาค 2 ชื่อว่า “ตื๊ออีกครั้ง…เพื่อครองใจตัวเอง” มันจะเป็นยังไงบ้าง

หลังจากตอนจบภาคแรกที่นานา (จูดี้ จารุกิตติ์) ยอมรับความจริงว่าความตื้อไม่สามารถครองใจพอร์ช (ป๊อป ภัทรพล) ได้ เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเปิดร้านสไตลิสต์ของตัวเอง ชื่อ “Tua Tao Studio” ที่เน้นบริการให้กับชุมชน LGBTQ+ และคนที่ต้องการความมั่นใจในตัวเอง นานากลายเป็นสาวแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เธอพบกับเพื่อนใหม่ๆ และเริ่มสนใจในความรักแบบใหม่ที่ไม่ต้องตื้อ แต่แล้วดราม่าก็เกิดขึ้นเมื่อพอร์ชกลับเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง คราวนี้พอร์ชประสบปัญหาใหญ่ในวงการบันเทิง เขาถูกข่าวลือว่ามีความสัมพันธ์ลับๆ กับดาราหญิงคนอื่น ทำให้ต้นข้าว (กิ๊ฟ สิรินาถ) หึงหวงและทะเลาะกันหนักจนเกือบเลิก พอร์ชจึงหันมาขอความช่วยเหลือจากนานาในฐานะเพื่อนสนิทคนเดิม เธอช่วยเคลียร์ข่าวลือด้วย connection ในวงการ แต่การเข้าใกล้กันอีกครั้งทำให้นานาเริ่มสับสนกับความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยตื้อเขา

ในขณะเดียวกัน ต้นข้าวไม่ได้นั่งเฉย เธอพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้ามาช่วยงานในสตูดิโอของนานา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอสามารถรักนานาได้ตามกฎเกณฑ์ที่พอร์ชเคยตั้งไว้ แต่เบื้องหลังต้นข้าวซ่อนความไม่มั่นใจ เธอเริ่มสงสัยว่าพอร์ชยังมีใจให้นานาอยู่หรือเปล่า นำไปสู่ดราม่าความหึงหวงรอบใหม่ที่เข้มข้นกว่าเดิม เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาอย่าง “ฟ้า” (สมมติรับบทโดยนักแสดงสาวหน้าใหม่) เพื่อนร่วมงานของนานาที่ตกหลุมรักเธอแบบเงียบๆ และพยายามตื้อนานาในแบบที่สุภาพกว่า ทำให้เกิดสามเหลี่ยมความรักแบบใหม่ นานาต้องเลือกระหว่างความรู้สึกเก่ากับพอร์ช ความมั่นคงกับต้นข้าวในฐานะเพื่อน และความรักสดใสจากฟ้า